• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Hanako5

#10621


วันนี้ (5 ก.ย.) กลุ่มตัวแทนภาคประชาชนที่เห็นความสำคัญของต้นไม้ในเมือง ประกอบด้วย กลุ่มเครือข่ายต้นไม้ในเมือง ,กลุ่มบิ๊กทรี ,สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทยและสมาคมรุกขกรรมไทย นำโดย น.ส.ช่อผกา วิริยานนท์ ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายต้นไม้ในเมือง และนายนำชัย แสนสุภา นายกสมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย ได้ประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเมืองพัทยา

เพื่อหาทางออกในการรักษาธรรมชาติบนชายหาดเมืองพัทยา จากโครงการปรับภูมิทัศน์ชายหาดพัทยา ก่อนร่วมเดินทางลงพื้นที่เพื่อดูสภาพความเป็นจริงบริเวณชายหาดพัทยา

โดย น.ส.ช่อผกา วิริยานนท์ ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายต้นไม้ในเมือง เผยว่าจากกระแสข่าวการตัดต้นหูกวางบริเวณชายหาดพัทยา เพื่อปลูกต้นอินทผาลัมและต้นปล์าม ทดแทนจนทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจในโลกสังคมออนไลนื และเกิดการต่อต้านจากกลุ่มตัวแทนภาคประชาชนทำให้กลุ่มประชาชนที่เห็นความสำคัญของต้นไม้ต้องเดินทางดูพื้นที่จริง



จนได้ข้อสรุปว่า อาจมีการเข้าใจผิดด้านการสื่อสารโดยเฉพาะเรื่องการตัดต้นไม้ ซึ่งเมืองพัทยา ยืนยันว่าจะไม่มีการตัดต้นไม้เก่าออก ซึ่งทางเครือข่ายฯ ได้เสนอแนวทางการจัดการต้นไม้ในเมืองใหม่ทั้งระบบ ด้วยการนำศาสตร์รุกขกรรมเข้ามาจัดการตั้งแต่กระบวนการก่อสร้างที่จะไม่ทำให้ต้นไม้เสียสุขภาพ

รวมทั้งการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างและการเลือกใช้วัสดุเพื่อรักษาชีวิตต้นไม้ และการจัดอบรมผู้บริหารและผู้ปฏิบัติการให้รู้วิธีการดูแลต้นไม้ รวมทั้งการดูแลรากต้นไม้เพื่อฟื้นฟูสุขภาพต้นไม้เก่าบริเวณชายหาดพัทยา

" ซึ่งหลักการดังกล่าว เมืองพัทยา พร้อมรับและหลังจากนี้ 1 เดือนจะมีการลงรายละเอียดเพื่อให้ได้วิธีปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลง" น.ส.ช่อผกา กล่าว

ขณะที่ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เผยว่าที่ผ่านมา เมืองพัทยา อาจดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยไม่มองให้ลึกถึงศาสตร์รุกขกรรมที่จะทำให้การพัฒนาและการรักษาธรรมชาติเป็นไปตามเป้าหมายของการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในโครงการ EEC

โดยเฉพาะการปรับปรุงและพัฒนาชายหาดพัทยาเพื่อให้เป็นพื้นที่พักผ่อน กีฬา และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ จะต้องมีการผสมผสาน ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเริ่มสร้างความรู้ในการดูแลต้นไม้ในระดับผู้บริหารไปจนถึงผู้ปฏิบัติ ทั้งในส่วนของต้นไม้รวมไปถึงต้นไม้ประจำถิ่น อาทิ ต้นเกศ และต้นนนทรี ที่จะไม่มีการตัดแต่อย่างใด

ส่วนต้นหูกวาง อาจจำเป็นต้องตัดและล้อมย้ายบ้างเพื่อให้มีการปลูกต้นใหม่เพิ่ม แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าต้นไม้เก่าจะยังคงเก็บรักษาไว้ให้ได้มากกว่า 75%
#10622
สนใจติดต่อคุณเป้ง  087-347-6299
บริษัท  สบายใจการบัญชี  จำกัด

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#10624


เพชรบุรี - หาดชะอำคึกคัก! หลังประกาศคลายล็อก นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ แห่ลงเล่นน้ำทะเลและพักผ่อนริมชายหาด ทำให้ในช่วงวันหยุด บรรยากาศบริเวณชายหาดชะอำแลดูมีสีสันและชีวิตชีวาอีกครั้ง

วันนี้ (5 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากจังหวัดเพชรบุรีซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ได้มีการประกาศคลายล็อก เริ่มตั่งแต่วันที่ 1ก.ย.เป็นต้นไป วันนี้พบบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ชายหาดชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี สถานที่ท่องเที่ยว และพักผ่อนยอดฮิตริมทะเลของ จ.เพชรบุรี ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ จำนวนมาก เพื่อมาพักผ่อนเล่นน้ำทะเลดับร้อน พร้อมกับมานั่งรับประทานอาหารริมชายหาด ทำให้ในช่วงวันหยุด บรรยากาศบริเวณชายหาดชะอำแลดูมีสีสัน โดยส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว และหมู่คณะ ตลอดแนวชายหาดชะอำจึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ

ขณะที่ด้านชายหาดบ้านบางเกตุ ม.7 ต.บางเกตุ อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน กางเต็นท์ ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว พบมีนักท่องเที่ยวต่างพาครอบครัว มานั่งพักผ่อนทานอาหาร กางเต็นท์พักแรมริมชายหาด เพื่อรับทะเลและบรรยากาศยามค่ำคืน ถ้ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมากางเต็นท์พักผ่อน ในพื้นที่ จะต้องมีการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ ลงประวัติว่าเดินทางมาจากจังหวัดอะไร ขอเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ มาทั้งหมดกี่คน

พร้อมทั้งจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในจำนวนที่ไม่เยอะจนเกินไป เพื่อลดความแออัดนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบ หลังเวลา 20.00 น.ขอให้นักท่องเที่ยวงดใช้เสียง และหลังเวลา 21.00 น. ห้ามนักท่องเที่ยวออกนอกพื้นที่ชายหาดเด็ดขาด เนื่องจากนี้ยังมีประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา 21:00 น.- ถึง 04:00 น.ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี

เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ซึ่งชุมชนบ้านบางเกตุ ได้ดำเนินมาตรการควบคุม ป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด 19 แก่นักท่องเที่ยวทุกรายที่เข้าใช้บริการ ตามข้อกำหนดของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพชรบุรี คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนที่ชายหาดชะอำ และหาดบางเกตุกันอย่างต่อเนื่องหลังคลายล็อก
#10625


แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน นักแข่งรถสูตรหนึ่งชาวดัตช์ เรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ที่มาเชียร์ในโฮมเรซของตัวเองได้กระหึ่ม หลังทำเวลาเร็วสุดในรอบควอลิฟาย จนได้ออกสตาร์ทจากกริดแรกของศึก ดัตช์ กรังด์ ปรีซ์ สุดสัปดาห์นี้

ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก สนามที่ 13 ของปี รายการ ดัตช์ กรังด์ ปรีซ์ ณ สนาม แซนด์ฟอร์ด ประเทศเนเธอร์แลนด์ส โดยวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นรอบควอลิฟาย จัดกริดสตาร์ทให้นักแข่งทุกทีมก่อนชิงชนะเลิศ

ปรากฏว่า แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน นักขับหนุ่มค่าย เรด บูลล์ เรซซิ่ง และเจ้าถิ่น ออกมากดเวลาต่อรอบได้เร็วสุด 1 นาที 08.885 วินาที ก่อนได้ออกสตาร์ทตำแหน่ง โพล โพซิชัน เป็นครั้งที่ 7 ของตัวเองในซีซั่นนี้

เวลาของ เวอร์สแตพเพน เฉือนกับเวลาของ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกรุ่นพี่ค่าย เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ที่ 0.038 วินาที จนทำให้ แฮมิลตัน ได้กริดสตาร์ทที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 คือ วอล์ตเตรี บ็อตทาส เพื่อนร่วมทีม 'ซิลเวอร์ แอร์โรว์ส'

สำหรับรอบชิงชนะเลิศรายการ ดัตช์ กรังด์ ปรีซ์ จะมีขึ้นวันที่ 5 กันยายนนี้ เวลา 20.10น. ของเมืองไทย
#10626


วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ กรมควบคุมโรค จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 และประสิทธิผลวัคซีนโควิด 19 ในประเทศไทย โดยนายแพทย์โอภาสกล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยติดเชื้อเพิ่มขึ้น 15,942 ราย เสียชีวิต 257 ราย แนวโน้มอยู่ในช่วงลดลง โดยเฉพาะภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ยังต้องจัดระบบเฝ้าระวัง สอบสวนโรค ค้นหาผู้ป่วย ติดตามคนจากพื้นที่เสี่ยง ประชาชนเข้มมาตรการป้องกันส่วนบุคคลสูงสุดทุกที่ทุกเวลา แม้จะมีการผ่อนคลายเปิดกิจการกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจ และขอให้ไปรับวัคซีนตามที่กำหนดจะช่วยควบคุมสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวันที่ 3 กันยายน ฉีดวัคซีนได้ 925,627 โดส ถือว่าสูงที่สุด สะสม 35.2 ล้านโดส เป็นเข็มแรก 24.9 ล้านคน คิดเป็น 34% ของประชากร โดยกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดแล้ว 47.5% หลายจังหวัดเกือบถึงเป้าหมาย 70%

"กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า การจัดซื้อจัดหาวัคซีนทุกชนิดมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล มีความโปร่งใสและไม่มีเรื่องเงินทอน เนื่องจากการส่งวัคซีนของจีนทุกครั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลกลางจีน ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องคอร์รัปชัน เช่นเดียวกับไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้าที่เป็นบริษัทระดับโลก หากมีเรื่องเงินทอนจริงคงไม่นิ่งเฉย และขออย่าด้อยค่าวัคซีนจนหลายคนกลัวไม่ไปฉีดโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ทำให้หลายคนต้องเสียชีวิตก่อนรับวัคซีน ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนที่ผ่านมายังไม่มีรายใดเสียชีวิตจากวัคซีนโดยตรง ขอให้ไปรับวัคซีนตามที่กำหนด" นายแพทย์โอภาสกล่าว

นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า การเจรจาจัดหาวัคซีนทุกตัวดำเนินการตั้งแต่ยังวิจัยไม่สำเร็จ การลงนามในสัญญาจึงไม่ใช่สัญญาตามแบบปกติ แต่ทั้งหมดทำตามกฎหมาย มีการปรึกษาสำนักงานอัยการสูงสุด และผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้งบในการซื้อทุกครั้ง ส่วนเรื่องราคาวัคซีนที่ประเทศไทยจัดซื้อมานั้น วัคซีนซิโนแวค ซื้อครั้งแรกในราคา 17 เหรียญต่อโดส แต่เมื่อมีการซื้อจำนวนมากต่อเนื่องราคาจึงลงมาอยู่ที่ราว 9 เหรียญ เมื่อเทียบกับวัคซีนเชื้อตายเหมือนกัน ราคาถูกกว่า 50% วัคซีนไฟเซอร์ก็ซื้อได้ถูกกว่า 50% เมื่อเทียบกับอีกบริษัท ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าราคาถูกกว่าวัคซีนทุกชนิดที่จัดหาได้ในประเทศ

ด้าน นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่รับนักท่องเที่ยวเข้ามาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ข้อมูลถึงวันที่ 2 กันยายน 2564 มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 27,216 คน ซึ่งทั้งหมดต้องฉีดวัคซีนโควิด 19 ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่มากับผู้ปกครอง มีการตรวจหาเชื้อตั้งแต่วันแรกที่มาถึงและตรวจซ้ำอีก 2 ครั้ง พบผู้ติดเชื้อ 85 ราย คิดเป็น 0.31% ส่วนใหญ่ตรวจพบเชื้อใน 7 วันแรก ไม่มีอาการหรืออาการน้อย คนที่มีอาการรับการรักษาจนหายแล้ว 20 ราย ผู้ที่ติดเชื้อมีประวัติรับวัคซีนโควิดในทุกตัวที่ประเทศไทยกำหนด แสดงว่าไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใด ฉีดแล้วก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ทั้งโควิชิลด์ แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไฟเซอร์ ซิโนฟาร์ม และโมเดอร์นา แต่ไม่มีใครป่วยรุนแรง และไม่เกิดปัญหาการแพร่เชื้อคนในพื้นที่และไม่กระทบระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข แม้ในภูเก็ตจะมีการติดเชื้อในพื้นที่ แต่ยังอยู่ในขีดความสามารถดูแลผู้ติดเชื้อได้ในทุกระดับอาการมากกว่า 28%

ส่วนคนเสียชีวิตจากโควิดใน จ.ภูเก็ต ช่วงเดือนกรฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา มี 12 ราย พบว่า 11 รายไม่ได้ฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่เป็นสูงอายุและมีโรคประจำตัว อีก 1 รายรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม จะเห็นว่าคนภูเก็ตที่ส่วนใหญ่ฉีดวิโนแวค 2 เข็มไม่มีผู้เสียชีวิตเลย ซึ่งเป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคจากโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ว่ามีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีรายงานการศึกษาพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ 90.5%ในสมุทรสาครช่วงเดือนมีนาคมที่เป็นสายพันธุ์จี และ 90.7% ใน กทม.และปริมณฑลช่วงเมษายน-พฤษาคมที่เป็นสายพันธุ์อัลฟา และบุคลากรทางการแพทย์ จ.เชียงราย ช่วงมิถุนายนที่เป็นสายพันธุ์อัลฟา 82.8% ต่อมามีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ทำให้ปรับเป็นการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าห่างกัน 3 สัปดาห์ ตั้งแต่กรกฎาคมเป็นต้นมา ฉีดสูตรนี้แล้วมากกว่า 2.5 ล้านคน มีผู้ติดโควิดเสียชีวิต 1 ราย อัตราเสียชีวิตถือว่าต่ำมาก (เท่ากับ 0.4 รายต่อล้านคน) เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งพบว่า 1 ล้านคน เสียชีวิตจากโควิด 132 คน ดังนั้น จากข้อมูลซิโนแวค 2 เข็มในภูเก็ตและสูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า จึงสรุปได้ว่าวัคซีนนี้มีประโยชน์อย่างมากในระยะนี้ที่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา

นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า ส่วนแผนการจัดหาวัคซีนนั้น คาดว่าภายในสิ้นเดือนกันยายนมีวัคซีนมากกว่า 15 ล้านโดส จากซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 7.3 ล้านโดส ซึ่งอาจได้มากถึง 8 ล้านโดส และไฟเซอร์ 2 ล้านโดส ส่วนตุลาคมมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเพิ่มเป็น 10 ล้านโดส ไฟเซอร์ 8 ล้านโดส และซิโนแวค 6 ล้านโดส รวมเป็น 24 ล้านโดส ขณะที่เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม มีเดือนละ 23 ล้านโดส เป็นแอสตร้าเซนเนก้าเดือนละ 13 ล้านโดส และไฟเซอร์เดือนละ 10 ล้านโดส จึงเป็นที่มาของการไม่ได้สั่งเพิ่มซิโนแวคในช่วงนั้น แต่สถานการณ์มีความไม่แน่นอน เช่น การส่งมอบวัคซีน หรือความจำเป็นของการฉีดวัคซีนในเด็กเมื่อมีผลการศึกษาแล้ว ซึ่งวัคซีนเชื้อตายยังเป็นวัคซีนที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อเทียบผลข้างเคียงและประโยชน์ที่ได้รับ ก็มีโอกาสที่จะต้องสั่งเข้ามาเพิ่มตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยบริหารจัดการวัคซีนให้สอดคล้องกับจำนวนที่ได้รับในแต่ละเดือน เพื่อให้การฉีดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
#10628
สนใจติดต่อคุณเป้ง  087-347-6299
บริษัท  สบายใจการบัญชี  จำกัด

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#10629
บริษัทขายส่งอุปกรณ์กีฬา  | ขายส่งอุปกรณ์กีฬา.comบริษัท มีดี สปอร์ต จำกัด เป็นบริษัทขายส่งอุปกรณ์กีฬา ในนาม www.ขายส่งอุปกรณ์กีฬา.com ในวงการการค้ากีฬา เนื่องจากสินค้ามีคุณภาพ สามารถขายอุปกรณ์กีฬาได้แทบทุกชนิด และได้รับการยกย่องจากบุคคลภายนอก และหน่วยงานราชการในการสนับสนุนสถาบันและกิจกรรมเกี่ยวกับกีฬาอย่างสม่ำเสมอ การเป็นผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง และผู้จัดจำหน่ายนั้น ทำให้ มีดี สปอร์ต ควบคุมคุณภาพสินค้าได้เป็นอย่างดีมาตลอด รวมถึงทำให้บริษัทฯมีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆบริษัทมีดี สปอร์ต โด่งดังในวงการกีฬามานานแล้ว โดยที่นี่ประกอบธุรกิจเครื่องจำหน่ายอุปกรณ์กีฬาแบบครบวงจร และจัดจำหน่าย ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล นอกจากนี้ยังมี www.ขายส่งอุปกรณ์กีฬา.com เป็นศูนย์สรรพสินค้ากีฬาออนไลน์ ดังนั้นหากคุณต้องการหาร้านขายส่งอุปกรณ์กีฬา และ บริษัทขายอุปกรณ์กีฬา ที่ดีที่สุด บริษัทมีดี สปอร์ต จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนโทร. 087-035-6821
อีเมล์ :  medesportmt@gmail.comเว็บไซต์ : www.ขายส่งอุปกรณ์กีฬา.com
https://xn--12cabu5d3b7bl3d0af0dk4b1bzttc.com/
#10630


สเตฟานอส ซิตซิปาส นักเทนนิสมือ 3 ของโลกจากกรีซ กลายเป็นสตาร์ระดับท็อปฝ่ายชายที่ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน หลังแพ้ให้กับนักหวดดาวรุ่งจากสเปน ตกรอบสามศึก แกรนด์ สแลม ยูเอส โอเพน คืนวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา

แมตช์รอบสามของ แกรนด์ สแลม ลำดับสุดท้ายของปีที่สหรัฐอเมริกา ซิตซิปาส เต็ง 3 ของทัวร์นาเมนต์ เจอกับ คาร์ลอส อัลคาราซ มือ 55 ของโลกจากสเปน โดยปรากฏว่าต้องสู้กันอย่างดุเดือดถึง 5 เซต เพื่อหาคนเข้ารอบต่อไป

แล้วเป็นเซอร์ไพรส์เมื่อ อัลคาราซ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมหวดขึ้นนำมือท็อปอย่าง ซิตซิปาส ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ก่อนที่เซตตัดสิน จะรวบรวมพลังสู้กับรุ่นพี่จนถึงไทเบรค แล้วปิดบัญชีชนะไป 3-2 เซต 6-3, 4-6, 7-6 (7/2), 0-6, 7-6 (7/5)

อัลคาราซ วัย 18 ปี กลายเป็นนักหวดอายุน้อยสุดคนแรกในรอบ 32 ปี ที่ผ่านเข้ารอบ 16 คนสุดท้ายที่ ยูเอส โอเพน โดยจะไปดวลกับ ปีเตอร์ โกยอฟซิค มือควอลิฟายจากเยอรมนี เพื่อโอกาสเข้าไปเล่นสัปดาห์ที่สอง

'มันน่าทึ่งเหลือเกิน เป็นความรู้สึกของผมที่เกิดขึ้นตอนนี้ ชัยชนะนี้มีความหมายกับผมมาก นี่คือชัยชนะที่ดีที่สุดของผมเลย การเอาชนะ ซิตซิปาส คือฝันที่เป็นจริง และมันทำให้ทุกสิ่งดูพิเศษมากยิ่งขึ้นสำหรับผม' อัลคาราซ กล่าวอย่างดีใจ
#10631


ส่องภารกิจ 'ดนันท์ สุภัทรพันธุ์' กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)คนใหม่ นับตั้งแต่วันรับตำแหน่ง เมื่อ 17 พ.ค.2564 กับความท้าทายท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่ต้องบริหารงานให้สามารถทำงานได้แบบไม่สะดุดเพื่อบริการทั้งประชาชนและตอบสนองการทำงานกับหน่วยงานรัฐในฐานะรัฐวิสาหกิจของไทยรวมถึงโรดแมปในการบริหารงานเพื่อนำพาไปรษณีย์ไทยก้าวสู่องค์กรดิจิทัล

***ก้าวไปพร้อมกันกับพนักงานและสหภาพฯ
​แม้ว่าก่อนการเข้ารับตำแหน่งของ 'ดนันท์ สุภัทรพันธุ์' นั้นเขาได้รับแรงต้านจากพนักงานและสหภาพแรงงานบ้างไม่มากก็น้อยในข้อสงสัยถึงตัวผู้บริหารที่มาจากคนนอก ทั้งที่จริงแล้วเขาเองไม่ได้ข้ามห้วยมาจากที่อื่นแต่อย่างใด หากเขาเป็นผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดจากบริษัท กสท โทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ซึ่งล่าสุดได้ควบรวมกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)เป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT จึงนับว่าเขาเป็นผู้บริหารที่อยู่ใกล้ชิดกับไปรษณีย์มานาน และไม่ใช่คนอื่นไกลแต่อย่างใด

​'ผมกับสหภาพฯและพนักงานทำงานและมีความเข้าใจกันอย่างดี' ดนันท์ อธิบายพร้อมกล่าวเสริมว่า มีการสื่อสารกับคนไปรษณีย์ไทยผ่านช่องทางการสื่อสารภายใน ทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับนโยบายและทิศทางการดำเนินงานขององค์กร เพื่อสร้างการรับรู้ ทำความเข้าใจร่วมกันและพร้อมก้าวเดินไปพร้อมกัน

​รวมทั้งเปิดกว้างในการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพที่สุด มีการพูดคุยแบบ Liveสด ผ่านช่องทาง Facebook ภายใน โดยเฉพาะกับสหภาพฯนั้น มีการทำงานร่วมกันตลอดทุกหัวข้อ อาทิ ระบบงานการให้บริการ การพัฒนาระบบไอที การดูแลสวัสดิการและขวัญกำลังใจของบุคลากรโดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมมือกันในการขับเคลื่อนงานให้มีประสิทธิภาพสนับสนุนการเติบโตก้าวหน้าของไปรษณีย์ไทย
***การบริหารความท้าทายช่วงโควิด-19 สู่ความเป็นที่ 1 



​'ดนันท์' ยอมรับว่าในช่วงเวลา 100 วันนับจากที่เขาได้รับตำแหน่งนั้น มีความท้าทายที่ต้องเผชิญเฉกเช่นกับองค์กรอื่นๆ นั่นคือ การบริหารงานภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากไปรษณีย์ไทยเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ดังนั้นในฐานะหน่วยงานการสื่อสารและขนส่งของชาติ จึงต้องมีแผนงานการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการกับลูกค้าและประชาชนได้อย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ โดยไปรษณีย์ไทยมุ่งเน้นดูแลลูกค้าและสนับสนุนให้สังคมไทยได้เติบโตขึ้นได้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นปัจจุบัน จึงได้พยายามพัฒนาบริการต่างๆให้มีคุณภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมและดีที่สุดซึ่งหากทำสำเร็จ รายได้การเติบโตรวมถึงการเป็นอันดับหนึ่งในตลาดจะตามมาเอง

​ดังนั้น สิ่งที่ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกคือความปลอดภัยของคนไปรษณีย์ เพราะนั่นคือความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้บริการด้วย หากที่ทำการไปรษณีย์ใดพบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ จะพิจารณาปิดบริการชั่วคราวตามความจำเป็นเพื่อทำความสะอาดพื้นที่ปฏิบัติงานและจัดเจ้าหน้าที่ชุดใหม่มาปฏิบัติงานแทนพร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่เว้นระยะห่างแยกกันรับประทานอาหาร ห้ามจับกลุ่มคุยกันอย่างใกล้ชิด

​นอกจากนี้ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งจะให้บริการเจลล้างมือแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง เคาน์เตอร์มีการทำความสะอาดจุดสัมผัสทุก 20 นาทีเจ้าหน้าที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ตลอดเวลาระหว่างให้บริการ ศูนย์ไปรษณีย์มีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนรถขนส่งและพัสดุทุกชิ้น และสำหรับผู้ใช้บริการที่ไม่ต้องการลงนามรับสิ่งของ สามารถแจ้งให้บุรุษไปรษณีย์บันทึกชื่อ-นามสกุล แทนการลงนามได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ

*** เปิดผลงาน 3 เดือน มุ่งบริการสังคม



สำหรับผลงาน 3 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่งนั้นเพราะในช่วงโควิด-19 จึงได้เห็นผลงานในการช่วยเหลือสังคมเป็นหลักได้แก่ 1.การลดค่าส่ง EMSเพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ พิกัดน้ำหนักตั้งแต่เกิน 2 กิโลกรัมขึ้นไป 2.ส่งผลไม้ราคาเหมาเพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกร ส่งผลไม้สดถึงบ้านในราคาเหมาด้วยบริการ EMS เริ่มที่น้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัมในราคา 50 บาทสูงสุดได้ถึง 20 กิโลกรัม 3.การส่งเสริมให้สินค้าชุมชนและผลไม้ขายออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ให้วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร และพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ รวบรวมสินค้าเกษตรและวิสาหกิจชุมชนที่ใหญ่ที่สุด มีสินค้ามากกว่า 17,000 รายการจากทุกภูมิภาคมีผู้ประกอบการกว่า 6,500 รายที่เข้าร่วมขายสินค้า

​4. การสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของสินค้าและบริการโดยร่วมกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) ยกระดับคุณภาพบรรจุภัณฑ์ตอบโจทย์ยุคโควิด-19 ลดความเสี่ยงในการเกิดความเสื่อมสภาพของสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายในด้วยราคาที่คุ้มค่า คุ้มต้นทุน ช่วยให้ธุรกิจของผู้ประกอบการSMEs ร้านค้าออนไลน์ได้เติบโตขึ้น 5.การผนึกกับ Amazon เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ ผ่านโครงการ 'เคียงคู่ผู้ลงมือทำ 2021'เพื่อส่งเสริมศักยภาพให้กับผู้ประกอบการทุกธุรกิจ โดยนำความแข็งแกร่งด้านการขนส่งระดับชาติ มาผนึกกำลังกับแพลตฟอร์มการซื้อขายระดับโลกที่พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยอย่างAmazon Global Selling Thailand เริ่มต้นจากกิจกรรมการสัมมนาในหัวข้อ 'Made in Thailand สร้างแบรนด์ไทย ส่งไกล ทั่วโลก' เพื่อเพิ่มทักษะให้ผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้สามารถเติบโตได้ในระดับโลกมากขึ้น และเตรียมขยายกิจกรรมเพิ่มเติมอื่นๆ ในระยะยาวต่อไป

​6.การต่อยอดธุรกิจด้วยเครือข่ายให้บริการที่เข้าถึงทุกครัวเรือน ร่วมกับบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)หรือ AIS ในการเพิ่มช่องทางให้บริการและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเติมเงินได้ถึงหน้าบ้านผ่านเครือข่ายบุรุษไปรษณีย์ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือออกไปในพื้นที่ชุมชนได้และ 7.การร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุขในการช่วยเหลือสังคม จัดตั้ง 'ศูนย์พักคอย' รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่เขตหลักสี่กรุงเทพมหานครเพื่อลดวิกฤตเตียงขาดแคลนจากปัญหาผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นจนโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามไม่สามารถรองรับได้ทัน อีกทั้งยังสนับสนุนการขนส่งสิ่งของจำเป็นทางการแพทย์ให้กับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง

***กะเทาะโรดแมปการทำงานกจญ.คนใหม่



​ส่วนโรดแมปหรือแผนการทำงานของกจญ.คนใหม่นี้ 'ดนันท์' เล่าว่า จะเน้นการนำไปรษณีย์ไทยไปสู่รูปแบบดิจิทัล(Tech Post)โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานให้มากขึ้นซึ่งจะสามารถลดเวลาของงานที่ไม่จำเป็นออกไปได้ระบบไอทีจะช่วยสนับสนุนการทำงานต่างๆ เพื่อรวมรวมข้อมูลสำหรับใช้ในการศึกษา พัฒนา และสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าประทับใจ มีการบอกต่อในทางที่ดี ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับองค์กรต่อไป

​สิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนไปรษณีย์ไทยคือ การยึดหลัก Customer Centric หมายถึงความเข้าใจลูกค้า พัฒนาการให้บริการช่องทางและสินค้าต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงความต้องการและพฤติกรรมการใช้บริการของผู้บริโภคเป็นสำคัญอีกทั้งยังต้องรักษาคุณภาพบริการให้ดีอย่างสม่ำเสมอ หากสามารถส่งมอบบริการที่ดีได้จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ เกิดการใช้ซ้ำและบอกต่อบริการของไปรษณีย์ไทย

​นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยได้เตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงช่องทางการส่งเอกสารที่สะดวกรวดเร็วซึ่งจะมาทดแทนการใช้บริการไปรษณีย์แบบดั้งเดิมจาก Physical mail ไปสู่ Digital Mail โดยมีการพัฒนาระบบ TDH (Total Document Handling - TDH) โดยไปรษณีย์ไทยจะเป็นตัวกลางในการรับ-ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาคประชาชนที่เป็นมาตรฐานมีระบบพิสูจน์ยืนยันตัวตน เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นอีเมลตัวจริงและสามารถกำหนดที่อยู่ที่ต้องการให้จัดส่งเอกสารได้

​รวมถึงการให้บริการ Pick-up service อำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ต้องการส่งสิ่งของโดยไปรับถึงบ้านผ่านทางไลน์ออฟฟิเชียล@ThailandPostโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขณะเดียวกันก็ยังมีการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ thailandpostmart อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ให้วิสาหกิจชุมชนและเกษตรกร และแผนงานอีกชิ้นที่สำคัญคือการบริหารคลังสินค้าให้ครบวงจรตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ การจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า การหยิบและแพ็กสินค้า การจัดส่งและเก็บเงินปลายทาง(COD)ซึ่งลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ปัจจุบันได้เปิดคลังสินค้าครบวงจรในพื้นที่ภูมิภาคแล้ว 2 แห่งในพื้นที่อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และราชบุรีโดยมีแผนจะเปิดให้ครบทั้ง7แห่งภายในปี 2564

***จับมือเอกชนตั้งบริษัทรุกขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ

​อีกแผนงานหนึ่งที่สำคัญคือการหาพันธมิตรเพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งได้เริ่มต้นดำเนินการแล้วคือการลงนามร่วมกับ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด(มหาชน)และบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัดเปิดบริการ 'ฟิ้วซ์โพสต์' (FUZE POST) เพื่อรุกธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน (Cold Chain Express) ซึ่งตลาดนี้มีมูลค่าตลาดในปี2564 ประมาณ 34,000 ล้านบาทเติบโตปีละ 8% หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% ของตลาดโลจิสติกส์ทั้งหมดและคาดการณ์ว่าการเติบโตของธุรกิจขนส่งรูปแบบนี้จะมีการเติบโตถึง 8-10% ในปี 2565จึงนับเป็นตลาดที่น่าสนใจไม่น้อย

​สำหรับบริการนี้พร้อมให้บริการ 1 ก.ย. 2564 โดยในระยะแรกจะเน้นให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและ 6 เส้นทางภูมิภาคคือ หนองคาย เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ตราด และบางละมุงเป็นหลักก่อนเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ารูปแบบ B2B B2CและC2C ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของทั้ง 3 บริษัทอยู่แล้วสำหรับลูกค้าใหม่จะเน้นการให้บริการแบบ Direct Pick-up เป็นหลักโดยเรียกใช้บริการผ่าน www.fuzepost.co.th และมีแผนจะเปิดให้บริการจุดรับฝาก (Drop off) ขยายเส้นทางขนส่งระหว่างภูมิภาคในเดือนมกราคม 2565 ด้วยการทำงานในรูปแบบบริษัทร่วมทุนกันของทั้ง 3 บริษัทในสัดส่วนถือหุ้นเท่าๆกันซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างแผนธุรกิจจึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยเป้าหมายสำคัญในการทำงานร่วมกันนอกจากการรุกตลาดในประเทศไทยแล้วก็จะรุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ด้วย
#10632


เข้าสู่วงการไม้ด่างแบบจริงจังอีกหนึ่งคน สำหรับนักร้องวัย 36 ปี 'ก้อง ห้วยไร่' (วีระเดช ยอดจำปา)

โดยล่าสุดเจ้าตัวก็ทำเอาในกลุ่มคนเล่นไม้ด่างฮือฮาไม่น้อยหลังมีข่าวเมาท์มอยกันว่าเจ้าตัวเปิดประมูลราคา 'กล้วยแดงอินโด" ก่อนจะมีคนซื้อไปในราคาที่สูงถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการยืนยันว่าราคาดังกล่าวนั้นเป็นความจริงหรือไม่? เนื่องจากโพสต์ดังกล่าวได้ถูกลบไปแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นราคาที่ว่าก็ใกล้เคียงกับราคาที่แฟนเพจ 'สวนอีหลีน่า' ซึ่งเป็นแฟนเพจซื้อขายพันธุ์ไม้ของเจ้าตัวที่ได้มีการโพสต์เผยราคาต้นไม้ต้นเดียวกันเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมาที่ 800,000 บาท

ขณะที่นักเล่นไม้ด่างหลายคนได้แสดงความเห็นว่าราคาล้านหรือเฉียดล้านดังกล่าวนั้นถือว่าสมเหตุสมผล เพราะนอกจากในช่วงนี้ราคาไม้ด่างจะมาแรงแล้วกล้วยแดงอินโดของนักร้องดังยังมีหน่ออีกสามหน่อติดไปด้วย

ทั้งนี้นอกจากกล้วยแดงอินโดแล้วทางด้านของนักร้องดังยังสามารถปิดราคา 'ก้านส้มด่าง' ได้อีกถึง 2 แสนห้าหมื่นบาท เรียกว่ารับเงินเข้ากระเป๋าขั้นต่ำมีล้านกว่าๆ แน่นอน

ปัจจุบันด้วยกระแสความนิยมต่อไม้ด่างที่นอกจากจะแปลกตาแล้วยังมีราคาดีทำให้มีคนในวงการบันเทิงให้ความสนใจหันมาซื้อขายหลายคน อาทิ อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม, นีโน่ เมทนี บุรณศิริ, นาวิน ต้าร์ (นาวิน เยาวพลกุล), มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ฯ

รวมถึงลูกทุ่งลิเกคนดัง 'กุ้ง สุทธิราช วงศ์เทวัญ' ที่ว่ากันว่าเจ้าตัวหาซื้อไม้ด่างมาเก็บสะสมไว้ที่บ้านไม่น้อยทีเดียว...
#10633
สนใจติดต่อคุณเป้ง  087-347-6299
บริษัท  สบายใจการบัญชี  จำกัด

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#10634
สถาบันเพิ่มผลผลิตฯ จับมือ มจธ.จัดตั้งศูนย์พัฒนาขีดความสามารถ

เมื่อวันศุกร์ที่ 3 กันยายน 2564 สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ จัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันแห่งชาติ (National Institute of Competitiveness Enhancement หรือ NICE) โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพองค์กรแบบ End-to-End ซัพพลายเชนในระดับประเทศ (National Benchmarking) และพัฒนาศักยภาพองค์กรสู่การดำเนินงานที่เป็นเลิศ

ผศ.ดร.อธิศานต์ วายุภาพ ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า "การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในครั้งนี้ นับเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญ ที่ทำให้สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติได้มีโอกาสนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่มีอยู่มาหลอมรวมให้เกิดเป็นก้าวแห่งการพัฒนาด้านวิชาการ ทั้ง การจัดการ นวัตกรรม การถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน ควบคู่กับแก้ไขปัญหาด้านอุตสาหกรรมแก่ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยจะเริ่มดำเนินงานจาก การพัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพองค์กรแบบ End-to-End ซัพพลายเชนในระดับประเทศ (National Benchmarking) ร่วมกับ ศูนย์แห่งความเป็นเลิศ (Excellence Center) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติในด้านการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน สู่การเป็นเสาหลักของผู้ประกอบการ ทำหน้าที่ส่งมอบองค์ความรู้ ผ่านการฝึกอบรม งานวิจัย และงานบริการให้คำปรึกษาแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมเป็นศูนย์กลางการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการและประชาชนที่สนใจ ในรูปแบบของการเป็นเพื่อนร่วมเดินทางในการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริม และสร้างความเข้มแข็งให้ทุกภาคส่วนในสังคมไทยก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน"

ผศ.ดร.อธิศานต์ วายุภาพ ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ
ผศ.ดร.อธิศานต์ วายุภาพ ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ

รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า "มจธ.เป็นองค์กรที่ตื่นตัวกับกระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสังคมเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เราเป็นสถาบันการศึกษาที่สร้างผลงานวิชาการทั้งในด้านการวิจัยการผลิตบัณฑิต การให้คำปรึกษา และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ STECO จะทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ในมหาวิทยาลัยกับภาคอุตสาหกรรมผ่านโครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันแห่งชาติ ในช่วงสภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดข้อจำกัดในการใช้ชีวิตของประชาชนทั่วไปและผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการต่างๆ ที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ความสามารถในการสร้างรายได้ลดลง เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย มีสัญญาณที่ดีในการที่กิจกรรมทางธุรกิจจะกลับเข้าสู่ความปกติใหม่ จึงได้เกิดศูนย์พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันแห่งชาติ (National Institute of Competitiveness Enhancement หรือ NICE) ภายใต้ความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงาน โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพองค์กรแบบ End-to-End ซัพพลายเชนในระดับประเทศ (National Benchmarking) และพัฒนาศักยภาพองค์กรสู่การดำเนินงานที่เป็นเลิศ"

รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ดร.วัชรพจน์ ทรัพย์สงวนบุญ ผู้อำนวยการศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO) มจธ. กล่าวว่า "ปัจจุบันธุรกิจต่างเผชิญสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นประกอบกับความไม่แน่นอนต่างๆ ที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ปัจจัย ทั้งจากสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่ทำให้การดำเนินงานต่างๆ ภายในองค์กรและซัพพลายเชนปรับเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากกว่ากำไร" ทั้งนี้ เพื่อยกระดับความสามารถภาคอุตสาหกรรมของประเทศ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติจึงร่วมมือกับศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร หรือ STECO ในการขับเคลื่อนการทำงานของศูนย์พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันแห่งชาติ National Institute of Competitiveness Enhancement หรือ NICE) โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพองค์กรแบบ End-to-End ซัพพลายเชนในระดับประเทศ (National Benchmarking) และพัฒนาศักยภาพองค์กรสู่การดำเนินงานที่เป็นเลิศ ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้และความเข้าใจในการบริหารและจัดการธุรกิจภาคอุตสาหกรรมทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม ที่จะให้คำปรึกษาในการยกระดับความสามารถทางการแข่งขันด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน แก้ปัญหาหรือต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้ประสบความสำเร็จ นำไปสู่การยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

ดร. วัชรพจน์ ทรัพย์สงวนบุญ ผู้อำนวยการศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO) มจธ.
ดร. วัชรพจน์ ทรัพย์สงวนบุญ ผู้อำนวยการศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO) มจธ.

ศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO) ดำเนินงานภายใต้ภารกิจหลัก ได้แก่ การวิจัยสร้างองค์ความรู้ด้านการสร้างความสามารถทางการแข่งขัน อาทิ การพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขัน การให้คำปรึกษาทางด้านการสร้างความสามารถทางการแข่งขัน อาทิ การพลิกฟื้นธุรกิจสู่ความยั่งยืน การพัฒนาบุคลากรของภาครัฐและภาคเอกชนให้สามารถสร้างและขับเคลื่อนปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถทางการแข่งขันองค์กรได้ และการรับรองสมรรถนะบุคคล นอกจากนี้ STECO ให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ความรู้เพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรม โดยในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมา STECO ได้ดำเนินโครงการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน การเผยแพร่คู่มือสร้างรากฐานธุรกิจ SME สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน และกิจกรรม STECO Online Forum ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศ คณาจารย์ และผู้เข้าร่วมกิจกรรม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://steco.kmutt.ac.th