• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#3581
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย-สมุทรสาคร ท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร ทุกท่อน ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป


ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย-สมุทรสาคร ท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร ทุกท่อน ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป นัดดูของได้ที่มหาชัย บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)

ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย สมุทรสาคร ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย ขายเหล็กรูปพรรณเกรดบี ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย ท่อดำกลมเกรดบีราคาโรงงาน ราคาถูกพิเศษ
1. 60ตันขึ้นไป – กิโลละ 21บาท
2. 30ตัน-59ตัน – กิโลละ 23บาท
3. ตํ่ากว่า30ตัน – กิโลละ 25บาท
เหล็กขนาด ยาว6เมตรทุกท่อน

ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย, ขายเหล็กเกรดบี-สมุทรสาคร, โรงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย. ขายเหล็กเกรดบีถูกพิเศษ, ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย

สนใจติดต่อ
บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)

นัดดูของได้ที่นี่
คุณแป๊ป เบอร์ 0819196666 line ID varoonchai_papp
Email varoonchai@gmail.com


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://pantipmarket.online/ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย/


ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย
คำค้น
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย,ขายเหล็กเกรดบี-สมุทรสาคร,โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย. ขายเหล็กเกรดบีถูกพิเศษ, ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
#3582


"ปั๋น ดริสา" ศิลปินวาดรูปสาวชื่อดัง โพสต์สรุปประเด็นดรามา ภาพวาดปรากฎใน MV ของ "พิมรี่พาย" ยันไม่ติดใจเอาความ ขอให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์

จากกรณี "ปั๋น ดริสา" ศิลปินวาดรูปสาวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กเผยหลังภาพวาดของตนเองถูกนำใช้แบบงงๆ ในเอ็มวีเพลงใหม่ของ "พิมรี่พาย" ที่ชื่อเพลงว่า "ออกไป" โดยภายในเอ็มวีเพลงได้ปรากฎฉากที่มีภาพวาดของเธอเพียงเสี้ยววินาที พร้อมระบุว่า ไม่มีการขออนุณาตจาก "พิมรี่พาย" แต่เชื่อน่าจะเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของทีมงาน


อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ส.ค. "ปั๋น ดริสา" ได้ออกมาโพสต์ข้อความอัปเดตอีกครั้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

"สรุปเรื่องการที่ผลงานไปปรากฏใน MV คุณพิมรี่พายนะคะ เบื้องต้นคือกรณีนี้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผลงานปั๋นจริง ที่เกิดขึ้นโดยความผิดพลาดของบริษัทฟีโนมีนา โปรดักชั่นเฮาส์ที่คุณพิมรี่พายจ้างทำ MV ผลงานชิ้นนี้ไม่ได้ทำเพื่อการพาณิชย์ แต่ว่าถูกปรินท์ลงบนผ้าใบเพื่อประกอบการถ่ายโฆษณาที่ปั๋นถ่ายกับทางฟีโนมีนาเมื่อปี 2563 ซึ่งปรินท์มาเพื่อ ' ประกอบการถ่ายโฆษณา '

จึงไม่ได้ปรินท์เพื่อซื้อขายและโดยกฏหมายคือห้ามนำไปใช้ต่อ ปั๋นเคยร่วมงานกับฟีโนมีน่าหลายครั้งในฐานะนักแสดง ได้เห็นความเป็นมืออาชีพของโปรดักชั่นเฮาส์นี้เสมอ และด้วยชื่อเสียงฟีโนฯในด้านคุณภาพ คุณพิมรี่พายจึงเลือกใช้เฮาส์นี้ในการถ่ายทำ MV 'ออกไป' เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงขนาดไหน ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้ หลังถ่ายโฆษณาของปั๋นเสร็จ ฝ่ายอาร์ตของทีมโฆษณาได้เก็บภาพวาดเข้าคลังพรอพของบริษัทตนเอง พอถึงเวลาถ่าย MV ของคุณพิมรี่พายหลายเดือนให้หลัง ทางทีมอาร์ตของ MV (คนละทีมกัน) จึงเข้าไปเบิกพรอพจากคลังของบริษัท และเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีการรีเช็คที่มาของพรอพ

เนื่องจากเจตนาของทุกฝั่งคือต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องตามวิชาชีพของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งค่ายเพลง ที่จ้างโปรดักชั่นเฮาส์ที่มีคุณภาพ หรือทีมงานของโปรดักชั่นเฮาส์ที่พยายามสร้างสรรค์ผลงานทั้งหมดด้วยทรัพยากรที่ตนเองมี โดยปกติแล้ว ค่าใช้จ่ายในการนำผลงานของปั๋นไปใช้งานหรือเป็นเจ้าของ มีมูลค่า6-7หลัก ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับการนำไปใช้งานเป็นตัวหลักของสินค้า โฆษณา หรือการสะสม แต่ใน MV นี้ภาพปรากฏแค่ไม่กี่วิและเป็นไปโดยการสะเพร่าส่วนบุคคล

ถึงแม้จะมีการละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นจริงแต่ปั๋นในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ จึงไม่ฟ้องเรื่องค่าเสียหายใดๆ แม้จะมีการเสนอมาจากฝั่งโปรดักชั่นเฮาส์แล้วก็ตาม เนื่องจากปั๋นเห็นว่านี่เป็นกรณีศึกษาในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์และแนวทางแก้ไขที่สมควรเผยแพร่แก่สาธรณชนมากกว่ารับเงินและลบโพสต์ จึงตัดสินใจในทางนี้ค่ะ เรื่องทั้งหมดก็จบแล้วโดยสมบูรณ์โดยไม่มีความบาดหมางจากฝั่งไหน และปั๋นได้รับจดหมายขอโทษเป็นทางการจากทางฟีโนมีน่าแล้ว ขอบคุณค่ะ"
#3585


เคียวโก ฟุรุฮาชิ แนวรุกทีมชาติญี่ปุ่น ที่เพิ่งย้ายร่วมทีม กลาสโกว์ เซลติก สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก สกอตติช ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรก และทำประตูได้ทันที

โดย กลาสโกว์ เซลติก บุกไปเอาชนะ ยาโบลเนช ทีมจากสาธารณรัฐเช็ก 4-2 ในเกมยูโรปา ลีก รอบคัดเลือก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ซึ่งดาวเตะวัย 26 ปี เพิ่งจะย้ายจาก วิสเซล โกเบ ทีมในศึกเจลีก ไปร่วมทีมเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านยูโร (ประมาณ 193 ล้านบาท) สัญญา 4 ปี

สำหรับ เคียวโก ฟุรุฮาชิ โชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ วิสเซล โกเบ โดยฤดูกาลนี้ ยิงประตูในเจลีกไปแล้ว 14 ประตู ขึ้นนำเป็นดาวซัลโว ก่อนย้ายสู่ทีมดังลีกสกอตแลนด์
#3586
 
 
 
 


Kato Academy [Marketing Media Prodction]
สอนการตลาดออนไลน์ สอนยิงโฆษณา Facebook Ads ตัวต่อตัว, Line OA, Chatbot, Website Salepage, Pixel Code, ยิงแอด Conversion
สอนผลิตสื่อโฆษณา สอนถ่ายรูป ตกแต่งรูป สอน Photoshopตัวต่อตัว , Lightroom, Illustrator, โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ PremiereKato Academy [Marketing Media Prodction]
สอนการตลาดออนไลน์ สอนยิงโฆษณา Facebook Ads ตัวต่อตัว, Line OA, Chatbot, Website Salepage, Pixel Code, ยิงแอด Conversion
สอนผลิตสื่อโฆษณา สอนถ่ายรูป ตกแต่งรูป สอน Photoshopตัวต่อตัว , Lightroom, Illustrator, โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ Premiere

หลักสูตร สอนเฟสบุ๊ค ตัวต่อตัว/กลุ่ม [พื้นฐาน-ขั้นสูง] [10.00-16.00น.] ไม่เป็นไม่กลับ
- สอนพื้นฐานของเฟสบุ๊ค และการตั้งค่าต่างๆที่ควรรู้ ก่อนทำธุรกิจ
- สอนสร้างเพจเฟสบุ๊คยังไงให้น่าโดนใจกลุ่มเป้าหมาย
- สอนเช็คข้อความและรูปภาพใน Facebook ลดปัญหาการทำงานที่เสียเวลา
- รู้ทันกับกฎระเบียบต่างๆในการสร้างโฆษณาเฟสบุ๊ค 
-  วิธีการนำเพื่อนหรือ พนักงานเข้ามาช่วยบริหารในเพจเฟสบุ๊ค ลดความเสี่ยงจากการโดยยึดเพจ
- สอนการสร้างบัญชีธุรกิจ โดยไม่ต้องใช้บัญชีส่วนตัวในการยิง เลี่ยงการถูกปิดบัญชี
- สอนวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายด้วยสถิติ [ผู้สอนจบโทด้านงานวิจัยสถิติโฆษณาโดยตรง]
 - สอนดูคู่แข่งเพื่อมาวิเคราะห์ และพัฒนาสินค้าของตัวเองอย่างมืออาชีพ
- สอนสร้างกลุ่มเป่าหมาย แบบตีวง ล้อมคอก เพื่อเผด็จศึก
- สอนสร้างกลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศ
- สอนการยิงแอดเฟสบุ๊คแบบ การมีส่วนร่วม, การเพิ่มยอดไลค์, วีดีโอและข้อความ เชิงลึกแบบเป็นระบบ วิเคราะห์เห็นภาพ
- สอนยิงแอดแบบไม่ให้คู่แข่งดึงข้อมูลของเราได้
- สอนการสร้างกลุ่มเป้าหมาย การตั้งค่ายิงแอดบน Instagram
- A/B Testing (การทดสอบเปรียบเทียบคุณภาพการเข้าถึงของโฆษณา)
- สอนสร้าง Lookalike Audience เพื่อหาลูกค้าที่มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน เชิงสถิติ
- การวางแผน สร้างระบบข้อความตอบกลับอัตโนมัติ(Chatbot) ในกล่องข้อความเฟสบุ๊ค
- วิธีใช้ เครื่องมือสร้างข้อความตอบกลับอัตโนมัติ(Chatbot)เพื่อปิดการขาย
- วิธีการตั้งค่าการชำระเงิน /การออกใบเสร็จรับเงิน จากเฟสบุ๊ค
- สอนให้วิเคราะห์เพจของผู้เรียนแบบมืออาชีพ แบบยั่งยืนไม่โดนหลอก
- Workshop เพื่อศึกษาสินค้าหรือ วิเคราะห์สินค้าว่ามีส่วนไหนที่ควรพัฒนา

หมายเหตุ :การสอนอาจจะเลยเวลาที่กำหนด เพื่อประโยชน์ของผู้ลงเรียน

Facebook :https://www.facebook.com/katostock
- สอนตัวต่อตัว / กลุ่ม / ออนไลน์
- หลังจบ สามารถโทรปรึกษาได้ตลอด
ประวัติผู้สอน
ตรี-ออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
โท-จิตวิทยาการสื่อสาร & โฆษณา
ประสบการณ์ด้านการตลาด-โฆษณา-ผลิต 20 ปี
ผลงานผู้สอนคลิก : https://katoacademy.com/profile_kato

วัตถุประสงค์ของผู้สอนในการเปิดสอน ?
1. ต้องการผลัดดันผู้ที่เรียน หรือผู้ประกอบการ นำเครื่องมือต่างๆมา สร้างผลงานใหม่ๆ หรือสินค้าใหม่ๆ
2. เพื่อต้องการให้ผู้เรียนในแต่ละคอส ได้คิดนอกกรอบ มากกว่าสิ่งที่มีอยู่ในโปรแกรมที่สอน
3. เพื่อนำความรู้ไปพัฒนาองค์กร ด้วยระบบความคิดที่เป็นกระบวนการ

#สอนเฟสบุ๊ค #สอนเฟสบุ๊คตัวต่อตัว #สอนการตลาดออนไลน์ #สอนถ่ายรูป #สอนโฟโต้ช๊อป


 

 
 
#3587


นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดต่อเนื่องของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้หลายธุรกิจต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

แอสเซทไวส์ ได้มองหาโอกาสในการพัฒนากลยุทธ์ในด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากที่สุด รวมถึงจับมือกับพันธมิตรหลากหลายรูปแบบ เช่น ผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่ในทำเลใกล้ แอทโมซ คอนโด (Atmoz Condo) เช่น ร้านสถานีมีหอย พร้อมด้วย TikTokInfluencer ไม่ว่าจะเป็น พรฟ้า ปุณิกา รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 และ สไปรท์บะบะบิ "ร่วมรีวิวโครงการ" โดยเฉพาะมุมไฮไลท์เอ็กซ์คลูซีฟของคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์แอทโมซ (Atmoz) บนทำเลท็อปฮิต ลาดพร้าว, รัชดา-ห้วยขวาง และ แจ้งวัฒนะ พร้อมแจกโค้ดส่วนลดพิเศษแคมเปญ "Atmoz FAST พร้อมอยู่ ไวเว่อร์" เฉพาะลูกค้าที่จองคอนโดแอทโมซ ประกอบด้วย แอทโมซ ลาดพร้าว 15, แอทโมซ ลาดพร้าว 71, แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง และ แอทโมซ แจ้งวัฒนะ ผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ และพันธมิตรที่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้ เพื่อให้ธุรกิจรอดไปด้วยกัน

แอสเซทไวส์ ยังเดินหน้าลุยกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ทุกมิติ เพื่อปลุกกำลังซื้อในกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัย ด้วยแคมเปญ "Kave แร๊ป LIVE FAST 8.8" ยกขบวนคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัย 4 โครงการ ได้แก่ เคฟ ทาวน์ สเปซ,เคฟ ทาวน์ ชิฟท์, เคฟ ทียู และ เคฟ ศาลายา จัดโปรโมชั่นห้องราคาพิเศษ โดยมีแขกรับเชิญป๊อป-อภิวัฒน์ ชินอักษร หรือ SIRPOPPA แร็ปเปอร์ชื่อดังและปูน-ธนพัต ยิ้มสู้ เจ้าของเพจพ่อบ้านบ้าคอนโด มาบอกเล่าถึงความอลังการของแคมปัสคอนโด ภายใต้แบรนด์ "เคฟ" ผ่าน Facebook LIVE วันที่ 8 ส.ค. เวลา 15.00-17.30 น. ที่Facebook Fanpage KAVE CONDO ผู้สนใจร่วมกิจกรรม ลุ้นรับรางวัลมากมาย

ขณะเดียวกัน ส่งมอบประสบการณ์เสมือนจริง ด้วย "AssetWise Real Time" ผ่าน Virtual Tour 360 เยี่ยมชมโครงการเสมือนสัมผัสด้วยตาตัวเอง ครบทุกมุมมองกับ 12 โครงการพร้อมอยู่ และโครงการใหม่จากแอสเซทไวส์ เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมโครงการเสมือนเดินเข้าไปชมในตำแหน่งต่างๆ รอบทิศทาง 360 องศา และลูกค้าสามารถจองโครงการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที ขณะที่ลูกค้าที่สนใจมาเยี่ยมชมโครงการ แอสเซทไวส์ มีมาตรการเข้มข้น 5 ขั้นตอนในการดูแลความสะอาด เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย
#3588


นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า จากการที่กรมธนารักษ์ได้ได้ประกาศประมูลสิทธิการเช่าอาคารราชพัสดุ (วังค้างคาว) พร้อมที่ดินนอกที่ตั้งตัวอาคาร เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2564 ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.2723 (บางส่วน) โฉนดที่ดินเลขที่ 3249 แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ 0-3-29 ไร่ มีกำหนดระยะเวลาการเช่า 30 ปี

สำหรับเงื่อนไขการประมูล มีรายละเอียด ดังนี้ 1. คุณสมบัติผู้เข้าประมูล 1.1 เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลตามกฎหมายไทย 1.2 จะต้องไม่เคยเป็นผู้ทิ้งงานก่อสร้างของทางราชการตามหนังสือแจ้งเวียนรายชื่อผู้ทิ้งงาน ของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุกรมบัญชีกลางมาก่อนจึงจะมีสิทธิได้รับการพิจารณา

2.สถานที่ติดต่อขอซื้อเอกสารผังประมูลสามารถติดต่อขอซื้อเอกสารผังประมูล ในราคาชุดละ 1,500.- บาท ณ ส่วนรายได้ กองบริหารที่ราชพัสดุกรุงเทพมหานคร กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. 2564 ถึงวันที่ 31 ส.ค. 2564 ทุกวันในเวลา 09.00 – 15.00 น. เว้นวันหยุดราชการ

3.กำหนดวัน เวลารับฟังคำชี้แจงและดูสถานที่ประมูลสิทธิการเช่าอาคารราชพัสดุ ผู้เข้าประมูลสามารถรับฟังคำชี้แจงรายละเอียดการประมูล ในวันที่ 9 ก.ย.2564 โดยพร้อมกัน ณ กรมธนารักษ์ เวลา 10.00 น.

4. การเสนอเงินค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า ไม่ต่ำกว่า 9,475,200.- บาท

5. หลักประกันซอง ผู้เข้าประมูลจะต้องวางหลักประกันซอง เป็นเงิน 947,520.- บาท พร้อมกับการยื่นซองประมูล

6.กำหนดวัน เวลาเปิด-ปิดรับซองประมูล และเปิดซองประมูล ผู้เข้าประมูลต้องยื่นซองประมูลต่อคณะกรรมการ ณ ห้องประชุม 702 อาคารกรมธนารักษ์ ในวันที่ 23 ก.ย. 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 ถึง 10.00 น. และคณะกรรมการจะปิดรับซองประมูล ในเวลา 10.00 น. และจะเปิดซองประมูล เวลา 10.30 น. ในวันและสถานที่เดียวกัน


สำหรับประวัติความเป็นมาของวังค้างคาวนั้น อธิบดีกรมธนารักษ์ ได้กล่าวในรายละเอียดไว้ว่า บ้านพระประเสริฐวานิช (เจ้าสัวเขียว เหล่าประเสริฐ)เป็นอาคารเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของพระประเสริฐวานิช ต่อมาบ้านและที่ดินตกเป็นของนายเว้น (บุตร) และได้บริจาคให้กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2464

อาคารนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะและรูปแบบเป็นกลุ่มอาคารเก๋งจีน 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบื้อง หน้าจั่วปูนปั้น ประกอบด้วย อาคารสองหลังตั้งขนานกัน หันหน้าออกแม่น้ำ มีระเบียงเชื่อมถึงกัน ล้อมลานโล่ง ตรงกลางขนาดใหญ่ พื้นที่บริเวณใต้ถุนอาคารถูกแบ่งเป็นสัดส่วน

ทั้งสองฝั่งเพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่เก็บสินค้า โดยในระหว่างปี พ.ศ. 2450-2460 บริษัท หลักสุงเฮงของนายเหียกวงเอี่ยม อดีตประธานหอการค้าไทย-จีน เช่าอาคารและพื้นที่เป็นสำนักงานและท่าเรือซึ่งดำเนินกิจการรับ-ส่งสินค้าทางเรือ จากนั้น ห้างฮั่วจั่วจั่นได้มาขอเช่าต่อ โดยใช้พื้นที่ใต้ตึกเป็นที่เก็บสินค้า

เมื่อเลิกเช่าตัวอาคารจึงถูกปิดร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์มาหลายสิบปี ทำให้มีค้างคาวเข้ามาทำรังและอาศัยอยู่บริเวณใต้ตึกเป็นจำนวนมาก จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้มีคนเรียกอาคารเก่าหลังนี้ว่า "วังค้างคาว" และในปี พ.ศ. 2561 กรมศิลปากรได้ประกาศรายชื่อโบราณสถานในเขตกรุงเทพมหานครตามนัยราชกิจจานุเบกษา เล่ม 135 ตอนพิเศษ 165 ง ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 โดยมีบ้านพระประเสริฐวานิช (เขียว) (วังค้างคาว) ในประกาศดังกล่าว
#3589


นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ. ทหารไทย (TMBAM Eastspring) ได้ให้ความเห็นว่า ในปัจจุบันแม้การระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าจะยังเดินหน้าระบาดอย่างไม่ลดละ หลายประเทศต้องเริ่มปรับวิธีต่างๆเพื่อรับมือกับการระบาดรอบใหม่ แต่สำหรับกลุ่มประเทศที่มีการได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่สูง แม้อัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นใหม่ แต่อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำกว่าการระบาดในรอบก่อนหน้ามาก จากผลของวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้

"ในเรื่องการลงทุน โดยส่วนตัวยังมั่นใจในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจ ประกอบกับมาตรการทางเศรษฐกิจและการคลังที่ยังคงทยอยออกมาซึ่งมีมูลค่ามหาศาล ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มดูดีขึ้นอย่างชัดเจน"

ในปัจจุบันเราจะเห็นว่าตลาดหุ้นโลก นำโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯและยุโรป ต่างเเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสวนทางตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นจีนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตลาดหุ้นจีนที่มีการปรับฐานแรงในเดือนที่ผ่านมา จากการออกกฎระเบียบควบคุมบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆจากทางการจีนนั้น อาจยากที่จะประเมินถึงผลกระทบต่อกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องว่าจะลากยาวแค่ไหน

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้น ทีมกลยุทธ์เชื่อว่ามีโอกาสทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มสูงขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มลดความร้อนแรง เพียงแต่ในช่วงปลายเดือน อาจต้องจับตาการประชุมประจำปีของเฟด (Jackson Hole) ในวันที่ 26-28 สิงหาคม ซึ่งมีโอกาสที่ตลาดจะผันผวนได้บ้าง เพราะมีความเป็นไปได้อยู่ที่ทางประธานธนาคารกลางสหรัฐฯอาจใช้เวทีการประชุมนี้ในการกล่าวถึงแนวทางการลดวงเงิน QE จากการคาดการณ์ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯแต่หากพิจารณาภาพเศรษฐกิจโดยรวม เชื่อว่ายังคงเติบโตได้

ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ คาดว่าจะยังได้แรงหนุนและมีโอกาสเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่จากงบของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี โดยบริษัทในดัชนี S&P500 ในไตรมาส2/2021ที่มีการประกาศผลการดำเนินงานออกมาแล้วถึงช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม จำนวน 294 บริษัท มียอดขายที่เติบโตกว่า 27% และมีกำไรที่เติบโตกว่า 97%

"เราคาดว่าสำหรับการลงทุนในหุ้นโลกและสหรัฐอเมริกานั้น บริษัทขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง มีกระแสเงินสดสูงและยังสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ซึ่งขอแนะนำกองทุนหุ้นโลกอย่าง TMBGQG, TMB-ES-GCG, T-ES-GCG ,T-Premium Brand และกองทุนหุ้นสหรัฐฯกลุ่มเติบโตขนาดใหญ่อย่าง TMB US Bluechip"
#3590


ผู้จัดการรายวัน360 องศา - ส่องอาณาจักรคุณนายปลัดมหาดไทย "SPCG" ผลดำเนินงานกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกปี จากธุรกิจพลังงานทดแทนขยายตัวไม่หยุด คาดปี 2564 รายได้ไม่ต่ำกว่า 5.5 พันล้านบาท จากโครงการใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น ส่วนปีหน้า Solar Farm ใน EEC ช่วยกระตุ้น

กลายเป็นกระแสที่พูดถึงในแวดวงการลงทุน และแวดวงการเมือง เมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 ส.ค. มีมติแต่งตั้ง "สุทธิพงษ์ จุลเจริญ" อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ แทน "ฉัตรชัย พรมเลิศ" ปลัดกระทรวง ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ นั่นเพราะแม้การแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อตุลาคมปีก่อนจะไม่มีอะไรที่โดดเด่นหรือสะดุดตามากนัก แต่ในฟากคู่สมรสกลับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เพราะนั่นคือ "วันดี กุญชรยาคง" หัวเรือใหญ่ของบริษัทพลังงานทดแทนอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยแสดงข้อมูลทรัพย์สินที่ระดับ 1.02 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยเงินสด เงินฝาก เงินลงทุน เงินให้กู้ยืม โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างพร้อมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ โดยไม่มีหนี้สิน ทำให้รู้บ้านนี้ "รวย"

ที่ผ่านมา "วันดี กุญชรยาคง" ถือเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ในวงการพลังงานทดแทนของประเทศ เดิมที่ก่อนหน้านั้นเคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.โซลาร์ตรอน (SOLAR) ด้วยสัดส่วนประมาณ 31.41% และเป็นหัวเรือสำคัญในการนำพา SOLAR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2548

ด้วยฝีมือการบริหารงาน สามารถนำพา SOLAR มีกำไรให้มีกำไรก้าวกระโดดในระดับ 137 ล้านบาท จาก 2 ปีก่อนหน้าบริษัทมีกำไรประมาณ 4.86 ล้านบาท ทำให้ราคาหุ้น SOLAR ในช่วงเวลานั้นขยับขึ้นถึงระดับ 17.00-18.00 บาทต่อหุ้น จากราคา IPO ที่ระดับ 8.00 บาทต่อหุ้น และต่อมาในช่วงปี 2550 พอ"วันดี" ตัดสินใจทยอยขายหุ้นที่ถืออยู่ใน SOLAR ออกจนหมด และเข้ามาถือหุ้นและบริหารใน บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) จนถึงปัจจุบันมีผลให้ราคาหุ้น SOLOR ปรับตัวลงเช่นกัน

จากการตรวจสอบข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันดี กุญชรยาคง ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จำนวน 298,950,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.32% หากคำนวณราคาปิดล่าสุด (4 ส.ค.) ที่หุ้นละ 18.50 บาท ทำให้มีมูลค่ารวม 5,530.58 ล้านบาท

ปัจจุบัน SPCG ประกอบธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม 36 แห่ง กำลังผลิตรวม 205.9 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือ PEA ระยะเวลา 5 ปี ต่ออายุอัตโนมัติครั้งละ 5 ปี และ SPCG ถือหุ้นในโครงการเหล่านี้ในสัดส่วน 56-100% ขณะเดียวกัน SPCG ยังถือหุ้น 100% ในบริษัท Solar Power Roof เพื่อทำธุรกิจติดตั้งโซลาร์บนหลังคาอาคาร รวมถึงหน่วยราชการ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ

นอกจากนี้ SPCG ยังร่วมจัดตั้งบริษัท SET Energy ด้วยสัดส่วนถือหุ้น 80% (อีก 20% ถือหุ้นโดยบริษัทลูกของ PEA) เพื่อทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ 500 เมกะวัตต์ ขึ้นไปในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยโครงการนี้เป็นโครงการของ EEC ที่มอบสิทธิให้ PEA เป็นผู้พัฒนาโครงการ ซึ่ง PEA มอบสิทธิต่อให้บริษัทลูก PEA ENCOM ดำเนินการ

ด้านสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ใน SPCG พบว่า "วันดี กุญชรยาคง" เป็นถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของบริษัทด้วยสัดส่วน 28.32% (รวมถือในนามกลุ่มกุญชรยาคง คิดเป็นสัดส่วน 33.45%) โดยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่

ภาพรวมด้านผลดำเนินงาน แม้รายได้ของบริษัทจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2560 ที่ระดับ 6.12 พันล้านบาท มาอยู่ที่ 5.04 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา แต่กำไรสุทธิกลับเติบโตสวนทางจาก 2.52 พันล้านบาทในปี 2560 มาอยู่ที่ 2.73 พันล้านบาทในปี 2563 เช่นเดียวกับอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนจาก 5.02% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 6.07%ในปี 2563 และ 6.39% ในปัจจุบัน

สำหรับปี 2564 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมไม่น้อยกว่า 5.5 พันล้านบาท โดยมาจากโปรเจกต์งานใหม่ๆ ขณะเดียวกัน คาดว่าโครงการ Solar Farm จะสามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 385 ล้านหน่วย จากกำลังผลิตรวมโครงการโซลาร์ฟาร์ม 36 โครงการ อีกทั้งยังมองหาช่องทางขยายการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนแนวโน้มของธุรกิจ Solar Rooftop คาดว่าผลงานในช่วงไตรมาส 2/64 จะดีกว่าไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมองว่าทั้งปีจะสามารถทำรายได้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท จากโครงการติดตั้งใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้นหลายโครงการ แม้ที่ผ่านมา รายได้จะชะลอตัวไปจากลูกค้ากลุ่มโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ด้านธุรกิจ Solar Farm โครงการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะเริ่มทยอยกำลังผลิตเฟสแรกที่ 300 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ได้ในไตรมาสแรกปีหน้า ล่าช้าจากกำหนดเดิมที่คาดว่าจะเริ่ม COD ใน Q4/64 เพราะสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การยื่นขอใบอนุญาตต่างๆ ล่าช้าออกไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโครงการใน EEC ทันทีภายหลังการ COD ในเฟสแรก ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟได้ครบทั้งหมด 500 เมกะวัตต์ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีโครงการจ่ายไฟอยู่มาก แต่บริษัทฯ คาดว่าในปีนี้ ธุรกิจ Solar Farm จะได้รับผลกระทบจากการจ่ายไฟที่ลดลง เนื่องจากมีโครงการที่จะหมด Adderไป 4 โครงการในปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima Mega Solar Project ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตรวม 480 เมกะวัตต์ โดยทาง SPCG ถือหุ้นอยู่สัดส่วน 17.92% ซึ่งปัจจุบันกำลังเร่งดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถเริ่ม COD ได้ราว Q3/65 ตามแผนงานเดิม
#3591


ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(4ส.ค.)ดิ่งลง 323 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่น่าผิดหวังในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 323.73 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 34,792.67 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วง 20.49 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 4,402.66 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 19.24 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 14,780.53 จุด

ราคาหุ้นจีเอ็มดิ่งลง 6% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (เอดีพี) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 330,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 653,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ เอดีพียังปรับลดตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนมิ.ย.สู่ระดับ 680,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานที่ระดับ 692,000 ตำแหน่ง

ภาคบริการมีการจ้างงาน 318,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานเพียง 12,000 ตำแหน่ง

การจ้างงานที่ชะลอตัวในเดือนก.ค.ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยตัวเลขดังกล่าวถือเป็นตัวเลขจ้างงานตัวสุดท้าย ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

'นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 926,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

หากตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล
#3592












ขายที่ดิน ต.มหาราช อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ตามหน้าโฉนดครุฑแดง เนื้อที่ 4ไร่ 1งาน 88วา ราคา 1250 บาทต่อตารางวา ไร่ละ 400000 บาท ขายรวม 1.7 ลบ แบ่งโฉนดขาย ติดถนนคอนกรีตถนนดำ เสาไฟฟ้าหน้าที่ดิน น้ำไฟเข้าถึง เดินทางสะดวกสบาย คมนาคมและสาธารณูปโภคครบครันสะดวกสบายใกล้ทางหลวงทางหลัก ย่านแหล่งชุมชน อยู่ใกล้สถานที่สำคัญหลายแห่ง ใกล้โรงพยาบาล โรงเรียน การไฟฟ้า สำนักงานเทศบาลตำบลมหาราช สำนักงานเกษตร ธนาคาร และอื่น ค่าใช้จ่ายวันโอนคนละครึ่ง 

โทร 083-712-4115
line id : 0837124115

ปักหมุด
ใกล้ ตำบล มหาราช อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13150
https://maps.app.goo.gl/1eHFoygSJFgMqPQg8

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=122520983178778&id=100062626307647
#3593


นายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบ โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 (ใหม่) โดยโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ จำแนกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.ราคาก๊าซธรรมชาติที่ขายให้กับโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ประกอบด้วย (1) ราคาเฉลี่ยก๊าซฯ อ่าวไทย (Gulf Gas) (2) ค่าบริการในการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (S) และ (3) ค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติในทะเล (Zone 1)

2.ราคาก๊าซธรรมชาติที่ Shipper ปตท. ขายในกลุ่ม Old Supply ประกอบด้วย (1) ราคาเฉลี่ยของก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยหลังโรงแยก (รวมค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติในทะเล) ก๊าซธรรมชาติจากเมียนมา ณ ชายแดน และก๊าซ LNG (รวมค่าบริการสถานี LNG ในการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซ) (Pool Gas) (2) ค่าบริการในการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (S) และ (3) ค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติบนบก (Zone 2-4) (โรงไฟฟ้าน้ำพอง ราคาเฉลี่ยเนื้อก๊าซให้เป็นไปตามที่ ปตท. รับซื้อจากผู้รับสัมปทานค่าบริการในการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ และค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติบนบก (Zone 5))

และ 3.ราคาก๊าซธรรมชาติที่ New Shipper ขายไฟฟ้าเข้าระบบใน Regulated Market ประกอบด้วย (1) ราคา LNG (2) ค่าบริการสถานี LNG ในการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซ (3) ค่าบริการในการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ และ (4) ค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติบนบก (Zone 3)

โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการทบทวนพื้นที่ (Zone) ในการคิดค่าบริการตามการใช้ระบบท่อส่งก๊าซของ ผู้ซื้อก๊าซ โดยคำนวณค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติพื้นที่ 1 ที่รวมค่าผ่านท่อในทะเลทั้งหมด ซึ่งนำค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติของบริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด (TTM) นำมาคำนวณรวมในอัตราค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติ   ในทะเลของ ปตท. ด้วย และกำหนดให้โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ มีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปี ทั้งนี้ ระหว่างกำหนดอัตราค่าบริการจัดหาและค้าส่ง (S) และค่าผ่านท่อ (T) ตามโครงสร้างใหม่ ให้กำหนดอัตราค่าบริการจัดหาและค้าส่ง (ในแต่ละประเภทผู้ใช้ก๊าซ คิดตาม % Margin โดยคำนวณจากค่าเฉลี่ย (Pool Gas) ตามวิธีปัจจุบันและกำหนดค่าผ่านท่อ (T) สำหรับ Shipper รายใหม่ที่นำเข้า LNG เท่ากับอัตราค่าผ่านท่อบนบก (Zone 3 ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าในภาพรวมลดลงประมาณ 56 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นค่า Ft ลดลงประมาณ 0.39 สตางค์/หน่วย

รวมถึง ที่ประชุม กพช. ยังได้เห็นชอบการนำเข้า Liquefied Natural Gas (LNG) ที่ไม่กระทบต่อ Take or Pay สำหรับ ปี 2564 -2566 เท่ากับ 0.48 1.74 และ 3.02 ล้านตันต่อปี ตามลำดับ โดยมอบหมายให้ กบง. พิจารณาทบทวนหากพบว่าปริมาณความสามารถในการนำเข้า LNG มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากตัวเลขดังกล่าว และมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้ดำเนินการจัดสรรปริมาณการนำเข้า LNG ตามโครงสร้างของกิจการก๊าซธรรมชาติ ในระยะที่ 2 คือ Regulated Market และ Partially Regulated Market สำหรับ New Demand และกำหนดหลักเกณฑ์ในการนำเข้าของ Shipper รวมทั้งกำกับดูแลต่อไป



นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า กพช. ยังได้พิจารณาเห็นชอบ กรอบแผนพลังงานชาติ ซึ่งได้กำหนดแนวนโยบายภาคพลังงาน โดยมีเป้าหมายสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาด และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065 - 2070 สำหรับแนวนโยบายของแผนพลังงานชาติ (Policy Direction) เพื่อขับเคลื่อนให้ภาคพลังงานสามารถบรรลุเป้าหมายการมุ่งสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ โดยการส่งเสริมการลงทุนพลังงานสีเขียวในภาคพลังงาน อาทิ

(1) เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าใหม่โดยมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 พิจารณาร่วมกับต้นทุนระบบกักเก็บพลังงานระยะยาว

(2) ปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานภาคขนส่งเป็นพลังงานไฟฟ้าสีเขียว ด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ตามนโยบาย 30@30 การปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานภาคขนส่งมาเป็น EV เป็นแนวทางที่ช่วยในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อเพิ่มความสามารถในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคขนส่งให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาสภาพอากาศจากภาวะฝุ่นละออง PM 2.5

(3) ปรับเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มากกว่าร้อยละ 30 โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงานสมัยใหม่ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงาน

(4) ปรับโครงสร้างกิจการพลังงานรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) ตามแนวทาง 4D1E (Decarbonization: การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงาน Digitalization: การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการระบบพลังงาน Decentralization: การกระจายศูนย์การผลิตพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน Deregulation: การปรับปรุงกฎระเบียบรองรับนโยบายพลังงานสมัยใหม่ และ Electrification: การเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานมาเป็นพลังงานไฟฟ้า) ทั้งนี้เป้าหมายลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ในช่วงดังกล่าว (2065 – 2070) ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการสนับสนุนทางการเงิน 

ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนสู่ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2065-2070 อย่างต่อเนื่อง และเพื่อแสดงถึงจุดยืนและการเตรียมการในการปรับเปลี่ยนให้รองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจสู่ neutral-carbon economy การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศที่มีนโยบายมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดภายในช่วงเวลา 1-10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564 - 2573) กพช. จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน ดำเนินการระยะเร่งด่วน ดังนี้

(1) จัดทำแผนพลังงานชาติ ภายใต้กรอบนโยบายที่ทำให้ภาคพลังงานขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจให้สามารถรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจ neutral-carbon economy ได้ในระยะยาว ครอบคลุมการขับเคลื่อนพลังงานทั้งด้านไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเชื้อเพลิง พลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน

(2) พิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ และปรับลดสัดส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ภายใต้ PDP2018 rev.1 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564 – 2573) ตามความเหมาะสม อาทิ ปรับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าให้มีการผูกพันเชื้อเพลิงฟอสซิลเท่าที่จำเป็นและสามารถรองรับการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้ในระยะยาว การคำนึงถึงต้นทุนและความก้าวหน้าเทคโนโลยีเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้นำหลักการวางแผนเชิงความน่าจะเป็นโอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) มาใช้เป็นเกณฑ์ แทนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin) ซึ่งไม่สามารถวิเคราะห์ผลจากความไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้การประเมินและการวางแผนความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศมีความแม่นยำมากขึ้น

(3) ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบสายส่งและจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมพื้นที่ศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในอนาคต และสามารถตอบสนองต่อการผลิตไฟฟ้าได้อย่างทันท่วงทีโดยไม่กระทบกับความมั่นคงของประเทศ

สำหรับกระบวนการจัดทำแผนพลังงานชาติ คาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2565 โดยจะมีรับฟังความคิดเห็นกรอบแผนพลังงานชาติ ในช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม 2564 เพื่อนำความเห็นมาประกอบการจัดทำแผน 5 แผนหลัก และรวมเป็นแผนพลังงานชาติ หลังจากนั้นจะมีการรับฟังความคิดเห็นร่างแผนพลังงานชาติ ก่อนนำเสนอ กพช. ให้ความเห็นชอบต่อไป
#3594


วันที่ 4 ส.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยรายชื่อจังหวัดที่มีคำสั่ง และประกาศให้มีการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่รวม 62 จังหวัด จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2564 เวลา 15.00 น. ประกอบด้วย

• ภาคเหนือ 17 จังหวัด

1. กำแพงเพชร

2. เชียงราย

3. เชียงใหม่


4. ตาก

5. นครสวรรค์

6. น่าน

7. พะเยา

8. พิจิตร

9. พิษณุโลก

10. เพชรบูรณ์

11. แพร่

12. แม่ฮ่องสอน

13. ลำปาง

14. ลำพูน

15. สุโขทัย

16. อุตรดิตถ์

17. อุทัยธานี

• ภาคกลาง-ตะวันออก 14 จังหวัด

1. กาญจนบุรี

2. จันทบุรี

3. ฉะเชิงเทรา

4. ชัยนาท

5. นครนายก

6. ประจวบคีรีขันธ์

7. ปราจีนบุรี

8. ระยอง

9. ราชบุรี

10. ลพบุรี

11. สระบุรี

12. สิงห์บุรี

13. สุพรรณบุรี

14. อ่างทอง

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

• ภาคใต้ 11 จังหวัด

1. กระบี่

2. ชุมพร

3. ตรัง

4. นครศรีธรรมราช

5. พังงา

6. พัทลุง

7. ยะลา

8. ระนอง

9. สงขลา

10.สตูล

11. สุราษฎร์ธานี

• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด

1. กาฬสินธุ์

2. ขอนแก่น

3. ชัยภูมิ

4. นครราชสีมา

5. นครพนม

6. บึงกาฬ

7. บุรีรัมย์

8. มหาสารคาม

9. มุกดาหาร

10. ยโสธร

11. ร้อยเอ็ด

12. เลย

13. ศรีสะเกษ

14. สกลนคร

15. สุรินทร์

16. หนองคาย

17. หนองบัวลำภู

18. อำนาจเจริญ

19. อุดรธานี

20. อุบลราชธานี
#3595


นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ซึ่งเป็นการประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามมาตรการด้านความปลอดภัยภายใต้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติเห็นชอบอนุมัติการก่อสร้างโครงการท่าเทียบเรือเฟอร์รี่เกาะพะลวย โดยว่าจ้างบริษัท เดอะซีบอร์ด ดี แอนด์ ซี จำกัด เป็นผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะพะลวย จำนวน 2 ท่าเทียบ จะเริ่มเดินหน้าก่อสร้างได้ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2565


"เชื่อว่าการก่อสร้างท่าเรือเกาะพะลวยจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับบริษัทฯ เนื่องจากเกาะพะลวยเป็นหมู่เกาะที่อยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักดี ปกติจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาปีละไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนคน และเกาะพะลวยยังเป็นเกาะพลังงานต้นแบบที่สามารถต่อยอดไปธุรกิจอื่นๆ ได้ มีลักษณะคล้ายกับเกาะพะงันเมื่อก่อน" นายอภิชาติ กล่าว



สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือเกาะพะลวยขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส 2 ท่าเทียบ ได้ทำการเปิดยื่นซองประมูลไปก่อนหน้านี้ และล่าสุดบอร์ดบริษัทได้อนุมัติว่าจ้างให้บริษัท เดอะซีบอร์ด ดี แอนด์ ซี จำกัด เป็นผู้รับเหมาในการดำเนินการก่อสร้าง คาดใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 14 เดือน หรือจะแล้วเสร็จช่วงปลายปี 2565

ขณะเดียวกันก็ได้มีการแจ้งในที่ประชุมว่า บริษัทฯ กำลังศึกษาเรื่องของการทำสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ในรูปของการรับชำระค่าบริการเป็นเงินสกุลดิจิทัล (Crypto Currency) และ Token Utility แบบพร้อมใช้ เพื่อรองรับกระแสสังคมไร้เงินสด และยังเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ อีกทั้งยังเป็นเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตอันใกล้

นายอภิชาติ กล่าวว่า การลงทุนก่อสร้างท่าเรือเกาะพะลวยเพิ่ม หลังจากสร้างท่าเทียบเรือ 2 ท่า ที่ท่าเรือดอนสัก (ท่า4-5) ในภาวะที่ธุรกิจมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ เป็นการตัดสินใจที่ถูกทาง เพราะนำมาซึ่งการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาอย่างรอบคอบ รอบด้านและรัดกุม ภายใต้ความเสี่ยงที่นำมาพิจารณาอย่างเข้มงวดแล้ว
#3596


กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ทั้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC หอการค้าไทย แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club สถาบันการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ เตรียมจัดอบรมออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการฐานราก ทั่วประเทศผ่านแอปพลิเคชัน Zoom ด้วยหลักสูตร 'ปั้นร้านค้าออนไลน์ขั้นเทพ : Online Marketing Genius' รุ่นที่ 1 (OMG#1) ภายใต้คอนเซปต์ 'บุกตลาดออนไลน์ สร้างยอดขายทะลุล้าน' เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าออนไลน์ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ การดำเนินชีวิตทำให้ขาดรายได้  ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  จึงร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา หอการค้าจังหวัด สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย e-Marketplace และโลจิสติกส์ฯ เตรียมจัดอบรมออนไลน์หลักสูตร 'ปั้นร้านค้าออนไลน์ขั้นเทพ : Online Marketing Genius' รุ่นที่ 1 (OMG#1) ขึ้น ระหว่างวันที่ 2-31 สิงหาคม 2564 

โดยหลักสูตรดังกล่าว กำหนดจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Zoom  จำนวน 2 วัน วันละ 6 ชั่วโมง พร้อมฝึกปฏิบัติ (Workshop) ทดลองขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำอย่าง Shopee, Lazada, JD Central และ Amvata เพื่อกระตุ้นยอดการซื้อ-ขายสินค้า การทำโปรโมชัน และการส่งเสริมการขาย เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความรู้ เกิดความเข้าใจ และสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ ที่อยู่บนแพลตฟอร์มได้อย่าง มีประสิทธิภาพแบบมืออาชีพ 

หลังจากนั้น กรมฯ และหน่วยงานพันธมิตรจะร่วมกันคัดเลือกผู้ประกอบการจำนวน 3 ราย เพื่อเป็นผู้แทนของแต่ละกลุ่มจังหวัด เข้าร่วมการแข่งขันนำเสนอผลงานการพัฒนาสินค้าชุมชนเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ (Pitching) ในงานมหกรรม Thailand e-Commerce Expo 2021 เพื่อเป็น 'สุดยอด e-Commerce Genius แห่งปี' รวมถึงจะได้รับสิทธิในการเข้ารับคำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ แบบตัวต่อตัว ทั้งด้านการนำเสนอเรื่องราว (Story Telling) ด้านการนำเสนอสินค้า (Product Presentation) ด้านการทำตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) และด้านการนำเสนอผลงาน (Pitching) และจะได้รับสิทธิพิเศษจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานพันธมิตรอีกด้วย

ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร.0 2547 5961 และสายด่วน 1570 หรือดูรายละเอียดทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th
#3597


วันที่ 3 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงนามประกาศ กทม. เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 39) เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ตามประกาศใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 ส.ค. 2564 โดยมีคำสั่งปิดสถานที่ในกรุงเทพฯ และให้ดำเนินการตามที่ระบุไว้ในประกาศ กทม. เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่  32) ลงวันที่14 มิถุนายน 2564 (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 27 มิถุนายน2564 (ฉบับที่ 35) ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 (ฉบับที่ 36) ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 และ(ฉบับที่ 38) ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2564

ทั้งนี้ สำหรับประกาศ กทม.ฉบับที่ 37 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ได้กำหนดสถานที่ที่เปิดได้ตามความจำเป็น ดังนี้

1.โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านขายยาและเวชภัณฑ์

2.ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม

3.ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์

4.โรงงาน ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง

5.ร้านค้าทั่วไป ร้านจำหน่ายสินค้าเน็ดเตล็ดอันจำเป็น

6.สถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส

7.ตลาดนัด (เฉพาะส่วนที่จำหน่ายอาหารและวัตถุดิบเพื่อการบริโภค)

8.สถานรับเลี้ยงเด็ก (เฉพาะในโรงพยาบาลและที่รับตัวไว้พักค้างคืน)

9.สถานดูแลผู้สูงอายุ (เฉพาะที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืน)

10.ธุรกิจประกันภัย หน่วยบริการงานช่วยเหลือกู้ภัย

11.ศูนย์บริการหรือร้านซ่อมแซมยานพาหนะ ร้านแบตเตอรี่

12.หน่วยบริการตรวจสอบหรือซ่อมบำรุงระบบสารารณูปโภค ระบบระบายน้ำ

13.ระบบท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผู้จัดเก็บและกำจัดขยะบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (delivery online)

ขณะเดียวกันในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 39) ล่าสุดนั้น มีคำสั่งให้ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบกิจการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 นาฬิกา โดยให้ดำเนินการ ได้เฉพาะการจำหน่ายในรูปแบบการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านการบริการขนส่งอาหาร (Food Delivery Service) เท่านั้น

รวมถึงให้พื้นที่หรือสถานที่ก่อสร้าง ดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคาร สถานที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับแรงงาน งานก่อสร้าง และการเดินทางเคลื่อนย้ายแรงงาน ซึ่งได้เคยมีประกาศหรือคำสั่งให้ปิดสถานที่หรือหยุดการดำเนินการ ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2564 หรือเคยได้รับการผ่อนคลายแบบมีเงื่อนไข ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 35) ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 แต่ต่อมาสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ตามมาตรฐานทางสาธารณสุข หรือได้ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้สถานที่มีสภาวะที่ถูกสุขลักษณะแล้ว เปิดหรือดำเนินการได้ภายใต้หลักเกณฑ์ มาตรการ และแนวทางกำกับติดตามประเมินผลที่กระทรวงสาธารณสุขหรือทางราชการกำหนด 

สำหรับสถานที่กิจการที่ถูกปิดทั้งหมด 33 กิจการ มีดังนี้

1.สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะ คล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน

2.สถานประกอบกิจการอาบอบนวด

3.สถานประกอบกิจการอาบน้ำ สถานประกอบ กิจการอบไอน้ำ อบสมุนไพร

4.สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่

5.สนามชนโค สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน

6.สนามมวย โรงเรียนสอนมวย

7.สนามม้า

8.สนามแข่งขันทุกประเภท

9.โต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด

10.สถานที่เล่นโบว์ลิ่งหรือตู้เกม

11.ร้านเกม และร้านอินเทอร์เน็ต

12.โรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ โรงละคร

13.สถานที่แสดงมหรสพ หรือสถานที่ที่มีการแสดงหรือการละเล่นสาธารณะ

14.สวนน้ำ สวนสนุก

15.สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นสำหรับเด็ก

16.สวนสัตว์ หรือสถานที่จัดแสดงสัตว์

17.สถานที่เล่นสเก็ตหรือโรลเลอร์เบลดหรือการเล่นอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน

18.สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส

19.โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม)

20.สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ

21.สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยงสถานที่จัดเลี้ยง รวมถึงสถานที่อื่นใดที่มีลักษณะเดียวกัน

22.ศูนย์พระเครื่อง พระบูชา และสนามพระเครื่องพระบูชา

23.สถานที่ให้บริการควบคุมน้ำหนัก สถานเสริมความงาม คลินิกเสริมความงาม (ไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นคลินิกเวชกรรม) สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เช่น กิจการสปานวดเพื่อสุขภาพ นวดฝ่าเท้า

24.สนามกีฬาทุกประเภทในร่ม เช่น สนามแบดมินต้น สนามฟุตซอลสนามบาสเก็ต. สนามวอลเลย์.กลางแจ้ง เช่น สนามกอล์ฟ สนามซ้อมกอล์ฟ สนามฟุต. สนามเทนนิส

25.สวนสารารณะ สวนพฤกษศาสตร์ต่างๆ

26.ลานกีฬา

27.ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ

28.ศูนย์การเรียนรู้ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์ เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม หรือหอศิลป์

29.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชนห้องสมุดเอกชน และบ้านหนังสือ

30.พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์สถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันแหล่งประวัติศาสตร์ หรือ โบราณสถาน

31.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเด็กก่อนวัยเรียน

32.ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผมร้านทำเล็บ หรือร้านสัก

33.สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬา หรือกิจกรรมทางน้ำเพื่อการสันทนาการ สระว่ายน้ำสาธารณะหรือกิจการอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
#3598


รัฐฟลอริดาและรัฐลุยเซียนา ในวันจันทร์ (2 ส.ค.) ทุบสถิติหรือใกล้ทุบสถิติมีคนไข้โควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด จากการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตา ในขณะที่แพทย์คนหนึ่งเอ่ยปากเตือนกำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดเท่าที่เคยมีมา

มีคนไข้โควิด-19 มากกว่า 10,000 คน เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ในรัฐฟลอริดา จนถึงวันอาทิตย์ (1 ส.ค.) ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลของรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรัฐลุยเซียนา คาดหมายว่าจะทุบสถิติสูงสุดภายใน 24 ชั่วโมง กระตุ้นให้ผู้ว่าการรัฐ จอห์น เบล เอ็ดเวิร์ดส จากพรรคเดโมแครต สั่งให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอีกครั้งยามอยู่ในร่ม

"นี่คือวันเวลาที่มืดมิดที่สุดของโรคระบาดใหญ่" แพทย์หญิงแคเธอรีน โอนีล หัวหน้าเจ้าหน้าที่แพทย์แห่งศูนย์การแพทย์อาวร์ เลดี ออฟ เดอะ เลค เรเจีย. เมดิคอล เซ็นเตอร์ ในเมืองบาตันรูช รัฐลุยเซียนา กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับ เอ็ดเวิร์ดส "เราไม่สามารถให้การดูแลคนไข้อย่างเพียงพอได้อีกแล้ว"

โอนีล เรียกร้องชาวลุยเซียนาเข้ารับวัคซีน พร้อมเตือนว่าคนไข้กำลังล้นโรงพยาบาล และพยาบาลจำนวนมากติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้รัฐแห่งนี้ขาดแคลนบุคคลากรทางการแพทย์กว่า 6,000 คน

ตัวเลขผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐอาร์คันซอก็กำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน และท้ายที่สุดแล้วก็น่าจะทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในแคลิฟอร์เนีย พวกผู้นำทางการเมืองใน 8 เคาน์ตีย่านอ่าวซานฟรานซิสโก กลับมาบังคับสวมหน้ากากยามอยู่ในสถานที่สาธารณะในร่มอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคาร (3 ส.ค.) เป็นต้นไป

ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก และนิวเจอร์ซีย์ ระบุว่าจะบังคับพนักงานด้านการขนส่ง เจ้าหน้าที่เรือนจำ บุคลากรตามโรงพยาบาลต่างๆ และเจ้าหน้าที่ประจำบ้านพักคนชรา ฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ต้องเข้ารับการตรวจเชื้อเป็นประจำ ส่วนไมเคิล แฮนค็อค นายกเทศมนตรีเมืองเดนเวอร์ ระบุว่า จะบังคับฉีดวัคซีนลูกจ้างของเมืองที่มีมากกว่า 11,000 คน

แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เรียกร้องบาร์ ร้านอาหารและธุรกิจเอกชนอื่นๆ อนุญาตเฉพาะคนฉีดวัคซีนแล้วเข้าไปในร้าน พร้อมระบุว่า จะบังคับฉีดวัคซีนสำหรับเจ้าหน้าที่ประจำบ้านพักคนชรา ครู และบุคลากรด้านสาธารณสุข หากเคสผู้ติดเชื้อไม่ลดลง

ฟิล เมอร์ฟีย์ ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ บ่งชี้ว่าเขาจะบังคับอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะทั้งชาวบ้านหรือภาคธุรกิจทั้งหลาย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นตัวแทนความพยายามล่าสุดของบรรดาผู้กำหนดนโยบาย ที่กำลังดิ้นรนกระตุ้นให้ชาวอเมริกันชนผู้ลังเลเข้าฉีดวัคซีน ท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตัวกลายพันธุ์เดลตา ที่พุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา จากพรรครีพับลิกัน กลับมีจุดยืนตรงกันข้าม เขาออกคำสั่งพิเศษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ห้ามโรงเรียนทั้งหลายบังคับสวมหน้ากาก โดยบอกว่าบรรดาผู้ปกครองควรเป็นคนตัดสินใจแทนเด็กๆ ในเรื่องนี้

เจ้าหน้าที่เขตในโบรวอร์ด เคาน์ตี และกัดสเดน เคาน์ตี ถึงขั้นเคยถูก เดอซานติส ขู่ระงับงบประมาณจากกรณีที่บังคับสวมหน้ากาก และในวันจันทร์ (2 ส.ค.) พวกเขาเผยว่าจะยกเลิกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากในฤดูใบไม้ผลิ

ฟลอริดาเป็นหนึ่งในรัฐที่กำลังเผชิญการแพร่ระบาดเลวร้ายที่สุดในสหรัฐฯ รัฐแห่งนี้มีคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ

แมรี เมย์ฮิว ประธานสมาคมโรงพยาบาลแห่งฟลอริดา ระบุว่า การแพร่ระบาดระลอกล่าสุด ส่งผลให้จำนวนคนไข้โควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจาก 2,000 คนเป็น 10,000 คน ภายในเวลาไม่ถึง 30 วัน แม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าจุดพีดสุดก็ตาม

"กลุ่มคนอายุน้อยจำนวนมากกำลังเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล" เมย์ฮิว กล่าว "ปีที่แล้ว ผู้คนคงได้ยินว่าโควิดก่อความเสี่ยงสูงกับคนชราของเรา หรือบุคคลที่มีโรคประจำตัวรุนแรง แต่สำหรับตัวกลายพันธุ์เดลตา ชัดเจนว่ามันก่อความเสี่ยงอย่างมากต่อคนหนุ่มสาว"

(ที่มา : รอยเตอร์) https:// m.mgronline.com/around/detail/9640000075716
#3599


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในเช้าวันนี้ โดยบางส่วนได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,446.78 จุด ลดลง 17.51 จุด หรือ -0.50%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,580.03 จุด ลดลง 200.99 จุด หรือ -0.72% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,289.06 จุด เพิ่มขึ้น 53.26 จุด หรือ +0.20%

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะที่ภาครัฐและเอกชนของสหรัฐฯ ได้ประกาศกฎระเบียบใหม่ในการควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้พนักงานที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยแม้ว่าจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม และมีบริษัทหลายแห่งออกกฎบังคับให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนก่อนที่จะเข้ามาทำงานในออฟฟิศ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 59.5 ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 60.9 หลังจากแตะระดับ 60.6 ในเดือน มิ.ย. โดยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่

นักลงทุนจับตาการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคของสหรัฐฯ โดยรายงานล่าสุดระบุว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน American Jobs Plan จะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจและความเคลื่อนไหวของประเทศเอเชียในวันนี้ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค.ของเกาหลีใต้ และธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย

https:// m.mgronline.com/stockmarket/detail/9640000075732
#3600


การระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากจะเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในยุคนี้แล้ว ยังทำให้บริษัทต่างๆในทุกภาคอุตสาหกรรมปรับตัว ปรับรูปแบบบในการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ การทำงานทางออนไลน์ข้ามพรมแดนจึงเพิ่มขึ้นถึง 30% หรือมีมนุษย์เงินเดือนทำงานทางไกลทั่วโลกประมาณ 600 ล้านคน

"ริชาร์ด บัลด์วิน" นักเศรษศาสตร์ระหว่างประเทศระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่การทำงานทางไกลจะกลายเป็นการทำงานกระแสหลักในตลาดแรงงานโลกและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั้งหลายทั้ง อินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศต่างมีส่วนช่วยเสริมให้แนวโน้มนี้เติบโตมากขึ้น

มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ระบุว่า ในปี 2563 แรงงานในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ทำงานทางไกลหรือทำงานทางออนไลน์มีสัดส่วน 82% เป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยจ้างแรงงานรายชั่วโมงโดยเฉลี่ย 10 ดอลลาร์เทียบกับในสหรัฐที่ 33 ดอลลาร์

ด้านองค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ไอแอลโอ) ยังคงมีความเห็นว่า งานหลายประเภทสามารถทำทางออนไลน์ได้ดี ให้ผลผลิตและผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจแก่เจ้าของกิจการ

ไอแอลโอประเมินว่า หนึ่งในหกของแรงงานทั้งโลก รวมถึงวิศวกรเทคโนโลยีสารสนเทศและเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน สามารถทำงานทางไกลได้ หมายความว่ามีแรงงานทั่วโลกที่สามารถทำงานทางไกลได้ 600 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศ อย่างญี่ปุ่น ยังคงล้าหลังเกี่ยวกับแนวโน้มในเรื่องนี้ และอาจจะได้เห็นญี่ปุ่นแข่งขันกับประเทศอื่นไม่ได้เลย หากไม่เร่งเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ทรัพยากรบุคคลในประเทศ

แรงงานทั่วโลกที่ลงทะเบียนกับฟรีแลนเซอร์ เว็บไซต์จัดหางานชั้นนำของออสเตรเลีย ที่ทำหน้าที่นำผู้ต้องการหางานและผู้ต้องการพนักงานทางออนไลน์มาพบกัน มีจำนวน 50.8 ล้านคนในช่วงปลายปี 2563 เพิ่มขึ้น 8.9 ล้านคนจากปีก่อนหน้านี้ และภายในเดือนมิ.ย.จำนวนแรงงานที่ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 53.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบ 30% จากช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาดของโรคโควิด-19

ขณะที่ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดและที่อื่นๆบ่งชี้ว่าการเสนอตำแหน่งงานผ่านทางโบรกเกอร์หางานออนไลน์มีฐานดำเนินงานในอังกฤษในช่วงเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 30% จากช่วง2ปีก่อนหน้านี้

นอกจากมาตรการเข้มงวดด้านการเดินทางเข้า-ออกข้ามพรมแดนเพราะการระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว นโยบาย"อเมริกันต้องมาก่อน"ของนายโดนัลด์ ทรัม์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ส่งผลต่อแรงงานในระบบ โดยสหรัฐออกวีซ่าสำหรับคนทำงานลดลงอย่างมากในปีงบประมาณ 2563 นับจนถึงเดือนก.ย.ปี 2563 สหรัฐออกวีซ่าประเทศH-1B แก่ผู้มาขอจำนวน124,983 คน โดยวีซ่านี้อนุญาตให้เจ้าของบริษัทว่าจ้างแรงงานต่างชาติในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล และอาชีพอื่นๆ ลดลง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้

ประมาณกลางปี2563 ทรัมป์ลงนามคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีห้ามไม่ให้มีการอพยพถิ่นฐานเข้าสู่สหรัฐเป็นการชั่วคราวด้วยความหวังว่าจะปกป้องตำแหน่งงานให้กับชาวอเมริกันที่ตกงานในช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ความเข้มงวดในการออกวีซ่าทำงานของรัฐบาลสหรัฐ ส่งผลกระทบอย่างมากแก่บรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกที่ส่งวิศวกรจำนวนมากไปอเมริกาเหนือ อาทิ อินโฟซิส ของอินเดีย และทาทา คอนซัลแทนซี เซอร์วิสเซส แต่ถึงแม้จะเจอปัญหาเรื่องวีซ่าทำงานแต่บริษัทเหล่านี้ยังคงทำรายได้ในตลาดอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น โดยอินโฟซิส มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในปีงบการเงิน ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมี.ค. เป็น 8,300 ล้านดอลลาร์

บรรดาบริษัทไอทีทั้งหลายที่เจอข้อจำกัดต่างๆรวมทั้งการออกวีซ่าทำงาน พยายามรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการต่างๆ หนึ่งในนั้นคือว่าจ้างพนักงานในท้องถิ่นเพิ่ม ขณะเดียวกันก็ดำเนินนโยบายให้พนักงานทำงานจากที่บ้านหรือที่อื่นโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ

" เวนกาทาระมาน รามากฤษณันท์" อดีตประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของบริษัททาทา คอนซัลแทนซี เซอร์วิสเซส มีความเห็นว่า การทำงานทางไกลช่วยให้บริษัทสามารถจัดสรรตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับสถานที่ต่างๆและวีซ่าการทำงานของพนักงานคนนั้นๆได้ ทั้งยังลดความเสี่ยงในการให้บริการด้านต่างๆของบริษัทด้วย

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952270