• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chigaru

#2701
ก.ล.ต.วาง 5 เป้าหมายขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปี 65-67 ชูดิจิทัล-เชื่อมโยง-ยั่งยืน

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขานุการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์ก.ล.ต.ปี 65-67 ว่า ก.ล.ต.วางเป้าหมายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในเรื่องของ Competitiveness เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน, Inclusiveness เสริมสร้างการมีส่วนร่วม และ Trust&Confidence การสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้น เอาไว้ด้วยกัน 5 ด้าน ประกอบด้วย

1. ตลาดทุนเป็นกลไกสำคัญในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง ผ่านการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการระดมทุนของกลุ่มธุรกิจที่เป็นเป้าหมายของประเทศ อาทิ กลุ่ม BCG, 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-curve, SMEs, Startups โดยมีแนวทางการกำกับดูแลที่เอื้อต่อการสนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจเป้าหมายสามารถระดมทุนผ่านตลาดทุน ได้แก่ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับทราบถึงปัญหา อุปสรรค และปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มธรกิจเป้าหมาย, กำหนดแนวทางและปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึงตลาดทุน, จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้เกี่ยวข้อง

2. การเป็นตลาดทุนดิจิทัล เพื่อส่งเสริมศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศ โดยการพัฒนาระบบนิเวศและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม โดยจะดำเนินการตั้งแต่ปรับปรุงฉากทัศน์ การกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อยกระดับคุ้มครองผู้ลงทุนและส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจ Digital Assets, การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาส่งเสริมการพัฒนากำกับดูแลตลาดทุน (Tech-led supervision) เพื่อการเปิดเผย เชื่อมโยงข้อมูล นำดิจิทัลเข้ามาบังคับใช้กฎหมาย และยกระดับการเฝ้าระวัง การติดตามความเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน รวมถึงยกระดับการกำกับดูแลความมั่นคง ความปลอดภัยทาง Cyber & Data ในตลาดทุน

3. การยกระดับศักยภาพตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน ทั้ง SDGs, ESG ให้ทัดเทียมระดับสากล

4. สร้างตลาดทุนให้มีระบบนิเวศที่เหมาะสม ยืดหยุ่นตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาและกำกับดูแลให้สอดรับกับฉากทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมเชื่อมโยงและเป็นที่ยอมรับในสากล ซึ่งจะดำเนินการศึกษา กำหนดทิศทาง การพัฒนา และกำกับธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงตรวจสอบความเสี่ยงให้เท่าทันต่อฉากทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป, การเชื่อมโยงกับต่างประเทศ ทั้งการส่งเสริมสินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Cross-border Products) เป็นต้น

5. ผู้ลงทุนมีศักยภาพในการสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดี ผ่านการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตลาดทุนในการสะสมความมั่งคั่งได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการที่ดีได้ โดยร่วมกับภาคธุรกิจขยายฐานผู้ลงทุน ส่งเสริมการลงทุน, ปรับปรุง พ.ร.บ.PVD ให้สอดรับกับร่าง พ.ร.บ.กบช. อีกทั้งยังส่งเสริมทักษะความเข้าใจด้าน financial & digital literacy เพื่อติดอาวุธความรู้ผู้ลงทุนให้เป็น Smart investor

พร้อมกันนั้น ยังได้วางเป้าหมายภายในสำนักงาน ก.ล.ต.ให้เป็นองค์กรนวัตกรรม (Innovative Organization) ไว้ 2 ด้าน ประกอบด้วย Everything is possible culture: คน ก.ล.ต. คิอต่อยอด พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างแนวคิด วิธีและรูปแบบใหม่ๆ ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ Excellent services: ก.ล.ต. เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม นำดิจิทัลมาใช้ เพื่อให้บริการสะดวก ลดภาระ ตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสีย และเชื่อถือได้
#2702
UAC พบนักลงทุนงานโชว์ศักยภาพการลงทุนด้าน Circular Economy ในงาน Opportunity Day

นางสาวอลิสา ชีวะเกตุ (ซ้าย) Corporate Image & Treasury Manager พร้อมด้วยนางสาวสัจจาภรณ์ รัมยประยูร(ขวา) Vice President investor Relations & Corporate Secretary บมจ. ยูเอซี โกล. (UAC) ร่วมนำเสนอข้อมูลบริษัทฯ ภายในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) หลังประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2664 รายได้รวมแตะ 1,466.26 ล้านบาท กำไรส่วนที่เป็นของบริษัท 246.81 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลอีกในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 นี้ พร้อมประกาศเดินหน้ายุทธ์ศาสตร์ Circular Economy ควบคู่ไปกับการสร้าง Sustainable Development ให้กับองค์กร ปั้นธุรกิจโรงไฟฟ้าชุมชน-แหล่งปิโตรเลียม- EV Charging Station หวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลการดำเนินงาน โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ แตะ 2,000 ล้านบาท และ EBITDA มากกว่า 420 ล้านบาท ณ สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆนี้
#2703
รมว.สุชาติ ร่วมทีมเศรษฐกิจ แถลงมาตรการช่วยแรงงานและประชาชนลดผลกระทบวิกฤตยูเครน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมแถลงข่าวมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน - รัสเซีย โดยมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานและกล่าวรายงาน

นายสุชาติ กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าว และท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนและพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกท่าน จึงให้แต่ละหน่วยงานกำหนดมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยด่วนที่สุด ซึ่งภายใต้การกำกับดูแลของท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือและลดผลกระทบต่อประชาชนในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน เพื่อลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น โดยการลดเงินสมทบทั้งในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันทุกมาตราเป็นระยะเวลา 3 เดือน ได้แก่

ผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 11.2 ล้านคน จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 5 เหลือ ร้อยละ 1 ยกตัวอย่างหากคิดบนฐานเงินเดือน 15,000 บาท จากเดิมต้องส่งเงินสบทบ 750 บาท จะลดลงเหลือส่งเงินสมทบ 150 บาท ทำให้สามารถลดภาระค่าครองชีพ ไปได้ประมาณ 600 บาทต่อคนต่อเดือน
ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1.9 ล้านคน จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 9 เหลือร้อยละ 1.9 คือจากเดิมที่ต้องส่งเงินสมทบ 432 บาท จะลดลงเหลือส่งเงินสมทบ 91 บาท หรือลดภาระค่าครองชีพไปได้ประมาณ 341 บาทต่อคนต่อเดือน
ผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 10.6 ล้านคน จะได้ลดเงินสมทบในแต่ละทางเลือกลงร้อยละ 40 คือ ทางเลือกที่ 1 ลดการส่งเงินทบจากเดิม 70 บาท ลดลงเหลือ 42 บาททางเลือกที่ 2 ลดการส่งเงินทบจากเดิม 100 บาท ลดลงเหลือ 60 บาท ทางเลือกที่ 3 ลดการส่งเงินทบจากเดิม 300 บาท ลดลงเหลือ 180 บาท หรือลดภาระค่าครองชีพไปได้ประมาณ 84 - 360 บาทต่อคนต่อเดือน
นอกจากนี้ นายจ้าง จำนวน 5 แสนราย จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 5 เหลือ ร้อยละ 1 ซึ่งเป็นการลดต้นทุนการผลิต ยกตัวอย่างเช่น หากนายจ้างจ่ายค่าจ้างบนฐานเงินเดือน 15,000 บาทต่อลูกจ้าง 1 คน หากนายจ้างมีลูกจ้าง 1,000 คน จะสามารถลดต้นทุน การผลิตของนายจ้างต่อเดือนลง 600,000 บาท รวมระยะเวลา 3 เดือนเป็นเงินทั้งสิ้น 1,800,000 บาท
มาตรการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนประมาณ 24.2 ล้านคน เป็นเม็ดเงินมูลค่าประมาณ 34,540 ล้านบาท ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ 103,620 ล้านบาท

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าประเด็นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำว่า กระทรวงแรงงานได้เร่งรัดติดตามการดำเนินการเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศไทยหากเทียบกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญด้านการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว อัตราค่าจ้างขั้นต่ำของเรายังอยู่ในระดับที่สูงกว่า และ การขึ้นค่าแรงในแต่ละครั้งนั้น มีคณะกรรมการค่าจ้างที่เป็นคณะกรรมการไตรภาคี 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล ตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2551 ตามเกณฑ์การพิจารณาเกี่ยวกับ ดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ มาตรฐานการครองชีพ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและตามหลักการของ ILO ทั้งนี้ ในห้วง เดือน เม.ย. - มิ.ย. 65 อยู่ในขั้นตอนที่สำนักงานคณะกรรมการค่าจ้างและสำนักงานแรงงานจังหวัดดำเนินการสำรวจและประมวลผลค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาทบทวนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดและกรุงเทพฯ จากนั้นในเดือน ก.ค.65 คณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดและกรุงเทพฯ จะจัดประชุมพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และส่งผลประชุมให้คณะกรรมการค่าจ้าง ก่อนที่จะให้คณะกรรมการค่าจ้างพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นจัดการประชุมพิจารณาในเดือน ส.ค.-ก.ย.65 โดยในกรณีมีมติปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ กระทรวงแรงงานจะลงนามเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

รมว.แรงงาน ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องช่วงโควิด-19 ทั้งในส่วนของนายจ้าง และลูกจ้าง เช่น โครงการ ม.33 เรารักรักกัน โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบ 29 จังหวัด การลดเงินสมทบ จำนวน 5 ครั้ง นอกจากนั้น รัฐบาลยังได้มีมาตรการในการรักษาระดับการจ้างตามโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs จนทำให้ในปี 2564 ตลาดการจ้างงานพลิกกลับเป็นบวก มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 170,000 ตำแหน่ง อีกทั้งรัฐบาลยังมีมาตรการด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข คือโครงการ Factory Sandbox เพื่อให้ธุรกิจยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ ภายใต้มาตรการทางด้านสาธารณสุข จนทำให้ในปี 64 มูลค่าภาคการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการในรอบ 11 ปี หรือประมาณ 8.7 ล้านล้านบาท และด้วยความห่วงใยจากท่านนายกรัฐมนตรี จึงได้กรุณาอนุมัติจัดสรรยอดวัคซีนในโครงการวัคซีนมาตรา 33 สำหรับพี่น้องผู้ใช้แรงงานโดยเฉพาะ รวมถึงกำชับให้กระทรวงแรงงานดูแลพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ป่วยโควิด-19 จนนำไปสู่การจัดตั้ง Hospitel เพื่อรองรับการรักษาแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน

"มาตรการช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนเพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ที่กระทรวงแรงงานได้กำหนดขึ้นมานั้น เป็นมาตรการระยะสั้นและระยะกลาง ซึ่งเป็นความห่วงใยจากรัฐบาลและกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ทุกคนผ่านพ้นห้วงวิกฤตซ้อนวิกฤตก้าวข้ามสถานการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน" นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด
#2704
รับออกแบบ Line Sticker สำหรับองค์กร บริษัทอีกหนึ่งช่องทางการโฆษณาในยุค Social Media ครองโลก กับบริการรับออกแบบสติ๊กเกอร์ไลน์ แบรนด์ องค์กร หรือสินค้าที่อยากมีสติกเกอร์ไลน์เป็นของตัวเองโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ในแบบที่คุณกำหนดได้เองโดยสามารถใช้ได้กับโปรแกรมยอดฮิตอย่าง LINE และรวมไปถึงทุกแอพพลิเคชั่นแชท ด้วยการออกแบบเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยบริษัทรับทําสติ๊กเกอร์ไลน์มืออาชีพ ทีมงานคุณภาพ "การันตีจากผลงานลูกค้า มากกว่า 5,000 ชุด" 
#2705
'พรินซิเพิล' จับจังหวะออกทริกเกอร์ฟันด์เวียดนาม มองหุ้นเวียดนามแข็งแกร่งท่ามกลางตลาดโลกผันผวน เปิดขาย 
บลจ. พรินซิเพิล มองเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตแข็งแกร่ง หนุนโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามเพื่อสร้างผลตอบแทนในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนเตรียมเสนอขาย IPO กองทุนเปิด "พรินซิเพิล เวียดนาม ทริกเกอร์ 7M1" (PRINCIPAL VNTG7M1) วันที่ 28 มีนาคม - 5 เมษายนนี้ ชูจุดเด่นด้วยกลยุทธ์การบริหารพอร์ตแบบ Active Management โดยทีมบริหารกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามในประเทศไทย

นายศุภกร ตุลยธัญ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า ในสภาวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนสูง ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความน่าสนใจต่อการลงทุน ด้วยศักยภาพของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดย IMF ได้คาดการณ์ว่าในปี 2565 เศรษฐกิจของเวียดนามจะกลับมาเติบโตได้ที่ระดับ 6.63% สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้เศรษฐกิจเวียดนามยังมีความแข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคท่ามกลางปัจจัยลบที่กระทบกับตลาดหุ้นหลายประเทศ โดยที่ผ่านมาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่สามารถรักษาอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจให้เป็นบวกได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 มีความรุนแรง

ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามได้แก่ การเคลื่อนย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรชนชั้นกลางซึ่งสะท้อนออกมายังการบริโภคภายในประเทศที่เร่งตัวขึ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันเวียดนามถือเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ที่มีสัดส่วนเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ต่อ GDP สูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย เป็นต้น ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตจากสิทธิประโยชน์ทางการค้าระหว่างประเทศที่เวียดนามมีอยู่ เช่น CPTPP, RCEP และ EVFTA ที่ทำให้เวียดนามมีความน่าสนใจมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 3.5 แสนล้านดอง หรือประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งครอบคลุมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และการปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ธนาคารกลางเวียดนามยังมีแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4% ตลอดทั้งปีนี้ นอกเหนือจากนั้นประเทศเวียดนามได้ประกาศยกเลิกยกเลิกการใช้มาตรการกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศเพียงแค่แสดงผลตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นลบ โดยคาดว่าภาคท่องเที่ยวที่มีการทำรายได้ประมาณปีละ 32,000 ล้านดอลลาร์ก่อนหน้าการระบาด จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเวียดนาม

ในส่วนของตลาดหุ้นเวียดนามมองว่ายังคงมีความน่าสนใจอยู่มาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศกำลังพัฒนาอื่น ในช่วงปี 2563 -2564 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นเวียดนามสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญจากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนรายย่อย และคาดว่าเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติจะกลับมาให้ความสนใจกับตลาดเวียดนามเนื่องจากเป็นเศรษฐกิจที่มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตที่โดดเด่น ซึ่งหากได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติก็จะยิ่งทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มที่ดี ในปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนามมีระดับ valuation ที่ไม่แพงและมีอัตราการเติบโตของกำไรที่โดดเด่น โดยจากการประเมิน valuation แบบ Forward P/E อยู่ที่ประมาณ 14 เท่า และ EPS Growth หรืออัตรากำไรต่อหุ้นในปี 2565 ในระดับมากกว่า 20% จึงทำให้หุ้นเวียดนามมีความน่าสนใจอย่างมากในการนำเสนอกองทุนในรูปแบบของทริกเกอร์ฟันด์

อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องให้ความสำคัญและติดตามอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็น 1) ทิศททางการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ Fund Flows จากนักลงทุนต่างชาติ 2) สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน 3) การเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อของเวียดนามที่อาจกดดันให้ธนาคารกลางเวียดนามต้องตัดสินใจปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้ และ 4) แนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินบาทที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของกองทุนรวม

นายศุภกร กล่าวอีกว่า จากแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ดี และจากความเชี่ยวชาญในการบริหารกองทุนของเรา พรินซิเพิลจึงเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ล่าสุดเตรียมเปิดตัว "กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม ทริกเกอร์ 7M1" หรือ Principal Vietnam Trigger 7M1 Fund (PRINCIPAL VNTG7M1) ทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 28 มีนาคม - 5 เมษายน 2565 สั่งซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท โดยเป็นกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีธุรกิจหลักในเวียดนาม หรือได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม และมีรูปแบบเป็น Trigger Fund ที่ไม่กำหนดอายุกองทุน แต่จะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ตามเงื่อนไข ดังนี้

ครั้งที่ 1 เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.35 บาท และทรัพย์สินของกองทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติจะต้องเป็นเงินสดหรือตราสารสภาพคล่องในสกุลบาทเพียงพอที่จะชำระค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในส่วนของผลตอบแทนจากการลงทุนในอัตราร้อยละ 3.50 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) (หรือเท่ากับ 0.35 บาท/หน่วย) โดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเมื่อกองทุนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10.35 บาท เพียงครั้งเดียวนับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทุน

ครั้งที่ 2 เมื่อเกิดเหตุตามเงื่อนไขการเลิกกองทุน คือ เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.75 บาท และ บริษัทจัดการสามารถรวบรวมเงินสดหรือตราสารสภาพคล่องในสกุลบาทได้เพียงพอเพื่อรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนตามที่ระบุในโครงการ อย่างไรก็ตาม อัตรารับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับจากการเลิกกองทุนเมื่อเกิดเหตุการณ์ตามเงื่อนไขการเลิกกองทุน เมื่อคำนวณเป็นมูลค่าต่อหน่วยลงทุนอาจมีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าหน่วยลงทุนที่กำหนดตามเงื่อนไขการเลิกโครงการ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายคืนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนในช่วงระยะเวลา 7 เดือนแรกนับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทุน และกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ตามเงื่อนไขในระยะเวลา 7 เดือน บริษัทจัดการจะเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอีกครั้งในวันทำการแรกถัดจากวันครบกำหนดระยะเวลา

กองทุนเปิด PRINCIPAL VNTG7M1 มีแนวทางบริหารพอร์ตการลงทุนแบบเชิงรุก (Active Management) โดยทีมบริหารกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมด้วยความร่วมมือกับทีม Principal ในระดับภูมิภาค เพื่อคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพดี สามารถสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ผ่านการพิสูจน์ผลงานจากทีมผู้จัดการกองทุนที่บริหารกองทุนเปิด PRINCIPAL VNEQ ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีที่ 52.62% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่โดดเด่นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามในประเทศไทย (Source: Morningstar ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564)

กองทุนดังกล่าวแบ่งกลยุทธ์การลงทุนออกเป็น การสร้างผลตอบแทนแบบ Passive ETF และการบริหารจัดการพอร์ตแบบ Active Management โดยสัดส่วนประมาณ 50% จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน ETF ตลาดหุ้นเวียดนาม เช่น กองทุน VN30 ETF ที่เป็นการลงทุนในหุ้นเวียดนามชั้นนำ 30 บริษัทแรกที่มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องดีในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ในขณะที่อีกประมาณ 50% จะเน้นลงทุนในหุ้นรายตัวด้วยการคัดเลือกแบบ High Conviction จากบริษัทที่มีพื้นฐานดี กำไรเติบโต (Fundamentals) มีแนวโน้มของราคาที่ดี (Momentum) และมูลค่าของหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ (Valuation) ยกตัวอย่างเช่น Masan Group Corporation บริษัท holding company ที่มีชื่อเสียงในเวียดนาม และ Vinhomes Joint Stock Company ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเวียดนาม เป็นต้น

ทั้งนี้ กองทุนเปิด PRINCIPAL VNTG7M1 เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 28 มี.ค. - 5 เม.ย. 2565 มูลค่าสั่งซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02 686 9595 หรือ www.principal.th หรือ Principal TH Mobile App
#2706
เครื่องพิมพ์การ์เวียร์ 8 สี ( Gravure Printing Machine ) อธิบายถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องจักรของทางบริษัท

เครื่องพิมพ์การ์เวียร์ 8 สี
 ถูกออกแบบมาด้วยผู้เชี่ยวชาญในการพิมพ์โดยเฉพาะและมีประสบการณ์อย่างมาก เครื่องพิมพ์การ์เวียร์ 8 สี
ถูกออกแบบมาเพื่อพิมพ์ถุงพลาสติกโดยเฉพาะสำหรับการพิมพ์ถุงพลาสติกอย่างเช่น PE, PVC, BOPP, OPP และถุงพลาสติกชนิดอื่นๆ.
ไม่ว่าเราจะพิมพ์ถุงพลาสติกแค่ด้านเดียวหรือเราอยากจะพิมพ์ทั้งสองด้านก็ตาม กระบวนการผลิตจะจัดการเพียงแค่ 1 ครั้งที่เราสั่งการ
ซึ่งมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก, เครื่องจักรถูกออกแบบมาให้ทำงานง่ายเหมาะแก่ผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่มีประสบการณ์แล้ว

ใช้วัสดุในการทำเครื่องจักรอย่างดีเพื่อให้เครื่องจักรมีคุณภาพและมีความทนทานให้นานที่สุด เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องจักร
ให้ท่านลูกค้า เครื่องจักรถูกออกแบบมาโดยเฉพาะทางเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่ออกมามีความสมบูรณ์และได้สีตามที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด  ถ้าท่านลูกค้าสนใจสินค้า สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามได้ครับ

ติดต่อ :
Email : info@cctgroup.co.th
เบอร์โทรศัพท์ : 0816428557, 0812079977 (คุณสมนึก)
Website : https://www.cctgroup.co.th 
#2707
 สเปรย์ล้างสารเคมีหมดการอรอ สีทรีทเม้นท์แฟชั่นเข้ามาครบทุกเฉดสีแล้วจ้ะ สีย้อมผมผสมทรีทเม้นท์ ดูแลผม 
เนื้อสีแน่น ติดทน ไม่ต้องผสมไฮโดรเจน ไม่มีแอมโมเนีย สามารถลงได้เลย มีให้เลือกถึง 11 เฉดสีกันเลย
โดย บริษัท โมเดิร์น แฟนตาซี จำกัด ผู้นำเข้า-ส่งออก 
 สเปรย์ล้างสารเคมีเครื่องใช้ไม้สอย
 อุปกรณ์ไฟฟ้า 
 สเปรย์ล้างสารเคมี รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับเส้นผม 
ภายใต้แบรนด์ ENIE(เอนี่)


https://bit.ly/3LspIIP
#2708
ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการอังกฤษขั้นต้นเดือนมี.ค.ปรับตัวลงแตะ 59.7

เอส แอนด์ พี โกล./ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคผลิตและบริการขั้นต้นเดือนมี.ค. ของอังกฤษขยับลงไปแตะที่ 59.7 จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 59.9 ในเดือนก.พ.

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลงน้อยกว่าระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 57.8 โดยดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจในสหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายตัว

นายคริส วิลเลียมสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเอส แอนด์ พี โกล. ระบุว่า การเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหลังจากที่มีการบังคับใช้มาตรการสกัดโควิด-19 ได้ช่วยชดเชยผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ และปัญหาราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของภาคเอกชนอังกฤษนั้นยังคงไม่สู้ดีนัก เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยิ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า ราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดิม ตลอดจนอาจซ้ำเติมปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน และชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
#2709
CH ยื่นไฟลิ่งขายหุ้นไอพีโอจำนวน 160 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

"เจริญอุตสาหกรรม" ยื่นไฟลิ่งขายหุ้นไอพีโอจำนวน 160 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนใน SET ระดมทุน "ปรับปรุงโรงงาน-ก่อสร้างคลังสินค้า และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ" รองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจ

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของบริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 20% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท

"ในปัจจุบันบริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH มีทุนจดทะเบียนจำนวน 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 320 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนส่วนที่ยังไม่ได้ชำระจำนวน 80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 160 ล้านหุ้น ที่จะรองรับการเสนอขาย IPO โดยจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)" นายสมศักดิ์ กล่าว

นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้ (1) ผลไม้อบแห้ง (2) ปลากระป๋อง และ (3) ขนมเพื่อสุขภาพ บริษัทเน้นส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศมากกว่าร้อยละ 70 ของรายได้จากการขาย อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย ไต้หวัน ฝรั่งเศส คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น

"บริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตผลไม้และอาหารแปรรูป จากการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปและอาหารบรรจุกระป๋องที่หลากหลาย มีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งมีการคิดค้น พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ และช่วยให้คำปรึกษาและคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้า โดยบริษัทมีรูปแบบการจำหน่ายสินค้าแบบรับจ้างผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Original Equipment Man.cturing : OEM) จำหน่ายสินค้าเป็นแพ็คใหญ่ (Bulk Pack) ให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและกลุ่มลูกค้าธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่  และจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อาทิ EROS ซูมาโก้ เรือรบ Meble และ ChinHuay เป็นต้น" นายศักดา กล่าว

นายสุพล ค้าพลอยดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า การยื่นไฟลิ่งในครั้งนี้ เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และจะได้เตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัท และช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย รวมถึงสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว

"บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการปรับปรุงโรงงานผลิตสินค้าที่โรงงานท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตสินค้า และปรับปรุงคลังสินค้าท่าทราย จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บวัตถุดิบ (Raw Material) สินค้ากึ่งสำเร็จรูป (Semi-Product) และสินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) รวมถึงจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทอีกด้วย" นายสุพล กล่าว
#2710
ดอลลาร์แข็งค่า ขานรับ 'พาวเวล' ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขานรับนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ณ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.21% สู่ระดับ 121.05 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.11% สู่ระดับ 133.05 เยน และร่วงลง 0.33% สู่ระดับ 1.099 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.21% สู่ระดับ 98.70

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินไป ซึ่งหากจำเป็น เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงซื้อในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ขณะที่การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงไม่มีความคืบหน้า

นายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และเป็นผู้นำคณะเจรจาของยูเครน กล่าวว่า การเจรจาสันติภาพกับรัสเซียกำลังเผชิญความยากลำบากอย่างมาก

'เรายังคงเจรจาผ่านระบบออนไลน์ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากฝ่ายยูเครนมีจุดยืนและหลักการที่ชัดเจน' นายโปโดลยักกล่าว
ทางด้านรัสเซียกล่าวหาว่ายูเครนได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนในการเจรจา และระบุว่าสหรัฐกำลังพยายามทำให้รัสเซียและยูเครนอยู่ในสถานะสงครามให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ทั้งนี้ การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงไม่ประสบความคืบหน้าใดๆ แม้ก่อนหน้านี้มีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถลงนามในข้อตกลงหยุดยิง
#2711
ห้องสุวรรณภูมิในจังหวัดกรุงเทพ ประเทศไทย
​สุวรรณภูมิสวีทตั้งอยู่ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในกรุงเทพฯ
 เพียงแต่ 5 นาที เป็นอพาร์เม้นท์ที่เพอร์เฟ็ค โรงแรมใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ 
สำหรับผู้เดินทางที่คอยต่อเครื่อง ที่นี่ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าพักที่ยอดเยี่ยม
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบบริการเต็ม
ต้นแบบในทำเลที่ดีกว่ารวมทั้งราคาที่มีเหตุผล 
อพาร์เม้นท์ของเรามีมากยิ่งกว่าที่พักที่สงบเงียบ
ก่อนหลังเที่ยวบิน เราภูมิใจที่เกินความมุ่งมาด
ของแขกของเราด้วยการนำเสนอห้องเช่าและ โรงแรมใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ
สิ่งอำนวยความสะดวก
ที่ดูแลอย่างประณีต รวมทั้งบริการที่มีคุณภาพรวมทั้ง
เหมาะสมที่สุดจาก
บุคลากรที่นอบน้อมของพวกเรา โรงแรมใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ
 เราได้ออกแบบทุกแง่มุมโดยคำนึงถึงความสบายสบายของคุณ
 เชิญชวนเข้ามาได้ทุกครั้ง และก็รับการต้อนรับจากแผนกต้อนรับที่เปิดตลอด 
24 ชั่วโมงของเรา เราได้ทำให้แน่ใจว่าห้องเช่าพร้อมเสมอที่สามารถช่วยให้คุณนอน
สบายเพื่อจัดเตรียมสำหรับวันหยุดที่น่าเร้าใจของคุณ  โรงแรมใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ


https://bit.ly/36Du4xq
#2712
ห้องสุวรรณภูมิในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
​สุวรรณภูมิสวีทตั้งอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิในกรุงเทพมหานคร
 เพียงแต่ 5 นาที เป็นอพาร์เม้นท์ที่สมบูรณ์แบบ โรงแรม ลาดกระบัง
สำหรับนักทัศนาจรที่คอยต่อเครื่อง ที่นี่ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าพักที่ยอดเยี่ยม
พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับช่วยในด้านสำหรับอำนวยความสะดวกแบบบริการเต็ม
แบบในทำเลที่ตั้งที่เหนือกว่ารวมทั้งราคาที่มีเหตุผล 
บังกะโลของพวกเรามีมากยิ่งกว่าที่พักที่เงียบสงบ
หลังหรือก่อนเที่ยวบิน พวกเราภูมิใจที่เกินความคาดหวัง
ของแขกของเราด้วยการนำเสนอห้องเช่าและ โรงแรม ลาดกระบัง
เครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับช่วยในด้านสำหรับอำนวยความสะดวก
ที่ดูแลอย่างพิถีพิถัน รวมทั้งบริการที่มีคุณภาพแล้วก็
เยี่ยมจาก
พนักงานที่สุภาพของพวกเรา โรงแรม ลาดกระบัง
 เราได้ออกแบบทุกแง่ทุกมุมโดยคำนึงถึงความสบายสบายของคุณ
 เชื้อเชิญเข้ามาได้ตลอดเวลา รวมทั้งรับการต้อนรับจากแผนกต้อนรับที่เปิดตลอด 
24 ชั่วโมงของเรา พวกเราได้ทำให้แน่ใจว่าห้องพักพร้อมเสมอที่สามารถจะช่วยให้ท่านนอน
สบายเพื่อจัดแจงสำหรับวันหยุดที่น่าระทึกใจของคุณ  โรงแรม ลาดกระบัง


https://bit.ly/3wsf8gw


 
#2713
EXIM BANK จับมือการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและ 4 สถาบันการเงิน สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม

นายชลัช รัตนบุญนิธิ (ที่ 3 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายวีริศ อัมระปาล (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้บริหารจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมสนับสนุนมาตรการทางการเงินเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน การดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม โดย EXIM BANK พร้อมสนับสนุนสินเชื่อ Solar Orchestra ให้แก่ธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของมูลค่าโครงการลงทุน อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2.75% ต่อปี ผ่อนชำระสูงสุด 7 ปี ผู้กู้จะได้รับสิทธิการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตแบบครบวงจรและสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษี 50% ของเงินลงทุนเป็นระยะเวลา 3 ปีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ช่วยภาคธุรกิจลดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสามารถปรับตัวรับมือกับมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อม ก้าวทันกระแสเศรษฐกิจสีเขียวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565
#2714
เจริญอุตสาหกรรม ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 160 ล้านหุ้น-เข้า SET ปรับปรุงรง.-สร้างคลังสินค้า

บมจ.เจริญอุตสาหกรรม (CH) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญออกใหม่ตอ่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

บริษัทมีวัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนเพื่อ ลงทุนปรับปรุงโรงงานผลิตสินค้า และก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ในช่วงปี 65-66

CH หรือชื่อเดิมคือ จิ้นฮ่วย และบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ (1) ผลไม้อบแห้ง (2) ปลากระป๋อง และ (3) ขนมเพื่อสุขภาพ บริษัทเน้นส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น เมียนมา จีน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน อิตาลี ฝรั่งเศส คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น ในช่วงปี 62-64 บริษัทมีสัดส่วนการขายสินค้าไปยังต่างประเทศ เท่ากับ 71-74% ของรายได้จากการขายรวม

บริษัทมีรูปแบบการจำหน่ายสินค้าแบบรับจ้างการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (OEM) จำหน่ายสินค้าเป็นแพ็คใหญ่ (Bulk Pack) ให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและกลุ่มลูกค้าธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ และจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อาทิ EROS ซูมาโก้ เรือรบ Meble และ ChinHuay เป็นต้น ให้กับกลุ่มลูกค้าร้านค้าทั่วไป

บริษัทมีบริษัทย่อย 3 แห่ง ประกอบด้วย

1) Chin Huay (Cambodia) Company Limited (CHC) เพื่อขยายฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งในกัมพูชา ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบมะม่วงสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับการทำมะม่วงอบแห้งแบบ Soft-Dried และมีราคาถูกกว่าเพาะปลูกในประเทศไทย ประกอบกับมีอัตราค่าแรงงานที่ต่ำกว่า อีกทั้งเพื่อรองรับการขยายตลาดลูกค้าต่างประเทศ

2) Chin Huay Holding (Singapore) Pte. Ltd. (CHHS) ประกอบธุรกิจลงทุนในกิจการของบริษัทที่จะจัดตั้งหรือร่วมทุนกับพันธมิตรในต่างประเทศ

3) Chin Huay Trading (Singapore) Pte. Ltd. (CHTS) ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ CHC ไปต่างประเทศ และเป็นตัวแทนจัดซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศให้แก่ CHC โดย CHHS ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียน CHTS

ปัจจุบันบริษัทและบริษัทย่อยมีโรงงานผลิต รวม 2 แห่ง ได้แก่ โรงงาน CH ในท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ผลิตผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ และ (2) โรงงาน CHC ในประเทศกัมพูชา ผลิตผลไม้อบแห้ง

ณ วันที่ 30 ก.ย.64 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนเรียกชำระแล้ว 320 ล้านบาท หรือคิดเป็น 640 ล้านหุ้น และภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะมีทุนชำระแล้วเต็มจำนวน

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรก ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 ได้แก่ บริษัท ซีเอช แฟมิลี่ จำกัด ถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วน 38.13% ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 30.50% นายประวิทย์ ศรีแสงนาม ถือหุ้น 5.01% จะลดลงเหลือ 4.01% กลุ่มนายประทีป ศรีสกาวกุล ถือหุ้น 4.07% จะลดลงเหลือ 3.26% นายณรงค์ คงคาวนา ถือหุ้น 3.76% จะลดลงเหลือ 3.01% นายสุเมธ คุโณภาสวรกุล ถือหุ้น 2.87% จะลดลงเหลือ 2.29% โดยมี นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม อดีตรมว.สาธารณสุข เป็นประธานกรรมการบริษัท

ผลประกอบการในปี 62-64 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,656.76 ล้านบาท, 1,634.47 ล้านบาท และ 1,442.28 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายภายใต้ตราสินค้าอื่นในรูปแบบสั่งผลิตหรือสินค้า OEM และในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่หรือสินค้าขายส่ง (Bulk Pack) เพื่อลูกค้านำไปบรรจุใหม่เป็นบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก (Re-pack) สำหรับจำหน่ายต่อ คิดเป็นสัดส่วนรายได้เฉลี่ย 3 ปีเท่ากับ 93.3% ของรายได้ ในขณะสัดส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าบริษัทเฉลี่ย 3 ปีเท่ากับ 6.7%

ด้านกำไรสุทธิ อยู่ที่ 7.90 ล้านบาท, 67.29 ล้านบาท และ 67.07 ล้านบาท ตามลำดับ อัตรากำไรขั้นต้น 13.07%, 19.85% และ 18.01% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิ 0.47%, 4.09% และ 4.49% ตามลำดับ ทั้งนี้ ในปี 62 บริษัทมีกำไรสุทธิ และอัตรากำไรสุทธิต่ำกว่าระดับปกติ สาเหตุหลักมาจากระดับอัตรากำไรขั้นต้นกลุ่มผลไม้อบแห้งที่ต่ำกว่าระดับปกติ เนื่องจากราคาวัตถุดิบเฉลี่ยทั้งปีที่สูงขึ้นจากภาวะภัยแล้ง

ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,700.51 ล้านบาท หนี้สินรวม 881.40 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 819.11 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ (งบการเงินเฉพาะบริษัท) หลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ
#2715
D คาดปีนี้รายได้คลินิกทันตกรรมสไมล์ซิกเนเจอร์โต 30% หลังโควิดคลี่คลาย
 
นายพรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดนทัลคอร์ปอเรชั่น (D) กล่าวว่า บริษัทคาดงานด้านคลินิกทันตกรรมสไมล์ซิกเนเจอร์ปีนี้จะเติบโตกว่าปี 64 ถึง 30% จากปีที่ผ่านมามีรายได้จากส่วนดังกล่าว 125 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาคลินิกทันตกรรมสไมล์ ซิกเนเจอร์ทั้ง 9 สาขามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ลูกค้าได้เข้ามารับบริการในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับในปีก่อน เนื่องจากมาตรการต่างๆ จากสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งการเข้าถึงวัคซีน การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ รวมทั้งที่ผ่านมามีผู้ต้องการใช้บริการด้านทันตกรรมเป็นจำนวนมาก แต่จากสถานการณ์โรคระบาดทำให้มีการจำกัดการเข้าถึงของการใช้บริการ

"คลินิกทันตกรรมสไมล์ ซิกเนเจอร์ เป็นกลุ่มธุรกิจในเครือ D ที่ให้บริการทางทันตกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีทั้งหมด 9 สาขา เปิดให้บริการมานานกว่า 15 ปีเรามีบุคลากรความเชี่ยวชาญให้บริการทางด้านทันตกรรมตกแต่งครบวงจร เช่น จัดฟันแบบโลหะ จัดฟันแบบใส (Invisalign) รากฟันเทียม วีเนียร์ ครอบฟัน สะพานฟัน ที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีผู้เข้ามาใช้บริการหนาแน่นและต่อเนื่อง" นายพรศักดิ์ กล่าว
แม้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง แต่บริษัทยังให้ความสำคัญกับมาตรการการรักษาความปลอดภัย การให้บริการลูกค้าของคลินิกทันตกรรมสไมล์ ซิกเนเจอร์ มีมาตรการการรักษาความสะอาด และความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งส่วนของภายในคลินิกทันตกรรม และเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ให้บริการ ซึ่งมีระบบการฆ่าเชื้อที่มีมาตรฐาน มีขบวนการตรวจเช็คอยู่ตลอด เพื่อให้บริการได้อย่างปลอดจากการติดเชื้อ และให้ผู้เข้ามารับบริการมีความมั่นใจคลายความกังวล

 
#2716
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex เปิดบวก ก่อนปรับตัวลงสู่แดนลบ

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดตลาดในแดนบวก ก่อนที่จะปรับตัวลดลงสู่แดนลบหลังเปิดการซื้อขายได้ไม่นาน โดยได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวลง

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดตลาดวันนี้ที่ 57,297.57 จุด เพิ่มขึ้น 5.08 จุด หรือ +0.01%

หุ้น Nestle India ปรับตัวลง 2.54%, หุ้น Dr. Reddys ลดลง 0.23% และหุ้น Hindustan Unilever ลดลง 3.94%

ดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยน หลังปธ.เฟดส่งสัญญาณเร่งขึ้นดบ.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะระดับ 120 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปีในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อ

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ณ เวลา 11:30 น. ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 119.88-119.89 เยน เทียบกับ 119.43-119.53 เยนที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อเวลา 17.00 น. ของเมื่อวานนี้

ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.0994-1.0995 ดอลลาร์และ 131.80-131.82 เยนเทียบกับ 1.1010-1.1020 ดอลลาร์และ 131.57-131.67 เยนที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อช่วงบ่ายวานนี้
#2718
TPOLY คว้างานก่อสร้างโครงการจัดหาน้ำดิบฯ มูลค่า 1,251.69 ล้านบาท ดัน Backlog ทะยานกว่า 5,200 ล้านบาท

TPOLY คว้างานก่อสร้างโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อภาคการผลิตพื้นที่จังหวัดระยอง รองรับ EEC เฟส 2 ของบริษัท วาย.เอส.เอส.พี. แอกกริเกต จำกัด มูลค่า 1,251.69 ล้านบาท ฟากบิ๊กบอส "ปฐมพล สาวทรัพย์" ระบุ การได้งานครั้งนี้ส่งผลให้ Backlog ทะยานกว่า 5,200 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง เน้นงานก่อสร้างด้านสาธารณูปโภค หนุนผลงานปีนี้เติบโตเข้าเป้า

นายปฐมพล สาวทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับงานก่อสร้างใหม่ "โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อภาคการผลิตพื้นที่จังหวัดระยอง (รองรับ EEC)" เฟส 2 เป็นงานจ้างเหมาก่อสร้างอาคารสถานีสูบน้ำดิบ สถานีจ่ายน้ำดิบ อาคารควบคุม และงานวางท่อส่งน้ำดิบ ซึ่งเป็นโครงการของบริษัท วาย.เอส.เอส.พี. แอกกริเกต จำกัด มูลค่าโครงการ 1,251,694,132.00 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาก่อสร้าง 306 วัน

"การที่บริษัทฯ ได้รับงานใหม่ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่น และความไว้วางใจของคู่ค้าที่มีให้กับบริษัท ส่งผลให้ TPOLY มีมูลค่างานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) พุ่งแตะกว่า 5,200 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป และมั่นใจว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ผลงานปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPOLY กล่าวอีกว่า ในปี 2565 บริษัทฯ เดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจะเน้นงานก่อสร้างด้านสาธารณูปโภคของเอกชนมากขึ้น เนื่องจากเป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง โดยตั้งเป้าหมายการมีสัดส่วนรายได้จากงานก่อสร้างของเอกชน 60% และภาครัฐ 40%
#2719
หุ้นกู้ดิจิทัล MINT E-Bond ผ่าน "เป๋าตัง" ตอบรับคึกคัก ปิดยอดจอง 2,000 ล้าน ตอกย้ำลงทุนทั่วถึง-เท่าเทียมและยั่งยืน

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ประสบความสำเร็จปิดการขายหุ้นกู้ MINT e-Bond ชุดที่ 3 ผ่าน "เป๋าตัง" มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย หลังนักลงทุนรายย่อยตอบรับดี ตอกย้ำความเชื่อมั่นในบริษัทฯ มั่นใจแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 65 กลับมาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัว รวมถึงสหรัฐฯ และยุโรปทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการควบคุม COVID-19 หลังประชาชนจำนวนมากได้รับวัคซีนแล้ว

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในการเสนอขายหุ้นกู้ 'MINT e-Bond' ให้แก่นักลงทุนรายย่อย ชุดที่ 3 (หุ้นกู้ดิจิทัล) อายุ 4 ปี 4 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.30% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ในแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 21 - 23 มีนาคม 2565

การเสนอขายหุ้นกู้ 'MINT e-Bond' นับเป็นครั้งแรกของบริษัทเอกชนในประเทศไทยที่เสนอขายหุ้นกู้แบบไร้ใบหุ้นกู้ (Scripless) 100%แก่นักลงทุนทั่วไป เพื่อลดการใช้กระดาษสอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลก พร้อมทั้งสนับสนุนนวัตกรรมตลาดทุนในยุคดิจิทัล อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนที่ต้องการเปลี่ยนเป็นใบหุ้นกู้สามารถแจ้งกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เปิดพอร์ตหรือนายทะเบียนหุ้นกู้ได้ (มีค่าธรรมเนียม) นอกจากนี้ ยังเปิดมิติใหม่ของการเสนอขายหุ้นกู้ โดยเป็นครั้งแรกที่มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับส่วนลด 10% จากราคาปกติ (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) เมื่อใช้บริการร้านอาหารในเครือของบริษัทฯ ที่ร่วมรายการ 6 แบรนด์ ได้แก่ เดอะพิซซ่า คอมปะนี, บอนชอน, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เล่อร์, เบอร์เกอร์คิงส์ และเดอะ คอฟฟี่ คลับ (ยกเว้นสาขาในสนามบิน) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไปตลอดอายุหุ้นกู้ที่ลงทุนโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง

"ผลตอบรับจากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ จึงตัดสินใจเข้าลงทุนในหุ้นกู้ MINT e-Bond เพื่อรับผลตอบแทนจากการจ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอและมีความมั่นคง โดยบริษัทฯ เตรียมนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดบางส่วน ในเดือนมีนาคม 2565 และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงช่วยให้บริษัทฯ บริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายชัยพัฒน์ กล่าว

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมรูปแบบใหม่มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ให้ตอบโจทย์ลูกค้าและประชาชนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง บนช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก และปลอดภัย พร้อมสนับสนุนให้คนไทยวางแผนการออมและการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคง โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) ให้เป็น Thailand Open Digital Platform เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทุกกลุ่มใช้บริการได้ แม้ไม่มีบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย พร้อมเปิดกว้างร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับศักยภาพของแพลตฟอร์มให้สามารถบริการครอบคลุมกิจกรรมในชีวิตของลูกค้าและประชาชนอย่างทั่วถึง ทั้งบริการทางการเงิน สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการออมและการลงทุน

ล่าสุด ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จำหน่ายหุ้นกู้ MINT e-Bond ชุดที่ 3 ผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นกู้ดิจิทัล MINT E-Bond อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม กระจายตัวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40.6% และต่างจังหวัด 59.4% เป็นนักลงทุนผู้หญิงสูงถึง 63.7% กระจายตัวทุกช่วงอายุระหว่าง 20-90 ปี โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน (Office Worker) 20-40 ปี สัดส่วนสูงถึง 30.35% และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป 18.03% ตอกย้ำการเข้าถึงการลงทุนได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเสมอภาค สามารถซื้อขายได้สะดวก รวดเร็ว แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับหุ้นกู้และได้รับเงินทันที พร้อมทั้งแสดงข้อมูลการถือครองหุ้นกู้ ราคาซื้อขาย ครบจบในที่เดียว ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้

"ความร่วมมือกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการปฎิวัติการลงทุนหุ้นกู้ภาคเอกชนในธุรกิจอาหาร โรงแรมและไลฟ์สไตล์ และนับเป็นโอกาสในการขยายศักยภาพของแอปฯ เป๋าตัง ให้ตอบโจทย์เรื่องการออมและการลงทุนไปอีกขั้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้าและประชาชนอย่างยั่งยืนในอนาคต ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG) ในหลายๆด้าน ทั้งด้านการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนายกระดับตลาดทุนไทย นำเสนอบริการที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์แบบ Scripless ไม่ต้องใช้เอกสาร ลดการเดินทางไปที่สาขา โดยทำรายการบนแอปฯ เป๋าตังได้ทันที ซึ่งเป็นช่องทางที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคน และเป็นไปตามแนวทางเศรษฐกิจแบ่งปัน หรือ Sharing Economy ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตราสารหนี้ของประเทศอีกด้วย" นายรวินทร์ กล่าว
#2720
โตโยต้าขยายเวลาระงับการผลิตต่ออีก 2 วันหลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เผยว่า บริษัทจะระงับการดำเนินงานในสายงานประกอบรถยนต์ 8 สายที่ญี่ปุ่น ต่อไปอีก 2 วัน เนื่องจากมีปัญหาในการจัดหาชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ ซึ่งได้รับผลกระทบหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.4 แมกนิจูดนอกชายฝั่งจังหวัดฟุกุชิมะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อคืนวันพุธ (16 มี.ค.) ที่ผ่านมา

การระงับการดำเนินงานดังกล่าวจะครอบคลุมโรงงาน 6 แห่งตั้งแต่วันที่ 24-25 มี.ค.นี้ หลังจากที่โตโยต้าประกาศก่อนหน้านี้ว่า สายการผลิต 18 สายในโรงงาน 11 แห่ง จะหยุดดำเนินงานเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธ

โตโยต้าคาดการณ์ว่า การระงับการผลิตในครั้งนี้จะส่งผลให้สูญเสียกำลังการผลิตรถยนต์ไปประมาณ 30,000 คัน เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน 10,000 คัน ซึ่งประเมินจากผลกระทบของการปิดโรงงานสองแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นการชั่วคราว หลังเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าว

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สายการผลิตทั้ง 19 สายในโรงงาน 12 แห่งของโตโยต้า ครอบคลุมการผลิตรถยนต์รุ่น RAV4, Land Cruiser และแบรนด์หรูอย่าง Lexus ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานเนื่องจากแผ่นดินไหวด้วย