• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

สิงคโปร์ผวาโควิดลาม เร่งหาสาเหตุติดเชื้อพุ่ง วันเดียวทะลุ5.3พันราย

Started by Jenny937, October 29, 2021, 11:12:25 AM

Previous topic - Next topic

Jenny937

กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ กำลังเร่งหาสาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างผิดปกติ หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ เวียดนาม เริ่มฉีดวัคซีนให้กลุ่มเด็กอายุ12-17ปี อินเดียสำรวจพบคนเมืองหลวง มีแอนติบอดีต้านโควิดแล้วกว่า 90%

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) รายใหม่อยู่ในระดับที่สูงผิดปกติ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น มีจำนวน 5,324 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นบวกจำนวนมากภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน โดยทางกระทรวงฯ กำลังเร่งหาสาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงขึ้นภายในเวลาสั้นๆ และจะเฝ้าระวังแนวโน้มของยอดผู้ป่วยติดเชื้อต่อไป โดยขณะนี้ สิงคโปร์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 184,400 คน และผู้เสียชีวิต 349 คน โดยมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสร้อยละ 84 จากประชากรทั้งหมด 5.6 ล้านคน


 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สิงคโปร์ได้ประกาศขยายมาตรการจำกัดทางสังคมบางส่วนในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเวลา 1 เดือนเพื่อบรรเทาความตึงตัวของระบบสาธารณสุข เช่น การจำกัดการพบปะทางสังคมและการรับประทานอาหารนอกบ้านได้โต๊ะละไม่เกิน 2คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สื่อท้องถิ่นเวียดนามรายงานว่าเมืองโฮจิมินห์ซิตีทางตอนใต้ของประเทศเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เด็กอายุ 12-17 ปี ซึ่งนับเป็นพื้นที่แรกของประเทศที่ดำเนินโครงการดังกล่าว โดยเริ่มที่อำเภอกู๋จี มีการฉีดวัคซีนให้นักเรียนมัธยมมากกว่า 1,500 คน โดยแผนการของคณะกรรมการกำกับดูแลการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของโฮจิมินห์ซิตี ระบุว่าจะมีเด็กช่วงอายุนี้ได้รับวัคซีนราว 780,000 คน ขณะเดียวกันจังหวัดกว๋างนิญทางตอนเหนือของเวียดนามประกาศแผนการเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้เด็กเกือบ 119,000 คน ตั้งแต่วันเสาร์ 30 ต.ค. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุว่าเวียดนามฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั่วประเทศกว่า 76 ล้านโดสแล้ว ซึ่งรวมถึงวัคซีนโดสที่สองกว่า 22.2 ล้านโดส


 
ขณะที่สื่อท้องถิ่นในประเทศอินเดียอ้างอิงรายงานของรัฐบาลระบุว่า ประชาชนภายใต้การสำรวจสิ่งส่งตรวจที่รวบรวมจากประชากร ครั้งที่ 6 ซึ่งครอบคลุมภูมิภาคเมืองหลวง มีแอนติบอดีต่อต้านโรคติดเชื้อโควิด-19 แล้วกว่าร้อยละ 90 นั่นหมายความว่ามีโอกาสน้อยที่เดลีจะเผชิญการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ร้ายแรงเหมือนระลอก 2 เมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม จนกว่าจะมีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเกิดขึ้น แต่เราไม่สามารถกล่าวได้ว่าเดลีมีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว แม้จำนวนผู้มีแอนติบอดีสูงก็ตาม

รายงานข่าวชี้ว่าไม่สามารถสรุปได้ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ช่วยให้อัตราผลตรวจแอนติบอดีเป็นบวกในภูมิภาคเมืองหลวงสูงขึ้นหรือไม่

การสำรวจครั้งที่ 6 เก็บตัวอย่างจากหอผู้ป่วย 280 แห่ง รวมถึงหอผู้ป่วยของสภาเทศบาลนครนิวเดลีและคณะกรรมการฐานทัพ จำนวน 28,000 รายการ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. และพบอัตราผลตรวจแอนติบอดีเป็นบวกในทุกเขตล้วนสูงเกินร้อยละ 85 ด้วยสัดส่วนผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย

ก่อนหน้านี้การสำรวจฯ ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดทำเมื่อเดือนมกราคม พบสัดส่วนประชาชนในเดลีที่มีแอนติบอดีต่อต้านโรคโควิด-19 อยู่ที่ร้อยละ 56.13


 
ที่ประเทศชิลี รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่มาจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาและการผ่อนคลายการเว้นระยะห่างทางสังคมของประชาชน และว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 41 ของผู้ป่วย ซึ่งเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยกรุงซานติอาโก ซึ่งเป็นเมืองหลวง มีสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุด ประชากรเกือบร้อยละ 92 ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และผู้ที่มีอายุระหว่าง 6-11 ปีอยู่ระหว่างการเข้ารับการฉีดวัคซีน

ทางด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ หนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตัน โพสต์ ของสหรัฐฯ รายงานว่าคณะทำงานด้านวัคซีนประจำทำเนียบขาวปฏิเสธข้อเสนอบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เหลือใช้ให้ประเทศอื่นๆ แม้วัคซีนเหล่านี้ในหลายรัฐของสหรัฐฯ กำลังจะหมดอายุในไม่ช้าก็ตาม

รายงานระบุว่าความต้องการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในหน่วยงานด้านสุขภาพและโรงพยาบาลหลายแห่งของแคลิฟอร์เนียตอนใต้เริ่มลดน้อยลง ขณะที่วันหมดอายุของวัคซีนที่ไม่ได้ใช้งานใกล้เข้ามาทุกที ดังนั้นหน่วยงานขนาดเล็กรอบเมืองซานดิเอโกจึงเสนอแผนบริจาควัคซีนหลายพันโดสไปยังเม็กซิโก ซึ่งดำเนินการฉีดวัคซีนค่อนข้างล่าช้า และมีอัตราการติดเชื้อสูง


 
อย่างไรก็ดี คณะทำงานฯ ออกมาคัดค้านแผนการดังกล่าว รวมทั้งแนวคิดที่คล้ายคลึงกันของรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลระดับรัฐแห่งอื่นๆ โดยให้เหตุผลว่า "วัคซีนในสหรัฐฯ เป็นทรัพย์สินของรัฐบาลกลาง ไม่ใช่ของเมืองหรือรัฐต่างๆ ดังนั้นรัฐบาลกลางมีสิทธิใช้งานวัคซีนเหล่านี้ และการตัดสินใจบริจาควัคซีนจำเป็นต้องมาจากรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตันเท่านั้น"