• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - deam205

#3721


ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรง ทำให้มีความกังวลว่าโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน อาจจะต้องเลื่อนเปิดให้บริการจากวันที่ 2 ส.ค. 2564 ออกไปก่อนหรือไม่ ซึ่ง "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รีบยืนยันว่ารถไฟสายสีแดงปักหมุดเปิดให้บริการ (Soft Opening) วันที่ 2 ส.ค. 2564 แน่นอน...ไม่เลื่อน โดยตามกำหนดการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดผ่านระบบออนไลน์ จากตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยจะให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรีเป็นเวลา 3 เดือน (ส.ค.-ต.ค. 2564)

สำหรับรถไฟสายสีแดงถือเป็นตำนานโครงการรถไฟฟ้าที่ใช้ระยะเวลาก่อสร้างยาวนานมากที่สุดเส้นทางหนึ่ง และเป็นรถไฟฟ้าสายที่ประชาชนคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลจับตา และรอคอยสายหนึ่ง

โดยช่วงบางซื่อ-รังสิต หากนับจากวันที่เริ่มต้นสัญญาก่อสร้างงานโยธาเมื่อ 10 ก.พ. 2556 จนถึง 2 ส.ค. 2564 ที่รถไฟสายสีแดงขบวนแรกจะเปิดหวูดให้ประชาชนได้ทดลองนั่งฟรี ใช้ระยะเวลากว่า 8 ปี โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาโครงการมีปัญหาอุปสรรคมากมาย จนทำให้ต้องมีการขยายระยะเวลาสัญญาก่อสร้าง และปรับเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างมาแล้ว 5 ครั้ง จากกรอบเริ่มต้น 52,220 ล้านบาท เป็น 93,950 ล้านบาท ซึ่งยังเหลือครั้งล่าสุดที่จะเสนอขอปรับอีก 10,345 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าก่อสร้างเพิ่มเติม (Variation Order : VO) โดยจะทำให้กรอบวงเงินโครงการสายสีแดงรวมช่วงบางซื่อ-รังสิต เพิ่มเป็น 104,295 ล้านบาท


"ศักดิ์สยาม" ปักหมุดเปิดให้บริการ จี้ รฟท.เร่งแก้ปัญหาติดขัดทุกมิติ

ก่อนหน้านี้ รฟท.กำหนดเปิดให้บริการรถไฟสายสีแดงอย่างไม่เป็นทางการในเดือน ม.ค. 2564 "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" ประกาศนโยบายปักหมุดเปิดให้บริการรถไฟสายสีแดงภายในปี 2564 หลังจากตรวจเช็กการก่อสร้างงานโยธา 2 สัญญา และความก้าวหน้าสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล วางไทม์ไลน์ ปิดจ็อบ และเมื่อรถไฟฟ้า 2 ขบวนแรกเดินทางมาถึง ณ ท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2562 และเข้าประจำการ ณ โรงซ่อมบำรุงสถานีกลางบางซื่อ ในเดือนพ.ย. 2562 รฟท.เดินหน้าเข้าสู่โหมดการทดสอบระบบตามขั้นตอน

นอกจากนี้ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม ยังได้มีการติดตามการดำเนินการในทุกๆ ด้านอย่างใกล้ชิด โดยตั้งคณะอนุกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อจำนวน 5 คณะ ประกอบด้วย

1. ด้านการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทยทั้งระบบ รวมทั้งการเชื่อมต่อการให้บริการระบบขนส่ง 2. ด้านสถานี 3. ด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสาร 4. ด้านการสื่อสารสาธารณะ 5. ด้านการกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า (Gateway/Hub)

นอกจากนี้ ยังมีคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) และพื้นที่ช่วงสถานีกลางบางซื่อ และคณะอนุกรรมการด้านการพิจารณาดำเนินการขอพระราชทานชื่อโครงการ 2 สายทาง สายทางละ 3 ชื่อ ซึ่ง รฟท.ได้จัดทำหนังสือถึงสำนักงานราชบัณฑิตยสภาและกรมศิลปากรเพื่อพิจารณาชื่อที่จะขอพระราชทาน

โครงการสายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-รังสิต) เสนอ 3 ชื่อ ได้แก่ เฉลิมมหามงคล อาทรวัฒนวิถี และสวัสดิลีลาศ

โครงการสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) เสนอ 3 ชื่อ ได้แก่ ฉลองมหานคร สิทธิรังสีรัถยา และ ประพาสภิรมย์



ช่วงทดลองให้บริการฟรี วิ่งความถี่ 15-30 นาที

รถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กม. มี 10 สถานี ได้แก่ สถานีกลางบางซื่อ, สถานีจตุจักร, สถานีวัดเสมียนนารี, สถานีบางเขน, สถานีทุ่งสองห้อง, สถานีหลักสี่, สถานีการเคหะ, สถานีดอนเมือง, สถานีหลักหก และสถานีรังสิต ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 25 นาที ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กม. มี 3 สถานี ได้แก่ สถานีบางซ่อน สถานีบางบำหรุ และสถานีตลิ่งชัน ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 นาที

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา รฟท.โดยบริษัท รฟฟท. จำกัด ได้มีการทดลองระบบการเดินรถ มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุต่างๆ ตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยวิศวกรที่ปรึกษาอิสระ (Independent Certification Engineer : ICE) ของโครงการได้เข้าตรวจสอบและออกใบรับรองให้แล้ว พร้อมที่จะเปิดให้ประชาชนร่วมใช้บริการโดยไม่เก็บค่าโดยสารตามแผนงาน

ในช่วงทดลองตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.นี้จะกำหนดความถี่ในการให้บริการเวลาเร่งด่วน 15 นาที นอกเวลาเร่งด่วน 30 นาที วิ่งเฉลี่ย 78 เที่ยว/วัน ใช้รถประมาณ 12 ขบวน โดยสายบางซื่อ-รังสิตจะใช้รถแบบ 6 ตู้/ขบวน จำนวน 8 ขบวน สายบางซื่อ-ตลิ่งชันใช้รถแบบ 4 ตู้/ขบวน จำนวน 4 ขบวน

ตารางการเดินรถสายบางซื่อ-รังสิต เที่ยวแรกออกจากบางซื่อ เวลา 06.00 น. ส่วนเที่ยวแรกออกจากรังสิต เวลา 06.00 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากบางซื่อ เวลา 19.30 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากรังสิต เวลา 19.30 น.

สายบางซื่อ-ตลิ่งชัน เที่ยวแรกออกจากบางซื่อ เวลา 06.00 น. ส่วนเที่ยวแรกออกจากตลิ่งชัน เวลา 06.06 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากบางซื่อ เวลา 19.30 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากตลิ่งชัน เวลา 19.36 น.



ระบบฟีดเดอร์เชื่อมเข้าสถานียังไม่สมบูรณ์

สำหรับการเดินทางเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อและสถานีรายทางนั้น ต้องยอมรับว่าการจัดระบบฟีดเดอร์และโครงสร้างพื้นฐานยังไม่สมบูรณ์ 100% ซึ่งคาดว่าก่อนจะถึงกำหนดเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์เดือน พ.ย.จะมีความพร้อมมากขึ้น

โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้จัดรถเมล์ 4 สาย ได้แก่ สาย 49 สาย 67 สาย 79 และ สาย 522 ปรับปรุงเส้นทางเดินรถให้เชื่อมเข้าสถานีสายสีแดง

ขณะที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก่อสร้างทางเดินเชื่อมต่อกับบริเวณทางเดินชั้นใต้ดินของสถานีกลางบางซื่อ จำนวน 2 จุด คือ บริเวณทางเดินผู้โดยสารของสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ และทางเดินเชื่อมต่อบริเวณชั้นจำหน่ายบัตรโดยสารของสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ

"ขณะที่สถานีกลางบางซื่อนั้นมีลานจอดรถใต้ดินรองรับได้ถึง 1,600 คัน คาดว่าจะเพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสารในช่วงแรกที่คาดว่ายังมีไม่มากนัก"



เร่งปรับปรุงถนนเชื่อมเข้าสถานีรังสิต เกตเวย์ด้านเหนือ

สำหรับสถานีรังสิต ซึ่งเป็นเกตเวย์จุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายจุดเชื่อมต่อผู้โดยสารเสร็จแล้ว คือ ปรับปรุงถนนหน้าสถานี (ฝั่งตะวันตก) รฟท.ดำเนินการ และการปรับปรุงทางเข้าสถานีจาก ทล.346 (ทิศทางจากรังสิต) วงเงิน 4 แสนบาท (กรมทางหลวง ดำเนินการ)

ส่วนที่จะต้องดำเนินการเพิ่มเติมอีกคือ ก่อสร้างสะพานกลับรถด้านทิศใต้ วงเงินรวม 206 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 12 เดือน คาดแล้วเสร็จเดือน มี.ค. 2566, ปรับปรุงจุดกลับรถใต้สะพานข้ามทางรถไฟ ทางเท้า และระบบระบายน้ำ (ทิศทางจากปทุมธานี) วงเงิน 4.6 ล้านบาท ดำเนินการช่วงปี 2565 โดยกรมทางหลวง (ทล.)

ในส่วนของการจ้างบริการเพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อและสถานีรถไฟฟ้า 12 สถานี ประกอบด้วย 1. จ้างงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) และจราจร 2. จ้างบริการทำความสะอาดอาคารและบริเวณสถานี 3. งานบริหารจัดการงานอาคารและสถานที่บริเวณสถานี 4. จ้างบริการรักษาความปลอดภัยและทำความสะอาดภายในอาคารและพื้นที่โดยรอบของโรงซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีแดง (CT Depot) และทำความสะอาดขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง 5. จ้างติดตั้งระบบจัดการจราจรภายในบริเวณลานจอดรถสถานีกลางบางซื่อ และจัดเก็บค่าบริการจอดรถ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดหาตามขั้นตอน

ด้านการจัดประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์ อยู่ระหว่างจัดทำร่างประกาศเชิญชวนเพื่อคัดเลือกเอกชนดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์และป้ายโฆษณาบริเวณอาคารสถานีกลางบางซื่อและสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง 12 สถานี คาดว่าจะเสนอบอร์ด รฟท.พิจารณาอนุมัติร่างทีโออาร์ในเดือน ส.ค.นี้ คาดว่าจะได้เซ็นสัญญาและเริ่มดำเนินการในเดือน พ.ย. 64 โดยจะแบ่งเป็นเฟสเพื่อเปิดให้บริการได้รวดเร็วขึ้น

โดยมี 4 ฉบับ คือ 1. ประกาศเชิญชวน เสนอผลตอบแทนการใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์ บริเวณอาคารสถานีกลางบางซื่อ

2. ประกาศเชิญชวน เสนอผลตอบแทนการเช่าสิทธิติดตั้งป้ายโฆษณาบริเวณอาคารสถานีกลางบางซื่อ

3. ประกาศเชิญชวน เสนอผลตอบแทนการใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีรถไฟฟ้า 12 สถานี

4. ประกาศเชิญชวน เสนอผลตอบแทนการเช่าสิทธิติดตั้งป้ายโฆษณาบริเวณสถานีรถไฟฟ้า 12 สถานี



โจทย์สุดหิน...ห้ามขาดทุน

การให้บริการโครงการรถไฟฟ้ารายได้มาจาก 2 ส่วน คือ จากค่าโดยสาร และจากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งรายได้จากค่าโดยสารจะมากหรือน้อยขึ้นกับปริมาณผู้โดยสาร แต่... สถานการณ์ในปัจจุบัน ปริมาณการเดินทางลดลงไปอย่างมาก โดยล่าสุดพบว่าผู้โดยสารระบบรางทั้งระบบเหลือเพียง 98,453 คน/วันเท่านั้น หรือลดลงถึง 91.82% เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณผู้โดยสารช่วงปี 2562 ก่อนที่จะเกิดโรคโควิด-19 ที่ระบบรางมีผู้โดยสารรวมถึงกว่า 1.2 ล้านคน/วัน

ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารและอัตราค่าโดยสารจะผันแปรโดยตรงกับรายได้ ซึ่งรถไฟสายสีแดงมี 13 สถานี ระยะทาง 41.56 กม. กำหนดอัตราเริ่มต้นที่ 12 บาท สูงสุด 42 เฉลี่ย 1.01 บาท/กม.

ทั้งนี้ ตามผลการศึกษาเดิม คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารในปีแรกที่เปิดให้บริการเฉลี่ยที่ 86,620 คน/วัน โดยคาดว่าจะมีรายได้ในปีแรกรวมประมาณ 1,153 ล้านบาท โดยมาจากค่าโดยสารราว 673 ล้านบาท และมีรายได้เชิงพาณิชย์ 480 ล้านบาท

ส่วนรายจ่ายรวมอยู่ที่ 1,267 ล้านบาท หลักๆ จะเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรประมาณ 376.6 ล้านบาท ค่าไฟฟ้าประมาณ 327 ล้านบาท ค่าประปา 7.5 ล้านบา ค่ารักษาความปลอดภัยและรักษาความสะอาดอีกราว 284.1 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมบำรุงรักษา 90.3 ล้านบาท

ภายใต้สมมติฐานรายรับ รายจ่ายนี้ เท่ากับในปีแรกสายสีแดงจะยังขาดทุนประมาณ 113 ล้านบาท โดยยังไม่หักค่าดอกเบี้ย เงินกู้งานไฟฟ้าและเครื่องกลอีกกว่า 317 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีผลขาดทุนสุทธิ 431 ล้านบาท

สำหรับประมาณการผู้โดยสารนั้น ในข้อเท็จจริงมีการปรับลดลงมากกว่าครึ่ง ประกอบกับในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รุนแรงหนักหน่วงเช่นนี้ คงไม่สามารถคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารได้เลย ...คงได้แต่รอลุ้นว่าในเดือน พ.ย. 2564 ที่จะมีการเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์ และเริ่มเก็บค่าโดยสารสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงแล้วหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์กลับคืนปกติ รฟท.คาดหวังว่าจะสามารถใช้โปรโมชันการปรับลดอัตราค่าโดยสาร การจัดทำตั๋วเดือน เข้ามาใช้เพื่อจูงใจให้เพิ่มผู้ใช้บริการรถไฟสายสีแดง

หากมีการเปิดประเทศ การเดินทางกลับสู่ปกติ สนามบินดอนเมืองเปิด สายการบินให้บริการนักท่องเที่ยวกลับมา คาดหมายว่าสนามบินดอนเมืองจะป้อนผู้โดยสารเข้าสายสีแดงอย่างน้อย 10,000 คน/วัน ขณะที่ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม ทุบโต๊ะห้ามสีแดงขาดทุน...โจทย์สุดหิน! ที่ รฟท.ต้องหาคำตอบให้เจอ...

https:// m.mgronline.com/business/detail/9640000075315
#3722



การประชุมคณะกรรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2564 ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน มีมติเห็นชอบปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปี 2564 – 2566 เพื่อรองรับการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2 โดยกำหนดโควตาให้นำเข้าในปี 2564 จำนวน 4.8 แสนตันต่อปี ส่วนปี 2565 นำเข้าได้ 1.74 ล้านตันต่อปี และปี 2566 นำเข้าได้ 3.02 ล้านตันต่อปี

เมื่อภาคนโยบายกำหนดปริมาณการนำเข้าที่ชัดเจนตามข้อสั่งการของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งได้มอบหมายให้กรมเชื้อแพลิงธรรมชาติ และบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT พิจารณากำหนดปริมาณการนำเข้า LNG ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และให้ กกพ. บริหารความสามารถของ LNG Terminal และทบทวนความเหมาะสมของ TPA Regime และ TPA Code 

ทั้งนี้ ให้ กกพ. เป็นผู้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการพิจารณาการดำเนินงานให้เป็นไปตามรูปแบบการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การนำเข้า LNG ของผู้ได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper)รายใหม่ จะดำเนินการได้ทันภายในไตรมาส 3 ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่นั้น ยังขึ้นอยู่กับความพร้อมในหลายเรื่อง เช่น การประชุม กบง. และกพช.นัดถัดไป ซึ่งก็ต้องลุ้นว่า จะเกิดขึ้นในไตรมาส 3นี้ หรือไม่ จากเดิมกำหนดจะประชุมในไตรมาส 2 รวมถึง แผนบริหารจัดการนำเข้า LNG ของ กกพ. หลัง กบง. อนุมัติโควตาช่วง 3 ปีแล้ว จะสามารถจัดทำวิธีการปฏิบัติได้เสร็จทันหรือไม่

หลังได้รับรายงานในเบื้องต้นว่า ขณะนี้ กกพ. ประสานขอตารางการจอง LNG Terminal ที่ว่างอยู่ ของ ปตท. เพื่อจัดส่งให้ Shipper พิจารณาเลือกคิวที่ต้องการโดยเร็วที่สุด รวมถึง กกพ.จะส่งเอกสารให้ Shipper แต่ละราย ระบุอย่างชัดเจนว่าต้องการใช้สิทธิ์โควตานำเข้าในปริมาณเท่าไหร่ และห้ามมีเงื่อนไขโดยเด็ดขาด ซึ่งจะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายในกลางเดือน ส.ค.นี้ เพื่อจะได้มีเวลานำเข้า LNG ได้ทันโควตาในปีนี้


"เท่าที่ทราบ บอร์ด กกพ. เมื่อเร็วๆนี้ ยังไม่อนุมัติให้ผู้ Shipper รายใด นำเข้า LNG ตามโควตา 4.8 แสนตันในปีนี้ เพราะ Shipper บางรายตั้งเงื่อนไข เช่น จะนำเข้า LNG หากราคาอยู่ในระดับที่ต้องการ หรือจะนำเข้า LNG ก็ต่อเมื่อจอง LNG Terminal จาก ปตท. ได้ก่อน ทำให้ กกพ.ต้องเข้มหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อป้องกันกรณี Shipper ไม่นำเข้า LNG ตามจริง ซึ่งอาจทำให้ประเทศประโยชน์ได้"


แหล่งข่าวคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ระบุว่า สำนักงาน กกพ. อยู่ระหว่างเตรียมส่งเอกสารถึง Shipper ทั้ง 7 ราย อีกครั้ง เพื่อให้ยืนยันปริมาณความประสงค์ที่จะนำเข้า LNG และจัดส่งตารางจอง LNG Terminal พร้อมใบเสร็จชำระค่าจองใช้ LNG Terminal ที่ชัดเจนมายังกกพ. ก่อนที่จะอนุมัติสิทธินำเข้าในปีนี้

ส่วนปี 2565 ที่มีโควตานำเข้า อยู่ที่ 1.74 ล้านตัน ทาง กกพ. เตรียมพิจารณาออกบทลงโทษหาก Shipper ยื่นขอใช้สิทธิแต่ไม่นำเข้ามาจริง เช่น หาก Shipper ไม่สามารถจัดหา LNG มาส่งให้กับลูกค้าโรงไฟฟ้าได้ ขั้นแรกต้องไปยืม LNG จาก Shipper รายอื่น แต่หากยังไม่สามารถยืมได้ และจะหันมาซื้อก๊าซฯ จาก ปตท. ในระบบ จะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม เป็นต้น โดยการกำหนดบทลงโทษนี้ จะเสนอ กพช. พิจารณาอนุมัติใช้ในการประชุมนัดถัดไป

สำหรับ Shipper ทั้ง 7 ราย ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.),บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน),บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด,บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด,บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป, บริษัท PTT Global LNG Company Limited หรือ PTTGL และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG


นางราณี โฆษิตวานิช รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยืนยันว่า กฟผ.มีความพร้อมที่จะนำเข้า LNG ในปีนี้ ตามปริมาณที่เคยแจ้งต่อ กกพ.ไปแล้ว อยู่ที่ ประมาณ 3 แสนตัน ซึ่งในส่วนของการจอง LNG Terminal นั้น ในส่วนของ กฟผ.ได้ดำเนินการจองคลังก๊าซฯภายใต้โควตา 1.5 ล้านตันไปแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นในส่วนของประเด็นนี้สำหรับกฟผ.ไม่น่าจะมีปัญหา

"กฟผ.เราพร้อมมาก หาก กกพ.อนุมัติปริมาณนำเข้า และ กบง.เห็นชอบแล้ว ทาง กฟผ.ก็พร้อมออก TOR เปิดประมูลจัดหาฯ LNG ทันที ซึ่งปริมาณนำเข้า 3 แสนตัน น่าจะมีมูลค่าราว 4-5 พันล้านบาท"

อย่างไรก็ตาม ตามแผนเดิมนั้น กฟผ.จะเริ่มทยอยนำเข้า LNG ตั้งแต่เดือน ส.ค. ถึงเดือน ต.ค.ปีนี้ แต่ขณะนี้กระบวนการอนุมัติจากภาครัฐยังไม่เกิดขึ้น ฉะนั้น คาดว่า เดือน ส.ค.นี้ คงนำเข้า LNG ไม่ทัน และน่าจะเริ่มนำเข้าได้ในช่วงเดือน ก.ย.นี้ เป็นต้นไป ก็อาจส่งผลให้ปริมาณนำเข้า LNG ปีนี้ ลดลงจากแผนบ้าง ส่วนปีหน้าก็ยังคาดหมายที่จะนำเข้าในปริมาณ 1.2-1.3 ล้านตันต่อปี

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951931
#3723



ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (30 ก.ค.)ร่วง 149 จุด หลุดระดับ 35,000 จุด ขณะที่นักลงทุนเทขายหุ้นอเมซอน ท่ามกลางความผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัท นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 149.06 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ 34,935.47 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.5% ปิดที่ 4,395.26 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.7% ปิดที่ 14,672.68 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์สามารถปรับตัวในแดนบวกในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (พีซีอี) ที่ต่ำกว่าคาด

นอกจากนี้ การที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ต่ำกว่าคาดการณ์เมื่อวานนี้ ก็ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

ทั้งนี้ หุ้นแอมะซอนดิ่งลงกว่า 7% ในวันนี้ หลังรายงานรายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นพ.สก็อตต์ ก็อตลิบ อดีตประธานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) กล่าวว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐมีจำนวนมากกว่าตัวเลขที่เจ้าหน้าที่รายงานอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

"ผมจะไม่ประหลาดใจถ้าหากเราพบว่าผู้ติดเชื้อรายวันมีจำนวนถึง 1,000,000 คนในขณะนี้ ซึ่งตัวเลขทางการรายงานไม่ถึง 10% ของตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริง" นพ.ก็อตลิบกล่าว

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท
ทั้งนี้ ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ค่าเฉลี่ยในรอบ 7 วันของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐอยู่ที่ 67,000 คน โดยเพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นพ.ก็อตลิบกล่าวเสริมว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมากไม่ได้ถูกรวมอยู่ในรายงานของทางการ เนื่องจากผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อย ต่างก็ไม่ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ และการที่ประชาชนสามารถซื้ออุปกรณ์มาตรวจหาเชื้อได้เองในบ้าน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวไม่มีการรายงานต่อเจ้าหน้าที่

ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) ออกเอกสารเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยได้เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาสามารถติดต่อได้ง่ายเหมือนโรคอีสุกอีใส และมีช่วงเวลาในการแพร่ระบาดยาวนานกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม

ซีดีซี ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดใน 132 ประเทศทั่วโลก และได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ สามารถแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไข้หวัดสเปน ไข้ทรพิษ เชื้ออีโบลา โรคซาส์ (SARS) และโรคเมอร์ส (MERS)

ทั้งนี้ มีเพียงโรคหัด (measles) เท่านั้นที่มีการระบาดได้เร็วกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี พีซีอีพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ดีดตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2534

ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยิ่งหนัก! พบเสียชีวิตสูง 178 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 18,912 ราย
จ่าย 'เยียวยาประกันสังคม' นายจ้าง-ลูกจ้าง ม.33 เร็วขึ้น 'คนละครึ่ง' เชื่อม 'ฟู้ดเดลิเวอรี่' จ่อคิว ต.ค.
เคาะ! 'ประกันโควิด' ป่วย-ตายที่บ้าน เคลมค่ารักษาพยาบาลได้
อย่างไรก็ดี ดัชนีพีซีอีพื้นฐานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนีพีซีอีพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6%

ส่วนดัชนีพีซีอีทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 4.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 หลังจากเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีพีซีอีถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศประจำไตรมาส 2/2564 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.5% ในไตรมาส 2 หลังจากที่ขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952071
#3724



ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ทั่วโลกนี้ วัคซีนที่ได้รับการรับรองจากประเทศต่างๆ จะต้องมีผลช่วยยับยั้งอาการรุนแรงได้ วัคซีนซิโนแวค (Sinovac) เป็นวัคซีนจากประเทศจีนตัวแรกที่ใช้ยับยั้งสายพันธุ์อู่ฮั่นตั้งแต่ปี 2563 ใช้ใน 36 ประเทศ คุณสมบัติและประสิทธิภาพของซิโนแวคยังคงศึกษาอยู่อย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยผลการทดลองทางคลินิกในประเทศบราซิล อินโดนีเซียและตุรกี แสดงให้เห็นว่าหลังผู้เข้ารับวัคซีนครบ 2 เข็ม เป็นเวลา 14 วัน จะช่วยลดความรุนแรงและการเข้ารักษาในโรงพยาบาลอยู่ที่ 100% และป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการอยู่ที่ 51-83%

ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ทั่วโลกนี้ วัคซีนที่ได้รับการรับรองจากประเทศต่างๆ จะต้องมีผลช่วยยับยั้งอาการรุนแรงได้ วัคซีนซิโนแวค (Sinovac) เป็นวัคซีนจากประเทศจีนตัวแรกที่ใช้ยับยั้งสายพันธุ์อู่ฮั่นตั้งแต่ปี 2563 ใช้ใน 36 ประเทศ คุณสมบัติและประสิทธิภาพของซิโนแวคยังคงศึกษาอยู่อย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยผลการทดลองทางคลินิกในประเทศบราซิล อินโดนีเซียและตุรกี แสดงให้เห็นว่าหลังผู้เข้ารับวัคซีนครบ 2 เข็ม เป็นเวลา 14 วัน จะช่วยลดความรุนแรงและการเข้ารักษาในโรงพยาบาลอยู่ที่ 100% และป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการอยู่ที่ 51-83%

ซิโนแวค (Sinovac) เจ้าของคือใคร
โควิด-19ติดตาม
31 ก.ค. 64
เผยแบบจำลอง 3-4 เดือนข้างหน้า ไม่ล็อกดาวน์เข้ม ป่วย 4 หมื่นต่อวัน ดับ 500 ศพ

31 ก.ค. 64
"ดีอีเอส" โดนบ้าง ปธ.พัฒนาการเมือง ขอ อนุฯ ต่อต้าน Fake News ตรวจสอบกลับ

31 ก.ค. 64
แถลงการณ์ เพื่อไทย จี้รัฐบาล ยกเลิกห้ามสื่อเสนอข่าว ทำประชาชนหวาดกลัว

ดูทั้งหมด 

เจ้าของวัคซีนซิโนแวค คือ Sinovac Biotech เป็นบริษัทมหาชนในประเทศจีน วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากซิโนแวคเป็นวัคซีนประเภทเชื้อตาย ในเอกสารกำกับยาใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า โคโรนาแวค (CoronaVac) ใช้ป้องกันโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสในผู้ที่อายุ 18-59 ปี ภายใต้การอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันแบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19

ข้อกำหนดในการใช้วัคซีนโคโรนาแวค 1 โดส ปริมาณ 0.5 มิลลิลิตร ประกอบด้วยเชื้อ SARS-CoV-2 ที่ตายแล้ว ทำหน้าที่เป็นสารก่อภูมิต้านทาน 600 SU อายุของผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 6 เดือน หลังผลิต ในประเทศไทยผู้ที่ได้รับอนุญาตผลิต หรือนำ หรือสั่งยาแผนปัจจุบันเข้ามาในราชอาณาจักรคือองค์การเภสัชกรรม ขึ้นทะเบียนตำรับยา ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564

การฉีดวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) และผลข้างเคียง

จำนวนโดสของผู้เข้ารับวัคซีนต้องได้รับวัคซีน 2 โดส โดยเว้นระยะระหว่างโดส 2 สัปดาห์ การฉีดวัคซีนซิโนแวค ต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อเดลตอยด์ (Deltoid Muscles) เท่านั้น ผลข้างเคียงเมื่อฉีดวัคซีนโควิดซิโนแวค (Sinovac) จากการทดลองในกลุ่มอาสาสมัคร อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ ปวดบริเวณที่ฉีด และ ปวดกล้ามเนื้อ 

ประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคในเด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์
ยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะวิเคราะห์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมถึงหญิงตั้งครรภ์

ซิโนแวคป้องกันไวรัสโควิดกลายพันธุ์ได้หรือไม่
ปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่มากพอที่จะประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคกับไวรัสกลายพันธุ์ในประเทศต่างๆ แต่การศึกษาในประเทศที่พบการกลายพันธุ์พบว่าวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรครุนแรง การเข้ารักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต องค์การอนามัยโลกจึงแนะนำการใช้วัคซีนซิโนแวคในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับวัคซีนก่อน แม้จะมีรายงานพบการกลายพันธุ์ในประเทศนั้น

ข้อห้ามและข้อควรระวังของการใช้วัคซีนซิโนแวค
ผู้ที่มีประวัติแพ้อะนาฟิแลกซิส ต่อส่วนผสมใดในวัคซีนรุนแรง ควรห้ามใช้ และผู้ที่มีปฏิกิริยาอะนาฟิแลกติกรุนแรงหลังได้รับวัคซีนโดสแรก ไม่ควรได้รับวัคซีนเข็มสองเป็นชนิดเดียวกัน (อ้างอิง WHO)

แนวทางการใช้วัคซีนซิโนแวคที่ WHO รับรอง

แนวทางการใช้วัคซีนซิโนแวคขององค์การอนามัยโลก ฉบับย่อบนเว็บไซต์องค์การอนามัยโลก เขียนไว้ 3 ประเด็น ดังนี้

• ประโยชน์ของวัคซีนซิโนแวคมีมากกว่าความเสี่ยง
• วัคซีนซิโนแวคสองโดสป้องกันการเกิดโรครุนแรง การเข้ารักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตได้ในระดับสูง
• กลุ่มเปราะบางซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรครุนแรง ควรได้รับวัคซีนก่อนเป็นอันดับแรกๆ ในบริบทที่มีปริมาณวัคซีนจำกัด

ประเทศที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) ให้แก่ประชาชน
ข้อมูลอัปเดต 19 กรกฎาคม 2564 จากเว็บไซต์ ourworldindata ซึ่งเป็นเว็บที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก ระบุว่าปัจจุบันนี้มีประเทศที่ใช้วัคซีนซิโนแวคแล้ว 36 ประเทศ ดังนี้

1. แอลเบเนีย
2. อาร์มีเนีย
3. อาเซอร์ไบจาน
4. สาธารณรัฐเบนิน
5. บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
6. บราซิล
7. กัมพูชา
8. ชิลี
9. จีน
10. โคลอมเบีย
11. สาธารณรัฐจิบูตี
12. สาธารณรัฐโดมินิกัน
13. เอกวาดอร์
14. อียิปต์
15. เอลซัลวาดอร์
16. ฮ่องกง
17. อินโดนีเซีย
18. ลิเบีย
19. มาเลเซีย
20. เม็กซิโก
21. นอร์ทมาซิโดเนีย
22. นอร์เทิร์นไซปรัส
23. โอมาน
24. ปากีสถาน
25. ปารากวัย
26. ฟิลิปปินส์
27. สิงคโปร์
28. โซมาเลีย
29. ซูดาน
30. ทาจิกิสถาน
31. ไทย
32. ติมอร์เลสเต
33. ตูนีเซีย
34. ตุรกี
35. ยูเครน
36. อุรุกวัย

ผลการศึกษาวัคซีนซิโนแวคในต่างประเทศ 2564/2021

การศึกษาประสิทธิภาพซิโนแวคในประเทศบราซิลจากอาสาสมัคร 12,607 คน

ระยะเวลาศึกษา มกราคม - กุมภาพันธ์ 2564

NEWS Medical Life Science เผยผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคอ้างอิงจากการฉีดในบุคลากรทางการแพทย์ พบว่าวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพ 50.39% หลังฉีดครบ 2 เข็มในระยะ 2 และ 3 สัปดาห์

การทดลองดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสาร medRxiv เก็บข้อมูลจากจำนวนอาสาสมัครผู้เข้าร่วม 12,607 คน พบบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 360 คน เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองเซาเปาโล (Sao Paolo) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ไม่เป็นไปตามแนวโน้มเดียวกันกับการระบาด


ภาพแสดงจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เส้นสีดำคือจำนวนผู้ป่วยในเมืองเซาเปาโล เส้นสีน้ำเงิน คือจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยเซาเปาโล

ระหว่างการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนซิโนแวคในบราซิลก็พบการระบาดของสายพันธุ์กลายพันธุ์ P1 และ B.1.1.7 ในการศึกษานี้ได้ผลว่า เมื่อรับวัคซีนครบ 2 เข็มประสิทธิภาพของวัคซีนในสับดาห์ที่สองอยู่ที่ 50.7% และสัปดาห์ที่สามอยู่ที่ 51.8% และเพิ่มขึ้นในอีกสองสัปดาห์ถัดมา

สรุปผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์บราซิลนี้ พบว่านับตั้งแต่ฉีดวัคซีนเข็มแรกจำนวนผู้ป่วยก็ลดลง

อย่างไรก็ดีรายงานทางวิทยาศาสตร์ที่เผยแพร่ใน medRxiv เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเป็นแนวทางและการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ยังไม่ถือเป็นข้อสรุปที่ยอมรับ จึงควรใช้ผลวิจัยอื่นๆ รองรับประกอบความน่าเชื่อถือ

การศึกษาประสิทธิผลการฉีดวัคซีนเชื้อตายในประเทศชิลี จากอาสาสมัคร 10.2 ล้านคน

ระยะเวลาศึกษา กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2564

วัคซีนโควิด-19 ที่ฉีดให้แก่ประชาชนชิลี ได้แก่ Sinovac เป็นวัคซีนประเภทเชื้อตาย, Pfizer เป็นวัคซีนประเภท mRNA, วัคซีน AstraZeneca และ CanSino เป็นวัคซีนประเภท Viral Vector

การศึกษาประสิทธิผลการฉีดวัคซีนเชื้อตาย SARS-CoV-2 ในประเทศชิลี ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The New England Journal of Medicine จากผู้ที่เข้ารับบริการสาธารณสุขแห่งชาติมาประเมินผลจำนวน 10.2 ล้านคน เริ่มศึกษาตั้งแต่กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2564 เพื่อศึกษาถึงประสิทธิผลของวัคซีนโควิด SARS-CoV-2 ถีงผลต่อการป้องกันการเสียชีวิต และการเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก (ICU)

ป้องกันความรุนแรงของโรคด้วยการวิเคราะห์จากการเข้ารักษาในโรงพยาบาล ร้อยละ 87.5
ป้องกันการเข้ารับการรักษาใน ICU ร้อยละ 90.3
ป้องกันการเสียชีวิตจากโควิด-19 ร้อยละ 86.3
ประสิทธิภาพของซิโนแวคในสื่อต่างประเทศ

Reuters เผยประสิทธิภาพซิโนแวค 50.4% (ข้อมูล 12 มกราคม 2564)
News-Medical เผยประสิทธิภาพซิโนแวค 50% (ข้อมูล 19 เมษายน 2564)
WHO เผยประสิทธิภาพซิโนแวค 51% (ข้อมูล 2 มิถุนายน 2564)
ที่มา :

1. Performance of vaccination with CoronaVac in a cohort of healthcare workers (HCW) - preliminary report., medrxiv.org
2. New Brazil data shows disappointing 50.4% efficacy for China's CoronaVac vaccine.,Reuters
3. Sinovac COVID-19 vaccine shows 50% effectiveness in a cohort of Brazilian healthcare workers.,News-Medical
4. The Sinovac COVID-19 vaccine: What you need to know., WHO
5. ข้อมูลผลิตภัณฑ์วัคซีน CoronaVac., gpo
6. Statistics and Research Coronavirus (COVID-19) Vaccinations., ourworldindata
7. Effectiveness of an Inactivated SARS-CoV-2
Vaccine in Chile., nejm.org

https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2144232
#3725
ซื้อ Line sticker ใครๆ ก็ซื้อได้ง่ายนิดเดียวhttps://www.chatstickmarket.com/single-post/buylinesticker-everyonecanbuyiteasily

#3726



ช่วงนี้โอปป้าชวนปลูกต้นไม้ ตามรอยซีรีส์เกาหลี "Nevertheless" โดย "เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก" เลือก "ต้นไม้สไตล์มินิมอล" ตกแต่งห้องก็สวย ช่วยฟอกอากาศได้ด้วย

ซีรีส์เกาหลี Nevertheless (รักนี้ห้ามไม่ได้) ออกฉายไปไม่กี่ตอน (เผยแพร่โดย Netflix) บรรดาติ่งเกาหลีพากันหา ต้นไม้สไตล์มินิมอล มาประดับห้อง โดยเฉพาะบทพูดที่พระเอก – พัคแจออน พูดกับนางเอก – ยูนาบี ว่า "ไปดูผีเสื้อกันไหม...ที่บ้านฉัน" กลายเป็นวลียอดฮิตติดกระแสโซเชียล อยากมีโอปป้าชวนไปดูผีเสื้อบ้าง...


ช่วงนี้ฤดูฝน ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก (ราชประสงค์) ขอเกาะกระแสมาแรงของซีรีย์ดัง ชวนทุกคนปลูกสีเขียวไว้ในบ้านกับ ต้นไม้สไตล์มินิมอล กันก่อนจะไปดูผีเสื้อ...ปลูกต้นไม้ดีต่อใจเสมอ และ ต้นไม้สไตล์มินิมอล ดูแลง่าย ตกแต่งมุมไหนก็สวย ช่วยเพิ่มออกซิเจน และช่วยฟอกอากาศได้ด้วย เช่น


   คาลล่า ลิลลี่ ดอกสีม่วงสวยมาก

คาลล่า ลิลลี่ (Calla Lily) ไม้ดอกหลากสีสันสวยงาม มีถิ่นกำเนิดในอัฟริกาใต้ 

การดูแล :  ชอบแสงรำไร  รดน้ำวันละ 1 ครั้งในช่วงเช้า


    ยางอินเดียดำ

สุขสมใจปอง หนึ่งในไม้ประดับชื่อมงคล สายพันธุ์อะโกลนีมา ราชาแห่งไม้ประดับสีสันฉูดฉาดโดดเด่น

การดูแล : แสงแดดรำไร  รดน้ำวันละครั้งหรือวันเว้นวัน โดยให้ดูความชื้นของดินเป็นหลัก


     มอนสเตอร่า ต้นไม้ฟอกอากาศยอดนิยม

ออมชมพู ต้นไม้ชื่อมงคล มีเก็บมีออม สีชมพูที่สายหวานต้องมี หนึ่งในไม้กระแสตระกูลซินนิงเกีย (Sinningia) ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในชั่วโมงนี้

การดูแล : แสงแดดรำไร  รดน้ำวันละครั้งหรือวันเว้นวัน
#3727



สาย Electro POP ห้ามพลาด! การผนึกกำลังของ "Dallas K" โปรดิวเซอร์มือทอง และซูเปอร์สตาร์สายอินดี้ป็อปคนสนิท "Lauv" กับเพลงใหม่ฟังเพลิน "Try Again"

"Dallas K" ศิลปิน โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลง เจ้าของเพลง EDM POP อย่าง "All My Life", "Self Control", "I Know" และ "Sometimes" อีกทั้งเขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำเพลงดังของศิลปินระดับโลกหลายคน เช่น BTS, Tiësto, Fifth Harmony, Chromeo และ KSHMR ล่าสุด "Dallas K" ได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับเพื่อนศิลปินอินดี้ป็อประดับซูเปอร์สตาร์ "Lauv" กับซิงเกิลใหม่แนว Electronic POP ฟังสบาย อย่าง "Try Again" ซึ่งถือว่าเป็นซิงเกิลแรกของ Lauv ในปีนี้



"Try Again" เป็นเพลงที่ "Dallas K" ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ "Lauv" ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง "Breathe" แต่หลังจากซิงเกิล "Breathe" ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน "Lauv" ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง "Try Again" ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไปถัดมาในปี 2020 "Dallas K" ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง "Sad Forever" ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม "~how i'm feeling~" ของ "Lauv" อีกครั้ง

นอกจากนี้ ใน "Without You EP" ของ "Lauv" ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก "Dallas K" อีกเช่นกันเนื่องด้วย "Try Again" เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง "Dallas K" และ "Lauv" เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว "Dallas K" จึงได้ชวน "Lauv" มาอัดเพลง "Try Again" ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น



"Lauv" ได้กล่าวว่า "Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว" เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน"Try Again" เป็นเพลงที่ "Dallas K" ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ "Lauv" ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง "Breathe" แต่หลังจากซิงเกิล "Breathe" ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน "Lauv" ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง "Try Again" ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไป

ถัดมาในปี 2020 "Dallas K" ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง "Sad Forever" ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม "~how i'm feeling~" ของ "Lauv" อีกครั้ง นอกจากนี้ ใน "Without You EP" ของ "Lauv" ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก "Dallas K" อีกเช่นกัน เนื่องด้วย "Try Again" เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง "Dallas K" และ "Lauv" เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว "Dallas K" จึงได้ชวน "Lauv" มาอัดเพลง "Try Again" ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น

"Lauv" ได้กล่าวว่า "Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว" เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน

สามารถฟัง "Try Again" ได้ที่ : https:// umusicth.lnk.to/TryAgainPR
#3728

  

แรงบันดาลใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคน หรือสร้างอนาคตให้ใครสักคน อาจมีที่มาหลากหลายแหล่ง หนังสือสักเล่ม เพลงสักเพลง หรือหนังสักเรื่อง เช่นเดียวกับแรงบันดาลใจที่ทำให้เด็กชายคนหนึ่งเติบโตมาเป็นศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์ของโลก มาจากฉากเดียวในหนังดังเรื่องหนึ่ง

จอห์น เมเยอร์ ในวัย 8 ขวบ หลงใหลเสน่ห์ของกีตาร์จากการดู ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ ในบท มาร์ตี แม็คฟลาย เล่นกีตาร์ในหนัง Back to the Future แต่กว่าจะได้จับกีตาร์จริงจังก็ตอนอายุ 13 ปี และไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เริ่มฟังเพลงบลูส์จากศิลปินระดับตำนาน อย่าง บี.บี. คิง, บั๊ดดี กาย, อัลเบิร์ท คิง, โอทิส รัช, เฟร็ดดี คิง, ไลก์ทนิน' ฮ็อปกินส์ จนถึง สตีวี เรย์ วอห์น

เมเยอร์ เริ่มเรียนกีตาร์พื้นฐานจากเจ้าของร้านขายกีตาร์ในบริดจ์พอร์ท, คอนเนตทิคัต บ้านเกิด และเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ดิ่งลึกกับดนตรี เขาตั้งวงเล่นดนตรีร็อกกับเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยม ก่อนจะเข้าเรียนที่วิทยาลัยดนตรีเบิร์คลี แต่เพียง 2 ภาคเรียน เมเยอร์ ก็ตัดสินใจทิ้งการเรียนมุ่งหน้าสู่อาชีพดนตรีเต็มตัว

หลังจากตระเวนเล่นหาเลี้ยงชีวิตตามผับบาร์ เมเยอร์ ก็ได้ทำผลงานชุดแรกเป็นอีพี.ออกขายอิสระชื่อ Inside Wants Out ซึ่งเป็นที่มาของการได้เซ็นสัญญากับบริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ โคลัมเบีย เรคคอร์ดส์ ในเวลาต่อมา

Room for Squares เป็นอัลบั้มแรก ออกในปี 2002 ไม่เพียงเป็นอัลบั้มขายดี ยังได้รับคำวิจารณ์เชิงบวก และทำให้ เมเยอร์ ได้รางวัล แกรมมี่ สาขานักร้องชายยอดเยี่ยมจากเพลง "Your Body Is a Wonderland"

Heavier Things อัลบั้มที่ 2 ออกในปีถัดมา แม้ยอดขายจะไม่เท่าอัลบั้มแรก แต่ผลลัพธ์ด้านอื่นเหนือกว่าทุกด้าน ติดอันดับ 1 บนตาราง บิลล์บอร์ด 200, คำวิจารณ์บวกจากสื่อยักษ์ใหญ่ทุกแห่ง และเพลง "Daughters" ได้รางวัลใหญ่สุดของ แกรมมี่ คือรางวัลเพลงแห่งปี

เมเยอร์ ไม่เพียงได้การยอมรับจากผู้ฟัง บรรดาศิลปินอาวุโสในทางบลูส์และแจ๊ซมากมายก็ให้ความชื่นชมเขา โดยเฉพาะในฐานะมือกีตาร์ฝีมือเยี่ยม ทำให้ เมเยอร์ ได้ร่วมเล่นกับศิลปินเหล่านั้นมากมาย ขณะเดียวกันเขาเองก็ขยายขอบเขตดนตรีของตนด้วยการร่วมงานกับศิลปินร่วมรุ่นต่างแนวทาง ทั้งป็อป, ร็อค, ฮิป-ฮอป ฯลฯ



ในปี 2005 เมเยอร์ ตั้งวง จอห์น เมเยอร์ ทริโอ เพื่อออกตระเวนทัวร์คอนเสิร์ต เป็นวงที่ฮือฮากันมากเพราะสมาชิกอีก 2 คนนั้น จัดเป็นสุดยอดนักดนตรีที่ฝากฝีมือไว้ในการบันทึกเสียงให้ศิลปินนับพันๆ นั่นคือ พิโน พาลลาดิโน มือเบส และ สตีฟ จอร์แดน มือกลอง ทั้งสามออกอัลบั้มแสดงสด Try! มาชุดหนึ่งก่อนแยกย้ายกัน

เมเยอร์ ยังคงทำงานต่อเนื่อง ออกอัลบั้ม, ออกทัวร์ และรับเชิญไปบันทึกเสียงหรือขึ้นคอนเสิร์ทจากเพื่อนศิลปินมากหน้าหลายตา อัลบั้มที่ตามติดมา Continuum (2006), Where the Light Is (2007) และ Battle Studies (2009) ยังรักษาระดับความสำเร็จทุกด้านไว้ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่ศิลปินดนตรีจะรักษาความต่อเนื่องได้ขนาดนี้

หลังจากอัลบั้ม Born and Raised ออกในปี 2012 เมเยอร์ ก็ประสบปัญหาส่วนตัว ซึ่งมีผลทำให้ต้องยกเลิกการทัวร์ทั้งหมด แต่ระหว่างที่หยุด เขาก็ไม่ได้อยู่เฉย เพราะกลางปี 2013 เขาออกอัลบั้มใหม่ Paradise Valley ซึ่งพลิกแนวดนตรีไปเป็นโฟล์ค-ร็อคและคันทรี่-ร็อค จากนั้นก็ออกทัวร์เพื่อสนับสนุนอัลบั้มทั้งสองควบกัน ยาวไปจนถึงปี 2015

ปี 2016 ขณะที่เริ่มทำเพลงสำหรับอัลบั้มใหม่ เมเยอร์ ก็ไปรวมตัวกับอดีตสมาชิกวง เกรทฟูล เดด ตั้งวงขึ้นมาเพื่อออกแสดงคอนเสิร์ทในนาม เด๊ด แอนด์ คอมพานี ซึ่งมีเป็นระยะๆจากปี 2016-2018 ระหว่างช่วงเวลานี้ เมเยอร์ ก็ออกอัลบั้ม The Search for Everything (2017)

และกลางเดือนกรกฎาคม 2021 นี้ เมเยอร์ ออกอัลบั้มล่าสุด Sob Rock เป็นอัลบั้มจากสตูดิโอชุดที่ 8 ของเขา โดยพลิกแนวอีกครั้งไปเป็นซอฟท์-ร็อคแบบเวสต์โคสต์ที่นิยมกันในทศวรรษ 1970-1980

เมเยอร์ ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ เขาเป็นคนที่มีปัญหาสุขภาพและด้านจิตใจตั้งแต่วัยรุ่น แต่มีคนไม่น้อยพยายามวิเคราะห์ถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จของเขา ถ้ามองภาพกว้างๆจะพบว่า เมเยอร์ มีคุณสมบัติครบเครื่องของการเป็นดารา รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา, ทักษะทางดนตรีชั้นเลิศ และเสียงร้องที่ไพเราะ

แต่ถ้ามองลึกลงไป เพลงของ เมเยอร์ จับความรู้สึกของผู้ฟังได้ดี เขาไม่พยายามเขียนเพลงที่เข้าถึงยากเกินไป เป็นอารมณ์ที่มีอยู่ในคนทั่วไป และที่สำคัญ ผลงานทุกชิ้นของเขาไม่ถูกปล่อยผ่านออกมาสู่สาธารณะอย่างลวกๆ ผ่านกระบวนความคิดที่แน่นอนมาแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในแนวร็อคอเมริกัน, บลูส์ หรือคันทรี่-ร็อค และด้วยท่วงทำนองฟังไม่ยาก นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่เปิดกว้างกับการรับดนตรีแนวต่างๆ และพร้อมหาประสบการณ์จากการร่วมงานกับคนอื่นๆทุกครั้งที่พร้อม

ยิ่งกว่านั้น ใครที่ติดตามมาพอสมควรและช่างสังเกต จะพบว่า จอห์น เมเยอร์ ใช้สื่อเก่งมาก โดยที่ไม่เสียความเป็นตัวของตัวเอง

ดนตรี / ทิวา สาระจูฑะ https:// siamrath.co.th/n/266350
#3729


รายงานข่าวจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย แจ้งว่า วันนี้(30 ก.ค.2564) ได้มีหนังสือเวียนจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย ลงนามโดยนายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เวียนถึงกรรมการผู้จัดการบริษัทประกันวินาศภัยที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ โดยระบุสาระสำคัญว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(Covid-19)ในปัจจุบันซี่งมีความรุนแรงและได้ขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ภาครัฐต้องดำเนินการเพิ่มช่องทางการนำผู้ติดเชื้อCOVID-19 เข้าสู่ระบบการดูแลในรูปแบบของการดูแลผู้ติดเชื้อที่บ้าน (Home Isolation)และการดูแลด้วยระบบชุมชน(Community Isolation) จากเดิมที่กำหนดให้เป็นการเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลโรงพยาบาลสนาม หรือโรงแรมที่เป็นโรงพยาบาลกักตัว(Hospitel) เท่านั้น

เนื่องจากระบบการดูแลในรูปแบบที่เพิ่มข้นดังกล่าว ส่งผลทำให้ผู้เอาประกันไม่สามารถขอใบรับรอง แพทย์ จากสถานพยาบาล ได้ และอาจทำให้การดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสำหรับความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยหรือตรวจพบเชื้อ (แบบเจอจ่ายจบ) ไม่ได้รับความสะดวกในสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยได้กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องแสดงหลักฐานใบรับรองแพทย์ ประกอบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนด้วย สมาคมประกันวินาศภัยไทยจึงใคร่ขอความร่วมมือจากบริษัทสมาชิกในการอนุโลมไม่ต้องเรียกเอกสารใบรับรองแพทย์จากผู้เอาประกันภัยในช่วงเวลานี้ โดยขอให้ใช้เพียงเอกสารมาตรฐานและผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้สามารถยืนยันตัวตนของผู้ที่รับการตรวจหาเชื้อได้และผลการตรวจมีความน่าเชื่อถือ

สมาคมฯขอขอบคุณบริษัทสมาชิกเป็นอย่างสูงที่ได้ร่วมกันพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยCovid-19 รูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงให้กับประชาชนและสังคม รวมถึงได้ให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของสมาคมฯ เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขตลอดระยะเวลาการแพร่ระบาดของโรคมาอย่างต่อเนื่อง สมาคมฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความร่วมมือจากท่านในโอกาสนี้ เพื่อให้ธุรกิจประกันวินาศภัยได้ทำหน้าที่เป็นส่วนสำคัญในการนำพาประเทศก้าวข้ามผ่านวิกฤติในครั้งนี้
#3730


บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือ HMPRO เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 16,954.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,572.42 ล้านบาท หรือ 17.89% โดยมีกำไรสุทธิ 1,432.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 489.91 ล้านบาท หรือ 51.97% โดยมีปัจจัยจากจำนวนวันในการเปิดให้บริการที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ได้ถูกปิดสาขาชั่วคราว ตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ โดยโฮมโปร ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น กิจกรรม HomePro Super Expo และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ทั้งบนช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์จึงทำให้สามารถสร้างยอดขายได้เพิ่ม

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับไตรมา 2 ปี 2564 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 เท่ากับ 1,432.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 489.91 ล้านบาท หรือ 51.97% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 16,954.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,572.42 ล้านบาท หรือ 17.89% ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งเป็นรายได้ที่ประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 16,154.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,330.14 ล้านบาท หรือ 16.86% เป็นผลจาก จำนวนวันในการเปิดให้บริการมากกว่าช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งปิดสาขาชั่วคราวตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น กิจกรรม HomePro Super Expo เป็นต้น สำหรับยอดขาย "โฮมโปรมาเลเซีย" ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา จากคำสั่ง Lockdown ของรัฐบาลมาเลเซีย ในช่วงเดือน พฤษภาคม และเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าเช่า 302.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.70 ล้านบาท หรือ 42.17% เป็นผลจากจำนวนวันในการเปิดให้บริการมากกว่าช่วงปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ยังคงมีการปรับลดค่าเช่า เพื่อช่วยเหลือผู้เช่า ที่ยังได้รับผลกระทบจากระบาดของ COVID-19 และบริษัทฯ ยังมีรายได้อื่นอีก 497.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.58 ล้านบาท หรือ 44.23% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าในสาขา

ทั้งนี้ บริษัทฯ มี กำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า และการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 4,065.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 778.03 ล้านบาท หรือ 23.67% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 23.78% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 25.17% เป็นผลมาจากการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากาไรขั้นต้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนจัดซื้อสินค้าเช่นกัน

"สำหรับผลกำไรสุทธิในครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีผลกำไร 2,795.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 585.86 ล้านบาท หรือ 26.52% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 32,786.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,080.08 ล้านบาท หรือ 10.37% และ ณ ปัจจุบัน โฮมโปร มีสาขารวมทั้งสิ้น 86 สาขา โฮมโปรเอส 8 สาขา เมกาโฮม 14 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซียอีก 7 สาขา" นายคุณวุฒิ กล่าวต่อไปอีกว่า

แม้สถานการณ์ยอดขายในไตรมาส 2 โดยรวมจะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ยอดขายสาขาเดิมของทั้งธุรกิจโฮมโปรในประเทศ และธุรกิจเมกาโฮม ยังสามารถเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนหน้า เนื่องจากฐานรายได้ที่ต่ำในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมาจากการปิดบางสาขาชั่วคราว รวมถึงในช่วงต้นเดือน เมษายน บริษัทฯ มีการจัดงาน HomePro Super Expo ผ่านช่องทาง E-commerce และทุกสาขาทั่วประเทศ แทนการจัดงานในรูปแบบเดิม

นายคุณวุฒิ กล่าวอีกว่า ทางบริษัทฯ ได้ปรับตัวเปลี่ยนแผนการดำเนินงานต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่จะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะ จึงเพิ่มความสำคัญให้กับสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน ที่คนยังต้องใช้ชีวิตในบ้าน หรือลดความเสี่ยงในการไปสถานที่ที่ผู้คนแออัด โดยมีการเพิ่มสินค้าในกลุ่มป้องกันและฆ่าเชื้อโรค รวมไปถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Work From Home และ Cooking at Home ที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาช่องทางขายอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้การใช้งานสะดวกและง่ายขึ้นในส่วนของช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น แอปพลิเคชั่น HomePro Application และ Home Service Application

"นอกจากนี้ โฮมโปร ได้พัฒนาการให้บริการ Chat Shop4U ที่เสมือนมีผู้ช่วยในการเลือกซื้อสินค้าและบริการในช่วงที่ลูกค้าไม่สามารถออกมาซื้อที่สาขาได้ โดยได้พัฒนาในส่วนของบริการขนส่งสินค้าภายในวันที่มีการสั่งซื้อ (Sameday Delivery) และในส่วนของการรับสินค้าที่สาขา (Click & Collect) นอกจากนี้ เนื่องจากการที่คนอยู่บ้านมากขึ้นทางบริษัทฯ ได้สร้างความน่าสนใจและสรรหาโปรโมชั่นต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องผ่านช่องทาง social media ซึ่งการพัฒนา Omni Channel ในช่องทางออนไลน์เหล่านี้ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่ยังมีความกังวลเรื่องการระบาดของ COVID-19 และเป็นตัวช่วยเสริมรายได้ไตรมาส 2 ให้ยังสามารถเติบโตได้เช่นกัน".
#3731



เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) บริษัทโฮลดิ้งคอมพานีในเครือธนาคารไทยพาณิชย์เดินหน้าภารกิจ Moonshot Mission (มูนช็อต มิชชั่น) มุ่งลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี และสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ประกาศเป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนหลักในการระดมทุนรอบ Series D ของ Fireblocks แพลตฟอร์มผู้ให้บริการเทคโนโลยีสำหรับการดูแลความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ร่วมกับกลุ่มผู้ลงทุนชั้นนำ ได้แก่ Sequoia Capital, Stripes, Spark Capital, Coatue และ DRW โดย SCB 10X นับเป็นบริษัทในเครือธนาคารรายที่ 3 ที่ร่วมลงทุนใน Fireblocks ต่อจาก BNY Mellon และ SVB Capital โดยการระดมทุนในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Fireblocks มีมูลค่าบริษัท (Valuation) พุ่งทะยานสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
การเพิ่มเงินทุนใหม่ในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความโดดเด่นของ Fireblocks ในการเป็นแพลตฟอร์มผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่ช่วยให้องค์กรใหม่ๆ สามารถเข้ามาในสนามของสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยีของ Fireblocks จะช่วยในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ White Label สำหรับลูกค้าสถาบันที่ต้องการให้บริการดูแลและรับฝากสินทรัพย์ประเภทคริปโตเคอร์เรนซี (Crypto Custody) โดยที่ลูกค้าสถาบันสามารถให้บริการดูแลและรับฝากสินทรัพย์แก่ลูกค้าของตนได้โดยตรงโดยไม่ต้องพึ่งพาบุคคลที่สาม

นางมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) กล่าวว่า Fireblocks นับเป็นตัวเลือกที่เป็นที่ต้องการขององค์กรชั้นนำมากมาย ทั้งองค์กรขนาดใหญ่ และองค์กรขนาดเล็ก เนื่องจากแพลตฟอร์มของ Fireblocks จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถนำเสนอโซลูชันการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำหนดเองได้ แทนที่จะแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าพวกเขากำลัง outsource การดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งเป็นความสามารถที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจประเภทนี้

SCB 10X ในฐานะหนึ่งในผู้ลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าของ Fireblocks เรามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า Fireblocks มีความเชี่ยวชาญในระดับโลกในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ยากจะหาใครเทียบได้ในแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในด้านเครือข่ายการถ่ายโอนสินทรัพย์ดิจิทัล (Asset Transfer Network) และโครงสร้างพื้นฐานในการดูแลและรับฝากสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซี (Crypto Custody Infrastructure) เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงทุนในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความร่วมมือในการนำเอาองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญและโซลูชันระดับโลกของ Fireblocks มาใช้ในการพัฒนาและต่อยอดเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับเทรนด์การให้บริการทางการเงินดิจิทัลแห่งโลกอนาคต
 
Fireblocks ในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยี MPC สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัทได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่น่าเชื่อถือซึ่งเป็นแกนหลักสำคัญของแพลตฟอร์มที่ถูกนำมาใช้กับองค์กรมากกว่า 500 แห่งทั่วโลก และช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยมากกว่า 1 ล้านล้านในสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้โครงสร้างพื้นฐานของ Fireblocks นับเป็นตัวขับเคลื่อนพื้นฐานที่สำคัญในการเติบโต และถูกนำมาปรับใช้ทั้งในสถาบันการเงินรูปแบบใหม่และดั้งเดิม ปัจจุบัน Fireblocks ขยายบริการไปทั่วโลก รองรับสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่ง นอกเหนือจากการให้บริการแก่ตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ  (Crypto-Native Exchanges), Lending Desks, Hedge Funds, OTC Desks และผู้ดูแลสภาพคล่องของตลาด (Market Maker) เช่น Revolut, BlockFi, Celsius, PrimeTrust, Galaxy Digital, Genesis Trading, Crypto.com และ eToro เป็นต้น
 

Fireblocks ก่อตั้งในปี 2562 โดยระดมทุนได้กว่า 489 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก Venture Capital (VCs) ชั้นนำระดับโลกด้านฟินเทค, บล็อกเชน และความปลอดภัยทางไซเบอร์ อาทิ Cyberstarts, Eight Roads, Tenaya Capital, Swisscom, Paradigm, Ribbit Capital และ Coatue
 
มร. ไมเคิล ชอลอฟ (Michael Shaulov) CEO Fireblocks กล่าวว่า เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะสามารถขยายบริษัทและโครงสร้างพื้นฐานผ่านการระดมทุนครั้งใหม่นี้ การเติบโตที่เราเห็นมาจนถึงปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในทุกช่วงของบริษัท ด้วยเทคโนโลยีของเราที่มีความโดดเด่นนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และความสำเร็จของเรานั้นได้ปรากฏอย่างชัดเจน เมื่อมองไปข้างหน้าสู่การเติบโตของอุตสาหกรรม เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจด้านการดูแลความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัลมีศักยภาพมหาศาล เราพร้อมจะเติบโตและเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับสถาบันการเงิน และองค์กรอื่นๆ ที่ต้องการจะเข้าสู่แวดวงนี้ได้อย่างปลอดภัยและราบรื่นมากยิ่งขึ้น
#3732


หลักสูตรออนไลน์ Quick MBA For SMEs โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชวนหาทางแก้วิกฤติพิชิต COVID-19 ถอดบทเรียนการฝ่าความยากลำบากของผู้ประกอบการ โดย จรัญพจน์ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด(มหาชน) ที่เข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพองค์กรเพียง 1 เดือน ต้องเจอกับการรับน้องเผชิญโรคระบาดรุนแรงรอบร้อยปีทันที การแพร่กระจายของเชื้อโรคเป็นวงกว้าง ทำให้รัฐต้อง "ล็อกดาวน์" ระยะหนึ่ง กระทบการขายสินค้าของบริษัทอย่างมาก เพราะธุรกิจหลักทั้งอาหาร ร้านอาหาร 10 สาขา ล้วนพึ่งพาหน้าร้านผ่านห้างค้าปลีก

บททดสอบผู้นำ ยังถาโถมเข้ามา เมื่อเกิดโรครบาดในหมู 2 โรคเข้ามาพร้อมกันทำให้บริษัทต้องงัดมาตการดูแลพนักงานอย่างเข้มข้น ให้กินอยู่ที่โรงงาน ฟาร์มทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อโรค

 นอกจากนี้ มาตรการรัฐทั้งโครงการคนละครึ่ง เราชนะ ที่ผันเงินเข้าระบบเศรษฐกิจผ่านร้านธงฟ้า ร้านค้าทั่วไป แม้ภาพรวมเห็นด้วยและเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กระทบยอดขายร้านอาหาร และยอดขายในห้าง ทำให้ธุรกิจหลักของบริษัทต้องประสบปัญหา "ขาดทุน" เป็นบางเดือน กระเทือน "วิกฤติศรัทธา" ของคนในองค์กรต่อตนเอง

ล่าสุด โรงงานสารเคมีระเบิด ที่ห่างโรงงานของบริษัทเพียง 1.8 กิโลเมตร(กม.) ล้วนส่งผลกระทบต่อการทำงานทั้งสิ้น กลายเป็นสิ่งที่จะพิสูจน์การนำทัพองค์กร จะฝ่าภารกิจสุดหินให้ผ่านไปได้โดยเร็ว

"นอกจากโรคระบาดที่เกิดรุนแรงสุดรอบร้อยปี ซึ่งไม่เคยเจอมาก่อน โรงงานสารเคมีระเบิด เป็นสิ่งที่กดดันมาก รวมถึงสิ่งที่คนของ ส.ขอนแก่นไม่คุ้นหูคือคำว่า ขาดทุน เพราะเราอยู่ในธุรกิจที่ทำกำไรมาตลอด ธุรกิจหลักๆไม่เคยขาดทุน แต่พอเจอวิกฤติเราประสบปัญหาขาดทุน 1-2 เดือน จึงไม่ใช่แค่เจอวิกฤติธุรกิจแต่ส่วนตัวเจอวิกฤติศรัทธา ทุกคนห่วงจะรอดไหม เพราะสถานการณ์หนักมาก"

ทั้งนี้ ส.ขอนแก่น มีฟาร์ม 1 แห่ง โรงงาน 4 แห่ง ร้านอาหาร 10 สาขา และอสังหาริมทรัพย์ รวมมีพนักงานร่วม 2,000 ชีวิต ในการฝ่าวิกฤติ "ทีมงาน" เป็นหัวใจสำคัญมาก โดยทุกฝ่ายทำแผนการดำเนินงานต่อเนื่อง (BCP) 6 แผน รองรับการทำงานภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ทีมการตลาดระดมสมองจัดแคมเปญที่จะพลิกกำไรให้บริษัท ฝ่ายผลิตหากไม่สามารถบรรจุสินค้าได้ ทีมงานต่างๆพร้อมไปเป็นกำลังเสริมช่วยเต็มที่ ทีมงานร้านอาหารหาซัพพลายเออร์จากทั่วโลก รองรับความเสี่ยงกรณีซัพพลายเออร์ในประเทศส่งวัตถุดิบให้ไม่ได้ เป็นต้น

การมีทีมงานแกร่ง พร้อมร่วมหัวจมท้าย และลุยแก้ไขปัญหา ทำให้สถานการณ์ยอดขายฟื้นตัวกลับมาในทิศทางที่ดีในระยะสั้น ส่วนระยะยาว จรัญพจน์ ตีโจทย์ธุรกิจอาหารกำลังอยู่ในสถานการณ์โกลาหล เพราะคู่แข่งทางตรงมีมาก ส่วนคู่แข่งหน้าใหม่ตบเท้าเข้ามาแบ่งเค้กมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เดาทางอนาคตลำยาก แต่ธุรกิจต้องอยู่รอด การปรับตัวเพื่อให้ยืนหยัดในวงการได้ บริษัทให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าของสินทรัพย์น้อยลง(Asset Light)มุ่งจับมือพันธมิตรเพื่อให้เกิดซีนเนอร์ยี โมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อบุกตลาด และตัดตัวกลางในธุรกิจมากขึ้น

"อนาคตธุรกิจอาหารเดาทางยากจะแข่งกับใคร เพราะมีสตาร์ทอัพหน้าใหม่ พร้อมตัดตัวกลาง มีแอ๊พพลิเคชั่นต่างๆ คลาวด์คิทเช่น เกิดขึ้น สถานีบริการน้ำมันอยากทำอาหาร กลายเป็นสมรภูมิที่ผู้ประกอบการทุกคนมาบรรจบกันทำตลาดจริง"

อีกตัวแปรที่กระทบผู้ประกอบการ คือ "กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง" แต่ความต้องการสินค้าดีมีคุณภาพมาเป็นอันดับแรก ทำให้บริษัทต้องหันกลับมามองสมรรถนะของตัวเอง ปรับกระบวนการภายใน หาทางผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแต่ "ราคาต่ำลง" ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายให้ได้

นอกจากนี้ เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มโอกาสขาย บริษัทจะบุกช่องทางจำหน่ายร้านธงฟ้า ที่มีราว 1-4 แสนราย เพื่อกระจายสินค้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การจับมือพันธมิตรปั๊มน้ำมัน เพื่อขายสินค้า ส่วนการช่องทางออนไลน์จะเน้นขยายพาร์ทเนอร์ ด้านร้านอาหารจะทำคลาวด์คิทเช่น ลดต้นทุน

 "เป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ ทุกคนกำลังหนีตาย ยอมลดกำไรตัวเอง เพื่อให้แข่งขันได้ แต่หากต้องการอยู่รอด ต้องกลับมาดูสมรรถนะตัวเอง ทำของดีราคาถูกลง หาจุดแข็งสร้างความโดดเด่น ทำสินค้าให้ผู้บริโภคว้าว!ให้ได้"
#3733
" BOOM COLLAGEN PLUS "  คอลลาเจน+วิตามินผิว 36 ชนิด

เติมความสดชื่น ผิวลื่นไปอีกก !!  หอม อร่อย สดชื่น ปังมากBoom Collagen+ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยดูแลสุขภาพผิว ผม เล็บ  ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง

ให้คุณดูดีจากภายในสู่นอก ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิด 
นำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก คุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี

ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่น ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์ 

 เสริมสร้างสุขภาพได้ง่ายๆ
- นอกจากช่วยให้ผิวสวยแล้ว ยังช่วยบำรุงข้อกระดูก ช่วยลดอาการเสื่อมของข้อต่อ-เสริมสร้างคอลลาเจน เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ...ดื่มทุกวัน ดีทุกวัน...ผิวบูมได้ทุกวัน ง่ายๆอย่างครบวงจร ให้คุณดูดีจากภายในสู่ภายนอกด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิดนำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก Collagen คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรคอลลาเจนเป็นโปรตีนมีอยู่ในสัดส่วน 30 % ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกายโดยพบมากที่สุดที่ผิวหนังด้วยคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี

ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่นช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์ ผิวบูมได้ทุกวันเพื่อให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่พร้อม เปล่งประกายเพียงแค่ดื่ม BOOM วันละ 1-2 ซองผิวของคุณก็จะค่อยๆดูดีขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Boomช่วยในการดูแลสุขภาพผิวให้แข็งแรงจากภายในสู่ความสวยใสเปล่งประกาย สู่ผิวพรรณภายนอก

ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยาขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-5-0104
ราคา 590 บาท

 สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ
Tel. 0846623662
Line id : teerapat999 

รายละเอียดเพิ่มเติม  http://porntaywa99.lnwshop.com/p/1232


 #ปัญหาฝ้า #กระ #จุดด่างดำ #ผิวหมองคล้ำ #ดูดซึมง่ายทันที #พกพาสะดวก  #ขาวใส
#3734
Room Fiberry รูมไฟเบอรี่ ดีท็อกซ์ชนิดผงชงดื่ม ดื่มง่าย ถ่ายคล่อง
 

สุขภาพดีเริ่มต้นที่.. " การขับถ่าย "ROOM FIBERRY (รูม ไฟเบอร์รี่)ตัวช่วยของคนรักสุขภาพ เติมเต็มส่วนที่ขาด กำจัดส่วนเกินกินทุกวันแต่ไม่ขับถ่ายทุกวัน ต้นเหตุของ "โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง"อาทิเช่น ท้องผูก ท้องเสีย มะเร็งลำไส้ใหญ่อ้วนลงพุง และโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดูดซึมของเสีย หรือสารพิษที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกายทำให้เซลล์ถูกทำลายจากสารอนุมูลอิสระต่างๆ
 
Room Fiberry (รูม ไฟเบอร์รี่) มีส่วนช่วยในการดีท็อกซ์ร่างกายมากถึง 5 ระบบ
- ระบบลำไส้
- ระบบตับ
- ระบบไต
- ระบบเลือด
- ระบบผิวหนัง
 
•รวบรวมสารสกัดจากผักผลไม้ถึง 36 ชนิด
• อุดมไปด้วยวิตามินและใยอาหารที่จำเป็นจากผักและผลไม้ 7 สี
• เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100%
• กวาดเศษปฏิกูลของเสียออกจากส่วนที่ติดค้างในลำไส้
• ดูดสารพิษและกลิ่นเน่าเหม็น
• ขับถ่ายตามเวลาภายใน 8-12 ชั่วโมง
• ช่วยให้ผิวพรรณสดใสมากขึ้น
• ช่วยให้ร่างกานผ่อนคลายและหลับสบายยิ่งขึ้น
• รสชาติมิกซ์เบอร์รี่ หอม อร่อย ทานง่าย
 
Room Fiberry"ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค""อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค""ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ"ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา
 
ขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-3-0002
 
บรรจุ 1 กล่อง / 14 ซอง
วิธีรับประทาน ชงน้ำเย็น 50-100 ml/1 ซอง ดื่มก่อนนอน วันละ 1 ซอง
 ราคา  590 บาท

สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ
Tel. 0846623662
Line id : teerapat999

ข้อมูลเพิ่มเติม   http://porntaywa99.lnwshop.com/p/1233

 
#รูมไฟเบอรี่ดีท็อกซ์กระชับสัดส่วน#ROOMFIBERRY ดูแลผิวพรรณป้องกันความอ้วน##ดีท๊อก#ดีท๊อกลำไส้ #ดีท๊อกของเสีย #วิตามิน #เพื่อสุขภาพที่ดี #ลดพุง #ถ่ายคล่อง #สินค้าดี
#3735
นาฬิกานับเวลา Digital จับเวลาเดินหน้า-ถอยหลัง 

LED Count Down Timer ตัวเลขขนาด 10 cm x 6 cm

นาฬิกาจับเวลา Digital จับเวลาเดินหน้า ถอยหลัง

- LED Count Down Timer 
- แถมรีโมทไร้สาย คู่มือภาษาไทย 
- ขนาด : ยาว 70 cm. สูง 16 cm. หนา 4 cm. 
- ใช้จับเวลาตามโรงยิม,สนามมวย,โรงงาน,สนามชนไก่ เป็นต้น
- ใช้ไฟ220 v
- มีรีโมทพควบคุมไร้สาย
- รับประกัน1ปี

ติดตอสอบถาม
โทร 094-5102033 
line@ : @gentech
Facebook : Gentechshop


#3736
ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 099.461.1840
@line: chiramathe.nami

อาคารพาณิชย์ ชั้นเดียว ทำเลดี ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 เขตประเวศ กทม


เหมาะสำหรับทำการค้า สำนักงานเชิงพาณิชย์ 

เนื้อที่ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร 

ด้านหน้าอาคารติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 ด้านข้างอาคารติดกับ ร.พ.วิภารามอ่อนนุช ขนาด 400 เตียง 19 ชั้น 

และซอย อ่อนนุช 78 ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
- สัญญา 2 ปี 
(สัญญาเช่า 2 ปี = จ่ายเงินประกัน 2 เดือนและค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน เข้าอยู่ได้เลย)

พื้นที่
ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร
ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ทำเลที่ตั้ง
บ้านเลขที่ 39/15 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม 10250

สถานที่ใกล้เคียง
-ร.พ.วิภาราม อ่อนนุช
-เทสโก้โลตัส อ่อนนุช
-ไปรษณีย์อ่อนนุช
-สวนหลวง ร.9
-Seacon square
-Paradise park

ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 0994611840
@line: chiramathe.nami

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=73&t=7827111


























#3737



โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท, เอ ลักซ์ชัวรี่ คอลเล็คชั่น โฮเท็ล พบกับโปรโมชั่นใหม่ล่าสุด ที่คุณและเพื่อนสี่ขาจะได้เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาสุดวิเศษด้วยกัน ในห้องพักแกรนด์รูม ห้องใหญ่ กว้างขวางพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันให้น้องหมาได้มีความสุข ห้องพักพร้อมอาหารสำหรับผู้เข้าพัก 2 ท่าน รวมถึงชุดน้ำชายามบ่าย "Let's Pawty" สุดน่ารัก พร้อมเสิร์ฟในห้องและอื่นๆอีกมากมาย


สิทธิพิเศษนี้ประกอบด้วย...
-ห้องพักแกรนด์ รูม 1 คืน
-อาหารเช้าสำหรับผู้เข้าพัก 2 ท่าน
-ชุดน้ำชายามบ่ายเสิร์ฟในห้องพัก "Let's Pawty" ในธีมน้องหมาสุดน่ารัก
-ของขวัญชิ้นพิเศษจากแบรนด์โรยัล คานิน (Royal Canin)
-สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสุนัข อาทิ เตียง ของเล่น และอื่นๆ ในระหว่างเข้าพัก

เริ่มต้นเพียงคืนละ 2,550++ บาท ต่อคืน

นอกจากนี้ ผู้เข้าพัก 30 ท่านแรก จะได้รับผ้าห่มแบรนด์โรยัล คานิน สุดนุ่มสีแดงสดใส มูลค่า 290 บาท

สามารถรับสิทธิพิเศษนี้ได้ที่แอปพลิเคชัน Royal Canin Club (TH) https://bit.ly/AppRoyalCaninClub และสำรองห้องพักได้ตั้งแต่วันนี้ – จนถึง 26 ธันวาคม 2564



ข้อตกลงและเงื่อนไข

สุนัขที่นำมาพัก จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 12 กิโลกรัม และเข้าพักเพียง 1 ห้อง ต่อ 1 ตัวเท่านั้น
สุนัขจะต้องอยู่ในบริเวณที่ทางโรงแรมฯ จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น
ผู้เข้าพักจะต้องลงนามหรือแจ้งว่านำสุนัขมาในตอนเช็คอิน
ลูกค้า 30 ท่านแรก จะได้รับผ้มห่มจากแบรนด์โรยัล คานิน มูลค่า 290 บาท สีแดง ขนาด 120*80 เซนติเมตร (1 ชิ้น ต่อ 1 ห้อง)
ของขวัญสุดพิเศษจากแบรนด์โรยัล คานิน ที่จัดเตรียมให้ประกอบด้วย อาหารสุนัขพันธุ์เล็กเลี้ยงภายในบ้าน (แบบเม็ด) 50 กรัม จำนวน 3 ซอง (1 ชุด / 1 ห้อง และสำหรับ 50 ท่านแรกที่เข้าพักเท่านั้น)
กรุณาสำรองห้องพักล่วงหน้าอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนวันเข้าพัก
สามารถยกเลิกการเข้าพักได้ โดยล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนวันเข้าพัก
ค่าธรรมเนียมในการนำสุนัขเข้าพักแบบ refundable

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพัก โทร02 649 8888 หรืออีเมล bkklcreservation@marriott.com

เป็นเพื่อนกับเราได้ที่ @SheratonGrandeBKK
#3738



หลังจากมีภาพหลุดของ เวย์น รูนีย์ อดีตหัวหอกตัวเก่งของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นเฮดโค้ชให้กับ ดาร์บี เคาน์ตี ในลีกแชมเปียนชิพ อังกฤษ อยู่กับหญิงสาวบนเตียง รวมถึงตอนจูบกับผู้หญิงรายหนึ่งซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตัวเอง

โดย เวย์น รูนีย์ ได้เข้าไปแจ้งตำรวจเป็นที่เรียบร้อย และยืนยันว่าเขาถูกภาพดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และกำลังถูกแบล็คเมล์จากบุคคลที่ไม่หวังดี

ล่าสุด คอลีน รูนีย์ ภรรยาของ เวย์น รูนีย์ ยังเชื่อใจในสามีของตัวเอง โดยชี้ว่าอดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ โดนผู้ไม่หวังดีกลั่นแกล้ง และเป็นเพียงการจัดฉากเท่านั้น

"คอลีน หลุนหลังเขาเต็มที่ เธอเชื่อว่าเขากำลังตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งที่ทำให้ทุกคนต้องเข้าใจผิด เธอได้มีการพูดคุยกับเขาแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นดีมากจริงๆ" แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับครอบครัวรูนีย์ เผยกับ เดอะซัน สื่อในอังกฤษ
#3739


คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ออกมาเผยว่าจะมีการผ่อนปรนกฎด้วยการอนุญาตให้นักกีฬาที่ขึ้นโพเดียมรับเหรียญรางวัลในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สามารถถอดหน้ากากอนามัยชั่วคราวไม่เกิน 30 วินาที เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้ หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งออกมายืนยันว่าทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดด้วยการสวมน้ากากอนามัยตลอดเวลา

ก่อนหน้านั้นในวันอาทิตย์ มาร์ค อดัมส์ โฆษก ไอโอซี เพิ่งออกมาย้ำเตือนว่านักกีฬาทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตามมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดเวลา หลังมีนักกีฬาว่ายน้ำหลายคนที่ถอดหน้ากากออกขณะขึ้นรับเหรียญรางวัลในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ไอโอซี ตัดสินใจที่จะผ่อนปรนกฎดังกล่าว โดยระบุว่าเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักกีฬาได้ถ่ายภาพเพื่อเก็บอารมณ์และความทรงจำในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตนักกีฬาเอาไว้ แต่ทั้งนี้ต้องมีการเว้นระยะห่าง และจะสามารถถอดหน้ากากได้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ตอนจะถ่ายรูปเดี่ยวเท่านั้น ส่วนการถ่ายรูปหมู่ที่มีความใกล้ชิด ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากตามเดิม

เครดิตภาพ : REUTERS
#3740



เมื่อวันที่ 25 ก.ค.64 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยถึงกรณีคณะถ่ายทำภาพยนตร์ของ Paramount Pictures เรื่อง Shantaram ที่กำลังถ่ายทำในไทย ถูกระงับการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นเวลาชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงนี้ โดยได้รับข้อมูลจากนายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล ประธานคณะกรรมการพิจารณาคำขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ และวีดิทัศน์จากต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย ดังนี้

1. หลังจากคณะถ่ายทำภาพยนตร์ดังกล่าวได้เริ่มงานถ่ายทำในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการได้ ๑ สัปดาห์ ได้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในพื้นที่ ทำให้สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นผู้ดูแลพื้นที่ ประสานขอให้ทางคณะถ่ายทำระงับการถ่ายทำเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา ๒ สัปดาห์ เพื่อประเมินสถานการณ์ให้ปลอดภัยที่สุด

2.จากข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นพบว่า คณะถ่ายทำภาพยนตร์ได้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันและคัดกรองอย่างเข้มข้น เป็นไปตามระเบียบทุกประการ อาทิ มีการรักษาระยะห่าง มีการกั้นพื้นที่สำหรับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีแพทย์/พยาบาลและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขประจำกองตลอดเวลา

3.ขอเรียนว่า ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการพิจารณาคำขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ และวีดิทัศน์จากต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา และสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับคณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยจะเร่งประเมินและหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้การถ่ายทำสามารถดำเนินต่อไปได้โดยเร็วที่สุด