• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chigaru

#6752
บริษัท แอดวานซ์ เอนริชเชส จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์ ดิออริจินัล (The Original) ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ดูแลปัญหาผิว โดยเฉพาะปัญหาสิว เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ Blackhead Fighting Mask ครีมลอกสิวเสี้ยนพลังช้างBlackhead Fighting Mask ดิออริจินอล แบล็คเฮด ไฟท์ติ้ง มาส์ก ครีมลอกสิวเสี้ยนพลังช้าง ผลิตภัณฑ์ลอกสิวเสี้ยนชนิดใช้แล้วลอกออก ช่วยขจัดสิวเสี้ยนและไขมันอุดตัน ด้วยสารสกัดจากอโลเวร่า ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นขณะใช้ หลังใช้ไม่เกิดการระคายเคือง ขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับครีมลอกสิวเสี้ยนและกระดาษลอกสิวเสี้ยนภายในซอง/กล่องผลิตภัณฑ์มีจัดจำหน่าย 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดซอง 5 กรัม ราคา 49 บาท มีจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และร้านเครื่องสำอางตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ขนาดหลอด 15 กรัม ราคา 169 บาท มีจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ และเร็ว ๆ นี้พบกันที่ร้าน Watson Konvy Beautrium Eveandboy ฯลฯช่องทางประชาสัมพันธ์แบรนด์ The OriginalWebsite : https://theoriginalofficial.comfacebook : https://www.facebook.com/theoriginalthTwitter : https://twitter.com/Original2mintTiktok : https://www.tiktok.com/@theoriginalthInstagram : https://www.instagram.com/theoriginalthailandLine Official : https://lin.ee/gel7nC
#6753
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex บวกกว่า 200 จุด หลังร่วง 3 วันติด

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียดีดตัวขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ หลังร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการ

อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายถูกกดดันจากการที่จีนประกาศมาตรการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 57,593.49 บวก 231.29 จุด หรือ 0.40%

หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงสวนทางตลาดวันนี้

U เข้าซื้อหุ้น มาเจสติค พาร์ค-รับโอนตั๋วสัญญาใช้เงินรวมมูลค่า 1,053.49 ลบ.
 
บมจ.ยู ซิตี้ (U) เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 มีนาคม 2565 บริษัทฯ ได้มาซึ่งหุ้นสามัญในบริษัท มาเจสติค พาร์ค จำกัด (MJP) จำนวน 500,000 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 50% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วทั้งหมดของ MJP) ราคา 54.27 ล้านบาท และ รับโอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดย MJP จำนวน 999,22 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 50% ของตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งหมดที่ออกโดย MJP) จากการใช้สิทธิตามสัญญา Option Agreement ระหว่างบริษัทฯ และ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ฉบับลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ในราคาซื้อขายรวมจำนวน 1,053.49 ล้านบาท เพื่อร่วมทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดย U ถือหุ้น 50% และ NOBLE ถือหุ้น 50%
#6754
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Balance U core ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติเกรดพรีเมี่ยมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากถึง 13 ชนิด น้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันงา, น้ำมันเมล็ดงาขี้ม่อน, สารสกัดโสม, สารสกัดถั่งเช่า, เห็ดชิตาเกะ, เห็ดยามาบูชิตาเกะ, เห็ดไมตาเกะ, สารสกัดขิง, สารสกัดพลูคาว, สารสกัดเห็ดหลินจือ, เบต้ากลูแคน, โคเอนไซม์ Q10

เป็นตัวช่วยที่ดีในการที่จะปรับในเรื่องของภูมิคุ้มกันของร่างกาย สารสกัดธรรมชาติใน Balance Ucore เข้าไปเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยสะเก็ดเงิน เริม งูสวัด 

จดทะเบียนในชื่อ ยูคอร์ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูลนิ่ม)
Ucore (SOFT GEL DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT)
เลขที่ อย. 13-1-07458-5-0233
ขนาดบรรจุ 30 แคปซูล
ราคาพิเศษเพียง 990 บาท
สอบถามปรึกษารายละเอียดเพิ่มเติม  > Balance U core
เว็บไซต์ Balance ของแท้
#6755
'Quick ERP' ผนึกกำลัง 'Rockwell' ลุยสร้างโซลูชันระบบอัตโนมัติมาตรฐานโลก พลิกโฉมอุตสาหกรรมไทยสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ

บริษัท ควิก อีอาร์พี จำกัด (Quick ERP) ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และที่ปรึกษาการวางระบบอัตโนมัติชั้นนำของไทย จับมือกับบริษัท ร็อคเวล ออโตเมชัน (Rockwell Automation) ผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์ และระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ผนึกความเชี่ยวชาญ เสริมจุดแข็ง ร่วมกันสร้างโซลูชันระบบอัตโนมัติเพื่อโรงงานอุตสาหกรรมไทยแบบครบวงจร ด้วยฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานสากลมาเชื่อมต่อเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการเข้ากับไอที และนำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไร้รอยต่อ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการไทยที่หลากหลาย แตกต่างท้าทาย ได้อย่างถูกต้องและคุ้มค่า เพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้โรงงานผู้ผลิตไทย โดยเป้าหมายสำคัญของ Quick ERP และ Rockwell คือร่วมกันนำอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่ดิจิทัล ทรานส์ฟอเมชัน (digital transformation) อย่างสมบูรณ์แบบ

นายวีรวัฒน์ ศรีอารยะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทควิก อีอาร์พี จำกัด กล่าวว่า Rockwell เป็นบริษัทเก่าแก่ ดำเนินกิจการมากว่า 100 ปี และเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของโลก เป็นที่ยอมรับของผู้ประกอบการและคนในแวดวงอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เนื่องจาก Rockwell ไม่เพียงมีผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรมจำนวนมาก ครอบคลุมทุกรูปแบบ ยังพัฒนาระบบอัตโนมัติ และซอฟต์แวร์ที่สามารถแก้ปัญหาด้านอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง การที่ Quick ERP ซึ่งเป็นบริษัทด้านไอที เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยได้เป็นพาร์ทเนอร์ทำงานร่วมกันอย่างเป็นทางการ ยิ่งเพิ่มศักยภาพในการวางระบบอัตโนมัติให้โรงงานอุตสาหกรรมไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยความเชี่ยวชาญด้านไอทีของ Quick ERP และคุณภาพของฮาร์ดแวร์/ซอฟต์แวร์จาก Rockwell รังสรรค์เป็นโซลูชันที่ไร้ข้อจำกัด ไม่ว่าโรงงานจะมีความต้องการ หรือลักษณะงานแตกต่างกันอย่างไร ก็สามารถออกแบบโซลูชันที่ครอบคลุมตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้จริง

'จุดแข็งอีกข้อก็คือนอกจากงานด้านไอที ที่ผ่านมา Quick ERP ยังพัฒนาเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ (OT) ไปด้วยอย่างต่อเนื่อง ทำให้เข้าใจกระบวนการและการทำงานทั้งระบบ เมื่อได้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีมาตรฐานสูงจาก Rockwell มาใช้งานร่วมด้วย ก็ช่วยอัปเกรดให้โซลูชันของ Quick ERP ได้มาตรฐานสูงขึ้น มีเครื่องมือที่นำมาใช้ได้ประยุกต์หลากหลาย สามารถต่อยอดสู่โซลูชันเพื่ออุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ๆ และก้าวหน้าขึ้นต่อไปในอนาคตได้' นายวีรวัฒน์ กล่าว

ด้าน นายจิลส์ เว็บเบอร์ (Gilles Weber) ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ร็อคเวล ออโตเมชัน ไทย จำกัด (Rockwell Automation Thai) กล่าวว่า Rockwell มองว่า Quick ERP เป็นบริษัทด้านไอทีของไทย ที่เข้าใจผู้ประกอบการไทย และมีศักยภาพด้านทักษะและธุรกิจครบถ้วน โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ด้านการประยุกต์ใช้ IoT, มีฐานลูกค้าในไทยที่เหนียวแน่น และมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ พัฒนางานได้จริง สิ่งเหล่านี้ทำให้ Rockwell เชื่อว่า หากร่วมมือกับ Quick ERP จะสามารถช่วยกันผลักดันและส่งเสริมผู้ประกอบการให้ประสบความสำเร็จได้

'ทุกวันนี้ ผู้ประกอบการซึ่งเป็นลูกค้าของเรา กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือการบูรณาการโลกของไอทีและโลกของเทคโนโลยีปฏิบัติการเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งการจะประสบความสำเร็จได้นั้น เราต้องการพาร์ทเนอร์ที่มีทักษะใหม่ๆ ซึ่งต้องเป็นพาร์ทเนอร์ที่เราอยากทำงานด้วยจริงๆ และ Rockwell เชื่อว่า Quick ERP จะเป็นผู้นำทักษะใหม่ๆ นี้มาให้พวกเรา และสนับสนุนให้ลูกค้าของพวกเราประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลได้อย่างสวยงาม' ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ร็อคเวล ออโตเมชัน ไทย กล่าว

ทั้งนี้ โปรเจกต์แรกหลังจับมือลงนามเป็นพาร์ทเนอร์กันอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา คือการนำ 'IIoT Gateway' และซอฟต์แวร์ 'Kepware' ของ Rockwell มาเป็นตัวเชื่อมต่อเครื่องจักร รับและส่งข้อมูลขึ้นสู่คลาวด์ ของ Microsoft Azure ที่มีมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยให้โซลูชันทั้งระบบมีมาตรฐาน และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับโรงงานอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ยังมีโปรเจกต์ล้ำๆ รับยุค metaverse กับแว่นโฮโลเลนส์ ที่ Quick ERP นำซอฟต์แวร์ของ Rockwell เข้ามาใช้ ทำให้แว่นโฮโลเลนส์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ สามารถใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือ คลังสินค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานได้คล่องขึ้น เช่น ใช้แว่นโฮโลเลนส์ในการค้นหาสินค้าในคลังแทนการถือกระดาษ หรือ แท็บเล็ต โดยแว่นจะบอกเส้นทางการเดิน ไปจนถึงตำแหน่งสินค้า และเช็กความถูกต้อง นอกจากนี้ยังนำมาใช้จำลองการซ่อมอุปกรณ์ เพื่อลดความผิดพลาดเมื่อทำงานจริงได้อีกด้วย

การผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง Quick ERP และ Rockwell ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของวงการไอทีและอุตสาหกรรมไทย ที่จะมายกระดับมาตรฐานระบบการทำงานของอุตสาหกรรม และสร้างโซลูชัน พร้อมด้วยพัฒนาเทคโนโลยี อุปกรณ์ใหม่ๆ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมไทย และเตรียมความพร้อมสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ
#6756
กอช. ชวนผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือก 1 สมัครสมาชิกเพื่อรับเงินบำนาญ

น.ส.จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผยว่า กอช. ขอเชิญชวนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ทางเลือก 1 วางแผนออมเงินเพื่อวัยเกษียณ ควบคู่กับ กอช. ออมเงินขั้นต่ำ 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี ได้รับเงินสมทบเพิ่มในเดือนถัดไป สูงสุด 100% ตามช่วงอายุ ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี สมาชิกจะได้รับสวัสดิการจาก 2 หน่วยงาน กรณีประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือกรณีทุพพลภาพจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีเสียชีวิตได้รับเงินค่าทำศพจากประกันสังคม และเมื่ออายุ 60 ปีบริบูรณ์ จะได้รับเงินบำนาญรายเดือนจาก กอช. รวมถึงรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือก 2 และ 3 ไม่สามารถสมัครเป็นสมาชิก กอช. ได้

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบสิทธิ์ก่อนการสมัครสมาชิกได้ด้วยตนเองที่แอปพลิเคชัน กอช. หรือหน่วยรับสมัครสมาชิกใกล้บ้าน อาทิ ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ สำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ทุกสาขา รวมทั้งไปรษณีย์ไทย สหกรณ์ชุมชนที่เข้าร่วม เซเว่น-อีเลฟเว่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ตู้บุญเติม และเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ
#6757
ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ลงนามสัญญาว่าจ้าง เนาวรัตน์พัฒนาการ สร้างท่าเทียบเรือชุด ดี เฟสสอง ทุ่มทุนกว่า 3 พันล้าน เนรมิตเป็นท่าเรือชั้นนำของประเทศ

มร. สตีเฟ้นท์ อาร์ชเวิรท (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ฮัทชิสัน พอร์ท ประจำประเทศไทย และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมด้วย นายพลพัฒ กรรณสูต (ขวา) กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญาว่าจ้างงานก่อสร้างส่วนที่เหลือของท่าเทียบเรือชุดดี ของฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ด้วยเงินลงทุนถึง 3.4 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในเดือนเมษายน 2565 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี โดยเมื่อโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชุดดี เสร็จสมบูรณ์จะสามารถให้บริการด้านการขนส่งสินค้าทางเรือและรองรับตู้สินค้าผ่านท่าได้มากถึง 3.5 ล้าน TEU ต่อปี พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการสุดอัจฉริยะจากเทคโนโลยีขั้นสูงที่เสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในสิ่งแวดล้อม สอดรับกับเป้าหมายของบริษัทฯ เพื่อก้าวสู่การเป็นท่าเทียบเรือชั้นนำของประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นท่าเทียบเรือต้นแบบให้กับท่าเรืออื่น ๆ ในเครือกลุ่มบริษัทฮัทชิสัน พอร์ท ทั่วโลก

"ผู้นำท้องถิ่น" ปลื้มระบบเมืองอัจฉริยะ ของ "PLANET"
 
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร ร่วมกับ บ้านผู้นำกรุ๊ป จัดแสดงการจำลองพื้นที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะเพื่อเมืองอัจฉริยะ หรือ "Smart Block for Smart City" ในงานการประชุมและการสัมมาทางวิชาการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2565 ประจำปี พ.ศ. 2565 ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้นำท้องถิ่นทั่วประเทศที่เข้าร่วมงาน เนื่องจาก มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาไปสู่เมืองอัจฉริยะได้จริง และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการเร่งขับเคลื่อน "เมืองอัจฉริยะ (Smart City)" ยกระดับการบริหารจัดการเมือง ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพค เมื่อเร็วๆนี้
#6758
'จังซีลอน' ปรับโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี ชูดีไซน์คอนเซ็ปต์ 'โอเอซิส ป่าตอง' เสริมจุดแข็ง 'Shopping Paradise' พร้อมสร้าง 'New Lifestyle & Attractions' ต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เตรียมปรับโฉมใหม่เต็มรูปแบบทั้งศูนย์การค้าฯ ในปี 2565 - 2566  เนรมิตพื้นที่ให้กลายเป็นโอเอซิสของป่าตอง จังหวัดภูเก็ต พร้อมเปิดพื้นที่ขายให้กับบรรดาร้านค้าที่สนใจพื้นที่ เพื่อสร้างประสบการณ์อันหลากหลาย เติมเต็มความสุข ความสะดวกสบายให้ครบครันของ 'Shopping Paradise' ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักช้อป นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปในยุค New Normal ให้เข้าถึงทุกความต้องการจบครบในที่เดียว พร้อมเปิดให้บริการเฟสแรก ไตรมาส 4 ปี 2565 นี้

นายประวิช จรรยาสิทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ภูเก็ตสแควร์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต กล่าวว่า ศูนย์การค้าจังซีลอน ได้ดำเนินกิจการเข้าปีที่15 แล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางศูนย์การค้าได้มีการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้ทันสมัย มีร้านค้าและบริการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของนักช้อป นักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่องกว่า 17 ล้านคนต่อปี และในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้เตรียมแผนงานปรับปรุงครั้งใหญ่ทั่วทั้งศูนย์การค้า บนพื้นที่ทั้งหมดกว่า 55 ไร่ หรือประมาณ 200,000 ตร.ม. โดยได้แบ่งการดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ออกเป็น 2 เฟส ซึ่งในเฟสแรกจะเริ่มปลายเดือนมีนาคมนี้ ที่บริเวณชั้น 1 และชั้นใต้ดิน ทั้งหมด โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ และจะเสร็จสมบูรณ์เต็มรูปแบบทั้งศูนย์การค้าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566

นายประวิช ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการปรับปรุงใหญ่ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นับตั้งแต่ศูนย์การค้าจังซีลอนเปิดให้บริการในปี 2549 ภายใต้แนวคิดใหม่ 'The Oasis of Shopping in Patong' เปิดประสบการณ์ใหม่ของการช้อปปิ้งท่ามกลางธรรมชาติใจกลางป่าตอง ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบาย สดชื่น ร่มรื่นไปด้วยความเขียวขจีของเงาไม้ สวนสวย และสระน้ำพุขนาดใหญ่ ที่อยู่ภายในศูนย์การค้า ผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับงานสถาปัตยกรรมได้อย่างกลมกลืนและลงตัว ในรูปแบบของ 'Tropical Resort Mall' เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งความสวยงามของการตกแต่งจะแตกต่างกันไปทั้ง 4 โซน ได้แก่ The Jungle, The Bay, The Botanica และThe Garden พร้อมเติมเต็มทุกสุนทรียภาพของการช้อปปิ้งอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยร้านค้าและบริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่มร้านแฟชั่น ร้านอาหารสำหรับครอบครัว และจุดสำหรับแฮงเอาท์เพื่อพบปะสังสรรค์ พร้อมชู 'New Attractions' เพิ่มสีสันความสนุกในวันพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวและทุกคนในครอบครัว อาทิ

'LOVE EAT' โซนร้านอาหารใหม่ ที่ตกแต่งในรูปแบบของ Court House ผสมผสานความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว บนพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. พร้อมเปิดประสบการณ์พิเศษสุดกับ 'Digital Delicious' สถานที่ที่โลกแห่งความจริงและโลกเสมือนมาบรรจบกัน แห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด EAT & PLAY เสิร์ฟประสบการณ์ดิจิทัลในมื้ออาหารสุดล้ำ ที่ผสานศาสตร์แห่งการปรุงอาหารระดับ Fine Dining เข้ากับศิลป์แห่งเทคโนโลยีเหนือจินตนาการด้วยเทคนิคการนำข้อมูลสารสนเทศจากโลกจริงและโลกเสมือนมาผสมกันผ่าน Sensory Experience สู่ผลงานระดับสากลในทุกมิติ
'Digital Amusement' โชว์ดิจิทัล อินเตอร์แอ็กทีฟแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,000 ตร.ม. ถ่ายทอดประสบการณ์ผ่าน Mixed Reality เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง สัมผัสกับความสนุก ตื่นเต้น ในโลกดิจิทัลอาร์ตที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่จัดแสดง อาทิ โซน Culture ที่นำเสนอประเพณี วัฒนธรรม และศิลปะของประเทศไทย ในรูปแบบการแสดงแสงสีดิจิทัลที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากนั้นยังมีโซน Art, Fashion, Adventure, Games เป็นต้น
'Tourist Service Center' จุดบริการใหม่เอาใจนักท่องเที่ยวแบบ One Stop Service ที่นอกจากจะให้บริการด้านข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีบริการอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและนักท่องเที่ยว อาทิ บริการรถแท็กซี่,  Airport Shuttle Bus, จองตั๋วเครื่องบิน, เช็คอินสายการบินล่วงหน้า, บริการแลกเงิน, จุดจำหน่ายซิมโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต, บริการรับฝากกระเป๋าเดินทาง เป็นต้น
จากการปรับโฉมใหม่เต็มรูปแบบทั้งศูนย์การค้าในครั้งนี้ นอกจากจะมีการเพิ่มของร้านค้า และบริการใหม่ๆ ที่เข้ามาเสริมทัพ แผนงานการตลาดที่ครบเครื่อง รวมทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่คาดว่าจะดีขึ้นในปลายปีนี้ ทางบริษัทฯ คาดหวังว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นเท่ากับในปี 2562 อย่างแน่นอน นายประวิช กล่าว

 
#6759
 สีย้อมผมแฟชั่นจบการอรอ สีทรีทเม้นท์แฟชั่นเข้ามาครบทุกเฉดสีแล้วค่ะ สีย้อมผมผสมทรีทเม้นท์ บำรุงดูแลรักษาผม 
เนื้อสีแน่น ติดทน ไม่ต้องผสมไฮโดรเจน ไม่มีแอมโมเนีย สามารถลงได้เลย มีให้เลือกถึง 11 เฉดสีกันเลย
โดย บริษัท โมเดิร์น แฟนตาซี จำกัด ผู้นำเข้า-ส่งออก 
 สีย้อมผมแฟชั่นเครื่องใช้ไม้สอย
 อุปกรณ์ไฟฟ้า 
 สีย้อมผมแฟชั่นแล้วก็ผลิตภัณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับเส้นผม 
ภายใต้แบรนด์ ENIE(เอนี่)


https://bit.ly/3IEmMqA
#6760
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex เปิดบวก 110.52 จุด จากแรงช้อนซื้อ

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดบวกในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้าช้อนซื้อหุ้นของนักลงทุน หลังจากที่ตลาดปิดลบมาต่อเนื่อง 3 วันทำการ

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดีย เปิดตลาดวันนี้ที่ 57,472.72 จุด เพิ่มขึ้น 110.52 จุด หรือ +0.19%

หุ้น Maruti Suzuki พุ่งขึ้น 0.82%, หุ้น Power Grid ดีดขึ้น 0.44% และหุ้น Tata Steel บวก 0.32%

"เอกา โกล." ออเดอร์ล้นมือ ขึ้นท็อปแบรนด์ในตลาดโลก

เรียกว่ายังเป็นปีทองต่อเนื่องสำหรับ CEO หนุ่ม "ชัยวัฒน์ นันทิรุจ" บอสใหญ่แห่งเอกา โกล. บริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารแบรนด์ไทย ที่ออเดอร์ล้นทะลักตามเทรนด์ฟู้ดแพ็คเกจจิ้งตลาดโลกที่เติบโต จนขนาดบริษัทขึ้นอันดับ Top 5 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร แม้บริษัทเติบใหญ่ขึ้น แต่ "ชัยวัฒน์" ย้ำเสมอ "เอกา โกล." ต้องปรับตัวตลอดเวลา เดินหน้าวางโมเดลธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบ 360 องศา เน้นให้ความสำคัญเรื่อง Circular Economy เพื่อสร้างองค์กรให้เติบโตแบบมีเสถียรภาพยั่งยืน แหม? มีแต่คนถามเมื่อไหร่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายคนรอจองซื้อหุ้นแล้ว!!!

 
#6761
AMARC ยื่นไฟลิ่งเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai

AMARC ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมพร้อมก้าวสู่การเป็นแล็บชั้นนำระดับสากล ผู้ตรวจสอบและรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์การเกษตร อาหาร และสิ่งแวดล้อม ที่อุตสาหกรรมและผู้บริโภคเชื่อมั่น โดยมี บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ดร.ชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC (เอมาร์ค) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมดที่เสนอขายให้นักลงทุนครั้งนี้ จำนวน 120 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น ประมาณ 28.57% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2565 และมีบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับการทำ IPO

การระดมทุนดังกล่าวจะนำไปใช้รองรับการเติบโตของ AMARC ในอนาคต เพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสากล ให้เป็นที่รู้จักของผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อการจัดซื้อเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนเวียนในการประกอบธุรกิจ
บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบธุรกิจการให้บริการทางวิทยาศาสตร์ ด้านเกษตร อาหาร ยา และสิ่งแวดล้อม อย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ การสอบเทียบเครื่องมือ การตรวจสอบและรับรองระบบจัดการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ด้วยห้องปฏิบัติการที่ประกอบไปด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายแขนง AMARC มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทย ได้รับการควบคุมคุณภาพ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงผู้บริโภค เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งสร้างโอกาสให้กับภาคธุรกิจและผู้ประกอบการ ผ่านการสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และระบบการจัดการ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
การประกอบธุรกิจของ AMARC สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ

ธุรกิจบริการตรวจวิเคราะห์ (Testing) ให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ (Testing Laboratory) โดยสามารถแบ่งการให้บริการตรวจวิเคราะห์ตามประเภทของผลิตภัณฑ์ ได้ 3 ประเภท ได้แก่ (1) ผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร (2) ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อม และ (3) ผลิตภัณฑ์ยา สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง
ธุรกิจบริการสอบเทียบเครื่องมือและอุปกรณ์ (Calibration) ให้บริการสอบเทียบเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับห้องปฏิบัติการ โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล เพื่อให้การรับรองว่าเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน มีความถูกต้องแม่นยำตามมาตรฐานสากลของระบบมาตรวิทยา สามารถนำไปใช้งานได้
ธุรกิจบริการตรวจสอบและรับรองระบบ (Inspection and Certification) ให้บริการตรวจสอบและรับรองระบบการจัดการ กระบวนการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี กระบวนการผลิตที่ได้ผลิตผลปลอดภัย โดยให้บริการสำหรับฟาร์มเกษตร ฟาร์มประมง โรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร และการตรวจสอบรับรองด้านสิ่งแวดล้อม ตามระบบคุณภาพและมาตรฐานสากล รวมถึงบริการตรวจรับรองมาตรฐานเฉพาะด้านสำหรับสถานประกอบการและอุตสาหกรรม
ปัจจุบัน AMARC ได้รับการขึ้นทะเบียนการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการสำหรับธุรกิจบริการตรวจวิเคราะห์และธุรกิจบริการสอบเทียบตามมาตรฐานสากลระบบ ISO/IEC 17025:2017 และสำหรับธุรกิจการตรวจสอบและรับรองระบบคุณภาพ บริษัทฯ ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองความสามารถในฐานะหน่วยตรวจตามมาตรฐาน ISO/IEC 17020:2012 ในฐานะหน่วยรับรองผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน ISO/IEC 17065:2012 และในฐานะหน่วยรับรองระบบการจัดการตามมาตรฐาน ISO/IEC 17021-1:2015 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองมาตรฐานและความสามารถการตรวจวิเคราะห์ การตรวจสอบ และการรับรอง ในขอบข่ายที่หลากหลายจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2564) AMARC มีรายได้รวม 198.04 ล้านบาท 220.19 ล้านบาท และ 248.55 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิ 18.19 ล้านบาท 28.43 ล้านบาท และ 24.86 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.19%,12.91% และ 10.00% ตามลำดับ นอกจากนี้อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ระหว่างปี 2562 - 2564 ของรายได้รวมและกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 12.03% และ 16.91% ตามลำดับ

 
#6763
BGRIM ผนึก TRUE พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจพลังงานหนุนสตาร์ทอัพไทย

บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) และ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจพลังงาน เตรียมความพร้อมด้านดิจิทัลต่อยอดสู่การสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่ มุ่งส่งเสริมศักยภาพการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันให้กับภาคเอกชนและสตาร์ทอัพยุคใหม่ ตลอดจนยกระดับอุตสาหกรรมพลังงานยุคดิจิทัล ควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM เปิดเผยว่า การร่วมงานกับกลุ่ม TRUE พันธมิตรที่แข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและระบบนิเวศดิจิทัล เพื่อนำศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G และเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างสรรค์นวัตกรรมล้ำสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ที่ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ยังสร้างคุณค่าต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อไป ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ สอดรับกับหนึ่งในยุทธศาสตร์ของบี.กริม ที่มุ่งมั่นพัฒนาโมเดลธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับ ดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชั่น ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการขับเคลื่อนด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวและสร้างคุณค่าให้กับสังคม พร้อมก้าวสู่บริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก

นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) TRUE กล่าวว่า BGRIM และ กลุ่ม TRUE จะทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ นำศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดิจิทัลครบวงจรของกลุ่มทรู รวมทั้งอัจฉริยภาพของเครือข่ายทรู 5G ต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจและตอบโจทย์การใช้พลังงานทั้งในภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม รองรับเทรนด์การใช้พลังงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานสะอาด และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย เติมเต็มวิสัยทัศน์และสนับสนุนพันธกิจของ BGRIM ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค

ทั้งนี้ ความร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพนวัตกรรมดิจิทัลด้านพลังงาน ผ่านการขับเคลื่อนเทคโนโลยี 4 ด้าน ประกอบด้วย

1. การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลด้วยพลังงานอัจฉริยะ ความร่วมมือในการศึกษาและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) เชื่อมโยงกระบวนการซื้อ-ขายไฟฟ้าทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน มุ่งสู่การเป็น Smart City และ Smart Energy - Smart Building โดยมีอาคารอัจฉริยะและอาคารประหยัดพลังงานของ บี.กริม เป็นอาคารต้นแบบในการทดสอบระบบ ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การให้บริการลูกค้าภายนอกในอนาคต พร้อมพัฒนาโซลูชันสำหรับอาคารประหยัดพลังงานแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด การนำเทคโนโลยีมาใช้จัดการพลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ โซลูชัน Property Integration System และ True Smart Energy ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G รวมถึงการออกแบบระบบภายในอาคารให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ

2. การพัฒนาโครงการนวัตกรรมเทคโนโลยี 5G สร้างองค์ความรู้ ศึกษา และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรม Smart Grid ผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่จะยกระดับคุณภาพของอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าไทย ภายใต้แนวคิด Industrial 4.0, Facility 4.0 และ Smart Industrial Estate เพื่อให้บริการพลังงานที่มีคุณภาพและเสถียรภาพภายในพื้นที่สำนักงานและนิคมอุตสาหกรรมภายใต้การกำกับดูแลของ บี.กริม ซึ่งระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) เป็นการผสานการทำงานของเทคโนโลยีสื่อสารและดิจิทัลเข้ากับระบบไฟฟ้าแบบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การส่ง และ การจำหน่ายไฟฟ้า จนถึงผู้ใช้ไฟฟ้า ทั้งภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยี IoT ในการผลิต การติดตั้ง และบำรุงรักษาที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงทำนาย (Predictive Analytics) เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนได้ล่วงหน้า และเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ช่วยป้องกันชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ไม่ให้เกิดความเสียหาย พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต อันจะนำไปสู่การบริหารจัดการที่ดี สะดวก รวดเร็ว และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้ตรงกับความต้องการและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. การพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่และการส่งเสริมสตาร์ทอัพในประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่ ด้วยความร่วมมือกับ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในการส่งเสริมสตาร์ทอัพผ่านกิจกรรม Hackathon ที่ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน ตลอดจนเปิดพื้นที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ จัดประชุมสัมมนาเชิงสร้างสรรค์ พร้อมโอกาสการลงทุนในสตาร์ทอัพที่อยู่ในระบบนิเวศของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านดิจิทัล ที่จะยกระดับอุตสาหกรรมพลังงานของไทยให้พัฒนาก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

4. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชันในการให้บริการพลังงานไฟฟ้าหลักหรือระบบไฟฟ้าสำรอง รวมถึงระบบจัดการความเย็นที่มีประสิทธิภาพ สำหรับศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ของทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (ทรู ไอดีซี) ตลอดจนสร้างโซลูชันเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีการจัดการพลังงาน เพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงาน พร้อมช่วยลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ ทรูไอดีซี ในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์ในประเทศไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Data Center) และมีความยั่งยืนในการส่งมอบบริการให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

"ความร่วมมือกับกลุ่มทรูในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม แต่ยังส่งเสริมการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายของ บี.กริม ในการก้าวสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) ตามวิสัยทัศน์ของ บี.กริม ที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างประโยชน์สู่สังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป" นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว