• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Panitsupa

#8731


เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 16 ก.ย.64 เจ๊ติ๋ม แม่ค้าลอตเตอรี่ ตลาดป่าไผ่ ต.แช่ช้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โชว์ภาพในโซเชียลว่า มีลูกค้าเป็นสาวใหญ่อยู่ อ.สันกำแพง ได้ซื้อลอตเตอรี่จำนวน 5 ใบไป เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (16 ก.ย.) ก่อนหวยจะออก และภายหลังกองสลากฯ ได้ออกรางวัลประจำวันที่ 16 ก.ย.64 จึงได้ทราบว่าเป็นผู้โชคดีซื้อหวยออนไลน์ถูกรางวัลที่ 1 คือ หมายเลข 070935 โดยผู้โชคดีเป็นเจ้าของร้านทำลวดใน ต.ป่าไผ่ อ.สันกำแพง หมายเลข 070935 งวดที่ 35 ชุดที่ 25 จำนวน 5 ใบ รวมเป็นเงิน 30 ล้านบาท



ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดตามไปยังร้านที่ผู้โชคดีทำงานอยู่ ปรากฏว่าร้านปิด จึงได้ไปรอที่ สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เพราะมีข่าวว่าหญิงผู้โชคดีจะไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวร ก็บอกว่าได้ข่าวมีคนถูกหวย 30 ล้านบาท แต่ยังไม่มีการมาลงบันทึกประจำวันแต่อย่างใด ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้โชคดีจะไปลงในพื้นที่ไหนก็ได้


ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปทางผู้รู้จักกับสาวผู้โชคดี ทราบเพียงว่ากำลังอยู่ในช่วงแสดงความดีใจกันในหมู่ญาติอยู่ยังไม่ได้มาลงประจำวันไว้



นอกจากนี้ชาวเชียงใหม่ ยังพบผู้โชคดีถูกรางวัลที่ 1 อีกราย โดย ร.ต.อ.จำรัส เจริญยิ่ง รองสว.สอบสวน สภ.พร้าว เข้าเวรพนักงานสอบสวน ได้มีนายประกาย เสาร์คำ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 2 ต.แม่แวน อ.พร้าว มาขอลงบันทึกประจำวันเนื่องจากถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หมายเลข 070935 งวดที่ 35 ชุดที่ 16 จำนวน 2 ใบ เป็นเงิน 12 ล้านบาท


นายประกาย เผยว่า ตนทำงานเป็นคนขับรถให้เจ้าอาวาสวัดแม่เหียะ อ.พร้าว แต่เดิมตนเป็นคน อ.ไชยปราการ และมาอยู่ที่พร้าว ก่อนที่จะมีโชคตนก็ไม่ได้ฝันอะไร ออกจากวัดก็ซื้อลอตเตอรี่ในตลาด อ.พร้าว จำนวน 4 ใบ และมาตรวจพบว่าถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบ ซึ่งเงินที่ได้ตนจะเก็บไว้ให้แม่ และจะสร้างบ้านให้แม่อยู่อย่างมีความสุขกับภรรยาของตน โดยจะใช้อย่างประหยัดที่สุด ขอบอกเลยว่า เงินทั้งหมดให้แม่เป็นคนเก็บ.
#8732


"บลูบิค กรุ๊ป" ปิดเทรดวันแรก 30 บาท เพิ่มขึ้น 12 บาท คิดเป็น 66.67% จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 18 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,425.19 ล้านบาท ผู้บริหารปลื้มนักลงทุนต้อนรับคึก ขณะโบรกฯ มอง BBIK รับผลดียุคดิจิทัล ให้ราคา 22-26 บาท

หุ้น BBIK หรือบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก เมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 36.75 บาท เพิ่มขึ้น 18.75 บาท หรือ 104.17% จากราคาไอพีโอที่ 18 บาท และช่วงเช้าราคาหุ้นปิดเทรดที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 15.50 บาท หรือ 86.11% ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 38.50 บาท ต่ำสุดที่ 28.00 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 30 บาท เพิ่มขึ้น 12 บาท คิดเป็น 66.67% มูลค่าซื้อขาย 1,425.19 ล้านบาท

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ วันแรก 16 กันยายน 2564 ได้รับการตอบรับอย่างคึกคักเกินกว่าความคาดหมาย ซึ่งการระดมทุนดังกล่าวจะเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในหลากหลายมิติ และสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า BBIK เป็นหุ้น IPO ที่มีศักยภาพโดดเด่น โดยมีบริการที่หลากหลายและครอบคลุมด้านการวางกลยุทธ์และบริหารจัดการเทคโนโลยีและดิจิทัล ตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรที่ต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและปลดล็อกศักยภาพการเติบโต ที่ผ่านมาจึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้บริการเป็นจำนวนมากและมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับเทรนด์การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่ดิจิทัลที่เกิดขึ้นทั่วโลก

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า BBIK ถือเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในประเทศไทย ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล รวมถึงมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า สามารถแข่งขันกับบริษัทคอนซัลต์จากต่างประเทศได้ ขณะผลการดำเนินงานมีอัตราเติบโตที่โดดเด่นทั้งรายได้และกำไร อีกทั้งความร่วมมือกับ OR ผ่านบริษัทร่วมทุนจะสนับสนุนการเติบโตแก่บริษัทฯ

บล.ทิสโก้ ประเมินจากการประมาณการเบื้องต้น มูลค่าที่เหมาะสมของ BBIK ในปี 2565 อยู่ที่ 26.50 บาท เทียบกับกลุ่ม TECH MAI ที่ PER 36 เท่าเนื่องจากธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลุยทธ์ และการจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยีไม่มีตัวเปรียบเทียบที่ชัดเจนในตลาด โดยส่วนใหญ่ในตลาดจะเน้นงาน System Integrator มากกว่า แนวโน้มของธุรกิจการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี การจัดการและการวิเคราะห์ข้อมูลมีการเติบโตที่สูง ทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ป็นตัวเร่งทำให้ Digital Transformation มีบทบาทมากขึ้น

บล.โกลเบล็ก ให้ราคาเหมาะสม BBIK ที่ 22-23 บาท โดย BBIK ผู้ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการธุรกิจ รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ (Digital Transformation) ซึ่ง 6 เดือนปี 64 มีรายได้และกำไรสุทธิ 126 ล้านบาท และ 30 ล้านบาท ตามลำดับ
#8733


นางสาวพจนา พะเนียงเวทย์ กรรมการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของไทย มียอดขายรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 14,300 ล้านบาทต่อปี

โดยมีโรงงานตั้งอยู่ในประเทศไทย 5 แห่ง และต่างประเทศ 4 แห่ง ได้แก่ ฮังการี บังคลาเทศ เมียนมาร์ และกัมพูชา มีการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในทุกทวีปทั่วโลกมาเป็นเวลามากกว่า 30 ปี รวม 68 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ฟินแลนด์ เยอรมนี เนเธอแลนด์ แอฟริกาใต้ เลบานอน อังกฤษ ยูเครน ไอส์แลนด์ จีน อินเดีย กัมพูชา ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น

คิดเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 4,300 ล้านบาทต่อปี นอกจากมาม่าซึ่งเป็นแบรนด์หลักของไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์แล้ว ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ที่ส่งออกด้วย อาทิ Ruski, Mendake, Thai Chef, Bamee, Mamy, Papa, President Rice, Bissin, Homey, Green Mate และ Kelly

โดยไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ มีการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีภาพลักษณ์ที่ดี มีการเพิ่มตลาดใหม่ มีการขยายฐานลูกค้า มีการพัฒนาสินค้า ได้รับการรับรองคุณภาพสินค้า มีการจัดการที่ดี และยังมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้รับ Prime Minister's Export Award ประเภท Best Exporter

ส่วน Prime Minister's Export Award 2021 ประเภท Best Thai Brand ได้รับจากแบรนด์ "มาม่า" จากเหตุผลที่มาม่าเป็นเครื่องหมายการค้าของไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์เอง เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีการพัฒนาสินค้าที่ดี และเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก ซึ่งมาม่านับเป็นแบรนด์ซื้อหวยออนไลน์ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน โดยจะมีอายุครบ 50 ปีในปี 2565

"มาม่า" บูมตลาดไทย-ต่างประเทศ  ดันยอดขาย 1.43 หมื่นล้าน
"มาม่า" บูมตลาดไทย-ต่างประเทศ ดันยอดขาย 1.43 หมื่นล้าน

ความคุ้นเคยของคนไทยที่มีต่อมาม่าทำให้ส่วนใหญ่เรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกแบรนด์ว่า "มาม่า" เป็นเหมือน Generic Name ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สำหรับในต่างประเทศมาม่าก็เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้บริโภคชาวเอเชียที่ชื่นชอบรสต้มยำกุ้ง และชาวยุโรปที่ชื่นชอบรสไก่

 

นางสาวพจนา กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้ไทยเพรซิเดนท์ฟู้ดส์ ประสบความสำเร็จในต่างประเทศว่า เป็นเพราะคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐานโลก อาทิ GMP, HACCP, ISO 9001, ISO 14000, SME TA, BRC, FAIR TRADE เป็นต้น รวมถึงการมีทีมงานที่มีความแข็งแกร่งทั้งทีมขายและทีม R&D ที่สามารถพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ออกมาได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค

 

การมีคู่ค้าที่ดี ความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังใส่ใจในประเด็นที่ละเอียดอ่อน เช่น การใช้น้ำมันรำข้าวแทนน้ำมันปาล์มในผลิตภัณฑ์ที่ส่งไปจำหน่ายยังยุโรป เพื่อลดผลกระทบเรื่องการปลูกปาล์มในพื้นที่ที่อยู่อาศัยของอุลังอุตัง รวมทั้งการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

"มาม่า" บูมตลาดไทย-ต่างประเทศ  ดันยอดขาย 1.43 หมื่นล้าน
"มาม่า" บูมตลาดไทย-ต่างประเทศ ดันยอดขาย 1.43 หมื่นล้าน

ล่าสุด แบรนด์ "มาม่า" ได้รับ 2 รางวัลใหญ่ ในงาน Prime Minister's Export Award 2021 ที่รัฐบาลโดยกรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้จัดขึ้น ได้แก่ ประเภท Best Exporter หรือ ผู้ส่งออกธุรกิจยอดเยี่ยม และประเภท Best Thai Brand หรือแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม

 

"การได้รับ Prime Minister's Export Award นับเป็นความภาคภูมิใจของทีมงานทุกคน รางวัลนี้เป็นเสมือนเครื่องหมายการันตีคุณภาพ ผลงาน ยืนยันถึงความสำเร็จที่ได้รับ และแม้ว่าจะได้รับรางวัลแล้ว แต่เราจะยังเดินหน้ามุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคยิ่งขึ้นไปอีก และเรายังได้ตั้งเป้าหมายว่าจะขยายตลาดเพิ่มขึ้นปีละ 4 ประเทศ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี"
#8735


ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า ตามที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้มอบนโยบายให้ ดีป้า เดินหน้าผลักดันให้ทุกภาคส่วนสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ผ่านการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ด้านดิจิทัลแก่ประชาชน ส่งเสริมและสนับสนุนภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยในตลาดสด รวมถึงเกษตรกร และชุมชนในชนบทเข้าถึงและเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทของตนเองจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ แก้ไขปัญหา ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ซื้อหวยออนไลน์ ฟันฝ่าผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และเตรียมความพร้อมสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลต่อไป

สำหรับ กิจกรรม Smart Economy Showcase จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อยในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ในจังหวัดอุบลราชธานี สงขลา และพิษณุโลก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีคุณภาพจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพที่ขึ้นทะเบียนกับ ดีป้า ก่อนเลือกประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ตอบโจทย์ธุรกิจ อีกทั้งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ขยายช่องทางการตลาด และสร้างโอกาสทางการค้า โดยดีป้า ได้คัดเลือกดิจิทัลสตาร์ทอัพผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลใน 5 ประเภท ประกอบด้วย Logistics/Delivery, POS, E-Payment, Digital Content และ Services รวมจำนวนกว่า 30 รายเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อให้คำแนะนำปรึกษาได้ตรงตามความต้องการใช้จริงของบรรดาผู้ประกอบการในพื้นที่


"ดีป้า ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทางจังหวัด หน่วยงานพันธมิตร และเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ บริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยดิจิทัลโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการ อีกทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจ และยกระดับผู้ประกอบการไทยท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และข้อจำกัดมากมาย เตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านจังหวัดอุบลราชธานี สงขลา และพิษณุโลกสู่เมืองเศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบต่อไป" ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ดีอีเอส ผนึก ดีป้า นำเทคโนโลยีดิจิทัล ติดปีกผู้ประกอบการในพื้นที่ 3 จังหวัด
ดีอีเอส ผนึก ดีป้า นำเทคโนโลยีดิจิทัล ติดปีกผู้ประกอบการในพื้นที่ 3 จังหวัด

 กิจกรรม Smart Economy Showcase จะมีการจัดแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพ ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจสามารถปรึกษา สอบถาม และเจรจาจับคู่ธุรกิจ หรือร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้จากเจ้าของเทคโนโลยีตัวจริง เพื่อสร้างความมั่นใจในการประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
#8736
ขายบ้านบางระจัน 126วา ขายถูก โทร 0837124115
#8738


สำนักข่าว CNBC รายงานถึงถ้อยแถลงของ Gary Gensler ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ที่เตรียมจะตอบคำถามหลายข้อเกี่ยวกับ bitcoin, และเหรียญที่มีเสถียรภาพและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ จากวุฒิสมาชิกทั้งสองด้านของทางเดินทางการเมือง โดยก่อนการพิจารณาคดี ผู้ควบคุมระดับสูงของ Wall Street กล่าวว่ากลุ่มตลาด crypto กำลังดำเนินการอยู่นอกกรอบการกำกับดูแลของ SEC ที่ปกป้องนักลงทุนซื้อหวยออนไลน์และลูกค้าจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

"เราแค่ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนเพียงพอในด้านการเงินคริปโต การออกการค้าขายหรือการให้กู้ยืม" Gensler กล่าว ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้มันเหมือนกับยุคคาวบอยที่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน มีความเสรีศาลเตี้ยตามใจอยากโดยไม่สนใจผลกระทบที่เกิดขึ้น เหมือนยุค Wild West ในอดีต หรือ หรือโลกเก่าที่ ผู้ซื้อต้องระมัดระวังซึ่งมีอยู่ก่อนที่จะมีการออกกฎหมายหลักทรัพย์ ขณะเดียวกันสินทรัพย์ประเภทนี้ก็เต็มไปด้วยการฉ้อโกง การหลอกลวง และการละเมิดในบางแอปพลิเคชัน"

เขาเสริมว่าสำนักงาน ก.ล.ต. มีความกระตือรือร้นที่จะเพิ่มอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ และด้วยการอนุมัติของรัฐสภา ได้ขยายเขตอำนาจศาลเพื่อช่วยปิดช่องว่างในการรักษาตลาดคริปโต โดยในคำพูดของ Gensler กล่าวว่าสำนักงาน ก.ล.ต. ต้องการความช่วยเหลือจากฝ่ายนิติบัญญัติในการดูแลข้อเสนอและการขายโทเค็น crypto, แพลตฟอร์มการซื้อขายและให้ยืมเงินดิจิตอล, เหรียญที่มีเสถียรภาพ, เครื่องมือการลงทุนที่ให้สินทรัพย์ดิจิทัลหรืออนุพันธ์ของ crypto รวมถึงการดูแลสินทรัพย์เสมือน อย่างไรก็ตามยังไม่ชัดเจนว่าจะเพียงพอที่จะสร้างการยอมรับจากพรรครีพับลิกันซึ่งมีสัดส่วนถือครองเสียงในคณะกรรมการที่เรียกร้องให้ ก.ล.ต. เพิ่มความพยายามในการคว่ำบาตรตลาด crypto และแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่พวกเขาเสนอให้กับนักลงทุนตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา

ด้าน Pat Toomey, R-Pa. สมาชิกอันดับต้นๆ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม Gensler จึงใช้เวลานานมากในการพิจารณาที่จะคัดค้านหรือสนับสนุนตลาดเหล่านี้ และเพื่ออธิบายว่าทำไม SEC ดูเหมือนจะไม่ชอบที่จะอนุมัติสินทรัพย์ crypto ต่างๆ ตามที่ผู้ช่วยของพรรครีพับลิกันกล่าว

ขณะเดียวกันเขากล่าวกับ CNBC เกี่ยวกับเงื่อนไขของการไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อพูดอย่างอิสระเกี่ยวกับความคิดส่วนตัวของผู้นำพรรคก่อนการแถลงการต่อสาธารณะชน

นอกจากนี้ในกฎระเบียบที่กำหนดและควบคุม Crypto ซึ่งถือว่าค่อนข้างใหม่สำหรับสำนักงาน ก.ล.ต. โดย Gensler ได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าสภาคองเกรสจำเป็นต้องผ่านกฎหมายเพื่อขยายอำนาจของคณะกรรมาธิการเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการจัดการตลาดมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับ bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ

"สิ่งที่เราต้องการทำคือให้การป้องกันขั้นพื้นฐานจากการฉ้อโกงและการยักย้ายถ่ายเท แพลตฟอร์มการซื้อขาย ที่พวกเขาใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้อยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับที่ปกป้องพวกเขา เหมือนพวกเขากำลังซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก" Gensler กล่าวกับ CNBC ในเดือนสิงหาคม

ในขณะนั้น Gensler กล่าวว่าเขาหวังว่าสภาคองเกรสจะสามารถให้อำนาจแก่ SEC ได้มากพอที่จะบังคับให้แพลตฟอร์มการซื้อขายลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ แต่บางคนก็ขัดขืนคำขอในการเริ่มต้นหลักเกณฑ์ของเขา

ขณะเดียวกันในการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่สนับสนุนเหรียญคริปโต แสดงความผิดหวังต่อ ก.ล.ต. เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้เลื่อนการพิจารณาคดีอีกครั้งที่ระบุว่าจะอนุมัติใบอนุญาติโดยคณะกรรมการแลกเปลี่ยนแห่งชิคาโกเพื่อจดทะเบียนและซื้อขายหุ้นของ Bitcoin Trust ของ VanEck หรือไม่ โดยหน่วยงานกำกับดูแลมีเวลาหลายเดือนในออกใบอนุญาติการใช้งานซึ่งถูกมองว่าเป็นการลอยแพของกองทุนที่มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้บรรดาผู้ที่คาดหวังว่า Gensler เข้ามาเป็นผู้ดูแลของ SEC จะทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับภาคนโยบายและโครงสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลมีความรวดเร็วขึ้น

อย่างไรก็ดีแม้ว่าพรรครีพับลิกัน มักจะแสดงความกดดันให้มีการตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้นจาก Gensler เพื่อใช้ประโยชน์จากความเร็วและประสิทธิภาพของสินทรัพย์ดิจิทัล แต่พรรคเดโมแครตกลับแสดงออกในทางตรงกันข้าม โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในความรับผิดชอบและการกำกับดูแลในสิ่งที่ Gensler อธิบายว่าเป็น "Wild West" ดิจิทัล โดย ส.ว. เชอร์รอด บราวน์ ประธานคณะกรรมการ สมาชิกพรรคเดโมแครต ในเขตโอไฮโอ และ ส.ว. เอลิซาเบธ วอร์เรนแห่งแมสซาชูเซตส์ ยอมรับว่าสินทรัพย์ดิจิทัลอาจมีการใช้งานที่น่าสนใจ แต่พวกเขายังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการระมัดระวัง และต้องมีการตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้เป็นเจ้าของที่ชัดเจน
#8739
ขายบ้านบางระจัน 126วา ขายถูก โทร 0837124115
#8741
ขายบ้านบางระจัน 126วา ขายถูก โทร 0837124115
#8742


 "ttb analytics" คาดหนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง 93.0% ในสิ้นปี 64 เพิ่มจากไตรมาส 1 /64 ที่ 90.2% และสิ้นปี 62 ที่ 80% เหตุโควิดยืดเยื้อรุนแรงขึ้น ดันหนี้เพื่อการบริโภคสูงขึ้น หวั่นกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ ชี้ทางออก เร่ง"ปรับโครงสร้างหนี้"ตรงจุดและ"รวบหนี้" แก้ไขปัญหาระยะยาว

หนี้ครัวเรือนไทยปัจจุบันอยู่ในภาวะเปราะบาง ด้วยสัดส่วนหนี้เพื่อการบริโภคที่สูงขึ้นจึงเป็นปัญหากระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ ทางออกคือการปรับโครงสร้างหนี้ให้ตรงจุดและเน้นการรวบหนี้เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว

สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยปัจจุบันโดยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 หนี้ครัวเรือนของไทยมีการปรับตัวสูงมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจาก 80% ของจีดีพี ณ สิ้นปี 2562 เป็น 90.5% ของจีดีพี ณ ไตรมาส 1/2564 และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศระลอกสามที่ลุกลามยืดเยื้อมาจนถึงครึ่งหลังของปี 2564 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ  ttb analytics คาดการณ์ว่า ระดับหนี้ครัวเรือนของไทยอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 93.0% ณ สิ้นปี 2564

โดยปริมาณหนี้ครัวเรือนของไทยต่อจีดีพี ที่เร่งขึ้นเร็วในช่วงวิกฤตนี้เกิดจาก 1. ความจำเป็นในการก่อหนี้เพิ่ม เนื่องจากขาดหรือมีสภาพคล่องในครัวเรือนไม่เพียงพอกับรายจ่าย หลังจากที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติในช่วงล็อกดาวน์ การถูกปรับลดเงินเดือนบางส่วนลง รวมถึงการถูกเลิกจ้าง 2. รายได้ที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับหนี้ที่เพิ่มขึ้นเร็ว สะท้อนจากหนี้ครัวเรือนไทย ณ ต้นปี 2564 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.6 จากระยะเดียวกันกับปี 2563 ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะซบเซา


ทั้งนี้ สังเกตได้ว่า ในหลายประเทศก็ประสบปัญหาการปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของหนี้ครัวเรือนเช่นเดียวกัน โดยเกาหลีใต้มีหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจาก 93.9% ของจีดีพี เป็น 103.8% ณ ต้นปี 2564 และมาเลเซียที่เพิ่มจาก 82.7% เป็น 93.2% ในปัจจุบัน โดยไทยมีปริมาณหนี้ครัวเรือนอยู่อันดับที่ 17 ของโลก ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน คือ เกาหลีใต้และมาเลเซีย ซึ่งอยู่อันดับที่ 9  และ 14 ตามลำดับ แต่สูงกว่าหนี้ครัวเรือนของสิงคโปร์ซึ่งอยู่อันดับที่ 26 ของโลก  

จึงเห็นได้ว่านอกจากหนี้ครัวเรือนของไทยและประเทศเพื่อนบ้านจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ยังถือว่ามีปริมาณภาระหนี้สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย ดังนั้น การบริหารจัดการหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีทีบี ชี้พิษโควิดดันหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้พุ่งแตะ 93.0%


ประเมินความเสี่ยงหนี้ครัวเรือนไทยเทียบต่างประเทศ

ด้านประเภทของหนี้ครัวเรือนไทยประกอบไปด้วย สัดส่วนหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 47% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด อาทิ หนี้บ้านและรถยนต์ และสัดส่วนหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 35% อาทิ หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป รวมถึงหนี้เพื่อการศึกษา และส่วนที่เหลืออีก 18% เป็นหนี้รายย่อยเพื่อธุรกิจครัวเรือน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงในระดับโลกใกล้เคียงกันกับไทยเพื่อให้เห็นภาพรวม โดยคำนวณเฉพาะหนี้บ้านต่อหนี้ครัวเรือนทั้งหมด (ไม่รวมหนี้ยานพาหนะ เพราะมีข้อจำกัดของการเข้าถึงข้อมูลสินเชื่อรถยนต์ในบางประเทศ) พบว่า ในต่างประเทศครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นประเภทหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในระดับสูงกว่าไทย อาทิ เกาหลีมีสัดส่วนหนี้บ้านสูงถึง 56% ขณะที่สิงคโปร์และฝรั่งเศส นอกจากจะมีหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีต่ำกว่าไทยแล้ว ยังไม่มีสัดส่วนหนี้อสังหาฯ สูงกว่าด้วย ยกเว้นมาเลเซียที่มีสัดส่วนหนี้บ้านใกล้เคียงกับไทย สะท้อนให้เห็นว่า หนี้ครัวเรือนของไทยมีความเสี่ยงต่อความเปราะบางทางเศรษฐกิจมากกว่าประเทศอื่นที่มีอันดับหนี้ในระดับต้นๆ ของโลกใกล้เคียงกัน

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีทีบี ชี้พิษโควิดดันหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้พุ่งแตะ 93.0%

 

คุณภาพหนี้ครัวเรือนที่แท้จริง และประสิทธิภาพการช่วยเหลือแก้ไขหนี้

ในส่วนของคุณภาพหนี้ครัวเรือนนั้น เป็นผลโดยตรงมาจากสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ที่รุนแรงและลากยาวนับแต่ปลายปี 2563 ส่งผลซ้ำเติมปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่มีอยู่แล้วในระดับสูง โดยเมื่อดูข้อมูลหนี้รายย่อยที่ได้ขอเข้าโครงการรับการช่วยเหลือ (รวม SFI) ณ เดือนมิถุนายน 2564  พบว่ามีปริมาณสูงถึง 11% ของจีดีพี ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องชี้วัดสำคัญ คือ หนี้ stage 3 หรือเอ็นพีเอล ที่มีอยู่ไม่ถึง 1% ของจีดีพี และหนี้ใน Stage 2 หรือสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิต ที่มีอยู่เพียง 2.2% ของจีดีพี สะท้อนให้เห็นว่า คุณภาพหนี้ครัวเรือนของไทยในความเป็นจริงแย่ลงมากกว่าที่สามารถสะท้อนได้จากเครื่องชี้วัดหลักดังเช่น เอ็นพีเอล

 

เมื่อพิจารณาเป็นประเภทหนี้ที่มาขอรับความช่วยเหลือล่าสุด สำหรับลูกหนี้ของกิจการธนาคารพาณิชย์ กิจการไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non-bank) และธนาคารเฉพาะกิจ (SFI) ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 พบว่า อันดับแรกเป็นหนี้ที่อยู่อาศัยเป็นหลัก (ยอดขอความช่วยเหลือรวมอยู่สูงถึง 4.5% ของจีดีพี เทียบกับยอดเอ็นพีเอลที่ 0.6% ของจีดีพี) รองลงมาเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล (ยอดขอความช่วยเหลือรวม 5.3% เทียบกับยอดเอ็นพีเอล 0.2%) และอันดับสามเป็นหนี้รถยนต์ (มูลค่าขอความช่วยเหลือ 1.1% เทียบกับยอดเอ็นพีเอลที่ 0.1%) โดยกลุ่มลูกหนี้ที่มาขอความช่วยเหลือมักเป็นลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนความสามารถในการชำระหนี้ลดลง ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ในลักษณะเชิงป้องกัน (Pre-emptive) อย่างทันท่วงที จะส่งผลให้เกิดหนี้เสียเป็นวงกว้างและกระทบต่อเสถียรภาพการเงินและระบบสถาบันการเงินโดยรวมของไทยได้ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งเป็นหนี้ประเภทไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Unsecured loan) และมีสัดส่วนค่อนข้างใหญ่ในโครงสร้างสินเชื่อครัวเรือนของไทย

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีทีบี ชี้พิษโควิดดันหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้พุ่งแตะ 93.0%

การวางแผนแก้ไขหนี้ครัวเรือนจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเน้นเพื่อช่วยผ่อนคลายภาวะตึงตัวทางการเงินของลูกหนี้ในระยะสั้น และเพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การชำระหนี้ทั้งหมดได้ หลังการแพร่ระบาดยุติลงในระยะยาว โดยสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย (Tailor-made) และไม่ก่อให้เกิดแรงจูงใจเลี่ยงชำระหนี้อย่างไม่เหมาะสม (Moral hazard) เมื่อเปรียบเทียบแนวทางสำคัญในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท. และประเทศอื่นในภูมิภาค พบว่ามีความสอดคล้องกันในหลายด้าน ได้แก่

การเติมสภาพคล่องให้ลูกหนี้รายย่อยเพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ เช่น ธนาคารกลางเกาหลีได้ขยายกรอบวงเงินช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีและเจ้าของธุรกิจส่วนบุคคลรายย่อย ส่วน ธปท. ได้ขยายเพดานวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับลูกหนี้ที่มีความสามารถในการผ่อนชำระ
การลดภาระค่าผ่อนต่องวดลง ตามการเจรจาร้องขอของลูกหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย (Tailor-made) อาทิ มาเลเซียที่ลดค่างวดตามสถานะการจ้างงานและรายได้ สิงคโปร์ที่ลดค่างวดสำหรับหนี้บ้านซึ่งมีสัดส่วนสูงในหนี้ครัวเรือน รวมถึงการช่วยเหลือเฉพาะหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ ธปท. ให้ส่วนลดดอกเบี้ยตามยอดชำระค่างวดใหม่ที่เลือก เพื่อเป็นแรงจูงใจแก้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการแก้หนี้ ให้พยายามชำระหนี้ตามความสามารถ ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี
การเร่งปรับโครงสร้างหนี้  ทั้งการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้จากระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว ก่อนที่จะเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ได้ในอนาคต ซึ่งเป็นแนวทางทั่วไปที่สอดคล้องกันในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
การรวบหนี้ โดยเฉพาะการนำหนี้ไม่มีหลักประกันมารวมกับหนี้มีหลักประกัน และขยายระยะผ่อนชำระ จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพื่อรองรับการปรับโครงแก้ไขหนี้ระยะยาวอย่างยั่งยืน
 

สุดท้ายนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยในสถานการณ์โควิด นอกจากจะอาศัย ธปท. และภาคธนาคารให้การช่วยเหลือผ่านการลดภาระและปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงต้องดำเนินการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ  ปัญหาเศรษฐกิจที่จะยังคงซบเซาไปอีก 2 ปีข้างหน้า และการให้ความรู้ทางการเงินแก่ภาคครัวเรือน โดยเฉพาะการทำอย่างไรที่จะให้การก่อหนี้กลับมาเป็นการสร้างประโยชน์ และสร้างโอกาสในการหารายได้ซึ่งจะช่วยปลดภาระหนี้ได้ในระยะยาว
#8743


การคัมแบ็กสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนสองของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่เพียงแต่ปลุกกระตุ้นให้นักเตะในทีมต้องรีดเค้นฟอร์มสุดยอด แต่ยังเปลี่ยนแปลงวิถีการทานอาหารก่อนแข่งอีกต่างหาก

เรื่องราวเกิดขึ้นก่อนที่ แมนฯยู เปิดบ้านเจอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนัดแรกที่ โรนัลโด้ เปิดตัวลงสนามกับ 'ผีแดง' ครั้งที่สอง และซัลโวสองประตูด้วย

โรนัลโด้ ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการดูแลสุขภาพตัวเองอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอาหารการกิน และนั่นก็ทำให้นักเตะของ แมนฯยู ถึงกับไม่กล้ากินของหวานหลังอาหารต่อหน้า CR7 เลยทีเดียว

ลี แกรนท์ นายประตูสำรองของ แมนฯยู เป็นคนเผยถึงมื้ออาหารของเพื่อนร่วมทีมก่อนเจอ สาลิกาดง ว่า 'เหตุเกิดที่โรงแรมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อคุณทานมื้อค่ำเสร็จ ปกติเราก็จะหาทางตุกติกด้วยการกินเค้กแอปเปิ้ล บราวนี่ หรือ ครีม'

'แต่วันนั้นบอกเลยว่าไม่มีใครแตะเค้กแอปเปิ้ลกับของหวานเลย ไม่มีใครลุกไปหยิบบราวนี่ เพราะตอนที่นั่งกินข้าวกันมีนักเตะคนหนึ่งถามว่า คริสเตียโน่ กินอะไรบ้าง'

'เราเดินไปดูอาหารของเขา ปรากฏว่าเป็นอาหารสุขภาพที่โคตรคลีนที่สุดในทีมเราแล้ว และก็ไม่มีนักเตะคนไหนเลยที่กล้าเดินไปหยิบอาหารขยะที่วางหราอยู่ข้างหน้า'

เมื่อถามว่าสิ่งที่ 'พี่โด้' หม่ำก่อนแข่งมีอะไรบ้าง แกรนท์ ตอบว่า 'มีคีนัว อะโวคาโด้ และไข่ต้ม 2-3 ฟอง แค่นั้นเลย'
#8744


ตลาดหุ้นปีนี้ กำลังย้อนยุคสู่ช่วงระหว่างปี 2530-2535 หรือยุคที่ "เสี่ยสอง" หรือนายสอง วัชรศรีโรจน์ นักลงทุนรายใหญ่ชื่อดังกระฉ่อน เพราะมีการปั่นหุ้นกันอย่างโจ๋งครึ่ม เย้ยหยัดตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ยุคเสี่ยสอง มีการปั่นหุ้นนับสิบตัว โดยมาตรการในการสกัดหุ้นปั่นขณะนั้นคือ การขึ้นเครื่องหมาย "NP" เพื่อเตือนนักลงทุน และมาตรการ" SP" พักการซื้อขายหุ้น

ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย เพื่อดับร้อนหุ้น โดยกำหนดให้ซื้อหวยออนไลน์ซื้อหุ้นด้วยเงินสด ถ้าไม่ได้ผล จะยกระดับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น โดยห้ามคำนวณวงเงินซื้อขายและห้ามหักกลบชำระค่าซื้อขายหุ้นในวันเดียวกัน หรือห้ามเนทเซทเทิ้ลเม้นท์

แต่หุ้นที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการสร้างราคาดื้อยา โดยยังมีการลากราคาขึ้นสวนมาตรการกำกับ ทำให้ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ต้องคุมขมับ และกำลังหามาตรการใหม่ เพื่อสยบหุ้นปั่น

เพราะถ้าปล่อยให้ปั่นหุ้นกันอย่างโจงครึ่มต่อไป ปล่อยให้หุ้น 10 ตัว 1 บาทอาละวาดโดยควบคุมไม่ได้ ตลาดหุ้นจะแปลงสภาพเป็นบ่อนการ.เช่นเดียวกับยุคเสี่ยสอง

การปั่นหุ้นน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว นับจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2535 เพราะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข็มงวดกับแก๊งปั่นหุ้น

ยุคของเสี่ยสองต้องสิ้นสุดลงหลังมี ก.ล.ต. หุ้นปั่นต้องสยบ เพราะการใช้มาตรการดับหุ้นร้อนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่กระบวนการกล่าวโทษใช้เวลาที่รวดเร็วมาก

มาตรการดับร้อนหุ้นปั่นในช่วงนั้น นอกเหนือจากการแขวนป้าย NP และ SP แล้ว หากแก๊งปั่นหุ้นยังหัวดื้อ เจ้ามือหุ้นยังไม่ยอมสยบ และลากราคาหุ้นต่อ ตลาดหลักทรัพย์จะออกมาให้ข่าวว่า กำลังเข้าตรวจสอบหุ้นที่มีพฤติกรรมปั่น และสั่งให้โบรกเกอร์ ส่งข้อมูลคำสั่งซื้อขายหุ้นที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบมาให้

นอกจากนั้นหุ้นตัวใดที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายสร้างราคา ตลาดหลักทรัพย์ประกาศจะส่งข้อมูลให้ ก.ล.ต. ดำเนินการสอบสวนต่อ เพื่อรวบรวมหลักฐานกล่าวโทษ

เพียงแค่ออกข่าวว่าจะเข้าตรวจสอบ และสั่งให้โบรกเกอร์ส่งข้อมูลคำสั่งซื้อขายของลูกค้ามาให้ตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น นักลงทุนรายย่อยก็แห่เทขายหุ้นทิ้ง จนเจ้ามือหรือนักลงทุนขาใหญ่ลากหุ้นต่อไม่ไหว เกมปั่นหุ้นก็ต้องปิดฉากลง โดยเจ้ามือหรือขาใหญ่ยังขายหุ้นออกไม่ทัน และต้อง "ติดหุ้น"เสียเอง

ไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน จึงไม่นำมาตรการที่เข้มข้นในอดีตมาใช้ เพื่อสยบหุ้นตัวเล็กตัวร้ายนับร้อยตัวที่กำลังปั่นกันอย่างสนุกสนาน

เช่นเดียวกับกระบวนการกล่าวโทษการปั่นหุ้น ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงใช้เวลายาวนานนับ โดยการลงโทษการปั่นหุ้นกรณีล่าสุด บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC ซึ่งปั่นหุ้นกันตั้งแต่กลางปี 2559

แต่ ก.ล.ต.เพิ่งกล่าวโทษเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยใช้เวลารวบรวมหลักฐานถึง 5 ปีเต็ม

ก.ล.ต.ยุคแรก ช่วงนายเอกกมล คีรีวัฒน์ เป็นเลขาธิการคนแรก ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี สามารถรวบรวมหลักฐานและกล่าวโทษหุ้นปั่นได้ และกล่าวโทษหุ้นปั่นพร้อมกันถึง 4 ตัว

หุ้นธนาคารนครหลวง หุ้นบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด หรือ KMC หุ้นบริษัทเงินทุน เฟิร์สซิตี้ อินเวสเมนท์ จำกัด หรือ FCI ฉายาหุ้นฟ้าใส หุ้นบริษัท รัตนะการเคหะ จำกัด หรือ RR ถูกกล่าวโทษพร้อมกันในวันที่ 26 เมษายน 2536 โดยหุ้นทั้ง 4 ตัวมีการปั่นกันในช่วงกลางปี 2535 ถึงต้นปี 2536

ตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.ยุคนายเอกกมล ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี สามารถกล่าวโทษได้ แม้ในจำนวนผู้ถูกล่าวโทษ 30 ราย ซึ่งมีกลุ่มคุณหญิงพัชรี ว่องไพฑูรย์ หรือ รัตตกุล และนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ร่วมอยู่ด้วย จะมีเพียงเสี่ยสองคนเดียวที่ถูกตัดสินจำคุกก็ตาม

เพียงแต่เสี่ยสองหลบหนีเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่ถูกจับกุมจนคดีหมดอายุความ และวันนี้ยังวนเวียนอยู่ในตลาดหุ้น

มาตรฐานการตรวจสอบ รวบรวมหลักฐาน และการกล่าวโทษหุ้นปั่นถือว่าตกต่ำลงมาก เพราะเฉลี่ยแต่ละคดี ใช้เวลา 3-5 ปี ซึ่งสาธารณชนไม่เข้าใจว่า ทั้งตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.ทำอะไรกันอยู่

ทำไมจึงงุ่มง่าม ทำให้การดำเนินคดีล่าช้า จนกฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ มิจฉาชีพในตลาดหุ้นไม่เกรงกลัว โดยเจ้ามือหุ้นบริษัทจดทะเบียนนับร้อยแห่งปั่นหุ้นเยาะเย้ย ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์

การตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ไม่ควรใช้เวลาเกิน 1 เดือน ก่อนส่งเรื่องให้ ก.ล.ต.สอบสวนข้อมูลในเชิงลึกต่อ

ส่วน ก.ล.ต. ก็ไม่ควรใช้เวลาเกิน 6 เดือน ในการสอบสวนข้อมูล รวบรวมหลักฐาน ก่อนจะกล่าวโทษกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ

ไม่รู้ว่า กระบวนการล่าสุดช้าในจุดใด และหน่วยงานไหน จึงทำให้การกล่าวโทษคดีหุ้นปั่นจึงล่าช้าจนคนลืม

ไม่รู้ว่า ทำไมมาตรฐานในการสยบหุ้นปั่น จึงต่ำลง ทั้งที่ในอดีตมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพสยบหุ้นปั่นจนอยู่หมัด

ผู้บริหาร ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ จะต้องทบทวนแล้วว่า ทำไมแก๊งปั่นหุ้นจึงเหิมเกริม

และทำไม่จึงสยบเจ้ามือที่ปั่นหุ้นเย้ยหยันกฎหมายไม่ได้เสียที

(วันพรุ่งนี้ อ่านศักดิ์ศรี และสำนึกของกรรมการบริษัทจดทะเบียนที่ปั่นหุ้น)