• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Naprapats

#9976
ถมที่ ขุดสระ จัดสวน วางท่อ ติดต่อ 080-022-3804
www.mmee2000.com ทำจริงไม่ทิ้งงาน
#9978


ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซถือเป็นอีกช่องทางที่เปิดกว้างสำหรับผู้ขาย ไม่จำกัดเรื่องอายุ เพศ หรือการศึกษา ทุกคนสามารถสร้างอาชีพและมีรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ ลาซาด้าในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ขายให้สามารถสร้างธุรกิจและประสบความสำเร็จผ่านแพลตฟอร์มของลาซาด้า โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างโอกาสและช่องทางหารายได้ตั้งแต่วัยรุ่น จึงเปิดตัวโครงการ "Lazada Young Millionaires Club ปลุกฝันปั้นแสนแรกกับลาซาด้า" ผลักดันคนรุ่นใหม่ให้สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ สร้างรายได้หลักแสนด้วยตัวเอง เพื่อต่อยอดเป็นเจ้าของธุรกิจหลักล้านในอนาคต อีกทั้งยังติดอาวุธการตลาดออนไลน์ให้วัยรุ่นรวยเงินแสนได้อย่างรวดเร็วแบบไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย

นายวีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า "ในสถานการณ์ปัจจุบัน ช่องทางออนไลน์ถือเป็นช่องทางที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ ที่ผ่านมาเราได้เห็นความฝันของคนรุ่นใหม่มากมาย โดยเฉพาะการเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์ เราจึงอยากผลักดันความฝันของคนเหล่านั้นให้สำเร็จ ด้วยการต่อยอดโครงการในปีก่อน นั่นคือ "Lazada Millionaires Club" มาเป็น "Lazada Young Millionaires Club" ในปีนี้ โดยมุ่งถ่ายทอดเคล็ดลับความสำเร็จสู่กลุ่มวัยรุ่นที่ฝันอยากจับเงินแสนบาทแรก เพื่อตั้งต้นสู่ธุรกิจหลักล้าน โดยสามารถเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองกับลาซาด้า ที่ทั้งสมัครง่ายและมี Lazada University คอร์สถ่ายทอดทุกกลยุทธ์การตลาดออนไลน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมทั้งเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยสนับสนุนการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้เลือกใช้ และแคมเปญหลากหลาย โดยเฉพาะลาซาด้า 9.9 ลดอลัง ปังทุกแบรนด์ ที่กำลังจะมาถึงนี้ ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่เริ่มต้นสร้างรายได้ และลาซาด้ายังมีแคมเปญโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายให้ร้านค้าสามารถเข้าร่วมได้ตลอดทั้งปี ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผู้ขายวัยรุ่นสามารถเติบโตในธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างมั่นคง"



โดย Lazada Young Millionaires Club เผย How-to พิชิตเงินแสนแรกกับลาซาด้า ชวนคนรุ่นใหม่ปลุกฝันสร้างโอกาสและรายได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ทำได้ ดังนี้
• สมัครเปิดร้านค้าออนไลน์ผ่าน Lazada Seller Center เพียงแค่ 5 นาที ก็เริ่มต้นการทำธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มลาซาด้า สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ได้ง่ายๆ
• พร้อมลุยตลาด ด้วย Lazada University คอร์สออนไลน์สอนเทคนิคการขายของออนไลน์แบบครบวงจร เรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
• จัดเต็มด้วย Lazada Sponsored Solutions เครื่องมือช่วยขาย โซลูชั่นทางการตลาดให้ผู้ขายเจาะกลุ่มลูกค้าได้แม่นยำ ช่วยเพิ่มการมองเห็นและกระตุ้นยอดขายสำหรับธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพดันยอดให้พุ่งผ่านแคมเปญ ซึ่งลาซาด้ามีแคมเปญให้ร่วมได้ตลอดทั้งปี มาเริ่มจับแสนแรกไปกับแคมเปญลาซาด้า 9.9 ลดอลัง ปังทุกแบรนด์ ที่กำลังจะมาถึงนี้ได้เลย



พิเศษไปอีกขั้นกับโปรโมชั่นร้านใหม่ ติดเทอร์โบ เปิดร้านกับลาซาด้าในเดือนสิงหาคม รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ
• คูปองส่วนลดกระตุ้นยอดขายจากลาซาด้า ส่วนลดสูงสุด 50% และส่วนลด 120 บาท
• คูปองส่งฟรีจากลาซาด้า ส่วนลดค่าขนส่งมูลค่าสูงสุด 30 บาท
• ทีมงานดูแลร้านค้าแบบพิเศษส่วนตัวเป็นเวลา 30 วัน
• แคมเปญลาซาด้าช่วยไทย

นอกจากนี้ลาซาด้ายังผนึกกำลังกับรายการ "อายุน้อยร้อยล้าน" ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ที่สนใจเปิดร้านค้าออนไลน์ พร้อมแชร์ประสบการณ์ตรงจากผู้ขายรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ปลุกฝันปั้นแสนแรกได้สำเร็จจาก Lazada Young Millionaires Club เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 20 สิงหาคมนี้ โดยสามารถติดตามเรื่องราว และแรงบันดาลใจดีๆ จากผู้ขายของลาซาด้า ที่ https://www.facebook.com/Ryounoi100lan
#9979


ค่าย Intel เปิดชื่อแบรนด์ใหม่ ARC ลงตลาดชิปกราฟิกแบบจริงจัง เจาะกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปทั้งคอเกมและนักสร้างคอนเทนท์

ทางค่ายระบุว่าแบรนด์ใหม่นี้จะครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ยืนยันจะทำต่อเนื่องระยะยาวหลายเจเนอเรชัน อิงจากสถาปัตยกรรม Xe HPG ของพวกเขาเอง สามารถประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพและปรับขึ้นลงได้หลายระดับ

ในหนังตัวอย่าง พวกเขาได้โชว์ภาพเกมจริงที่ใช้ชิปต้นแบบก่อนเข้ากระบวนการผลิต มีลูกเล่นกราฟิกสมัยใหม่อย่างแสงเงา Ray Tracing และการใช้ AI ช่วยปรับปรุงภาพ อีกทั้งยังรองรับ DirectX 12 Ultimate เต็มรูปแบบ

สินค้ารุ่นแรกจะใช้ชื่อรหัสว่า Alchemist เป็นชิปแบบ SoC รวมศูนย์ทีเดียวจบสำหรับโน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เตรียมเผยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกทีภายในปีนี้ มีกำหนดวางจำหน่ายจริงไตรมาสแรกปี 2022 ผ่านทางพาร์ตเนอร์ทั่วโลก

สำหรับผลิตภัณฑ์ในอนาคตก็มีการเผยชื่อรหัสมาว่า Battlemage, Celestial และ Druid ทั้งหมดจะรวมอยู่ในแบรนด์ ARC เช่นกัน
#9980


นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยกรุงศรี ได้ประมาณการติดเชื้อล่าสุด (ณ วันที่ 15 ส.ค 64) จากสมมติฐานที่ผลของการล็อกดาวน์ และ วัคซีนมีประสิทธิภาพต่อการป้องกันการแพร่ระบาดที่ลดลง ผลการประมาณการพบว่าระดับสูงสุดของการติดเชื้อต่อวันในกรณีฐาน (base case) ถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงต้นเดือนก.ย.จากเดิมช่วงกลางเดือนส.ค.  โดยจะมีผู้ติดเชื้อรายวันประมาณ 26,000 ราย และจะมีการปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปช้ากว่าที่เคยคาดไว้ครั้งก่อนหน้า  


เนื่องจากข้อมูลทางสถิติพบว่า แม้วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็สามารถป้องกันอัตราการเสียชีวิตได้พอสมควร ดังนั้น ในระยะต่อไป จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่อัตราการเสียชีวิตอาจจะลดลงได้หากมีผู้ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว
วิจัยกรุงศรี ยังได้ปรับแบบจำลองให้สามารถคาดการณ์ถึงจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวัน และพบว่าในกรณีฐาน เราจะคงยังเห็นจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงประมาณต้นถึงกลางเดือนก.ย. (อาจสูงถึง 250-300 คนต่อวัน) ส่งผลให้ การควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบเข้มงวดอาจจะยังคงมีต่อไปจนกว่าจะพ้นกลางเดือนต.ค.นี้ ที่อัตราการเสียชีวิตเริ่มจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกรุงศรี ขอติดตามปัจจัยเพิ่มเติมในช่วงหลังจากนี้อีกครั้ง คาดว่า มาตรการล็อกดาวน์น่าจะขยายเวลาต่ออกไปจนถึงสิ้นเดือนต.ค.นี้ ดังนั้น ยังคงประมาณการจีดีพีปีนี้ ไว้ที่ 1.2% ลดลงจากเดิมคาดไว้ที่ 2% และปี2565 จาก 4%ลดลงมาอยู่ที่  3%  ซึ่งการประมาณการครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ถูกจำกัด แม้การส่งออกจะช่วยพยุงให้เศรษฐกิจไทยได้ในระดับหนึ่ง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงเดือนส.ค. ซึ่งยอดติดเชื้อมากกว่าคาดว่าในเดือนส.ค.ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่จะอยู่ที่ 15,000 คนต่อวัน 
#9983
ถมที่ ขุดสระ จัดสวน วางท่อ ติดต่อ 080-022-3804
www.mmee2000.com ทำจริงไม่ทิ้งงาน
#9984


วันนี้ (16 ส.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ที่มีการประชุมเมื่อเวลา 13.30 น. โดยระบุว่า ที่ประชุมได้ประเมิน ทราบผลของมาตรการจำกัดการเดินทางของ กทม. และ ชลบุรี ซึ่งเป็นตัวอย่าง 2 จังหวัดสีแดงเข้ม พบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการล็อกดาวน์ปีที่แล้ว ได้รับความร่วมมือลดการเดินทาง ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เป็นภาพชัดเจน ว่า ทั้งขับรถ การเดินทาง ลดลง ที่ประชุมรับทราบข้อเสนอโดยทาง กระทรวงสาธารณสุข ได้แก่



1. ทุกพื้นที่ คงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร มาตรการเดิม 18–31 ส.ค. 64 ต่อเนื่อง


2. การเพิ่มมาตรการ และการจัดการขององค์กร ดังนี้

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

            2.1 ดำเนินการมาตรการ Test – Trace – Isolation อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การเพิ่มการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดย ATK ในกทม.และปริมณฑล  และ เตรียมทีม CCRT ให้เพียงพอ และจัดระบบการนำเข้าสู่ HI CI หรือ รพ.


            2.2 มาตรการองค์กร สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ได้แก่


เน้น WFH ต่อเนื่อง และพนักงานของภาครัฐ เอกชน ที่จำเป็นต้องปฏิบัติงาน ให้มีการคัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความพร้อมก่อนการคลายล็อกดาวน์
และเตรียม Company isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน และเตรียมความพร้อมของงานบุคลากร ในการติดตามการคัดกรองด้วย ATK และลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ HI-CI รวมทั้งกำกับติดตาม DMHTTA
            2.3 มาตรการควบคุมโรคเฉพาะสถานที่  สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ได้แก่


โรงงาน สถานประกอบการที่มีพนักงานเกิน 100 คน พิจารณาดำเนินการบับเบิ้ล แอนด์ ซีล เต็มรูปแบบ
ตลาด (ค้าส่ง ขนาดใหญ่) ให้คัดกรอง ATK ผู้ค้า แรงงาน ทุกสัปดาห์ และสุ่มตรวจผู้มาใช้บริการเป็นระยะ รวมทั้งกำกับมาตรการ DMHTTA


           2.4 มาตรการการลดการเสียชีวิต ได้แก่


เร่งการฉีดวัคซีนให้ความครอบคลุม ของวัคซีนกลุ่ม 608 อย่างน้อย 80% ในกทม. อย่างน้อย 70% ใน 12 จังหวัด และ อย่างน้อย 50% ในพื้นที่อื่น
เพิ่มอัตราการหมุนเวียนการรับผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง เพื่อลด Backlog ผู้ป่วยอาการหนักใน รพ.
รพ.สนาม และไม่ให้ค้างในชุมชน ควรต้องมีระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพ / เร่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผู้ป่วยสีเขียว ทั้งในระบบ HI – CI
ทั้งนี้ ประชาชน องค์กร สถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้ โดยรับควรสนับสนุนให้มีการใช้โดยไม่เป็นภาระประชาชน เช่น จำหน่ายราคาถูก จัดหาได้ง่าย  มีระบบการดูแลรักษารองรับเมื่อตรวจพบเชื้อ และเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตนเองทุกกรณี


และสื่อสารให้ทุกคนปฏิบัติตามหลัก Universal Prevention  และ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง จัดทำแนวทางการดำเนินงาน ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเติมที่มีอยู่ต่อไป รวมทั้ง พิจารณาร่วมจัดทำ Thai Covid Pass ให้เป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ


3. การปรับมาตรการการจำหน่ายสินค้าจำเป็น


มีมติเห็นชอบปรับมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด (สีแดงเข้ม) กิจการจำเป็น ในห้างสรรพสินค้า เพื่อกระจายช่องทางการใช้บริการ และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ขอเปิดกิจการธนาคาร สถาบันการเงิน โดยมีมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด 26 ข้อ ตามที่สมาคมศูนย์การค้าไทยจัดทำไว้




ผ่อนผันจัดประชุมหน่วยงานรัฐ 
โฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการขออนุญาต ผ่อนผัน จัดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมร่วมกันของรัฐสภา และขออนุญาตผ่อนผันการเคลื่อนย้ายในห่วงเวลาการห้ามออกนอกเคหะสถาน ถือเป็นกิจกรรมรวมกลุ่มที่จัดโดยหน่วยงานของรัฐ โดยความเห็นชอบของหัวหน้าหน่วยราชการ ได้รับการยกเว้นจึงไม่ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ 5(5) แห่งข้อกำหนด ที่ออกตามความในมาตรา 9 ของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 30 และสามารถเดินทางได้ในช่วงเคอร์ฟิว ถือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ต้องขออนุญาตในการเดินทาง ยกเว้นมาตรการคัดกรองการเดินทาง จากด่านสกัด ด่านชะลอ บริเวณรอยต่อจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
#9985


นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2 ปี2564 สถานกาณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงกว่าไตรมาสแรกส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจถดถอยต่อเนื่่อง และยังไม่มีความชัดเจนถึงการฟื้นตัวภายในปี 2564 ส่งผลกระทบต่อการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ การขยายตัวของสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ และการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องภาพรวมของทั้งประเทศ พบว่าการเพิ่มขึ้นของอุปทานใหม่ลดจำนวนลงมาก ในส่วนของหน่วยที่ได้รับอนุญาตจัดสรรทั่วประเทศ ปี 2564 ยังคงชะลอตัว โดยครึ่งแรกปี 2564 หน่วยที่ได้อนุญาตจัดสรรลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 แนวโน้มลดต่อเนื่องในไตรมาส 3 คาดว่าจะกระเตื้องในไตรมาส4 ปีนี้

แต่อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ความรุนแรงโควิดระลอก3 สู่ระลอก4 ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ลดปริมาณการขอจัดสรรลง สังเกตได้จากไตรมาส 2 ของปีนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนเกิดโควิด ติดลบ 41.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี63 พบว่าหน่วยจัดสรรรายเดือน ติดลบ37 -46 %ระหว่าง เดือนม.ค. - เม.ย. 2564 และเริ่มกระเตื้องขึ้นในเดือนพ.ค. - มิ.ย. 2564 และคาดว่าไตรมาส 4 ปี 2564 จะเริ่มดีขึ้น แต่ทุกไตรมาสจะยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่ผู้ประกอบฯจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่มีราคาสูงเพื่อรองรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อ

โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2564 มีการออกใบอนุญาตจัดสรร30,514 หน่วย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ทุกไตรมาส ขณะที่ข้อมูลการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มซึ่งมีสัดส่วน 89% ของการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั่วประเทศ พบว่า 10 ลำดับแรกของจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม มีอัตราขยายตัวลดลง33.1% โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 14,863 หน่วยขณะที่ช่วงครึ่งแรกปี 2563 มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 25,062 หน่วย ลดลง40.7%


ขณะที่ความเคลื่อนไหวด้านการเปิดตัวโครงการใหม่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่าเริ่มมีการเปิดตัวโครงการใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ต่อเนื่องจากปี 2562 โดยการชะลอตัวของหน่วยเปิดตัวใหม่ อาจเป็นผลจากยอดขายที่ชะลอตัวและหน่วยเหลือขายสะสมในตลาด

"การแพร่ของโควิด ทำให้กำลังซื้อของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง ในช่วง ไตรมาส 2 ปีนี้มีหน่วยเปิดตัวใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนเกิดโควิดระบาดลดลง76.4% และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 หดตัวลง46.2% คาดว่าไตรมาส 3 และไตรมาส 4 อาจจะเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนหน่วยที่ขายได้ในช่วงที่ผ่านมาโดยเป็นโครงการขนาดกลาง-เล็ก และเน้นการขายโครงการที่มีสต็อกทำให้เปิดโครงการใหม่น้อยลง"


โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2564 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีโครงการเปิดตัวใหม่ 12,740 หน่วยมูลค่า 66,123 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2563 มีโครงการเปิดตัวใหม่ จำนวน 29,816 หน่วยมูลค่า 137,068 ล้านบาท จำนวนหน่วยปรับตัวลดลง57.3 % ส่วนมูลค่าลดลง51.8 %

นายวิชัย กล่าวว่า ด้านอุปสงค์อสังหาฯชะลอตัวสะท้อนจากการโอนกรรมสิทธิ์ช่วงครึ่งแรกปี 2564 โดยในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ การโอนกรรมสิทธิ์ขยายตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ จำนวนหน่วยและมูลค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ติดลบ31.2% และ16.5% ตามลำดับ ทั้งนี้การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศสะสมครึ่งแรกปี 2564 โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวนทั้งสิ้น 120,023 หน่วย มูลค่า 377,520 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 168,625 หน่วย มูลค่า 422,870 ล้านบาท จำนวนหน่วยปรับตัวลดลง28.8 % มูลค่าลดลง10.7 % ซึ่งค่าเฉลี่ยจำนวนหน่วยต่อไตรมาส 90,233 หน่วย และมูลค่า 232,859 ล้านบาท

ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลมีจำนวน 79,422 หน่วย มูลค่า 284,411 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2563 มีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 88,336 หน่วย มูลค่า 270,435 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง 10.1% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น5.2 % คาดว่าปี 2564 จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ 164,861 หน่วย ลดลงจากปีก่อน 16.2% การโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านจัดสรรลดลง5.2 % และการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดลดลง27.1 % ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าปี 2564 จะมีมูลค่า 587,539 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 4.2% มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านจัดสรรลดลง0.8 % โครงการอาคารชุดลดลง8.9%

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้มีการปรับการคาดการณ์ใหม่อีกครั้งภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหม่ โดยประมาณการว่าปี 2564 ภาพรวมการออกใบอนุญาตจัดสรรปี 2564 คาดว่าจะลดลง22.1 % และในปี 2565 จะเพิ่มขึ้น25.2 % ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานปี 2564 ที่มีตัวเลขต่ำ และการจัดสรรจะเข้าสู่ค่าเฉลี่ยของช่วงปกติในปี 2568 ขณะที่แนวโน้มโครงการเปิดตัวใหม่จะลดลงมาอยู่ที่ 43,051 หน่วย ลดลงจากปีก่อน35.0 % ซึ่งเป็นการลดลงของโครงการอาคารชุดมากถึง44.3 % ขณะที่บ้านจัดสรรลดลง27.4 % และในปี 2565 เพิ่มขึ้น 38.5% และการเปิดตัวหน่วยที่อยู่อาศัยใหม่จะเข้าสู่ค่าเฉลี่ยของช่วงปกติในปี 2568 - 2569  ขณะที่ หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ปี 2564 อาจลดลงเหลือเพียง 270,151 หน่วย ลดลงจากปีก่อนที่เคยมีหน่วยโอน358,496 หน่วย หรือลดลง 24.6 %คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 และสามารถกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยในภาวะปกติได้ในปี 2570

" ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2564 จะยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับสู่สภาวะสมดุลทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยจะกลับเข้าสู่ภาวะที่ก่อนเกิดโควิดในปี 2568 – 2570 หรือประมาณ 5-6 ปีข้างหน้า หากรัฐช่วยออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ขยายเพดานลดค่าโอน-จำนองครอบคลุมทุกระดับราคารวม-บ้านมือสอง ฟื้นตลาด แบงก์ชาติปลดล็อกมาตรการแอลทีวี จะช่วยให้สถานการณ์อสังหาฯฟื้นตัวได้เร็วขึ้น"
#9987
ถมที่ ขุดสระ จัดสวน วางท่อ ติดต่อ 080-022-3804
www.mmee2000.com ทำจริงไม่ทิ้งงาน
#9988


"ฟ่านปิงปิง" เปิดตัวผลิตภัณฑ์ความงามของตัวเองตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนแล้ว และล่าสุดได้มีการปล่อยสื่อประชาสัมพันธ์ออกมา แต่แทนที่จะสร้างความน่าเชื่อ กลับกลายเป็นถูกวิจารณ์ในแง่ลบว่าดูไม่สมจริงเอาซะเลย

Beauty Secret แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามของ ฟ่านปิงปิง เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อปี 2019 พร้อมกับความคาดหวังสูงลิ่ว แต่เมื่อสินค้าออกมาจริง ๆ กลับถูกวิจารณ์ในแง่ของคุณภาพว่าไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งตัวของเจ้าของแบรนด์อย่าง ฟ่านปิงปิง ก็ยืนยันว่าจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีกว่านี้อย่างแน่นอน

จนล่าสุด ฟ่านปิงปิง ได้เผยภาพตัวเองในชุดกาวน์สีขาว ขณะกำลังทำงานอยู่ในห้องแล็บเพื่อวิจัย และควบคุมคุณภาพสินค้า หวังจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

โดยชาวเน็ตจีนบอกว่าภาพที่ ฟ่านปิงปิง โพสต์นั้นดู "ปลอมสุดๆ" และเป็นภาพที่จัดฉากเพื่อถ่ายรูปเอามาโฆษณาอย่างชัดเจน ยังมีคนแสดงความเห็นว่านักวิจัยคงไม่แต่งหน้าจัดเต็มขนาดนี้



นอกจากนั้นการปล่อยผมแบบนั้น ก็ยังเสี่ยงที่จะทำให้เส้นผม ของเธอตกเข้าไปในผลิตภัณฑ์และสารเคมีด้วย

ยังมีคนแสดงความเห็นว่า ฟ่านปิงปิง ยังใส่แว่นตากันสารเคมีผิดประเภท และยังถือหลอดทดลองอย่างไม่ถูกต้องอีก ที่สำคัญเธอไม่ได้สวมถุงมือซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับการทำงานในห้องแล็บด้วยซ้ำไป

"ในฐานะนักวิจัยคนหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าทำแบบนี้เป็นเหมือน การหยามกันชัดๆ แล้วทำงานในห้องแล็บนาน เป็นชั่วโมงไม่มีเวลามาแต่งหน้าแต่งตัวได้แบบนี้หรอก ถ้าพวกเราแคร์ภาพลักษณ์แค่หน้าตาตัวเองมากขนาดนั้นก็คงไม่ทำงานแบบนี้อย่างแน่นอน" ชาวเน็ตที่บอกว่าตัวเองเป็น นักวิจัยทำงานในห้องแล็บคนหนึ่งแสดงความเห็น

ซึ่งหลังมีกระแสวิจารณ์ในแง่ลบ ภาพชุดดังกล่าวได้ถูกลบจากโซเชียลมีเดียส่วนตัวของดาราสาวไปอย่างรวดเร็วทันที
#9990


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ที่รุนแรงจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์และยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการระบาด ส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และอาจส่งผลต่อแผนการเปิดประเทศ

"หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ได้ก่อนไตรมาส 4 ปี 2564 ททท.อาจต้องพิจารณาปรับลดเป้าหมายการทำงาน"

โดยปีนี้คาดการณ์แนวโน้มว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 1.2 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 85,000 ล้านบาท จากการฝากความหวังไว้ที่การเปิดประเทศในพื้นที่นำร่องแบบไม่กักตัว โดยเฉพาะโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในมิติการสร้างความมั่นใจว่าไม่พบการติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติไปยังคนในพื้นที่นำร่อง และจากคนในพื้นที่นำร่องไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวไทยคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 100 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 540,700 ล้านบาท เนื่องจากยังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาลที่เตรียมไว้ ทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และโครงการทัวร์เที่ยวไทย นอกจากนี้ยังมีความต้องการท่องเที่ยวของคนไทยภายหลังจากที่ต้องกักตัว ไม่สามารถออกเดินทางท่องเที่ยวได้เพราะต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดมาระยะใหญ่ รวมถึงได้การกระตุ้นตลาดของ ททท.และรายการส่งเสริมการขายในช่วงปลายปีของผู้ประกอบการเป็นแรงหนุนสำคัญ ส่งผลให้แนวโน้มตลอดปีนี้ประเทศไทยน่าจะมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศที่ 625,700 ล้านบาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ททท.ตั้งเป้าหมายการทำงานปีนี้ว่าภาคท่องเที่ยวไทยจะสร้างรายได้รวมที่ 850,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 300,000 ล้านบาท จากเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 ล้านคน ขณะที่รายได้จากตลาดในประเทศตั้งเป้าที่ 550,000 ล้านบาท จากเป้านักท่องเที่ยวไทย 100-120 ล้านคน-ครั้ง


ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2565 ททท.ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นซีนาริโอที่ดีที่สุดจากแนวโน้มการเติบโตทางการท่องเที่ยวของไทย คิดเป็น 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดในปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และเน้นคุณภาพ ไม่เน้นจำนวน ให้น้ำหนักกับการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป และการสร้างสมดุลระหว่างรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติกับนักท่องเที่ยวไทย

โดยมีเงื่อนไขความสำเร็จคือการกระจายวัคซีนจะคุมการระบาดให้ได้ในช่วงต้นไตรมาส 4 ปีนี้ ทำให้ระยะการเกิดระดับภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นในครึ่งปีแรกของปี 2565 และเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับก่อนระบาดในปลายปีหน้า รวมทั้งเปิดประเทศได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้ ทั้งการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศแบบไม่กักตัว เป็นไปตามแผนและปลดล็อกการท่องเที่ยวในประเทศ และรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง