• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - kaidee20

#9753


แทบไม่น่าเชื่อว่า ปั๊มน้ำยักษ์ฝังอยู่ใต้ดินลึก ณ โรงงานแห่งหนึ่งในสิงคโปร์จะช่วยเปลี่ยนน้ำเสียเป็นสะอาดถึงขนาดมนุษย์ดื่มได้ พร้อมๆ กับช่วยลดมลพิษในทะเล 

เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศเกาะเล็กๆ แห่งนี้มีทรัพยากรน้ำจากธรรมชาติเพียงน้อยนิด จำต้องพึ่งพาน้ำจากเพื่อนบ้านมาเลเซียมาอย่างยาวนาน แต่เพื่อเพิ่มการพึ่งพาตนเอง รัฐบาลสิงคโปร์พัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียทันสมัยที่ต้องใช้เครือข่ายอุโมงค์และโรงบำบัดไฮเทค

ขณะนี้น้ำเสียผ่านการบำบัดแล้วสามารถตอบสนองความต้องการน้ำของสิงคโปร์ได้ถึง 40% คาดว่าตัวเลขจะเพิ่มเป็น 55% ภายในปี 2603

แม้น้ำเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ไปเพื่อวัตถุประสงค์ด้านอุตสาหกรรม แต่บางส่วนก็ป้อนให้กับอ่างเก็บน้ำเพื่อจัดทำน้ำดื่มในประเทศที่มีประชากร 5.7 ล้านคน และระบบนี้ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษลงทะเลเนื่องจากน้ำผ่านการบำบัดแล้วที่ถูกปล่อยทิ้งลงทะเลมีปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ช่างตรงข้ามกับประเทศส่วนใหญ่ สหประชาชาติประเมินว่า 80% ของน้ำเสียทั่วโลกไหลลงสู่ระบบนิเวศโดยปราศจากการบำบัดหรือนำไปใช้ซ้ำ

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

"สิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่ก็มีจำกัด นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงมักหาทางสำรวจทรัพยากรน้ำและขยายแห่งน้ำสำรองอยู่เสมอ" โลว์ เป้ย จิน หัวหน้าวิศวกรแผนกปรับปรุงน้ำ คณะกรรมาการสาธารณูปโภคกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุ ยุทธศาสตร์หนึ่งคือ "เก็บน้ำทุกหยด แล้วนำมาใช้ใหม่ไม่จบไม่สิ้น"

การนำน้ำบำบัดแล้วมาใช้ซ้ำเป็นการเพิ่มเติมจากยุทธศาสตร์หลักในการจัดหาน้ำของประเทศ นั่นคือการนำเข้าน้ำ ใช้อ่างเก็บน้ำ และนำน้ำทะเลมาทำน้ำจืด

หัวใจของระบบรีไซเคิลน้ำอยู่ที่โรงหมุนเวียนน้ำชางงีที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศ หลายส่วนของโรงงานตั้งอยู่ใต้ดินเพราะสิงคโปร์หาที่ดินยาก บางแห่งลึกเท่าตึก 25 ชั้น รับน้ำเสียจากอุโมงค์ขนาดใหญ่มหึมายาว 48 กิโลเมตรที่เชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำ

ในอาคารหลังหนึ่งมีการติดตั้งระบบระบายอากาศเพื่อให้อากาศสดชื่น แต่กลิ่นเหม็นยังคงอบอวล

รงงานแห่งนี้ประกอบด้วยท่อเหล็ก ท่อพลาสติก ถัง ระบบกรองน้ำ และเครื่องจักรอื่นๆ จำนวนมาก สามารถบำบัดน้ำเสียได้มากถึงวันละ 900 ล้านลิตร มากพอเติมสระว่ายน้ำขนาดแข่งโอลิมปิกตลอด 24 ชั่วโมงได้นาน 1 ปี

น้ำเสียเมื่อเข้ามาถึงโรงงานจะต้องผ่านกระบวนการกรองเบื้องต้น จากนั้นปั๊มพลังแรงส่งน้ำเข้าไปยังโรงงานเหนือพื้นดินเพื่อบำบัดขั้นต่อไปทำให้น้ำสะอาดยิ่งขึ้นไปอีก สิ่งสกปรกอย่างเชื้อแบคทีเรียและไวรัสถูกขจัดออกไปด้วยกระบวนการกรองขั้นสูง แล้วฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเล็ต

ผลผลิตสุดท้ายที่ชื่อว่า "เอ็นอีวอเตอร์" ส่วนใหญ่นำไปใช้ในโรงงานผลิตไมโครชิพ ซึ่งมีอยู่มากมายในสิงคโปร์และต้องการน้ำคุณภาพสูง นอกจากนี้เอ็นอีวอเตอร์ยังใช้สำหรับระบบทำความเย็นในอาคาร รวมถึงช่วยเพิ่มปริมาณน้ำดื่มสำรอง ระหว่างฤดูแล้งน้ำเหล่านี้จะถูกส่งไปเติมอ่างเก็บน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นหลายแห่ง เมื่อผ่านการบำบัดเพิ่มเติมแล้วก็ส่งเข้าสู่ระบบประปาให้ประชาชน

ขณะนี้สิงคโปร์กำลังขยายระบบรีไซเคิล เตรียมเพิ่มอุโมงค์ใต้ดินพิเศษและโรงงานหมุนเวียนน้ำใหญ่อีกหนึ่งแห่ง รองรับส่วนตะวันตกของเกาะที่จะแล้วเสร็จภายในปี 2568 โดยต้องใช้งบประมาณปรับปรุงระบบบำบัดน้ำ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์

ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่สิงคโปร์ต้องพึ่งตัวเองในเรื่องนี้คือการเคยมีเรื่องบาดหมางกับแหล่งน้ำหลักอย่างมาเลเซียมาแล้วเมื่อครั้งอดีต

ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านสองประเทศดุเดือดมาตั้งแต่มาเลเซียขับสิงคโปร์ออกจากสหพันรัฐมลายาในปี 2508 ทั้งๆ ที่เพิ่งรวมตัวกันมาได้ไม่นาน และมีข้อพิพาทเรื่องน้ำกันบ่อยครั้ง

สเตฟาน เวิร์ตซ อาจารย์ด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์ ย้ำถึงความสำคัญที่ประเทศอื่นต้องบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วต้องเจอผลกระทบระยะยาว

"น้ำบนโลกนี้มีจำกัด ถ้าเราทำให้น้ำจืดบนโลกนี้ปนเปื้อน วันใดวันหนึ่งอาจไปถึงจุดที่การบำบัดน้ำต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมหาศาล" นักวิชาการรายนี้กล่าวอย่างกังวลถึงอนาคต
#9754


ตามที่สหรัฐมีแผนให้เด็กนักเรียนที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนกลับเข้าชั้นเรียนในปีการศึกษาใหม่นี้ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นทั่วประเทศเพราะสายพันธุ์เดลตา ทำให้ผู้ปกครองและนักการศึกษากังวลใจ

นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศเมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองว่าเด็กๆ ปลอดภัยเมื่อกลับมาเรียนเต็มรูปแบบ ทางการขอให้บุคลากรในโรงเรียนทุกคนฉีดวัคซีน

"การฉีดวัคซีนทำให้เรายุติการระบาดนี้ได้ ในฐานะพ่อ ผมตั้งตารอเริ่มปีการศึกษาใหม่ที่เด็กแคลิฟอร์เนียทุกคนได้กลับเข้าชั้นเรียนอีกครั้ง" ผู้ว่าการรัฐกล่าว

แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแรกที่บังคับบุคลากรในโรงเรียนทุกคนไม่ว่าโรงเรียนของรัฐหรือเอกชนต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่เช่นนั้นก็ต้องตรวจหาเชื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย ซึ่งบรรดากลุ่มผู้ปกครองตอบรับกับความเคลื่อนไหวนี้

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขรัฐแคลิฟอร์เนีย เด็กอายุเกิน 12 ปี ราว 2 ใน 3 ฉีดวัคซีนครบแล้ว ส่วนที่อายุน้อยกว่านั้นไม่ต้องฉีดวัคซีน
#9755
เช่ารถถูกสะอาดปลอดภัย 600ต่อวัน นนทบุรี โทร 083-7124115
#9756
มาฟัง ดร.สมโชค เดชะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออสซี่ออยล์ จำกัด ทางรายการ กรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อเรื่อง ออสซี่ออยล์แตกไลน์ 'น้ำมันแกลลอน' สู้ศึกโควิด
โอกาสมาถึงแล้ว..คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจลงทุนวันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในวันข้างหน้าหากสนใจทักแชทได้เลยนะคะ
Aussie oil ผู้เชียวชาญด้านธุรกิจพลังงานที่เราอยากแนะนำให้กับคุณ ...
ปรึกษาหรือสอบถามฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่ :
Tel : 02-1114-7334  line: @aussieoil
(สามารถติดต่อได้ 9.00 - 17.00 น.)

https://youtu.be/cZRFXCcpzo0
#9757
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#9758


ผศ.ชญณา ศิริภิรมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SOMPO เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2564 น่าจะยังทรงตัว ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ยืดเยื้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว และกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะตลาดรายย่อย ขณะที่ตลาดรายใหญ่หรือลูกค้าองค์กร ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของซมโปะเริ่มมีทิศทางดีขึ้นตามการส่งออกตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว ทำให้เบี้ยประกันภัยของซมโปะยังเติบโตได้ดี คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะต้องเติบโตกว่าตลาดประกันภัยในปีนี้ หลังจากที่ในครึ่งแรกของปี 2564 มีเติบโต 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563


"สถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ผู้บริโภคเริ่มหันมาให้ความสนใจเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่าทุกบริษัทต่างเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว โดยจะเห็นได้ว่าตลาดประกันภัยส่วนใหญ่จะมุ่งไปในแนวทางที่คล้าย ๆ กัน คือ Personal safety and health แต่อย่างไรก็ดีเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงแม้จะเห็นแนวทางธุรกิจที่เห็นชัดแต่กำลังซื้อในครึ่งปีหลังก็คงจะไม่แรงนัก ดังนั้นครึ่งปีหลังนี้เรียกว่าเป็นช่วงของการประคับประคองการเติบโตอย่างระมัดระวังให้ข้ามผ่านวิกฤตินี้ไปได้ ทำให้เป้าหมายเราไม่ได้ตั้งไว้สูงมากนักแต่เป็นการเกาะไปกับการเติบโตของตลาดประกันภัย ซึ่งในตลาดมักจะแบ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ กลางและเล็ก โดยเราเป็นบริษัทขนาดกลางที่ปรับเปลี่ยนได้รวดเร็วจึงมีอัตราการเติบโตกว่าตลาด และพร้อมที่จะมองหาลูกค้าผ่านช่องทางวิถีการตลาดแบบใหม่อยู่เสมอ" 


ผศ.ชญณา กล่าวต่อว่า การทำตลาดรายย่อยของซมโปะ ปัจจุบันมีธนาคารซีไอเอ็มบีเป็นพันธมิตร เน้นลูกค้าเงินกู้บ้าน และเงินกู้รถ แต่สถานการณ์ปัจจุบันธนาคารมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้ ทำให้คนกู้เงินน้อยลง อาจต้องเปลี่ยนเป็นกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า Loan customer ซึ่งต้องเพิ่มช่องทางเข้าหาลูกค้ากลุ่มนี้ให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นว่าคนบางกลุ่มยังมีกำลังจ่ายเพื่อรองรับความเสี่ยง เช่น ประกันสุขภาพ เริ่มเห็นว่าคนไทยมีความตระหนักในเรื่องสุขภาพมากขึ้น และให้ความสนใจซื้อประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถเพิ่มสัดส่วนรายย่อยให้ได้ แม้เบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นจะไม่รวดเร็วเท่าในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ หรือลูกค้าองค์กรที่เพิ่มเร็วกว่า


สำหรับตลาดลูกค้ารายใหญ่มีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เห็นได้จากขณะนี้เศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว การส่งออกดีขึ้น ความต้องการประกันก็เติบโตตามไปด้วย และปัจจุบันยังมีเทรนด์สำคัญที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนคือ หลายภาคส่วนโดยเฉพาะภาคธุรกิจเริ่มตระหนักถึงความรับผิดต่อผู้อื่นมากขึ้น โดยในประเทศที่พัฒนาแล้วจะเห็นเทรนด์นี้ชัดเจน เพราะประชาชนมีความเข้าใจและเรียกร้องสิทธิกันมากขึ้น ทำให้การประกันภัยที่ครอบคลุมต่อบุคคลอื่นเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเป็นที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งในประเทศไทยก็เริ่มเห็นเทรนด์นี้มากขึ้น และเป็นเรื่องดีที่คนรู้สึกว่าความรับผิดชอบต่อบุคคลอื่น คือ ความเสี่ยง


อีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนธุรกิจประกัน คือ คนไทยตระหนักและมีความรู้เกี่ยวความเสี่ยงมากขึ้น สะท้อนจากการเติบโตของประกันสุขภาพ ที่เห็นว่าค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มแพงขึ้นตามเทคโนโลยีที่ใช้รักษา ทำให้ลูกค้าต้องหันมาทำประกันสุขภาพด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งบทบาทของบริษัทประกันจะต้องทำให้คนตระหนัก ไม่ใช่หวาดกลัว โดยทำให้รู้ว่าทุกอย่างต้องมีแผนสองรองรับ การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ หากคนไทยตระหนักถึงความเสี่ยงมากขึ้น จะทำให้ธุรกิจประกันเติบโตได้มาก เพราะปัจจุบันคนไทยถือครองกรมธรรม์จำนวนไม่มาก จึงมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะตลาดรายย่อย และเอสเอ็มอีที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง แต่วิกฤติครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสร้างการเติบโตให้กับเอสเอ็มอีด้วย หากจะก้าวไปอย่างยั่งยืนต้องมีรู้จักบริหารความเสี่ยง


"ความท้าทายของธุรกิจประกันเป็นเรื่องพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว และเจเนอเรชั่นใหม่กำลังเติบโต ในยุคดิจิทัลที่ผลักดันให้องค์กรต้องมาอยู่ในพื้นที่ออนไลน์ คีย์สำคัญคือ Data ที่จะทำให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการได้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคเข้าใจเรื่องประกันมากขึ้น แค่รอเวลาให้กำลังซื้อกลับมา โดยซมโปะจะใช้ประโยชน์จาก Data มาขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมและตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งส่งมอบประสบการณ์การซื้อประกันทางออนไลน์ที่ดียิ่งขึ้น"


ซมโปะ ประกันภัย ก้าวสู่ตลาดไทยเมื่อปี 2540 ในฐานะบริษัทประกันชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นมากว่า 130 ปี โดยเริ่มต้นจากบริษัทประกันอัคคีภัยที่เข้ามาดูแลลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ในช่วงแรกจึงให้บริการในลักษณะ B2B จนในปี 2558 ได้เริ่มปรับพอร์ตการประกอบธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าแบบ B2C และในช่วงปี 2559 เริ่มเน้นเรื่องของประกันการเดินทางเริ่มต้นขยายฐานสู่ลูกค้ารายย่อย ด้วยกลยุทธ์หลักที่ถือเป็นจุดแข็งคือ Data ด้านการท่องเที่ยว-ผลผลิตทางการเกษตร-การเดินทาง พัฒนาสู่สินค้าเรือธงในการบุกตลาดไทย ได้แก่ ประกันภัยท่องเที่ยว ประกันภัยพืชผล และประกันรถกระบะ ภายใต้ปรัชญาการดูแลคนไทยด้วยหัวใจญี่ปุ่น เพื่อความสุขในทุกรายละเอียดการใช้ชีวิตของทุกคน

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรก เบี้ยประกันภัยของซมโปะเติบโตจากลูกค้ารายใหญ่ โดยส่วนใหญ่เป็นองค์กรธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่น มีสัดส่วนอยู่ที่ 85% ส่วนลูกค้ารายย่อยอยู่ที่ 15% ของพอร์ตรวม แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้ ประกันภัย P&C (Fire, IAR, Liability) อยู่ที่ 63% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าองค์กรมีสัดส่วน, ประกันภัยรถ (Motor) อยู่ที่ 14%, ประกันภัยอื่น ๆ อยู่ที่ 10% เช่น ประกันพืชผล Loan Protection, ประกันสุขภาพ อยู่ที่ 5% และประกันภัยการเดินเรือ อยู่ที่ 4%
#9759


ประจวบคีรีขันธ์ - จ.ประจวบฯ ประชุมขับเคลื่อนแผนเปิดเมืองหัวหินรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เน้นต้องพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ บริหารความเสี่ยงได้ และประชาชนต้องได้รับวัคซีนครอบคลุมตามเป้าหมาย ส่วนผู้ประกอบการท่องเที่ยวชี้การเปิดต้องดูความพร้อม ศึกษาให้ดี ยกตัวอย่างภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อย่ามุ่งหวังตัวเลขรายได้มากกว่าความปลอดภัย

วันนี้ (11 ส.ค.) ที่ห้องประชุมสิงขร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมนำร่องด้านการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านระบบโปรแกรมซูม เพื่อเตรียมความพร้อมแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วในจังหวัดนำร่องโดยไม่ต้องกักตัวตามเป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่นภายใต้มาตรการป้องกันที่เคร่งครัดและอยู่ในเงื่อนไขที่ยอมรับความเสี่ยงต่อการระบาดได้



โดน น.ส.แสงจันทร์ แก้วประทุมรัสมี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้นำเสนอผลการดำเนินงานภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ของ จ.ภูเก็ต ที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจังหวัดแรก ขณะที่พื้นที่หัวหิน-ชะอำ อยู่ในระยะที่ 3 ของเป้าหมายการเปิดการท่องเที่ยวในเดือน ต.ค.64 โดยขณะนี้มีการกำหนดแผนรองรับการเปิดเมือง 5 แผน ได้แก่ แผนการกระจายวัคซีนและบริหารด้านสุขอนามัยแผนพัฒนาเมืองหัวหิน-ชะอำ แผนการตลาดและการสื่อสาร แผนเผชิญเหตุและแผนบริหารความเสี่ยง และแผนการสร้างความเข้าใจให้คนในพื้นที่และนอกพื้นที่ยอมรับการเปิดเมือง

ด้าน นายอิศรา สถาปนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ได้นำเสนอแผนการตลาดและแผนการสื่อสารเพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว โดยระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาจะต้องมีใบรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วันก่อนการเดินทางแต่ไม่เกิน 1 ปี ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อที่สนามบิน เดินทางด้วยยานพาหนะที่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA+ เข้าพักในโรงแรมที่พักที่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA+ โดยรอผลตรวจในห้องพัก พำนักในเขตเทศบาลเมืองหัวหินอย่างน้อย 14 คืน และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ตามระยะเวลาที่พำนักในวันที่ 6-7 และ 12-13 ก่อนออกเดินทางนอกเขตจังหวัดได้



ด้านนายกรด โรจนเสถียร ประธานภาคเอกชน โครงการหัวหิน รีชาร์จ กล่าวว่า ขณะนี้มีบุคลากรธุรกิจท่องเที่ยวและบริการในเขตเทศบาลเมืองหัวหินได้รับวัคซีนครอบคลุมแล้วเกือบร้อยละ 90 โดยภาคเอกชนผู้ประกอบการได้ร่วมสนับสนุนการจัดซื้อวัคซีนมาฉีดให้บุคลากรด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหัวหินได้รับวัคซีนแล้วกว่าร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรเป้าหมาย 90,564 คน คาดการณ์ว่าหากเทศบาลเมืองหัวหินสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงธันวาคม 2564 จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้ามาถึง 100,000 คน สร้างรายได้แก่พื้นที่กว่า 1,200 ล้านบาท และมีการจ้างงานในภาคธุรกิจบริการอีกกว่า 89,000 คน โดยโครงการหัวหิน รีชาร์จ เป็นความร่วมมือของภาครัฐ โรงพยาบาลและสาธารณสุข สมาคม และภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อร่วมมือในการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการขอความเห็นชอบจากภาครัฐให้จัดสรรวัคซีนอย่างเร่งด่วน

ด้าน นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องมีแผนการรองรับที่ชัดเจนและมีความพร้อมจริงๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหัวหินจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และบุคลากรการท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนครบ 100 เปอร์เซ็นต์จึงจะสามารถเปิดการท่องเที่ยวได้ รวมทั้งจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.เพชรบุรี ด้วยเนื่องจากหัวหิน-ชะอำ มีเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกัน โดยหลังจากนี้ได้มอบหมายให้มีการตั้งคณะทำงานย่อยเพื่อขับเคลื่อนแผนการทำงานแต่ละด้าน มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม และจะมีการประชุมติดตามความพร้อมอย่างต่อเนื่อง



อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ขนาดเล็ก ร้านนวด ผู้ประกอบการขนส่ง อีกหลายสาขาที่เกี่ยวข้องธรุกิจท่องเที่ยวของหัวหิน เปิดเผยว่า ขอให้ภาครัฐ หน่วยงานเกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ท่องเที่ยวรายใหญ่อย่าด่วนตัดสินว่าเจาจะเปิดเมืองท่องเที่ยวหัวหิน ในเดือนตุลาคม จะสร้างรายได้ดังที่ดังที่ตั้งไว้ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามา ต้องดูด้วยว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีตัวเลข 100 กว่ารายทุกวันนี้ ผู้เสียชีวิตสะสม 24 ราย ณ วันนี้ คลัสเตอร์การระบาดยังมีต่อเนื่องทั้งหัวหิน และอีกหลายอำเภอ

นอกจากนั้น ปัจจุบันนี้โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านค้าหลายแห่งต้องปิดกิจการมานานหลานเดือน บางแห่งปิดตั้งแต่ปีที่ผ่านมาปัจจุบันยังเปิดไม่ได้เพราะแม้แต่คนไทยก็ไม่มา ตราบใดการติดเชื้อยังมีอยู่ทุกวัน ประชาชนบางกลุ่มที่ใช้แรงงานหาเช้ากินค่ำ ยังคงเดือดร้อนกันอยู่ วันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐ ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ควรหาข้อมูลให้รอบด้าน เปิดแล้วใครได้ประโยชน์ ควรดูจากภูเก็ต ทำอย่างไรประโยชน์ที่จะได้รับควรตกอยู่กับทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อยากฝากให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ เอาให้โควิด-19 หมดลงและประชาชนปลอดภัยน่าจะดีกว่า ตอนนี้เหลืออีก 4 เดือนก็จะเข้า 2 ปีที่ได้รับผลกระทบ
#9761


รัฐบาลสิงคโปร์แถลงวันนี้ (11 ส.ค.) ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวดีเกินคาดในช่วงไตรมาส 2 และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ว่าจะเติบโตระหว่าง 6-7% โดยมีปัจจัยหนุนจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ ทั้งในสิงคโปร์และตลาดสำคัญอื่นๆ

กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์เปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 14.7% เมื่อเทียบปีต่อปี สูงกว่าตัวเลข 14.3% ที่รัฐบาลคาดการณ์เอาไว้ และมากกว่าตัวเลข 14.2% ที่นักวิเคราะห์คาดหมาย ทว่ายังคงต่ำกว่าจีดีพีไตรมาส 2/2019 หรือช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ประมาณ 0.6%

รัฐบาลยังได้ปรับคาดการณ์จีดีพีตลอดทั้งปีว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 6-7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เพียง 4-6%

แกเบรียล ลิม ปลัดกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์ ระบุว่า "เศรษฐกิจสิงคโปร์มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรมที่เปิดกว้างสู่ภายนอก (outward-oriented sectors)"

ลิม ชี้ว่า การผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่อิงกับผู้บริโภคโดยตรง (consumer-facing sectors) และลดปัญหาขาดแคลนคนทำงานในกลุ่มอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องพึ่งแรงงานต่างด้าว

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวยังคงฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ โดยคาดว่ากิจกรรมจะยังคงต่ำกว่าระดับก่อนมีโควิด-19 ไปจนถึงสิ้นปีนี้

กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์ระบุด้วยว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา แต่อัตราการฉีดวัคซีนก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งช่วยให้ประเทศเหล่านี้สามารถเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจได้

แม้จะยังคงมาตรการจำกัดทางสังคมบางส่วนไว้ แต่รัฐบาลสิงคโปร์ได้เริ่มวางยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว โดยจะเน้นไปที่การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรมากที่สุด

สถานการณ์โควิด-19 ในสิงคโปร์ยังถือว่าเบากว่าหลายๆ ประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 65,000 คนเศษ และเสียชีวิต 45 คน

ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี 
#9763


นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) เปิดเผยว่า บริษัท ร่วมกับ บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ในการพัฒนากระเป๋าเงินออนไลน์ "KERRY Wallet" เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าที่ใช้บริการธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงลูกค้าที่ใช้บริการอีคอมเมิร์ซผ่านเคอรี่ โดยคาดว่าจะพร้อมให้บริการลูกค้าภายในไตรมาส 4 ปี 2564 

นอกจากนี้ บริษัทและ SABUY ยังร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมต่อพาร์ทเนอร์และ Wallet ต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายสูงสุด

"แพลตฟอร์มที่บริษัท กำลังพัฒนา ไม่เพียงเป็นช่องทางการชำระเงิน แต่จะเปรียบเสมือนตู้คอนเทนเนอร์ตู้หนึ่งที่บรรจุผู้เล่นและ Wallet ในตลาดเอาไว้ในที่เดียว เพื่อเวลาลูกค้าใช้งานสามารถทำครบจบในที่เดียวได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอ"


ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดการณ์ฐานลูกค้าที่ใช้บริการเคอรี่อย่างต่อเนื่องเดือนละ 10 ล้านราย หันมาใช้จ่ายผ่าน Wallet มากขึ้น จากปัจจุบันกว่า 90% ของธุรกรรมลูกค้าเป็นการใช้จ่ายด้วยเงินสด โดยเฉพาะลูกค้าที่ใช้บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) รวมถึงตั้งเป้าหมายดึงดูดลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซให้มาใช้บริการด้วยเช่นกัน ผ่านการทำโปรโมชั่นในช่วงเปิดตัวสำหรับพันธมิตร

นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABUY กล่าวว่า การพัฒนา KERRY Wallet ในครั้งนี้จะรองรับแหล่งที่มาของเงินทั้งบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต รวมถึง Wallet สกุลต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรอย่าง Rabbit LINE PAY ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทของ บมจ.วีจีไอ (VGI) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KEX และ SABUY Money ของกลุ่ม SABUY ซึ่งลูกค้าบนแพลตฟอร์มสามารถเลือกใช้ Wallet ใดก็ได้ตามที่ต้องการ โดยตั้งเป้าหมายผู้ใช้งานในระยะยาวแตะ 50 ล้านบัญชี หรือมีการทำรายการ 50 ล้านรายการต่อเดือน

ทั้งนี้ ในระยะถัดไปบริษัทตั้งเป้าหมายขยายพันธมิตรเข้ามาให้บริการลูกค้าบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อโอนเงินระหว่างกระเป๋ากับ True Money Wallet ของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ซึ่งคาดว่าจะเป็นรายแรกในไทยที่ทำได้สำเร็จ