• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Naprapats

#9676


นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวถึงกรณี ททท.เล็งขยับ 5 จังหวัดเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากกำหนดเดิมวันที่ 1 ตุลาคม อาจต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน แทน เพื่อให้ทุกพื้นที่ระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ครบโดสไม่น้อยกว่า 70% ตามเกณฑ์การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขหลักของการพิจารณาเปิดพื้นที่นำร่องนั้น ประกอบกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศยังไม่แน่นอน คณะทำงานจากกระทรวงสาธารณสุข จึงเห็นควรให้เลื่อนกำหนดการอย่างน้อย 1 เดือนจากกำหนดเดิมนั้น ว่า ภาคเอกชนเตรียมความพร้อมในการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้ว แต่หลังจากมีข่าวเลื่อนเปิดเมืองไปเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายนนั้น ภาคเอกชนอยากขอความชัดเจนจากภาครัฐในการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว วิธี และขั้นตอนปฎิบัติในการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

สำหรับภาพรวมเมืองท่องเที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นั้น มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยามากขึ้น ทำให้ยอดการจองเข้าพักเริ่มมีสูงขึ้น แต่วันธรรมดายังเงียบเหมือนเดิม
#9677
ถมที่ ขุดสระ จัดสวน วางท่อ ติดต่อ 080-022-3804
www.mmee2000.com ทำจริงไม่ทิ้งงาน
#9678


กรุงศรี ฟินโนเวต ผู้นำด้านการสนับสนุนและลงทุนในเทคโนโลยีนวัตกรรมและสตาร์ทอัพทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค เดินหน้าส่งมอบความห่วงใยให้สังคม โดยสนับสนุนบริษัท QueQ (คิวคิว) สตาร์ทอัพไทยกับโครงการ "คืน 30 ล้านชั่วโมง" ภายใต้สโลแกน "คิวดีไม่รอฉีดนาน" และ "คิวดีไม่รอตรวจนาน" ซึ่งเป็นโครงการระดมทุนผ่าน เทใจดอทคอม ช่วยยกระดับการจัดการคิวฉีดวัคซีนและการตรวจหาเชื้อ COVID-19 เชิงรุกในประเทศไทย ให้เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันที่ยังน่าเป็นห่วง กรุงศรี ฟินโนเวต เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือให้คนไทยเข้าถึงการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 และการตรวจเชิงรุก จึงให้การสนับสนุนบริษัท QueQ (คิวคิว) สตาร์ทอัพไทย ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่อยู่ใน Krungsri RISE อันเป็น Startup Accelerator ของกรุงศรี ฟินโนเวตด้วย กับโครงการ "คืน 30 ล้านชั่วโมง" ที่ได้นำระบบจองคิวร้านอาหารผ่านแอปพลิเคชัน QueQ มาปรับใช้จัดการคิวฉีดวัคซีนและคิวตรวจ COVID-19 เชิงรุก เพื่อช่วยลดเวลาการรอคอยและลดความแออัดของผู้มารอรับบริการ โดยกรุงศรี ฟินโนเวตมุ่งหวังว่า การให้การสนับสนุนครั้งนี้ จะช่วยให้คนไทยได้เข้าถึงการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 และการตรวจเชิงรุกได้อย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายรังสรรค์ พรมประสิทธิ์ CEO บริษัท คิวคิว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายในขั้นต้น QueQ อยากทวงคืนเวลาให้คนไทย 1 ล้านคน กลับมาก่อน ภายในสิ้นปี 2564 ถ้าเป็นไปได้คือ 5 ล้านคน ซึ่งหมายถึงจะทวงคืนเวลา 30 ล้านชั่วโมง โดยจะช่วยลดเวลาการรอคิวให้เหลือเพียงระดับนาที การนำระบบจองคิวร้านอาหารที่ไม่ซับซ้อนมาปรับใช้กับคิวฉีดวัคซีนและคิวตรวจเชิงรุก COVID-19 ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งบางศูนย์บริการต้องการความช่วยเหลือด้านคิวอย่างเร่งด่วนหรือขาดแคลนงบประมาณ การปรับใช้ระบบนี้จะส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระบบคิว และลดการติดเชื้อระหว่างรอคิว

โครงการ "คืน 30 ล้านชั่วโมง" พร้อมสโลแกน "คิวดีไม่รอฉีดนาน" และ "คิวดีไม่รอตรวจนาน" ของสตาร์ทอัพ QueQ เป็นโครงการระดมทุนผ่านเทใจดอทคอม เพื่อให้คิวคิวสามารถนำระบบการจองและจัดการคิวฉีดวัคซีนผ่านแอป QueQ พร้อมเชื่อมต่อข้อมูลส่วนกลางและรองรับการจองคิวจากแพลตฟอร์มอื่น ช่วยจัดระบบคิวการฉีดวัคซีน COVID-19 รวมถึงการจัดการคิวตรวจเชิงรุกผ่านแอป QueQ ให้ได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ลดความแน่นขนัดของการรอคิว
#9679
ขายบ้านริมน้ำเจ้าพระยา (สรรพยา) ชัยนาท 850000 โทร 0837124115
#9680


มานูเอล ลานซินี สวมบทฮีโร่ ซัดประตูชัยตั้งแต่นาทีที่ 9 พา เวสต์แฮม ยูไนเต็ด บุกดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้าน 1-0 ส่งทีม 'ปีศาจแดง' จอดป้ายคาราบาว คัพ ตั้งแต่ไก่โห่ หยุดเส้นทางเพียงแค่รอบ 3 เท่านั้น

ศึกฟุต.คาราบาว คัพ รอบ 3 คืนวันพุธที่ 22 กันยายน 2564 เกมที่น่าสนใจ 'ปีศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ 'ขุนค้อน' เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

คู่นี้เพิ่งจะเจอกันในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยเป็น 'ปีศาจแดง' ที่บุกไปเอาชนะ 'ขุนค้อน' ถึงถิ่น 2-1 เกมนี้ทั้งสองทีมส่งผู้เล่นตัวสำรองลงเล่นในหลายตำแหน่ง

แมนฯ ยูไนเต็ด ของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา นำทัพมาโดย อองโตนี มาร์กซิยาล, จาดอน ซานโช, เจสซี ลินการ์ด, ดอนนี ฟาน เดอ เบค และฆวน มาต้า

ขณะที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ของกุนซือเดวิด มอยส์ นำทัพมาโดย มานูเอล ลานซินี, อังเดรย์ ยาร์โมเลนโก, อาร์เธอร์ มาซัวคู และจาร์ร็อด โบเว่น

ปรากฎว่ามีประตูเดียวเกิดขึ้นในเกมนี้ตั้งแต่นาทีที่ 9 ของการแข่งขัน และเป็น มานูเอล ลานซินี แข้งตัวเก่งของทีมเยือนยิงเข้าไป ช่วยให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด บุกมาเก็บชัยเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดีน เฮนเดอร์สัน (GK), ดิโอโก ดาโลต์, เอริค ไบญี, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, อเล็กซ์ เตลเลส, เนมานย่า มาติช, ดอนนี ฟาน เดอ เบค, เจสซี ลินการ์ด, ฆวน มาตา, จาดอน ซานโช, อองโตนี มาร์ซิยาล

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด : อัลฟองโซ อาเรโอล่า (GK), ไรอัน เฟเดริกส์, เครก ดอว์สัน, อิสซ่า ดิออป, เบน จอห์นสัน, มาร์ค โนเบิล, อเล็กซ์ คราล, อังเดรย์ ยาร์โมเลนโก, มานูเอล ลานซินี, อาเธอร์ มาซัวคู, จาร์ร็อด โบเวน


ผลการแข่งขันฟุต.คาราบาว คัพ รอบสาม
ไบร์ทตัน 2-0 สวอนซี
อาร์เซน่อล 3-0 เอเอฟซี วิมเบิลดัน
เชลซี 1-1 (จุดโทษ 4-3) แอสตัน วิลล่า
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
มิลวอลล์ 0-2 เลสเตอร์ ซิตี้
วูล์แฮมตัน 2-2 (จุดโทษ 2-3) ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
#9682
ขายถูกที่ติดถนนเอเซียAH1 บ้านตาก (ตากออก) จ.ตาก ไร่ละ1.5ลบ.โทร 0837124115
#9683

ตลท.เตือนนักลงทุนระมัดระวังลงทุนหุ้น T เหตุ ราคาหุ้นพุ่งแรงทำนิวไฮ ช่วงเช้าที่ 0.41 บาท (22ก.ย.64)แม้อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์บริษัท ที เอ็นจิเนียร์ริ่ง คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ T เนื่องจากสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แม้อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 ซึ่งเป็นมาตรการสูงสุด

และในช่วงเวลาดังกล่าว T ชี้แจงผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วว่าไม่มีพัฒนาการสำคัญที่กระทบต่อสภาพการซื้อขายที่ปรับตัวขึ้น โดยผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงในการซื้อขายได้หากราคาผันผวน จึงขอให้พิจารณาปัจจัยพื้นฐานและสารสนเทศที่แจ้งผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รอบคอบ


นอกจากนี้ ขอให้บริษัทสมาชิกทุกรายกำกับดูแลการซื้อขายและการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ T อย่างใกล้ชิดและเคร่งครัด เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

จากการติดตามสภาพการซื้อขายในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และในวันนี้ (22 ก.ย. 2564)ราคาปรับตัวมาปิดภาคเช้าที่ระดับสูงสุด (New high) ที่ 0.41 บาท ด้วยค่า P/E ขาดทุน และ P/BV ที่ 31.35 เท่า


ปัจจุบัน หลักทรัพย์ T อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 บริษัทสมาชิกต้องดำเนินการดังนี้

1. ให้ผู้ลงทุนซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายทุกประเภทที่ต้องการซื้อหลักทรัพย์ T ต้องวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ  และ

2. บริษัทสมาชิกห้ามนำหลักทรัพย์ T คำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายในทุกประเภทบัญชี และ

3. บริษัทสมาชิกห้ามหักกลบค่าซื้อและค่าขายหลักทรัพย์ T ในวันเดียวกัน (ห้าม Net Settlement)
#9684
ราคา​ 55,000,000 บาท
ติดต่อ คุณอศลย์ฯ 096.634.9241
ไลน์ไอดี Asonhouse  

ขายอพาร์ตเม้นท์ภูเก็ต  ต้ังอยู่ใกล้และเดินทางสะดวกไปสนามบินภูเก็ต


ใกล้ หาดในยาง,หาดในทอน,ลากูน่า,ธัญญปุระและสถานที่ราชการ

เลขที่ 51 , 51/1-11 ถนนในยาง-เทพกระษัตรีย์(สนามบินสายเก่า) หมู่่3 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 

ห้องพักจำนวน 40 ห้อง พื้นที่ 2 ไร่ มีอาคารห้องพัก 10 อาคาร อาคารร้านอาหารและสำนักงาน 1 อาคาร อาคารต้อนรับและร้านกาแฟ 1 อาคาร มีพื้นที่สวนหย่อมพักผ่อนส่วนกลาง

อยู่ใกล้ธรรมชาติบรรยากาศดี เหมาะกับการปรับเปลี่ยนเป็นรีสอร์ท

พื้นที่แต่ละห้อง 28 ตร.ม. มีระเบียงหน้าหลัง มีที่จอดรถเฉพาะแต่ละห้อง

Asonhouse​ area​ 51

https://maps.app.goo.gl/tb4QLNoC3nJvLFuH6

ราคา​ 55,000,000 บาท
ติดต่อ คุณอศลย์ฯ 0966349241,076-604251
ไลน์ไอดี Asonhouse  

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=73&t=7861893






























#9687


ดีเฮ้าส์พัฒนา เผยทิศทางธุรกิจโค้งสุดท้าย เร่งดำเนินการ UPark Market โครงการมิกซ์ยูส แหล่งศูนย์รวมไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พร้อมแผนการเปิดโครงการ River Condo คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น ชูกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุน รักษาความสามารถการทำกำไร

นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคาม ประเภทที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์เพื่อขายหลากหลายรูปแบบ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และอาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทเร่งดำเนินงานโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารที่มีการใช้งานแบบผสมผสาน (Mixed-Use) ตั้งอยู่บนถนนสายบ้านท่าขอนยาง-บ้านขี ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

โครงการดังกล่าวถือเป็นแหล่งศูนย์รวมไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งร้านค้าปลีก ปั๊มน้ำมัน และร้านอาหาร บนเนื้อที่ 12 ไร่ 3 งาน 52 ตร.ว. ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1.สถานีบริการน้ำมัน และร้านค้าปลีก ภายใต้แบรนด์ ปตท. ขนาด 4 เครื่อง 16 หัวจ่าย และร้านค้าเสริม 2 อาคาร 2.UPark Street อาคาร Street Food ขนาด 1,990 ตร.ม. ประกอบด้วย ร้านขายอาหาร 86 ร้าน และลานโล่งสำหรับวางเต็นท์ขายสินค้า ขนาด 7,010 ตร.ม. ประกอบด้วย ร้านอาหาร 26 ร้าน และร้านค้า 132 ร้าน ขณะนี้ได้รับการอนุญาตก่อสร้างแล้ว และคาดว่าพร้อมทยอยให้บริการในช่วงไตรมาส 1/65

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการ River Condo คอนโดมีเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 336 ยูนิต ริมคลองสมถวิล จ.มหาสารคาม พื้นที่โครงการ 3 ไร่ ภายใต้แนวคิดสุนทรียภาพของการใช้ชีวิตที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ เติมเต็มความสุขด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งสระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ คลับเฮาส์ และฟิตเนส คาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาส 2/65

ทั้งนี้ บริษัทมีการทำแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เตรียมความพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจ โดยมีโครงการในอนาคตตามแผนการพัฒนาที่ดินทุกแปลงของบริษัทหลากหลายรูปแบบ ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย หรือทำการค้าในเชิงพาณิชย์ อีกทั้งบริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนเพื่อรักษาความสามารถการทำกำไร ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน รวมไปถึงการสร้าง Landmark แห่งใหม่ภายในมหาวิทยาลัยมหาสารคามในรูปแบบมิกซ์ยูส ในนาม UPark Market รวมถึงการขยายไปสู่คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ซึ่งการออกแบบโครงการที่หลากหลายมาจากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ทั้งด้านความเหมาะสมของพื้นที่ กฎหมายเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารและที่อยู่อาศัยทำเลที่ตั้งของโครงการ รวมถึงรูปแบบลักษณะผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ

ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่เปิดขาย 3 โครงการ มูลค่ารวม 803.63 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเดอะแกรนด์ คาแนล โครงการแกรนด์ บิซ และโครงการพฤกภิรมย์ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะมียอดจองและยอดโอนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 บริษัทมีรายได้รวม 37.54 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 47.07 ล้านบาท จำนวน 9.53 ล้านบาท หรือลดลง 20.24% และมีขาดทุนสุทธิ 2.39 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมาระบาดหนักและทวีความรุนแรงในช่วงไตรมาส 2/64 ส่งผลให้การดำเนินงานบางส่วนของบริษัทเกิดความล่าช้า กระทบถึงแผนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านไม่เป็นไปตามคาด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อให้บริษัทสามารถทำงานตามปกติ พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
#9688


สดช. เปิดเผยผลสำรวจโครงการ Thailand Digital Outlook ระยะที่ 3 พบคนไทยมีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตสูง 6 – 10 ชั่วโมงต่อวัน เล็งเก็บตัวเลขต่อเนื่องทุกปี หวังเป็นถังข้อมูลเก็บผลสำรวจเศรษฐกิจดิจิทัลไทย พร้อมจับมือ 6 หน่วยงานด้านดิจิทัลภาครัฐจัด MOU หวังยกระดับความร่วมมือนำข้อมูล และผลสำรวจใช้วางแผนยุทธศาสตร์องค์กร ขานรับนโยบายประเทศเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ได้กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน Thailand Digital Outlook ระยะที่ 3 ว่ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเล็งเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยริเริ่มในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกในคณะนโยบายขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (The Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ในปี พ.ศ. 2561 ซึ่งนำไปสู่การดำเนินงานโครงการศึกษา Thailand Digital Outlook ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินสถานภาพการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ

"กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้มีนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่กำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาล และโครงการนี้ก็สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว โดยมีเป้าหมายในการจัดทำข้อมูลและผลวิเคราะห์ เพื่อช่วยให้การขับเคลื่อนมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสากล มาประยุกต์ใช้ในการช่วยประเมินและผลักดันการดำเนินการด้านยุทธศาสตร์ 20 ปี" นายชัยวุฒิกล่าว 



โดยเสริมว่า ผลการศึกษาวิจัยจากโครงการนี้เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง โดยสามารถแสดงภาพการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศอันเป็นผลจากการดำเนินนโยบายดิจิทัลของกระทรวงฯ สดช. และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสะท้อนให้เห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของประเทศไทยในปัจจุบันที่ต้องได้รับการพัฒนาต่อยอด หรือปรับปรุงแก้ไขต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนยังสามารถนำข้อมูล ผลการสำรวจ และผลการศึกษาวิจัยต่างๆ จากโครงการศึกษาวิจัย Thailand Digital Outlook ระยะที่ 3 นี้ ไปใช้ประโยชน์ต่อยอดได้ ทั้งการปฏิบัติงานตามภารกิจของหน่วยงาน การให้บริการภาคประชาชนและภาคธุรกิจ การออกนโยบาย และมาตรการส่งเสริมภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆ สำหรับหน่วยงานภาครัฐ และการวางแผนดำเนินกิจการในธุรกิจสำหรับภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและสอดรับกับสภาพตลาดในยุคดิจิทัลไทยแลนด์



ด้าน นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้กล่าวว่า โครงการศึกษาวิจัย Thailand Digital Outlook ระยะที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบในการพัฒนาด้านดิจิทัลของไทย ให้มีมาตรฐานในระดับนานาชาติรวมถึงแนวทางและมาตรการในการขับเคลื่อนดิจิทัลไทยแลนด์ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และสามารถสร้างให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของไทยและสากล ตลอดจนการจ้างงานที่มีคุณค่าสูงรองรับการพัฒนาประเทศในยุคเศรษฐกิจและสังคมที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน โดย สดช. ได้เริ่มดำเนินโครงการเมื่อปี พ.ศ. 2561

"สดช. ได้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลสำรวจและวิเคราะห์ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตามแนวทาง Measuring the Digital Transformation และ Digital Economy Outlook ของ The Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD) เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนสามารถนำผลการศึกษามาประเมินและใช้ประกอบการพิจารณาการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัลในการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยในการกำหนดแนวทางการส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามารถในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้ได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญ เราจะมีโมเดลการจัดเก็บข้อมูลตัวชี้วัดที่เป็นแนวทางการจัดเก็บข้อมูลในระดับสากล (OECD) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมการจัดเก็บและการวิเคราะห์ข้อมูลตัวชี้วัด ตามแนวทางการจัดเก็บของ OECD อีกด้วย" นางวรรณพรกล่าว



นอกจากนี้ สดช. ยังได้มีการลงนามความร่วมมือในโครงการ Thailand Digital Outlook ซึ่งเป็นผลสำรวจดัชนีชี้วัดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ร่วมกับหน่วยงานด้านดิจิทัลของภาครัฐอีก 6 หน่วยงานด้วยกัน ประกอบด้วย สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (สศด) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร) ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานดังกล่าวได้มีการบริหารจัดการและการบูรณาการข้อมูลภาครัฐที่มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน รวมถึงเป็นการยกระดับการบริหารงานภาครัฐให้เป็นระบบดิจิทัล ที่มีระบบการทำงานและข้อมูลเชื่อมโยงกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ โดยนำผลการศึกษา Thailand Digital Outlook ของประเทศไทย รวมถึงข้อมูลและชุดข้อมูลในการศึกษานี้ไปใช้ในการวางยุทธศาสตร์องค์กรของแต่ละหน่วยงานอีกด้วย

สำหรับการศึกษาวิจัย Thailand Digital Outlook ระยะที่ 3 ได้ศึกษาการเข้าถึง พฤติกรรม และการตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ตในภาคประชาชน การใช้ช่องทางออนไลน์ การลงทุนวิจัยและการพัฒนาทักษะของบุคลากรด้านดิจิทัลทั้งในองค์กรธุรกิจเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ โดยได้ทำการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภาคประชาชน (จำนวน 39,145 ตัวอย่าง) ภาคธุรกิจเอกชน (จำนวน 3,381 ตัวอย่าง) และหน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการปฐมภูมิแก่ประชาชน (จำนวน 935 ตัวอย่าง) การสำรวจได้ดำเนินการระหว่างเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้ประกาศมาตรการควบคุมและบรรเทาเหตุการณ์ดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดที่มีการระบาดอย่างรุนแรง รวมถึงการทำงานแบบ work from home ในองค์กรภาคธุรกิจเอกชนและหน่วยงานรัฐบาล



การสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่คิดเป็นสัดส่วนถึง 85.1% มีการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยระยะเวลาการใช้งานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-10 ชั่วโมงต่อวัน โดยวัตถุประสงค์หลักของการใช้อินเทอร์เน็ตในภาคประชาชนเพื่อรองรับการทำงาน (75.2%) การรับบริการออนไลน์ทางด้านการศึกษา (71.1%) การทำธุรกรรม ซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ (67.4%) การติดต่อสื่อสารสนทนา (65.1%) การทำธุรกรรมออนไลน์ด้านการเงิน (54.7%) กิจกรรมสันทนาการ (53.1%) มีส่วนร่วมในการดำเนินการภาครัฐ (49.6%) การรับบริการออนไลน์ทางด้านสาธารณสุข (48.6%) ติดตามข่าวสารทั่วไป (39.1%) การใช้งานด้านอื่นๆ (35.6%) การสร้างสรรค์เนื้อหาหรือคอนเทนต์ต่างๆ (28.2%) และทำธุรกรรมด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ (2.2%) การสำรวจยังพบว่า 76.6% ของประชาชนยังซื้อสินค้าและบริการทางออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม โดยมี Shopee และ Lazada เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ยอดนิยมอันดับต้นๆ การศึกษายังพบว่าประชาชนส่วนใหญ่คิดเป็นสัดส่วน 60.7% ใช้บริการออนไลน์ภาครัฐ ยกตัวอย่างเช่น การชำระค่าน้ำและค่าไฟ นอกจากนี้ 64.6% ของประชาชนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างยังทำงานโดยใช้การประชุมทางไกลผ่าน VDO Conference อีกด้วย โดยสถานที่หลักที่ประชาชนนิยมใช้อินเทอร์เน็ตในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19ได้แก่ ที่พักอาศัยของตนเอง (70.2%) และสถานที่ทำงาน (22.2%)

อย่างไรก็ตาม การศึกษาพบว่า 61.7% ของประชาชนมักเกิดความเครียดบ่อยมากขึ้นเมื่อทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ หากมองถึงความปลอดภัยในการซื้อขายหรือทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ มีเพียงแค่ 43.6% ของประชาชนที่รู้จัก พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ 43.1% ของประชาชนเคยพบปัญหาด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี การป้องการทางเทคโนโลยีโดยส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนรหัสผ่านในการเข้าระบบเท่านั้น



สำหรับภาคธุรกิจเอกชน การสำรวจพบว่า 98.4% ของผู้ประกอบการมีการใช้อินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ ธุรกิจเอกชนยังมีการใช้เทคโนโลยีในเรื่องของ Cloud และ Data Analytics สูงขึ้น โดยผู้ประกอบการใช้ Cloud ถึง 70.3% และทำ Data Analytics สูงถึง 61.5% และ ใช้ AI ในเรื่องของ Chatbot สูงถึง 41% โดยช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นได้แก่ธุรกิจทางด้านการเกษตรเพิ่มขึ้น 54.6% ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 27.4% และธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น 27.9% ในขณะที่การท่องเที่ยวและสันทนาการมีการใช้ออนไลน์ลงลดถึง 76.4% โดยสาเหตุหลักอาจจะเกิดจากการปิดประเทศทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางจากจังหวัดหนึ่งไปยังจังหวัดอื่นๆได้ ในขณะที่แฟชั่นลดลง 44.8% และวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรลดลง 36.5% เนื่องจากมีจำนวนโรงงานที่ปิดตัวมากขึ้น

การสำรวจยังพบว่า 73.9% ของผู้ประกอบการยังมีช่องทางออนไลน์เพื่อจำหน่ายสินค้าและบริการ และ 28.0% ของผู้ประกอบการมีการสั่งซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ โดยช่องทางออนไลน์และสื่อสังคมที่ผู้ประกอบการนิยมใช้ได้แก่ ยูทูป (YouTube) ไลน์ (Line) เฟสบุ๊ค (Facebook) และทวิตเตอร์ (Twitter) เป็นต้น นอกจากนี้ มีผู้ประกอบการจำนวนมากถึง 88.5% ที่ใช้บริการออนไลน์ภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยื่นภาษีและนำส่งข้อมูลบัญชี เกี่ยวกับปัจจัยทางด้านบุคลากรดิจิทัล 66.4% ของผู้ประกอบการมีการจัดจ้างพนักงานไอที โดยพนักงานเหล่านั้นจะมีหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือและแก้ปัญหาด้านไอที 33.6% ของผู้ประกอบการยังมีการจัดฝึกอบรมพนักงานไอทีอีกด้วย ทางด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล 80.5% ของผู้ประกอบการรู้จัก พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในขณะที่ 27.1% ของผู้ประกอบการเคยพบปัญหาด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี โดยการป้องกันส่วนใหญ่จะใช้ระบบยืนยันตัวตน



สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการปฐมภูมิแก่ประชาชน อันได้แก่ โรงเรียนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) การศึกษาพบว่า 76.4% มีการใช้อินเทอร์เน็ต การศึกษายังพบว่า 69.1% ของหน่วยงานภาครัฐมีการให้บริการออนไลน์ โดยมีเฟสบุ๊คเป็นช่องทางออนไลน์ที่นิยมมากที่สุด และมีบริการประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลเป็นบริการที่มีมากที่สุด อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจ พบว่าสัดส่วนพนักงานไอทีในหน่วยงานภาครัฐยังมีจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับพนักงานในแผนกอื่นๆ หรือเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 5% โดยเจ้าหน้าที่ไอทีส่วนใหญ่จะมีหน้าที่ดูแลและพัฒนาเว็บไซต์เป็นหลัก น้อยกว่า 10% ของพนักงานไอทีที่ได้รับการฝึกอบรมในหน่วยงานอีกด้วย ทางด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยีดิจิทัล 69.7% ของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานภาครัฐรู้จัก พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในขณะที่ 39.7% เคยพบปัญหาด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี

"ผลการสำรวจทำให้เรามองเห็นถึงปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทย ทั้งในด้านการนำนวัตกรรมดิจิทัลไปใช้ให้เกิดประโยชน์ การลงทุนในนวัตกรรมดิจิทัลทั้งในแง่ของผู้ประกอบการและนักวิจัย และการสร้างทักษะแรงงานด้านดิจิทัลในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการในการพัฒนาอีคอมเมิร์ซทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ" นางวรรณพรกล่าว
#9689
ขายบ้านริมน้ำเจ้าพระยา (สรรพยา) ชัยนาท 850000 โทร 0837124115
#9690


ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบทางเดินหายใจและวัณโรค และ ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวออนไลน์ในหัวข้อ การรับมือต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปัจจุบันและอนาคต และแผนการใช้ยาแอนติบอดีค็อกเทล เพื่อรักษาผู้ป่วยในประเทศไทย

ศ.นพ.นิธิ กล่าวว่า ในวงการวิชาการการแพทย์ วัคซีนโควิด-19 เองกำลังพัฒนาไม่หยุด ยาเช่นเดียวกัน ส่วนยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี เป็นยาสังเคราะห์ ที่จะเข้าไปจับกับไวรัส ทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายไม่ได้ ถ้ามียานี้มารักษาผู้ติดเชื้อในระยะต้นที่เริ่มมีอาการ จะช่วยให้หายป่วยเร็วขึ้น อาการไม่รุนแรง และลดการเสียชีวิต ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะมีส่วนในการจัดหา นำเข้า และกระจาย ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี เป็นตัวแรกที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและ (อย.) ของไทยรับรองให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน โดยจะให้ยานี้ในผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการระยะแรก แต่มีปัจจัยเสี่ยงว่าจะป่วยหนักหรือเสียชีวิต ยานี้จะช่วยลดการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลหรือไอซียู ซึ่งสำคัญมาก เพราะการลดภาระตรงนี้ลง การดูแลคนไข้อื่นก็จะสบายขึ้น โดยจะนำเข้าและกระจายยาโมโนโคลนอลแอนติบอดีให้โรงพยาบาลต่าง ๆ



นอกจากนี้ ในส่วนของการศึกษายาต้านไวรัสเอง มีการดำเนินการเช่นกัน เราจะร่วมกับโรงพยาบาลอีก 2-3 แห่ง วิจัยยาต้านไวรัสตัวใหม่เร็ว ๆ นี้ โดยเป็นยาตัวเดียวกับที่อาจารย์กำธรพูดถึง ไทยจะเป็นส่วนหนึ่งในการทดสอบยานั้น เราไม่อยากจำกัดอยู่แต่วัคซีน ซึ่งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เตรียมนำเข้า โมโนโคลนอลแอนติบอดี รักษาโควิด-19 แล้ว

อย่างไรก็ตาม ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดีในการป้องกันรักษาโควิด-19 ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับ ต้องมีกระบวนการคัดเลือกว่า ผู้ติดเชื้อกลุ่มไหนจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้ยา