• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Naprapats

#9616


กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ชวนท่องเที่ยวเส้นทาง OTOP บนโลกออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภายใต้โครงการท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทยในรูปแบบของการท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Tour) ที่ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ทั้ง ชม ชิล ช้อป แชร์ รวมถึงยังได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของวิถีชุมชนทั้ง 9 เส้นทางตำนานมรดกวัฒนธรรม โดยงานเริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ – 19 กันยายน 2564

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรมการพัฒนาชุมชน โดยสำนักงานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น และ วิสาหกิจชุมชน ได้จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) ภายใต้แนวคิด "เปิดขุมทรัพย์ 9 เส้นทาง 9 ตำนาน มรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย" ในรูปแบบของการท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Tour) ที่ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ทั้ง ชม ชิล ช้อป แชร์ รวมถึงยังได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของวิถีชุมชนทั้ง 9 เส้นทางตำนานมรดกวัฒนธรรม โดยอาจเรียกว่า เป็นอีกรูปแบบการท่องเที่ยวตามวิถีชีวิต New Normal ที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในชุมชน ไปพร้อมๆ กับการสื่อสาร สร้างการรับรู้ และสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของชุมชน OTOP นวัตวิถี



สำหรับความโดดเด่นของโครงการนี้ อยู่ที่การนำเอาวัฒนธรรมทั้ง 9 อารยธรรมบนผืนแผ่นดิน มาสร้างอัตลักษณ์ให้กับการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งได้แก่ อารยธรรมบ้านเชียง, อารยธรรมทวารวดี, อารยธรรมศรีโคตรบูรณ์-ล้านช้าง, อารยธรรมลพบุรี, อารยธรรมศรีวิชัย, อารยธรรมล้านนา, อารยธรรมสุโขทัย, อารยธรรมอยุธยา, และ อารยุธรรมธนบุรี-รัตนโกสินทร์ ซึ่งแต่ละอารยธรรม ต่างมีความโดดเด่นด้านวิถีชีวิต ตามภูมิภาคและ กาลเวลา รวมถึงยังปรากฏร่องรอยวัฒนธรรมและการสืบสานวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง จนส่วนหนึ่งได้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ทรงคุณค่ากว่า 158,963 ผลิตภัณฑ์ ในปัจจุบัน นอกจากนี้ผู้เข้าชมงานยังจะพบกับเหล่าศิลปินที่จะเป็นผู้นำเที่ยวในแต่ละเส้นทาง อาทิ ติ๊ก ชีโร่ เจมส์ กิจเกษม แมคแฟดเดน กระติ๊บ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล อองตวน ปินโต และอีกมากมาย
#9617


พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่เดินทางไประนองร่วมกับคณะที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ยืนยันกาแฟดีที่ระนองไม่ได้ถูกละเลย อีกทั้งทางคณะและตนเองอุดหนุนอีกด้วย หลังปรากฏภาพเสิร์ฟกาแฟ "จุรินทร์" เป็นคาเฟ่อเมซอน พร้อมน้อมรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ชี้ภาพภาพเดียวอาจตีความเข้าใจผิดมหาศาล

จากกรณีที่ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์บทความหัวข้อ "กาแฟดีที่ระนองถูกตบหัวทิ่มด้วยทีมงานรองนายกฯ จุรินทร์" จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก "พรชัย เอี่ยมโสภณ" ระบุว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจในจังหวัดระนองเมื่อวันที่ 11 ก.ย. โดยได้แวะที่กลุ่มมังคุดบ้านบกกราย อ.กระบุรี จ.ระนอง ซึ่งเป็นอำเภอที่มีชื่อเสียงเรื่องกาแฟระนอง และปลูกกาแฟโรบัสตามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ปรากฏว่าทีมงานเสิร์ฟกาแฟร้อนยี่ห้อดัง (คาเฟ่อเมซอน) ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนถูกตบจนหน้าชาในฐานะคนในพื้นที่ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านประกอบ : กาแฟดีที่ระนองที่ "จุรินทร์" รองนายกฯ ไม่ดื่ม เพราะทีมงานเสิร์ฟ "คาเฟ่อเมซอน"

พาณิชย์ระนองอ้าง ทีมงานจุรินทร์ยังอุดหนุนกาแฟระนอง แม้เจ้าตัวจะกินคาเฟ่อเมซอนก็ตาม
วันนี้ (16 ก.ย.) เฟซบุ๊ก "วิชัย สังข์ประไพ" ของ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเดินทางไปกับคณะที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ โพสต์ข้อความพร้อมภาพถือถุงกาแฟคั่วบด 2 ถุง ระบุว่า "จากกรณี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดระนองและพบปะพูดคุยกับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนมังคุดเพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร ณ ศาลาที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนน้ำตกบกกราย อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง แล้วเกิดประเด็นดรามากาแฟขึ้นมานั้น

ผมได้มีโอกาสร่วมลงพื้นที่พร้อมคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการต่างๆ

ภาพและข้อความที่แพร่ออกไป ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่ผมขอยืนยันว่ากาแฟดีที่ระนองไม่ได้ถูกละเลยอย่างแน่นอน ในระหว่างงาน ท่านรัฐมนตรีใช้เวลาเต็มที่ในการติดตามรับฟังปัญหาต่างๆ จากเกษตรกรชาวสวนมังคุด และภายในงาน ทางคณะรวมทั้งผมเองยังได้อุดหนุนกาแฟระนอง อีกหนึ่งของดีขึ้นชื่อของจังหวัด จากคุณก้อง #ก้องกาแฟ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณคุณพรชัยต้นโพสต์ที่ตั้งคำถาม และทีมงานขอน้อมรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว เพราะภาพเพียงภาพเดียวอาจทำให้เกิดการตีความเข้าใจผิดได้อย่างมหาศาล

#วิสาหกิจชุมชนน้ำตกบกกราย #มังคุดบกกราย #กาแฟดีที่ระนอง"
#9618
ขายถูกที่ติดถนนเอเซียAH1 บ้านตาก (ตากออก) จ.ตาก ไร่ละ1.5ลบ.โทร 0837124115
#9619
ขายบ้านริมน้ำเจ้าพระยา (สรรพยา) ชัยนาท 850000 โทร 0837124115
#9620
ถมที่ ขุดสระ จัดสวน วางท่อ ติดต่อ 080-022-3804
www.mmee2000.com ทำจริงไม่ทิ้งงาน
#9621


นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุ แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ยังมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ จากปัจจัยความเสี่ยงในประเทศ ทั้งสถานการณ์การระบาดในประเทศที่อาจเจอการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดเริ่มลดสถานะถือครองสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะฝั่งผู้เล่นที่เคยเข้ามาเก็งกำไรซื้อหวยออนไลน์ค่าเงินบาทผ่านบอนด์ระยะสั้น ก็เริ่มปิดสถานะเก็งกำไรดังกล่าวมากขึ้น 

ขณะเดียวกัน บรรยากาศในตลาดการเงินที่ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงจะยังช่วยหนุนโมเมนตัมเงินดอลลาร์อยู่ ทำให้ เรามองว่า ยังไม่เห็นโอกาสที่เงินบาทจะกลับไปแข็งค่าอย่างชัดเจนได้ในระยะสั้น จนกว่า ตลาดจะคลายกังวลความเสี่ยงต่างๆ และเริ่มเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะเห็นเงินดอลลาร์สามารถกลับมาอ่อนค่าลงได้

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.90-33.05 บาท/ดอลลาร์

แม้ว่า ตลาดจะเริ่มคลายกังวลโอกาสที่เฟดจะเร่งรีบปรับลดคิวอี หลังอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นเพียง +0.3% จากเดือนก่อนหน้า น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (คิดเป็น +5.3% จากปีก่อนหน้า) จากการปรับลดลงของราคาสินค้าและบริการในธีม Reopening อาทิ รถมือสอง ที่พักแรม และประกันรถยนต์ สะท้อนว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจถึงจุดพีคไปแล้วและเริ่มชะลอลง

 

อย่างไรก็ดี ตลาดก็ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากผู้ในเล่นตลาดกลับยังคงกังวลปัญหาการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคต สอดคล้องกับผลสำรวจบรรดานักลงทุนสถาบันโดย Bank of America ล่าสุด ที่พบว่า ความกังวลแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจและผลกำไรบริษัทจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้น


ภาวะระมัดระวังตัวของตลาดจากความกังวลดังกล่าว ได้กดดันให้ ในฝั่งสหรัฐฯ ดัชนี Dowjones ปรับตัวลดลงราว -0.78% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.57% ส่วนหุ้นเทคฯ ก็เผชิญแรงเทขายทำกำไรมากขึ้นเช่นกัน กดดันให้ ดัชนี Nasdaq ย่อตัวลง -0.45% ส่วนทางด้านตลาดยุโรป ดัชนี STOXX50 สามารถปิดตลาด +0.05% หนุนโดยการรีบาวด์ของหุ้นกลุ่ม Semiconductor อาทิ ASML +2.5%, Infineon Tech. +2.2% ชณะที่หุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่ม Cyclical อื่นๆ ก็เผชิญแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง

 

ในฝั่งตลาดบอนด์ ผู้เล่นในตลาดเริ่มประเมินว่า เฟดอาจไม่ได้ส่งสัญญาณการปรับลดคิวอีที่ชัดเจนในการประชุมเดือนกันยายนนี้ หลังเงินเฟ้อในฝั่งสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลง กอปรกับ ผู้เล่นในตลาดยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง ทำให้บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อเนื่อง 4bps สู่ระดับ 1.28% ทั้งนี้ บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวลดลงได้อีกบ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่าง ยอดค้าปลีก รวมถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เพิ่มความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ผันผวนในช่วงคืนที่ผ่านมา แต่โดยรวมเงินดอลลาร์ยังทรงตัวใกล้ระดับเดิมเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 92.66 จุด หนุนโดยความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในข่วงตลาดการเงินผันผวน


สำหรับวันนี้ เรามองว่า ตลาดจะรอติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน โดยตลาดประเมินว่า ปัญหาการระบาดของ COVID-19 ในจีนที่ถึงจุดพีคในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงหนัก โดยยอดค้าปลีก (Retail Sales) จะโตเพียง +7%y/y จาก +8.5% ในเดือนก่อนหน้า ส่วนยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) จะขยายตัวเหลือ +5.8%y/y ลดลงจาก +6.4%

สอดคล้องกับการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิตที่สะท้อนผ่าน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Man.cturing PMI) ที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ยอดการลงทุนสินทรัพย์ถาวร (Fixed Assets Investment) จะขยายตัวเพียง +11%y/y ลดลงจาก +12.7% ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนอาจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังการระบาดสงบลง

 

ส่วนในฝั่งอังกฤษ บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเริ่มส่งสัญญาณสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น (Tightening Policy) หลังเศรษฐกิจเดินหน้าฟื้นตัวต่อเนื่องและไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 มากนัก ซึ่งสะท้อนผ่าน ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนสิงหาคม ที่จะโตกว่า +0.8% จากเดือนก่อนหน้า หรือคิดเป็น +2.7%y/y

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ในเดือนสิงหาคม ก็มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นและอยู่ในระดับสูงกว่า +2.9%y/y ซึ่งจากภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีและเงินเฟ้อในระดับสูง อาจทำให้ BOE เริ่มส่งสัญญาณพร้อมทยอยปรับลดการอัดฉีดสภาพคล่องได้ในการประชุมวันที่ 23 กันยายน นี้

 

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.91-32.98 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ อ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.93 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามสัญญาณขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ตลาดการเงินฝั่งเอเชียมีบรรยากาศที่ระมัดระวังมากขึ้นหลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนส.ค. มีสัญญาณชะลอตัวและอ่อนแอลง

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 32.85-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ กระแสเงินลงทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดของไทย และการตอบรับต่อข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ คืนนี้ ได้แก่ ดัชนีราคานำเข้าและส่งออก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. และผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กเดือนก.ย.
#9622


เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ฉลองการก้าวสู่ปีที่ 25 ตอกย้ำความสำเร็จในประเทศไทย เตรียมเปิดตัวระบบสมาชิกใหม่ Preferred CustomerProgram (PCP) เจาะกลุ่มคน Gen Z พร้อมส่งวิตามิน มาส์ก เอาใจผู้บริโภค

นายสุพจน์ ฤทธิพิชัยวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการ เฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด กล่าวว่า ในปีนี้เฮอร์บาไลฟ์นิวทริชั่นประเทศไทย ดำเนินธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 บริษัทยังเล็งเห็นการเติบโตได้ดีในตลาดไทย ด้วยความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการที่เพิ่มขึ้นจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม GenZ  ทั้งนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการที่หลากหลายของเฮอร์บาไลท์ ทำให้มั่นใจที่จะสนองตอบความต้องการของตลาดได้  

ล่าสุด เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ได้เปิดตัวระบบสมาชิกรูปแบบใหม่ เรียกว่า Preferred CustomerProgram หรือ PCP เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อหวยออนไลน์ของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบหรือหลงใหลในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ให้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น โดยสมาชิกรูปแบบใหม่นี้จะได้รับสิทธิประโยชน์สิทธิพิเศษและส่วนลดสำหรับสินค้าเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นผู้บริโภคสินค้า แต่ไม่ต้องการทำธุรกิจหรือเป็นผู้จำหน่ายอิสระ

ขณะเดียวกัน เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการครบรอบ 25ปีของ เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ประเทศไทย ยังได้เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์วิตามินมาส์ก ในรูปแบบแผ่นมาส์กชีท ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ที่มีประสบการณ์ในด้านนี้โดยเฉพาะ ผสานศาสตร์แห่งโภชนาการที่ผ่านการรังสรรค์ด้วยเทคโนโลยี จนออกมาเป็นมาส์กเพื่อผิวสวยแลดูสุขภาพดี 3 สูตร ได้แก่ สูตรเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizing), สูตรผิวขาวกระจ่างใส (Brightening) และสูตรยกกระชับผิว (Firming) ล่าสุด วิตามิน มาส์ก ยังได้รับรางวัล Editors' Choices สาขา The Best Vitamin Mask จากเวที HELLO! Beauty Award 2021 จัดโดยนิตยสาร HELLO! ประเทศไทย 


เฮอร์บาไลฟ์นิวทริชั่นวางแผนที่จะเพิ่มรูปแบบการเป็นสมาชิก PCP โดยขยายฐานลูกค้า Gen Z และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ วิตามิน มาส์ก เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคซึ่งนี่คือทิศทางและกลยุทธ์ทางธุรกิจ ที่จะมุ่งเน้นในปีนี้จนถึงปีหน้า นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะหล่อเลี้ยงผู้คนและโลกผ่านโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตามพันธกิจ ที่ต้องการให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

เฮอร์บาไลฟ์ เปิดระบบสมาชิกใหม่ PCP เจาะฐานลูกค้า Gen Z
เฮอร์บาไลฟ์ เปิดระบบสมาชิกใหม่ PCP เจาะฐานลูกค้า Gen Z

ด้านกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR และแนวทางปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและการกำกับดูแลกิจการหรือ ESG ถือว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ซึ่งได้มีการจัดตั้ง เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ฟาวน์เดชั่น(HNF) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มุ่งมั่นในการส่งมอบโภชนาการที่ดี และให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่เด็กๆ ที่ขาดแคลนทั่วโลก รวมถึงโครงการคาซ่าเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมูลนิธิ HNF มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเด็กๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือและจัดหาอาหารเพื่อสุขภาพและการศึกษาด้านโภชนาการแก่เด็กทั่วโลก

เฮอร์บาไลฟ์ เปิดระบบสมาชิกใหม่ PCP เจาะฐานลูกค้า Gen Z
เฮอร์บาไลฟ์ เปิดระบบสมาชิกใหม่ PCP เจาะฐานลูกค้า Gen Z

ทุกปีเฮอร์บาไลฟ์ประเทศไทยระดมทุนจากผู้จำหน่ายอิสระของเฮอร์บาไลฟ์นิวทริชั่นเพื่อสนับสนุนมูลนิธิพัฒนาเด็กและเยาวชนภายใต้โครงการCasa Partner มากกว่า 200 คนในมูลนิธิเด็กมูลนิธิโรงพยาบาลเด็กและมูลนิธิบ้านนกขมิ้น ซึ่งที่ผ่านมาเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ประเทศไทย ได้สนับสนุนเด็กๆผ่านกิจกรรมด้านโภชนาการและสุขภาพมากมายเช่นพัฒนาทักษะการกีฬาสอนให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับโภชนาการที่ดีโดยในปีนี้มีการวางแผนเพื่อต่อยอดแนวทางส่งเสริมโภชนาการให้กับเด็กไทย เพื่อให้หันมาใส่ใจโภชนาการทั้งด้านอาหารและการออกกำลังการผ่านการสร้างสื่อการเรียนรู้ด้านโภชนาการสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจของเด็กให้เกิดการเรียนรู้และจดจำสาระความรู้จากสื่อการสอนที่จัดทำขึ้นรวมถึงมีกิจกรรม Asia Pacific Get Moving with Good Nutrition Virtual Run เป็นปีที่ 2 ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งจะมอบให้กับมูลนิธิเฮอร์บาไลฟ์นิวทริชั่น (HNF) เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสที่มูลนิธิพันธมิตรทั้งสามแห่งของเฮอร์บาไลฟ์นิวทริชั่นในประเทศไทยต่อไป
#9625
ถมที่ ขุดสระ จัดสวน วางท่อ ติดต่อ 080-022-3804
www.mmee2000.com ทำจริงไม่ทิ้งงาน
#9626
*** 17,500,000 หรือ 3,500,000 บาทต่อไร่ เท่านั้น*** 
สนใจติดต่อได้ 065.052.6995 คุณนุ่ม

ขายที่ดิน 5 ไร่ ติดถนนคลอง 10 ธัญบุรี ปทุมธานี ห่างถนน รังสิต-นครนายก 850 เมตร


ตำบล บึงสนั่น อำเภอ ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี คลอง10

ที่ดินหน้ากว้าง 95 เมตร ห่างถนน รังสิต-นครนายก 850 เมตร เดินทางสะดวก ถนนทางหลวงแผ่นดิน ( 3261 )

-ห่างจากจุดตัดวงแหวนรอบที่สาม 2 กิโลเมตร

-ที่ดินทำเลดีมีอนาคต

-เหมาะกับทำโครงการจัดสรร, โกดัง, คลังสินค้า

-ใกล้ โรงเรียน วัดขุมแก้ว , วัดขุมแก้ว เพียง 600 เมตร

-ใกล้ โรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณธัญบุรี เพียง 2 กม.

-ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

-ใกล้เทสโก้ โลตัส รังสิต คลอง7

-ทะลุออกได้หลายเส้นทาง เช่น ถ. รังสิต-นครนายก ( คลอง 10 )
ถ. ปทุมธานี- พระนครศรีอยุธยา, ถ.กาญจนาภิเษก, ถ. พหลโยธิน, ถ.ลำลูกกา เป็นต้น

*** 17,500,000 หรือ 3,500,000 บาทต่อไร่ เท่านั้น*** 
สนใจติดต่อได้ 0650526995 คุณนุ่ม

https://www.ddteedin.com/602686/






#9627


เปิดเกณฑ์ดึงนักลงทุนต่างชาติศักยภาพสูง ผู้เกษียณที่รายได้ดี พำนักระยะยาวไทย 4 กลุ่ม เป้าหมาย 1 ล้านคน ให้สิทธิภาษีเงินได้ ที่ดิน วีซ่า 5 ปี ดันเงินเข้าระบบ 1 ล้านล้าน กระตุ้นลงทุน 7.5 แสนล้านบาท
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเริ่มดีขึ้นเมื่อดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันที่มีจำนวนลดลง ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลต้องเตรียมมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อเร่งผลักดันในช่วงที่สถานการณ์การระบาดคลี่คลาย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ก.ย.2564 เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยดึงชาวต่างชาติที่มีศักยภาพซื้อหวยออนไลน์สูงเข้าสู่ประเทศไทย ตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยตั้งเป้า 5 ปี (2565-2569) มีชาวต่างชาติที่มีรายได้สูง นักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ผู้เกษียณอายุที่มีรายได้สูงจากบำนาญมาอาศัยในไทย 1 ล้านคน ส่งผลให้เงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท 

ทั้งนี้ มาตรการที่ ครม.เห็นชอบมีมาตรการที่เกี่ยวกับการออกวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว (Long-term resident visa) เพื่อรองรับผู้มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ได้แก่

1.กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง โดยต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 5 แสนดอลลาร์ในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) หรือลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และมีเงินเดือนหรือเงินบำนาญขั้นต่ำปีละ 8 หมื่นดอลลาร์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งมีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์ 

2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ โดยมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 2.5 แสนดอลลาร์ ในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือลงทุนทางตรงจากต่างประเทศหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และมีเงินบำนาญขั้นต่ำปีละ 4 หมื่นดอลลาร์ หรือมีเงินบำนาญขั้นต่ำปีละ 8 หม่ื่นดอลลาร์ (กรณีไม่มีการลงทุน) 

3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทยโดยมีรายได้ส่วนบุคคล เช่น เงินเดือนหรือรายได้จากการลงทุนปีละ 8 หมื่นดอลลาร์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหรือปีละ 4 หมื่นดอลลาร์ หากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป, ครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา, ได้รับทุนจาก Series A ที่เป็นการร่วมทุนในเวนเจอร์ฟันด์หรือสตาร์ทอัพ และมีประสบการณ์การทำงาน 5 ปีขึ้นไป

4.กลุ่มที่มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ โดยมีรายได้ปีละไม่น้อยกว่า 8 หมื่นดอลลาร์ในช่วง 2 ปีหรือปีละ 4 หมื่นดอลลาร์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป และมีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 5 ปีในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยวระดับคุณภาพ เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหารคุณภาพสูง หุ่นยนต์ การบิน เชื้อเพลิงชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์

ทั้งนี้ มาตรการที่สนับสนุน 4 กลุ่มดังกล่าวให้สิทธิทำงานพร้อมวีซ่า ให้คู่สมรสและบุตรได้รับวีซ่าผู้ติดตามไปพร้อมกันด้วย ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ รวมทั้งรายได้ที่นำเข้ามาในปีภาษีเดียวกัน ในอนาคตอาจได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวที่รวมทั้งที่ดิน 

สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ให้ได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมโดยเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่ากับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 17% โดยในส่วนนี้มอบให้กระทรวงการคลังกำหนดรายละเอียด

นอกจากนี้ มีมาตรการการแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อดึงชาวต่างชาติ ได้แก่ การกำหนดวีซ่าประเภทพิเศษตามโครงการ การสร้างระบบอำนวยความสะดวกให้รับอนุมัติวีซ่าได้เร็ว การให้สิทธิคู่สมรสและบุตรรับวีซ่าผู้ติดตาม ได้ยกเว้นไม่ต้องรายงานตัวทุก 90 วัน 

รวมทั้งอำนวยความสะดวกการแจ้งย้ายที่อยู่ การกำหนดวิธีการต่อวีซ่า และวิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงสถานะการอยู่อาศัยในไทย ซึ่งให้ผู้ถือวีช่าทำงานได้ตามคุณสมบัติตามที่ได้ขอวีซ่าไว้ ไม่นำข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราส่วนการจ้างงานพนักงานไทยต่อต่างชาติมาใช้กับผู้ถือวีซ่าประเภทนี้ (หลักเกณฑ์จ้างงานต่างชาติ 1 คน ต่อคนไทย 4 คน)

นอกจากนี้ ได้สิทธิลดพิกัดอัตราอากรขาเข้าสำหรับสินค้าประเภทไวน์ สุรา และยาสูบประเภทไวน์ สุรา ยาสูบ และยาสูบประเภทซิการ์ ลงเกินกึ่งหนึ่งเป็นเวลา 5 ปี 

สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับจากมาตรการนี้คาคว่าจะดึงต่างชาติให้ย้ายมาพำนักในไทย 1 ล้านคน และมีเม็ดเงินจากการใช้จ่ายเบื้องต้นคนละ 1 ล้านบาท ช่วยชดเชยรายได้ท่องเที่ยวที่หายไปจากโควิด-19 โดยจะมีการใ้จ่ายเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนและการเก็บภาษีที่เกี่ยวข้อง โดยมีการประมาณช่วง 5 ปี (2565-2569) ดังนี้ 

ปีงบประมาณ 2565 มี 1 แสนคน เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 1 แสนล้านบาท เพิ่มปริมาณเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจ 75,000 ล้านบาท และเพิ่มรายได้ทางภาษี 25,000 ล้านบาท

ปีงบประมาณ 2566 มี 1.5 แสนคน เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มปริมาณเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจ 1.12 แสนล้านบาท และเพิ่มรายได้ทางภาษี 37,500 ล้านบาท

ปีงบประมาณ 2567-2569 มีปีละ 2.5 แสนคน เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ปีละ 2.5 แสนล้านบาท เพิ่มปริมาณเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจ ปีละ 1.87 แสนล้านบาท และเพิ่มรายได้ทางภาษี ปีละ 62,500 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวว่า โดยรวมแล้วนอกจากมีเงินจากการจับจ่ายใช้สอยของชาวต่างชาติในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านบาท จากชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักระยะยาวในไทย เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท สร้างรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท

"ไทยมีผู้เชี่ยวชาญเพียงพอให้ภาคธุรกิจที่มุ่งส่งเสริม ซึ่งสอดคล้องแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (2561-2580) ในประเด็นอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต และโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล"

ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบตามที่ สศช.เสนอให้ประเมินผลสัมฤทธิ์ภาพรวมโครงการทุก 5 ปี รวมทั้งสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและการถือของที่ดินให้สิ้นสุดหลังจากวันที่เริ่มบังคับใช้แล้ว 5 ปี รวมทั้งให้ประเมินมาตรการต่างๆ เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศก็พิจารณาขยายเวลาการบังคับใช้ออกไปได้ตามความเหมาะสม
#9628


นายยรรยงค์ ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2564 เหลือ 0.7% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 0.9% โดยมีสาเหตุหลักจากผลของการระบาดในประเทศรอบล่าสุดที่รุนแรงมากกว่าคาด ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเดินทางเข้าไทยน้อยกว่าเดิมตามความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ระบาดในประเทศ สะท้อนได้จากหลายประเทศที่มีการประกาศให้ไทยเป็นประเทศความเสี่ยงสูงด้านการระบาด COVID-19 เช่น สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จึงมีการปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวเหลือ 1.7 แสนคน (เดิมคาด 3 แสนคน) นอกจากนี้ การใช้จ่ายของภาคเอกชนได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดในประเทศและมาตรการ lockdown เช่นกัน สะท้อนจากดัชนีการบริโภคภาคเอกชนเดือนกรกฎาคมที่หดตัวถึง -8.1%YOY รวมถึงการลงทุนก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์คนงานในช่วงเดือนกรกฎาคม โดยแม้ว่าจะกลับมาดำเนินการได้แล้ว แต่มาตรการ Bubble and seal ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นและทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพ

ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศจากการระบาดจะมีมากสุดในช่วงไตรมาส 3 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงต้นไตรมาส 4 จากแนวโน้มการฉีดวัคซีนครบโดสของประชากรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นและการกลับมาดำเนินการของกิจกรรมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามแม้จะมีการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4 แต่ EIC คาดว่า GDP ไทยในช่วงครึ่งหลังของปีจะติดลบแบบ %YOY โดยทั้ง 2 ไตรมาสสะท้อนผลกระทบที่รุนแรงของการระบาดที่ยืดเยื้อต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยปี 2564 ยังมีปัจจัยสนับสนุนซื้อหวยออนไลน์จากภาคส่งออกและเม็ดเงินภาครัฐ โดยภาคส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่อัตราเติบโตจะชะลอลงในช่วงที่เหลือของปีจากฐานของปีก่อนหน้าที่สูงขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่มีการสะดุดตัวจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตาทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาในอาเซียน อีกทั้งปัญหาด้าน Supply chain disruption ที่อาจเกิดขึ้นจากทั้งการปิดโรงงานในประเทศ และการหยุดการผลิตในประเทศคู่ค้าที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตเดียวกัน ในส่วนของภาครัฐยังมีการเบิกจ่ายต่อเนื่องจากทั้งในงบประมาณและจากหลายมาตรการช่วยเหลือแต่มาตรการที่มียังไม่เพียงพอ ทั้งใน 1) เชิงพื้นที่ที่ช่วยเหลือรายได้นายจ้างและลูกจ้างเพียง 29 จังหวัดที่โดน lockdown ขณะที่ผลกระทบกระจายตัวไปยังทั่วประเทศ 2) เชิงระยะเวลาที่ช่วยเหลือรายได้เพียง 1-2 เดือน ขณะที่ผลกระทบลากยาวอย่างน้อย 6 เดือนตั้งแต่เดือนเมษายน และ 3) เชิงเม็ดเงินที่มีมาตรการช่วยเหลือจากการโอนเงินโดยตรงเพียง 2 แสนล้านบาท ขณะที่ EIC ประเมินผลกระทบการระบาดระลอก 3 มีมากถึง 8.5 แสนล้านบาท ดังนั้น EIC จึงคาดว่าภาครัฐจะต้องออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี โดยจะเป็นการใช้เม็ดเงินจนหมด พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และอีก 2 แสนล้านบาทจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท

สำหรับปี 2565 EIC คาดเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ที่ 3.4% จากการฟื้นตัวจากทั้งอุปสงค์ภายในและนอกประเทศ ตามความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนที่มากขึ้น โดยอัตราการฉีดวัคซีนที่มากขึ้นทั่วโลกในปีหน้าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร่งขึ้นจากปีก่อน ซึ่งทำให้การส่งออกไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ชะลอลงมาที่ 4.7% นอกจากนี้ ภาคท่องเที่ยวระหว่างประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นเป็น 6.3 ล้านคน ด้านเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวเช่นกันจากอัตราการฉีดวัคซีนที่คืบหน้า โดยในช่วงไตรมาสแรกปี 2565 อาจมีผู้ได้รับวัคซีนครบโดสถึง 70-80% ของประชากร ซึ่งส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจ สำหรับภาครัฐ แม้การใช้จ่ายบริโภคจะมีแนวโน้มหดตัวตามกรอบงบประมาณที่ลดลง แต่การลงทุนภาครัฐยังมีแนวโน้มขยายตัวจากเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจในโครงการเมกะโปรเจกต์และอัตราเบิกจ่ายปี 2564 ที่ต่ำจากมาตรการปิดแคมป์คนงานที่จะกลับมาเร่งตัวในปีหน้า นอกจากนี้ ยังคาดว่าภาครัฐจะใช้เงินที่เหลือราว 3 แสนล้านบาทจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปี 2565

"จากผลกระทบที่รุนแรงและยืดเยื้อของการระบาดระลอก 3 ทำให้เราปรับลดจีดีพีลงเล็กน้อย และยังเลื่อนระยะเวลาที่จีดีพีในการกลับไปสู่ช่วงก่อนโควิด-19 จากต้นปี 2566 มาเป็นกลางปี 2566 ซึ่งถือว่าเป็นอยู่ในระดับท้ายๆ ของภูมิภาค สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างก่อนและหลังเกิดโควิด-19 ที่มาก หรือมีความเสียหายทางเศรษฐกิจที่สูง และเท่ากับมีแผลเป็นทางเศรษฐกิจที่ลึกขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวด้วย ดังนั้น นอกจากการเยียวยาผลกระทบ-การฟื้นฟูแล้ว การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะในเศรษฐกิจยุคหลังโควิด-19 ที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านธุรกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภคไปมาก ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการของเราตามไม่ทันประเทศที่ได้ลงทุนในด้านต่างๆ เตรียมพร้อมไว้แล้ว"

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในปี 2565 แต่จะเป็นการฟื้นตัวแบบช้าๆ เนื่องจากผลของแผลเป็นเศรษฐกิจ โดยแผลเป็นในภาคธุรกิจที่การเปิดกิจการยังมีการหดตัวสูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม ยานยนต์ และอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่กิจการที่เปิดใหม่ในระยะหลังมักมีขนาดเล็กและอยู่ในสาขาที่มีการลงทุนน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบ เช่น ภาคเกษตร และร้านอาหาร การลดลงของจำนวนกิจการใหม่ในภาพรวมและลักษณะของกิจการเปิดใหม่ที่เปลี่ยนไปจะเป็นข้อจำกัดในการขยายตัวต่อการลงทุนและการจ้างงานในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ แผลเป็นยังเกิดขึ้นในตลาดแรงงาน สะท้อนจากอัตราการว่างงานช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องที่ราว 1.9% เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากในช่วงก่อนโควิด-19 ขณะที่ผู้ที่ยังมีงานทำอยู่มีรายได้เฉลี่ยลดลง จากการลดลงของจำนวนชั่วโมงการทำงานที่ทำให้รายได้โอทีและโบนัสหดตัวลงมาก อีกทั้งแรงงานยังมีการเคลื่อนย้ายไปในงานที่รายได้ต่ำลงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการย้ายไปทำงานในภาคธุรกิจที่ค่าแรงเฉลี่ยต่ำลง หรือการเปลี่ยนจากลูกจ้างเป็นประกอบอาชีพอิสระซึ่งมีรายได้ต่ำกว่า โดยสภาวะตลาดแรงงานที่ซบเซานี้จะบั่นทอนความสามารถของภาคครัวเรือนในการหารายได้และการบริหารจัดการหนี้ที่อยู่ในระดับสูงซึ่งคาดว่าน่าจะยังเป็นหนึ่งในภาระหนักของภาคครัวเรือนไทยต่อเนื่องในระยะปานกลาง

ดังนั้น ภาครัฐควรพิจารณากู้เงินเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อลดขนาด Output loss และแผลเป็นเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้กระทบศักยภาพของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยจากการคำนวณของ EIC พบว่าแม้เศรษฐกิจจะเติบโตที่ 3.4% ในปี 2565 แต่ยังต่ำกว่าระดับศักยภาพมาก จึงทำให้มี output loss ในระดับสูงและผลของแผลเป็นเศรษฐกิจที่ลึกขึ้น

โดยกว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับไปอยู่ในระดับปี 2562 จะต้องรอถึงช่วงกลางปี 2566 ทั้งนี้การปล่อยให้เศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพหรือมีแผลเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นเวลานาน จะส่งผลเสียระยะยาวต่อเศรษฐกิจไทย ผ่าน 1) จำนวนธุรกิจที่ต้องปิดกิจการมากขึ้น ทำให้การจ้างงานและการลงทุนลดลงมาก กระทบต่อศักยภาพในการเติบโตในระยะข้างหน้า 2) คนว่างงานไม่สามารถหางานได้หรืออยู่ในภาคเศรษฐกิจที่ไม่ตรงกับทักษะ ทำให้คนกลุ่มนี้สูญเสียรายได้เป็นเวลานาน ขาดการพัฒนาทักษะที่เหมาะสม และอาจกลายเป็นผู้ว่างงานระยะยาว ซึ่งจะกระทบกับผลิตภาพของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ขณะเดียวกัน วิกฤตที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มส่งผลกระทบที่รุนแรงกว่ากับแรงงานที่มีรายได้น้อยและทักษะไม่มาก รวมถึงธุรกิจ SME ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในไทยยิ่งถ่างกว้างขึ้น เสี่ยงต่อการก่อเกิดปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองและปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมา

ด้วยเหตุนี้ภาครัฐจึงควรพิจารณากู้เงินเพิ่มเติมเพื่อลดแผลเป็นทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสนับสนุนการฟื้นฟูและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะมาตรการเพิ่มทักษะแรงงาน (Upskill/Reskill) มาตรการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของธุรกิจ SME และการลงทุนเพื่ออุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับกับโครงสร้างเศรษฐกิจและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกภายหลังโควิด-19 โดยแม้การกู้เงินเพิ่มเติมจะทำให้ระดับหนี้สาธารณะปรับสูงขึ้นกว่าเพดานหนี้ที่ 60% ต่อ GDP แต่ยังอยู่ในวิสัยที่ภาครัฐจะสามารถบริหารจัดการได้ในภาวะดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องในประเทศอยู่ในระดับสูง โดยภาครัฐต้องสื่อสารถึงแผนการลดระดับหนี้ในระยะปานกลางที่น่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพการคลัง

"การกู้เพิ่มอีก 5 แสนล้านบาทแม้ว่าจะทำให้หนี้สาธารณะทะลุ 66-69% แต่หากนำมาปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการลงทุนด้านสาธารณูปโภคด้านดิจิทัลต่างๆ ซึ่งจะต้องมีความร่วมมือกันทั้ง ธปท.ในเรื่องนโยบายการเงิน ภาคเอกชนในเรื่องของการรีสกิลต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ไม่ได้ขาดแค่สินเชื่อเท่านั้น ยังต้องมีการรีสกิลให้สามารถเข้าสู่ระบบออนไลน์แพลตฟอร์มได้ รวมไปถึงการรีสกิลแรงงานด้วยจะเป็นการช่วยลดแผลเป็นทางเศรษฐกิจ และทำให้ขับเคลื่อนต่อไปในโลกหลังโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันแม้ว่ารูมของนโยบายการเงิน และนโยบายการคลังจะมีน้อยลง แต่ยังมีพอที่จะทำได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือจะต้องนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพและมีวิชัน"
#9629
ขายถูกที่ติดถนนเอเซียAH1 บ้านตาก (ตากออก) จ.ตาก ไร่ละ1.5ลบ.โทร 0837124115
#9630
ขายบ้านริมน้ำเจ้าพระยา (สรรพยา) ชัยนาท 850000 โทร 0837124115