• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - hs8jai

#6781
GfK เผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษต่ำกว่าคาดในเดือนมี.ค.

สถาบันวิจัย GfK รายงานว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอังกฤษร่วงลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษดิ่งลงสู่ระดับ -31 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563 จากระดับ -26 ในเดือนก.พ.

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -30

Ifo เผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีต่ำกว่าคาดในเดือนมี.ค.

Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีทรุดตัวลงสู่ระดับ 90.8 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 95.8 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 93.5

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ส่งผลให้ภาคธุรกิจของเยอรมนีมีความเชื่อมั่นลดลงต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

ผลสำรวจ Ifo มาจากการสำรวจบริษัทในภาคการผลิต ก่อสร้าง ค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งภาคบริการ ประมาณ 9,000 แห่งในแต่ละเดือน
#6782
สิงคโปร์เปิดรับนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนแล้วไม่ต้องกักตัวตั้งแต่ 1 เม.ย.

นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า สิงคโปร์จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการยกเลิกมาตรการเข้มงวดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและต้องการเดินทางเข้าสิงคโปร์ รวมทั้งการยกเลิกข้อกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกอาคารด้วย

กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์รายงานในวันนี้เช่นกันว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ สิงคโปร์จะอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังพิจารณาเรื่องการยกเลิกข้อกำหนดการตรวจเชื้อโควิด-19 ก่อนการเดินทางด้วยวิธีสวอป

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สิงคโปร์เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศแรก ๆ ที่เปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์การอยู่ร่วมกับโควิด-19 แต่เมื่อไม่นานมานี้ สิงคโปร์ได้ชะลอแผนการผ่อนคลายการควบคุม เนื่องจากโควิด-19 ได้กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง

ส่วนในขณะนี้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในสิงคโปร์ได้เริ่มบรรเทาลงแล้ว โดยในช่วงที่การแพร่ระบาดรุนแรงถึงขีดสุดนั้น สิงคโปร์รายงานพบผู้ติดเชื้อสูงเป็นประวัติการณ์เกือบ 26,000 รายในเดือนก.พ. แต่เมื่อวานนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันได้ลดลงมาอยู่ที่ 9,000 ราย

รายงานระบุว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในสิงคโปร์มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ และขณะนี้มีชาวสิงคโปร์ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วประมาณ 92% ของจำนวนประชากร 5.5 ล้านคนในประเทศ ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์แล้วมีประมาณ 71%
#6783
ผู้เชี่ยวชาญมองจีนมีอำนาจพอจะหยุดสงครามรัสเซีย-ยูเครน

นายฟิลิปส์ เพย์สัน โอไบรอัน ศาสตราจารย์ด้านการศึกษากลยุทธ์แห่งมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ กล่าวว่า จีนมีอำนาจมากพอที่จะต่อรองให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน

ศาสตราจารย์โอไบรอันให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า หากจีนยืนยันกับรัสเซียว่า จีนต้องการให้รัสเซียยุติสงครามครั้งนี้ รัสเซียก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพยายามหาทางประนีประนอมและยุติสงครามโดยเร็วที่สุด

"จีนมีอิทธิพลมากถึงเพียงนั้น" เขากล่าวย้ำ
แต่ถึงเช่นนั้น ดูเหมือนว่าจีนก็ไม่ต้องการทอดทิ้งชาติพันธมิตรรายสำคัญอย่างรัสเซียด้วยเช่นกัน ส่งผลให้จีนต้องเดินเกมที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนนี้อย่างระมัดระวัง

"จีนมีผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ที่ทำให้ไม่อาจทอดทิ้งรัสเซียได้ อีกทั้งยังไม่อาจทำให้รัสเซียต้องขายหน้า แต่ขณะเดียวกันจีนก็จะได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลหากเชื่อมสัมพันธ์อันดีกับชาติตะวันตก" ศาสตราจารย์โอไบรอันกล่าว

ศาสตราจารย์โอไบรอันเสริมว่า ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของจีนในรัสเซียนั้น "เล็กน้อย" เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ในกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การนาโต หรือสหภาพยุโรป
#6784
รับทำข้าวกล่อง อาหารกล่อง จ.ชุมพร
อร่อย-สะอาด-คุณภาพ-น่ารับประทาน
เสร็จตรงเวลา
#6785
สหรัฐเรียกร้อง UN เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ หลังยิงขีปนาวุธข้ามทวีป

สหรัฐเรียกร้องในวันศุกร์ (25 มี.ค.) ให้นานาชาติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ โดยกล่าวหาว่า เกาหลีเหนือได้กระทำการยั่วยุที่อันตรายเพิ่มขึ้นหลังทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป

"สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกทั้งหมดดำเนินการตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงที่มีอยู่อย่างเต็มที่" นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำ UN กล่าวระหว่างการประชุมที่จัดขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ

"เนื่องจากการยั่วยุที่เป็นอันตรายมากขึ้นของเกาหลีเหนือ สหรัฐจะแนะนำให้ปรับปรุงมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯ และเพิ่มความแข็งแกร่งของมาตรการคว่ำบาตรที่ได้บังคับใช้ในเดือนธ.ค. 2560" นางโธมัส กรีนฟิลด์กล่าว

"ในเวลานั้น คณะมนตรีฯ ลงมติว่า จะดำเนินการเพิ่มเติมในกรณีที่เกาหลีเหนือทำการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะต้องดำเนินการ" นางโธมัส-กรีนฟิลด์กล่าว

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปฮวาซอง-15 (Hwasong-15) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 มี.ค.) ซึ่งเป็นขีปนาวุธที่มีศักยภาพยิงได้ไกลถึงสหรัฐ

 
#6786
สามารถแอดไลน์ @pkgroup เพื่อสอบถามราคา หรือข้อมูลต่างๆ
#6787
ใครว่าภูมิแพ้อากาศ เป็นแล้วเป็นเลย แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้!
Balance Ucore เสริมสารสกัดสุดพรีเมี่ยมช่วยดูแลสุขภาพร่างกาย
เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และลดสารก่อภูมิแพ้ได้ในตัวเลยค่ะ
ยิ่งลอง ยิ่งประทับใจมาก! ง่ายๆ แค่วันละเม็ด ก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงได้
ใครไม่อยาก มีปัญหาน้ำมูกไหล คัดจมูก ตื่นเช้ามาแบบไม่สดชื่น แจ่มใส
เราพร้อมรีเซตสุขภาพให้คุณได้ง่ายๆ เลยจ้า
1 กล่อง 30 เม็ด ราคาพิเศษแค่ 990 บาท เท่านั้นเอง
รายละเอียดเพิ่มเติม  Balance Ucore
#6789
เศรษฐีรัสเซียรวยหุ้นรวมกัน 8.3 พันล้านดอลล์หลังตลาดเปิดเทรดวันแรก

ดัชนี Bloomberg Billionaires Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความมั่งคั่งของ 500 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกบ่งชี้ว่า นักธุรกิจที่มีอิทธิพลในรัสเซียหลายรายซึ่งรวมถึงนายวลาดิเมียร์ โปทานิน มีความร่ำรวยเพิ่มขึ้นรวมกัน 8.3 พันล้านดอลลาร์ หลังจากดัชนี MOEX ตลาดหุ้นรัสเซียพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกที่ตลาดเปิดทำการซื้อขาย หลังจากปิดทำการเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักรได้ประกาศคว่ำบาตรมหาเศรษฐีชาวรัสเซียหลายราย หลังจากรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครน ทำให้มหาเศรษฐีบางรายพากันโยกย้ายหลักทรัพย์ให้ผู้อื่นถือครองเพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร อย่างไรก็ดี มีนักธุรกิจผู้มีอิทธิพลจำนวน 10 รายที่ได้ประโยชน์จากการที่ตลาดหุ้นรัสเซียพุ่งขึ้นหลังกลับมาเปิดทำการซื้อขายอีกครั้งเมื่อวานนี้

รายงานระบุว่า นายวลาดิเมียร์ โปทานิน, นายลีโอนิด มิคเคลสัน และนายเจนนาดี ทิมเชนโก ต่างก็มีความร่ำรวยเพิ่มขึ้นกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ โดยนายทิมเชนโกได้ถูก EU, สหราชอาณาจักรและสหรัฐคว่ำบาตรแล้ว ขณะที่นายโปทานิน และนายมิคเคลสันยังไม่ถูกคว่ำบาตรในขณะนี้

ดัชนี MOEX ตลาดหุ้นรัสเซียพุ่งขึ้น 12% หลังตลาดเปิดทำการได้ไม่นานเมื่อวานนี้ โดยตลาดเปิดทำการซื้อขายหุ้นของ 33 บริษัทจากทั้งหมด 50 บริษัทในช่วงเวลา 10.00-14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นของบริษัทรายใหญ่อย่างก๊าซพรอม และสเบอร์แบงก์

ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์กันว่าตลาดหุ้นรัสเซียจะดิ่งลงอย่างหนัก หลังกลับมาเปิดการซื้อขายอีกครั้งเมื่อวานนี้ แต่ธนาคารกลางรัสเซียได้กำหนดข้อบังคับเพื่อป้องกันการทรุดตัวของตลาด โดยนักลงทุนจะไม่สามารถทำการขายชอร์ตหุ้นในตลาด และนักลงทุนต่างชาติจะไม่สามารถขายหุ้น หรือพันธบัตรรูเบิล OFZ ได้จนกว่าจะถึงวันที่ 1 เม.ย.

นอกจากนี้ รัฐบาลยังประกาศอัดฉีดเม็ดเงินจากกองทุนความมั่งคั่งของรัฐจำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพยุงตลาด แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่า รัฐบาลรัสเซียใช้เม็ดเงินจำนวนเท่าใดจากกองทุนดังกล่าว

ตลาดหุ้นรัสเซียทรุดตัวลง 50% ในวันที่ 24 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่รัสเซียเริ่มโจมตียูเครน โดยนักลงทุนพากันเทขายหุ้นด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่ธนาคารกลางรัสเซียสั่งระงับการซื้อขายหุ้นตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. ก่อนที่จะอนุญาตให้ตลาดเปิดทำการอีกครั้งเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปิดทำการซื้อขายยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นของรัสเซีย
#6792
ทริสฯ จัดอันดับเครดิตองค์กร ITEL ที่ 'BBB' แนวโน้ม 'Stable'
 
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) ที่ระดับ 'BBB' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'

ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทเกิดจากองค์ประกอบระหว่างอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile ? SACP) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ'bbb' และสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยหลัก (Core Subsidiary) ของ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) ตาม 'เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ' (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง

โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในการให้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง ตลอดจนผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และฐานรายได้ประจำของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนและความผันผวนของธุรกิจโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project) และการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมด้วยเช่นกัน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในการให้บริการสื่อสารข้อมูลผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายหลักในธุรกิจวงจรสื่อสารและการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงในประเทศไทย โดยความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทมาจากการมีโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ครอบคลุมกว้างขวาง รวมถึงคุณภาพของเครือข่ายและการให้บริการที่ดี คณะผู้บริหารและวิศวกรที่มีประสบการณ์ และการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า บริษัทติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสงซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักตลอดแนวเส้นทางรถไฟและทางหลวงทั่วประเทศไทย และให้บริการเชื่อมต่อวงจรสื่อสารคุณภาพสูงแก่ลูกค้าด้วย ซึ่งจุดแข็งดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและเข้าร่วมในโครงการโทรคมนาคมของภาครัฐที่เกี่ยวเนื่องกับสายใยแก้วนำแสงหลากหลายโครงการ
ขยายฐานรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง รายได้จากธุรกิจให้บริการโครงข่ายวงจรสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง (Data Service Business) และจากธุรกิจการให้บริการพื้นที่ศูนย์ข้อมูล (Data Center Business) ถือเป็นแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่สำคัญของบริษัท โดยรายได้จากธุรกิจทั้ง 2 ประเภทนี้คิดเป็นสัดส่วนรวม 55% ของรายได้รวมของบริษัท ทั้งนี้ รายได้ประจำของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวมาอยู่ที่ระดับ 1.4 พันล้านบาทในปี 2564 จากระดับ 600 ล้านบาทในปี 2560 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ประจำของบริษัทจะเติบโตต่อไปเนื่องจากบริษัทมีจุดแข็งที่สำคัญคือโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ครอบคลุมกว้างขวางและคุณภาพการให้บริการที่ดีซึ่งจะช่วยให้บริษัทเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้มากยิ่งขึ้นและสามารถชนะประมูลโครงการใหม่ ๆ
บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีและสามารถคงสถานะทางการแข่งขันในตลาดให้บริการผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงมาได้ ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจ Data Service ในช่วงปี 2559-2564 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ระดับประมาณ 27% การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ได้ทำให้บริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐหันมาให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีรวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการสื่อสารและขั้นตอนการทำงาน ซึ่งส่งผลให้มีอุปสงค์ในการใช้บริการสื่อสารข้อมูลเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจ Data Service ที่ระดับ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2563 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล

ในขณะที่รายได้จากธุรกิจ Data Center นั้นค่อนข้างคงที่โดยอยู่ที่ระดับ 85-95 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากลักษณะของสัญญาของลูกค้าส่วนมากที่เป็นสัญญาระยะยาว

รายได้โครงการมาจากโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ บริษัทได้ดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม (Installation Business) ขนาดใหญ่โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการให้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลรวมทั้งการติดตั้งและซ่อมบำรุงสายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่บริษัทมีมาพัฒนาต่อยอด โดยธุรกิจ Installation นั้นครอบคลุมทั้งการติดตั้งโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง การให้บริการซ่อมบำรุง และโครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology -- IT) เนื่องจากธุรกิจ Installation ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นลักษณะโครงการที่รายได้เกิดขึ้นตามความสำเร็จของโครงการ ดังนั้น รายได้จากธุรกิจนี้จึงมีความผันผวนสูงกว่ารายได้จากธุรกิจ Data Service และธุรกิจ Data Center โดยในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจ Installation อยู่ที่ระดับ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 800 ล้านบาทในปี 2563 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 44% ของรายได้รวมของบริษัท
ธุรกิจ Installation นั้นขึ้นอยู่กับโครงการภาครัฐซึ่งเกี่ยวข้องกับงบประมาณด้าน IT และการประมูลงานของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ โครงการ IT เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ หลายประการ โดยการดำเนินงานมักประสบกับปัญหาต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการก่อสร้างหรือในขั้นตอนการชำระเงินและบางครั้งก็ขาดความต่อเนื่องของงบประมาณด้าน IT ของหน่วยงานภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่ารัฐบาลไทยยังคงมีความพยายามที่จะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ของประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้ขยายงานสู่โครงการใหม่ ๆ ที่สร้างการเติบโตของรายได้ เช่น โครงการอากาศยานไร้คนขับ (Drone) และโครงการอุปกรณ์ต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (Anti Drone) รวมถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด และโครงการเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์และข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงจำนวนโครงการที่มีอยู่ในแผนและการขยายเข้าสู่โครงการใหม่ ๆ แล้ว ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับรายได้จากธุรกิจ Installation เอาไว้ได้

มูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบช่วยสนับสนุนรายได้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีสัญญางานที่อยู่ระหว่างการพัฒนาที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) มูลค่ารวมเกือบ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ประมาณ 70% เป็นงานในธุรกิจ Data Service และธุรกิจ Data Center ส่วนที่เหลือเป็นงานในธุรกิจ Installation และโครงการโทรคมนาคมอื่น ๆ โดยมูลค่างานในมือประมาณ 2 พันล้านบาทคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 และอีกประมาณ 1.5 พันล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ในระหว่างปี 2566-2568 ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าสัญญาให้บริการที่กำลังจะหมดอายุในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าจะได้รับการต่อสัญญาต่อไป นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะเข้าประมูลงานโครงการภาครัฐเพิ่มเติมซึ่งจะทำให้บริษัทมี Backlog เพิ่มมากยิ่งขึ้นและจะช่วยสนับสนุนรายได้ในอนาคต
ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 2.9-3.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567 เมื่อพิจารณาจากอุปสงค์การเข้าถึงการเชื่อมต่อข้อมูลและอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โครงการพัฒนาระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่อยู่ในแผนดำเนินการ และโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

ขยายสู่ธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อไม่นานมานี้บริษัทได้ประกาศแผนในการขยายเข้าสู่ธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ (IT Solutions) ผ่านการซื้อกิจการของ บริษัท เวทเธอเรีย อี จำกัด ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 51% ใน บริษัท บลู โซลูชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทจะจ่ายชำระการทำธุรกรรมมูลค่ารวม 153 ล้านบาทดังกล่าวด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของบริษัท
บริษัทบลู โซลูชั่น ประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ระบบ IT และให้บริการแบบครบวงจรซึ่งรวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจ โดยบริษัทมีรายได้ที่ระดับ 181 ล้านบาทในปี 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าการควบรวมกิจการในครั้งนี้จะทำให้เกิดการผสานพลังทางธุรกิจจากการประหยัดต้นทุนและการเพิ่มฐานรายได้เมื่อบริษัททำการควบรวมกิจการแล้วเสร็จและประสบความสำเร็จในการผสานธุรกิจภายหลังจากการควบรวม

มีความสามารถในการทำกำไรที่ดี การที่บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีนั้นเกิดจากการมีฐานรายได้ประจำที่เพิ่มสูงขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่รอบคอบ ทั้งนี้ เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ดังนั้น รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยทำให้อัตรากำไรปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 40%-46% ในช่วงปี 2563-2564 จากระดับ 31%-37% ในอดีต
นอกจากนี้ บริษัทยังมีอัตรากำไรที่ดีในสายธุรกิจหลักแต่ละประเภทอีกด้วย โดย EBITDA Margin ในธุรกิจ Data Service อยู่ที่ระดับ 50%-60% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ในธุรกิจ Data Center นั้นอยู่ที่ระดับ 50%-55% ส่วนธุรกิจ Installation นั้น บริษัทรักษาอัตรากำไรได้ที่ระดับประมาณ 15%-20%

ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ประจำรวมถึงความพยายามในการปรับปรุงการใช้สินทรัพย์ของบริษัทจะสามารถรองรับต้นทุนการดำเนินงานคงที่ที่อยู่ในระดับสูงได้และจะช่วยทำให้อัตรากำไรมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะบริหารจัดการต้นทุนของธุรกิจใหม่อย่างระมัดระวังโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรโดยรวม โดยในช่วงปี 2565-2567 ทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA Margin ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 35%-40% อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรจากโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จที่บริษัทได้งานเข้ามาใหม่จะอยู่ที่ระดับประมาณ 15%-20% ในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย

ภาระหนี้จะค่อย ๆ ลดลง บริษัทมีกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้และภาระหนี้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในมุมมองของทริสเรทติ้ง โดยในปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ที่ระดับ 4.6 เท่า รวมทั้งมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 16.3% และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 62%
ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าระดับภาระหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากบริษัทได้มีการติดตั้งโครงข่ายหลักครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว ดังนั้น เงินลงทุนในอนาคตของบริษัทจึงเป็นไปเพื่อการเชื่อมต่อโครงข่ายไปยังลูกค้าปลายทางเป็นหลัก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าเงินลงทุนโดยรวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วงปี 2565-2567 และเมื่อพิจารณาจากกระแสเงินสดที่เติบโตขึ้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นเงินลงทุนในบางส่วน โดยทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 1-1.2 พันล้านบาทต่อปีในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วต่อ EBITDA ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4.2 เท่าในปี 2565 และจะลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 3.5 เท่าในช่วงระหว่างปี 2566-2567 ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ในช่วง 17%-23% ในระหว่างปี 2565-2567

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ชุดใหม่คือ ITEL-W3 และได้สำรองหุ้นใหม่ไว้สำหรับการใช้สิทธิในใบสำคัญแสดงสิทธิ ดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิ ITEL-W3 จะหมดอายุในเดือนเมษายน 2566 ซึ่งหากผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิมีการใช้สิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนก็จะช่วยทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินที่ได้รับจากการใช้สิทธินี้ไปชำระหนี้ที่มีอยู่และใช้สนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท

ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินรวมทั้งสิ้นที่ระดับ 4 พันล้านบาท ซึ่งประมาณ 1.75 พันล้านบาทเป็นหนี้เงินกู้โครงการซึ่งมีการโอนสิทธิ์รับเงินไปที่เจ้าหนี้โครงการ (Project loans) และหนี้ที่มีหลักประกัน เนื่องจากบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่มีสิทธิ์ได้รับชำระก่อน (Priority Debt) ต่อหนี้ทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ระดับ 44% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50% ตามที่กำหนดไว้ใน 'เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้' ของทริสเรทติ้ง ในการนี้ ทริสเรทติ้งจึงเห็นว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่มีความเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญในการเรียกร้องค่าทดแทนจากสินทรัพย์ของบริษัท

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีแหล่งเงินทุนซึ่งประกอบไปด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 275 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2564 รวมถึงวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกเกือบ 1 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอีกประมาณ 750-800 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าจะได้รับเงินสดจำนวนประมาณ 750 ล้านบาทจากการขายสินทรัพย์ Data Center เข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust ? REIT) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 นี้อีกด้วย
บริษัทจะใช้เงินทุนสำหรับการลงทุนที่จำนวน 300-400 ล้านบาทต่อปีและจะใช้สำหรับชำระหนี้สินทางการเงินที่จะครบกำหนด โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้ระยะสั้นมูลค่า 2.25 พันล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้เงินกู้โครงการที่จะต้องชำระคืนสถาบันการเงินเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของบริษัทในการดำเนินโครงการและสถานะเครดิตของเจ้าของโครงการแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้วงเงินกู้ใหม่เพื่อทดแทนวงเงินกู้ระยะสั้นเดิมได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บริษัทยังมีหนี้ระยะยาวที่จะครบกำหนดในปี 2565 อีกจำนวนประมาณ 524 ล้านบาทอีกด้วย

ข้อกำหนดทางการเงินที่บริษัทมีกับธนาคารระบุให้บริษัทต้องคงระดับอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนไม่ให้เกิน 2.5 เท่าและอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (Debt Service Coverage Ratio ? DSCR) มากกว่า 1.2 เท่า ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 1.36 เท่าและ 1.53 เท่าตามลำดับ ในการนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขของข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวตลอดช่วงเวลาประมาณการได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

รายได้จะอยู่ในช่วง 2.9-3.2 พันล้านบาทต่อปีในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
EBITDA Margin จะอยู่ที่ระดับ 35%-37% ในระหว่างปี 2565-2567
เงินลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า
แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันและมีผลการดำเนินงานที่ดีในธุรกิจ Data Service รวมทั้งยังจะได้รับสัญญาโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจ Installation อีกทั้งยังคาดว่าผลการดำเนินงานและระดับการก่อหนี้ของบริษัทจะยังคงสอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้งอีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงาน ตลอดจนกระแสเงินสด และสถานะทางการเงินของบริษัทและกลุ่ม ILINK ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทและของกลุ่มถดถอยลงอย่างมาก ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเช่นกันในกรณีที่สถานะทางการเงินของ ILINK หรือสถานะของบริษัทที่มีต่อกลุ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ
#6793
'MFC' ชูกองทุนเปิด 'MGMVOL' ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนต่ำ ลดความเสี่ยง เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว เปิดขาย IPO 25 มี.ค. - 1 เม.ย. นี้

ปัจจุบันนักลงทุนทั่วโลกเผชิญกับสภาวะตลาดทุนที่มีความผันผวนสูงอันเกิดจากหลายปัจจัยเช่น การระบาดของโควิด-19 และการกลายพันธุ์ ปัญหาการติดขัดด้านอุปทานทั่วโลก ความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลสำคัญให้ธนาคารกลางมีนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น หรือ ปัญหาความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ รัสเซีย-ยูเครน และ สหรัฐฯ-จีน-ไต้หวัน เป็นต้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศจากการลงทุนทั่วทุกมุมโลก ได้มองเห็นโอกาสแห่งการลงทุนผ่าน กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกล. มินิมั่ม โวลาติลิตี้ หรือ MGMVOL ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนต่ำ ลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในช่วงตลาดขาลง และให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีตลาดในช่วงตลาดขาขึ้น

คุณธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เผยว่า MFC มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าดัชนีหุ้นโลกและมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้สภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตามปัจจัย จึงเห็นโอกาสการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนต่ำ (Minimum Volatility) เป็นที่มาของการจัดตั้งกองทุน MGMVOL ผ่านการลงทุนใน iShares MSCI Global Min Vol Factor ETF ซึ่งมีความน่าสนใจเพราะ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มผันผวนสูงขึ้น ซึ่งอาจไม่สามารถสร้างผลตอบแทนตามที่นักลงทุนคาดหวังได้ การลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำสามารถลดความผันผวนและเพิ่มประสิทธิภาพของพอร์ตโดยรวม นอกจากนี้หุ้นกลุ่ม Minimum Volatility มีโอกาสให้ผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานทางการเงินที่ดี มีแนวโน้มในการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคต กองทุน MGMVOL จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนระยะยาว แต่ยังมีความกังวลเรื่องความผันผวนระยะสั้น

มุมมองต่อตลาดหุ้นต่างประเทศที่สนับสนุนให้ MGMVOL ได้แก่ 1) คาดว่าตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูง โดยมีปัจจัยหลักจากอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูงไปอีก 6-12 เดือน ขณะที่ปัจจัยชั่วคราวเช่นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน จะคลี่คลายลงในที่สุด 2) คาดว่า ความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากปัจจัยขั้นต้นกดดันให้มีการปรับลดประมาณการของอัตรากำไรต่อหุ้น ของดัชนีตลาดหุ้นโลก 3) คาดว่า อัตราเติบโตของกำไรต่อหุ้นเป็นปัจจัยขับเคลื่อนผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้น ในปีนี้ 4) คาดว่า ในระยะสั้นอัตราผลตอบแทนของหุ้นในสามกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อ หรือ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ กลุ่มพลังงาน Energy กลุ่มธนาคารพาณิชย์

กลุ่มสุขภาพ และสาธารณสุข (ลงทุนเชิงป้องกัน ในช่วงเศรษฐกิจเติบโตสูงสุด) 5) คาดว่า ในระยะกลางอัตราผลตอบแทนของหุ้นในกลุ่มธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีจะสูงกว่ากลุ่มธุรกิจอื่น

กองทุน MGMVOL มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ iShares MSCI Global Min Vol Factor ETF (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม กองทุนหลัก เป็นกองทุน ETF ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2011 มุ่งให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI All Country World Minimum Volatility Index ซึ่งประกอบด้วยหุ้นทั้งในตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ เช่น VERIZON COMMUNICATIONS INC ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารชั้นนำของโลก, ROCHE HOLDING PAR AG บริษัทยาและเวชภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก, NESTLE SA ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก, WASTE MANAGEMENT INC ให้บริการด้านจัดการขยะและรีไซเคิลที่ใหญ่ที่สุดใน US หรือหุ้น NEWMONT บริษัทเหมืองแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นต้น ซึ่งหุ้นเหล่านี้มีลักษณะความผันผวนต่ำ หรือราคามีความสัมพันธ์กันน้อย เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโดยรวม ทำให้พอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกล. มินิมั่ม โวลาติลิตี้ หรือ MGMVOL เป็นกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ ประเภท Feeder Fund ไม่กำหนดอายุโครงการ เงินทุนโครงการ 2,000 ล้านบาท มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล ความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 6 จะเปิดให้จองซื้อ IPO ระหว่างวันที่ 25 มี.ค. - 1 เม.ย. 65 นี้ มีขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกเพียง 1,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง หรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน อาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร. 0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324 - 25 หรือที่ www.mfcfund .com
#6794
ราคา 1.29 ล้าน
รีโนเวทสีใหม่ พร้อมเข้าอยู่
ติดต่อ 091*192*9229

ขายด่วน ทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว พร้อมเข้าอยู่ ซอย มาบยางพร 28 ปลวกแดง ระยอง


20 ตรว 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 

ห้องครัว โรงรถ 

ราคา 1.29 ล้าน

ฟรีโอนทีกรายการ
ฟรี จดจำนอง
กู้ได้100%เงินเดือน10,000ก็กู้ได้
ผ่อนถูกกว่าเช่า

โครงการ พาโคโมน๊อค บ่อวิน-หนองก้างปลา
ซอย มาบยางพร 28 ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง

เซเว่น หน้าหมู่บ้าน
ตลาดหน้าหมู่บ้าน

ใกล้แมคโคร บ่อวิน
ใกล้โลตัส บ่อวิน
























#6795
ศูนย์วิจัยกสิกรฯ หั่น GDP ปี 65 เหลือ 2.5-2.9% จากผลกระทบวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนดันเงินเฟ้อ-ต้นทุนพุ่ง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดประมาณการทางเศรษฐกิจเนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน โดยปรับอัตราการเติบโต ทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 65 ลดลงเหลือ 2.9% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.7% และปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเพิ่มเป็น 3.8% จาก เดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.1% ภายใต้สมมุติฐานสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนสามารถเจรจาได้ข้อยุติภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ราคาน้ำมันดิบดู ไบเฉลี่ยอยู่ที่ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล และประเทศตะวันตกมีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียตลอดทั้งปี

หากสถานการณ์เลวร้ายกว่านั้น แต่การสู้รบยังจำกัดอยู่ในบางพื้นที่ของประเทศยูเครน และการเจรจายังมีความเป็นไปได้ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 105 ดอลลาร์/บาร์เรล และประเทศตะวันตกมีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียตลอดทั้งปี จีดีพีจะลดลงไปอยู่ที่ 2.5% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 4.5%

ผลกระทบที่เกิดขึ้นข้างต้น จะส่งผ่านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ท่ามกลางการที่ภาครัฐมีมาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย. 65 ส่งผลให้ในบางช่วงของปีหลังจากนั้นราคาน้ำมันดีเซลอาจจะขยับขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น

"ปีที่แล้วเราก็ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะมีความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้ออยู่แล้ว แต่ประเด็นเรื่องวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนมา เร่งให้มีผลต่อเศรษฐกิจไทยเร็วขึ้น" น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าว

เครื่องชี้ที่สำคัญ                         2564      2565 (ธ.ค.64)          2565 (มี.ค.65)
                                                         กรณีปัญหายุติ Q3/65   กรณีปัญหายืดเยื้อ
- GDP                                 1.6       3.7         2.9               2.5
- บริโภคภาคเอกชน                       0.3       3.4         2.3               1.7
- บริโภคภาครัฐ                          3.2       0.2        -0.2              -0.2
- การลงทุน                             3.4       3.8         3.0               2.8
  ภาคเอกชน                            3.2       3.2         3.0               2.8
  ภาครัฐ                               3.8       6.4         4.4               4.4
- การส่งออก (ฐานศุลกากร ในรูป USD)      17.1       4.3         3.7               3.4
- การนำเข้า  (ฐานศุลกากร ในรูป USD)     29.8       6.0         6.8               7.4
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไป                      1.2       2.1         3.8               4.5
- ราคาน้ำมันดิบดูไบ                      69.5      77.0        90.0             105.0
- จำนวนนักท่องเที่ยว                     0.43       4.0         4.0               4.0
- อัตราดอกเบี้ยนโยบาย                   0.50      0.50        0.50              0.50
น.ส.ณัฐพร กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของประเทศตะวันตกส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำมันในตลาดโลกให้หาย ไป 1.5-2 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 3 ของโลก แต่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 1 ของโลก ขณะที่กลุ่มโอเปก ยังไม่ส่งสัญญาณที่จะเพิ่มกำลังการผลิต

นอกจากนี้ยังเกิดผลกระทบต่อตลาดอาหารโลก เนื่องจากทั้งรัสเซีย-ยูเครนเป็นผู้ผลิตข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด และ น้ำมันดอกทานตะวันรายใหญ่ของโลก รวมถึงเป็นแห่งผลิตสินแร่สำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมอิเลคทรอกนิกส์ เพื่อผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ใน การผลิตรถยนต์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาคอขวดในห่วงโซ่การผลิตที่เกิดจากวิกฤตโควิด-19 เข้าไปอีก

น.ส.ณัฐพร กล่าวว่า วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนจะส่งผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยใน 3 ด้าน คือ อำนาจการใช้จ่ายของ ครัวเรือนลดลง การส่งออกลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ซึมลง และการชะลอตัวด้านการท่องเที่ยว

สำหรับนโยบายการเงินยังคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% แต่การที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สังสัญญาณที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่า 6 ครั้ง และอัตราเงินเฟ้อของไทยปรับตัวสูงขึ้นที่มีผลต่อ การเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างประเทศจะเป็นแรงกดดันต่อ กนง.ให้ต้องพิจารณาเป็นรอบๆ ไป

ด้าน น.ส.เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า วิกฤตครั้งนี้ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยมีต้นทุนการ ผลิตเพิ่มขึ้นอีก 8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น หรือขาดแคลนวัตถุดิบจนต้องชะลอการผลิต ซึ่งภาคธุร ต้องแบกรับไว้ และอาจส่งต่อการปรับราคาสินค้าหรือกำไรลดลง แต่ยังไม่ถึงกับมีปัญหาเลิกจ้าง

"ผลกระทบที่มีต่ออุตสาหกรรมแต่ละด้านมีความแตกต่างกัน ผันแปรไปตามสัดส่วนของต้นทุนและความสามารถในการปรับตัว"
น.ส.เกวลิน กล่าว
ขณะที่การท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบผ่านการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรป แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เที่ยวไทยรวมในปี 2565 อาจแตะ 4 ล้านคน แต่การใช้จ่ายจะลดลงราว 5 หมื่นล้านบาทจากกรณีที่ไม่มีสงคราม แต่แนวโน้มนักท่องเที่ยว ต่างชาติยังให้ความสนใจที่จะเดินทางมาไทย ซึ่งจะทดแทนจากตะวันออกกลางและเอเชียใต้

นอกจากนี้ภาคการบริการอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่เพียงแต่ต้นทุนที่ขยับขึ้น ค่าครองชีพที่สูงขึ้นของผู้บริโภค ยังวนกลับ มากดดันยอดขายภาคธุรกิจอีกด้วย ทำให้ในภาพรวมแล้วประเมินตัวเลขการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก และ ร้านอาหารน้อยลงจากกรณีไม่มีสงคราม

ด้าน น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า แม้การคว่ำบาตรทางการเงินของประเทศมหาอำนาจ ในโลกต่อรัสเซียจะมีผลกระทบทางตรงที่จำกัดตามปริมาณการค้าระหว่างรัสเซีย-ยูเครนกับไทย แต่จุดติดตามอยู่ที่สถานการณ์ยังไม่นิ่ง ซึ่งจะ ทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดการเงินผันผวนต่อเนื่อง และต้นทุนการระดมทุนมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากความไม่แน่นอนที่ยังอยู่และการ ขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยภายในปี 2565 จะมีตราสารหนี้ภาคเอกชนที่รอครบกำหนดอีกกว่า 7 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากคงต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติมในแง่ของวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนเพิ่มเติม ในรายที่ยังประคองคำสั่งซื้อไว้ได้ รวมถึงประเด็นปรับโครงสร้างหนี้และคุณภาพหนี้ ซึ่งรวมแล้วสินเชื่อธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ อย่างมีนัยสำคัญจากต้นทุนน้ำมันและวัตถุดิบอาหารที่เพิ่มขึ้นจะมีสัดส่วนประมาณ 4-5% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่ประเมินภาพสินเชื่อของ ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งปีนี้ที่ 4.5% ในกรณีฐาน

"ผลกระทบทางตรงกับไทยมีไม่มาก เพราะธุรกรรมการค้าระหว่างไทย-รัสเซีย-ยูเครนมีเพียง 0.6% เท่านั้น แต่จะมีผล กระทบทางอ้อมที่ตลาดการเงินมีความผันผวน และเงินเฟ้อพุ่งขึ้น" น.ส.ธัญญลักษณ์ กล่าว