• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#11191
คุณแม่ตั้งครรภ์กินปลอดสาร โภชนาการสูง ข้าวสุรินทร์ 100% ของฝาก จ.สุรินทร์
ข้าวอินทรีย์เมืองสุรินทร์ ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด   ข้าวออร์แกนิคส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ข้าวมะลินิลเพื่อสุขภาพ  คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคคือ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิกเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ขายข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิก แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22cs9b8acu9b9a7a3hub5cc1c.life/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ปลูกข้าวหอมมะลิออแกนิค
2.  กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3.  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิก
4.  ข้าวอินทรีย์ผสมหลายสายพันธุ์จังหวัดสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลเพื่อสุขภาพ7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#11192


เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ เชื่อว่าวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ อิงค์ อาจได้รับอนุมัติใช้กับเด็กอายุ 5-11 ปี ในช่วงปลายเดือนตุลาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับเรื่องนี้เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (10 ก.ย.)

แหล่งข่าวระบุว่า กรอบเวลาดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความคาดหมายว่าวัคซีนของไฟเซอร์ ที่พัฒนาร่วมกับไบออนเทค บริษัทสัญชาติเยอรมนี จะมีข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกเพียงพอสำหรับขออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน (EUA) จากสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (FDA) สำหรับกลุ่มอายุนี้ ในช่วงปลายเดือนกันยายน

ทั้งนี้ แหล่งข่าวคาดหมายว่า FDA อาจทำการตัดสินใจว่าวัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในเด็กอายุน้อยหรือไม่ ภายใน 3 สัปดาห์ หลังจากบริษัทยื่นขออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน

ความเคลื่อนไหวตัดสินใจว่าจะอนุมัติใช้วัคซีนกับเด็กอายุน้อยหรือไม่ ถูกคาดหวังไว้อย่างกระตือรือร้นจากบรรดาชาวอเมริกันหลายล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาผู้ปกครองที่ลูกๆ หลานๆ ได้เริ่มไปโรงเรียนแล้วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางระลอกการแพร่ระบาดที่มีต้นตอจากตัวกลายพันธุ์เดลตา

แหล่งข่าวคนหนึ่งระบุว่า นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ พูดถึงกรอบเวลาดังกล่าวคร่าวๆ ระหว่างการประชุมออนไลน์หนึ่งในวันศุกร์ (10 ก.ย.) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) เข้าร่วมหลายพันคน ส่วนแหล่งข่าวใกล้ชิดสถานการณ์อีกคนเสริมว่าทาง FDA คาดหมายในกรอบเวลาเดียวกันสำหรับวัคซีนของไฟเซอร์

หากไฟเซอร์ยื่นขออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินในช่วงปลายเดือนกันยายน และข้อมูลสนับสนุนการใช้ "ในช่วงนั้นเราคงเข้าสู่เดือนตุลาคม ราว 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม ผลิตภัณฑ์ของไฟเซอร์ก็น่าจะพร้อม" เฟาซีกล่าว

แหล่งข่าวระบุ เฟาซี คาดหมายว่าโมเดอร์นา อิงค์ น่าจะใช้เวลานานกว่าไฟเซอร์ราว 3 สัปดาห์ ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลในเด็กอายุ 5-11 ปี และเขาคาดมายว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับวัคซีนของโมเดอร์นาน่าจะมีขึ้นราวๆ เดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวอีกคนเสริมว่ากรอบเวลาของ เฟาซี สำหรับโมเดอร์นานั้น มีการมองในแง่ดีบนสมมติฐานว่าไม่มีประเด็นแทรกซ้อนใดๆ

เจ้าหน้าที่ของไฟเซอร์ โมเดอร์นา และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์เคยบอกว่าข้อมูลในเด็กอายุ 5-11 ปีจะพร้อมในเดือนกันยายนและมีแผนยื่นขออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินไม่นานหลังจากนั้น ส่วนบรรดาเจ้าหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบด้านสาธารณสุขรัฐบาลกลาง ในนั้นรวมถึง เฟาซี บ่งชี้ว่าการตัดสินใจของ FDA อาจมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนหรือหลังจากนั้น ขณะที่ โมเดอร์นาบอกกับนักลงทุนในวันพฤหัสบดี (9 ก.ย.) คาดหมายว่าพวกเขาจะได้ข้อมูลจากการศึกษาในเด็กในช่วงสิ้นปี

ในวันศุกร์ (10 ก.ย.) ทาง FDA ระบุว่าพวกเขาจะดำเนินการต่างๆ เพื่ออนุมัติวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กอย่างรวดเร็ว ครั้งที่บริษัททั้งหลายยื่นข้อมูลมาแล้ว พร้อมบอกว่าจะเร่งพิจารณาข้อมูลต่างๆ เพื่ออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน

นอกจากนี้แล้ว ทางไบออนเทค พันธมิตรของไฟเซอร์ ยังได้เปิดเผยกับ Der Spiegel สื่อมวลชนเยอรมนี คาดหมายว่าจะยื่นคำร้องถึงคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบทั่วโลก สำหรับใช้วัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุต่ำสุด 5 ขวบขึ้นไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และเวลานี้อยู่ระหว่างเตรียมพร้อมยื่นขออนุมัติ
#11193


แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน นักแข่งรถสูตรหนึ่งจากเนเธอร์แลนด์ส ลุ้นหยิบแชมป์ศึก อิตาเลียน กรังด์ ปรีซ์ หลังส้มหล่นคว้าตำแหน่งกริดสตาร์ทคันแรกสุด จากความผิดพลาดของรุ่นพี่ทีมตรงข้าม เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา

การควอลิฟาย อิตาเลียน กรังด์ ปรีซ์ ที่สนาม มอนซ่า ประเทศอิตาลี เป็นการแข่งขันแบบสปรินต์เรซ 18 รอบสนาม ซึ่งปรากฏว่า วอล์ตเตรี บ็อตทาส จาก เมอร์เซเดส เอเอ็มจี เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ด้วยเวลา 27 นาที 54.078 วินาที

แต่หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า บ็อตทาส เปลี่ยนหน่วยเครื่องยนต์เป็นตัวที่ 4 ระหว่างเข้าพิต ซึ่งเกินโควต้าที่กำหนด ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันปรับให้ บ็อตทาส ต้องไปสตาร์ทจากท้ายแถว ก่อนที่ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน จาก เรดบูลล์ ซึ่งได้อันดับ 2 ขึ้นมาสตาร์ทจาก โพล โพซิชั่น แทน

สำหรับศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก อิตาเลียน กรังด์ ปรีซ์ รอบชิงชนะเลิศ จะมีขึ้นวันที่ 12 กันยายนนี้ เวลา 20.10น. ของเมืองไทย
#11194
บริการรับถมที่ ถมดิน ทุกชนิด ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804
#11195
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#11196
สินค้ามือสอง ราคาถูกมาก!!!!!
#11198


เป็นการคัมแบ็กสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สวยสดงดงามดังเขียนบทไว้สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังโชว์ยิง 2 ประตูพา "ผีแดง" เปิดบ้านถลุง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 4-1 เมื่อคืนวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

เกมคู่สำคัญ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 3 มี 7 แจ้ม เปิดบ้านเจอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด อันดับ 17 มี 1 แต้ม เกมนี้สาวก "เรด เดวิลส์" มากันแน่นขนัด 74,000 ที่นั่ง เพื่อต้อนรับการกลับมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาล ที่คัมแบ็กบ้านหลังเก่าพร้อมลงตัวจริงทันที

เปิดฉาก นาที 7 นิวคาสเซิล ทักทายก่อน โจลินตัน เลี้ยงฝ่ามาทางซ้ายแล้วยิงแต่.หลุดออกหลัง ขณะที่ นาที 10 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้โอกาสโชว์ลีลาให้เจ้าบ้าน เลี้ยงสับด้านซ้ายแล้วพุ่งไปยิงยัดเสาแรกแต่เข้าข้างตาข่าย

เกมแลกกันสนุก นาที 27 โจ วิลล็อค แย่ง.จากลูกทุ่มฝั่งซ้ายแล้วพุ่งไปยิงแต่แรงเกินข้ามคาน กระทั่งทดเจ็บ นาที 46 ผีแดง ได้ประตูจากชายที่ทุกคนรอดู เฟร็ดดี วูดแมน เซฟ.จากลูกยิงของ เมสัน กรีนวูด ไม่พ้นเจอ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซ้ำตุง 1-0 และจบครึ่งแรกเลย

แต่ครึ่งหลัง นาที 55 นิวคาสเซิล เป็นตีเสมอจากลูกสวนกลับ อัลลัน แซงต์-แม็กซิแมง จับ.ทางขวาแล้วแทงให้ ฮาเวียร์ มานกีโญ่ ยิงยัดเสาไกล 1-1 ทว่านาที 61 แมนฯยู นำอีกครั้งจากคนเดิม ลุค ชอว์ แทงทะลุให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สปีดทะลุขึ้นไปสับไกคมกริบ 2-1

มาถึง นาที 80 ผีแดง ซัดเม็ดสาม พอล ป๊อกบา จ่ายออกซ้ายให้ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ตะบันเสียบเสาสวยงาม 3-1 และอีกลูกส่งท้ายจาก เจสซี ลินการ์ด นาที 92 เป็น 4-1 ทำให้ทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา เก็บ 3 แต้มเข้าบ้าน พร้อมกับการคัมแบ็กที่สวยงามของ CR7

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ดาบิด เด เคอา, แฮร์รี แม็คไกวร์, ราฟาเอล วาราน, ลุค ชอว์, อารอน วาน-บิสซาก้า, บรูโน่ เฟอร์นานเดส, เนมานย่า มาติช, พอล ป๊อกบา, เจดอน ซานโช, เมสัน กรีนวูด, คริสเตียโน่ โรนัลโด้
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด - เฟร็ดดี วูดแมน, จามาล ลาสเซลส์, ไอแซต เฮย์เดน, แมตต์ ริทชีย์, ฮาเวียร์ มานกีโญ่, ฌอน ลองสตาฟฟ์, มิเกล อัลไมรอน, โจ วิลล็อค, อัลลัน แซงต์-แม็กซิแมง, โจลินตัน
#11200
แฮนด์ สเปรย์แอลกอฮอล์การ์ด ราคาถูกกกก!!!!!
#11201


สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผยแพร่รายงานความก้าวหน้า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย (Thailand's SDGs Report 2016 -2020)

ในวาระที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมการดำเนินการขับเคลื่อนเป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal :SDGs) ของสหประชาชาติมาเป็นระยะเวลา 5 ปี และได้ดำเนินการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย SDGs ทั้ง 17 ด้านมาอย่างต่อเนื่อง

ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยในงานเสวนาออนไลน์ "ก้าวพอดี 2564 ฟื้นตัวอย่างมันคง ก้าวต่ออย่างยั่งยืน" ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 62 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อน SDGs ของประเทศไทยถดถอยลงในหลายด้าน จนกระทบต่อการบรรลุเป้าหมาย ในปี 2573 ทั้งเป้าหมายด้านการขจัดความยากจน การขจัดความหิวโหย สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การศึกษาที่มีคุณภาพ ความเท่าเทียมทางเพศ การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง

"ผลการประเมินความก้าวหน้าทั้งหมด แม้ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าตามเป้าหมายต่าง ๆ ค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็มี 9 เป้าหมายย่อยที่มีระดับการพัฒนาที่เป็นสีแดง หรือต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไม่สำเร็จ ถือเป็นสิ่งที่มีความท้าทายกับการดำเนินงานของประเทศไทยในระยะต่อไป โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด"

อ่านข่าว : 'นักเรียนยากจนพิเศษ'ทุบสถิตินิวไฮ 1.3 ล้านคน กว่า 43,060 คนไม่กลับมาเรียนต่อ

ส่องรายงาน 'SDGs'  6 อุปสรรคแก้ปัญหา 'ความยากจน' ในไทย

 


สำหรับในเป้าหมายที่ 1 ของ SDGs คือเป้าหมายในการยุติความยากจนทุกรูปแบบในทุกที่ เป็นเป้าหมายที่สำคัญโดยสหประชาชาติระบุว่าหากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายแรกไปได้ การบรรลุเป้าหมายอื่นๆก็เป็นไปได้ยาก เนื่องจากความยากจนเป็นอุปสรรคสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากส่งผลกระทบในระยะยาวต่อการพัฒนาทุนมนุษย์และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศซึ่งความยากจนไม่เพียงแต่หมายถึงความขัดสนทางด้านรายได้ในการดำรงชีพเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงวิถีชีวิตและความอยู่ดีมีสุขในทุกมิติตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์

จึงทำให้การแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นวาระการพัฒนาหลักของหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย โดยการยุติความยากจน ให้หมดสิ้นไปต้องดำเนินการให้ครอบคลุมอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในประชากรกลุ่มเปราะบาง ที่มีความท้าทายในการเข้าถึงทรัพยากรและบริการขั้นพื้นฐาน อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทางเศรษฐกิจและสังคม


ทั้งนี้ในรายงาน SDGs ล่าสุดระบุว่า ความท้าทายในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคความยากจนในเป้าหมายการยุติความยากจนทุกรูปแบบในทุกที่ของประเทศไทย สามารถแบ่งได้เป็น 6 ด้านได้แก่

1.ประชากรกลุ่มยากจนส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรและ เป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึง ระบบประกันสังคมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นในการให้บริการภาครัฐ

2.ภาครัฐยังมีข้อจำกัดในการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ควรมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทำให้เกิด และสามารถการทำงานซ้ำซ้อน ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญและเร่ง พัฒนาระบบความคุ้มครองทางสังคมให้มีความครอบคลุม และตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นโดยคำนึงถึงทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่แตกต่างกันของประชาชนแต่ละกลุ่ม

3.ปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ทำให้ความมั่งคั่งกระกอยู่ตามเมืองใหญ่หรือเมืองสำคัญ

4.การแก้ปัญหาความยากจนยังมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะเรื่องมากกว่าการแก้ไขปัญหา 'ความยากจนเชิงโครงสร้าง' ซึ่งเป็นความขาดแคลนในหลายมิติ ทั้งด้านการศึกษาที่มีคุณภาพและเท่าเทียม รวมทั้ง

5.การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรทางเศรษฐกิจ ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์กับสาธารณะและประชาชนในวงกว้าง มากกว่าจะอยู่ในกลุ่มคนไม่มากนัก

6.การสร้างสังคมที่สมดุลและเป็นธรรม ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นในการพัฒนาตนเอง และการอยู่ร่วมกันของประชาชนในสังคม

ในระยะที่ผ่านมาสถานการณ์ความยากจนของประเทศไทยปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยสามารถลดสัดส่วนคนจนลงจาก 8.61% ในปี 2559 มาอยู่ที่ 6.24% ในปี2562 และสัดส่วนคนจนหลายมิติลดลงจาก 20.3% ในปี 2558 เป็น 13.4% ในปี 2562 ซึ่งเป็นผลจาก การเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายมาตรการให้ ความช่วยเหลือจากภาครัฐแก่ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ยังพบว่าคนไทยส่วนใหญ่สามารถเข้าถึง นำบริการขั้นพื้นฐาน โดยในปี 2562 ครัวเรือนยากจนสามารถเข้าถึงไฟฟ้า 98.80 % น้ำประปา 72.30% และโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ทโฟน 56.99% อีกทั้งครัวเรือนไทย 75.3% เป็นเจ้าของบ้านและที่ดิน

อย่างไรก็ตาม ครัวเรือนยากจนยังเข้าถึงคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตได้อย่างจำกัด โดยครัวเรือนยากจนเพียง 1.60% สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตขณะที่ครัวเรือนไม่ยากจนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ 60.87% ในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติได้มีการจัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสารารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 

รวมทั้งผลักดันให้มีแผนและกิจกรรมการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในระดับท้องถิ่นและชุมชน ซึ่งในปี 2563 50% ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้จัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับประเทศ ในช่วงปี 2559 - 2561 ประเทศไทยมีผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีประชากรที่ประสบภัยพิบัติ 1,845 คน ต่อประชากร 100,000 คน ลดลงจาก 6,553 คน ต่อประชากร100,000 คน ในปี 2559 โดยภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ อุทกภัย และภัยแล้ง ตามลำดับ

ทั้งนี้ในส่วนของภาครัฐได้ดำเนินมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาความยากจน เพิ่มพูนรายได้และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับกลุ่มคนยากจนและกลุ่มเปราะบาง อาทิ การจัดสวัสดิการและให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การให้เงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษและเงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด การจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนการพัฒนา ศักยภาพและสร้างองค์ความรู้ให้แก่ประชาชนเพื่อนำไปต่อยอดสร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน เช่น การพัฒนา Smart Farmer การอบรมจัดทำแผนธุรกิจ รวมทั้ง การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน โดยเฉพาะด้านการจัดการหนี้สินและการสร้างกลไกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้อย่างเท่าเทียม รวมทั้งขจัดทำระบบป้องกันและเตือนภัยพิบัติ และเสริมสร้างศักยภาพชุมชนในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยนำหลักการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน

สำหรับข้อเสนอแนะภาครัฐควรเร่งดำเนินมาตรการแก้ปัญหาความยากจนอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการกำหนดนโยบายบนพื้นฐานของข้อมูลเชิงประจักษ์ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากระบบ TPMAP และเร่งพัฒนาฐานข้อมูลด้านความยากจนให้ครอบคลุมประชากรกลุ่มเป้าหมายและมีความสมบูรณ์ในทุกมิติ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการออกแบบนโยบายและมาตรการที่เหมาะสมตามสภาพปัญหาและควาามต้องการของประชาชรกลุ่มยากจนในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชากรกลุ่มยากจนและ กลุ่มเปราะบางรับทราบข้อมูลและสิทธิประโยชน์ที่พึงได้สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ยังควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะที่มีคุณภาพและครอบคลุม ทั้งด้านการคมนาคม ขนส่ง และสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น ตลอดจนส่งเสริม การพัฒนาอาชีพโดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทั้งนี้ ควรมีการติดตามและประเมินผลกระทบของนโยบาย และมาตรการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเป็นระบบเพื่อเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์สำหรับการพัฒนานโยบายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
#11202


เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ศาสตราจารย์ นายแพทย์วชิร คชการ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิชาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom meeting) เรื่อง "ความร่วมมือด้านการส่งเสริมและพัฒนาทักษะ Digital resilience อย่างรอบด้านสำหรับเยาวชนไทย" พร้อมด้วย ดร.ธนากร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงกระทรวงศึกษาธิการ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม แพทย์หญิงพรรพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข รองศาสตราจารย์ ดร.สสิธร เทพตระการพร คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ระวี จันทร์ส่อง คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหน่วยงานภาคประชาสังคม ได้แก่ นายโยธิน ทองพะวา ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ดร. ศรีดา ตันทะอธิพานิช กรรมการผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในการใช้สื่อออนไลน์ในเยาวชนให้สามารถปกป้องตนเองและรับมือกับวิกฤติความไม่ปลอดภัยในโลกออนไลน์ รวมไปถึงปัญหาการกลั่นแกล้งรังแกบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying)

ทั้งนี้ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.โธมัส กวาดามูซ หัวหน้าหน่วยความเป็นเลิศการวิจัยเพศภาวะ เพศวิถี และสุขภาพ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายวีระพงษ์ กังวานนวกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและขับเคลื่อนสังคม กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมลงนามเป็นสักขีพยานในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้

สำหรับการลงนามความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ จัดโดย หน่วยความเป็นเลิศการวิจัยเพศภาวะ เพศวิถี และสุขภาพ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดำเนินการ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ให้เด็กและเยาวชนไทยมีความรู้เท่าทัน และมีภูมิคุ้มกันในโลกดิจิทัล เพื่อลดผลกระทบจากปัญหา Cyberbullying โดยได้มีการศึกษาวิจัยและพบว่าการสร้างให้เยาวชนมีภูมิคุ้มกันในโลกดิจิทัลต้องมีองค์ประกอบสำคัญที่ครอบคลุมทุกระดับตั้งแต่ระดับความสามารถของบุคคล การสร้างทักษะในโลกออนไลน์และออฟไลน์ การสนับสนุนจากเพื่อน ครอบครัว โรงเรียนและชุมชน รวมไปถึงระดับสังคมและนโยบาย เนื่องจากในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในการรับมือกับความไม่ปลอดภัยในโลกออนไลน์ในเยาวชนนั้นจะต้องสร้างให้รอบด้านทั้งในระดับบุคคลและในระดับโครงสร้างไปพร้อม ๆ กัน ผลจากการวิจัยในเบื้องต้นทำให้เห็นว่า การรับมือกับความไม่ปลอดภัยในโลกออนไลน์จำเป็นต้องใช้แนวคิดหรือองค์ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น การส่งเสริมให้เยาวชนแค่มีทักษะการรู้เท่าทันสื่อเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอแล้วสำหรับโลกยุคดิจิทัลที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน ดังนั้นการมี Digital resilience จึงอาจจะเป็นหนึ่งในวิธีการใหม่ ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนเกิดการใช้สื่อออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้ต่อไปในอนาคต เพื่อให้เยาวชนสามารถโลดแล่นอยู่บนโลกดิจิทัลได้อย่างมีความสุข ทั้งในมิติด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการเปิดตัว Comprehensive online platform ที่พัฒนาขึ้นในโครงการ ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในโลกออนไลน์ และการบรรยายพิเศษโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชนในหัวข้อ "ทำอย่างไรให้เด็กไทยมีภูมิคุ้มกันในการใช้สื่อออนไลน์" โดยมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนไทยมีภูมิคุ้มกันการใช้สื่อออนไลน์อย่างรู้เท่าทันมากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้โลกออนไลน์มีความปลอดภัยสำหรับทุกคน และท่านที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรม ข่าวสาร และร่วมสนุกในเกมส์เพื่อตรวจสอบระดับภูมิคุ้มกันในโลกออนไลน์ของท่านได้ที่แฟนเพจมนุษย์โซเชียล https://www.facebook.com/socialholicsTH
#11203
 
ขายยางรถบรรทุก ดับเบิ้ลสตาร์ doublestar
ยางรถบรรทุก ขายยางรถบรรทุก ขายยางดับเบิ้ลสตาร์ ดับเบิ้ลสตาร์ doublestar ขายยางdoublestar
ยางดับเบิ้ลสตาร์ ยางรถบรรทุก ยางรถบรรทุกชลบุรี ชลบุรี  ยางรถสิบล้อ  ร้านยางรถยนต์ชลบุรี DOUBLESTAR ตัวแทนจำหน่ายยางรถบรรทุกชลบุรี มังกรเทรดดิ้ง doublestar thailand ยางรถบรรทุก ยางดับเบิ้ลสตาร์
ดับเบิ้ลสตาร์ doublestar ยางรถบรรทุกชลบุรี
ยางรถสิบล้อ

ยางรถบรรทุก  ขายยางรถบรรทุก  ขายยางดับเบิ้ลสตาร์  ดับเบิ้ลสตาร์  doublestar ขายยางdoublestar
https://www.doublestarthailand.com/