• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Cindy700

#11147
บริการรับถมดิน ทุกชนิด ทุกขนาดแปลง ราคาถูก ตรวจสอบพื้นที่ประมาณราคาฟรี 080-022-3804
#11148
คิดจะถมที่ ปลูกบ้าน หรือ สร้างโรงงาน ยินดีให้คำปรึกษา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ทิ้งงาน 080-022-3804
#11149
รับถมดิน ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804 www.mmee2000.com
#11150


เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประกาศว่าหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ควบคุมได้แล้ว เป้าหมายต่อไปของสหรัฐอเมริกาคือจะทำทุกวิถีทางที่จะอวสานโรคมะเร็งให้ได้

เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวอยู่บ้าง เพราะลูกชายของเขา บิว ไบเดน (Beau Biden) ก็เสียชีวิตลงไปด้วยโรคมะเร็งร้ายตั้งแต่อายุเพียงแค่ 46 ปี

ไบเดนตั้ง ดร. อีริค แลนเดอร์ (Eric Lander) ศาสตราจารย์ทางด้านพันธุศาสตร์และคณิตศาสตร์ จากเอ็มไอที หนึ่งในผู้บุกเบิกโครงการจีโนมมนุษย์ ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาหลักทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพื่อผลักดันนโยบายวิจัยให้ตอบโจทย์นี้ให้ได้

แม้ว่าสหรัฐจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบนิเวศน์ที่สนับสนุนการผลักดันงานวิจัยออกไปสู่ธุรกิจนวัตกรรมออกมาได้อย่างน่าประทับใจจนหลายคนมองว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาส ​แต่ทว่าในมุมมองของนักบริหาร การผลักดันงานวิจัยจากห้องทดลองสู่การใช้งานจริงนั้นยังเกิดขึ้นน้อยกว่าที่คาดหวังไปมาก ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการให้ทุนแบบระมัดระวังเกินไป จนนวัตกรรมแบบไอเดียพลิกโลกนั้นแทบจะไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นมา

ไบเดนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแนวคิดในเรื่องการให้ทุนของสำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหม (Defense Advance Research Projects Agency, DARPA) หรือที่หลายๆ คนเรียกกันติดปากว่าดาร์พา

ดาร์พาตั้งขึ้นเมื่อปี 1958 หลังจากที่สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 (sputnik1) ขึ้นไปสู่วงโคจรของโลกได้เป็นผลสำเร็จ โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงฐานะเป็นผู้นำโลกทางด้านเทคโนโลยีอยู่


เพราะระบบการให้ทุนที่ไม่เหมือนใครของดาร์พาที่เน้นโครงการเสี่ยงสูง กำไงาม​ (high risk high rewards) จึงทำให้โครงการประหลาดๆ ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมแบบสุดโต่งที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีไปอย่ามหาศาล ตั้งแต่อินเตอร์เน็ต จีพีเอส โดรน ไปจนถึงวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ

โดยปกติแล้วกลไกการให้ทุนของแหล่งทุนทั่วๆ ไปคือจะจัดตั้งทีมผู้ทรงคุณวุฒิมานั่งอ่านแบบเสนอโครงการ ถามคำถาม ให้ความเห็นว่าจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนแล้วจบ อย่างมากก็อาจจะมีกลับมาอ่านอีกรอบเพื่อประเมินความก้าวหน้ารายปีแค่นั้น แต่ดาร์พาจะมีกลไกที่ต่างออกไป โดยทางดาร์พาเองจะไปยืมเอาตัวผู้เชี่ยวชาญศักยภาพสูงนับร้อยคนมาจากมหาวิทยาลัยหรือภาคอุตสาหกรรมมาเป็นผู้จัดการโครงการส่วนใหญ่ก็ระยะเวลาสามถึงห้าปี ผู้จัดการโครงการแต่ละคนจะต้องเกาะติดเรียกว่าเเทบจะเป็นหนึ่งในทีมวิจัยเลยก็ว่าได้ ทั้งต้องช่วยประสานงาน ขจัดอุปสรรคที่อาจจะมาขัดขวางการทำงาน ​กำหนดเดดไลน์และเข้าไปติดตามความก้าวหน้าของงานอยู่ตลอดเพื่อประเมินความก้าวหน้าและความเสี่ยงว่ามีโอกาสสำเร็จมากเพียงไร และควรจะให้การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ โดยมีไกด์ไลน์ในการประเมินที่ชัดเจนที่เขียนขึ้นมาโดยอดีตผู้อำนวยการดาร์พา จอร์จ เฮลเมเออร์ เรียกว่า "ชุดคำถามของเฮลเมเออร์​ (Heilmeier Catechism)"

เนื่องจากทุนของดาร์พาส่วนใหญ่เป็นแบบเสี่ยงสูง ประเด็นสำคัญคือผู้จัดการโครงการจะต้องมีช่องให้ล้มเหลว เพราะเมื่อไรที่ทุกคนกลัวว่าโครงการจะไปไม่รอด โครงการแบบเสี่ยงสูงแต่ให้ผลพลิกโลกจะไม่มีโอกาสได้เกิด โครงการที่บางทีดูล้ำจนหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นไปได้ยาก จนแหล่งทุนทั่วไปไม่กล้าให้เงิน ก็ยังอาจจะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากดาร์พาได้

จินตนาการ คือ มีผู้บริหารโครงการที่รู้จริงและเข้าใจมาช่วยตรวจสอบและผลักดันโครงการให้เป็นไปตามที่จะเป็น โอกาสที่จะดึงเอางานวิจัยขึ้นหิ้งให้ลงมาสู่ห้างก็อาจจะเป็นไปได้ และถ้ามีผู้จัดการโครงการที่เก่งและมีวิสัยทัศน์สูงๆ รู้ว่าเทคโนโลยีนี้จะตอบโจทย์เอกชนยังไงและใครจะเป็นพาร์ทเนอร์ในเชิงธุรกิจ งานวิจัยจะไม่จบแค่องค์ความรู้พื้นฐาน แต่จะถูกผลักดันให้กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน หรือแม้แต่ออกมาสู้กับวิกฤตต่างๆ ได้

ไบเดนมีแผนจะตั้งอาร์พา-เอช (ARPA-H) เพื่องานวิจัยด้านสุขภาพ ภายใต้ร่มของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ (National Institute of Health, NIH) เพราะมีพันธกิจตรงกันคือ "เพื่อค้นหาองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติและพฤติกรรมของระบบชีวิตและการประยุกต์ใช้องค์ความรู้นั้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มอายุขัย และลดการเจ็บป่วยและพิการ" โดยในปี 2022 นี้จะมีแผนการจะสนับสนุนงบประมาณจำนวน 6.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ เกือบๆ สองแสนสองหมื่นล้านบาทเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์แบบล้ำยุค อย่างวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอต้านมะเร็ง อุปกรณ์สวมใส่(wearable) เพื่อติดตามอาการโรคเบาหวานและอัลไซเมอร์แบบเรียลไทม์ ระบบพัฒนาวัคซีนภายใน 100 วัน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็คงต้องลุ้นต่อไปว่าจะแนวคิดการบริหารจัดการโครงการวิจัยแบบนี้จะไปได้ไกลถึงฝั่งฝันอย่างทีดาร์พาเคยทำไว้ได้หรือเปล่า

"การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในช่วงสิบปีข้างหน้าจะเห็นได้ชัดเจนกว่าที่เคยพบเจอมาในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมารวมกันเสียอีก เห็นได้จากความไวในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และอีกหลายๆ เทคโนโลยี" ไบเดน กล่าว "ผมไม่เห็นการลงทุนอะไรที่จะคุ้มค่ามากไปกว่านี้ และผมก็นึกไม่ออกว่าจะมีอะไรที่ทุกฝ่ายจะเห็นชอบร่วมกันได้แบบนี้อีก และมันอยู่ในขอบข่ายที่เราจะทำได้"

นอกจากอาร์พา-เอช เพื่อสุขภาพแล้ว สหรัฐยังมีโครงการอาร์พา-อี (ARPA-E) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน และอาร์พา-ซี (ARPA-C) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มต้นได้อย่างสวยงามและดูมีอนาคตไกล แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน แล้วจะมีอุปสรรคอะไร อย่างไรบ้าง คงต้องติดตามดูต่อไป

ในเวลานี้ หลายประเทศได้ริเริ่มองค์กรให้ทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศน์งานวิจัยใหม่แนวๆ เสี่ยงสูง กำไรงามแบบเดียวกับดาร์พากันบ้างเเล้ว เช่นสำนักงานวิจัยและประดิษฐ์ขั้นสูง (Advanced Research and Invention Agency) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าเอเรีย (ARIA) ในสหราชอาณาจักร โครงการมูนช๊อต (moonshot) ของญี่ปุ่น และโครงการ SPRIN-D ของเยอรมนี

นี่อาจจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจในการผลักดันเทคโนโลยีดีปเทคให้ไปได้ไกลกว่าที่เคยทำมา การสร้างระบบนิเวศน์วิจัยและวิชาการที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการผลักดันงานวิจัยนวัตกรรมให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่อุตสาหกรรม
#11151


ตามที่มีข่าวออกมากยังมีประชาชนกลุ่มเปราะบางที่อาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลือให้ทันท่วงที่ต่อผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 เลยทำให้นึกถึงการพัฒนากำลังคนของประเทศว่า ประชาชนกลุ่มเปราะบางกลุ่มไหน จะสามารถมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศด้านกำลังคน เพราะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยังต้องการกำลังคนมาสนับสนุนโครงการต่างๆ ในเขตอีอีซี

ผู้เขียนได้มีโอกาสทำงานด้านการพัฒนากำลังคนดิจิทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในภาระกิจของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาผลิตกำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศไทยเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 และกำลังพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล จากประสบการณ์มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการพัฒนากำลังคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันอาชีวศึกษา หรือบุคลากรในหน่วยงานที่มีการ upskill reskill new skill อยู่บ่อยครั้ง แต่หากมองออกไปที่กลุ่มอื่น ที่ยังไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมการส่งเสริมและช่วยเหลือมากนัก ก็จะเป็นกลุ่มที่อยู่นอกระบบ ซึ่งถ้าหากเราสามารถนำกลุ่มนี้กลับเข้ามาในระบบได้ก็เป็นดี จะได้มาเสริมกำลังคนในการพัฒนาประเทศ

กลุ่มประชากรที่อยู่ในระบบก็จะได้รับการส่งเสริมง่ายกว่ากลุ่มที่อยู่นอกระบบ เช่น โครงการ Schools Championship หรือ โครงการ depa Maker Spaces ของ depa ซึ่งเป็นโครงการที่ปูพื้นฐานด้วยองค์ความรู้ด้านโค้ดดิ้งให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมและมัธยมศึกษา หรือกลุ่มนักศึกษาและบุคลากรที่มีการจัดอบรมต่อยอดองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก จะอยู่ในรูปแบบของ reskill upskill และ new skill

กลุ่มประชาชนเปราะบางด้านการพัฒนกำลังคนนั้น คือ กลุ่มที่อยู่นอกระบบหรือแรงงานนอกระบบ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถเข้าอยู่ในระบบได้ เช่น การขาดโอกาสเข้ารับการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือออกจากระบบการศึกษาก่อนเวลาอันควร จากรายงานของ จากรายงานของ Organization for Economic Co-operation and Development (2019) รายงานว่าถึงแม้เมื่อปี 2552 รัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรีจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย 15 ปี โดยนับจากชั้นอนุบาล ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่ก็ยังปัจจัยอื่นที่ทำให้นักเรียนต้องออกจากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน

อย่างไรก็ตามหากประชาชนกลุ่มเปราะบางด้านการพัฒนากำลังคนได้รับโอกาสในการพัฒนาในทักษะขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพ ถึงอาจจะใช้งบประมาณสูง ใช้เวลานาน และความอดทนสูงก็ตาม เพราะจะต้องมีการวางแผนรอบด้าน ตั้งแต่การวางหลักสูตรที่เร่งรัดแต่มีประสิทธิภาพ จัดหาระบบที่เอื้ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเพื่อมาอบรม จัดหาแหล่งจ้างงานที่รองรับหลักจบจากหลักสูตร แต่หากมองในระยะยาว ก็ถึงว่าคุ้มที่จะลงทุนเพราะจะมีผลกระทบเชิงบวกในหลายมิติ เช่น ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพิ่มจำนวนประชากรที่มีคุณภาพทำให้กับสังคม เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนและหมุนเวียนเนื่องจากมีจำนวนผู้บริโภคเพิ่มขึ้น และที่สำคัญจะมีการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากเรามีบุคลากรเพียงพอในการรองรับธุรกิจที่จะมาตั้งในเขตอีอีซี และลดจำนวนการจ้างแรงงานจากต่างประเทศ

ADVERTISEMENT


ดังนั้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้คลี่คลาย ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่างๆ ควรร่วมมือกันวางแผนการส่งเสริมการอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางด้านการพัฒนากำลัง ประชากรกลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่มท้ายๆ ที่หลายคนไม่ได้นึกถึง เพราะอยู่นอกระบบ ทั้งที่เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและสามารถทำงานได้ เพียงแต่ขาดโอกาสในการพัฒนาและสนับสนุน ประชากรกลุ่มนี้ก็สามารถเป็นกำลังเสริมในการขับเคลื่อนประเทศได้
#11152
น้ำมันว่านจูงนาง   ใส่ตะกรุดนะเมตตามหานิยม ให้ทุกขวด  ขวดละ 399 บาท


 หุงด้วย น้ำมันบารมีครู 108 มหามงคล (น้ำมันแช่เหล็กไหลไพลดำ น้ำมันว่านไก่แดง น้ำมันว่าน 108 น้ำมันเกราะเพชร น้ำมันจักรพรรดิ น้ำมันชาตรี มวลสารมหามงคล 108 รัตนชาติฐานรองพระธาตุพระสีวลี )  

ช่วยในเรื่องเมตตา มหาเสน่ห์และโชคลาภ

คาถากำกับ     ปาสุอุชา จิตตังภิกขิรินิเม    ท่อง  9 จบ

แล้วอธิษฐานใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ว่านจูงนางนักเลงชาย หญิง แต่โบราณ ชอบสาว ชอบหนุ่มใด มักจะเอาดอกเอาต้นว่านไปแช่น้ำมันจันทร์บ้างน้ำมันเสน่ห์ต่างๆหรือผสมกับสีผึ้งใช้ติดตัวทางปาก ทาหน้าทางมือ เพราะมีความเชื่อว่าว่านจูงนางนี้มีพลังเสน่ห์เมตตามหานิยมรุนแรง ต่อเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกัน ชักจูงได้ง่าย ทำให้อีกฝ่ายคล้อยตามง่าย เชื่อง่าย และยังกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายให้เกิดความหลงใหลได้อย่างง่ายดาย และว่านจูงนางนี้ยังสามารถช่วยให้เจรจาค้าขายกับผู้คนต่างๆอย่างได้ผลพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจมักมีติดตัวไว้ใช้กัน

 ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลย

หรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
 https://www.lazada.co.th/products/-i1162308605-s2732826682.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store 
#11153
ชื่อดีเสริมมงคล เกื้อหนุนให้ประสบความเจริญรุ่งเรืองดังใจหวัง

รับวิเคราะห์ชื่อให้ฟรี !!!!

รับตั้งชื่อ ตั้งชื่อเด็ก เปลี่ยนชื่อ หาชื่อมงคล
ใช้ทั้ง 3 ศาสตร์ คือตามหลักทักษา เลขศาสตร์ อายตนะ

ตามความเชื่อแบบไทย "ชื่อ" เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะไม่เพียงจะเป็นคำที่ใช้แทนตัวเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้คุณให้โทษแก่เราอีกด้วย ดังนั้นการ "ตั้งชื่อ" ให้แก่เด็กหรือแม้แต่เปลี่ยนชื่อให้ตัวท่านเอง ต้องทำตามตำราจึงจะเป็นมงคล

การตั้งชื่อมงคลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ตามเงื่อนไขของทุกศาสตร์ทุกตำรา เพื่อจะได้ชื่อดี ๆ สักชื่อนึงไม่ง่ายเลย ต้องมีการวิเคราะห์ชื่อแยกแยะอักขระ คำนวณวิเคราะห์ร้อยชื่อพันชื่อหากโชคดีอาจได้มาสักชื่อนึงก็เป็นได้ ได้ชื่อแล้วจะต้องดูผลคำทำนายรวมกับนามสกุลอีก ใช้แต่ละศาสตร์กลั่นกรองชื่อ แต่ละชื่อใช้เวลาในการคำนวณพอสมควร

ค่าครูในการตั้งชื่อ 299 บาท (จากปกติ 599 บาท) ท่านจะได้รับ

รับชื่อมงคล 2-3 ชื่อ มีคำอ่านและคำแปลของชื่อ
วิเคราะห์ชื่อใหม่ให้ทั้ง 3 ศาสตร์ ไม่ว่าหลักทักษา หลักเลขศาสตร์ หลักอายตนะ
ชื่อที่ได้รับจะผ่านการทำพิธีเสริมดวง เสริมมงคลให้ด้วย
ฤกษ์ในการเปลี่ยนชื่อ
พิธีกรรมที่ส่งเสริมการใช้ชื่อใหม่ ให้เกิดความเป็นสิริมงคล

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม วิเคราะห์ชื่อฟรี ตั้งชื่อ เปลี่ยนชื่อ ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/3
  
#11157


วันไหว้พระจันทร์ เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของคนจีนในทุกๆ ปี ซึ่งสำหรับในปีนี้ วันไหว้พระจันทร์ตรงกับวันที่ 21 กันยายน 2564 โดยขนมไหว้พระจันทร์ หรือ Moon Cake ได้กลายมาเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสิริมงคล และเป็นของไหว้ที่ขาดไปไม่ได้ "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" เลยได้รวบรวมขนมไหว้พระจันทร์จากแบรนด์ดังมาให้ได้ช้อปกัน โดยสามารถเลือกช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย 


ตั้งเซ่งจั้ว 

ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนหมอนทอง "ตั้งเซ่งจั้ว" สุดยอดขนมเปี๊ยบางคล้า อาณาจักรเบอร์หนึ่งแปดริ้ว จากร้านเล็กๆ ในชุมชนบางคล้า ก้าวขึ้นสู่แบรนด์ของฝากอันดับต้นๆ ประจำเมืองแปดริ้ว ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์ของทางร้านมี 2 รสชาติด้วยกัน มีทั้งไส้ทุเรียนหมอนทอง และแบบไส้ทุเรียนหมอนทองไข่เค็ม ซึ่ง 1 กล่องจะประกอบไปด้วยขนม 6 ชิ้น พร้อมแพคแยก โดยมีอายุการเก็บรักษา 1 เดือน อีกทั้งยังไม่ใส่สารกันบูดอีกด้วย


Starbucks (สตาร์บัค)

ขนมไหว้พระจันทร์ "สตาร์บัค" 2021 พร้อมเซ็ตสินค้าสุดพรีเมียม ที่พร้อมต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายรสชาติ โดยมาพร้อมกับกล่องข้าว และกระเป๋าสุดคลาสสิคถึง 2 สี ซึ่งรอบนี้ทางสตาร์บัคได้จัดความพรีเมียมให้คุณได้เป็นเจ้าของ และได้ลิ้มลองรสชาติถึง 2 เซตด้วยกัน


กอกใจเจ๋าเหล่า

ขนมไหว้พระจันทร์ "กอกใจเจ๋าเหล่า" หรือชื่อเดิมคือ "ก๊กจี่" เป็นภัตตาคารอาหารจีน และติมซำ เน้นรสชาติสูตรตำรับจากกวางตุ้งแท้ที่คนกวางตุ้งชอบ และยังเป็นผู้ผลิตขนมเปี๊ยะ โดยเฉพาะขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งทางร้านมีหลายรสชาติให้เลือกเป็นอย่างมากอย่างเช่น โหงวยิ้งหมูแฮมไข่เดี่ยว ทุเรียนหมอนทอง หรือแม้แต่ลูกบัวแมคคาดิเมียก็มี

เชียงการีลา

ภัตตาคาร "เชียงการีลา" มีเมนูพิเศษสำหรับปีนี้โดยเฉพาะกับ ขนมไหว้พระจันทร์รสส้มยูซุ - แมคคาเดเมีย ซึ่งต้องบอกเลยว่ามีจำนวนจำกัดเท่านั้น มาพร้อมกับดีไซน์สวยหรู กล่องเล็กสำหรับ 2 ชิ้น และกล่องใหญ่สำหรับ 4 ชิ้น