• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Ailie662

#10531


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ส.ค. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ และมองข้ามความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่กำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,208.51 จุด เพิ่มขึ้น 144.26 จุด หรือ +0.41% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,436.52 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,835.76 จุด ลดลง 59.36 จุด หรือ -0.40%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนได้พากันเข้าซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 469.97 จุด เพิ่มขึ้น 0.01 จุด หรือ +0.002%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,816.96 จุด เพิ่มขึ้น 35.77 จุด หรือ +0.53%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,761.45 จุด เพิ่มขึ้น 16.78 จุด หรือ +0.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด หรือ +0.035%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในอังกฤษ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด หรือ +0.035%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 68.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 7.7% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 70.70 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 6.2% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนก.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 45.8 ดอลลาร์ หรือ 2.53% ปิดที่ 1,763.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลง 2.97% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 96.6 เซนต์ หรือ 3.82% ปิดที่ 24.326 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 33.5 ดอลลาร์ หรือ 3.33% ปิดที่ 972.2 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 25 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 2,630.10 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนก.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.58% แตะที่ 92.7918 เมื่อวันศุกร์

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.20 เยน จากระดับ 109.75 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9150 ฟรังก์ จากระดับ 0.9061 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2559 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2494 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1758 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1835 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3877 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3932 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7352 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7404 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,208.51 จุด เพิ่มขึ้น 144.26 จุด, +0.41%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,436.52 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด, +0.17%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,835.76 จุด ลดลง 59.36 จุด, -0.40%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด, +0.035%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,816.96 จุด เพิ่มขึ้น 35.77 จุด, +0.53%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,761.45 จุด เพิ่มขึ้น 16.78 จุด, +0.11%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 54,277.72 ลบ 215.12 จุด, -0.39%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,203.43 จุด ลดลง 1.99 จุด, -0.03%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,489.80 จุด ลดลง 5.98 จุด, -0.40%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,539.91 จุด ลดลง 7.36 จุด, -0.11%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,177.18 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด, +0.07%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,179.40 จุด ลดลง 25.29 จุด, -0.10%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,458.23 จุด ลดลง 8.32 จุด, -0.24%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,526.28 จุด ลดลง 76.84 จุด, -0.44%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,270.36 จุด ลดลง 5.77 จุด, -0.18%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,820.04 จุด เพิ่มขึ้น 91.92 จุด, +0.33%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,538.40 จุด เพิ่มขึ้น 27.30 จุด, +0.36%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,806.50 จุด เพิ่มขึ้น 26.90 จุด, +0.35%
#10532


"โอลิมปิก" เป็นมากกว่ากีฬาของมวลมนุษยชาติ แต่เป็นเวทีประกาศศักดา ความยิ่งใหญ่การเป็น "มหาอำนาจ" ทั้งความสามารถของทัพนักกีฬาแต่ละชาติ เศรษฐกิจท้องถิ่น การตลาดที่แบรนด์ทุ่มทุนเป็นสปอนเซอร์ ซึ่งโควิดโค่นเสียหาย กลายเป็นบทเรียนให้ทุกชาติเรียนรู้

สำหรับโอลิมปิกฤดูร้อนซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ 'โตเกียว โอลิมปิก 2020'   จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ก.ค. 2564 – 8 ส.ค. 2564 ถือเป็นมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติที่ทุกคนทั้งโลกต่างรอคอย ทว่า ท่ามกลางการสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทุกอย่าง "ผิดแผน" ไปหมด โดยเฉพาะการ "เลื่อน" จัดการแข่งขันเป็นเวลา 1 ปี 

ทั้งนี้ ก่อนการจัดแข่งขันกีฬาใหญ่ทำให้ "เจ้าภาพ" ญี่ปุ่นทุ่มงบลงทุนมหาศาลหลัก "หลายแสนล้านบาท" แต่โรคระบาดกลับไม่สามารถทำให้การ "ถอนทุนคืน" ทำได้ เพราะทุกสนามที่ลงทุนก่อสร้างไปแล้ว ไม่ได้อนุญาตให้มีผู้เข้าชม นั่นหมายถึงทุกที่นั่งกลายเป็น "ศูนย์" ไม่มีโอกาสขายบัตรให้ผู้ชม แม้ปกติการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมักจะประสบปัญหา "ขาดทุน" แต่บทเรียนของโตเกียว โอลิมปิก 2020 น่าจะสาหัสสากรรจ์ สร้างการจดจำให้รัฐบาล และดินแดนซามูไรไปอีกแสนนาน 

มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ไม่ได้มีแค่เรื่องของ "กีฬา" เท่านั้น แต่ทุกการแข่งขันที่คว้าเหรียญทอง ยังสะท้อนการเป็น "มหาอำนาจ" ด้านกีฬา มีความเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตทาง "เศรษฐกิจ" ของประเทศทั้งช่วงการแข่งขัน และหลังจากแข่งขันเสร็จสิ้น จะมีนักท่องเที่ยว นักลงทุนกลับไปยังจุดหมายปลายทาง(Destination)แดนอาทิตย์อุทัยมากน้อยแค่ไหน 

ขณะที่ใดๆในโลกเกี่ยวข้องกับการตลาด(Marketing) มีผลทาง "ธุรกิจ" ของแบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ แต่ "โตเกียว โอลิมปิก 2020" ถือเป็นเหตุการณ์พิเศษ การทำตลาดจึงค่อนข้าง "กร่อย" จากหลายปัจจัย เกิดปรากฏการณ์ใดขึ้นในรายการกีฬาใหญ่สุดของโลกบ้าง กรุงเทพธุรกิจ ชวนสรุปเหตุการณ์ 


Cr. Facebook : Tokyo 2020

++Sponsorship Marketing กระเทือน

ปกติการจัดแข่งขันรายการกีฬาใหญ่ระดับโลก แบรนด์สินค้าและบริการต่างๆจะออกตัวเป็นผู้สนับสนุนหลักหรือ Sponsorship Marketing ทุ่มเงินมหาศาล เพื่อให้ตราสินค้าหรือแบรนด์ถูกฝังอยู่ในหลายๆจุด ทุกสนามที่มีการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ซึ่งเจ้าภาพจะมีการถ่ายทอดไปสู่สายตาผู้ชมทั่วโลกหลาย "พันล้านคน" 

โตเกียว โอลิมปิก 2020 แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากกว่า 60 บริษัท เทเงินเพื่อเป็นผู้สนับสนุนรวมกันเกือบ 1 แสนล้านบาท แต่เมื่อเจอกระแสการต่อต้านจากชาวญี่ปุ่น ไม่ต้องการให้มีการจัดการแข่งขัน เพราะโรคระบาดยังคงเกิดขึ้น แต่เมื่อการคัดค้านไม่เห็นผล ญี่ปุ่นต้องเดินหน้าจัดกิจกรรม แต่เพื่อลดแรงเสียดทานจากกระแสสังคม แบรนด์จึงไม่ปรากฏในสนามแข่งขัน ทำให้หมดโอกาสสร้างการรับรู้แบรนด์แก่สายตาผู้บริโภคผ่านการถ่ายทอดสด ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าสื่อ หรือ Media ที่จะได้กลับเรียกว่าสูงอย่างมาก 

นับเป็นครั้งแรกที่ไม่ปรากฏป้ายโฆษณาของแบรนด์ดังในสนาม มีเพียงป้ายของสัญลักษณ์โตเกียว 2020 เท่านั้น งานนี้จึงอดเห็นผลงานการสร้างสรรค์โฆษณาที่มักมีไอเดีย ข้อความที่เต็มไปด้วยกำลังใจ แรงบันดาลใจให้กับนักกีฬา กองเชียร์และผู้คนต่างๆ การเล่าเรื่องตัวแทนของนักกีฬาบางชาติ บางประเภทที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการมาถึงจุดสูงสุดครั้งหนึ่งในชีวิตกับการลงสนามแข่งขันระดับโลก  

++ Pictogram จารึก

"โตเกียว โอลิมปิก 2020"   

พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ถือเป็นอีกไฮไลท์ที่ทุกคนตั้งตาชม รอลุ้นว่าเจ้าภาพจะนำเสนอการแสดงพิเศษอะไรมาเรียกเสียงฮือฮาบ้าง และขึ้นชื่อว่าเป็น "ญี่ปุ่น" ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้รูปแบบการนำเสนอที่เรียบง่าย แต่การนำ Pictogram หรือแผนภูมิรูปภาพที่แสดงการแข่งขันชนิดกีฬาต่างๆ มาถ่ายทอดให้ทุกสายตาได้ชม กลับสร้างความประทับใจอย่างมาก กลายเป็นโชว์ที่ขโมยซีนและได้ใจเจ้าภาพไปแบบเต็มๆ 

Pictogram ไม่เพียงแค่จารึก "โตเกียว โอลิมปิก 2020" ให้อยู่ในใจของคนทั้งโลก แต่ในแง่การการตลาด ยังได้เห็นแบรนด์สินค้า องค์กรใหญ่ นำไปต่อยอด เพื่อสร้างสีสัน กลายเป็น Real time Marketing และ Ambush Marketing กันอย่างคึกคักไม่น้อย

สำหรับประเทศไทย เสือปืนไวอย่าง "ท็อปส์" ไม่เคยพลาดหรือยอมตกกระแสใดๆ นำสินค้าแบรนด์ต่างๆ มาปรับเปลี่ยนโลโก้เป็น Pictogram มาดึงดูด เพิ่มยอดไลก์ ยอดแชร์ เพิ่มการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย


ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ก็ไม่น้อยหน้า เพราะหยิบ Pictogram มาเล่นกับบริการ "1112 เดลิเวอรี่" ขานรับนโยบายรัฐหยุดเชื้อเพื่อชาติ อยู่บ้านต้องสั่งอาหารรับประทาน อิ่มแล้วนอน จะกินก็แค่กดซ้ำ 1112  นั่นเอง 

นอกจากแบรนด์ไทย องค์กรระดับโลกอย่าง "องค์การอนามัยโลก"(WHO) ขอแจมด้วยคน เมื่อไวรัสมฤตยูโควิด-19 ยังระบาดหนักทั่วทุกมุมโลก การกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักการดูแลสุขอนามัยจึงจำเป็น และล้างมือธรรมดาโลกไม่จำ!! ขอนำเสนอผ่าน Pictogram และประเภทกีฬาโอลิมปิก เช่น ฟันดาบสัญลักษณ์การย้ำใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างผ่านกีฬาระบำใต้น้ำ สัญลักษณ์การรักษาระยะห่าง เป็นต้น 

++ ดราม่า 'แกรนด์สปอร์ต' ลามแบรนด์

เมื่อแบรนด์ไทยทุ่มเงินเป็นผู้สนับสนุน "ชุดกีฬา" ให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยใส่ไปแข่งชิงแชมป์โอลิมปิก กีฬาที่เป็นความหวังอย่าง "แบดมินตัน" หญิงเดี่ยวจาก "น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์" ที่คว้าซักเหรียญมาให้คนไทยดีใจ กลับเป็นประเด็นอย่างมาก เมื่อแมทช์การแข่งขันหนึ่ง น้องเมย์ ที่สวมเสื้อแกรนด์สปอร์ต และต้องถกแขนเสื้อขึ้นตลอดเวลาระหว่างการแข่งขัน ทำให้คนไทยแสดงความคิดเห็นในวงกว้าง ทั้งประเด็นการออกแบบที่ "เชย" ฟิตติ้งเสื้อผ้าที่ไม่เอื้อให้นักกีฬาเคลื่อนไหวคล่องตัว ที่ส่งผลต่อสมรรถนะ ศักยภาพของนักกีฬา ฯ 

ในชั่วข้ามคืนทำให้ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ต้องยกหูหาผู้บริหารแกรนด์สปอร์ต เพื่อขอให้นักกีฬาเปลี่ยนเสื้อที่สวมใส่ ภายใต้ข้อแม้ห้ามเห็นโลโก้ของอีกแบรนด์ แต่ผู้ชม คอกีฬาก็ดูออกอยู่ดีว่าคือเสื้อของ "โยเน็กซ์"

สิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนมองว่าเป็น "สปิริต" ของทั้ง 2 แบรนด์ แต่ในเชิงธุรกิจ นี่คือการสูญเสียโอกาสสร้างแบรนด์ เสียมูลค่าสื่อที่แกรนด์สปอร์ตควรจะได้ออกอากาศ(Airtime)ให้ทุกสายตาทั่วโลกได้เห็น แบรนด์สัญชาติไทยบนหน้าอกเสื้อนักกีฬาเบอร์ต้นๆของโลก 

อย่างไรก็ตาม ทุกเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้น แกรนด์สปอร์ต ใจกว้างรับฟัง "ความต้องการ" ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย รับโจทย์ไปทำวิจัยตลาดต่อทันทีผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ แต่กรณีศึกษาที่เกิดขึ้น ไม่เพียงเป็น "การบ้าน" ให้ผู้บริหาร ทีมงานการตลาดต้องกลับไปคิดใหม่ เพื่อพัฒนาสินค้า และสร้างแบรนด์ไทยให้กระหึ่มในแคทวอล์กกีฬาโลก เพราะโตเกียว โอลิมปิก 2020 เสื้อผ้าชุดนักกีฬา ไม่ใช่แค่ตอบด้านคุณประโยชน์หรือ Functional ให้นักกีฬาที่สวมใส่ และต้องสร้างคุณค่าเชิงอารมณ์ความรู้สึกหรือ Emotional ให้นักกีฬาใส่แล้วมั่นใจ สวย รวมถึงคนดูเห็นแล้วชื่นชอบ สวย กระตุ้นการ "ซื้อ" ตามมาด้วย เพราะการตลาดสร้างแบรนด์ให้ชอบ ไม่เกิดการซื้อ ย่อมไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน(ROI)


++ AIS Play กับภารกิจพิชิตตลาด OTT

เป็นปีที่ 2 ของ "เอไอเอส" ในฐานะผู้ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งครั้งนี้จับมือพันธมิตรหลักมากมาย โดยเฉพาะ "แพลนบี" นำลิขสิทธิ์รายการกีฬาใหญ่มาให้คนไทยได้รับชม

เอไอเอส ถ่ายทอดแมทช์การแข่งขันกีฬามากมาย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือโอทีทีอย่าง "เอไอเอส เพลย์" แน่นอนว่าใครที่กลัวพลาดโอกาสชมกีฬาโปรด ต้องรีบหาซื้อซิมการ์ดมาใช้ทันที 

ทว่า ปัญหาหนึ่งที่พบในการถ่ายทอดสด คือรายการกีฬาที่แข่งขันไม่ตรงกับโปรแกรมที่วางไว้ เพราะประสบปัญหาจากต้นทางเจ้าของสิทธิ์ที่มีการปรับเปลี่ยน ดึงสัญญาณการออกอากาศ เรียกว่าตั้งแต่เริ่มการแข่งขันกระทั่งวันจบ โปรแกรมการแข่งขันและการถ่ายทอด ยังมีไม่ตรงกันบ้าง  รวมถึงสัญญาณภาพที่ไม่ลื่นไหล มีกระตุกเป็นบางครั้ง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นการบ้านให้ "เอไอเอส" ต้องปรับใช้เพื่อรองรับแผนธุรกิจในอนาคต 

สำหรับ "กีฬา" ถือเป็น Content Is King อย่างแท้จริง เพราะการรับชมแบบ "สด"  ได้อรรถรสลุ้น เชียร์ทีมโปรดว่าผลสุดท้าย ใครจะคว้าเหรียญรางวัลไปครอง 

'ไทยร่วมใจ' เปิดจอง 'ลงทะเบียนฉีดวัคซีน' เข็มแรกผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป รับสูงสุด 400 ร้อยคนต่อวัน
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังหนัก! พบติดเชื้อเพิ่ม 19,983 ราย เสียชีวิต 138 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,577 ราย
ถอนงานวิจัย 'ฟ้าทะลายโจร' ลดปอดอักเสบ เหตุหลักฐาน 'ไม่เพียงพอ'
++ "เทนนิส" ฮีโร่เหรียญทอง

แบรนด์ชิงเกาะกระแส 

"น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ" ที่คว้าเหรียญทองแรกจากกีฬาเทควันโดให้ทีมชาติไทยในการแข่งขันโตเกียว โอลิมปิก 2020 สร้างความดีใจและคืนความสุขให้คนไทยอย่างมาก 

ความร้อนแรงข้อง "น้องเทนนิส" ยังทำให้แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเป็นเสือปืนไวไม่พลาด มีส่วนร่วมยินดี และแน่นอน ย่อมส่งผลเชิงบวกต่อตราสินค้าแน่นอน หนึ่งในภาพที่เห็นตอนน้อง "เทนนิส" ขึ้นรับเหรียญทอง คือการสวมใส่รองเท้าลำลองคู่โปรดแบรนด์ "คร็อคส์"(Crocs) ขึ้นโพเดียม ท่ามกลางนักกีฬาชาติอื่นสวมใส่รองเท้ากีฬาหรือผ้าใบ 


ดังนั้น ทันทีที่กลับมาถึงไทย จึงมีตัวแทนในไทยทำรองเท้ารุ่นพิเศษไปมอบให้ถึงจังหวัดภูเก็ต โดยเฟซบุ๊กของ Thawatchai Khotpot โพสต์ข้อความว่า "สืบเนื่องจากเหรียญทอง Tokyo Olympic 2020 ของน้องเทนนิส จะมีใครสังเกตหรือเปล่าไม่ทราบ น้องชอบใส่รองเท้า Crocs ทางตัวแทนในไทยเลยทำรุ่นพิเศษไปมอบให้ถึงภูเก็ต ชอบใจจริงๆ" 

ส่วนอีกแบรนด์ที่เร็วไม่แพ้ใครยกให้ "เอไอเอส" ที่งานนี้คว้าตัว "น้องเทนนิส" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับไอเอเอส เพลย์ เพื่อสร้างการรับรู้แพลตฟอร์มต่อไป เรียกว่าจะตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เพราะจะได้ Impact พลังของฮีโร่โอลมิปิก จะช่วยสร้างผลต่อแบรนด์เชิงบวก 

++ 'ญี่ปุ่น' ย้ำเจ้าแห่งคอนเทนท์ "เอเชีย"

แม้ "โตเกียว โอลิมปิก 2020" จะเป็นหายะทางการเงิน การลงทุน สร้างบาดแผลซ้ำสถานการณ์เศรษฐกิจให้กับประเทศญี่ปุ่น แต่ท่ามกลางวิกฤติมักมี "โอกาส" ซ่อนตัวและแทรกโผล่ขึ้นมาเสมอ 

โลกยุคนี้การแข่งขันเป็น "มหาอำนาจ" มีได้หลากหลายรูปแบบ หากอำนาจทางการเมือง การทหาร เป็น "ตำรวจโลก" เช่น สหรัฐ ยุโรป ไม่ได้ ก็ต้องหาทางเป็นมหาอำนาจด้าน "เศรษฐกิจ" การค้าขาย ซึ่งแน่นอนว่าที่มาแรงหนีไม่พ้น "จีน" จนประเทศยักษ์ใหญ่ต้องมีนโยบายออกมาโดนเตะตัดขาในหลายด้าน 

แต่อีกอำนาจที่สร้างชื่อชั้นให้ประเทศเล็กมีพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจบ้าง หนีไม่พ้น Soft Power ตัวอย่างชาติเอเชียที่สร้างผลงานโดดเด่นหนีไม้พ้น "เกาหลีใต้" ที่ใช้กระแสวัฒนธรรม K-Pop เขย่าโลก!!

ทว่า ญี่ปุ่น เจ้าภาพ โอลิมปิก 2020 ได้จุดพลัง Soft Power ขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่พิธีเปิด มีการนำเพลงจากวิดีโอเกมแนว RPG ของค่ายต่างๆมาเปิดต้อนรับทัพนักกีฬาแต่ละชาติที่เดินเข้าสนาม เช่น Dragon Quest - Overture: Roto's Theme, Final Fantasy - Victory Fanfare, Monster Hunter - Proof of a Hero, Tales of Graces - Pomp and Majesty เป็นต้น 

ไม่หมดแค่นั้น เพราะในการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ยังมีเพลงจากการ์ตูนอนิเมะและมังงะชื่อดังที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาในสนามด้วย เช่น วอลเลย์.ชายญี่ปุ่นลงสนาม มีเสียงเพลงจาก Haikyuu!! พร้อมกันนี้ เพลงดังของไทย ยังได้เปิดเพลงเพลง "บัวลอย" ของคาราบาว กระหึ่มในสนามระหว่างแมทช์การแข่งขันของวอลเล่ย์.หญิง "เกาหลีใต้ VS ตุรกี" 

"ญี่ปุ่น" เป็นประเทศที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด การแข่งขันกีฬาปีนี้ ไม่เพียงเจ้าภาพที่ขออวด Soft power แต่บรรดานักกีฬา ก็ขอมีเอี่ยวกับกระแส วัฒนธรรมของเจ้าภาพ โดยเฉพาะการ์ตูน อย่างล่าสุด การแข่งขันยิมนาสติกลีลาหญิงทีมชาติ "อุซเบกิสถาน" จัดเต็มทั้งชุดและเพลงจาก "เซเลอร์มูน" จนเป็นไวรัลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกช่วงท้ายๆของการแข่งขันด้วย 


อย่างไรก็ตาม "ญี่ปุ่น" ถือเป็นมหาอำนาจด้านคอนเทนท์ของเอเชียมาอย่างยาวนาน การ์ตูนหลากหลายประเภทถูกถ่ายทอดผ่านหนังสือวางขายทั่วโลก และยังผลิตเป็นหนัง อนิเมชั่น ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ โรงภาพยนตร์ หลายเรื่องอยู่ในความทรงจำของผู้คน เมื่อเพลง ชุด ท่าทางของนักกีฬาที่แสดงออกในโอลิมปิก จึงกระตุกต่อมวัยเยาว์ ดึงความสนใจจนเป็นไวรัลนั่นเอง 

ส่วนกระแสที่เกิดขึ้น จะเพียงพอต่อการฟื้นไข้เศรษฐกิจ กอบกู้ความเสียหายของการ "ขาดทุน" จากการจัดโอลิมปิก 2020 หรือไม่ คงต้องรอให้โควิด-19 คลี่คลาย จะได้รู้ว่าสิ่งที่ทุ่มลงไปจะ "คุ้มค่า" มากน้อยเพียงใด
#10533


สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า คณะกรรมการจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก เปิดเผยในวันนี้ ว่า พบผู้ที่เกี่ยวข้องกับมหกรรมกีฬาระดับโลกติดโควิด-19 เพิ่มอีก 26 รายในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของมหกรรมโอลิมปิก ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ 430 ราย นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.

นับเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ไม่พบนักกีฬาติดเชื้อโควิด-19 โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 26 รายนั้น ประกอบด้วยผู้รับเหมา 16 ราย สื่อมวลชน 5 ราย อาสาสมัคร 3 ราย เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการแข่งขัน 1 ราย และพนักงานคณะกรรมการจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก 1 ราย โดยทั้งหมดไม่ได้พักอยู่ในหมู่บ้านักกีฬา และ 19 คนในจำนวนนี้เป็นพลเมืองญี่ปุ่น
#10538


วันที่ 8 ส.ค. หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร - หอการค้าไทย ไทยพีบีเอส - ธนบุรี เฮลท์แคร์กรุ๊ป ขอเชิญผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปมีสัญชาติไทย จองคิวลงทะเบียนฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกา (เข็มที่ 1) โดยจะเปิดลงทะเบียนผ่านทางโทรศัพท์ ในวันอาทิตย์ที่ 8 ส.ค.2564 โทร.02-790-2855 (40 คู่สาย) ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน ที่สถานฉีดวัคซีนไทยพีบีเอส ถ.วิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กทม.

ทั้งนี้ จะเริ่มฉีดระหว่างวันที่ 9 - 14 ส.ค. 64 รวม 6 วัน (วันละ 4 รอบ รอบละ 100 คน รวมทั้งสิ้น 2,400 คน)

รายละเอียดรอบการจองลงทะเบียนฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกา (เข็มที่ 1)

รอบที่ 1 เวลา 10.00 - 11.00 น.

รอบที่ 2 เวลา 11.00 - 12.00 น.

รอบที่ 3 เวลา 12.00 - 13.00 น.

รอบที่ 4 เวลา 13.00 - 14.00 น.


เงื่อนไขการจองลงทะเบียนฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกา (เข็มที่ 1)

1.ต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย

2.สงวนสิทธิ์การโทรลงทะเบียน 1 ครั้ง แจ้งชื่อได้ไม่เกิน 2 ท่าน

3.ทีมงานขอสงวนสิทธิ์ให้สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อภายหลังได้ทุกกรณี

4.ในวันที่นัดหมายให้มาก่อนเวลานัด 30 นาที เพื่อลดความแออัด
#10541


ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ หัวหน้าศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาการบริหารจัดการ วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ระบบนิเวศ (ecosystem) หมายถึง ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในแหล่งที่อยู่อาศัย ณ ที่ใดที่หนึ่ง ความสัมพันธ์มี 2 ลักษณะ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิตและระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตด้วยกันเอง โดยมีการถ่ายทอดพลังงานและสารอาหารในบริเวณนั้น ๆ สู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นความหมายที่เรารู้จักกันใน การศึกษานิเวศวิทยา (ecology) ซึ่งเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งว่าด้วยการศึกษาสิ่งมีชีวิตในแหล่งอาศัย รวมถึง การศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ความสัมพันธ์ทั้งสองลักษณะนี้ เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน และเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน ไม่สามารถอยู่ได้เพียงลำพังโดยไม่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบต่าง ๆ ความสัมพันธ์ภายในระบบนิเวศนั้น มีความสมดุลอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ยกเว้นว่าจะมีสิ่งใดมารบกวนระบบทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ขึ้น แต่ก็มีการปรับตัวมาเหมือนเดิมได้ใหม่ยกเว้นกรณีที่สิ่งที่มารบกวนนั้น ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ระบบนั้นก็จะถูกทำลายลงได้

ADVERTISING

ในปัจจุบันนี้ ในด้านธุรกิจ ก็มีการพูดถึง Ecosystems เช่นเดียวกัน นั่นก็คือระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่มีความเชื่อมโยงกันเหมือนระบบนิเวศของสัตว์ป่า ซึ่งต้องอาศัยประโยชน์ของกันและกันในการดำรงอยู่ โดยระบบนิเวศธุรกิจก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ ซึ่งระบบนิเวศเศรษฐกิจจะประกอบไปด้วย ระบบนิเวศธุรกิจ ระบบนิเวศเชิงพฤติกรรมของผู้บริโภค และระบบนิเวศของหน่วยงานรัฐที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับระบบนิเวศของธุรกิจของเราดำเนินการไปได้ด้วยดี

การทำธุรกิจในอดีตส่วนใหญ่จะดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ One-Sided Business โดยเริ่มตั้งแต่จัดการเรื่องเงินทุนด้วยตนเอง จัดหาวัตถุดิบด้วยตนเอง ตั้งโรงงานด้วยตนเอง ไปจนถึงการหาทางเข้าถึงลูกค้าด้วยตนเอง แบบนี้เรียกว่าการทำธุรกิจแบบทิศทางเดียว ในปัจจุบันหากเราต้องการที่จะแข่งขันกับธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในยามวิกฤติ เราต้องหันไปพึ่งพาพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพมากพอที่จะช่วยเราฝ่าฟันวิกฤติต่าง ๆ ไปได้ เช่น การทำธุรกิจแบบระบบนิเวศ เป็นต้น

ดังนั้น การออกแบบระบบนิเวศทางธุรกิจ จึงมีความสำคัญ เสมือนการสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยบริการ และการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า (User Experience) ที่มีกลไกกระตุ้น (Trigger) ที่ทำให้เรา ลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายต้องเกิดการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในวังวนของธุรกิจ ที่หากเราค้นไปลึกๆ ธุรกิจเหล่านั้นก็คือ เจ้าของหรือเครือเดียวกัน

ธุรกิจประเภท Ecosystem Businesses จะเกิดการได้เปรียบในการแข่งขัน ถ้าเปิดธุรกิจต้อนรับคู่ค้าหรือพาร์ทเนอร์รายอื่นที่มีศักยภาพที่ดีพอที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจของเราเติบโตขึ้นได้

Ecosystem Business แบ่งได้เป็น 2 แบบ ดังนี้ 1. Ecosystem Partnerships คือ การหาพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ตอบโจทย์การดำเนินงานของเราได้ เช่น ธุรกิจ E-Commerce มีพาร์ทเนอร์เป็นธุรกิจโลจิสติกส์ที่เอื้ออำนวยต่อการขนส่งสินค้า หรือการเป็นพาร์ทเนอร์กับบัตรเครดิต เป็นต้น และ 2. Ecosystem Corporate Sustainability คือ การสร้างทรัพยากรทางธุรกิจขึ้นมาเอง โดยให้ลูกค้าเข้ามาใช้เครือข่ายบริการที่เราสร้างขึ้นมาทั้งหมด เช่น Facebook ที่มีทั้ง live streaming, messenger, marketplace หรือ Facebook page เป็นต้น

สรุปได้ว่า หากเราต้องการทำธุรกิจให้เติบโตในอุตสาหกรรมและประหยัดต้นทุนด้านทรัพยากร การทำธุรกิจแบบ Ecosystem Businesses คืออีกหนึ่งแนวคิดในการทำธุรกิจให้เป็นทางรอดขององค์กรในยุคใหม่
#10543
ราคาดีมากกก!!!!!!!!