• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chigaru

#10111


บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ผลิตรถรวมทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ครบ 200,000 คัน หลังจากเปิดไลน์การผลิตมายาวนานกว่า 21 ปี นับเป็นยอดการผลิตที่ก้าวกระโดดขึ้นมาอย่างน่าประทับใจ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการผลิตรถครบ 100,000 คัน ในปี 2561 หรือภายในเวลาเพียงสามปีที่ผ่านมาเท่านั้น สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการอย่างต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นทั้งในและนอกประเทศ นอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยูในจังหวัดระยองยังยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อสูงสุดทั้งสำหรับพนักงานและการดำเนินการภายในพื้นที่เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของพนักงาน และสามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง

เอริค รูเก้ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า "แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีความท้าทายหลายประการ แต่เราได้เรียนรู้ที่จะปรับวิธีการทำงานในช่วงเวลาที่ห่วงโซ่อุปทานได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างเช่นนี้ ด้วยการจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่น พร้อมมาตรการอันรัดกุมเพื่อปกป้องพนักงานและพาร์ทเนอร์ของเรา หมุดหมายการผลิตครบ 200,000 คันนี้ คือสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นของเรา ที่จะส่งมอบรถที่ดีที่สุดสู่ตลาดไทยและตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค"

จากจำนวนการผลิตรถยนต์รวมทั้งหมดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กว่า 62.7% เป็นรถยนต์ที่ผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศ ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์ที่ผลิตเพื่อส่งออกสู่ภูมิภาค สำหรับรุ่นรถยนต์ที่ถูกผลิตมากที่สุดเพื่อรองรับตลาดประเทศไทย ประกอบด้วย บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 และบีเอ็มดับเบิลยู X1



นับตั้งแต่เริ่มสายการประกอบ ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยูที่ระยอง มอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด คิดเป็น 15.4% ของจำนวนการประกอบรถสะสมทั้งหมด ในขณะที่อีก 84.6% ของการผลิตเป็นรถยนต์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั้งนี้ กว่า 70.8% ของจำนวนมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดที่ผลิตโดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ ในขณะที่รุ่นมอเตอร์ไซค์ที่ถูกผลิตมากที่สุดเพื่อรองรับตลาดในประเทศคือ มอเตอร์ไซค์ในรุ่นแอดเวนเจอร์และสปอร์ต

แม้ว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะยังคงเดินหน้าเติบโตขึ้นอีกขั้น สุขภาพของพนักงานในสายการผลิตก็เป็นสิ่งที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จังหวัดระยอง ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดสำหรับพนักงานและให้การผลิตดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้จัดทำมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับพนักงานในโรงงานระยองอย่างเคร่งครัดในทุก ๆ ด้าน ซึ่งรวมถึงการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวดที่ทางเข้าโรงงานก่อนเข้าพื้นที่ โดยสามารถตรวจหาเชื้อด้วยชุด Antigen Test Kit (ATK) ได้เมื่อถูกร้องขอ การจัดหาหน้ากากอนามัย และต้องสวมหน้ากากในทุกพื้นที่ตลอดเวลา โดยต้องเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทุกเที่ยงวัน ส่วนบริเวณรับประทานอาหารมีการขยายพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อรองรับการเว้นระยะห่างทางสังคม ในขณะที่อุปกรณ์ในการรับประทานอาหารเป็นประเภทใช้ครั้งเดียวที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อ นอกจากนี้ ยังได้มีการเตรียมพร้อมด้านโรงพยาบาลพาร์ทเนอร์ ในกรณีที่ต้องมีการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR หรือจำเป็นต้องมีการรักษาอาการในลำดับถัดไป ทั้งนี้ พนักงานและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่โรงงาน ยังได้รับการฉีดวัคซีนจำนวนสองเข็มตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อปกป้องสุขภาพของพวกเขา โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มุ่งมั่นดูแลสวัสดิภาพของพนักงาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในที่ทำงานเป็นอย่างยิ่ง



บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้ แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก 

ในปี พ.ศ. 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.3 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 169,000 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2562 อยู่ที่ 7.118 พันล้านยูโร จากรายได้รวม 104.210 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 126,016 คนทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย 



บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วยสามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล 

ในปี 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 12,426 คัน โดยได้ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 11,242 ลดลง 4.3% จากปีก่อนหน้า ขณะที่มินิมียอดการส่งมอบ 1,184 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 1.7% ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดส่งมอบ 1,224 คัน แม้จะต้องประสบกับสถานการณ์โรคระบาดในปี 2563

ด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนู แฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมา นอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 17 รุ่น ได้แก่ บีเอ็ม ดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็ม ดับเบิลยู X5 และบีเอ็มดับเบิลยู X7 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็ม ดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 5 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e และบีเอ็มดับเบิลยู 745Le xDrive 
#10112


สโมสรยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะไม่สามารถใช้งานนักเตะชาวบราซิเลียนที่ถูกเรียกไปติดทีมชาติช่วงปฏิทินฟีฟ่าเดย์ที่ผ่านมา ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังจากสมาคมฟุต.บราซิล ร้องขอให้สหพันธ์ฟุต.นานาชาติ หรือฟีฟ่า แบนผู้เล่นที่ไม่ยอมกลับไปรับใช้ชาติ

8 นักเตะชาวบราซิเลียนจากศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถูกสโมสรต้นสังกัดสั่งห้ามให้กลับไปรับใช้ชาติบ้านเกิดในศึกฟุต.โลก 2022 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ เนื่องจากข้อบังคับในกฎการควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมืองผู้ดีที่ค่อนข้างเข้มงวด

จากเคสดังกล่าวสมาคมฟุต.บราซิลมองว่านักเตะที่ไม่ได้ถูกสโมสรปล่อยตัวทั้งๆที่ถูกเรียกไปติดทีมชาติทั้ง 8 คน จะต้องโดนแบนเป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-14 กันยายน ตามกฎของฟีฟ่า ซึ่งจะทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และลีดส์ ยูไนเต็ด มีอันต้องโดนผลกระทบจากเรื่องนี้

สาเหตุที่สโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่อนุญาตให้นักเตะกลับไปรับใช้ทีมชาติบราซิล เนื่องจากเมื่อลงเล่นคัด.โลกเสร็จพวกเขาจะต้องกักตัวเป็นเวลา 10 วัน เมื่อเดินทางกลับถึงอังกฤษ เพราะประเทศบราซิลเป็นพื้นที่สีแดงสำหรับการควบคุมโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล

จากการลงโทษแบนดังกล่าวจะทำให้ แมนฯ ซิตี้ ชวดใช้งาน เอแดร์ซอน นายทวารมือหนึ่ง และกาเบรียล เชซุส ผู้เล่นในแนวรุก ในเกมที่พวกเขาจะต้องยกพลไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด จะไม่สามารถใช้งาน ราฟินญ่า ในเกมที่จะเจอกับ ลิเวอร์พูล

ขณะที่ ลิเวอร์พูล จะชวดใช้งาน 3 ผู้เล่น อย่าง โรแบร์โต ฟีร์มิโน, อลิสซอน เบคเกอร์ และฟาบินโญ ในเกมที่พวกเขาจะต้องยกพลไปเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จะไม่สามารถใช้งาน เฟร็ด กองกลางตัวเก่งในเกมที่จะเปิดบ้านรับมือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สุดสัปดาห์นี้ รวมไปถึงเกมแชมเปียนส์ลีก ที่จะพบกับ ยัง บอยส์ กลางสัปดาห์

ด้าน เชลซี ก็จะไม่สามารถใช้งาน ติอาโก ซิลวา ปราการหลังจอมเก๋าในเกมที่จะต้องพบกับ แอสตัน วิลล่า สุดสัปดาห์นี้ และเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่จะต้องเจอกับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก วันที่ 14 กันยายนอีกด้วย
#10113


นางขวัญนภา ผิวนิล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ เปิดเผยว่า สำนักงานฯ ได้จัดทำโครงการประชาสัมพันธ์อาหารไทยและข้าวไทย ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ขับเคลื่อนนโยบาย "อาหารไทย อาหารโลก" โดยได้ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ (ทั้งวงการเซฟและเซเลบริตี้) และ Chef Jet Tila ในชื่อ "Thai Food at Home with Jet Tila" เพื่อกระตุ้นการบริโภคอาหารไทยและข้าวไทย ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและดิจิทัล

ทั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ Gen Z ซึ่งจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ของสหรัฐฯ ในอนาคต โดยได้ร่วมกับ Celeb Chef หนุ่มน้อย Eitan Bernath ทำแกงมัสมั่นเนื้อราดข้าว และ Thai Bruschetta จากเงาะกระป๋องและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของไทย มียอดวิวรวมกว่า 163K , กลุ่ม Gen X และ Foodies ตัวยง โดยร่วมกับ Laura Vitale YouTuber สายทำอาหาร Italian American ทำแกงเขียวหวานไก่ และ Bolognese กะเพราไก่ เพื่อประยุกต์ใช้วัตถุดิบอาหารไทยกับอาหารอิตาลี ขยายฐานการใช้สินค้าไทยแบะซอสปรุงรสของไทย ยอดวิวรวมกว่า 102K และกลุ่ม Millenials หรือ Gen Y สายรักษ์สุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกับ Nikki Reeds นักแสดงจากเรื่อง Twilight และทำธุรกิจเครื่องประดับแบบ Sustainable ผู้รักสุขภาพและทาน Vegan ทำเมนูแกงกะหรี่และผัดไทมังสวิรัติ ทานกับน้ำมะพร้าวอ่อน ยอดวิวรวมกว่า 287 K และลงโปรโมตสินค้าไทยใน IG : nikkirred ที่มีผู้ติดตาม 3.4M

นอกจากนี้ เชฟ Jet Tila ยังได้ประชาสัมพันธ์สินค้าไทยในรายการ TV ในสหรัฐฯ อย่าง KTLA Los Angeles , The Talk Good Morning America , GMA3 , Hallmark Home & Family , and The Morning Show-Canada (รายการข่าวเช้ายอดผู้ชมสูงสุดในแคนนาดา) เข้าถึงผู้ชมกว่า 9M คน

ขณะเดียวกัน ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เจาะกลุ่มผู้บริโภคชาติพันธุ์ ผ่านไมโคร อินฟลูเอนเซอร์ 3 รายได้แก่ น้องเจด้า (IG : jjayda ผู้ติดตาม 459K) เจาะกลุ่ม Asian American รุ่นใหม่ , Kinya Claiborne (IG : kinyaclaiborne ผู้ติดตาม 182K) เจาะกลุ่ม African American แนวไฮโซ และ Hee Jin Lee (IG : hugryhungryheejin ผู้ติดตาม 80K) เจาะกลุ่ม Asian American รุ่นใหม่ที่เป็นสายอาหาร โดยเน้นประชาสัมพันธ์อาหารไทย ทั้งข้าวหอมมะลิ ผลิตภัณฑ์จากข้าว น้ำมะพร้าวและผลิตภัณฑ์ ร่วมกับร้านอาหาร Thai Select 2 ร้านทั้งใน LA (Araya Thai) และ SF (Farmhouse Thai Kitchen)

"การทำประชาสัมพันธ์อาหารไทยและข้าวไทยผ่านอินฟลูเอนเซอร์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ กลุ่มต่าง ๆ รู้จักอาหารไทยและข้าวไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งดูได้จากโพสต์ทั้งหมด ได้รับความนิยมผ่านยอดไลค์เป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบัน ยอดวิวผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งของ thaitradeUSA และของอินฟลูเอนเซอร์รวมกันทั้งหมดกว่า 12 ล้านวิว และคาดว่าจะแตะ 13 ล้านวิวในไม่ช้า"นางขวัญนภากล่าว
#10115
vายโฮมออฟฟิสพร้อมอยู่ ซอยมิสทีน 21 ตรว สนใจติดต่อ 0863754112
#10116
การเงินติดขัด การงานสะดุด ธุรกิจมีปัญหา ความรักไม่สมดังใจ สุขภาพทรุดโทรม โชคลาภไม่มี ปรึกษาเราสิค่ะ


รับดูดวงผ่านไพ่ยิปซี ออราเคิล โดยใช้จิตสัมผัส และรับสอนการดูดวงผ่านศาสตร์ไพ่ยิปซี ออราเคิล
รับประกันความแม่นยำ และชัดเจนในทุกคำถาม พยากรณ์ได้ทุกเรื่อง เช่น เช็คดวงรายวัน การเงิน การงาน ธุรกิจ ความรัก เนื้อคู่ สุขภาพ โชคลาภ อีกทั้งมีแนวทางแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้ โดยใช้หลักการทางพระพุทธศาสนาสามารถดูต่อเนื่องได้วันต่อวัน ไม่ต้องรอเป็นเดือน รับพยากรณ์ทั้งทางโทรศัพท์ และพยากรณ์แบบส่วนตัว(พื้นที่ จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดใกล้เคียง)
ค่าครู 299 บาท (ปกติ 599 บาท)

สนใจติดต่อ อ.อนัตตา เทพพยากรณ์
โทร. 0914441569
Line ID : 0944824293

ข้อมูลเพิ่มเติม http://porntaywa99.lnwshop.com/p/208

#10117
 App "มีตังค์" ทำจริงจัง ก็ได้เงินจริงนะ ไม่จกตา สร้างรายได้หลักแสน หลักล้าน อย่างง่าย ๆ
App "มีตังค์" คือ ธุรกิจที่ใช่ ในยุค COVID ครองเมือง
ระบบ Content Builder System
ที่ทำทุกอย่างผ่าน Social บนมือถือเพียงเครื่องเดียว ง่าย ๆ เพียงแค่แชร์
เปลี่ยนใจสมัครกับเราตอนนี้ยังทัน


ธุรกิจ New Platform(แฟลตฟอร์มใหม่)
ที่ลงทุนด้วยเงิน 2,699 ครั้งเดียวผ่าน App เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
รับเฉพาะคนที่จริงจังพร้อมทำเท่านั้น


สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat

#10119
ลงทองเรียกจิต เป็นการเรียกจิตให้อีกฝ่ายคิดถึง

ด้วยการเสกแผ่นทองคำเปลวแท้  100 %  ด้วยคาถาเรียกจิต  เพื่อเรียกจิตบุคคลที่ต้องการมาไว้ในแผ่นทอง  จากนั้นนำแผ่นทองที่ผ่านการเสกแล้ว  ไปติดตรงตำแหน่งกึ่งกลางหน้าผาก  โดยใช้สีผึ้งเรียกจิตทาก่อน  แล้วท่องคาถาเรียกจิตจนบุคคลที่ต้องการ  คิดถึงเรามากๆ 

ค่าครู 99  บาท
สนใจติดต่อ
โทร 0846623662
lide id : teerapat999

ลาซาด้า  คลิก
https://pdp.lazada.co.th/products/i2641064456.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.7dfb4edfDYXNoK

#10121
เอาผิด "ปุ๊กลุก-นารา" หลังไลฟ์ยาสมุนไพรจีนต้านโควิด เหลียนฮัว ชิงเวิน ไม่ได้รับอนุญาต!!

วันนี้ 6 ก.ย. 2564 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ผู้นำเข้ายาเหลียนฮัว ชิงเวิน แจ้งความเอาผิด "ปุ๊กลุก ฝนทิพย์" และ "นารา เครปกะเทย" หลังขายยาสมุนไพรผิดกฎหมายผ่านทางออนไลน์ หวั่นประชาชนหลงเชื่อ และซื้อไปบริโภคจนเกิดอันตราย เนื่องจากมีการลองสั่งซื้อมาแล้ว พบว่าของนารานั้นเป็นของปลอม ส่วนของปุ๊กลุก แม้ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว แต่ว่ายังไม่มีการอนุญาตให้ขายผ่านทางออนไลน์จึงเข้าข่ายผิดกฎหมาย

ซึ่งเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา นักแสดงสาว ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์ ได้อัดคลิปวิดีโอโฆษณาผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งมียอดติดตามกว่า 2.3 ล้านคน เสนอขายยาสมุนไพรต้านโควิด-19 โดยผู้บริโภคได้ขอให้บริษัท ช่วยตรวจสอบ จึงได้ทำการสั่งซื้อยาสมุนไพร จำนวน 1 กล่อง ราคา 350 บาท ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ที่ปุ๊กลุกแจ้ง

ภายหลังตรวจสอบแล้วพบว่า ยาดังกล่าวได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตในเรื่องของการโฆษณาขายยาทางสื่อออนไลน์ เบื้องต้นเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 มาตรา 17 วรรคแรกประกอบกับมาตรา 91 ผู้ใดผลิต หรือนำเข้า หรือขาย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

และตรวจสอบปรากฏว่าเป็นยาปลอม ไม่มี อย.รับรอง ซึ่งยาดังกล่าวเป็นอันตรายต่อชีวิต เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 เกี่ยวข้องในการลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม ตามมาตรา 101 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นแค่ผู้ขายเท่านั้นมีโอกาส ได้รับโทษสูงสุดคือตามมาตรา 102 จำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 3 แสนบาท

ทั้งนี้ ทางทีมข่าวได้ติดต่อไปยัง ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ และ นารา เครปกะเทย แล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอให้ทั้งสองคน ออกมาชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองอีกครั้ง

อ่านเพิ่มเติม : https://entertainment.trueid.net/detail/r2P7OelG9jpz

Tags : นาราเครปกระเทย,สมุนไพรจีนต้านโควิด, เหลียนฮัว ชิงเวิน, ยาเหลียนฮัว ชิงเวิน ปลอม








#10122


สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยนำผู้ประกอบการไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 เดินหน้าโครงการ Made in Thailand โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสามารถผลักดันสินค้า Made in Thailand : MiT เข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้แล้วกว่า 68,000 ล้านบาท คาดสิ้นปี 64 จะมีมูลค่าการค้าทะลุ 100,000 ล้านบาท พร้อมทั้งจับมือเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป นำผู้ประกอบการในเครือข่ายขึ้นทะเบียนเพิ่ม และต่อยอดส่งออก นำร่องเจรจาการค้ากับบาห์เรน จีน อินเดีย ขยายตลาดต่างประเทศ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในภาวการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรง และการออกมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐ ทำให้กำลังซื้อภายในประเทศลดลงเป็นอย่างมาก ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่พึ่งพาตลาดภายในประเทศ ดังนั้นจึงมีเพียงตลาดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเท่านั้นที่มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ผ่านสภาวะที่ยากลำบาก

โดยแนวทางที่สำคัญในการเจาะตลาดภาครัฐของเอกชน คือ โครงการ Made in Thailand ที่ ส.อ.ท.ได้ผลักดันร่วมกับภาครัฐในการปรับกฎระเบียบเอื้อประโยชน์กับผู้ประกอบการในประเทศไทยที่เข้ามาขึ้นทะเบียนสินค้า Made in Thailand : MiT ได้มากขึ้น เพื่อซื้อหวยออนไลน์เข้าถึงเม็ดเงินการจัดจ้างภาครัฐมีมากกว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี โดยในช่วง 6 เดือน ที่ผ่านมา ส.อ.ท.ได้เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนสินค้า Made in Thailand ให้กับผู้ประกอบการแล้วกว่า 2,000 ราย โดยล่าสุดข้อมูลจากกรมบัญชีกลางพบว่ามีผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกว่าร้อยละ 52 สามารถยื่นเสนองานต่อภาครัฐได้แล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 68,000 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมสินค้าหลากหลายทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่รวมไปถึงผู้ประกอบการ SMEs



ทั้งนี้คาดว่าสิ้นปี 2564 จะมีผู้ประกอบการเข้ามาลงทะเบียนกว่า 5,000 ราย มีจำนวนสินค้ากว่า 50,000 รายการ โดยที่ผ่านมามีสินค้าที่มาขึ้นทะเบียนมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ อันดับ 1.อุปกรณ์งานก่อสร้าง อันดับ 2.ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อันดับ 3 เครื่องปรับอากาศ อันดับ 4 สินค้าและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และอันดับ 5.สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม

"จากการดำเนินโครงการ Made in Thailand ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากหน่วยราชการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมที่ผู้บริหารต่างผลักดันนโยบายร่วมกัน หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่สอบถามเพื่อสืบค้นส่วนของที่หน่วยงานมีความต้องการในฐานของ MiT เข้ามาอย่างต่อเนื่องอาทิ ท่าอากาศยาน, กรมทางหลวง, สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล,กรมที่ดิน,กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น, โรงพยาบาล และหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งต้องขอขอบคุณแทนผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก ถือว่าทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังยากลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 ให้สามารถเดินต่อไปได้"

นางพิมพ์ใจ ลี้อิสระนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและประธานสายงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงาน Made in Thailand ของสภาอุตสาหกรรมฯ กล่าวว่า นอกจากหน่วยงานภาครัฐที่เป็นคู่ค้าสำคัญที่ตอบรับสินค้า Made in Thailand เป็นอย่างดีแล้ว โอกาสทางการตลาดอื่นๆ ของสินค้า Made in Thailand ก็มีมากเช่นเดียวกัน โดย ส.อ.ท. ได้หารือร่วมกับหน่วยงานเอกชนในส่วนของการขายปลีกและขายส่ง ซึ่งในปัจจุบันได้มีพันธมิตรภาคเอกชนรายใหญ่ให้การสนับสนุน อาทิ กลุ่มเซ็นทรัลกรุ๊ป ที่กำลังผลักดันผู้ค้าในเครือข่ายมาขึ้นทะเบียน Made in Thailand โดยกลุ่มบริษัทในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เช่น ไทวัสดุ บีทูเอส และออฟฟิศเมท ได้เข้ามาเจรจาธุรกิจกับเอสเอ็มอี ที่ขึ้นทะเบียน Made in Thailand เพิ่มเติมด้วย และหลังจากนี้ ส.อ.ท.จะหารือกับภาคเอกชนรายอื่นๆให้ช่วยสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย,สมาคมค้าปลีกไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทยในภาวะที่ยากลำบาก

โดยนอกจากตลาดในประเทศแล้ว ส.อ.ท. ยังร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สร้างโอกาสทางการค้าในต่างประเทศ โดยนำร่องกลุ่ม SMEs เจรจาธุรกิจที่ตลาดบาห์เรน, ตลาดอินเดียและตลาดจีน ที่นิยมสินค้าไทยอยู่ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งหากสินค้าได้รับการรับรอง Made in Thailand ก็ยังจะสร้างความน่าเชื่อถือและมั่นใจให้กับคู่ค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรอง Made in Thailand ก็จะได้เปรียบคู่แข่งขันรายอื่นๆ โดยหลังจากนี้ ส.อ.ท. จะมีการผลักดันโอกาสทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการให้มาขึ้นทะเบียน เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

ทั้งนี้ขอเชิญชวนภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้า ภาคบริการ และเอสเอ็มอี ทั้งสมาชิก ส.อ.ท.และเครือข่ายพันธมิตรเข้าร่วมการรับรองสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยหรือ Made in Thailand : MiT เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสขยายตลาดเข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ และโอกาสการค้าในรูปแบบหน่วยงานธุรกิจกับหน่วยธุรกิจ (B2B) และโอกาสการค้ากับผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ทั้งในประเทศและต่างประเทศก่อให้เกิดรายได้ทั้งซัพพลายเชน เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศจากผลกระทบของ Covid-19 สามารถขึ้นทะเบียนสินค้า Made in Thailand ได้ที่ www.mit,or,th สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ส.อ.ท.โทร. 02-345-1109 และ 02-345-1100 หรือ Line : @mitofficial
#10124


จากการเปิดเผยของ btcmanager ระบุถึงประกาศของ Ricardo Salinas Pliego เจ้าของบริษัทโดยเขาโพสต์ทวิตว่า Grupo Elektra วางแผนที่จะรวมโซลูชันเลเยอร์สองของ Bitcoin เข้ากับเครือข่ายร้านค้า Elektra โดย ฟีเจอร์การชำระเงินใหม่ของ Grupo Elektra มีกำหนดเปิดตัวเร็วๆ นี้ซึ่งการย้ายครั้งนี้จะอำนวยความสะดวกให้กับประสบการณ์ที่ไร้ที่ติสำหรับผู้ใช้ที่ซื้อ Bitcoin ผ่าน MuunWallet ซึ่งช่วยส่งเสริมการยอมรับในเม็กซิโก

ขณะที่ข้อมูลของ Forbes ระบุว่า Salinas Pliego ซึ่งนักลงทุนรายใหญ่และเป็นผู้ให้การสนับสนุน Bitcoin โดยปัจจุบันเขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสามในเม็กซิโก โดยมีมูลค่าสุทธิประมาณ 15.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนปี 2563 มหาเศรษฐีชาวเม็กซิกันเปิดเผยว่าเขาวางแผนที่จะกระจายพอร์ตการลงทุนของเขาเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สำคัญไปยัง Bitcoin ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตตัวแรกของโลก โดยไม่นานมานี้ในเดือนมิถุนายนปี 2564 เขาก็ได้ประกาศแผนการที่จะทำให้ธนาคารของเขาคือ Banco Azteca ซึ่งเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกในเม็กซิโกที่ยอมรับ BTC

ขณะที่กลุ่มนักธุรกิจต่างๆได้แสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยผู้ก่อตั้ง Grupo Elektra ได้โน้มน้าวให้ Bitcoin เป็นผู้กระจายพอร์ตการลงทุนที่ยอดเยี่ยม และเสริมว่าเขาวางแผนที่จะ HODL เหรียญนี้ในอีกสามทศวรรษข้างหน้า เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ช่วงปี 1980 ที่ผ่านมาทำให้เขาตัดสินใจเลือกที่จะลงทุนใน Crypto

เจ้าหน้าที่เม็กซิโกเตือนไม่ให้ใช้ Crypto

ขณะที่ธนาคารกลางของเม็กซิโกได้ทำลายแผนการของ Pliego อย่างรวดเร็วเพื่อให้ลูกค้า Banco Azteca เข้าถึง Bitcoin โดยหน่วยงานด้านการเงินย้ำว่าสินทรัพย์เสมือนถูกห้ามในระบบการเงินของเม็กซิโก โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่มีอยู่ในประเภทสินทรัพย์

"สถาบันการเงินของประเทศไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการและเสนอการดำเนินการสาธารณะด้วยสินทรัพย์เสมือน เช่น Bitcoin, Ether, XRP" ธนาคารกลางเตือน

อย่างไรก็ตามประเทศในละตินอเมริกาส่วนใหญ่ยังคงต่อต้าน BTC แม้ว่าจะมีอัตราเงินเฟ้อที่สูงเนื่องจากการลดค่าเงินอย่างต่อเนื่อง

การนำเครือข่าย Lightning มาใช้กำลังเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ Lightning เป็นโปรโตคอลชั้นที่สองที่สร้างขึ้นบนบล็อคเชนของ Bitcoin ซึ่งโปรโตคอลนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างช่องทางการชำระเงินส่วนตัวโดยที่พวกเขาสามารถส่งการชำระเงินได้เกือบจะในทันที นอกจากนี้โซลูชันนี้ยังช่วยให้ทำธุรกรรมได้ราคาถูกลงในขณะที่ยังคงรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของระบบไว้

นอกจากนี้ที่ผ่านมา Lightning Network ได้รับการนำไปใช้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาโดยในเดือนมิถุนายน Jack Mallers ซีอีโอของ Strike สตาร์ทอัพที่ใช้ Lightning ได้ร่วมมือกับเอลซัลวาดอร์เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ Bitcoin เป็นเงินที่ถูกกฎหมายในประเทศนั้น ซึ่งตั้งแต่นั้นมา ความต้องการโปรโตคอลเลเยอร์ที่สองของ Bitcoin ก็เพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนรายใหม่ได้อัดฉีดเงินทุนจำนวนมหาศาลเข้าสู่การลงทุน ความจุโดยรวมของเครือข่ายเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนกรกฎาคม โดยเพิ่มมากกว่า 1,800 BTC และ 15,000 โหนดใหม่เพื่อรองรับธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น