• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Panitsupa

#3801



นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ครึ่งแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยขยายตัวมากกว่า 20% และหลายสินค้าขยายตัวสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลไม้สด โดยปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) ไทยส่งออกผลไม้สดเป็นมูลค่า 2,896.87 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 42.21 % สินค้าส่งออกหลักขยายตัวอย่างโดดเด่น ได้แก่ ทุเรียน  58.24%    ลำไย 51.43%  มะม่วง   50.09%  กล้วย  18.59%  สัปปะรด  98.85%  ผลไม้จำพวกส้ม   374.75%  ลิ้นจี่  32.35%  ซึ่งตลาดส่งออกหลักยังคงเป็นตลาดจีน มีสัดส่วนกว่า  83 %ของการส่งออกผลไม้สดทั้งหมดของไทย นอกจากนี้ ยังมีตลาดอื่นๆ ที่ขยายตัวเช่นกัน อาทิ ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย และเกาหลีใต้ เป็นต้น

การส่งออกผลไม้สดไปยังตลาดหลักสำคัญที่สุดอย่างจีน มีมูลค่า 6 เดือนแรกอยู่ที่ 2,425.52 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 71.11% ผลไม้สำคัญที่ไทยส่งออกไปจีน ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด ซึ่งมีการส่งออกไปยังหลายมณฑล โดยมณฑลที่นำเข้าผลไม้สดจากไทยมากที่สุด คือ มณฑลกวางตุ้ง มูลค่า 867.56 ล้านดอลลาร์ รองลงมาเป็นเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มูลค่า 743.01 ล้านดอลลาร์  และมหานครฉงชิ่ง มูลค่า 485.79 ล้านดอลลาร์  นอกเหนือจาก 3 มณฑลที่กล่าวมา ยังมีมลฑลสำคัญที่นำเข้าผลไม้จากไทยเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยูนนาน เจ้อเจียง หูหนาน มหานครเซี่ยงไฮ้ และซานตง เป็นต้น

นายภูสิต กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีทองของการส่งออกผลไม้ไทย แม้จะยังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่การส่งออกผลไม้ของไทยยังขยายตัวได้อย่างโดดเด่นไม่แพ้สินค้าส่งออกสำคัญอื่นๆ เนื่องจากนโยบายการทำงานเชิงรุกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ในฐานะเซลส์แมนของประเทศ ทำงานร่วมกับพาณิชย์จังหวัดในฐานะเซลส์ของแมนจังหวัด จับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้นำเข้าจากต่างประเทศกับผู้ประกอบการสินค้าผลไม้ไทย ทั้งรูปแบบออนไลน์และไฮบริด การจับมือกับศูนย์การค้าและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำของต่างประเทศ เพื่อร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดให้แก่ผลไม้ไทย เช่น จัดงาน Thai Fruit Golden Months เพิ่มยอดขายในประเทศจีนได้กว่า  20%  การจัดงานเปิดตัวและจำหน่ายมะม่วงมหาชนกเป็นครั้งแรกในเกาหลีใต้


ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับศูนย์การค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต AEON, Donki, Itoyokado Store และ Beisia จำนวน 150 สาขา ในเมืองรองที่มีศักยภาพ และตลาดฮ่องกง ทูตพาณิชย์ฮ่องกงได้ติดต่อกับผู้นำเข้ารายใหญ่ของฮ่องกง จัดเจรจาธุรกิจสินค้ามะม่วงน้ำดอกไม้ผ่านระบบออนไลน์ และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ให้สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์จากไร่สวนของตนมายังผู้นำเข้าผลไม้ฮ่องกงได้โดยตรง ช่วยลดต้นทุนและทำให้เกษตรกรได้เรียนรู้ขั้นตอนและเอกสารที่ต้องใช้ในการส่งออก เพื่อต่อยอดการส่งออกสินค้าเกษตรอื่นๆ ต่อไปในอนาคต 


นายภูสิต กล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ได้เป็นประธานการประชุมผ่านระบบ VDO Conference เพื่อแก้ไขปัญหาการขนส่งผลไม้ โดยเฉพาะมังคุด โดยมีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้ส่งออกผลไม้ ล้งผลไม้ ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรประจำประเทศจีน เนื่องจากขณะนี้ การส่งออกผลไม้ของไทยเผชิญปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณด่านชายแดนเข้าสู่ประเทศจีน ณ ด่านโหย่วอี้กวน ซึ่งทูตพาณิชย์ และทูตเกษตรได้เจรจากับทางการจีน ขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยแล้ว รวมทั้งขอให้จีนขยายเวลาเปิดด่านให้นานขึ้น ขณะเดียวกัน ได้มีการเจรจากับเวียดนามให้ช่วยอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางหล่างเซิน ผ่านด่านหม่องก๋าย จังหวัดกว่างนิงห์ เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวของเวียดนาม เป็นเส้นทางผ่านแดนของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยเข้าสู่จีน

โดยกระทรวงพาณิชย์ได้แนะนำให้ผู้ส่งออกกระจายไปใช้ด่านตงซิน และด่านรถไฟผิงเสียง เพื่อลดความแออัดและลดปัญหาที่ผลไม้อาจจะเน่าเสียระหว่างการขนส่ง โดยเจ้าหน้าที่ด่านตงซิง และด่านรถไฟผิงเสียง พร้อมอำนวยความสะดวกให้รถบรรทุกไทยให้สามารถขนส่งได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว กระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์และปัญหาการส่งออกอย่างใกล้ชิด

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952120
#3802



วันที่ 1 ส.ค. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และสมุยพลัสโมเดลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่า โครงการดังกล่าวยังคงเดินหน้าต่อ แม้ว่าจะมีตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในจังหวัดภูเก็ต เพิ่มขึ้น แต่พบว่า ส่วนใหญ่มาจากคนในพื้นที่ แคมป์ก่อสร้าง หรือผู้ที่เดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาตามโครงการนี้ เพราะจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้น อยู่ที่ประมาณ 13,281 คน พบว่า ติดเชื้อใหม่เพียง 1 คน ส่วนผู้ติดเชื้อชาวต่างชาติสะสม มีจำนวน 30 คน และตรวจพบเชื้อตั้งแต่วันแรกที่เดินทางเข้ามา และถูกส่งเข้ารับการรักษาแล้ว อย่างไรก็ตาม จังหวัดภูเก็ตได้ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ควบคุมการเดินทาง เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 - 16 ส.ค. 2564 ยกเว้นบางกรณีที่สามารถเข้าพื้นของจังหวัดได้ เช่น รถฉุกเฉินทางการแพทย์ ขนส่งยา เวชภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง ขนส่งเงินของธนาคาร หรือผู้ที่มีความจำเป็น เป็นต้น ถือเป็นการปิดการเดินทางเข้า-ออกจังหวัด แต่ไม่ได้ปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แต่อย่างใด เพื่อให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและคนภูเก็ตทุกคน

นายธนกร กล่าวต่อว่า ในส่วนของสมุยพลัสโมเดล กรณีที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 บนเกาะสมุย จำนวน 54 รายนั้น เป็นคลัสเตอร์ร้านอาหาร ซึ่งทางจังหวัดก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ยืนยันว่าสมุยพลัสโมเดลยังดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากกลุ่มที่ติดเชื้อไม่ได้มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติโครงการสมุยพลัสโมเดล และไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ข้ามไปจากจังหวัดภูเก็ตด้วย ขอให้มั่นใจในโครงการดังกล่าวว่าสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติตามโครงการสมุยพลัสโมเดล และภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่เดินทางเข้าเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่านั้น อยู่ที่ประมาณ 200 คน โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาต่างพอใจ รู้สึกผ่อนคลายกับทัศนียภาพรอบเกาะ และไม่ได้มีความกังวลใดๆ


นายธนกร กล่าวอีกว่า ท่านนายกฯ ขอให้เชื่อมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวโดยเน้นพื้นที่ปลอดภัย และเตรียมขยายพื้นที่เดินหน้าต่อในการเปิดเกาะพีพี เกาะไหง และไร่เลย์ ของจังหวัดกระบี่ และเขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ของจังหวัดพังงา ตั้งเป้าภายในเดือนสิงหาคมนี้ ในส่วนของพื้นที่ของเกาะนั้นมีความพร้อม ประชาชนตามเกาะฉีดวัคซีนแล้ว 70 - 100% และเป็นพื้นที่ไม่พบผู้ติดเชื้อ โดยระยะแรกจะให้ประชาชนคนไทยที่ฉีดวัคซีนครบโดสและมีผลการตรวจ Swab ภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาจะมาจากกลุ่มภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และสมุยพลัสโมเดลก่อน เชื่อว่าจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้น โดยยึดแนวทางสร้างความสมดุลระหว่างการเฝ้าระวังความปลอดภัยสุขภาพอนามัย และการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อคนไทยทุกคน ตามเจตนารมณ์ของท่านนายกฯ ดังนั้น ขอให้ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป.
#3803



นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผย ว่า ตามที่ ส.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ในนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เสนอให้รัฐบาลเยียวยาชาวสวนมังคุดที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ราคาตกต่ำในฤดูกาลผลิตปี 2564 ระหว่างการประชุมที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช

 โดยมี นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และมีนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และตนร่วมประชุมพร้อมด้วยตัวแทนภาครัฐภาคเอกชนและภาคเกษตรกร เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น โดยตนได้ชี้แจงว่า คณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) ยินดีรับข้อเสนอไปพิจารณา

ระหว่างนี้ได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมการเกษตร ฝ่ายเลขานุการของฟรุ้ทบอร์ด ศึกษาและรวบรวมข้อมูลตลอดจนมาตรการเยียวยาโดยให้ยึดแนวทางการเยียวยาชาวสวนลำไยฤดูกาลผลิตปี 2563 จากนั้นให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการฯ ในครั้งต่อไปโดยเร็ว และจะเสนอต่อ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

นอกจากนี้ นายอลงกรณ์ ยังกล่าวต่อไปว่า จากการที่ตนลงพื้นที่เพื่อติดตามเร่งรัดการแก้ไขปัญหามังคุดและผลไม้ภาคใต้ 3 จังหวัด (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช) ตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้ 7 มาตรการเพิ่มเติมล่าสุดของฟรุ้ทบอร์ด ระหว่างวันที่ 28 - 29 ก.ค. ที่ผ่านมา ร่วมกับนายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์โดยเฉพาะมังคุดมีราคาตกต่ำ พบว่าระบบการขนส่งผลไม้แบบบริการส่งถึงที่รวมทั้งระบบการค้าออนไลน์เกือบเป็นอัมพาตโดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้ามังคุดใหญ่ที่สุดของภาคใต้เพราะผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย บริษัทเคอร์รี่ เป็นต้น ได้หยุดให้บริการโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น ตนจึงได้ประสานขอความร่วมมือไปยัง ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายพงษ์ทร วิเศษสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย เมื่อวันที่ 28 ก.ค. และภายใน 24 ชั่วโมง บริษัทไปรษณีย์ไทยได้เปิดให้บริการเป็นกรณีพิเศษเร่งด่วนอีกครั้งพร้อมกัน 105 สาขาใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.เป็นต้นไป ทำให้ระบบการขนส่ง ระบบไปรษณีย์และการค้าออนไลน์กลับมาเปิดบริการอีกครั้งหนึ่ง

และวันนี้ได้ประสานกับบริษัทไปรษณีย์ไทยให้พร้อมนำส่งผู้รับปลายทางที่อยู่ในพื้นที่สีแดงทุกพื้นที่ซึ่งได้รับการยืนยันว่าจะเร่งกำชับไปรษณีย์ทุกสาขาให้ดำเนินการตามข้อเสนอและการจัดส่งอาจช้าไป 1 วัน เพราะต้องใช้สาขาปลายทางที่อยู่นอกพื้นที่สีแดงผลัดเวรกันส่งเนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานของสาขาในพื้นที่สีแดงติดโควิดโดยไปรษณีย์ไทยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อช่วยชาวสวน

 

 ซึ่งตนได้ขอบคุณบริษัทไปรษณีย์ไทยและนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิตอลฯ ที่ให้ความร่วมมือ กับฟรุ้ทบอร์ดด้วยดีตลอดมา เพราะระบบขนส่งเป็นกลไกสำคัญในการค้าขายและระบายผลไม้ออกจากแหล่งผลิตทั้งการค้าแบบออฟไลน์และออนไลน์ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทเคอรรี่ตกลงที่จะเปิดบริการอีกครั้งเช่นกัน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ ได้ติดตามประสานงานกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ อย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใยต่อเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19

 

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ฟรุ้ทบอร์ดได้คิกออฟโครงการ "เกษตรกรแฮปปี้" โดยรณรงค์ภายใต้กลยุทธ์เพิ่มการขายภายในประเทศทดแทนการส่งออกซึ่งเป็น 1 ใน 7 มาตรการใหม่ของฟรุ้ทบอร์ด ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา และขอความร่วมมือพี่น้องชาวไทยทุกคนรวมทั้งชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยช่วยกันสร้างรอยยิ้มให้กับเกษตรกรด้วยการซื้อผลไม้ไทย

 

"ช่วงนี้ต้องเร่งช่วยระบายมังคุดคละที่สดอร่อยพร้อมจำหน่ายสู่ผู้บริโภคภายในประเทศทั้งรูปแบบการขายออนไลน์และออฟไลน์ซึ่งมีปริมาณมากและราคายังไม่น่าพอใจ แม้แนวโน้มราคาเริ่มปรับตัวดีขึ้นจึงได้ออกแคมเปญ "เกษตรกรแฮปปี้" ในวันนี้ ส่วนการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ รมว.พาณิชย์ และรมว.เกษตรฯ ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน"

 รวมทั้งการขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าผลไม้ (ล้ง) ทั้งค้าภายในและส่งออกให้ล้งมาซื้อมังคุดด้วยมาตรการที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องทำให้สถานการณ์เริ่มกระเตื้องขึ้น โดยล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานว่ามีล้งเข้ามาซื้อขายมังคุดและผลไม้เพิ่มขึ้นจาก 40 กว่า ล้ง เป็น 146 ล้ง

 

นอกจากนี้สมาคมผู้ส่งออกทุเรียนมังคุดแจ้งว่าสามารถจองตู้คอนเทนเนอร์ที่จะส่งออกผลไม้ทางเรือได้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.ซึ่งจะทำให้ลดการขนส่งทางรถไปประเทศจีนที่แออัดติดขัดที่ด่านโหยวอี้กวนและด่านโมฮ่านมีผลทำให้ตู้คอนเทนเนอร์หมุนกลับมาภาคใต้ไม่ทัน เชื่อว่าตู้คอนเทนเนอร์จะทยอยกลับมาขนมังคุดได้มากขึ้นภายในไม่กี่วันข้างหน้าจะทำให้การซื้อขายเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อราคาที่จะขยับตัวสูงขึ้น" นายอลงกรณ์ กล่าว


ด้านนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาหลัก ๆ ที่พบ มาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงมาตรการป้องกันและควบคุมเชื้อโรคของประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกมังคุดและผลไม้อื่น ๆ ของไทย ที่เกิดจากปัญหาการขนส่งล่าช้า การขาดแคลนตู้คอนเทรนเนอร์และตะกร้าใส่ผลไม้ รวมทั้งปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าพื้นที่ที่ทำได้ยาก การขาดแคลนแรงงาน และตะกร้ามีไม่พอ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้เร็วขึ้น

 

ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์มีแนวทางมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยกระจายมังคุดในประเทศช่วงที่การส่งออกมีปัญหา ดังนี้ 1. เชื่อมโยงและกระจายมังคุดออกนอกแหล่งผลิต โดยสนับสนุนค่าบริหารจัดการแก่ศูนย์กระจายในจังหวัดแหล่งผลิต กก.ละ 3 บาท ซึ่งกรมการค้าภายในโอนเงินให้จังหวัดดำเนินการจำนวน 50,850,000 บาท ตามที่ฟรุ้ทบอร์ดอนุมัติเพื่อกระจายมังคุดจำนวน 16,950 ตัน ออกนอกแหล่งผลิตอย่างเร่งด่วน

 

สนับสนุนค่าขนส่งสำหรับผลไม้ที่ส่งผ่านไปรษณีย์ กรมการค้าภายในร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทยสนับสนุนกล่องไปรษณีย์และสติกเกอร์ส่งฟรีผลไม้ทั่วประเทศส่งเสริมการขายผ่านออนไลน์แก่เกษตรกรรายย่อยจำนวน 20,000 กล่องกล่องละ 10 กก. เพื่อช่วยกระจายผลไม้ 2,000 ตัน และ 3. เชื่อมโยงผู้รับซื้อของกรมการค้าภายในให้ช่วยเร่งระบายมังคุดเกรดรองหรือตกเกรดออกจากแหล่งผลิตโดยเร่งด่วนกรณีเกิดปัญหาระบายมังคุดไม่ทันในบางพื้นที่
 

จากนั้น ที่ปรึกษารมว.เกษตรฯ ได้ร่วมเปิดบริการส่งมังคุด ณ สำนักงานไปรษณีย์ไทยสาขาพรหมคีรี ก่อนเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์รับซื้อมังคุดชนิดคละกก.ละ 20 บาท ที่อำเภอพรหมคีรีซึ่งเป็นโมเดลใหม่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการล้ง เกษตรกรในพื้นที่และศูนย์บลูเฮ้าส์ พรรคประชาธิปัตย์ในการนำล้งมาซื้อตรงจากเกษตรกรด้วยราคานำตลาด โดยจะให้ขยายโมเดลนี้ในจังหวัดอื่น ๆ ด้วย ต่อมา ได้เยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนมังคุดแปลงใหญ่ และศูนย์กระจายสินค้าบริษัทไปรษณีย์ไทยอำเภอลานสกา สำหรับ จ.นครศรีธรรมราช มีพื้นที่ปลูกมังคุดทั้งหมด 96,159 ไร่ กระจายอยู่ใน 21 อำเภอ มีพื้นที่ที่ให้ผลผลิตแล้ว 90,016 ไร่ ปี 2564 นี้ คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 57,245 ตัน

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในวันที่ 28 ก.ค. นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ได้ลงพื้นที่ตลาดกระจายสินค้าเกษตร ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ติดตามสถานการณ์ผลไม้ในพื้นที่ และประชุมหารือกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมังคุด ตลอดจนการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อนำผลผลิตออกสู่ตลาด จากนั้นลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ผลไม้ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และร่วมหารือในการแก้ไขปัญหาการกระจายผลไม้ ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ และการเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายผลผลิตโดยเฉพาะเงา พร้อมทั้งลงพื้นที่ตลาดสหกรณ์การเกษตร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

 

ทั้งนี้ จ.ชุมพร มีปริมาณผลผลิตรวม 51,587 ตัน ช่วงปลายเดือน ก.ค. 2564 จะปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดกว่า 26,985 ตัน จนถึง ปลายเดือน ส.ค. 2564 ปริมาณ 16,141 ตัน และราคาผลผลิตมังคุด ตลาดทั่วไป กก.ละ 8 – 10 บาท ราคา หน้าล้ง 33 บาท (รับซื้อเฉพาะลูกค้าประจำ) ตลาดประมูลจากกลุ่มผลิตมังคุดคุณภาพในพื้นที่จังหวัดชุมพร จำนวน 26 กลุ่ม เปิดประมูลผลผลิตมังคุด เพียง 11 กลุ่ม ในพื้นที่ อำเภอหลังสวน พะโต๊ะ ละแม ราคาผลผลิตมังคุดตลาดประมูล 12 - 33 บาท (เฉลี่ยทุกเบอร์ ราคา 16.77 บาท) ปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะมีปัญหา 30,735 ตัน สำหรับ จ.สุราษฎร์ธานี ทุเรียนมีปริมาณผลผลิต 46,957 ตัน เก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 50 ราคา กก.ละ 110 บาท มังคุดมีปริมาณผลผลิต 7,294 ตัน เก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 50 ราคากก.ละ 23 บาท เงาะมีปริมาณผลผลิต 38,936 ตัน เก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 32 ราคากก.ละ 25 บาท ลองกองมีปริมาณผลผลิต 4,842 ตัน เริ่มเก็บเกี่ยวไปเพียงร้อยละ 0.66 ราคากก.ละ 50 
บาท.

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952127
#3804



วินาทีนี้คงไม่มีเมกะเทรนด์ไหนจะมาแรงแซงทางโค้งเท่ากับ "ธุรกิจกัญชา-กัญชง" ซึ่งได้รับการปลดล็อกจากรัฐบาลให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ปลุกกระแสคึกคักไปทั่วทุกอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับ "ธีมผู้สูงอายุ" ที่สร้างโอกาสธุรกิจเกิดใหม่มากมายนับไม่ถ้วน พร้อมรับสังคมวัยเก๋า ซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างรวดเร็วในเมืองไทย ใครจับเทรนด์รุ่งมาต่อยอดความรวยได้ก่อนย่อมมีชัยเหนือคู่แข่ง

ในฐานะทายาทผู้นำเข้าบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรายใหญ่ที่สุดของอาเซียน "คอมเม็ทส์ อินเตอร์เทรด จำกัด" ที่คร่ำหวอดในวงการแพ็กเกจจิ้งเครื่องสำอางไทยมาหลายทศวรรษ "หนุ่มโอม-สฤษฏ์รัช พิบูลย์สวัสดิ์" ทุ่มเทเวลา 2 ปีเต็ม ปลุกปั้นบริษัทน้องใหม่ "ไอคัลเลอร์ คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด" เพื่อรับจ้างผลิตเครื่องสำอางจากกัญชา-กัญชง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบจดแจ้งเครื่อง สำอางจากผงใบกัญชาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ก็เพราะเป้าหมายสูงสุดคือ อยากผลักดันให้กัญชา-กัญชง กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศไทย สร้างรายได้จากการส่งออกไปทั่วโลก งานนี้ "ไอคัลเลอร์" จึงร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนเพลาเพลินฯ จังหวัดบุรีรัมย์ (PHC) ผู้นำด้านการปลูกกัญชาและกัญชงแบบเกษตรมาตรฐานสูงเกรดทางการแพทย์ คิดค้นพัฒนาวัตถุดิบคุณภาพจากกัญชา-กัญชง เพื่อนำมาผลิตเครื่องสำอางเป็นสินค้าต้นแบบของไทย โดยส่วนที่นำมาใช้จะมีหลากหลาย ทั้งใบ, ลำต้น, ราก และกาก ตามนโยบายซีโร่เวสต์ของสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) ยอดฮิตสุดน่าจะเป็นส่วนของใบกัญชาแห้ง ปัจจุบันราคาตลาดกิโลกรัมละ 1,000-35,000 บาท ผลจากการศึกษาพบว่ากัญชา-กัญชง มีสรรพคุณสำคัญในการยับยั้งอนุมูลอิสระ, ช่วยคงความอ่อนเยาว์, ปรับสมดุลให้ผิว, ลดเลือนริ้วรอย, ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของชั้นผิว และให้ความชุ่มชื้นได้ดี

งานนี้ "หนุ่มโอม" พิชิตหลักไมล์แรก ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต้นแบบแรกออกสู่ตลาดก่อนใคร นั่นคือ "บีไวลด์ แคนนาบิส ลีฟ พาวเดอร์ เฟเชียล มาส์ก" เป็นมาส์กหน้าใสจากผงใบกัญชา ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นทันใจ เสริมประสิทธิภาพลดรอยหมองคล้ำ และอาการบวมช้ำ ด้วยสารสกัดจากใบบัวบกกับวิตามินซี ถือเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญของคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าจับตามองอีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่จับกระแสเทรนด์ฮอตมาปลุกปั้นเป็นธุรกิจดาวรุ่งได้อย่างน่าสนใจ ต้องยกให้ "สาวมายด์-พรนัชชา วิรัตน์มาลี" ทายาทธุรกิจจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์สื่อสารแถวหน้าของเมืองไทย "บริษัท วิรัตน์มาลี จำกัด" ติดสอยห้อยตามคุณพ่อไปยืนขายโทรศัพท์มือถือตามงานโมบายเอ็กซ์โปตั้งแต่เล็กแต่น้อย ทำให้ซึมซับความเป็นนักขายมาเต็มๆ หลังเรียนจบด้านไฟแนนซ์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล อินเตอร์

มายด์
มายด์
"สาวมายด์" จึงขอปาป๊าออกมาลุยธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดความรวยของครอบครัว โดยปิ๊งไอเดียจากความมาแรงของเทรนด์ผู้สูงอายุ ซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ทำให้กระโดดเข้าไปลงทุนในธุรกิจ "ครีมปิดผมขาวสัญชาติเกาหลี So Young Herbal Speed Color" พลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ทันที เพราะการล็อกดาวน์อยู่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ยอดขายครีมปิดผมขาวทะยานขึ้นหลายเท่าตัว เฉพาะปี 2563 ทำยอดขายได้ทะลุ 10 ล้านบาท แค่ปีเดียวขายไปมากกว่า 200,000 ซอง


จุดเด่นที่ทำให้ "สาวมายด์" มั่นอกมั่นใจเต็มพิกัดว่าจะตีตลาดครีมปิดผมขาวให้กระจุย คือ "So Young" ไม่มีกลิ่นฉุน, ปลอดภัยไร้แอมโมเนีย และปราศจากสารเคมี ทำให้สีผมสวยเป็นธรรมชาติ แถมบำรุงหนังศีรษะให้นุ่มชุ่มชื้น ใช้เวลาแค่ 3 นาที ก็ปิดผมขาวได้ทันใจสไตล์เกาหลี โดยมีส่วนผสมของ "โสมเกาหลี" ช่วยต้านอนุมูลอิสระ, บำรุงรากผมให้แข็งแรง, กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต, ช่วยล้างสารพิษ และป้องกันการหลุดร่วงของ


เส้นผม ส่วน "อาร์แกนออยล์" เข้มข้นด้วยวิตามินอีบวกสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม ช่วยให้เส้นผมนุ่มชุ่มชื้น ป้องกันผมแห้งเสียชี้ฟู และ "สาหร่ายทะเล" อุดมด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูเส้นผมให้มีสุขภาพดี เงางามมีน้ำหนัก


แม้จะเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ แต่ "สาวมายด์" ก็เชื่อมั่นว่าในอนาคตการปิดผมขาวเร็วทันใจด้วยตัวเองจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของผู้บริโภคชาวไทยที่อยากดูอ่อนกว่าวัยสไตล์เกาหลี โดนใจตั้งแต่วัยทำงานจนถึงวัยเก๋า!! ปังไม่หยุดจริงๆ ปี 2564 จะต้องเป็นปีทองของ 2 ธุรกิจดาวรุ่งอย่างแน่นอน.

https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2131007
#3805



ปังตั้งแต่เริ่มจริงๆ สำหรับค่ายดัง genie records ที่ขอรัวกลองต้อนรับวงร็อกน้องใหม่ "BOMB AT TRACK" (บอมบ์ แอท แทร็ค) เข้าสู่บ้านหลังใหญ่ ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน เต้-วงศกร เตมายัง (นักร้องนำ), เมษ-ภควรรษ ประเสริฐศักดิ์ (กีตาร์), ปุ้ย-ปราชญานนท์ ยุงกลาง (กีตาร์), ข้น-ศาสตร์ พรมุณีสุนทร (เบส) และ นิล-สิรภพ เลิศชวลิต (กลอง) หลังโดนกระชากหน้ากากเผยโฉมว่าเป็นมือดีที่บุกอาละวาดห้องทำงานป๋าเต็ด ไปในวันครบรอบ 5 ปี ของวง เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา 

งานนี้เปิดฉากแนะนำตัวอย่างเป็นทางการด้วยการปล่อยเพลงและมิวสิกวิดีโอสุดแสบ "บ้ายอ" เพื่อให้เห็นถึงตัวตนที่มาพร้อมกับอาวุธทางดนตรีสไตล์ RAP METAL แถมยังแสดงฝีมือแต่งเนื้อเพลงทั้งหมดเองอีกด้วย นับเป็นวงร็อกวัยรุ่นเลือดใหม่ที่น่าจับตามองของยุคนี้เลยทีเดียว


เต้-วงศกร นักร้องนำของวงได้พูดถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงว่า "ผมนึกถึงสถานการณ์ที่คนผู้น้อยคอยประจบเจ้านายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ คำว่าบ้ายอมันเลยผุดขึ้นมาในใจผมครับ ผมจึงตั้งใจหยิบประเด็นนี้มาต่อยอดเป็นเพลงบ้ายอซึ่งเพลงก็จะพูดถึงคนที่มีอำนาจ มีพวกพ้องไว้คอยสรรเสริญเยินยอและเรียกใช้จนลืมตัว จนเป็นต้นตอของปัญหาที่ตามมาอีกมากมาย ทั้งเนื้อร้อง ทำนอง และดนตรีเพลงนี้ ถูกขึ้นโครงไปพร้อมๆกัน จากโจทย์ของวงที่อยากได้ซาวด์ที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากอัลบั้มที่เราเคยทำ"


"นอกจากนี้เรายังได้ พี่มิน-ศิวโรจน์ จิตตนิยมพาณิชย์ (Minerva Recording Studios) มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ และได้ Ted Jensen (Sterling Sound) Mastering Engineer ที่เคยทำงานให้กับ Green Day, Madonna และศิลปินระดับโลกอีกหลายคน มาจบขั้นตอน Mastering ให้วงของพวกเรา จนในที่สุดวง BOMB AT TRACK ก็ได้ซาวด์ดนตรีที่มีความเปลี่ยนแปลงและมีเอกลักษณ์เฉพาะวงของเราชัดเจนยิ่งขึ้น แต่อุดมการณ์ในการทำเพลงของพวกเรายังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือพัฒนาการทางดนตรีที่จะเข้มข้นกว่าเดิมครับผม ยังไงก็ฝากแฟนๆ ติดตามผลงานของพวกเราด้วยครับทาง genie records ทุกช่องทางครับ"
 
#3806

ขายอพาร์ทเม้นท์ลาดพร้าว58 ตรงข้ามตลาดโชคชัย4 แขวงวังทองหลาง ขายถูกกู้ได้เต็ม กู้ได้สูง
ขายอพาร์ทเม้นท์ลาดพร้าว58 ตรงข้ามตลาดโชคชัย4 แขวงวังทองหลาง กทม  ขายถูกกู้ได้เต็ม กู้ได้สูง สภาพสวย เหมือนใหม่ ขายถูกกู้ได้เต็ม กู้ได้สูง ตามเครดิตผู้กู้
ขายอพาร์ทเม้นท์ลาดพร้าว58 ตรงข้ามตลาดโชคชัย4  วังทองหลาง กู้ได้เต็ม กู้ได้สูง 
ขายถูกกู้ได้สูงอพาร์ทเม้นท์ลาดพร้าว58  ตรงข้ามตลาดโชคชัย4 รายได้ดี ใกล้รถไฟฟ้า (กำลังก่อสร้าง) แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม ขนาด33ห้อง  เนื้อที่130ตรว.อพาร์มเม้นท์สภาพสวย เหมือนใหม่ ขายถูกกู้ได้เต็ม กู้ได้สูง ตามเครดิตผู้กู้

ขายอพาร์ทเม้นท์วังทองหลาง ลักษณะ: อพาร์ทเม้นท์ 4 ชั้น 33 ห้อง พื้นที่ทั้งหมด130ตรว (ตัวอาคาร 100ตรว ที่จอดรถ 30ตรว)

จุดเด่นทำเล: อยู่ตรงข้ามตลาดโชคชัย 4 จากปากซอยเข้าเข้ามาในตึกประมาณ800 เมตร / ทำเลดีกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้า

ที่ตั้งอพาร์ทเม้นท์
ที่อยู่: สมชัย อพาร์ทเม้นท์ 124/3 ซ.ลาดพร้าว 58 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม

อยู่ตรงข้ามตลาดโชคชัย4 ขายอพาร์ทเม้นท์ทำเลทอง| กู้ได้เต็ม กู้ได้สูง ตามเครดิต
 ราคาขายทั้งหมด: 40 ล้านบาท

สนใจติดต่อ ชญานิน 0886293244/ ก้อย 0954149923

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://hawpak.com/ขายอพาร์ทเม้นท์ลาดพร้า/

คำค้น
ขายอพาร์ทเม้นท์วังทองหลาง, ขายอพาร์ทเม้นท์ลาดพร้าว58, ขายอพาร์ทเม้นท์อยู่ตรงข้ามตลาดโชคชัย4, ขายอพาร์ทเม้นท์แขวงวังทองหลาง, ขายอพาร์ทเม้นท์เขตวังทองหลาง,
#3807



ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย เปิดเผยผ่านงานเสวนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ "U.S. and Thailand Perspectives on Geostrategic Landscape and Regional Architecture" จัดโดยสถาบัน East-West Center ในกรุงวอชิงตันและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ว่า มีเป้าหมายที่จะบริจาควัคซีนโควิด-19 ให้กับไทย รวม 2.5 ล้านโดส โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ สถานเอกอัครทูต ณ กรุงวอร์ชิงตัน อยู่ระหว่างการติดตามพัฒนาการเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด


จากนั้นกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการจัดสรรไปยังกลุ่มเป้าหมายเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 ดังนี้

1. บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ (เข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) จำนวน 700,000 โดส

2. ผู้มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีสัญชาติไทย จำนวน 645,000 โดส

    - ผู้สูงอายุ

    - ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค อายุ 12 ปีขึ้นไป

    - หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป

3. ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้เดินทางไปต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องรับวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักการทูต นักศึกษา จำนวน 150,000 โดส

4. ทำการศึกษาวิจัย (ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม) จำนวน 5,000 โดส

5. สำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ จำนวน 40,000 โดส

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951850
 
#3808



ผ่านมาแล้วกว่าครึ่งปีที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายการทำงานในปี 2564 ให้แก่กรมต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์รับไปปฏิบัติ โดยมีนโยบายเร่งด่วนรวม 14 ข้อ ได้แก่ ประกันรายได้, ลดค่าครองชีพ, เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด, อาหารไทยอาหารโลก, การค้าออนไลน์, ส่งเสริมธุรกิจบริการ, พัฒนา SMEs และ Micro SMEs, เร่งรัดการส่งออก, ผลักดันการค้าชายแดน, เจรจาการค้าระหว่างประเทศ, จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา, บริการด้วยอิเล็กทรอนิกส์, ทำงานร่วมกับภาคเอกชนในนาม กรอ.พาณิชย์ และให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว

ผลการขับเคลื่อนงานที่ผ่านมา แต่ละกรมในกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งทำงานตามนโยบาย ปรากฏผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการช่วยเหลือเกษตรกร ประชาชน และภาคธุรกิจ จนเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่ติดอันดับต้นๆ ที่ประชาชนพอใจในผลการทำงาน

ล่าสุด "กรมพัฒนาธุรกิจการค้า" ได้สรุปผลการทำงานครึ่งปี และแผนการทำงานในช่วงครึ่งปีหลัง ปรากฏผลการทำงานตามนโยบายที่ประสบความสำเร็จหลายด้าน โดยเฉพาะการผลักดันเกษตรกร ผู้ประกอบการชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อย หรือที่เรียกกันว่า "คนตัวเล็ก" ให้มีโอกาสทางการตลาด ให้มีโอกาสในการทำมาค้าขาย ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ

ใช้ออนไลน์ช่วยเกษตรกรทำตลาด

ในการขับเคลื่อนการทำงานภายใต้นโยบาย "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด" นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้แปลงนโยบายลงสู่การปฏิบัติด้วยการร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานพันธมิตร 24 หน่วยงาน ทำแพลตฟอร์มกลาง "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด" ในรูป B2B (Business-to-Business) ต่อยอดจากแพลตฟอร์มที่มีอยู่ ได้แก่ "Thaitrade.com ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ" และแพลตฟอร์ม "Phenixbox.com ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มศูนย์ค้าส่งครบวงจรภายในประเทศ

ผลการดำเนินงานในส่วนของตลาดต่างประเทศ ได้คัดเลือกและพัฒนาสหกรณ์ที่มีความพร้อมในการจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม และมีกำลังการผลิตที่เพียงพอต่อการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ จำนวน 9 สหกรณ์ ให้มีร้านค้าออนไลน์บน Thaitrade.com รวมสินค้าทั้งสิ้น 45 รายการ เช่น ข้าว นม และโคเนื้อ โดยแพลตฟอร์ม Thaitrade.com ได้สร้างหน้าเฉพาะสำหรับสินค้าจากสหกรณ์ภายใต้ชื่อ "Thai Agricultural Trade Center" (https://www.thaitrade.com/online-exhibition/thai_agricultural) และกำหนดจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ (Online Business Matching) ระหว่างสหกรณ์กับผู้ค้าต่างประเทศ ในวันที่ 29-30 ก.ค. 2564 นี้

สำหรับตลาดในประเทศ ได้ร่วมกับแพลตฟอร์ม Phenixbox.com จัดทำ Profile สินค้าเกษตร เพื่อเชื่อมโยงไปยัง Phenixbox.com จำนวน 28 สหกรณ์ รวมสินค้าทั้งสิ้น 37 รายการ เช่น ข้าวสาร นมโค ผลไม้ และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ โดยแพลตฟอร์ม Phenixbox.com ได้สร้างหน้าเฉพาะสำหรับสินค้าจากสหกรณ์ภายใต้ชื่อ "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด" (https://www.phenixbox.com/Thai_agricultural) โดยจะมีการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ระหว่างกลุ่มสหกรณ์กับบริษัทในเครือ TCC Group ซึ่งประกอบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรต่างๆ ของบริษัทแอสเสท เวิร์ด คอร์ป จำกัด (มหาชน) ในเดือน ส.ค. 2564

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มข้น และเพิ่มจำนวนเกษตรกร และรายการสินค้าให้มีโอกาสเข้าไปจำหน่ายในแพลตฟอร์มทั้ง 2 แพลตฟอร์มให้มีจำนวนมากขึ้นต่อไป

สอนคนตัวเล็กค้าขายออนไลน์

การเพิ่มโอกาสในการค้าขายออนไลน์ เป็นอีกนโยบายหนึ่งที่นายจุรินทร์สั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์เร่งขับเคลื่อน และให้ความช่วยเหลือคนตัวเล็ก โดยเฉพาะเกษตรกร ผู้ประกอบการชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อย ให้มีโอกาสในการค้าขายออนไลน์ ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น ด้วยการให้ความรู้ สอนเทคนิคการตลาดออนไลน์ ด้วยการจัดทีมผู้เชี่ยวชาญลงไปสอนถึงที่ แต่ด้วยข้อจำกัดของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องปรับแผนเป็นการฝึกสอน อบรมผ่านช่องทางออนไลน์แทน

ที่ผ่านมาได้สอนความรู้การทำการค้าและเทคนิคการตลาดออนไลน์ไปแล้ว 2,175 ราย, สร้าง Smart Trader Online ด้วยการบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้เป็นนักการค้าออนไลน์ และจับคู่เชื่อมโยงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Trader Online กับสินค้าและบริการที่มีศักยภาพ เข้าสู่ช่องทางการตลาดบนแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมแล้ว 406 ราย

ส่วนแผนระยะถัดไป ช่วงเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2564 มีเป้าหมายที่จะพัฒนาสินค้าชุมชน กลุ่มเกษตรกร สู่ช่องทางการตลาด (Offline 2 Online) โดยจะคัดเลือกสินค้าชุมชน ของดีของเด่นประจำจังหวัด จากผู้ประกอบการฐานรากที่มีศักยภาพทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด ครอบคลุม 77 จังหวัด เพื่อเข้าสู่กระบวนการให้ความรู้และผลักดันสินค้าเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ จำนวนเป้าหมาย 1,260 ราย และจะสร้างโอกาสทางการตลาดออนไลน์แก่ผู้ประกอบการฐานราก ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบออฟไลน์ ภายใต้งานมหกรรม Thailand e-Commerce Expo ที่จะจัดขึ้นในเดือน พ.ย. 2564

นอกจากนี้ ได้เข้าไปช่วยพัฒนาศักยภาพทางการตลาดให้แก่ภาคการผลิตฐานราก ทั้ง SMEs และ Micro SMEs โดยอบรมให้ความรู้หาตลาดและเปิดโอกาส เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในตลาดที่กว้างขึ้น ส่งเสริมศักยภาพการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน ส่งเสริมศักยภาพนักการตลาด OTOP มืออาชีพ เพื่อเป็นตัวแทนหรือผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดเชื่อมโยงการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP เข้าสู่ช่องทางการตลาด 332 ราย สร้างโอกาสทางการค้าและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าชุมชน (MOC Biz Club) เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศมาเชื่อมโยงต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ และเพิ่มโอกาสการค้า ปัจจุบันมีสมาชิก 12,721 ราย ทั้งนี้ ยังมีกำหนดจัดงาน MOC Biz Club Fair 2021 ที่กรุงเทพฯ หรือปริมณฑล จำนวน 4 ครั้ง ระหว่างเดือน ส.ค.-ต.ค. 2564 เพื่อการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า การเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ และการให้คำปรึกษาทางธุรกิจด้วย



พัฒนาโชวห่วยเพิ่มรายได้ฐานราก

สำหรับธุรกิจบริการ ที่เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการและเพิ่มรายได้เข้าประเทศ นายจุรินทร์ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งพัฒนาศักยภาพทางการตลาดให้กับภาคบริการ ทั้งผู้ค้าปลีก ค้าส่ง สมาร์ทโชวห่วย กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มบริการสุขภาพ และกลุ่มร้านอาหาร โดยให้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มช่องทางการตลาดให้ภาคบริการ

ผลการดำเนินงานตามนโยบาย ได้ช่วยพัฒนาร้านค้าปลีกสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย ด้วยการสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ พัฒนาภาพลักษณ์ ส่งเสริมการนำเทคโนโลยี POS ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทั่วประเทศ มีเป้าหมายในการพัฒนา 3,500 รายทั่วประเทศ และผลักดันให้สมาร์ทโชวห่วยนำระบบ POS มาใช้ในการบริหารจัดการร้าน 500 ราย

นอกจากนี้ ยังได้ใช้ร้านค้าปลีกค้าส่ง ร้านโชวห่วยในเครือข่ายที่ผ่านการอบรมพัฒนาแล้ว มาช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ผู้ผลิต ผู้แทนจำหน่าย ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ในการจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดผ่านร้านโชวห่วยจำนวน 2,040 ราย ซึ่งสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนลงลึกถึงระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านได้เป็นอย่างมาก

สร้างเครือข่าย-เพิ่มมาตรฐานธุรกิจบริการ

ส่วนธุรกิจบริการที่มีมูลค่าสูง ได้แก่ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ สำนักงานบัญชี ได้พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการ การตลาด เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงการเชื่อมโยงเครือข่าย Startup กับ SMEs ด้วยนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ นำไปสู่การสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงแหล่งตลาด และการบริหารจัดการระบบคลังสินค้าและขนส่งแบบครบวงจร 2,453 ราย

ขณะเดียวกัน ได้สร้างความเข้มแข็งและการเติบโตให้กับธุรกิจแฟรนไชส์ไทย สร้างธุรกิจแฟรนไชส์รายใหม่ (B2B Franchise) รุ่นที่ 24 จำนวน 158 ราย รวม 98 กิจการ และเสริมสร้างมาตรฐานคุณภาพด้านบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ไทย 235 ราย

พร้อมกันนี้ ได้ให้ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจผ่าน e-Learning จำนวน 7 หลักสูตร 30 วิชา ได้แก่ หลักสูตรการเริ่มต้นธุรกิจ หลักสูตรการเงินและการบัญชี หลักสูตรวิชาบัญชี หลักสูตรพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น หลักสูตรพัฒนากลยุทธ์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หลักสูตรการประกอบธุรกิจใน AEC หลักสูตรการพัฒนาระบบบริหารจัดการธุรกิจโลจิสติกส์ ผ่านเว็บไซต์ http://dbdacademy.dbd.go.th มีผู้สมัครเข้ามาเรียนแล้ว 28,658 ราย

สำหรับแผนงานช่วงเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2564 จะเน้นการสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ธุรกิจบริการที่ผ่านการคัดเลือก ช่วยสร้างแรงจูงใจ และผลักดันให้ผู้ประกอบธุรกิจปรับตัวกับวิถีการค้ายุคใหม่ โดยเฉพาะการขายและการตลาดออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.ของดีทั่วไทย.com ในเดือน ส.ค. 2564, ส่งเสริมร้านอาหารไทยในประเทศให้ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT เป้าหมาย 300 ราย ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยในประเทศได้รับตราสัญลักษณ์ 940 ราย และจัดประกวดธุรกิจแฟรนไชส์ไทย (Thailand Franchise Award 2021 : TFA 2021) ในเดือน ส.ค. 2564

พลิกโฉมหน้างานบริการด้วยดิจิทัล

ทางด้านการปรับปรุงพัฒนาการให้บริการภาคธุรกิจและประชาชน นายจุรินทร์ได้กำชับให้มุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกและความรวดเร็วในการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อตอบสนองนโยบายกระทรวงพาณิชย์ดิจิทัล และนโยบาย E-Government ของรัฐบาล โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ยกระดับการเริ่มต้นธุรกิจของประเทศ โดยดำเนินการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

เริ่มจากการจองชื่อนิติบุคคลด้วยระบบ AI ซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสอบและผลอนุมัติการจองชื่อ โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 2564 และส่งเสริมการใช้ระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) เพิ่มช่องทางการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) และปรับปรุงแบบฟอร์มการกรอกให้ง่ายขึ้น เปิดให้บริการ 27 เม.ย. 2563 และยังได้ลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนนิติบุคคลผ่านระบบ e-Registration จากเดิมลดให้ร้อยละ 30 เป็นลดให้ร้อยละ 50 เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2564

นอกจากนี้ ได้เพิ่มช่องทางให้ผู้แทนสามารถกรอกและยื่นคำขอจดทะเบียนแทนผู้ประกอบการได้ เปิดให้บริการ 8 มี.ค. 2564 และพัฒนาระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Foreign Certificate) โดยร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) เพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุนต่างชาติ ให้สามารถยื่นขอรับบัตรส่งเสริมลงทุนจาก BOI และหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้ ณ จุดเดียว (Single Unit) ที่ BOI ทำให้ลดระยะเวลาจากเดิมตามที่กฎหมายกำหนดไว้ 30 วัน เหลือเพียงภายใน 5 วัน และลดต้นทุนการดำเนินการของผู้ประกอบธุรกิจชาวต่างชาติโดยเปิดให้บริการเดือน ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา

ไม่เพียงแค่นั้น ยังได้เปิดให้บริการระบบออกเลขประจำตัวนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขอมีเลขประจำตัวนิติบุคคล แจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูล และแจ้งยกเลิกการประกอบธุรกิจให้แก่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย และเป็นธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ซึ่งคนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจได้โดยไม่ต้องขออนุญาต โดยสามารถดำเนินการได้ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564

ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วน ที่นายจุรินทร์ได้กำหนดเป็นแผนการทำงานสำหรับปี 2564 ซึ่งสามารถช่วยให้ "คนตัวเล็ก" ได้มีโอกาสทางการตลาดเพิ่มขึ้น มีโอกาสในการทำมาค้าขายเพิ่มขึ้น มีโอกาสในการเพิ่มรายได้ในกระเป๋าเพิ่มขึ้น และมีโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของการทำรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ยืนยันว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังคงเพิ่มความเข้มข้นและช่วยผลักดันให้คนตัวเล็กมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อไป
#3809



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่น นัดที่ 3 เปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ เบรนท์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือใหญ่ปีศาจแดง ยังไม่มีแข้งชุดใหญ่หลายคนที่ไปช่วยชาติลงทำศึกยูโร 2020 เกมนี้จัดทัพชุดผสมระหว่างแข้งตัวเก๋ากับบรรดาดาวรุ่ง นำโดย อารอน วาน-บิสซากา, แบรนดอน วิลเลียมส์, เมสัน กรีนวูด, ฆวน มาตา, เจสซี ลินการ์ด, อันเดรส เปเรยร่า

ครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ อารอน วาน-บิสซากา ลากบอลขึ้นมาริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ากลางมาให้ แอนโธนีย์ อีแลงกา วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่จับเข้าประตูไป

น.20 เบรนท์ฟอร์ด มาตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว 1-1 จากจังหวะลูกฟรีคิกบริเวณริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย โทนีย์ โหม่งย้อนมาให้ บาปติสเต้ วอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือ และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ขยับนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะที่ เจสซี ลินการ์ด ลากบอลมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่บอลในจังหวะสุดท้ายจะเด้งมาถึง อันเดรส เปเรยร่า ซัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวยงาม

น.70 กลายเป็นเบรนท์ฟอร์ด ที่มาตามตีเสมออีกครั้ง 2-2 จากจังหวะที่ ดิโอโก ดาโลต์ ถูกฉกบอลหน้ากรอบเขตโทษ และเป็น เอ็มบิวโม่ ที่ปั่นด้วยซ้ายหนีมือ ทอม ฮีตัน เข้าไป

หมดเวลา 90 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ เบรนท์ฟอร์ด ไปแบบสนุก 2-2
#3810



สีสัน "โอลิมปิก2020" นอกจากเรื่องผลงานในสังเวียนการแข่งขันแล้ว ทีมหนึ่งซึ่งกำลังฟอร์มร้อนแรงและเป็นที่สนใจของแฟนกีฬาทั่วโลกคือ "ROC" ชื่อใหม่ที่ "ทีมชาติรัสเซีย" ใช้ร่วมแข่งขัน แล้วทำไมถึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อนี้ และหากรับเหรียญทอง พวกเขาต้องร้องเพลงอะไร

ในการแข่งขัน โตเกียว โอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่นซึ่งกำลังชิงเหรียญกันอย่างเข้มข้นขณะนี้ บรรดาทีมชาติตัวเต็งเจ้าเหรียญทองไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐ หรือแม้แต่เจ้าภาพญี่ปุ่นเอง ต่างแข่งกันโกยเหรียญรางวัลทิ้งห่างคูแข่งตั้งแต่วันแรก ๆ แต่ในอันดับต้น ๆ ของทำเนียบเจ้าเหรียญทองปีนี้ (ณ วันที่ 27 ก.ค.) กลับมีชื่อหนึ่งที่แฟนกีฬาไม่คุ้นเคยโผล่เข้ามาด้วย นั่นคือทีม "ROC" (อาร์โอซี)

เพื่อป้องกันความสับสน อันดับแรก ROC ไม่เกี่ยวข้องกับ ROK ชื่อย่อประเทศเกาหลีเหนือ และไม่เกี่ยวกับ "เดอะร็อค" อดีตนักมวยปล้ำชื่อดังที่ปัจจุบันเป็นดาราดังระดับฮอลลีวูดไปแล้ว แต่นี่เป็นชื่อย่อของ Russian Olympic Committee หรือ "คณะกรรมการโอลิมปิกรัสเซีย"


- ป้ายสัญลักษณ์ของคณะกรรมการโอลิมปิกรัสเซีย หน้าสำนักงานใหญ่ในกรุงมอสโก -

ทำไมทีมรัสเซียต้องใช้ชื่อ ROC

ชื่อ ROC ถูกนำมาใช้เป็นชื่อในการแข่งขันทัวร์นาเมนท์ระดับนานาชาติ หลังจากที่องค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (WADA) สั่งแบนรัสเซียในปี 2019

การตัดสินใจครั้งนั้นของ WADA เกิดขึ้นหลังจากตรวจพบว่า รัสเซียแอบกรองปัสสาวะนักกีฬาก่อนนำไปตรวจสารกระตุ้น และหลังจากนั้น รัสเซียยังมีการส่งรายงานฉบับปลอมให้ WADA ส่งผลให้ทีมชาติรัสเซียถูกลงโทษแบนถึง 4 ปี ก่อนจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (CAS) ได้สำเร็จ จนได้ลดโทษแบนครึ่งหนึ่ง เหลือ 2 ปี


รายงานของ WADA ระบุว่า เหตุการณ์การใช้สารกระตุ้นไม่ได้รู้เห็นเป็นวงกว้างเฉพาะในหมู่นักกีฬารัสเซียเท่านั้น แต่ยังอยู่ในการรับรู้ของรัฐบาลที่นำโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินด้วย

โทษแบนครั้งนี้ทำให้รัสเซียหมดสิทธิ์ส่งทัพนักกีฬาในนามทีมชาติแข่งขันหลายรายการ รวมถึง "โตเกียว 2020" "โอลิมปิกฤดูหนาว 2022" ที่กรุงปักกิ่งของจีน และ "ฟุตบอลโลก 2022" ที่กาตาร์

ใครลงแข่งในนาม ROC ได้บ้าง

ROC เปรียบเสมือนทีมชาติรัสเซีย V.2 ดังนั้น กลุ่มนักกีฬารัสเซียที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีใช้สารกระตุ้นดังกล่าว จะได้รับอนุญาตให้ลงแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ รวมถึงทัวร์นาเมนท์อื่น ๆ ที่รัสเซียเข้าร่วมในช่วงโทษแบน 2 ปี

ทั้งนี้ คำสั่งของ CAS ยืนยันว่า ลงโทษแบนรัสเซียออกจากการแข่งขันระดับนานาชาติ ดังนั้น นักกีฬาที่ไม่มีความผิด จึงต้องใช้ธงและตราสัญลักษณ์ของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งรัสเซีย หรือ ROC แทน


อย่างไรก็ตาม กฎกติกาของโอลิมปิกกำหนดให้บรรดานักกีฬาจากรัสเซียลงแข่งขันในนามของ ROC เท่านั้น และให้ใช้ชื่อย่อทีมแทนชื่อเต็ม เพื่อเลี่ยงคำว่า Russian ที่อยู่ในชื่อ Russian Olympic Committee

เมื่อรับเหรียญทองต้องร้องเพลงอะไร

ขณะเดียวกัน เนื่องจากรัสเซียไม่สามารถลงแข่งขันโอลิมปิกอย่างเป็นทางการได้ เมื่อนักกีฬาทีม ROC คว้าเหรียญทอง จะไม่มีการเล่นเพลงชาติรัสเซียหรือเชิญธงชาติรัสเซียขึ้นสู่ยอดเสา


อย่างไรก็ตาม แฟนกีฬาทั่วโลกจะได้เห็น ธงที่มีสัญลักษณ์ของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งรัสเซีย หรือ ROC ถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาอย่างสง่างาม พร้อมกับเสียงบรรเลงเพลง "Piano Concerto No. 1 in B-Flat Minor, Op. 23" ซึ่งประพันธ์โดย "ปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี" คีตกวีชาวรัสเซียแห่งยุคโรแมนติกช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19



ไชคอฟสกีถือเป็นคีตกวีชาวรัสเซียคนแรกที่ผลงานสร้างความประทับใจในระดับโลก จนได้รับการส่งเสริมในฐานะวาทยกรรับเชิญในทวีปยุโรปและอเมริกา จึงอาจเป็นเหตุผลที่รัสเซียเลือกเล่นเพลงของคีตกวีคนนี้เมื่อนักกีฬาชนะเลิศหรือขึ้นรับเหรียญทองในการแข่งขันระดับนานาชาติ เพื่อประกาศความเป็นเลิศทั้งในด้านกีฬาและดนตรีของตน

ข้อมูล ณ วันที่ 27 ก.ค. ทัพนักกีฬาทีม ROC คว้าเหรียญโอลิมปิกไปแล้วรวม 18 เหรียญ แบ่งเป็นทอง 7 เหรียญ เงิน 7 เหรียญ และทองแดง 4 เหรียญ อยู่ในอันดับ 4 ของทำเนียบเจ้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 รองจากเจ้าภาพญี่ปุ่น (ทอง 10 เหรียญ / รวม 18 เหรียญ) สหรัฐ (ทอง 9 เหรียญ / รวม 25 เหรียญ) และจีน (ทอง 9 เหรียญ / รวม 21 เหรียญ) ตามลำดับ
#3811



บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ขออภัยผู้ใช้บริการกรณีสิ่งของฝากส่งอาจล่าช้า เนื่องมาจากการระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบให้ต้องปิดที่ทำการฯบางแห่งชั่วคราว พร้อมย้ำ ไปรษณีย์ไทยจะแจ้งข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา และไม่ปิดบังข้อมูลกรณีพบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ และได้มีมาตรการในการบริหารจัดการสิ่งของฝากส่งมิให้ตกค้าง พร้อมกับเข้มงวดมาตรการด้านสุขอนามัยในการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวถึงการระบาดของ เชื้อ COVID-19 ที่ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยติดเชื้อ และไปรษณีย์บางแห่งต้องปิดให้บริการเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อนั้น กรณีดังกล่าวได้มีเจ้าหน้าที่บางส่วนต้องทำการรักษาและกักตัวชั่วคราว แต่ไปรษณีย์ไทยซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ให้บริการด้านขนส่งและการสื่อสารภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังคงต้องให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะวิกฤต จึงอาจมีการจัดส่งสิ่งของล่าช้าในบางพื้นที่

โดยปัจจุบันไปรษณีย์ไทยมีปริมาณไปรษณียภัณฑ์และพัสดุด่วนเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งจากการระบาดของ COVID-19 ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญในการไม่ให้งานตกค้าง โดยได้มีการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง และแนวทางดำเนินงานรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ดังนี้

1. แบ่งเจ้าหน้าที่นำจ่ายออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกำหนดให้ทำงานเหลื่อมเวลากัน

2. นำเจ้าหน้าที่จากไปรษณีย์ที่อยู่ใกล้เคียงมาปฏิบัติหน้าที่ในการนำจ่ายแทนเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ที่ต้องปิดให้บริการชั่วคราว

3. ปรับเปลี่ยนเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ศูนย์ไปรษณีย์ที่ใช้ในการคัดแยกปลายทางซึ่งเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดพื้นที่ปฏิบัติงานให้มีความปลอดภัย ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

4. กำชับให้เว้นระยะห่างเพื่อลดความเสี่ยง แยกกันรับประทานอาหาร ห้ามสูบบุหรี่ร่วมกัน และห้ามจับกลุ่มคุยกันอย่างใกล้ชิด

5. ไปรษณีย์ที่มีพื้นที่ปฏิบัติงานหลายจุดให้กำหนดเป็นพื้นที่ปฎิบัติงานสำรอง ในกรณีที่จุดใดจุดหนึ่งต้องปิด

6. ปรับสถานที่ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นำจ่ายให้มีระยะห่างกันเพิ่มมากขึ้น

"นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย จะไม่ปกปิดข้อมูลหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อและจะรายงานให้ผู้ใช้บริการทุกท่านทราบผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ของไปรษณีย์ไทยอย่างตรงไปตรงมา แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันอาจส่งผลกระทบให้การนำจ่ายสิ่งของในช่วงนี้อาจล่าช้าบางพื้นที่ จึงต้องขออภัยผู้ใช้บริการมา ณ ที่นี้"

อย่างไรก็ตามได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด คือ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งต้องคัดกรองผู้ใช้บริการก่อนเข้าที่ทำการอย่างเคร่งครัด ให้บริการเจลล้างมือแอลกอฮอล์ตั้งแต่เข้าที่ทำการ ระหว่างใช้บริการ และหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมจัดระยะห่างทั้งเคาน์เตอร์ให้บริการ เก้าอี้พักรอใช้บริการ และทำความสะอาดจุดสัมผัสในที่ทำการ เช่น จุดกดบัตรคิว มือจับประตู เคาน์เตอร์ให้บริการทุกๆ 20 นาที

ด้านเจ้าหน้าที่ให้บริการของไปรษณีย์ไทยเองก็มีการคัดกรองก่อนปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด โดยจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาระหว่างปฏิบัติงาน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และงดการพูดคุยระหว่างให้บริการ และเจ้าหน้าที่นำจ่ายต้องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนปฏิบัติงานทุกครั้ง และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ระหว่างนำจ่ายสิ่งของให้ลูกค้าทุกครั้ง ศูนย์ไปรษณีย์มีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนพัสดุทุกชิ้น สำหรับผู้ใช้บริการที่ไม่ต้องการลงนามรับสิ่งของ สามารถแจ้งให้บุรุษไปรษณีย์บันทึกชื่อ-นามสกุล แทนการลงนามได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัส
#3812



นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยความคืบหน้าธุรกิจให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้ดำเนินการติดตั้ง เนื่องจากลูกค้าหลายรายที่เคยเจรจากันไว้ ขอชะลอแผนการลงทุนติดตั้ง

โซลาร์รูฟท็อปออกไปก่อน ซึ่งเป็นการตัดสินใจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยเฉพาะผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19

"ยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันลำบาก ไม่มีคนอยากจะลงทุน และหลายโรงงานก็ปิดตัวลง ทำให้ธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปยังไม่คืบหน้า ตอนนี้ยังไม่ได้ตามเป้าหมาย แต่ในอนาคตยังเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้ และบริษัทยังไม่ล้มเลิกธุรกิจนี้แน่นอน เพียงแต่รอความพร้อมของลูกค้าที่ขอชะลอการติดตั้งออกไปก่อน"

สำหรับธุรกิจให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ก่อนหน้านี้ เอ็กโก กรุ๊ป ระบุว่า มีลูกค้าในมือแล้ว ประมาณ 40 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตในมือแตะระดับ 200 เมกะวัตต์ใน 5 ปี โดยจะมุ่งเน้นเจาะตลาดในกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังคงเดินหน้าเร่งรัดขยายการลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพการเติบโตมากกว่าแทน โดยเฉพาะการลงทุนในพลังงานทดแทน ที่จะเป็นส่วนของสำคัญของการพลังงานสะอาดที่มีอนาคตเติบโตอีกมาก ซึ่ง บริษัท ก็ได้ปรับเป้าหมายจะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นเป็นไม่น้อยกว่า 30% จากเดิม 25% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ภายในปี 2573 และอีก 75% จะเป็นกำลังการผลิตจากพลังงาน Conventional และธุรกิจใหม่ จากปัจจุบันสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอยู่ที่ 22-23% ของกำลังการผลิตทั้งหมด

อีกทั้งยังมีโอกาสปรับเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้มากกว่า 30% ได้ แต่ยังคงต้องรอดูความชัดเจนจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2022) เนื่องจากปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศขณะนี้สูงถึง 40% การเติมพลังงานทดแทนช่วงดังกล่าวอาจยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟได้ ซึ่งปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,016 เมกะวัตต์ 
#3813



นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ กล่าวว่า หลังจากที่ภาครัฐเปิดโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" เกือบ 1 เดือนที่ผ่านมานั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าโมเดลดังกล่าวช่วยเหลือผู้ประกอบการภูเก็ตได้มากน้อยเพียงใด เพราะยังไม่มีการประเมินจากภาครัฐในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น แทบจะไม่เกิดประโยชน์ เพราะชาวต่างชาติหวังเข้ามาท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ไม่มีเจตนาเข้ามาลงทุนแต่อย่างใด ในขณะที่ชาวต่างชาติบางส่วน ที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 ไว้ที่ภูเก็ตก่อนหน้านี้ ก็ไม่สามารถเข้าพักได้ทีเดียว เนื่องจากต้องไปกักตัวในโรงแรมในระบบที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้ก่อน 14 วัน จึงเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ชาวต่างชาติไม่อยากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งมองว่าภาครัฐยังขาดความพร้อมและการวางแผนที่รัดกุม

ทั้งนี้การเปิด "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" มีข้อดีคือได้ทดลองเปิดดู หากผลเสียมีมากกว่า ธุรกิจทั่วไปยังไม่ได้รับผลประโยชน์ และนักท่องเที่ยวยังถูกจำกัดการทำกิจกรรมอยู่ ก็ยังรู้สึกไม่เกิดผลดีกับภาพรวมของภูเก็ต ซึ่งมองว่า ต้องหยุดเรื่องการติดเชื้อให้ลดน้อยลงที่สุดก่อน หากนำวัคซีนที่มีคุณภาพเข้ามาได้ ก็จะสามารถเปิดทุกกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ภาครัฐต้องแก้ไขปัญหา ประเมินข้อดี ข้อเสียก่อน เพื่อให้ทุกอย่างรัดกุมมากกว่านี้

"นักท่องเที่ยวพอมาถึงประเทศไทยและได้ยินข้อมูลด้านลบ เพราะในภูเก็ตยังมีการติดเชื้ออยู่ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับการติดเชื้อไปด้วย ทำให้บรรยากาศรู้สึกไม่ปลอดภัย และนักท่องเที่ยวเกิดความกังวล ทำให้รีบเดินทางกลับประเทศ ส่วนคนที่กำลังจะมาภูเก็ตก็รอดูท่าทีก่อน โมเดลนี้ไม่ถือว่าล้มเหลว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อเริ่มทดลองและได้เห็นปัญหา ซึ่งก็ต้องนำปัญหานั้นมาแก้ไข แต่ไม่ทราบว่าภาครัฐมีการแก้ไขมากน้อยเพียงใด หากเปิดประเทศไม่ได้ แต่สามารถเปิดภูเก็ตได้ เพราะช่วงไฮซีซั่นก็ต้องมีชาวต่างชาติกลับมาอย่างแน่นอน ซึ่งควรแก้ปัญหาด้วยการหาวัคซีนมาฉีดให้คนในภูเก็ตให้หมด และคลายกฎให้นักท่องเที่ยว รวมไปถึงทำประชาสัมพันธ์ระดับโลกว่าภูเก็ตมีอัตราการติดเชื้อต่ำ ซึ่งภาครัฐอาจมองในมุมที่ต่างจากผู้ประกอบการเพราะประเทศไทยไม่ได้ใช้ระบบการทำการตลาดไปทั่วโลก ให้ชาวต่างชาติรับรู้ว่าภูเก็ตมีความพร้อมแล้ว แต่สิ่งที่รัฐขาดคือความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้การประชาสัมพันธ์การเปิด 'ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์' ไม่เป็นไปในทิศทางที่จะเป็น แต่ก็ยังมีเวลาที่จะแก้ไขได้ก่อนที่จะถึงช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาภูเก็ตอย่างแน่นอน" นายอรรถนพ กล่าว

สำหรับ ผู้ประกอบการอสังหาฯในภูเก็ตมีความต่างกันพอสมควร เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกในสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตทุกคน ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการที่สร้างบ้านเพื่อขาย และลงทุน มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ดังนั้นจึงอยากจะฝากถึงรัฐบาล ในการช่วยภาคธุรกิจอสังหาฯและท่องเที่ยว หากมีการทำประชาสัมพันธ์เมืองภูเก็ต ก็ควรที่จะดึงงบประมาณบางส่วนให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกนักท่องเที่ยวมาแล้วรู้สึกประทับใจ ระบบราชการต้องมีความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล รวมไปถึงควรตัดวงจรกลุ่มที่ขูดรีดชาวต่างชาติ และคนไทยด้วยกันออกไปให้หมด และควรมีงบบำรุงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อีกทั้งเพื่อความยั่งยืนของภูเก็ตควรเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาร่วมทุนกับภาครัฐเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในภูเก็ตมากขึ้น

"การที่จะดึงให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูเก็ต ภาครัฐควรมีการแก้ไขกฎหมายต่างๆ อาทิ 1. ดึงนักลงทุนมาลงทุนอสังหาฯด้วยการแก้ไขสิทธิกฎหมายการเช่าที่ดินจากเดิม 30 ปี เป็น 90 ปี , 2. เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดได้ 100% จากเดิม 49% , 3. การลงทุนกิจการในภูเก็ตไม่ควรคิดมาตรการด้านภาษีรายได้ โดยไม่หักภาษีชาวต่างชาติ เพื่อให้นำเงินออกนอกประเทศได้ ซึ่งจะทำให้เกิดเงินสะพัด ภาคธุรกิจมีการเติบโต และ 4.หากชาวต่างชาติที่มีการลงทุนเกิน 30 ล้านบาท ควรให้วีซ่าเกิน 30 ปีไปเลย หากสามารถปลดกฎพวกนี้ได้ ราคาที่ดินภูเก็ตจะพุ่งขึ้นเป็น 2-3 เท่าตัวอย่างแน่นอน และทำให้เกิดการจ้างงาน เงินสะพัด เพราะที่ยุโรป อเมริกาก็ทำกันมาก ซี่งอยากให้รัฐเข้าใจและพัฒนาอย่างจริงจัง" นายอรรถนพ กล่าว

ในส่วนของ "ซิซซา กรุ๊ป" นั้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิต-19 ได้พยายามประคับประคองธุรกิจให้อยู่ได้ ทั้งส่วนของการพัฒนาอสังหาฯเพื่อการขายและธุรกิจโรงแรม รวมไปถึงพยายามหารายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการจัดแคมเปญต่างๆหรือมีการลดราคาสินค้า เพื่อดันยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งหาช่องทางหรือเปิดธุรกิจใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้ เช่น การร่วมทุนกับกลุ่มพันธมิตรเปิดตัวโครงการ "Natai Medical Center & Resort" ที่จะขายแพ็กเกจให้กับนักลงทุนล่าสุดเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 3/2564 บริษัทได้นำโครงการ "วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต" มาจัดโปรโมชั่น "Pay Less Get TRIPLE" ซื้อ 1 ได้ถึง 3 ต่อ คุ้มค่าเหนือทุกเงื่อนไข กับการลงทุนแบบ Unit Ownership
#3814



ครั้งแรกของการผนึกกำลังของตัวจริงเรื่องชั้นในชาย เมื่อ เจ.เพลส (J.Press) หนึ่งในผู้ผลิตกางเกงชั้นในชายรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกว่า 38 ปี การันตี คุณภาพระดับสากล ด้วยการผลิตสินค้าให้แบรนด์เนมระดับโลกมานับไม่ถ้วน และ "เบ้อเร่อ" (BERRER) เจ้าตลาดเสื้อผ้าผู้ชายไซส์ใหญ่ แบรนด์ดังสุดชิคในหมู่หนุ่มๆ ไซส์ เบ้อเร่อที่รักการแต่งตัวอย่างมั่นใจ เท่ในสไตล์ที่เป็นตัวเอง เปิดแคมเปญ "J.PRESS x BERRER สบายหนุ่มสไตล์เบ้อเร่อ" เอาใจหนุ่มไซส์ใหญ่ ด้วยกางเกงชั้นในคุณภาพเยี่ยมถึงสองรุ่น

กางเกงสองรุ่นนี้มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษ เนื้อผ้านุ่มสบาย ยืดหยุ่นสูง ระบายอากาศได้ดี รอบวงขานุ่มและช่วงขอบเอวเป็นผ้าไม่ระคายเคืองผิวสัมผัส และสามารถยืดได้สูงสุดถึง 56 นิ้ว ในขนาดตั้งแต่ 40"-44" / 44"-48" / 48"-52" / 52"-56" (นิ้ว) เอาใจคุณผู้ชายและคุณสาวๆ ที่ต้องดูแลหนุ่มๆ หุ่นเบ้อเร่อที่บ้าน

"J.Press x BERRER" มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่น Perfect Style เป็นกางเกงในทรง Brief (ขาเว้า) มีสีขาวและเทาอ่อน เหมาะกับหนุ่มๆ ที่ต้องการความเนี๊ยบ ดีไซน์ขอบขา เว้าโอบกระชับ เคลื่อนไหวสะดวก ยืดหยุ่นกระชับแต่ไม่เจ็บต้นขา และ รุ่น Strong Style เป็นกางเกงในทรง Trunk (ขาสั้น) มีสีดำและสีเทาเข้ม สำหรับคนรุ่นใหม่ไลฟ์ สไตล์ลุยๆ ด้วยทรงขายาวเข้ารูป แต่วงขานุ่มด้วยการตัดเย็บชั้นเยี่ยม ช่วยป้องกัน การเสียดสีต้นขาได้ดี ปลายขากระชับ ใส่สบายไม่อึดอัด ในราคา 590 บาท / แพค 2 ตัว