• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Joe524

#3541
ทรูวิชั่นส์ จัดหนัก จัดเต็ม พร้อมปรับโฉม 6 ช่องใหม่ที่เต็มอิ่มไปด้วยคอนเทนต์ทั้ง ซีรีส์เอเชียสุดฮิต ภาพยนตร์จีนชั้นนำ หนังอนิเมชั่น การ์ตูนสำหรับเด็ก รวมไปถึงรายการสำหรับเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลาย

เอาใจคอบันเทิงกันอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยคุณภาพคมชัดระดับ HD สำหรับการปรับโฉมช่องใหม่ของ ทรูวิชั่นส์ เริ่มกันที่ TRUE KOREAN MORE (ช่อง 141, 238) ช่องรายการที่รวมซีรีส์เกาหลีแบบหลากหลายอารมณ์ จากทีวีชั้นนำแดนกิมจิ ไม่ว่าจะเป็น TVN, KBS, SBS, MBC, JTBC ให้คุณได้ซึ้ง เศร้า สนุก กันอย่างเต็มที่ จากเหล่านักแสดงที่คุณชื่นชอบ ต่อกันด้วย TRUE CHINESE MORE (ช่อง 140, 225) ช่องที่อัดแน่นไปด้วยภาพยนตร์จีนใหม่ล่าสุดระดับแนวหน้าของเอเชีย หรือถ้าใครยังติดใจ และชื่นชอบหนังฮ่องกงคลาสสิคยอดนิยมในอดีต ก็สามารถมาดื่มด่ำย้อนความหลังกันได้ที่ช่องนี้ ทรูวิชั่นส์ พร้อมเสิร์ฟให้คุณแบบเต็มอรรถรสทั้งบู๊แอ็คชั่น ดราม่า ตลก โรแมนติก ให้ความรู้สึกเหมือนคุณได้ไปเยือนแดนมังกรด้วยตัวคุณเอง และถ้าใครยังคงชื่นชอบการ์ตูนอนิเมชั่น ที่เต็มไปด้วยจินตนาการเหลือล้ำ ความสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจระดับโลก ส่งตรงจากค่ายหนังดังฝั่งฮอลลีวูด ก็สามารถติดตามชมได้ที่ DreamWorks (ช่อง 448) นอกจากนั้น ทรูวิชั่นส์ ยังเอาใจเหล่าเด็กน้อยก่อนวัยเรียน ด้วยช่องรายการสนุกๆ ที่จะช่วยพัฒนาทักษะด้านต่างๆ แฝงด้วยสาระน่ารู้ที่คัดสรรคุณภาพมาอย่างดีที่ Nick Jr. (ช่อง 447) พิเศษสุด สำหรับเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายกับ TRUE GAMING UP (ช่อง 127, 680) ให้คุณได้เต็มอิ่มไปกับความสนุก ความบันเทิงจากเกมที่มาจากทั่วทุกมุมโลก รีวิวเกมฮิตติดเทรนด์ วิเคราะห์เกมการแข่งขัน E-Sport ให้เหล่าเกมเมอร์ได้ตื่นตาตื่นใจ ประหนึ่งเหมือนคุณอยู่ในสนามประลองการแข่งขัน และอีกหนึ่งช่องสุดท้าย พบกับการปรับโฉมใหม่จาก TRUE ASIAN MORE ช่องที่จะทำให้คุณเต็มอิ่มไปกับละครจาก True Original Series ก่อนใคร รวมไปถึงซีรีส์ยอดฮิตจากญี่ปุ่น และจีน ทั้งหมดนี้พร้อมแล้วที่จะให้คุณเพลิดเพลินไปกับความสุข ความสนุก ที่ ทรูวิชั่นส์ เตรียมจัดเต็มไว้ให้ .. อย่าลืม 1 ตุลาคมนี้พบกันที่ ทรูวิชั่นส์ ที่นี่ ที่เดียว
#3542


สร้างเสียงหัวเราะภายใต้ชื่อ "เชิญยิ้ม" มานานกว่า 41 ปี หลังจากเจอสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หัวเรือใหญ่ "เป็ด เชิญยิ้ม" หรือ "ดร. ธัญญา โพธิ์วิจิตร" เกิดปิ๊งไอเดียขยายตลาดบันเทิงสู่ตลาดอาหาร โดยร่วมมือกับ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) สร้างแบรนด์ เชิญยิ้ม ทำผลิตภัณฑ์อาหารขึ้น และยังเตรียมเปิดไลน์นำเอาสินค้าของตลก และคนบันเทิงมาขายภายใต้แบรนด์เชิญยิ้มด้วย

"วันนี้ทางเราต้องการทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้นนอกจากธุรกิจบันเทิงเพื่อส่งต่อถึงลูกถึงหลานในอนาคต สิ้นคำว่าเป็ด เชิญยิ้ม หรือสิ้นคำว่าเชิญยิ้มไปมันก็ไม่มีใครมาต่อยอดได้ แต่ถ้าเรามาสร้างแบรนด์สักหนึ่งแบรนด์ขึ้นมา ภายใต้นามสกุลเชิญยิ้ม สร้างอาชีพใหม่เก็บไว้ให้กับลูกหลานมันก็มีประโยชน์ที่จะทำ

เชิญยิ้มจะไม่เป็นเพียงแค่ตลกไทยอีกต่อไป เชิญยิ้มมันเป็นซิมโบลิค 41 ปี เชิญยิ้มสร้างงานที่มีคุณภาพในทีวีทุกวันนี้มีเชิญยิ้ม  90 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เราคิดอยากจะต่อยอดก็คือการสร้างไลน์อาหารขึ้นมา เด็ก วัยรุ่น คนทำงาน คนสูงอายุรู้จักเชิญยิ้มกันหมดก็เลยหาพันธมิตรมาร่วมสร้างแบรนด์ด้วยกัน"

เปิดตัวสินค้าแรกด้วยน้ำปลาร้าที่หวังส่งออกจำหน่ายไปทั่วโลก
"สินค้าแรกที่เป็นเรือธงของเราคือน้ำปลาร้าและตู้กาแฟ เราทำการบ้านกันหนัก ไม่ใช่อยากจะขายก็เอาออกมาขาย งานเชิญยิ้มมีคุณภาพตั้งแต่ขายเสียงหัวเราะ มาจนถึงวันนี้เรามาจับธุรกิจอาหาร เราก็ขายคุณภาพเช่นกัน เราค้นคว้าหาข้อมูล ทำวิจัยจนได้ออกมาเป็นน้ำปลาร้าเชิญยิ้ม ซึ่งเรามองไว้ว่าเราจะขายไปทั่วโลก"

นอกจากนี้ยังสร้างตลาดเอาท์เล็ตนำสินค้าของศิลปินตลก นักแสดงและคนทั่วไปมาร่วมขายสินค้าภายใต้แบรนด์เชิญยิ้ม นอกจากที่เรามีสินค้าของเราเองแล้ว เราก็จะมีเอาท์เล็ต คือมีตลาดสินค้าสำหรับศิลปินตลก หรือดารานักแสดง หรือใครก็ได้อยากจะเข้ามาใช้แบรนด์เชิญยิ้ม เช่น มีลูกชิ้นหมูปูเด๋อ แต่มาร่วมกับเราก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ลูกชิ้นเชิญยิ้ม บาย ปูเด๋อ ล่าสุดคุยกับหม่ำ เขามีไส้กรอกอีสาน ก็อาจจะเป็นไส้กรอกอีสานเชิญยิ้ม บาย หม่ำ จ๊กมก

เราต้องการสร้างรายได้ สร้างอาชีพใหม่ให้นักแสดงตลกเพิ่ม เล่นตลกด้วยและสามารถเปิดร้านสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วยได้ ตลกทุกคนเป็นเจ้าของแบรนด์นี้ได้ เราก็ทำส่วนแบ่งการตลาดกับพาร์ตเนอร์ของเรา"
#3543
  ข้าวปลอดสารเคมี Low Gi  น้ำตาลต่ำ วัยรุ่นควรกินปลอดสาร  ข้าวทุ่งกุลาร้องไห้ จ.สุรินทร์
ข้าวหอมมะลิเมืองสุรินทร์ ข้าวออร์แกนิคแฟร์เทรด   ข้าวสุขภาพส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวมะลินิลorganic คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารกข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ขายข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ
3.  ข้าวปะกาอำปึลออร์แกนิค
4. ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ออร์แกนิค จ.สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค6.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลินิล7.  ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#3544


อว. โดย กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) จัดพิธีส่งมอบหุ่นยนต์บังคับขนาดเล็กสำหรับใช้ในการส่งอาหารและเวชภัณฑ์ให้กับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แก่โรงพยาบาล 6 แห่ง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในการส่งมอบ

วันนี้ (29 ก.ย.) ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานการส่งมอบหุ่นยนต์บังคับขนาดเล็ก (หุ่นยนต์ปิ่นโต 2) สำหรับใช้ในการส่งอาหารและเวชภัณฑ์ให้กับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในระยะแรก จำนวน 12 ตัว ให้แก่โรงพยาบาล 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก, สถาบันประสาทวิทยา, โรงพยาบาลลาดกระบัง, สถาบันบำราศนราดูร, โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และโรงพยาบาลราชพิพัฒน์



การเปิดกิจกรรมการส่งการมอบหุ่นยนต์ปิ่นโต 2 จำนวน 80 ตัว ให้แก่โรงพยาบาลในกรุงเทพและปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงที่มีความจำเป็นในการใช้หุ่นยนต์ช่วยส่งอาหารและเวชภัณฑ์ในการดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 โดยมี สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นผู้สนับสนุนทุนพัฒนาให้กับกรมวิทยาศาสตร์บริการ ในการพัฒนา "หุ่นยนต์ปิ่นโต 2" ดังกล่าว เพื่อลดการสัมผัสเชื้อโรคติดต่ออันตรายและช่วยลดปริมาณการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ เช่น ชุด PPE เป็นต้น

สำหรับหุ่นยนต์บังคับขนาดเล็กที่ใช้ในการส่งอาหารและเวชภัณฑ์ให้กับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 หรือ "หุ่นยนต์ปิ่นโต 2" นั้น เป็นนวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของกรมวิทยาศาสตร์บริการ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหุ่นยนต์ปิ่นโต ของ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีคุณสมบัติเด่นที่นำไปใช้ขนส่งอาหารและเวชภัณฑ์แก่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยการใช้รถเข็นควบคุมทางไกล ควบคุมผ่านทางรีโมทคอนโทรลระยะไกลได้ อีกทั้งมีระบบแสดงผลการเคลื่อนที่ผ่านจอแสดงผลเพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดความเสียหายของอุปกรณ์ขณะใช้งาน สามารถใช้ได้ติดต่อกันนานถึง 9 ชั่วโมง และเพื่อรองรับสถานการณ์ที่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อช่วยลดการสัมผัสและลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ของบุคลากรทางการแพทย์ และยังช่วยลดการใช้ชุด PPE ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้อีกด้วย
#3545
เทศกาลกินเจปีนี้ ดอยคำ หนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เชิญชวนทุกคน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบุญ ด้วยการงดเว้นเนื้อสัตว์ หันมาบริโภคผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองแท้ตามธรรมชาติเพิ่มโปรตีนให้กับร่างกาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ "อิ่มบุญ อิ่มใจ สุขภาพดี ไปกับดอยคำ" ด้วยการจัดโปรโมชันสุดคุ้ม ตลอดเดือนตุลาคม 2564

คุ้มที่ 1 : เพียงซื้อนมถั่วเหลือง ขนาด 400 กรัม จำนวน 2 กล่อง รับฟรี น้ำนมถั่วเหลือง ขนาด 250 มิลลิกรัม หรือ น้ำนมถั่วเหลืองผสมวุ้นมะพร้าว ขนาด 250 มิลลิกรัม จำนวน 1 ขวด มูลค่า 20 บาท

คุ้มที่ 2 : ซื้อ 2 ขวด แถม 1 ขวด เลือกอร่อยคละรสชาติได้ มีประโยชน์ ดื่มได้ ดื่มดี อยู่ท้อง อิ่มบุญ ทั้งน้ำนมถั่วเหลือง ขนาด ขนาด 250 มิลลิกรัม และน้ำนมถั่วเหลืองผสมวุ้นมะพร้าว ขนาด 250 มิลลิกรัม (ราคาปกติขวดละ 20บาท)

เกี่ยวกับดอยคำ
จากพระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงต้องการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรชาวไทยภูเขาให้ดีขึ้น ทรงส่งเสริมการปลูกพืชผลไม้เมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่น พร้อมทรงมีพระราชดําริให้จัดตั้ง สหกรณ์ชาวเขา และโรงงานหลวงอาหารสําเร็จรูปขึ้น เพื่อรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรอย่างเป็นธรรม และแปรรูปผลผลิต ภายใต้ตราสินค้า "ดอยคํา" รวมถึงจัดให้มีการค้นคว้า วิจัย และพัฒนา โดยจัดตั้งเป็น นิติบุคคลภายใต้ชื่อ "บริษัท ดอยคําผลิตภัณฑ์อาหาร จํากัด" ดําเนินกิจการในรูปแบบ "ธุรกิจเพื่อสังคม" ในปีพ.ศ. 2537 ดอยคำตระหนักอยู่เสมอว่าผลกำไรที่แท้จริงคือ การได้เห็นคนไทยทุกระดับกินดี อยู่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะนั้นย่อมหมายถึงความสุขที่ยั่งยืนของคนไทยทุกคน...ดังสโลแกนที่ว่า "เกษตรเพื่อชุมชน ผลิตผลเพื่อคนไทย"
#3546
คนสูงวัยทาน ข้าวหอมมะลินิล และประโยชน์ของข้าวมะลินิล ช่วยชะลอวัย  ข้าวที่มีน้ำตาลต่ำ Low Gi
ข้าวมะลินิล ข้าวหอมมะลินิล ข้าวกล้องมะลินิล ข้าวกล้องหอมมะลินิล ข้าวมะลินิลสุรินทร์  ข้าวหอมมะลินิลสุรินทร์  #ขาวกล้องมะลินิลสุรินทร์ ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุรินทร์  ข้าวปลอดสารไทยมีราคาแพง  
"ข้าวมะลินิลสุรินทร์" สุดยอดข้าวเพื่อสุขภาพ ข้าวมะลินิลสุรินทร์เป็นข้าวเจ้าสีม่วงเข้มหรือสีดำ  คุณภาพการหุงต้มของ ข้าวมะลินิลเพื่อสุขภาพ  รับประทานดี เป็นข้าวเมล็ดเรียวยาว เปอร์เซนต์อะมิโลสต่ำเมื่อหุงสุกจะเหนียวนุ่มหอม   ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ มีคุณสมบัติในการป้องกันโรคมะเร็ง   ข้าวมะลินิลสุรินทร์ ข้าวต้านความเสื่อม   ข้าวกล้องหอมมะลินิลเพื่อสุขภาพ ชะลอวัย ทานแล้วไม่แก่เร็ว  Anti-Aging Rice




ประโยชน์ของ ข้าวมะลินิล/ ข้าวหอมมะลินิล ( ปลูกข้าวมะลินิลอินทรีย์)
-   ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระแอนโทไซยานิน (High Antioxidants) ประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี 6 เท่า
-   ข้าวมะลินิลปลอดสารพิษ มีดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวขาวทั่วไปถึง 62% ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, ความหิว, น้ำหนัก และลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
-   ข้าวกล้องหอมมะลินิลปลอดสารพิษ มี วิตามิน บี1, บี 2, บี6 และบี9 ป้องกันโรคเหน็บชา, การทำงานของระบบประสาท และช่วยในกระบวนการสร้าง DNA RNA
-   ข้าวมะลินิลอินทรีย์กรมการข้าว  มี ลูทีน ช่วยปกป้องเยื่อแก้วตา (Retina) ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนสำคัญในการบำรุงสายตา
-  ข้าวกล้องหอมมะลินิลปลอดสารพิษ  มีสานต้านอนุมูลอิสระฟีนอะลิกและแอนโธไซยานินสูง มีฤทธิ์ต้านการซึมเศร้าและวิตกกังวล
-   ข้าวมะลินิลออแกนิคสำหรับทารก  มีสารอนุมูลอิสระที่ได้จากการสกัดข้าวดิบและข้าวกล้องมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งสำไส้ใหญ่ มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ที่มีในการรักษาสุขภาพ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวหอมมะลินิลสุรินทร์ ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุรินทร์    ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิคสำหรับทารก
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000 โทร. 092-8245655
website : xn--22c6bf3bcuv6dva2b1ntb.com/
Facebook :  ข้าวสุขภาพ
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/ 
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ / ข้าวออร์แกนิค   การตรวจสอบข้าวอินทรีย์    7 ประเภท
1.  ปลูกข้าวหอมมะลิออแกนิค  2.   ข้าวกล้องหอมมะลิorganic   3.  ข้าวปะกาอำปึลออร์แกนิค (ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง 6.  ข้าวหอมมะลินิลอินทรีย์ 7.  ข้าวไรซ์เบอรี่สุขภาพ


#ข้าวมะลินิล #ข้าวหอมมะลินิล #ข้าวกล้องมะลินิล #ข้าวกล้องหอมมะลินิล #ข้าวมะลินิลสุรินทร์  #ข้าวหอมมะลินิลสุรินทร์  #ข้าวกล้องมะลินิลสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุรินทร์ #ข้าวมะลินิลอินทรีย์  #ข้าวหอมมะลินิลอินทรีย์ #ข้าวมะลินิลปลอดสาร #ข้าวหอมมะลินิลปลอดสาร  #ข้าวกล้องมะลินิลปลอดสาร #ข้าวกล้องหอมมะลินิลปลอดสาร #ข้าวมะลินิลเพื่อสุขภาพ #ข้าวหอมมะลินิลเพื่อสุขภาพ #ข้าวกล้องมะลินิลสุขภาพ   #ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุขภาพ

 

 

 

 

 

 

 
 
#3547


ราคาน้ำมันเบรนต์ดีดขึ้นเหนือ 80 ดอลลาร์ช่วงสั้นๆในวันอังคาร(28ก.ย.) ก่อนแกว่งตัวสู่แดนลบ จากดอลลาร์แข็งค่า ปัจจัยนี้ฉุดทองคำแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ในขณะที่วอลล์สตรีทร่วงหนัก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยกับภาวะเงินเฟ้อ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 75.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 44 เซนต์ ปิดที่ 79.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลาดน้ำมันดิเบรนต์พุ่งขึ้นเหนือ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ท่ามกลางความคาดหมายอุปสงค์ฟื้นตัว และความกังวลอุปทานตึงตัว ในขณะที่โลกกำลังโผล่พ้นจากวิกฤตโรคระบาดใหญ่อย่างช้าๆ

อย่างไรก็ตามสุดท้ายตลาดน้ำมันก็แกว่งตัวลงปิดในแดนลบ หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

ความเคลื่อนไหวของดอลลาร์ ประกอบกับการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ฉุดให้ราคาทองคำในวันอังคาร(28ก.ย.) ปิดลบหนัก แตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 14.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,737.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(28ก.ย.) ดิ่งลงแรง ท่ามกลางแรงเทขายทั่วทั้งกระดาน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯดีดตัว และความกังวลมากขึ้นต่อภาวะเงินเฟ้อ ผลักนักลงทุนหลบหนีออกจากตลาดทุน

ดาวโจนส์ ลดลง 569.38 จุด (1.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,299.99 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 90.48 จุด (2.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,352.62 จุด แนสแดค ลดลง 423.29 จุด (2.83 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,546.68 จุด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ท่ามกลางความคาดหมายว่าภาวะเงินเฟ้อจะร้อนแรงขึ้นและความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อาจตัดทอนกรอบเวลาสำหรับกระชับนโยบายทางการเงิน

วอลล์สตรีทร่วงลงหนักขึ้น หลัง เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯคาดหมายว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงปลายปี 2021 จะอยู่ที่เกือบๆ 4% และเตือนสมาชิกสภาคองเกรสให้หลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลาง ในขณะที่ประเทศกำลังเข้าใกล้ถึงขีดจำกัดการกู้หนี้ ซึ่งอาจก่ออันตรายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ

นอกจากนี้แล้วตลาดยังถูกฉุดจากรายงานของสำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ด ที่เผยว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯอ่อนแอเกินคาดในเดือนกันยายน แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

(ที่มา:มาร์เก็ตวอตช์/รอยเตอร์)
#3548


โอเล กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยยังสามารถรับแรงกดดันได้ดีในช่วงเวลาที่ต้นสังกัดผลงานย่ำแย่จนโดนวิจารณ์หนัก และเชื่อว่าลูกทีมจะช่วยกันสู้เพื่อกลับมาคว้าชัยในเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก วันที่ 29 กันยายน นี้

พลพรรค 'ผีแดง' มีคิวเปิดบ้านเจอ บียาร์รีล เกมกลางสัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้ แมนฯยู ประเดิมแพ้ ยัง บอนส์ นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนมาแพ้ตกรอบ คาราบาว คัพ จากน้ำมือ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด และล่าสุดแพ้เกมลีกต่อ แอสตัน วิลล่า

บรรดาอดีตเพื่อนร่วมทีมยุคเรืองรองทั้ง เท็ดดี เชอร์ริงแฮม, แกรี เนวิลล์ รวมถึง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ต่างวิจารณ์ฝีมือของ โซลชา ทำนองเดียวกันว่าเจ้าตัวควรทำทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะตัวท็อปที่เสริมมาในปีนี้อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เจดอน ซานโช, ราฟาเอล วาราน ฯลฯ ไปหยิบแชมป์ให้ได้ หากไม่อยากเสียตำแหน่งกุนซือ

ก่อนเกม แชมเปียนส์ ลีก นัดสอง กุนซือชาวนอร์เวย์ ยอมรับถึงแรงกดดันจากสื่อและอดีตเพื่อนร่วมทีม แต่เจ้าตัวก็ยังมั่นใจว่าบอร์ดบริหารยังคงหนุนหลัง และมั่นใจว่าทีมจะกลับมาคว้าชัยชนะเพื่อเป็นจุดเปลี่ยนในการคืนฟอร์มตามรายการต่างๆ

'ความกดดันคือสิทธิพิเศษภายใต้การทำงานในแวดล้อมแบบนี้ คุณต้องยอมรับแรงกดดันนั้น ถ้าเขา (เนวิลล์) บอกว่าผมต้องคว้าแชมป์ ใช่เลย ผมได้รับการหนุนหลังแล้ว เรายังทำงานได้ตามแผนแต่ผลการแข่งขันก็เป็นเรื่องของธุรกิจด้วย'

'การเซ็นสัญญาครั้งนี้ทำให้เกิดความคาดหวัง ผมมาที่นี่เพื่อคว้าชัยชนะ ไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนั้น แกรี่รู้ดีว่า DNA ของสโมสรนี่คืออะไร และเรากำลังทำอะไร ดังนั้นสิ่งที่ผมต้องทำคือชนะเกมถัดไป นั่นคือผลระยะสั้น และระยะยาวก็คือสร้างทีมเพื่อการพัฒนาไปสู่ชัยชนะ'

'เราเริ่มต้นในเกมลีกได้ดี รวมถึง แชมเปียนส์ ลีก แต่เราก็รู้ว่าต้องทำให้ดีกว่านี้ ซึ่งผมยังเชื่อว่าเราสามารถยกระดับการเล่นได้ด้วยนักเตะที่เรามี และโค้ชของเราที่มี'
#3549
คุณแม่ยังสาวตั้งครรภ์ทานข้าวกล้องออแกนิกน้ำตาลต่ำ Low GI ข้าวอร่อยสำหรับคุณแม่ตั้งท้อง ข้าวสุรินทร์ 100%
เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ปลูกข้าวอินทรีย์  เส้นทางผลิตข้าวอินทรีย์สุรินทร์   กลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์  ต้นข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ข้าวออแกนิคคือ)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ  ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิค " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1.  ข้าวกล้องมะลินิลออร์แกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.   ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.  ขายข้าวหอมมะลิอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  ข้าวปะกาอำปึลออร์แกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.  ข้าวผกาอำปึลเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.  ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ , ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงสุขภาพ, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ข้าวอินทรีย์หอมมะลิ
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ
3. ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษ   ข้าวผกาอำปึลอินทรีย์(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ออร์แกนิคสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ 6.  ขายข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์
7. ข้าวไรซ์เบอรี่ปลอดสารพิษ  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#3550


กสิกรไทย เผยธุรกิจธนาคารต้องมีไลเซนส์ 2 แบบ เน้นทำธุรกิจแบงก์ และทางสังคม มองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวาระเร่งด่วน หลังหลายประเทศ-องค์กรตั้งเป้าคาร์บอนเป็น 0 ภายใน 20-30 ปี หนุนดึงโมเดล ESG ในการทำธุรกิจ เปิดเผยข้อมูล-ประเมินความเสี่ยง

วันที่ 27 กันยายน 2564 นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวภายใน "Sustainable Thailand 2021 รวมพลังนักลงทุนสถาบันและภาคร่วมกันประกาศเจตจำนงร่วมสร้างประเทศไทยยั่งยืน" ภายในหัวข้อ "บทบาทของธนาคารกสิกรไทย ในการขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน" ว่า ธนาคารกสิกรไทยได้ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทั้งการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส



ขัตติยา อินทรวิชัย
โดยการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบความยั่งยืนจะต้องมีใบอนุญาต (License) 2 แบบ คือ 1.ใบอนุญาตทางธนาคารที่ดำเนินธุรกิจตามกฎหมาย และ 2.ใบอนุญาตทางสังคม โดยการร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน แม้จะต้องเจ็บปวดระยะสั้น เพื่อความยั่งยืนระยะยาว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาในสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าในการประคอง และปรับเปลี่ยนธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าและธุรกิจสามารถฝ่าฟันธุรกิจหลังโควิด-19 ได้

ทั้งนี้ วาระเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อบรรเทาและลดผลกระทบ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลกในการดำเนินตามกฎหมาย โดยมีหลายประเทศและหลายองค์กรประกาศตั้งเป้าเป็นคาร์บอนเป็นศูนย์ภายใน 20-30 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมธนาคารที่มีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการสนับสนุนในการกำกับดูแล และมีการร่วมมือระหว่างสมาชิกภายใต้สมาคมธนาคารไทย และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีการส่งเสริมให้บริษัทที่จดทะเบียนรายงานตามเกณฑ์สังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล (ESG)




"การธนาคารที่มีความยั่งยืน โดยมีการนำเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเข้ามา รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเรื่องสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการทำธุรกิจที่คาร์บอนเป็นศูนย์ โดยทำตามโมเดล ESG ซึ่งตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 63 เราเครดิต 100% ต้องผ่านเรื่อง ESG มีการจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อม เพื่อทำธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยนอกจากทำให้ดีขึ้น เราต้องทำมากขึ้นด้วย"

 
#3551


กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย 8 เดือน จดทะเบียนธุรกิจยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ พุ่ง 43.95% อานิสงค์จากโควิด คาดยังโตต่อเนื่องจากเปิดเมือง การฉีดวัคซีน ขณะที่เดือนส.ค.ทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 214 ราย เพิ่มขึ้น 94 ราย คิดเป็น 78.33%

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เดือนส.ค. 2564 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 214 ราย เพิ่มขึ้น 94 ราย คิดเป็น 78.33% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ธุรกิจยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เดือนส.ค. 2564 มีมูลค่าทั้งสิ้น 336.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.68 ล้านบาท คิดเป็น 2.65% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการจดทะเบียนเลิกธุรกิจยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เดือนส.ค. 2564 มีจำนวน 19 ราย เพิ่มขึ้น 2 ราย คิดเป็น 11.76%

ขณะที่การจัดตั้งธุรกิจใหม่ 8 เดือนแรกปี 64 หรือตั้งแต่เดือนม.ค. – ส.ค. 2564 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่สะสมจำนวน 1,333 ราย เพิ่มขึ้น 407 ราย คิดเป็น 43.95% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 926 ราย ในขณะที่จำนวนการจดทะเบียนเลิก 8 เดือนแรกปี 64 มีการจดทะเบียนเลิกสะสม 122 ราย ลดลง 9 ราย คิดเป็น 6.87% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์โตแรงรับโควิด-19

ทั้งนี้สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ปริมาณการจัดตั้งในช่วง 8 เดือนแรกเพิ่มขึ้น ถึง 43.95% ซึ่งการจดทะเบียนจัดตั้งที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับปริมาณความต้องการสินค้าทางเวชภัณฑ์และเภสัชภัณฑ์ที่มีเพิ่มขึ้นจากความจำเป็นที่ต้องใช้ในการป้องกันและรักษาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และส่งผลให้การจดเลิกในช่วง 8 เดือนแรกลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นกัน  และเมื่อดูภาพรวมการจดทะเบียนจัดตั้งย้อนหลังไป 2 ปี พบว่า ในปี 63 ยอดจัดตั้งเพิ่มจากปี 62 จำนวน 394 ราย คิดเป็น 43.39%

ปัจจุบันมีจำนวนนิติบุคคลที่ยังดำเนินกิจการอยู่ ณ วันที่ 31 ส.ค. 2564 มีทั้งสิ้น 11,964 ราย เพิ่มขึ้น 1,352 ราย คิดเป็น 12.74% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนส.ค.63 ที่มีอยู่จำนวย10,612 ราย ในส่วนของทุนจดทะเบียนมีมูลค่า 108,392.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,714.75 ล้านบาท คิดเป็น 3.55% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนส.ค.63 ที่มีทุนจดทะเบียน 104,677 ล้านบาท

" สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ การผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 จำนวนผู้ได้รับวัคซีนในประเทศที่เพียงพอ และการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการในธุรกิจยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง"นายทศพล กล่าว

สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประกอบด้วย 1.กลุ่มธุรกิจการผลิตสิ่งของเครื่องใช้ด้านสุขอนามัยหรือเภสัชกรรมที่ทำจากยาง สิ่งของเครื่องใช้ด้านอนามัยหรือเภสัชกรรมที่ทำจากยาง เช่น ถุงยางอนามัย จุกนม ถุงน้ำร้อน หลอดสำหรับฉีดยา ถุงมือแพทย์ (ยาง) ฯลฯ

2. การผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ในทางการแพทย์ (ยกเว้นทางทันตกรรม) การผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในทางการแพทย์ และชุดเครื่องมือที่ใช้ในห้องปฏิบัติการเครื่องมือผ่าตัดและเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการผ่าตัด การผลิตผ้าที่ใช้ในการผ่าตัด ด้ายและผ้าปลอดเชื้อ การผลิตเครื่องฆ่าเชื้อที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ การผลิตเครื่องกลั่นและเครื่องปั่นแยกสารในห้องปฏิบัติการ การผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในทางการแพทย์ศัลยกรรม หรือสัตวกรรม เช่น เตียงผ่าตัด เตียงตรวจโรค เตียงพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ การผลิตเหล็กดามกระดูกและตะปูควง กระบอกฉีดยา เข็มฉีดยา ท่อและสายดูด ฯลฯ การผลิตเครื่องมือผ่าตัดกระดูกและเครื่องมือผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ การผลิตกระจกสำหรับตัดแว่น การผลิตเทอร์โมมิเตอร์ รวมทั้งการผลิตวัสดุต่างๆ ที่เกี่ยวกับตา เช่น แว่นสายตา แว่นกันแดด เลนส์สายตาเพื่อนำไปตัดแว่น เลนส์สัมผัสแว่นนิรภัย

3.การขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์ทั้งชนิดเคมีภัณฑ์ ยา และสมุนไพร เครื่องเทศที่ใช้ทำยาไทยแผนโบราณ และทางการแพทย์ เช่น ของที่ใช้แต่งแผลที่มีสารยึดติด ชุดปฐมพยาบาล ผลิตภัณฑ์เคมีที่ใช้ภายนอกสำหรับคุมกำเนิด ฯลฯ การขายส่งอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์

4.ร้านขายปลีกสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และเวชภัณฑ์การขายปลีกยารักษาโรค ผลิตภัณฑ์ยาอื่นๆ รวมถึงการขายปลีกสมุนไพรและเครื่องเทศที่ใช้ทำยาไทยแผนโบราณ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
#3552

แฟลช เอ็กซ์เพรส เปิดตัว Flash Management System ระบบสนับสนุนการทำงานของ Flash Express Call Center ด้วยการคิดค้นเทคโนโลยีเฉพาะให้มีความสามารถในการตรวจสอบข้อมูล และ ให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ รองรับปริมาณความต้องการจากลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาได้มากยิ่งขึ้น

นางสาวรวมพร บุญทนาวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ของแฟลช เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการขนส่งสัญชาติไทย ขนส่งเอกชนไทยรายแรกที่ก้าวสู่ยูนิคอร์นระดับสากล กล่าวว่า Flash Management System หรือ MS (ระบบจัดการบริหารงานภายในองค์กรแบบครบวงจร) – เป็นเทคโนโลยีด้าน IT ที่ถูกออกแบบมาเพื่อนำมาใช้กันอย่างทั่วถึงในองค์กรของแฟลช เอ็กซ์เพรส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนงานของ Call center โดยได้พัฒนาระบบเพื่อเพิ่มศักยภาพของโปรแกรมให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง



ตลอดจนตอบสนองในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เช่น รายละเอียดพัสดุ, การใช้ข้อมูลเบอร์โทร เพื่อตรวจสอบสถานะพัสดุแทนหมายเลขพัสดุที่มีความยาวและยากต่อการจดจำ, ระยะเวลาการรับเงิน COD, พื้นที่และเบอร์ติดต่อที่ให้บริการ, การตรวจสอบสถานะของงานเคลมพัสดุ รวมถึงข้อมูลบริการเสริมต่างๆ เช่นค่าคุ้มครองพัสดุตีกลับ ,ค่าคุ้มครองพัสดุเพิ่มเติม, ค่าคุ้มครองบริการ speed และอื่นๆ อีกมากมาย

"สิ่งสำคัญที่ทำให้แฟลช เล็งเห็นประโยชน์ในการใช้งานระบบ MS เพื่อสนับสนุนงานด้าน Call center ด้วยพบว่าอัตราการให้บริการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังจากการนำ MS มาใช้ โดยความสามารถในการให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 97% จาก 46% ทั้งนี้ ยังรวมไปถึงความสามารถในการติดตามและจัดการปัญหาให้แก่ลูกค้าได้เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 61 % ส่งผลให้ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 90% จากเดิม 85% อีกทั้ง MS ยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการเชื่อมข้อมูลการติดต่อระหว่างพนักงานในองค์กรแผนกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีม call center , เจ้าหน้าที่ส่งพัสดุ เจ้าหน้าที่ในคลังสินค้า บัญชีและการเงิน ทำให้สามารถส่งข้อมูลให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อการเติบโตของธุรกิจ และ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด"

ทั้งนี้ ระบบ MS ยังสามารถบันทึกข้อมูลการติดต่อของลูกค้า โดยแบ่งเรื่องการติดต่อของลูกค้าออกเป็นหมวดหมู่การติดต่ออย่างชัดเจน รวมถึงการส่งงานประสานต่อในส่วนงานต่าง ๆ ผ่านระบบบันทึกข้อมูล โดยไม่ต้องสร้างหรือพิมพ์ข้อมูลใหม่ ตลอดจนมีฟังก์ชั่นเพื่อแยกประเภทปัญหาของลูกค้า เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาการบริการ ของ Flash express ให้ดียิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ ยังได้นำข้อมูลใน MS เชื่อมต่อกับ Flash Express Application เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบพัสดุ ยื่น Claim สินค้า แก้ไขข้อมูลต่างๆ ตลอดจนแจ้งปัญหาการใช้บริการด้วยตนเอง เพื่อช่วยการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และในอนาคตเราจะสามารถพัฒนาระบบ และนำ AI เข้ามาใช้งานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด " นางสาวรวมพร กล่าว
#3553
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#3554


" ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ " คาดผลงานไตรมาส 3/64 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่มีรายได้ 2,924 ล้านบาท ผลักดันผลประกอบการปีนี้ตามเป้าหมาย พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเติม ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 526 เมกกะวัตต์ ภายในปี 2567 เพื่อชดเชย Adder บางส่วนที่ทยอยหมดอายุ

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน TPIPP เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ดังนี้ (1) โครงการโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยระยะที่ 2 ของเทศบาลนครนครราชสีมา กำลังการผลิตติดตั้ง 12 เมกะวัตต์ ระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าตามสัญญา 20 ปี โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายได้ในเดือนเมษายน 2566 ส่งผลให้มีรายได้ และ EBITDA เพิ่มประมาณ 480 ล้านบาท และ 350 ล้านบาท ต่อปี

(2) โครงการโรงไฟฟ้าขยะองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าตามสัญญา 20 ปี โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายได้ในเดือนเมษายน 2566 ส่งผลให้มีรายได้ และ EBITDA เพิ่มประมาณ 400 ล้านบาท และ 300 ล้านบาท ต่อปี (3) โครงการผลิตเชื้อเพลิง RDF เพื่อใช้ในโรงงานปูนซิเมนต์ของ TPIPL เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกเป็นการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมของโลก และจะส่งผลให้มีรายได้ และ EBITDA เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

"TPIPP ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าภายในปี 2567 นี้ โดยเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มี EBITDA เพิ่มขึ้นจนสามารถชดเชย Adder ของโรงไฟฟ้า TG3 (18MW) และ TG5 (55MW) ที่จะทยอยหมดอายุลงในเดือนมกราคม และสิงหาคม 2565 นี้ ได้ (โดยภายหลังระยะเวลาดังกล่าว โรงไฟฟ้า TG3 และ TG5 ยังสามารถจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ EGAT ที่ราคาไฟฟ้าฐานได้) และบริษัทฯยังมีโรงไฟฟ้า TG4 และ TG6 ที่มีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 90 เมกะวัตต์ ที่ได้รับ Adder จาก EGAT

ในส่วนความคืบหน้าโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต หรือ Prototype City of Advanced Futuristic Industries (PAFI) อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา มูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดสีเขียว นิคมอุตสาหกรรม การก่อสร้างท่าเรือเพื่อการพาณิชย์และการท่องเที่ยว คลังสินค้า และเมืองอัจฉริยะ อยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อการร่วมลงทุนโดยมีผู้ลงทุนจากประเทศ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เยอรมัน และมาเลเซีย ซึ่งได้ให้ความสนใจลงทุนในโครงการดังกล่าว

ในส่วนของการดำเนินการของภาครัฐ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน (ผังเมือง) และบริษัทฯ ได้ยื่นคำขอรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แล้ว 3 โครงการ และอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นคำขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับโครงการที่เหลือ ควบคู่ไปกับการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดย TPIPP ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัดในทุกโครงการ " นายภัคพล กล่าว
#3555


กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. แนะผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือ ประชาชนที่ลาออกจากการทำงานประจำ ไม่มีสวัสดิการใดๆ สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิก กอช. เพื่อรับบำนาญ โดยต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ พร้อมออมเงินเริ่มต้น 50 บาท และรับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐสูงสุดไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี ตรวจสอบสิทธิก่อนการสมัครได้ที่แอปพลิเคชัน กอช. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนเงินออม โทร.02-049-9000

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือ ประชาชนที่ลาออกจากการทำงานประจำ ที่เคยได้รับสวัสดิการจากหน่วยงาน เมื่อออกจากระบบการทำงาน ไม่มีสวัสดิการใดๆ โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิก กอช. ได้ ซึ่งต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี หรือตรวจสอบสิทธิในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกผ่านแอปพลิเคชัน กอช. เพื่อรับสวัสดิการด้านบำนาญยามเกษียณกับ กอช. พร้อมได้รับเงินสมทบที่รัฐเพิ่มให้อีกตามช่วงอายุของสมาชิกสูงสุด 1,200 บาทต่อปี เพียงออมเงินเริ่มต้น 50 บาท สูงสุดไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี



ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสมัคร ส่งเงินออมสะสม ดูยอดเงินออม ผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน "กอช." หรือ หน่วยรับสมัครสมาชิกใกล้บ้านท่าน อาทิ ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ สำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธอส. และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา รวมทั้งเคาน์เตอร์เซอวิส เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ตู้บุญเติม ไปรษณีย์ไทย และเครือข่าวรับสมัครทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วนเงินออม โทร.02-049-900
#3556


ประวัติเรื่องราวและเส้นทางสู่ความสำเร็จของกลุ่มอาชีพในชุมชนที่ผ่านการอบรมจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว จากกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวที่จะมาถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ การนำความรู้ไปช่วยเหลือชุมชนและสังคมได้

กลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปผ้าขาวม้า ที่มีสมาชิก 20 คน เคยเข้ารับการอบรมอาชีพหลักสูตรเสริมสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจสตรี ปี พ.ศ.2562 ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่นมีการนำความรู้จากการอบรมไปประกอบอาชีพนำความรู้มาพัฒนากลุ่มในด้านต่างๆ

ทั้งในด้านบทบาทของสมาชิกกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพที่หลากลาย และด้านการประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงด้านช่องทางการจำหน่ายการนำประสบการณ์ และความรู้ในการประกอบอาชีพไปช่วยเหลือชุมชนและสังคมในการสื่อสารประชาสัมพันธ์นำความรู้ต่าง ๆ สู่ชุมชนเกิดการพัฒนาคนในชุมชนให้มีอาชีพและมีรายได้ที่มั่นคงพร้มอกับให้คนในชุมชนมีสินค้าที่มีคุณภาพและเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านอาชีพแก่ผู้ที่สนใจ

กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าทอบ้านประตูป่า มีสามาชิก 30 คน เคยเข้ารับการอบรมอาชีพหลักสูตรโครงการสร้างชีวิตให้สตรีและครอบครัว 104 วัน ปี พ.ศ. 2563 ณ หน่วยงานศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา จังหวัดลำพูน มีการนำความรู้จากการอบรมไปประกอบอาชีพนำไปต่อยอดทำกิจการกระเป๋าผ้าทอ และสร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในชุมชนและการนำประสบการณ์ และความรู้ในการประกอบอาชีพไปช่วยเหลือชุมชนและสังคมให้คนในชุมชนมีอาชีพและมีรายได้ซึ่งกลุ่มนี้มีความประทับใจต่อศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวในด้านเจ้าที่มีความใส่ใจดูแลผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นอย่างดี

กลุ่มกลุ่มอาชีพบ้านทับสวาย หมู่ที่ 1 เคยเข้ารับการอบรมอาชีพหลักสูตรทอผ้าไหม ปี พ.ศ. 2562 ณ หน่วยงานหน่วยงานศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ มีการนำความรู้จากการอบรมไปประกอบอาชีพโครงการธุรกิจสตรีได้นำความรู้จากการอบรมมาใช้ในการรวมกลุ่มทอผ้าไหม เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ของกลุ่มในการจัดจำหน่าย และสร้างอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม รวมทั้งมีการนำความรู้ไปต่อยอดเพื่อการทำธุรกิจให้แก่สมาชิกในกลุ่ม เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มได้มีอาชีพ มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และชุมชนเกิดความเข้มแข็ง รวมทั้งเป็นตัวอย่างให้กับชุมชนรอบข้างได้นำประสบการณ์ และความรู้ในการประกอบอาชีพไปช่วยเหลือชุมชนและสังคมนำประสบการณ์ที่ได้จากการเรียนรู้ สามารถนำไปประกอบอาชีพ และไปช่วยเหลือชุมชนให้สมาชิกกลุ่ม มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง มีความเข้มแข็ง และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพ โดยไม่จำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานเพื่อทำงานในเมืองใหญ่ ความประทับใจต่อศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวศูนย์เรียนรู้ฯ เป็นเหมือนพี่เลี้ยง คอยให้การสนับสนุน ช่วยเหลือกลุ่มอาชีพตลอดระยะเวลาการอบรม โดยให้คำปรึกษาในการบริหารจัดการภายในกลุ่ม ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพ และมีการติดตามเพื่อให้คำแนะนำในเรื่องต่าง ๆ เพิ่มเติม รวมทั้งสนับสนุนในเรื่องเงินทุนประกอบอาชีพ
#3557


เป็นเวลากว่า 1 ปีหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2563 อนุมัติผลการคัดเลือกโครงการร่วมลงทุนการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ระยะทาง 196 กิโลเมตร และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ระยะทาง 96 กิโลเมตร ในที่สุดกรมทางหลวง (ทล.) ได้ปักหมุดเตรียมจดปากกาเซ็นสัญญาร่วมทุนกับกลุ่ม BGSR (บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS / บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF / บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC และ บริษัท ราชกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH วงเงินรวม 39,138 ล้านบาท ในวันที่ 29 ก.ย. 2564  

@วางแผนทยอยส่งมอบพื้นที่ 6-7 กลุ่ม 

สราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมฯ ได้เจรจากับกลุ่ม BGSR เพื่อเตรียมพร้อมในการส่งมอบพื้นที่แล้ว โดยสายบางปะอิน-นครราชสีมาพร้อมส่งมอบพื้นที่ชุดแรก ส่วนที่เป็นบริเวณด่านจำนวน 9 ด่าน และส่วนที่เป็นเส้นทาง 21 ตอนที่ก่อสร้างเสร็จแล้วจากทั้งหมด 40 ตอน โดยจะออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) ประมาณเดือน ธ.ค. 2564  

ส่วนสายบางใหญ่-กาญจนบุรี พร้อมส่งมอบพื้นที่ชุดแรกจำนวน 8 ด่าน และ 4 ตอนที่ก่อสร้างเสร็จแล้วจากทั้งหมด 25 ตอน โดยวางแผนแบ่งการส่งมอบพื้นที่ให้ดำเนินการติดตั้งระบบ O&M ออกเป็น 6 -7 กลุ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับงานโยธาที่จะทยอยแล้วเสร็จ  

ด้านเอกชนผู้รับงานระบบ O&M มีความพร้อมเข้าทำงานมาปีกว่าแล้ว รอแค่เซ็นสัญญา ซึ่งกรมฯ ยังได้เจรจาเพื่อเร่งรัดการดำเนินงานจาก 30 เดือนตามสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 20-24 เดือน เนื่องจากต้องการทยอยเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการได้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ สายบางปะอิน-นครราชสีมา กรมฯ ได้เคยเปิดให้บริการมาแล้วช่วงสงกรานต์ปี 2564 จากตอนที่ 24-ตอนที่ 37 จากปากช่อง-สีคิ้ว   

แต่เนื่องจากตอนที่ 37 จะมีด่านสีคิ้ว ซึ่งบริเวณด่านมีงานถนนที่เอกชนผู้รับงานระบบ O&M ต้องก่อสร้างดังนั้น กรมฯ จะเจรจาให้กลุ่ม BGSR เร่งก่อสร้างในส่วนนี้ก่อน เพื่อให้ตอนที่ 37 เชื่อมต่อกับตอนที่ 38 ได้ และจะทำให้เชื่อมไปยังด่านขามทะเลสอ บริเวณตอนที่ 39 ได้ด้วย ซึ่งจะทำให้เส้นทางต่อเชื่อมกันตั้งแต่ตอนที่ 24 ไปจนถึงตอนที่ 40 ซึ่งเป็นปลายทางอย่างสมบูรณ์

กรมฯ จะเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาในการเปิดให้ประชาชนได้ใช้เส้นทาง ตั้งแต่ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว-ทางเลี่ยงเมืองโคราช (ตอนที่ 24-40) มีระยะทางรวมประมาณ 70 กม. ได้ทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 ซึ่งการเปิดใช้เส้นทางในเทศกาลหรือช่วงที่เป็นวันหยุดยาวนั้นจะช่วยลดความแออัดบนถนนมิตรภาพได้เป็นอย่างดี

ส่วนหลังสงกรานต์ปี 2565 ไปแล้วจะเปิดให้ใช้เส้นทางช่วงดังกล่าวอีกหรือไม่นั้นจะมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยจะต้องประเมินในแง่ความปลอดภัยและปริมาณการจราจร รวมไปถึงการเปิดให้บริการเส้นทางตอนอื่นๆ ที่งานโยธาทยอยแล้วเสร็จ ขึ้นกับความพร้อมและพิจารณาเรื่องความปลอดภัยในการใช้เส้นทางด้วยเช่นกัน 

@มั่นใจเปิดเต็มรูปแบบปลายปี 66 

นอกจากนี้ หลังจากที่งานระบบ O&M ได้ดำเนินการผ่านไปประมาณ 1 ปี กรมฯ จะทำการประเมินว่ามีช่วงใดที่ติดตั้งระบบ O&M แล้วเสร็จจนสามารถเปิดให้บริการใด้ ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นการทดลองระบบโดยยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมจริง 

ปัจจุบันการก่อสร้างสายบางปะอิน-นครราชสีมามีความคืบหน้า 93% โดยวางไทม์ไลน์ว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จทั้งหมด 40 ตอนช่วงกลางปี 2566 ขณะที่งานระบบ O&M จะเสร็จในไตรมาส 3/2566 จะเปิดทดลองใช้เต็มรูปแบบได้ปลายปี 2566 

สำหรับสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ก่อนหน้านี้โครงการติดปัญหาเวนคืนทำให้ส่งมอบพื้นที่ไม่ได้ จนกระทั่งปลายปี 2562 ครม.ได้อนุมัติงบเพิ่ม 12,000 ล้านบาทในการจ่ายค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทำให้แก้ปัญหาการก่อสร้างที่หยุดชะงักมา 2 ปีได้เบ็ดเสร็จ ส่งผลให้ผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างทำได้เต็มที่ จากเมื่อมี.ค. 2563 ที่มีผลงาน 10% ปัจจุบันผลงานพุ่งไปกว่า 62% แล้ว 

ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถขอความร่วมมือผู้รับเหมาเพื่อเร่งรัดการก่อสร้างได้ โดยคาดว่างานโยธาจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค. 2566 และงานระบบ O&M คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จปลายปี 2566 พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2566 

@ก่อสร้างสายบางปะอินชะงัก 17 ตอน ปัญหาปรับแบบทำเสียเวลากว่า 1 ปี

นอกจากปัญหาเรื่องเวนคืนของสายบางใหญ่-กาญจนบุรีแล้ว สายบางปะอิน-นครราชสีมาก็เจอปัญหาใหญ่เรื่องต้องปรับแบบก่อสร้างถึง 17 ตอนที่ส่งผลทำให้ต้องมีค่าก่อสร้างเพิ่มราว 6,700 ล้านบาท โดยจะต้องเสนอขออนุมัติจาก ครม.ก่อนจึงจะดำเนินการต่อได้ ทำให้งานก่อสร้าง 17 ตอนต้องหยุดชะงักมาตั้งแต่ปี 2563 

ด้าน ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งกรมทางหลวงให้เร่งตรวจสอบสาเหตุการออกแบบที่ไม่ครบถ้วน ไม่เรียบร้อย โดยให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย โดยเชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเข้ามาเป็นคนกลางในการตรวจสอบ เพื่อให้การตรวจสอบมีความโปร่งใส และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล 

"ล่าสุดคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง 17 ชุดได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ 17 ตอนเรียบร้อยแล้ว และ ทล.ได้หารือกับกรมบัญชีกลางถึงแนวทางการบริหารสัญญาที่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งกรมบัญชีกลางได้มีหนังสือตอบกรมฯ เมื่อต้นเดือน ก.ย. และอยู่ระหว่างที่ กรมฯ สรุปข้อมูลรายละเอียดเหตุผลในแต่ละตอนเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่ม"

แม้มอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมาจะได้รับอนุมัติกรอบค่างานโยธาที่ 70,000 ล้านบาท แบ่งงานเป็น 40 ตอน เปิดประมูลปี 2558 ที่วงเงิน 60,000 ล้านบาท จะเห็นว่ามีกรอบวงเงินเหลือถึง 10,000 ล้านบาท แต่สำนักงบประมาณกำหนดว่างาน 40 ตอน คือ 40 โครงการ ดังนั้นหากตอนไหนต้องมีค่างานเพิ่มก็ต้องเสนอ ครม.เพื่อขออนุมัติ ไม่สามารถเกลี่ยงบเหลือของตอนอื่นมาใช้ได้เพราะมองว่าเป็นคนละโครงการกัน เป็นอีกเงื่อนไขที่ทำให้กรมทางหลวงต้องเสนอ ครม.ขออนุมัติเพิ่มงบก่อนเท่านั้น

สำหรับสาเหตุที่ต้องมีการปรับแบบ 17 ตอน มาจาก

1. เนื่องจากโครงการมีการออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 2551 ทำให้แบบเดิมอาจไม่สอดคล้องกับกายภาพจริงในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้พบว่าบางช่วงเดิมออกแบบเป็นทางระดับดิน แต่พบว่าสภาพพื้นที่เปลี่ยนเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ ทำให้ต้องปรับรูปแบบเป็นสะพาน ซึ่งทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่ม 

2. สภาพทางธรณีวิทยาของชั้นโครงสร้างทางดินพบชั้นดินอ่อน ต้องปรับแบบส่วนโครงสร้างฐานราก  

3. มีข้อห่วงใยจากประชาชนในพื้นที่เส้นทางตัดผ่านหลังทำการมีส่วนร่วม ทำให้ต้องปรับแก้แบบเพื่อลดผลกระทบ เช่น ทำทางคู่ขนาน, Service Road  

4. การปรับแบบที่เกิดจากข้อจำกัดของการใช้พื้นที่ของหน่วยงานอื่นก่อสร้าง ซึ่งต้องดำเนินการตามเงื่อนไขของเจ้าของพื้นที่ เช่น ผ่านคลองชลประทาน ทำให้ต้องปรับระดับของสะพานและความกว้างของตอม่อ หรือเส้นทางช่วงที่ผ่านเรือนจำคลองไผ่ มีข้อกำหนดระยะทางห่างไม่เกิน 200 เมตร ต้องสร้างรั้วกั้นตลอดแนว เป็นต้น 

@ถอดบทเรียน วางแนวปฏิบัติใหม่ ต้องไม่เกิดซ้ำอีก  

สราวุธ ทรงศิวิไลกล่าวว่า แม้แต่ละปีกรมทางหลวงจะมีโครงการก่อสร้างหรือซ่อมบำรุงจำนวนมาก แต่ต้องยอมรับว่าโครงการระดับ 6-7 หมื่นล้านบาทอย่างมอเตอร์เวย์สายบางปะอินและสายบางใหญ่เป็นงานใหญ่ที่มีการเปิดแนวเส้นทางใหม่ ที่มีการเวนคืนค่อนข้างมาก อีกทั้งมีเส้นทางยาว ประกอบกับมีการเร่งรัดแผนงาน อาจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่มีการอัปเดตแบบที่ออกไว้ตั้งแต่ปี 2551 จนเป็นที่มาของการปรับแบบ ซึ่งปัญหาที่เกิดในการดำเนินโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 2 สายนี้ กรมฯ ได้นำมาเป็นบทเรียนสำคัญในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ต่อจากนี้ คือ 1. จะต้องศึกษา สำรวจ ออกแบบ ดูผลกระทบให้ครบถ้วนก่อน 2. ต้องดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เรียบร้อย ให้มีความพร้อมมากที่สุด อย่างน้อยควรถึงขั้นตอนขอออก พ.ร.ฎ.เวนคืนจึงจะเสนอของบประมาณก่อสร้าง และ 3. ก่อนจะเริ่มดำเนินการประมูลโครงการจะต้องลงพื้นที่สำรวจซ้ำอีกครั้ง เพื่ออัปเดตข้อมูลเพื่อออกแบบให้เกิดความคุ้มค่าและสอดคล้องกับสภาพจริงมากที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดการปรับแบบก่อสร้างภายหลัง 

@ พร้อมลุย PPP มอเตอร์เวย์ 5 โครงการใหม่ 2.65 แสนล้าน เปิดเมืองเชื่อมพื้นที่เศรษฐกิจ

สำหรับแผนโครงการมอเตอร์เวย์ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเตรียมเสนอคณะกรรมการ PPP อนุมัติจำนวน 5 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 265,000 ล้านบาท ได้แก่ 

1. โครงการมอเตอร์เวย์สาย 9 ช่วงวงแหวนรอบนอกฯ ด้านตะวันตก ช่วงบางขุนเทียน-บางปะอิน ระยะทาง 78 กม. วงเงิน 78,000 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างเป็นทางยกระดับไปบนแนวมอเตอร์เวย์สาย 9 โดยเส้นทางจะมีจุดเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว และสายบางปะอิน-นครราชสีมา  

ปัจจุบันกรมฯ ได้สรุปรายงานผลการศึกษาความเป็นไปได้โครงการ (feasibility study) ผ่านความเห็นชอบกระทรวงคมนาคมแล้ว และเสนอไปที่ สคร.เพื่อเตรียมเสนอบอร์ด PPP 

2. โครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม. วงเงิน 28,360 ล้านบาท เริ่มต้นโครงการโดยเชื่อมต่อกับดอนเมืองโทลล์เวย์ในปัจจุบัน บริเวณทางแยกต่างระดับรังสิต ถนนพหลโยธิน กม.33+924 สิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน กม.1+800 โดยสามารถเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมาได้ 

คาดว่าจะศึกษารูปแบบการลงทุนเสร็จในเดือน ต.ค. 2564 จะสรุปเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอคณะกรรมการ PPP ต่อไป ส่วนรายงาน EIA อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ   

3. โครงการมอเตอร์เวย์สายศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18 กม. วงเงิน 37,500 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างเป็นทางยกระดับคร่อมบนมอเตอร์เวย์สาย 7 สามารถเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัช และมีทางเข้า-ออกเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วย ถือเป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อช่วยลดความแออัดบนมอเตอร์เวย์สาย 7 และยังจะเป็นโครงข่ายเสริมการเดินทางไปยังเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกด้วย 

ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณารายงาน  EIA โดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) และคาดว่าจะสรุปการศึกษารูปแบบการลงทุน คาดสรุปได้ปลายปี 2564

4. มอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กม. วงเงิน 79,006 ล้านบาท โครงการอยู่ระหว่างทบทวนผลการศึกษารูปแบบการลงทุน คาดว่าแล้วเสร็จในต้นปี 2565 ซึ่งบอร์ด PPP เคยอนุมัติโครงการแล้วเมื่อเดือน ก.ค. 2561 แต่เนื่องจากผ่านมานานแล้วจึงให้กรมฯ ทำการทบทวนการศึกษาเพื่ออัปเดตโครงการ ประกอบกับช่วงผ่าน จ.เพชรบุรีมีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับแนวเส้นทาง 

มอเตอร์เวย์สายนี้จะเชื่อมต่อจากนครชัยศรีลงสู่ภาคใต้ ดังนั้น ด้านนโยบายต้องการเร่งรัดก่อสร้าง โดยให้แบ่งเฟสช่วงที่ไม่มีปัญหา ไม่มีผลกระทบดำเนินการก่อน คือ จากนครปฐม-ปากท่อ และเร่งหาข้อยุติช่วงปากท่อ-ชะอำ 

5. โครงการมอเตอร์เวย์ สายหาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย ระยะทาง 70.43 กม. วงเงิน 42,620 ล้านบาท เริ่มต้นจากทางหลวงหมายเลข 4 กม.ที่ 1,242+35 อ.บางกล่ำ จ.สงขลา สิ้นสุดที่ด่านสะเดา 2 โดยมีทางแยกเชื่อมเข้าสนามบินหาดใหญ่ ปัจจุบันออกแบบและศึกษาความเหมาะสมในการให้เอกชนร่วมลงทุนเสร็จแล้ว และล่าสุด กก.วล.เห็นชอบรายงาน EIA แล้ว จึงเป็นโครงการที่มีความพร้อม แต่จะดำเนินการต่อไปต้องเสนอรัฐบาลขอความชัดเจน เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เชื่อมไปที่ด่านสะเดา ประเทศมาเลเซีย  
 
#3558


จากบทความ KOL คราวที่แล้ว มีคำถามถามไถ่อ้ายจงมาว่า "KOL แพลตฟอร์ม และ ตัวเจ้าของสินค้า มีโมเดลรายได้ระหว่างกันอย่างไรบ้าง?" ฉะนั้น วันนี้อ้ายจงขออาสามาล้วงลึก ไขข้อข้องใจนี้ โดยขอโฟกัสไปที่ตลาดประเทศ "จีน"

ทุกครั้งที่กล่าวถึงวงการผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด หรือ KOL (Key Opinion Leader) กับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะในประเทศไทย ต่างประเทศ และโดยเฉพาะประเทศ "จีน" ที่ยอดเงินจากการขายสินค้าโดย KOL สูงถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 และคาดการณ์ว่าจะทะลุไปถึง 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 หรืออีก 1 ปีข้างหน้า

จากบทความที่แล้วเรื่อง เจาะลึกวงการ "KOL" ผู้ทรงอิทธิพลสำคัญที่กระตุ้นเม็ดเงิน "ขายออนไลน์" จีน มีคำถามที่หลายท่านถาม อ้ายจง มาว่า "KOL แพลตฟอร์ม และ ตัวเจ้าของสินค้า มีโมเดลรายได้ระหว่างกันอย่างไรบ้าง?" วันนี้อ้ายจงจึงขออาสามาไขข้อข้องใจ โดยขอโฟกัสไปที่ตลาดประเทศจีน

ในประเทศจีน KOL ที่ขับเคลื่อนวงการอีคอมเมิร์ซหรือการซื้อขายสินค้าออนไลน์มีอยู่ 2 รูปแบบหลักๆ

กลุ่มแรก คือ KOL ที่สร้างสรรค์เนื้อหาทั่วไปตามด้านที่ตนเองถนัดและสนใจ พอเป็นที่รู้จัก มีคนติดตามในระดับหนึ่ง ก็เริ่มรับรีวิวสินค้าเพื่อขายทางออนไลน์ ซึ่งกลุ่มนี้พวกเราคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี อาจรวมกลุ่มศิลปินดาราเซเลปคนดังเข้าไปด้วย เพราะถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดเช่นกัน โดยเฉพาะกับกลุ่มแฟนคลับของแต่ละคนเอง ถึงขั้นเกิดเป็น "Fan Economy" คำที่ใช้เรียก โมเดลธุรกิจ ที่สร้างรายได้จากการทุ่มเทของแฟนคลับในการซื้อสินค้าและใช้บริการที่มีผลสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อตัวไอดอล ศิลปินดารา คนดังที่ตนเองชื่นชอบ โดยมูลค่าของ Fan Economy หรือจะเรียกว่า Idol Economy ก็ได้ เกิน 1 แสนล้านหยวน ในปี 2020 ที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก owhat.cn แพลตฟอร์มสำหรับแฟนคลับไอดอลศิลปินจีน 


KOL กลุ่มนี้ ได้รายได้จากค่าจ้างรีวิว หรือการเป็นพรีเซนเตอร์ ทางแบรนด์ที่จ้างก็ได้จากยอดขายที่เกิดขึ้นจากการจ้าง KOL ส่วนตัวแพลตฟอร์มออนไลน์เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์มสำหรับไลฟ์สด จะได้รายได้จากการลงโฆษณาเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและยอดผู้เข้าชม โดยถ้าเป็นแพลตฟอร์มไลฟ์สด จะมีฟีเจอร์ส่งของขวัญและเงินเสมือนเพื่อให้กับ KOL ที่เราชื่นชอบ ผู้ชมจะส่งสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อ "เสียเงินซื้อ" จากแพลตฟอร์ม

จุดนี้เอง ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทางการจีนเริ่มเข้ามาควบคุม เนื่องจากมองว่าเป็นส่วนสำคัญในการมอมเมาเยาวชน และระดมทุนแบบไม่ถูกต้องของแฟนคลับ ที่เราได้ยินในชื่อมาตรการ "ชิงหล่าง"

กลุ่มที่สอง คือ KOL ที่ดังมาจากการรีวิวขายสินค้าออนไลน์โดยเฉพาะ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงที่แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์จีน เถาเป่า (Taobao) ในเครือ Alibaba ได้สร้างฟีเจอร์ไลฟ์สดขึ้นมาบนแพลตฟอร์มในปี 2016 โดยช่วงแรกคนที่มาไลฟ์สดก็คือ พ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าบนเถาเป่า หลายคนไลฟ์ไปไลฟ์มามีแฟนคลับมากขึ้น จนกลายเป็น KOL ไปโดยปริยาย หรือบางคนไม่ได้มีสินค้าหรือร้านค้าบนเถาเป่าโดยตรง แต่มีความสามารถในด้านการพูด การนำเสนอและการสร้างความบันเทิง รับรีวิวสินค้าโดยการไลฟ์บนเถาเป่า ลักษณะนี้ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ถึงขั้นมีบริษัทรับจัดหาและปั้น KOL รีวิวและขายสินค้าบนเถาเป่าเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว เพราะเม็ดเงินบนแพลตฟอร์มนี้เข้าขั้น "มหาศาล"

จากการเปิดเผยของ Alibaba ฟีเจอร์ Taobao Live - ไลฟ์สดบนเถาเป่า สร้างรายได้แก่ Alibaba 4 แสนล้านหยวน ในปี 2020 โดยยอดผู้เข้าใช้งานต่อวัน (Daily active users) และ จำนวนผู้ไลฟ์สด เพิ่มขึ้นจากปี 2019 100% และ 661% ตามลำดับ


เบื้องหลังความสำเร็จของ Taobao Live คือการสร้างเนื้อหาอย่างสร้างสรรค์ให้เกี่ยวเนื่องกับตัวสินค้าหรือร้านค้าที่ต้องการขายสินค้า โดยไม่ได้มุ่งเน้นเนื้อหาขายสินค้าเพียงอย่างเดียวเหมือนช่วงเปิดฟีเจอร์ Taobao Live ในช่วงแรก ทำให้เราได้เห็นเนื้อหา รีวิวออกกำลังกาย เพื่อขายสินค้าอุปกรณ์ฟิตเนส รีวิวแต่งหน้ารูปแบบต่างๆ เพื่อขายลิปสติก หรือแม้กระทั่งรีวิวการแกะทุเรียนหมอนทองของไทย ก็มีให้เห็นมาแล้ว

สำหรับ KOL กลุ่มนี้ การสร้างรายได้มีทั้งค่าจ้างขายสินค้าตามแต่ตกลงกับแบรนด์หรือร้านค้า และมีค่าคอมมิชชั่นแบ่งเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการขาย อย่าง หลี่ เจียฉี (Li jiaqi) ราชาลิปสติก KOL อันดับต้นๆ ของจีน มีรายรับต่อปีราว 100 ล้านหยวน มาจากรายได้ทั้งค่าจ้างและส่วนแบ่งจากยอดขาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่อยู่บนแพลตฟอร์ม Alibaba

นอกเหนือจากแพลตฟอร์ม Taobao และแพลตฟอร์มอื่นๆ ในเครือ Alibaba ปัจจุบันมีหลายแพลตฟอร์มที่กระโดดเข้ามาร่วมตลาดอีคอมเมิร์ซจีน จนเกิดเป็น Social Commerce การชอปปิ้งบนโลกออนไลน์ที่มีโลกโซเชียลมาเกี่ยวข้อง ซึ่งถือว่ากำลังได้รับความนิยมและเติบโตอย่างมากในจีน โดยมีเม็ดเงินสะพัด 1.285 ล้านล้านหยวน ในปี 2019 คิดเป็น 11.6% ของตลาดค้าปลีกออนไลน์จีน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลจาก eMarketer สื่อการตลาดออนไลน์

ถ้าให้เห็นภาพชัดขึ้น ขออนุญาตเทียบกับบ้านเรา หากพูดถึง Social Commerce ในไทย ให้นึกภาพการขายสินค้าบน Facebook Instagram และ Line เป็นต้น ในประเทศจีน แพลตฟอร์มเหล่านี้จะเปลี่ยนไปเป็น Weibo WeChat Xiaohongshu (小红书) แพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์ชื่อดังของจีน เทียบได้กับ Instagram ในเวอร์ชั่นจีน ผู้คนนิยมมาโพสต์ รีวิวการใช้สินค้า และแบรนด์ต่างๆ สามารถไปเปิดร้านขายสินค้าบนนั้นได้เลย เมื่อลูกค้าอ่านรีวิวและถูกใจ ก็ซื้อได้ทันที 

โดยทาง Alibaba ได้ซื้อหุ้น Xiaohongshu ตั้งแต่ปี 2018 เถาเป่าจึงเริ่มนำรีวิวของสินค้าที่มีขายบน Taobao ที่ปรากฏบน xiaohongshu มาใส่ในเถาเป่าด้วย คนที่สนใจซื้อสามารถดูความคิดเห็น และรีวิวจากผู้ใช้ได้เลย เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารการตลาดของเถาเป่าในรูปแบบประชาสัมพันธ์ด้วยรีวิว

และอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ไม่พูดไม่ได้เลย คือ Douyin - โต่วอิน (抖音) หรือ TikTok ในเวอร์ชั่นจีน ที่ฟีเจอร์ไลฟ์สดบนแพลตฟอร์มของพวกเขาได้รับความนิยมเป็นพลุแตกในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 รัฐบาลท้องถิ่นหลายมณฑลและหลายเมืองในประเทศจีน ใช้ Douyin ไลฟ์ขายสินค้าให้กับเกษตรกร เพื่อเพิ่มรายได้ เนื่องจากต้องปิดเมือง ไม่สามารถทำมาหากินขายสินค้าได้ตามปกติ

และผลพวงจากตรงนั้นส่งอานิสงส์ให้ การค้าออนไลน์ผ่าน Douyin เติบโตมากในปัจจุบัน แม้สถานการณ์โควิด-19 ในจีนตอนนี้ดีขึ้นแล้วก็ตาม

ข้อมูลสถิติที่เผยแพร่บน Statista ระบุ ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา มูลค่ายอดซื้อสินค้าออนไลน์บน Douyin ประเทศจีน มีมูลค่ามากกว่า หนึ่งแสนล้านหยวน 

โดยปี 2019 สร้างมูลค่า 1.5 แสนล้านหยวน
ปี 2020 สร้างมูลค่า 3.81 แสนล้านหยวน
ปี 2021 คาดว่าจะไปแตะที่ตัวเลข 8 แสนล้านหยวน 
รายได้ที่แต่ละแพลตฟอร์มออนไลน์ในจีนได้จากการขายสินค้าออนไลน์ โดยส่วนใหญ่ค่อนข้างเหมือนกันคือ เก็บค่าโฆษณาจากร้านค้าและ KOL ที่ลงโฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดขายและยอดเข้าชมคอนเทนต์ของตน และยังมีในลักษณะของการเก็บเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย และค่าเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มอีกด้วย 

ตัวอย่างเช่น Tmall (เถาเป่าในเวอร์ชั่นพรีเมี่ยม ซึ่ง Alibaba ตั้งใจผลักดันให้เป็นแพลตฟอร์มขายสินค้ามีคุณภาพและเป็นของแท้จากผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของผู้ผลิตแต่ละราย เพื่อลบคำสบประมาทเถาเป่า ที่โลกตะวันตกมองว่า เป็นแพลตฟอร์มของปลอม) Aliexpress และ JD.com คู่แข่งสำคัญของ Alibaba 

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งสังคมออนไลน์และร้านค้าออนไลน์ อาจมีรายได้จาก โมเดลธุรกิจ อื่นที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ อย่าง การได้ผลตอบแทนจากการจับมือกับผู้ให้ชำระเงินออนไลน์ Alipay และ WeChat Pay เป็นต้น

ค่าจ้าง KOL

สำหรับค่าจ้าง KOL ที่หลายคนอาจสงสัยว่า เขารับกันระดับที่เท่าไหร่ ต้องมีงบประมาณแค่ไหน ถึงสามารถจ้าง KOL ได้

อ้ายจง ในฐานะที่ทำงานทางด้านการตลาดจีน ผ่านการจ้างงาน KOL จีน มาก็ไม่น้อย จึงพอจะบอกได้ว่า มีหลายราคาหลายเรตมากเลยครับ ตั้งแต่ระดับ TOP จ้างลงเนื้อหาไปแล้ว ยอดเข้าถึงเกิน 1 ล้านคน แน่นอน ไปจนถึงระดับผู้ใช้งานทั่วไป หรือ KOC (Key Opinion Customer) ที่อาจมีผู้ติดตามเพียงหลักพัน แต่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการจริงๆ ในลักษณะ "เพื่อนบอกต่อเพื่อน"

ผู้เขียนเลยขอเล่าแบบเรตราคา "ประมาณการ" จากแพลตฟอร์ม PARKLU ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคำนวณงบประมาณในการจ้าง KOL แบ่งตามแพลตฟอร์มและระดับต่างๆ 4 ระดับ ได้แก่ Top, Mid, Micro และ Long tail ผู้ติดตามหลักหลายล้าน ล้านต้นๆ หลักหลายแสน หลักแสนนิดๆ จนถึงหลักหมื่น และ หลักหมื่นนิดๆ จนถึงหลักพัน ตามลำดับ

แพลตฟอร์ม Weibo

แพลตฟอร์มนี้เน้นกลุ่ม Mass สื่อสารวงกว้าง ลักษณะคล้ายกับ Facebook + Twitter ค่าใช้จ่ายมีดังนี้

Top : ประมาณ 70,000 หยวน (3.5 แสน)
Mid : 30,000 หยวน (150,000 บาท)
Micro : 10,000 หยวน (50,000 บาท)
Long tail: 3,000 หยวน (15,000 บาท)
แพลตฟอร์ม Xiaohongshu

แพลตฟอร์มนี้เน้นกลุ่มผู้หญิง รีวิวสินค้าแบรนด์เนม ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว ลักษณะคล้าย Instagram) ค่าใช้จ่ายมีดังนี้

Top : ประมาณ 75,000 หยวน (3.75 แสน)
Mid: 40,000 หยวน (200,000 บาท)
Micro: 15,000 หยวน (75,000 บาท)
Long tail: 5,000 หยวน (25,000 บาท)
แพลตฟอร์ม Douyin

แพลตฟอร์มนี้คือ TikTok จีน เนื้อหาเน้น Creative ทำรายการเสมือนรายการทีวีออนไลน์แบบสั้นๆ และ รีวิวสินค้าออนไลน์ มีค่าใช้จ่ายดังนี้

Top : ประมาณ 75,000 หยวน (3.75 แสน)
Mid: 32,000 หยวน (160,000 บาท)
Micro: 20,000 หยวน (100,000 บาท)
Long tail: 5,000 หยวน (25,000 บาท)
ถ้าเทียบเรื่องราคาจะเห็นได้ว่า แพลตฟอร์ม Xiaohongshu มีราคาสูงสุด รองลงมาคือ Douyin (TikTok จีน) เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มไปเลย ไม่เน้น Mass เหมือน Weibo และถ้าเทียบจากการเข้าถึง แพลตฟอร์ม TikTok จะมียอดเข้าถึงมากกว่าแพลตฟอร์มอื่นที่กล่าวมาครับ โดย KOL ระดับ TOP มียอดเข้าถึง (ยอดการมองเห็นเนื้อหา) เฉลี่ย 1.2 ล้านคน (ครั้ง) ต่อ 1 เนื้อหา 

ทั้งนี้ ราคาจากแพลตฟอร์ม PARKLU เป็นการประมาณการเท่านั้น เวลาติดต่อ KOL จริง ราคาจะแตกต่างกันไป โดยไม่ได้พิจารณาแค่จำนวนผู้ติดตาม แต่ต้องดูฐานผู้ติดตามว่าเป็นคนกลุ่มไหน ไลฟ์สไตล์ การโพสต์เนื้อหา และอื่นๆ อีกพอสมควร ซึ่งล้วนมีผลต่อราคา และ KOL ที่จีน จะมีการปรับราคาหรือที่วงการการตลาดเรียกว่า "เรตการ์ด" แทบจะทุกไตรมาสครับ 

ผู้เขียน : ภากร กัทชลี อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#3559

นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2564 รัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง ที่ สคร. กำกับดูแลโดยตรงมีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 228,231 ล้านบาท หรือคิดเป็น 93% ของแผนการเบิกจ่ายสะสม ประกอบด้วยการเบิกจ่ายงบลงทุน 11 เดือนของรัฐวิสาหกิจระบบปีงบประมาณ (ตั้งแต่ต.ค.63 – ส.ค.64) 34 แห่ง จำนวน 126,584 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84% ของแผนการเบิกจ่ายสะสม และการเบิกจ่ายงบลงทุน 8 เดือนของรัฐวิสาหกิจระบบปีปฏิทิน (ม.ค. – ก.ค.64) 9 แห่ง จำนวน 101,646 ล้านบาท หรือคิดเป็น 106% ของแผนเบิกจ่ายสะสม

ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเบิกจ่ายลงทุน โดยพยายามปรับเปลี่ยนการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบจากสถานการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบจากการปิดแคมป์คนงาน ได้แก่ การปรับแก้ไขสัญญาเรื่องค่าปรับที่ส่งผลกระทบต่อเอกชน การเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าตามสัญญาให้แก่เอกชน การปรับแผนเบิกจ่ายในส่วนงานจัดซื้อพัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักร เพื่อทดแทนงานก่อสร้างที่ไม่สามารถดำเนินการได้ การปรับรูปแบบการดำเนินงานจากการใช้แรงงานคนเป็นการใช้ระบบอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถดำเนินงานต่อไปได้ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้นช่วยให้รัฐวิสาหกิจมีผลการเบิกจ่ายลงทุนในระดับที่ดีและเป็นไปตามแผน โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ดีและเป็นไปตามแผน ซึ่งการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจยังคงเป็นเครื่องมือที่ช่วยพยุงและกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทยต่อไป

'การแพร่ระบาดของโรค ส่งผลกระทบต่อบางโครงการ/แผนงานเนื่องจากบุคลากรไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างหรือตรวจรับงานได้ ขาดแคลนแรงงานและไม่สามารถนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้ โดยรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการในด้านต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว เช่น การประสานหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขออนุญาตก่อสร้าง โดยมีมาตรการที่รัดกุมรองรับ การหาแรงงานและวัสดุก่อสร้างในพื้นที่ทดแทนรวมทั้ง เร่งรัดงานอื่นมาดำเนินการทดแทน เพื่อให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือของภาครัฐ ในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป'

นางสาวปิยวรรณ ล่ามกิจจา ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ สคร. กล่าวว่า ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2564 รัฐวิสาหกิจหลายแห่งสามารถเบิกจ่ายได้เป็นไปตามแผนหรือสูงกว่าแผน เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)

โดยมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สามารถเบิกจ่ายได้สูงกว่าแผน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม - มีนบุรี ของ รฟม. แผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ 12 ปี 2560 - 2564 ของการไฟฟ้านครหลวง งานก่อสร้างปรับปรุงขยายระบบประปา ของการประปาส่วนภูมิภาค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้า ระยะที่ 12 (กฟผ.)

อย่างไรก็ตามมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เบิกจ่ายล่าช้า เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย - จีน ระยะที่ 1 และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม - ชุมพร ของ รฟท. โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554 - 2560) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 9 ของการประปานครหลวง และแผนก่อสร้างศูนย์บริหารทางพิเศษ กทพ. (ระยะที่ 2) ของ กทพ.
#3560


ดาบิด เด เคอา นายด่านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อวยไม่หยุดฉุดไม่อยู่เมื่อยก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สร้างอิมแพ็คให้กับแข้ง "ผีแดง" ทุกระดับชั้น โดยทุกๆ คนพยายามเข้าโรงยิมเพื่อสร้างความฟิตและทำให้ร่างกายแข็งแกร่งเหมือน "ซีอาร์ 7"

     ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูชาวสแปนิชของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่าการมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สร้างแรงกระเพื่อมสำคัญทำให้นักเตะ "ปีศาจแดง" มีความกระตือรือร้น และพยายามพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่

     โรนัลโด้ ย้ายจาก ยูเวนตุส กลับสู่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังจากอำลาสโมสรไปเมื่อ 12 ปีก่อน โดยเขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเมื่อซัดไปแล้ว 4 ประตูจากการเล่น 3 แมตช์ในทุกรายการ 

     นอกจากนี้การกลับมาสู่บ้านหลังที่สองของ โรนัลโด้ ในวัย 36 ปียังสร้างอิมแพ็คให้กับนักเตะในทีม โดยทุกๆ คนพยายามเข้าโรงยิมเพื่อฟิตร่างกาย และหวังจะแข็งแกร่งเหมือนกับ "ซีอาร์ 7" 

     เด เคอา กล่าวว่า "ผมคิดว่ามันเป็นการสร้างพลังให้กับพวกเราจริงๆ นี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากๆ ที่เข้ากลับมาสู่บ้านอีกครั้ง เขาเป็นตำนานของสโมสร ดังนั้นผมคิดว่าสำหรับนักเตะทุกคน, บรรดาดาวรุ่ง และสำหรับทุกๆ คน เขาคือคนที่สุดยอดที่แสดงให้เห็นในทุกๆ วันว่าเขาออกกำลังในโรงยิมยังไง"

     "เขาดูแลตัวเองแบบไหน เขาใส่ใจรูปร่างของตัวเองมากแค่ไหน เขาเป็นนักเตะที่น่าเหลือเชื่อ และมันสุดยอดมากๆ ที่ได้เห็นเขาฝึกซ้อมอย่างหนักที่นี่ทุกวัน และพยายามช่วยทีมอย่างเต็มที่" นายทวารทีมชาติสเปน กล่าว