• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#3501


วันที่ 18 กันยายน 2564 เวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ณ ห้องประชุมภายในโรงแรม Millennium เมืองรอมัลลอฮ์ ประเทศปาเลสไตน์ สมาพันธ์ฟุต.แห่งเอเชีย จัดการประชุมผู้จัดการทีม ก่อนการแข่งขันฟุต.หญิงชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก นัดแรก ระหว่างทีมชาติมาเลเซีย พบ ทีมชาติไทย

การประชุมครั้งนี้ ฟุต.หญิงทีมชาติไทย ได้ส่ง รัมภา วราวีรกุล หัวหน้าฝ่ายฟุต.หญิง พร้อมด้วย จิระประภา ทับสุริย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายฟุต.หญิง, นายแพทย์กีรติ สุรการ แพทย์ประจำทีมฟุต.หญิง และดาภัค รวีธนเวช กายภาพประจำทีมฟุต.หญิง

สรุปผลการประชุมผู้จัดการทีมมีดังนี้

-สีเสื้อ
ฟุต.หญิงทีมชาติไทย ผู้เล่นจะสวมชุดสีแดง ผู้รักษาประตูชุดสีฟ้า
ฟุต.หญิงทีมชาติมาเลเซีย ผู้เล่นจะสวมเสื้อสีดำ ผู้รักษาประตูสวมชุดสีเขียว

สำหรับ ฟุต.หญิงทีมชาติไทย มีโปรแกรมจะทำการแข่งขันฟุต.หญิงชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกนัดแรกพบกับ มาเลเซีย ที่สนาม ไฟซอล อัล-ฮุสเซนี ในวันที่ วันที่ 19 กันยายน 2564 เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทยถ่ายทอดสด ทาง AIS Play
#3502


บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จับมือ ไทยพาณิชย์ เปิดตัว "หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY" หุ้นกู้ที่เข้าถึงได้ ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ วงเงินจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท และไม่จำกัดวงเงินจองซื้อสูงสุด เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 3% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนถูกกฎหมายเชื่อถือได้ตลอดอายุหุ้นกู้ อายุ 2 ปี 6 เดือน มูลค่าหุ้นกู้ไม่เกิน 500 ล้านบาท

เปิดจอง 16 – 20 กันยายน 2564 นี้ ผ่านแอป SCB EASY วงเงินจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินจองซื้อสูงสุด

สำหรับการจองซื้อ เริ่มจองซื้อได้ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ของวันที่ 16 กันยายน 2564 โดยดำเนินดังนี้

เริ่มการจองตามขั้นตอน "ธุรกรรมของฉัน" (Banking Service) ไปที่หน้า "การลงทุน" (Investment) เลือก "หุ้นกู้" (Debenture) เลือก "หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY" กด "จองซื้อ" และดำเนินการตามขั้นตอน

ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/thai/หุ้นกู้แสนสิริ/i-easy สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1685หรือติดต่อ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784
#3503


วันที่ 18 กันยายน 2564 มีการเปิดตัวแพลตฟอร์ม 'Youth In Charge' อย่างเป็นทางการกับภารกิจพัฒนาเยาวชนให้กลายเป็น 'ผู้นำการเปลี่ยนแปลง' โดยมีภาคเอกชนภาคเอกชนร่วมประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทนด์ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ AI และ Robotic กำลังมาแรง แต่กำลังโฟกัสดิจิทัล แพลตฟอร์ม และหุ่นยนต์มากขึ้น รวมทั้งต้องการให้เยาวชนให้ความสำคัญกับไบโอเทคโนโลยีเพราะตอบโจทย์การสร้างความยั่งยืน และตอบโจทย์ปัจจัย 4 ของมนุษย์ คือ อาหารและยารักษาโรค ดังนั้นถ้าไบโอเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าดวยการใช้เทคโนโลยีและ AI จะสร้างความยั่งยืนให้กับโลกได้ และต่อไปเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI จะไม่จำกัดเฉพาะแพลตฟอร์มบนมือถือเท่านั้น

ทั้งนี้ ปตท.ให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีให้กับโรงเรียน 148 แห่ง และระดับครีมจะมีโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ที่คัดเลือกนักเรียนมาเรียน ส่วนระดับอุดมศึกษาจะมีสถาบันวิสเทคที่เป็นมหาวิทยาลัยด้านการวิจัยในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก และ ปตท.มีสถาบันนวัตกรรมที่เป็นเวทีให้เยาวชนทำการวิจัยและมีงานรองรับ

นอกจากนี้ภาคธุรกิจมีการหารือกันว่าไทยจะก้าวข้ามการพัฒนาไปได้จะต้องให้ความสำคัญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจะมีการเปิดเวทีให้มีการแข่งขันด้านสตาร์ทอัพ และหลังจากนั้น ปตท.จะช่วยการต่อยอดทางธุรกิจให้

นายอรรถพล กล่าวว่า ความยั่งยืนเป็นแนวโน้มที่โลกกำลังให้ความสนใจ ซึ่ง ปตท.เพิ่งประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ Powering life with Future Energy and Beyond ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจด้วยพลังงานสะอาดที่ ปตท.จะลงทุนมากขึ้น ซึ่งทุกภาคส่วนจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ – การบริหารกลาง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี กล่าวว่า เศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นแนวคิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ เพราะที่ผ่านมาเรากำลังเจอปัญหาสภาวะโลกร้อน โดยเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นแนวคิดที่ไม่ใช่สูตรสำเร็จแต่เป็นวิธีการที่ต้องลงมือทำจึงจะเกิดความสำเร็จ ซึ่งกระบวนการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่จะมีความซับซ้อนและต้องใช้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ความร่วมมือภายในสังคมและการลองผิดลองถูก

ดังนั้นเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นเรื่องของการลงมือทำมากกว่าแผนบนโต๊ะ เราจึงต้องการความร่วมมือจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะร่วมผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะทำให้เยาวชนมีบทบาทในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเอสซีจีจะสร้างเวทีให้เยาวชนร่วมประกวดเพื่อสร้างโมเดลการแก้ปัญหาการจัดการทรัพยากร
#3504


ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ขยายวงเงินสินเชื่อ Soft Loan ฟื้นฟูธุรกิจสำหรับลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจถูกกฎหมายเชื่อถือได้ คิดอัตรากำไรพิเศษ 2% ต่อปี ใน 2 ปีแรก พร้อมฟรีค่าธรรมเนียม เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจฝ่าผลกระทบทางเศรษฐกิจและภัยโควิด

สำหรับโครงการสินเชื่อ Soft Loan ฟื้นฟูธุรกิจ ตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นโครงการที่ไอแบงก์ได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 30% ของวงเงินสินเชื่อรวมที่มีอยู่กับธนาคาร แต่ไม่เกิน 150 ล้านบาท (ไม่รวมภาระผูกพันและวงเงินสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภค) และลูกค้าใหม่ที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินใด จะได้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท (ไม่รวมวงเงินสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค)

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มเติมความช่วยเหลือลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ธนาคารได้ปรับเพิ่มวงเงินการให้สินเชื่อดังนี้ กรณีเป็นลูกค้าที่มีวงเงินกับธนาคารอยู่แล้ว วงเงินสูงสุดที่จะได้รับพิจารณาไม่เกินร้อยละ 30 ของวงเงินสินเชื่อเดิม หรือไม่เกิน 50 ล้านบาท แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า แต่ไม่เกิน 150 ล้านบาท ส่วนลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินใด ธนาคารจะพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 50 ล้านบาท (รวมทุกสถาบันการเงิน) โดยลูกค้าบางรายอาจต้องใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) หรือ หลักทรัพย์อื่นตามที่ธนาคารกำหนด สินเชื่อ Soft Loan ฟื้นฟูธุรกิจ คิดอัตรากำไรพิเศษเพียง 2% ต่อปี ใน 2 ปีแรก (ยกเว้นกำไร 6 เดือนแรก) ปีที่ 3-5 คิดกำไรไม่เกิน 7% ต่อปี ผ่อนได้นานสูงสุด 5 ปี พร้อมฟรีค่าธรรมเนียม Front–end Fee ค่านิติกรรมสัญญา และยกเว้นค่าธรรมเนียมชำระคืนเสร็จสิ้นก่อนครบกำหนดอายุสัญญา (Prepayment Fee)

โดยลูกค้าและผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและยื่นสมัครสินเชื่อได้ที่ไอแบงก์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ไปจนกว่าวงเงินโครงการจะเต็ม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. ibank Call Center 1302
#3505


"myHealthFirst" แอปพลิเคชั่น ที่เกิดจากแนวคิดของหมอและวิศวกร ประกอบด้วย นพ.เอกกร วงศ์หิรัญเดชา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน anti-aging medicine and wellness care ,ดร.ฤทธิชัย จิตภักดีบดินทร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์ปริญญาเอก ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และML, นพ.เอกทิตย์ กู้ไพบูลย์ ประสาทศัลยแพทย์และธุรกิจศูนย์ดูแลผู้ป่วยสูงอายุ-โรคเรื้อรังและผู้ป่วยติดเตียง ร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชั่นสุขภาพ เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถดูแลสุขภาพได้ทุกที่ บุคลากรทางการแพทย์ยังได้ข้อมูลสำคัญสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยกรณีเหตุฉุกเฉินได้ทันเวลา พบหมอได้รวดเร็ว

นพ.เอกกร วงศ์หิรัญเดชา เปิดเผยถึงที่มาของการก่อตั้งบริษัท มาย เฮลท์ กรุ๊ป จำกัด หรือ MHG ว่า MHG เกิดขึ้นทีหลังแอปพลิเคชั่น myhealthFirst โดยกลุ่มผู้ที่รู้จักบริษัทในยุคก่อตั้ง มักเรียกชื่อของ myHealth หรือ HealthFirst มากกว่า โดยบริษัทมีแนวคิดเพื่อให้มีแอปพลิเคชั่นสุขภาพ นวัตกรรมที่บันทึกผลการตรวจสุขภาพ ผลเลือด (checkup) ประวัติการรักษา ผ่าตัด ยาที่กินประจำ ประวัติแพทย์ จากโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่เราไปรักษาเพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพของเราได้ทุกที่ และยังให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ข้อมูลสำคัญ สามารถช่วยชีวิตเรากรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน (health information exchange;HIC) จนถึงสามารถบันทึกสัญญาณชีพของเราที่บ้าน เช่น ความดันโลหิตทุกเช้า อาหารที่ท่านกิน การออกกำลังกาย (complete patient portal)  และทั้งหมดถูกกฎหมายเชื่อถือได้เป็นที่มาของแอปพลิเคชั่น myHealhFirst (สุขภาพต้องมาเป็นอันดับแรก)


"ตอนที่เริ่ม MHG ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลานั้น กระแส Healthtech Startup ในประเทศไทยเริ่มมีมาแล้ว แต่ในภาคใต้ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึงไม่ค่อยเข้าใจวงการนี้มากนัก ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับธุรกิจ SMEs จึงมองภาพไม่ออก จนกระทั่งมีการจัดสัมมนา Healthech สัญจรขึ้นที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นโอกาสให้พวกเราได้เข้าร่วมสัมมนาจนพัฒนามาเป็นผู้บรรยายในภายหลัง"

นพ.เอกกร วงศ์หิรัญเดชา
นพ.เอกกร วงศ์หิรัญเดชา

ทั้งนี้ ในปี 2561 เป็นปีแรกที่บริษัทฯเปิดตัวในงานสำคัญระดับประเทศหลายงาน เช่น งานสัมมนาเรื่อง อนาคตเศรษฐกิจไทยในยุคนวัตกรรม: ความท้าทายและโอกาส จัดขึ้นโดยธนาคารโลกประจำประเทศไทย ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานภาคใต้ และคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำเสนอแอปพลิเคชั่น myHealthFirst อย่างเป็นทางการในงาน Startup Thailand 2018
ดร.ฤทธิชัย จิตภักดีบดินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน MHG มีการพัฒนางาน 5 ส่วนหลักคือ ประกอบด้วย
1.Smart hospital system สำหรับโรงพยาบาลที่มีระบบ HIS (Hospital Information Systems) หรือระบบสารสนเทศโรงพยาบาล แต่ต้องมีแอปพลิเคชั่น ระบบนัด ระบบคิว ระบบตรวจสุขภาพและรายงานผลผ่านแอปพลิเคชั่น, ระบบรวบรวมการสตรีมข้อมูลแบบเรียลไทม์จาก Internet of Medical Things (IoMT) ในโรงพยาบาลและที่บ้าน เช่น อุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์เชื่อมต่อทางการแพทย์อื่น ๆ ที่ตรวจสอบการออกกำลังกายการนอนหลับและพฤติกรรมสุขภาพ รวมทั้งระบบ Smart IPD, Telemedicine, ระบบ SOS with real-time ambulance location เป็นต้น

2.Patient portal ส่วนนี้เป็นระบบที่สามารถบันทึกผลตรวจสุขภาพผลเลือดและยา เมื่อผู้ป่วยมารับบริการที่โรงพยาบาลและรวมกับผลการตรวจสัญญาณชีพที่บ้าน (IoMT myHealth Care at home) การออกกำลังกาย การทานอาหาร ทั้งหมดบันทึกผ่านแอปพลิเคชั่น myHealthFirst และยังสามารถปรึกษาอาการกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลโดยตรง เช่น คลินิกโรคเรื้อรัง (NCD; โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง-หัวใจ และกายภาพบำบัด (Realtime clinic monitoring) ผ่านระบบ Telemedicine ในแอปพลิเคชั่นได้ทันที
3.Telemedicine ระบบแพทย์ทางไกลผ่าน Video call

ดร.ฤทธิชัย จิตภักดีบดินทร์
ดร.ฤทธิชัย จิตภักดีบดินทร์

4.NCDs monitoring platform ระบบติดตามสถานะสุขภาพของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยสามารถวัดค่าสุขภาพและส่งข้อมูลของตัวเองได้รายวันผ่านเครื่องแท็บเล็ตที่มีการรับค่าอัตโนมัติจากอุปกรณ์วัดค่าสุขภาพต่าง ๆ เช่น เครื่องความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ, เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว, เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย, เครื่องเจาะน้ำตาลในเลือด และเครื่องชั่งน้ำหนัก หรือบันทึกข้อมูลสุขภาพผ่าน  Application myHealthFirst ได้เช่นเดียวกัน  ซึ่งข้อมูลสุขภาพที่บันทึกจะส่งไปแสดงในระบบหลังบ้าน (myHealthWorld) สำหรับให้ทีมแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล เฝ้าสังเกตและติดตามข้อมูลสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ ไปยังผู้ป่วยและทีมดูแล เมื่อค่าสุขภาพมีความผิดปกติ และยังสามารถพูดคุยปรึกษาแพทย์แบบวิดีโอคอล ผ่านชุดอุปกรณ์(แท็บเล็ต) หรือ Application myHealthFirst ได้
5.Corporate Wellness checkup system ส่วนที่บริษัทร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ออกให้บริการตรวจสุขภาพในโรงงาน-นิคมอุตสาหกรรม ผ่าน program myHealthMob สามารถรายงานผลจัดพิมพ์สูมบูรณ์แบบอย่างรวดเร็วผ่านระบบ web application myHealth World และ โมบาย แอปพลิเคชั่น myHealthFirst ทั้งยังสามารถวิเคราะห์ Big Data – ดูแลสุขภาพพนักงานผ่านระบบ myHealthPeek และ Smart nursing room
นพ.เอกทิตย์ กู้ไพบูลย์ กล่าวว่า แอปพลิเคชั่น myHealthCare ช่วยให้เกิดการดูแลสุขภาพพนักงานที่ดี (health and productivity) ถือว่าตอบโจทย์การดูแลสุขภาพยุค  new normal ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และหลังจากนี้ทาง MHG มองว่าการเข้าถึงการบริการทางสุขภาพและสาธารณสุขจะเปลี่ยนไปด้วยการให้บริการ ได้แก่
ในฝั่งผู้ให้บริการ (Health Care provider) ในสถานการณ์ที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ยังเพิ่มโอกาสก้าวเข้าสู่ smart hospital service สามารถให้บริการที่หลากหลายดูแลสุขภาพทั้งในและนอกโรงพยาบาล, ติดตามผู้ป่วยโรคเรื้อรังได้อย่างใกล้ชิด (Realtime clinic and IoMT), เพิ่มช่องทางการติดต่อให้แก่ผู้ป่วย (Telemedicine) โรคอย่างง่ายสามารถให้บริการผู้ป่วยนัดหมาย เปิดให้พบ(visit) ก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อลดการพบปะผู้คน เป็นต้น ส่วนในสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 เป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในกลุ่มโรงพยาบาลสนาม , Hospital and Home isolation และจากประสบการณ์ที่ MHG ได้รับความไว้วางใจให้บริการแก่โรงพยาบาลของรัฐ และโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ สามารถเป็นเครื่องยืนยันถึงระบบที่มีประสิทธิภาพ

นพ.เอกทิตย์ กู้ไพบูลย์ 
นพ.เอกทิตย์ กู้ไพบูลย์

ในฝั่งผู้ป่วยหรือผู้รักสุขภาพทำให้เข้าถึงด้วยการให้บริการ myHealthFirst สามารถลดการเดินทาง ลดระยะเวลาในการไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาล สามารถเลือกใช้บริการดูแลสุขภาพทั้งในและนอกโรงพยาบาล สามารถติดตามดูแลรักษาโรคเรื้อรัง (Realtime clinic and IoMT), รวมถึงบริการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่บ้าน Home isolation กับโรงพยาบาลชั้นนำ
"แม้ในปี 2564 โลกจะอยู่ในช่วงที่ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 รุนแรง ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี แต่ด้วยบริการของ MHG ที่ตอบโจทย์ในสถานการณ์ฯ MHG จึงเป็นสตาร์ทอัพที่สามารถสร้างรายได้เติบโตจากธุรกิจของเรา จนเป็นที่สนใจของ VC หลายราย และภูมิใจที่บอกกับทุกคนว่าเรามีโอกาสก้าวไปกับองค์กรชั้นนำโดยเราสามารถ raise fund series A จาก Nexter Ventures บริษัทในเครือของ SCG" 
นอกจากนี้ MHG ยังได้รับความไว้วางใจและเสียงตอบรับเป็นอย่างดี เมื่อร่วมงานไปกับหน่วยงานทั้งระดับประเทศและต่างประเทศ ได้แก่
ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ SCG DoCare ให้บริการระบบดูแลผู้ป่วยโควิด-19 IoMT Home isolation และร่วมทำงานวิจัย
ร่วมกับ SCG DoCare จัดทำระบบดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง IoMT Care Connect โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และธนาคารกสิกรไทย จัดทำระบบดูแลผู้ป่วย โรงพยาบาลสนาม COVID-19 IoMT myHealthCare และร่วมทำวิจัย
ร่วมกับภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดทำแอปพลิเคชั่น
ร่วมกับ SCG DoCare จัดทำระบบดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
ร่วมกับ SCG DoCare จัดทำระบบดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง สถาบันพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย
ร่วมพัฒนาวิจัยอย่างต่อเนื่องการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรือ AI ในทางการแพทย์ร่วมกับ Quadrant Health, USA.
สำหรับการทำงานของ myHealthFirst แอปพลิเคชั่นที่อำนวยความสะดวกทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟังก์ชั่นการดูแลสุขภาพและการไปโรงพยาบาล ทำงานเป็นระบบโซลูชั่นตั้งแต่การรับบัตรคิวผ่านตู้คิวอัจฉริยะ(Kiosk) ระบบมีการเชื่อมต่อกันกับสถานพยาบาล ผู้ใช้งานเพียงแค่เสียบบัตรประชาชน พร้อมพบคุณหมอได้ทันที และยังสามารถดูคิวผ่านแอปพลิเคชั่นทางสมาร์ทโฟน  และตู้ Digital Signage (จอแสดงคิว)  โดยคิวของผู้ใช้งานจะส่งผ่าน Notification ผ่านทางแอปพลิเคชั่น myHealthFirst ทางสมาร์ทโฟนอยู่เสมอเมื่อใกล้ถึงคิว และเข้ารับบริการสามารถติดตามอาการได้สม่ำเสมอ โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาโรงพยาบาล
#3506


นายประกาย เสาร์คำ อายุ 33 ปี ชาวบ้านใน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ กลายเป็นเศรษฐีป้ายแดงหลังซื้อหวยออนไลน์รับโชคใหญ่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 หมายเลข 070935 งวดวันที่ 16 กันยายน 2564 ได้เดินทางนำสลากไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

นายประกาย เผยว่า ตนทำงานเป็นคนงานเก็บลำไยในพื้นที่อำเภอพร้าว และได้ไปซื้อหวยที่แผงค้าสลากหน้าวัดแม่เหียะ ตำบลเขื่อนผาก อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากทราบว่าถูกรางวัลที่ 1 ก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะนำเงินไปขึ้นที่กองสลากในวันพรุ่งนี้ โดยจะนำเงินรางวัลไปเลี้ยงดูครอบครัวต่อไป

ฮือฮา!แม่ค้าร้านทำลวดถูกหวย30ล้าน คนขายยันลูกค้าขาประจำแผงตลาดป่าไผ่

เจ๊ติ๋ม เจ้าของแผงลอตเตอรี่ ตลาดป่าไผ่ สันกำแพง เชียงใหม่ ยัน แม่ค้าร้านทำลวด ลูกค้าประจำ โคตรเฮง จัดชุดใหญ่ 5 ใบ รับเละ 30 ล้านบาท เจ้าตัวหายเงียบไม่แจ้งความ ชาวบ้านฮือฮาร่วมยินดี

เมื่อเย็นวันที่ 16 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีแม่ค้าร้านทำลวด ใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 ก.ย. 2564 หมายเลข 070935 จำนวน 5 ใบ รับเงินรางวัล 30 ล้านบาท จึงตรวจจสอบพบว่าซื้อมาจากแม่ค้าขายลอตเตอรี่ในตลาดป่าไผ่ อ.สันกำแพง จึงเดินทางไปตรวจสอบ


สอบถามเจ๊ติ๋ม แม่ค้าลอตเตอรี่เบื้องต้นทราบว่าผู้หญิงดังกล่าว เป็นเจ้าของร้านทำลวด เป็นลูกค้าประจำซื้อหวยกับเจ๊ติ๋ม และจากการตรวจสอบโรงพักในพื้นที่พบว่ายังไม่มีใครมาลงทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน แต่อย่างไรก็ตาม หลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออก ชาวบ้านในอำเภอสันกำแพง ทราบข่าวต่างฮือฮาพูดต่อๆกันไปจนเป็นข่าวดัง พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับหญิงเจ้าของร้านทำลวดผู้โชคดีคนดังกล่าวกันจำนวนมาก
#3507


ตลาดหุ้นไทยเปิดซื้อขายช่วงเช้ายืนในแดนบวก รับแรงซื้อหุ้นพลังงานนำตลาด หลังราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งยืนเหนือ 72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง และรัฐบาลเดินหน้าเปิดประเทศ หวังฟื้นเศรษฐกิจ

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การซื้อขายหุ้นไทยช่วงเช้าวันที่ 16 กันยายน 2564 ดัชนีหุ้นไทยเปิดซื้อขายปรับเพิ่มขึ้น โดย ณ เวลา 10.40 น. เพิ่มขึ้น 5.72 จุด หรือ0.35% อยู่ที่ 1,633.76 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 18,047.71 ล้านบาท รับแรงซื้อหนุนในกลุ่มพลังงานจากราคาน้ํามันดิบโลกพุ่งขึ้นยืนเหนือ 72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังสต็อกน้ํามันดิบสหรัฐลดลงมากนอกจากนี้ รัฐบาลยังยืนยันการเปิดประเทศ 4 stage เรียกความเชื่อมั่นและเป็นผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ยังต้องระวังแรงขายลดความเสี่ยงก่อน FTSE rebalance จะลดน้ําหนักหุ้นไทยลงประมาณ 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองซื้อหวยออนไลน์วันนี้ 16 ก.ย.64 ลดลง 50 บาท ทองคำแท่งขายออก 28,000 บ.

ราคาทองวันนี้ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายประจำวันที่ 16 กันยายน 2564 (ครั้งที่ 1) ลดลง 50 บาท ทองคำแท่งขายออก 28,000 บ. ทองคำรูปพรรณขายออก 28,500 บาท

ราคาทองวันนี้ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายประจำวันที่ 16 กันยายน 2564 (ครั้งที่ 1) เมื่อเวลา 09.24 น. ลดลง 50 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 27,900.00 บาท ขายออกบาทละ 28,000.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,394.12 บาท ขายออกบาทละ 28,500.00 บาท

ราคาทอง ประจำวันที่ 15 กันยายน 2564 สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขาย 5 ครั้ง เพิ่มขึ้น 150 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 27,950.00 บาท ขายออกบาทละ 28,050.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,439.60 บาท ขายออกบาทละ 28,550.00 บาท


สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 1,800 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.3 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ระดับ 1,794.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 
#3508


ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้(15 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 34,814.39 จุด เพิ่มขึ้น 236.82 จุด ได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,814.39 จุด เพิ่มขึ้น 236.82 จุด หรือ +0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,480.70 จุด เพิ่มขึ้น 37.65 จุด หรือ +0.85% ดัชนี Nasdaq  ปิดที่ 15,161.53 จุด เพิ่มขึ้น 123.77 จุด หรือ +0.82%

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีซื้อหวยออนไลน์หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.81% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 3.64% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 4.18% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 3.35% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.08%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางปรับตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 1.68% หุ้น 3M บวก 1.01% หุ้นฮันนีเวลล์ เพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 0.88% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 0.48% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ขึ้น 1.36% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ เพิ่มขึ้น 1.01%


หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ขึ้น 1.16% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 0.75% หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ขึ้น 1.28%
          
หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.68% หลังบริษัทประกาศแผนซื้อหุ้นคืนในวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มการจ่ายเงินปันผล

ตลาดได้ปัจจัยบวกจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 34.3 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.0 จากระดับ 18.3 ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน รวมทั้งความเชื่อมั่นของบริษัทในภาคการผลิต

นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
#3509


นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA คาดการณ์รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติปี 2564 จะสูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยอัตราการเติบโตกว่าร้อยละ 30 จากปีก่อน โดยที่ยังคงระดับความสามารถในการทำกำไรสูงด้วยกำไรจากการดำเนินการก่อนหักค่าใช้จ่าย (EBITDA) กว่าร้อยละ 40 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการซื้อหวยออนไลน์ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) มูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ด้วย

ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (IBD) ยังอยู่ที่ 1.3 เท่า WHA จะยังคงงบดุลของเราให้แข็งแกร่ง ลงทุนให้ธุรกิจเติบโต รองรับทุกความต้องการของลูกค้า และสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้แก่ผู้ถือหุ้น

สำหรับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2564 และมีแนวโน้มสดใสด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมถึงความร่วมมือระยะยาวกับพันธมิตรสำคัญระดับโลก ตลอดจนการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้
ทั้งนี้ ในครึ่งแรกของปี 2564 มีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ ๆ รวมพื้นที่ 35,000 ตารางเมตร และสัญญาระยะสั้นอีก 100,000 ตารางเมตร และภายในสิ้นปี จะมีการส่งมอบโครงการโลจิสติกส์แห่งใหม่ 5 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่รวมมากกว่า 110,000 ตารางเมตร พร้อมเปิดตัวโครงการเมกกะ โลจิสติกส์ แห่งใหม่ และขยายพื้นที่ในโครงการเดิม ขนาดกว่า 400,000 ตารางเมตร
นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ช่วยเร่งให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตเร็วขึ้น และเป็นการเพิ่มความต้องการศูนย์กระจายสินค้าสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปยังได้รับผลตอบรับที่ดีจากความต้องการโรงงานสำเร็จรูป (Ready-Built Factories - RBF) และคลังสินค้าสำเร็จรูป (Ready-Built Warehouse – RBW) ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มมากขึ้น คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารจัดการรวม 2,560,000 ตารางเมตร

ธุรกิจโลจิสติกส์ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังได้เดินหน้าในการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาปรับใช้เพื่อสร้างโซลูชันบริการที่เปี่ยมนวัตกรรมแบบครบวงจรที่สร้างมูลค่าใหม่ ๆ มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 29.40 ในบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ผู้ให้บริการให้เช่าพื้นที่จัดเก็บทรัพย์สินส่วนบุคคลระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ "i-Store Self Storage" โดยดับบลิวเอชเอจะใช้ความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในธุรกิจโลจิสติกส์มาสนับสนุนสตอเรจ เอเชีย ในการสร้างสรรค์การให้บริการพื้นที่จัดเก็บทรัพย์สินส่วนบุคคลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง ซึ่งในปีนี้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีแผนที่จะขายทรัพย์สิน ได้แก่โครงการ Built-to-Suit Warehouse และ General Warehouses ขนาด 180,000 ตารางเมตร เข้ากองทรัสต์ WHART ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 5,500 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ (WHAID) ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดทั้งในประเทศไทยและขยายธุรกิจสู่เวียดนาม ปัจจุบัน มีนิคมอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 12 แห่ง โดยตั้งอยู่ในประเทศไทย 11 แห่ง และเวียดนามอีก 1 แห่ง นอกจากนี้ ยังกำลังพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการในประเทศไทย และอีก 2 โครงการในเวียดนาม คิดเป็นพื้นที่รวม 68,000 ไร่ ซึ่งรวมพื้นที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่จำนวน 49,900 ไร่ ในประเทศไทย คาดว่านิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3) และนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 (WHA RY36) จะดำเนินการสร้างเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายปี 2564 และภายหลังจากผ่านการอนุมัติการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว การก่อสร้างส่วนต่อขยายของนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 (WHA ESIE 4) ก็จะเริ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ส่วนนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง (WHA IER) ซึ่งได้รับการอนุมัติให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษจากอีอีซี จะเริ่มการก่อสร้างในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565

โดยจะเป็นผลให้ WHAID มีที่ดินอุตสาหกรรมพร้อมซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนทำเลยุทธศาสตร์เพื่อรับการลงทุนในอนาคตในประเทศเวียดนาม เขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน ได้เสร็จสิ้นการก่อสร้างเฟส 1 ขนาดพื้นที่ 1,000 ไร่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้เช่าร้อยละ 54 ของพื้นที่ ประกอบด้วยลูกค้าจากจีน ญี่ปุ่น และไทย ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ การแปรรูปอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และวัสดุก่อสร้าง ขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างเฟส 2 ขนาด 2,100 ไร่ คาดว่าการก่อสร้างจะเริ่มในไตรมาส 1 ปี 2565 นอกจากนี้ WHAID ยังกำลังพัฒนาเขตอุตสาหกรรมเพิ่มอีกสองแห่ง ได้แก่ WHA Smart Technology Industrial Zone - Thanh Hoa และโครงการ WHA Northern Industrial Zone ในจังหวัดถั่งหัว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7,500 ไร่ โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2566 และ 2567

สำหรับ ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแนวคิด "Smart Eco Industrial Estates" ด้วยการเปิดรับนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเริ่มดำเนินการ "ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติงานแบบรวมศูนย์" ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารดับบลิวเอชเอ ทาวเวอร์ เพื่อตรวจสอบตัวบ่งชี้หลักด้านการทำงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงข้อมูลการจราจร ความปลอดภัย การปล่อยก๊าซทางอากาศ ระดับน้ำ ตลอดจนคุณภาพน้ำเสีย ซึ่งเป็นข้อมูลที่รวบรวมมาจากระบบจัดการจราจรอัจฉริยะ กล้องวงจรปิด และระบบ SCADA1 ซึ่งติดตั้งไว้ที่นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ ในประเทศไทย

นอกเหนือจากการขยายธุรกิจเชิงภูมิศาสตร์แล้ว WHAID ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นให้แก่ลูกค้า ด้วยความร่วมมือกับทัส โฮลดิ้งส์ จากประเทศจีน บริษัทดำเนินการศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรม "ทัสพาร์ค ดับบลิวเอชเอ" ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่บริหารจัดการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ทัสพาร์ค ดับบลิวเอชเอ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพและส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศจีนกับไทย นอกจากนี้ บีไอจี ดับบลิวเอชเอ อินดัสเทรียลแก๊ส ยังได้ร่วมมือกับ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จํากัด เพื่อสร้างโรงงานแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซ โดยจะจัดจำหน่ายก๊าซไนโตรเจนให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) และนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 ที่อยู่ติดกัน โดย บีไอจี ดับบลิวเอชเอ อินดัสเทรียลแก๊ส จะเริ่มจัดจำหน่ายไนโตรเจนให้แก่ลูกค้าในไตรมาสที่ 4 ปี 2564

ส่วนดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เดินหน้าขยายธุรกิจสาธารณูปโภคภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัท ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม และพัฒนาโซลูชันพลังงานหมุนเวียนที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์

ด้านสาธารณูปโภค ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ยังคงเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์และโซลูชันอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม เช่น โครงการ Wastewater Reclamation และการผลิตน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) โดยใช้เทคโนโลยีเมมเบรนรีเวิร์สออสโมซิส ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 WHAUP ได้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำประปาและการบำบัดน้ำเสีย รวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16 และ 170 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยหลายโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาและดำเนินการก่อสร้าง เช่น โรงบำบัดน้ำแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2.74 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โรง reclamation และโรงผลิตน้ำปราศจากแร่ธาตุ ยังให้บริการน้ำปราศจากแร่ธาตุแก่ลูกค้านอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ และโครงการน้ำดิบทางเลือก ด้วยกำลังการผลิต 6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีที่เวียดนาม WHAUP อยู่ระหว่างการดำเนินการ 3 โครงการ

 ส่งผลให้ปริมาณน้ำประปาและน้ำเสียมีขนาดรวมถึง 10.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โรงบำบัดน้ำ Duong River Surface (WHAUP ถือหุ้นร้อยละ 34) มีอัตราการใช้น้ำที่สูงขึ้นและมีปริมาณการขายน้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในครึ่งแรกของปี 2564 โรงบำบัดน้ำ Cua Lo (WHAUP ถือหุ้นร้อยละ 47) ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคม 2564 และขยายกำลังการผลิตของโรงงานเป็น 7.3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

ด้านพลังงาน ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยการพัฒนาโซลูชันพลังงานหมุนเวียน นอกเหนือจากพลังงานแบบดั้งเดิม โดยตั้งแต่ต้นปี 2564 มีโครงการโซลาร์ที่ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ หลายโครงการ อาทิ คอนติเนนทอล ไทร์ส ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 และ ฮอนด้า ในจังหวัดปราจีนบุรี นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังได้ลงนามในสัญญาอีกหลายฉบับ โดยมีโครงการ Solar ที่เปิดดำเนินการแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 46 เมกะวัตต์ และบริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการ Solar Rooftop รวมทั้งสิ้น 63 เมกะวัตต์ คาดว่าธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ของ WHAUP จะมีกำลังการผลิตรวม 90 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 2564 ทั้งนี้ ภายใต้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นโซลูชันนวัตกรรม WHAUP ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับพันธมิตรด้านพลังงานชั้นนำ อย่าง ปตท. และเซอร์ทิส เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มพลังงานอัจฉริยะเพื่อซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ทั้งนี้ในปี 2564 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นทั้งสิ้น 670 เมกะวัตต์

ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มของดับบลิวเอชเอ ยังคงดำเนินแผนการให้บริการไฟเบอร์ออปติก (FTTx) ในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 10 แห่งของดับบลิวเอชเอในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน FTTx ได้ให้บริการแก่ลูกค้าทั้งหมดในนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง ในขณะที่กำลังดำเนินการติดตั้งให้ครอบคลุมพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมที่เหลืออยู่อีก 4 แห่ง

อย่างไรก็ดี การมีส่วนร่วมในการพัฒนา 5G เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของกลยุทธ์ดิจิทัลแพลตฟอร์มของดับบลิวเอชเอ บริษัทฯ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ทั้งหมด รวมถึง แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค (AWN) ทรู และดีแทค เพื่อร่วมวางแผนการวางเครือข่าย 5G และโซลูชัน 5G และเร่งการสร้างสรรค์โซฃูชันอัจฉริยะสำหรับลูกค้าของดับบลิวเอชเอ

ธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์ม ยังขยายความร่วมมือกับสตาร์ทอัพในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการที่มอบให้แก่ลูกค้าของดับบลิวเอชเอ

นอกจากนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังได้สนับสนุนระบบสาธารณสุขในประเทศ โดยการนำคลังสินค้าในโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ ชลหารพิจิตร กม. 4 จังหวัดสมุทรปราการ บนพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร เป็นโรงพยาบาลสนาม "สมุทรปราการรวมใจ 5 (WHA)" ขนาด 1,300 เตียง สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ

นอกจากนี้ เพื่อขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป บริษัทได้เปิดตัว "WHA Office Solutions" นำเสนอพื้นที่สำนักงานชั้นนำระดับเวิลด์คลาสบนพื้นที่รวม 100,000 ตารางเมตร บน 6 ทำเลทองในกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ รวมถึงสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ "ดับบลิวเอชเอ ทาวเวอร์", โครงการ SJ Infinite I, ตึกสำนักงาน @Premium, โครงการ WHA Bangna Business Complex, ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมทัสพาร์ค ดับบลิวเอชเอ ตลอดจนโครงการ WHA KW S25 ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

"การดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ถือเป็นเส้นทางที่มีความท้าทายแต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ เรามองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และหวังว่าในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย จะสามารถเร่งให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนให้ครอบคลุม เราจะได้ผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน วิกฤตการณ์ครั้งนี้นับเป็นตัวเร่งให้เกิดการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ และสิ่งเหล่านี้เองช่วยให้เรามองไปข้างหน้าได้อย่างมีความหวัง"นางสาวจรีพรกล่าว
#3510


ดร.สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย พญ.จัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการบริษัท และนายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ร่วมให้ข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 และทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังกับนักวิเคราะห์ เพื่อสร้างความมั่นใจในการดำเนินงานของบริษัทฯ ในกิจกรรม Analyst Meeting ผ่านระบบออนไลน์

โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการซื้อหวยออนไลน์ 788.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.37 ล้านบาท หรือ 12.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 108.44 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนแนวโน้มยอดขายในครึ่งปีหลัง 2564 มีทิศทางสูงขึ้นกว่าในครึ่งปีแรก จากยอดออเดอร์ที่สั่งซื้อส่วนประกอบอาหารและเครื่องดื่มของกลุ่มลูกค้า

ขณะที่การลงทุนในตลาดในอาเซียน RBF ยังคงเน้นการขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม โดยลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตเพื่อการส่งออก ส่วนที่อินโดนีเซียโรงงานในขณะนี้สามารถเดินเครื่องการผลิตได้เต็มกำลังแล้วและบริษัทฯ เตรียมก่อสร้างโรงงานเฟส 2 ขึ้น ในปี 2565

สำหรับผลิตภัณฑ์กัญชง หลังบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตโรงสกัดสาร CBD-THC รายแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงใบอนุญาตผลิต (ปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง และใบอนุญาตสกัดน้ำมันจากเมล็ดกัญชง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 บริษัทฯ ได้เริ่มเซ็นสัญญารับคำสั่งซื้อกับผู้ผลิตรายใหญ่แล้ว และยังมีลูกค้ารายสำคัญอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเซ็นสัญญากับบริษัทฯต่อเนื่องในทุกประเภทสินค้า ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สมุนไพร อาหารเสริม 

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. อนุญาตให้ใช้ CBD ได้สูงสุด 75 mg/k ถือว่าเป็นปริมาณที่เหมาะและเพียงพอที่จะทำให้เกิดการผ่อนคลาย ทั้งนี้ RBF วางเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้า เมื่อต้นทุนวัตถุดิบ (ราคาต้นกัญชง) ลดลง จะส่งออกผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชงออกสู่ตลาดต่างประเทศ

สำหรับการปลดล็อกพืชกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษ ประชาชนสามารถมีไว้ครอบครองและซื้อขายได้นั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล หากตลาดมีความต้องการ บริษัทฯ ก็มีความพร้อมที่จะเดินหน้าธุรกิจดังกล่าวต่อไป เนื่องจากมีประสบการณ์ในฐานะผู้ผลิตสารปรุงแต่งมาก่อนและมีโรงสกัดที่พร้อม

อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ บริษัทฯ ยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 2564 จะยังคงเติบโตตามเป้า 10-12% จากยอดออเดอร์สั่งซื้อส่วนประกอบอาหารและเครื่องดื่ม รายได้จากธุรกิจธุรกิจกัญชง ที่ทยอยรับรู้รายได้ช่วงปลายไตรมาส 4/2564 หรือในต้นปี 2565
#3511


หน่วยงานป้องกันการผูกขาดของเกาหลีใต้สั่งปรับ "กูเกิล" เป็นเงิน 207,000 ล้านวอน หรือประมาณ 5,830 ล้านบาท ฐานปิดกั้นไม่ให้มีการปรับแต่งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งนับเป็นการเล่นงานทางกฎหมายต่อกูเกิลครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึงหนึ่งเดือน

คณะกรรมการการค้ายุติธรรมแห่งเกาหลีใต้ (KFTC) แถลงวันนี้ (14 ก.ย.) ว่า เงื่อนไขในสัญญาที่กูเกิลทำร่วมกับผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารถือเป็นการผูกขาดและจำกัดการแข่งขันในตลาด ในขณะที่กูเกิลประกาศจะยื่นอุทธรณ์ และแย้งว่าคำตัดสินดังกล่าวมองข้ามข้อดีจากความเข้ากันได้ (compatibility) ของแอนดรอยด์กับโปรแกรมอื่นๆ และทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร

"คำตัดสินของ KFTC จะช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูความสามารถด้านการแข่งขันภายในตลาดระบบปฏิบัติการ (OS) และแอปพลิเคชั่นต่างๆ" โจห์ ซุง-วุก ประธาน KFTC ระบุในถ้อยแถลง

KFTC ชี้ว่า กูเกิล ขัดขวางการแข่งขันในตลาดด้วยการบังคับให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ต้องปฏิบัติตามข้อตกลง 'anti-fragmentation agreement' หรือ AFA หากจะใช้บริการแอปสโตร์ของกูเกิล โดยผู้ผลิตจะไม่สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นปรับแต่งแก้ไข หรือ 'Android forks' ได้ และนั่นทำให้กูเกิลสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดระบบปฏิบัติการไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

คำตัดสินของ KFTC ห้ามมิให้กูเกิลบังคับผู้ผลิตอุปกรณ์ให้ต้องเซ็นยอมรับ AFA เพื่อเปิดทางให้ผู้ผลิตเหล่านี้สามารถใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นปรับแต่งแก้ไขได้

KFTC ยังยกตัวอย่างกรณีที่ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เคยเปิดตัวสมาร์ทวอตช์ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ปรับแต่งเมื่อปี 2013 แต่สุดท้ายต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการอื่นแทน เนื่องจากกูเกิลร้องเรียนว่าการกระทำดังกล่าวละเมิดข้อตกลง AFA

คำสั่งปรับกูเกิลมีขึ้นในวันเดียวกับที่กฎหมาย Telecommunications Business Act หรือที่คนทั่วไปนิยมเรียกว่า "กฎหมายต่อต้านกูเกิล" เริ่มมีผลบังคับใช้ในเกาหลีใต้

ที่มา: รอยเตอร์
#3512


ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนสิงหาคมกลับมาติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนที่ -0.02% YoY จากเดือนก่อนอยู่ที่ 0.45% สาเหตุสำคัญจากราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดที่ลดลงค่อนข้างมาก สอดคล้องกับความต้องการที่ชะลอลงในการช่วงการแพร่ระบาดที่รุนแรง ขณะเดียวกันภาครัฐยังมีมาตรการลดภาระค่าครองชีพ โดยการลดค่าน้ำประปา ค่าไฟ และค่าธรรมเนียมการศึกษา ขณะที่ราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานแม้ยังขยายตัวแต่มีอัตราที่ชะลอลง ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาหมวดอาหารสดและพลังงาน) อยู่ที่ 0.07% ชะลอลงจาก 0.14% เดือนกรกฎาคม

ซึ่งผลจากการระบาดที่รุนแรงของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ฉุดอุปสงค์ในประเทศอ่อนแอลงมาก ประกอบกับทางการขยายเวลาการใช้มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.73% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ และล่าสุดวิจัยกรุงศรีได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้เหลือ 0.9% จากเดิมคาด 1.2% อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้บ้าง ปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด รวมถึงราคาพลังงานที่ยังทรงตัวในระดับสูงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ด้านมุมมองด้านดอกเบี้ยนโยบาย แม้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มต่ำกว่าคาดการณ์เดิม และผลการประชุมกนง.ครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่ามีความน่าจะเป็นอยู่ที่ 52.7% ที่กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 29 กันยายนนี้ แต่วิจัยกรุงศรีคาดว่ากนง.จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% ปัจจัยหนุนจาก กรณีกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางสาขาเริ่มกลับมาดำเนินการได้บ้างแล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงจากที่เคยแตะระดับกว่า 20,000 รายต่อวัน ประกอบกับการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้า (เฉลี่ยวันละกว่า 6 แสนโดสในช่วงวันที่ 1-9 กันยายน) และทางการเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดลง และ

นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ธปท.ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs และลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID- 19 ทั้งการรักษาสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้กับลูกหนี้ และการสนับสนุนให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะยาวที่เหมาะสมกับลูกหนี้ ทั้งนี้ มาตรการเพิ่มเติมดังกล่าวอาจสะท้อนถึงการเน้นใช้มาตรการทางการเงินที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อบรรเทาภาระทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือนได้อย่างตรงจุดมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำและอาจช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ไม่มาก

ด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอ่อนแอ ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีสัญญาณบวก สะท้อนจากข้อมูลเดือนสิงหาคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคคาดการณ์ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 46.7 จาก 47.6 เดือนก่อน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ในระยะ 3 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ที่ 90.9 จาก 89.3 เดือนก่อน

ขณะที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอลงมากเนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของ COVID-19 ที่ลากยาวและกระจายเข้าสู่ภาคโรงงาน กระทบต่อภาคธุรกิจและครัวเรือนไทยในวงกว้าง ล่าสุดแม้เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดลง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางสาขากลับมาดำเนินการ แต่ยังต้องอยู่ภายใต้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอยู่ (สีแดงเข้ม) ต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นเดือนกันยายน จึงคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภาคธุรกิจและการจ้างงานจะยังคงซบเซา นอกจากนี้ ภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศ โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในปีนี้จะเติบโตต่ำที่ 0.5% อย่างไรก็ตาม อานิสงส์จากปัจจัยภายนอก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าฟื้นตัว หนุนการส่งออกในปีนี้เติบโตได้ที่ 15% ซึ่งจะช่วยเป็นแรงพยุงการผลิตภาคอุตสาหกรรม
#3513
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3514



ไอศครีมเป็นของหวานที่ได้รับความนิยมของคนทั่วโลก ที่ช่วยดับร้อนเหมาะสมกับอากาศบ้านเราอย่างยิ่งและก็ยังมีรสชาติที่อร่อย หวานหอม ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนมีไอศครีมรสโปรดเป็นของตัวเอง แต่ว่าคุณรู้ไหมว่าไอติมที่นิยมทานกันทั้งโลกมีกี่ประเภท วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกัน !

1.Ice Cream - ไอศครีม
เริ่มกันที่จำพวกแรก 'ไอศครีม' เกิดจากการนำนมผสมกันสารให้ความหวานต่างๆไม่ว่าจะเป็นครีม น้ำตาล ไข่ หรือมีการผสมรสแปลกใหม่ลงไป ทำให้ไอศกรีมเป็นของหวานที่คนอีกหลายคนสามารถกินได้ทุกๆวันไม่มีเบื่อ

สนใจ เครื่องทำไอศกรีมฮาร์ดเสิร์ฟ คลิกเลย!

2. Frozen Yogurt - โฟรเซนโยเกิร์ต
ไอติมที่เปรียบดังพี่น้องของไอติมซอฟต์เสิร์ฟ ไอศครีมโฟรเซนโยเกิร์ต นั่นเอง เนื่องจากว่าด้วยลักษณะภายนอกที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่ว่าต่างกันตรงที่โฟรเซนโยเกิร์ตจะใช้โยเกิร์ตไขมันต่ำเป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบในไอศกรีม แต่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพและหุ่นมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น เหมาะกับผู้หญิงที่ต้องการทานไอศกรีมแต่กลัวอ้วน นิยมนำมาทานกับท็อปปิ้งผลไม้ หรือกินเดียวๆก็อร่อยฟินสุดๆ





3.Soft Serve ซอฟท์เสิร์ฟ
คงไม่มีใครไม่รู้จักไอศครีมสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากๆอย่าง " ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ " กันอย่างแน่นอน
ซึ่งไอติม 'ซอฟต์เสิร์ฟ' หรือบางที่เรียกกันว่า 'ซอฟต์ครีม' เป็นไอติมที่แตกสูตรมาจากไอศกรีมดั้งเดิม แต่มีแนวทางการทำที่ต่างออกไปนิดหน่อยด้วยอุณหภูมิที่ใช้นั้นสูงมากกว่า เพื่อทำให้ไอศกรีมมีรสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม อาจทำมาจาก ผงไอศกรีมซอฟเสริฟ ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งไอติมซอฟท์เสิร์ฟได้รับความนิยมอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น

สนใจ เครื่องทำไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ คลิกเลย!

4.เจลาโต (Gelato)
เจลาโต้ ไอติมสัญชาติอิตาเลี่ยนที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับซอฟท์เสิร์ฟ เป็นไอศกรีมที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ซึ่งความพิเศษของไอติมเจลาโต้นี้ คือ จะมีความเหนียวหนึบมากยิ่งกว่าไอศกรีมปกติ ซึ่งส่วนผสมหลักของเจลาโตนั้นทำมาจากนมในสัดส่วนที่มากกว่าครีมเจลาโตนั้นมักมีไขมันอยู่เพียง 5-7 เปอร์เซ็นต์แค่นั้น ด้วยเนื้อสัมผัสที่เหนียวหนึบของเจลาโต้ จึงไม่สามารถใช้ Scoop ตักได้เหมือนไอศกรีมทั่วไป จึงจะต้องใช้ Spatula หรือไม้พายตักเจลาโต้สำหรับในการตักเสิร์ฟ

5.Sorbet ไอศกรีมซอร์เบต์ และ Sherbet ไอศกรีมเชอร์เบต
ไอศกรีม 'ซอร์เบต์' เป็นไอศกรีมที่มีส่วนผสมหลักเป็นผลไม้แล้วก็น้ำตาลแล้วก็ค่อยนำไปแช่แข็ง ไอศกรีมซอร์เบต์ที่แท้จริงจะมีเนื้อคล้ายกับเกล็ดน้ำแข็ง ได้รสของผลไม้แบบเข้มข้น ซึ่งไอศกรีมซอร์เบตเหมาะมากๆสำหรับผู้ที่แพ้แลคโตสในนม แต่ว่าอยากทานไอศกรีม ส่วนไอติม 'เชอร์เบต' นั้นจะแตกต่างกันอยู่บางส่วนตรงที่ไอศกรีมเชอร์เบตจะมีส่วนผสมของนมเพิ่มเข้ามาด้วย จึงทำให้ไอติมมีเนื้อเนียนนุ่มมากขึ้น


#3515


นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (นปท.) ครั้งที่ 1/2564 วันที่ 13 ก.ย. โดยมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมรับทราบสถานะ Flagship 5 โครงการสำคัญ กระทรวงคมนาคม พร้อมทั้งมีข้อสั่งการให้ดำเนินการขับเคลื่อนอย่างรอบคอบ เข้มแข็งให้เป็นไปตามแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเลอย่างเคร่งครัดต่อไป

โดย 5 โครงการสำคัญ คือ 1. โครงการศึกษาวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมทุนการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี 2. โครงการวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือ สำรวจออกแบบ Cruise Terminal ฝั่งอันดามัน

3. โครงการศึกษาสำรวจออกแบบท่าเรือต้นทาง (Home Port) สำหรับ Cruise Terminal อ่าวไทยตอนบน 4. โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวและบริหารจัดการภายในท่าเทียบเรือเพื่อความปลอดภัยที่ท่าเทียบเรือฯ ปากคลองจิหลาด จ.กระบี่ 5. โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวและบริหารจัดการภายในท่าเทียบเรือเพื่อความปลอดภัยที่ท่าเทียบเรือฯ ท้องศาลา และท่าเทียบเรือหาดริ้น อ.เกาะพงัน สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้ร่วมแก้ปัญหากับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล. ดำเนินการในเรื่องการควบคุมเรือสำราญและกีฬา (เรือยอชต์) ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสนับสนุนโครงการ Phuket Sandbox

รวมถึงบูรณาการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะบริเวณอ่าวบ้านดอน สุราษฎร์ธานี ได้รื้อถอน 465 ขนำ สามารถส่งคืนพื้นที่อ่าวบ้านดอนกว่า 200,000 ไร่ (อ.เมืองสุราษฎร์ฯ (28,265 ไร่) อ.กาญจนดิษฐ์ (23,378 ไร่) อ.ท่าฉาง (23,457 ไร่) อ.ไชยา (8,164 ไร่))

แก้ไขปัญหาการใช้ร่องน้ำเดินเรือในทะเลสาบสงขลา ได้แก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย หารือร่วมหลายฝ่ายและสำรวจเปิดร่องน้ำสัญจรเร่งด่วน 2 ครั้ง แก้ไขปัญหาระหว่างประมงพื้นบ้านกับโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้จัดทำแนวทางแก้ไขปัญหากระทบต่อโครงการฯ ระยะที่ 3 แล้ว เกี่ยวกับการเรียกร้องการเยียวยาประมงพื้นบ้าน และนำเป็นโมเดลเยียวยาให้แก่ชาวประมงต่อไป และการบูรณาการให้ความช่วยเหลือกรณีเรือสันทัดสมุทรอับปาง บริเวณเกาะสมุย ขณะนี้ได้ดำเนินการเก็บกู้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
#3516
โควิดหั่นราคา ขายบ้านเดี่ยว 97 ตร.วา ราคาขายขาดทุน 5,500,000 บาท หรือให้เช่า 22,000 บาท/เดือน มบ. มณีรินทร์ เลค แอนด์ ปาร์ค ถนน 345 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี โทร 083-7124115

บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 97 ตร.ว. มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 5,500,000 บาท หรือให้เช่า 22,000 บาทต่อเดือน มบ. มณีรินทร์ เลค แอนด์ ปาร์ค อยู่ในเครือ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ถนน 345 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี บ้านหรูมีระดับ ติดถนนเมนของโครงการ หน้ากว้างถนนประมาณ 12 เมตร ทำเลดีบรรยากาศเยี่ยม ความปลอดภัยสูงสุด สาธารณูปโภคครบครัน ตัวโครงการขนาดใหญ่ มีหลายหลังคาเรือน โครงการหรูหรากว้างใหญ่ สวยเลิศอลังการ ดีงามน่าอยู่สุดๆ   มีสโมสร สระว่ายน้ำ ฟิตเน็ส สนามเทนนิส สนามเด็กเล่น สวนออกกำลังกาย และ
ที่สำคัญ มียามรักษาการณ์หลายจุดหลายป้อม ปลอดภัยสูงสุด ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้อบอุ่นมั่นใจปลอดภัย อยู่แล้วสบายใจหายห่วง ตัวโครงการมีต้นไม้ค่อนข้างมาก ทำให้บรรยากาศสดชื่น ดูร่มรื่น น่าอยู่ น่าอาศัย ด้านในโครงการ เหมือนเมือง ๆ หนึ่ง เพราะตัวโครงการเอง มีผู้อาศัยอยู่หลายพัน หลังคาเรือน ในโครงการแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นโครงการมีระดับและใหญ่มาก

แบบบ้านสวย พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ต่อเติมโรงรถใหญ่มาก จอดรถได้ถึง 6 คัน ภายในบ้าน ต่อเติมเพิ่ม ให้ใหญ่ขึ้น  และยังมี ระเบียงนั่งเล่นด้านข้างขนาดใหญ่ มี สวน ทั้งยังต่อเติมห้องนั่งเล่น หรือ ห้องอเนกประสงค์  แล้วเสร็จ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ซึ่งด้านหลัง ก็ยังเหลือเนื้อที่อีกมาก สามารถใช้เป็นประโยชน์ได้โดยทำเป็นที่นั่งแบบโปร่งๆ หรือต่อเติมพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขนาดได้อีกกว้างขวาง บ้านหลังนี้ ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าจริงๆ เจ้าของใหม่เข้ามาอยู่ได้เลยไม่ต้องทำอะไรแล้ว ทำเลดีมาก วิวสวย บรรยากาศปลอดโปร่งบริสุทธิ์ ติดถนนเมนใหญ่ ถ.345 ไปเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญ อื่น ๆ ได้อีกหลายสาย ทำให้สะดวกสบายในก ารเดินทาง เข้า-ออก ใกล้ทางด่วนศรีสมาน ยิ่งเพิ่มความสะดว กมากยิ่งขึ้น ใกล้โรงเรียนสาธิตปทุมธานี และ โรงเรียนหอวัง แยกสวนสมเด็จ ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับผู้มีบุตรยังอยู่ในวัยกำลังเรียน ทั้งยังอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าโลตัสในเมืองปทุมธานี ใกล้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่้ เช่นห้างโรบินสัน ยิ่งทำให้สะดวกสบายมากยิ่งๆ ขึ้นในการจับจ่ายใช้สอยหาซื้อของใช้ของบริโภค สนใจนัดดูบ้านและสอบถามรายละเอียดโทร  083-7124115

Line : 0837124115
E-mail: freedomfm@hotmail.com

หมู่บ้านมณีรินทร์
ตำบล บางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
https://maps.app.goo.gl/8DoARcX7WmggGE7z6



















 
#3517


หน่วยงานเศรษฐกิจการเงินการคลังและกำกับหลักทรัพย์ของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดไฟเขียวให้ Swiss exchange "SIX" ตลาดหลักทรัพย์หลักของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดตัวตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ที่สร้างขึ้นจาก distributed Lottovip ledger technology

หน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของสวิสหรือ FINMA ประกาศอนุมัติให้ตลาดหุ้น SIX สามารถประกอบธุรกิจด้านตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยี โดยใช้บัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา

โดยตอนแรก FINMA เผยว่าตั้งใจที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 แต่ต่อมา SIX ได้มีการเลื่อนระยะเวลาดังกล่าวออกไป จากอุปสรรคด้านกฎระเบียบ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะไม่มีการประกาศวันเปิดตัวที่แน่นอน แต่คาดว่าหลังจากการเจรจานี้แล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการกับลูกค้า ในการเข้าถึงข้อเสนอของการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลได้ในอนาคตอันใกล้

อย่างไรก็ตามในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ 21 Shares ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ซื้อขายแลกเปลี่ยน Polkadot หรือ ETP ตัวแรกของโลกในการแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกัน SIX ได้รับรู้ถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาค ซึ่งโดยทั่วไป crypto ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีบล็อกเชนภายใต้เขตอำนาจศาลที่รองรับกิจกรรมสกุลเงินดิจิตอลมากที่สุดในโลก ซึ่งสวิตเซอร์แลนด์เลือกที่จะไม่แก้ไขกฎหมายการเก็บภาษีในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยสรุปความเชื่อที่ว่าโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบันจะสามารถรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีบล็อกเชนและ DTL ได้อย่างเพียงพอ

ขณะที่ Thomas Zeeb หัวหน้าฝ่ายแลกเปลี่ยนระดับโลกของ SIX แบ่งปันมุมมองของเขาเกี่ยวกับการอนุมัติว่า 'การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลของตลาดการเงินยังคงดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว และในขณะที่รูปแบบสุดท้ายของตลาดยังคงมีการพัฒนาอยู่ แต่นี่เป็นก้าวสำคัญในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยและแข็งแกร่งให้แก่นักลงทุนสถาบัน'

หลังจากเปิดตัวร้านค้าปลีก SIX ได้แสดงความปรารถนาที่จะกระจายข้อเสนอเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของธนาคาร ผู้ออกบัตร บริษัทประกันภัย และนักลงทุนสถาบันภายในเครือข่ายทั่วโลก

นอกเหนือจากสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลแล้ว การแลกเปลี่ยนยังทำให้เกิดแนวคิดในการรวมหุ้นแบบดั้งเดิม กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน ตลอดจนสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นโทเค็น เช่น รถยนต์หรูหรา และผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังที่ได้รับการยกย่อง
#3518


การเตรียมลดการซื้อสินทรัพย์ หรือ การทำQE Tapering ภายในปีนี้ ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)  ที่แถลงล่าสุด และระบุว่าจะยังไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะอันนี้ใกล้แม้เงินเฟ้อจะขยายตัวขึ้นก็ตาม

 อีกทั้งการระบาดของโควิด-19ยังเป็นปัจจัยที่ยังคงให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งยังคงเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ประเด็นที่ KTBST SEC ได้เคยนำเสนอไปคือ เศรษฐกิจโลกจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องหรือไม่นั้น ต้องบอกว่ายังมีสัญญาณบวกอยู่เพราะไม่มีการล็อคดาวน์เศรษฐกิจแล้วในสหรัฐฯและหลายประเทศยุโรป แต่การเดินทางระหว่างประเทศยังมีข้อจำกัด การประกาศยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ของประธาน Fed บ่งบอกว่าเศรษฐกิจยังต้องดูปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย ทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงประเทศอื่นๆ ยังไม่เจอแรงกดดันในเรื่องนี้

แต่มีประเทศเกาหลีใต้ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นประเทศแรกในเอเชียตอนนี้ จากการที่เศรษฐกิจเติบโต เป็นการสะท้อนนัยว่าแต่ละประเทศเวลานี้เจอผลกระบจากโควิดเหมือนกัน แต่มีความสามารถฟื้นเศรษฐกิจกลับมาได้ไม่เหมือนกัน อีกครั้งมีการดำเนินนโยบายการเงินที่ไม่อิงไปกับทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐฯ

นอกจากนี้ภายใต้การระบาดของโควิดที่รุนแรงไม่เท่ากันแต่ละประเทศ ทำให้แนวโน้มที่จะเปิดการเดินทางระหว่างประเทศนั้น คงอีกใช้เวลาพักใหญ่ๆ หรือจนกว่าจะมีการวัคซีนฉีดให้กับประชากรทั่วโลกได้มากพอ และแต่ละประเทศพร้อมที่จะรับมือการเดินทางระหว่างประเทศ


นั่นหมายความว่า เศรษฐกิจโลกและของประเทศต่างๆ ยังเติบโตได้ แต่จะเป็นการเติบโตแบบ "ประเทศใครประเทศมัน" และเติบโตใน "แบบอุตสาหกรรมของใครของมัน" และด้วยข้อจำกัดทางเศรษฐกิจดังกล่าวที่ยังมีอยู่ แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเติบโตได้ แต่ก็อาจเห็น "การชะตัวลง" บ้างสลับกันไป โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอย่างสหรัฐฯ ,ยุโรปและ จีน ที่ต้องติดตามเพื่อรับมือกับการลงทุน

 KTBST SEC มีประเด็นและคำแนะนำให้นักลงทุนต้องติดตามในระยะอันใกล้ดังนี้ครับ

 1.) เนื่องจากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯที่ยังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับก่อนช่วงก่อนเกิดการระบาดของ COVID-19 และมาตรการแจกเงินเพิ่มในส่วนสวัสดิการว่างงานกำลังจะสิ้นสุดลงจะส่งผลให้การบริโภคและใช้จ่ายภาคเอกชนชะลอตัวลง ส่งผลต่อเนื่องมาถึงปัจจัยต่อมาคือ

2.) ตัวเลขภาคการผลิต (PMI) และความเชื่อมั่นการบริโภคที่เติบโตไม่สอดคล้องกัน จึงอาจเห็นการขยายตัวของเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวลง ในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้าและทำให้การจ้างงานลดลง

3.) การระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้ารวมถึงสายพันธ์ใหม่ๆ ที่ยังเป็นความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของตลาดแรงงานและภาคบริการ หากการระบาดใหม่ที่รุนแรงจนต้องมียกระดับมาตรการป้องกันให้เข้มงวดมากขึ้น


ควรเตรียมกลยุทธ์ลงทุนอย่างไร..?

โดยรวมจะเห็นว่าการระบาดของโควิดยังเป็นตัวแปรหลักที่จะส่งผลถึงภาคการผลิต การบริโภคและการจ้างงาน แต่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วยังโตต่อไปได้ แต่อาจโตในอัตราที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า และการลดมาตรการ QE Tapering ของ Fed จะทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนบ้างในระยะสั้น ดังนั้นยังคงแนะนำเข้าลงทุนในหุ้นสหรัฐฯและยุโรป เมื่อราคาปรับตัวลงมา โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น หุ้น Facebook , Amazon , Alphabet และกลุ่มสุขภาพ , การแพทย์  แต่ในระยะนี้แนะนำเพิ่มว่า ควรขายทำกำไรบ้างหากปรับตัวขึ้นไปสูงมาก และพร้อมที่เปลี่ยนไปลงทุนในกลุ่มอื่นหรือภูมิภาคอื่นที่ราคาไม่สูง ขณะเดียวกันอาจพิจารณาเลือกพักเงินบางส่วนบ้างในตราสารหนี้ เพื่อลดความผันผวน

เช่นเดียวกันหุ้นเทคโนโลยีในตลาดหุ้นจีนที่มีระดับราคาไม่แพงเช่นกัน แม้จะมีกลุ่มเทคโนโลยีและการบริโภคที่ถูกรัฐบาลออกมาตรการควบคุมเพื่อให้เกิดการเติบโตที่ไม่เหลื่อมล้ำ (Common Lottovip Prosperity) แต่บริษัทเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบจนทำให้การทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และด้วยเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจากการใช้มาตรการล็อคดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา จึงมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายเชิงผ่อนคลายมากขึ้น

คงจะเห็น New Normal ของทิศทางเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับแต่ละประเทศ และแน่นอนว่าคงจะเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนระหว่างที่รอการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และภาวนาให้เรื่องใหม่ๆที่เกิดต่อเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลบวกมาถึงเศรษฐกิจไทยที่กำลังต้องการฟื้นตัวที่ไม่ใช่แค่ New Normal แต่เป็นแบบ New Sustainable  

ติดตามข่าวสารบทวิเคราะห์การลงทุนจาก KTBST SEC  ได้ที่ เพจ Facebook/KTBST  และทางเว็บไซด์ www.ktbst.co.th
#3519


ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ กองกลางดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้หลังโดนหามส่งโรงพยาบาล ขณะที่ เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ชี้ลูกทีมเจ็บหนักถึงขั้นข้อเท้าบิดหักผิดรูป

เกมที่ ลิเวอร์พูล บุกถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-0 เอลเลียตต์ ถูก ปาสคัล สเตราส์ เสียบหนักจากข้างหลัง นาที 60 เล่นเอาแข้งดาวรุ่งทีมเยือนถึงกับข้อเท้าซ้ายหัก ก่อนถูกหามขึ้นเปลและเอาตัวออกจากสนามไป

หลังจบเกม ดาวรุ่งชาวอังกฤษ ยังมีกำลังใจที่ดี โดยโพสต์ภาพลง โซเชียล มีเดีย พร้อมแคปชั่นว่า 'ขอบคุณสำหรับทุกข้อความนะทุกคน กำลังไปรักษาตัว คุณจะไม่เดินอย่างเดียวดาย'

ด้านของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก กองหลังลูกพี่ใหญ่ที่เคยบาดเจ็บหัวเข่าจนต้องพักยาวเมื่อซีซั่นที่แล้ว เผยเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดนี้เป็นอย่างดี และขอเป็นกำลังใจให้รุ่นน้องรักษาตัวหายกลับมาโดยเร็ว

'ตอนนี้พวกเราทุกคนกำลังส่งความปรารถนาดีถึง ฮาร์วีย์ หวังว่าเขาจะหายกลับมาโดยเร็วที่สุด สิ่งที่ดีคือผมเคยมีประสบการณ์ที่รู้ว่านักเตะทุกคน ทีมงาน และแฟนๆ พวกเขาให้กำลังใจผมเป็นอย่างดีในช่วงเวลาที่ลำบาก และผมมั่นใจว่า 100% เรากำลังทำแบบเดียวกันเพื่อเขา'

ส่วน เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีม เผยถึงอาการบาดเจ็บลูกทีมว่า 'ผมว่าเราเห็นกันหมด ข้อเท้าของเขาไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ทีมแพทย์กำลังเอากลับไปอยู่ที่เดิม มันเป็นอาการบาดเจ็บที่เลวร้ายและต้องรอดูว่าผลการวินิจฉัยก่อน ตอนนี้ต้องรออย่างตั้งใจเพราะขาคือยอดนักเตะของเรา'
#3520


น.ส.เจนจิต ลัดพลี ผู้อำนวยการการตลาดเพื่อการท่องเที่ยวและสันทนาการ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี กล่าวว่า จากการปรับมาตรการของภาครัฐที่เริ่มผ่อนคลาย โดยเฉพาะด้านการเดินทางในประเทศ ทำให้คนไทยเริ่มมีความต้องการท่องเที่ยวมากขึ้น พร้อมท่องเที่ยวแบบเอาคืน หรือ Revenge Tourism หลังเจอแรงกดดันจากการระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่เดือน เม.ย.2564 โดยเทรนด์การท่องเที่ยวหลังคลายล็อกดาวน์มี 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ นักท่องเที่ยวในประเทศจะกลับมาได้เร็วที่สุด ขณะที่นักท่องเที่ยวระดับพรีเมียมไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่พร้อมเดินทางได้ทันที และกลุ่มที่ต้องเดินทางเพราะมีความจำเป็น เช่น ไปทำงาน หรือไปเรียนหนังสือ

สำหรับจุดหมายปลายทางในประเทศที่ได้รับความนิยมหลังคลายล็อกดาวน์ ได้แก่ จ.กาญจนบุรี และเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีอากาศดี ได้สัมผัสธรรมชาติของป่าเขาในฤดูฝน สามารถเว้นระยะห่างได้ รวมถึงไปแหล่งท่องเที่ยวอันซีน ส่วนทะเลภาคใต้ไม่ค่อยเดินทางไปมากนัก เพราะเป็นหน้ามรสุม

"หวังว่าในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ กระแสการท่องเที่ยวในประเทศจะช่วยดันยอดการใช้จ่ายหมวดท่องเที่ยวผ่านบัตรเครดิตให้กลับมาฟื้นตัว หลังจากช่วง 6 เดือนแรกตั้งแต่ ม.ค.-มิ.ย.ของปีนี้ ยอดการใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยวผ่านบัตรเครดิตเคทีซีลดลงถึง 70-80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ฉุดอันดับของหมวดท่องเที่ยวร่วงไปอยู่ที่ต่ำกว่าอันดับ 10 ต่างจากภาวะปกติครองอันดับ 2 ด้วยสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดใช้จ่ายทุกหมวดผ่านบัตรเคทีซี โดยเมื่อปี 2562 มียอดการใช้จ่ายกว่า 18,000 ล้านบาท ส่วนปี 2563 อยู่ที่ 9,300 ล้านบาท".