• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - hs8jai

#3101
'ทรีนีตี้' ชี้ 4 ปัจจัยสำคัญกำหนดทิศทางตลาดหุ้นเดือนมี.ค.มองกรอบดัชนีแนวต้าน 1,700 และ1,740 จุด แนวรับ1,635 และ1,600 จุด หุ้นเด่นแนะนำกลุ่มการแพทย์เลือก BDMS, BCH, CHG, IMH และกลุ่มบริหารหนี้ เลือก BAM, JMT, 

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ประเมินภาพ SET Index เดือนมีนาคมเคลื่อนไหวไปตามพัฒนาการของ 4 ปัจจัยหลัก ซึ่งได้แก่ 1. Geopolitical risk ระหว่างรัสเซียและยูเครน 2. แนวนโยบายการเงินของ Fed 3. ทิศทางของเศรษฐกิจไทย และ 4. ความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจถูกถอดออกจากดัชนี MSCI EM มองกรอบแนวต้านของดัชนีในเดือนนี้ที่ระดับ 1,700 จุด และ1,740 จุด ซึ่งระดับ 1,740 จุดนี้ถือเป็นระดับที่ยืดสุดแล้วตามวิธีคำนวณด้วยโมเดล Earning yield gap ในขณะเดียวกัน มองกรอบแนวรับ ที่น่าสนใจของดัชนีสำหรับการเพิ่มน้ำหนักที่ระดับ 1,635 จุด และ1,600 จุดตามลำดับ

นายณัฐชาต กล่าวว่า สำหรับกลุ่มหุ้นแนะนำประจำเดือนนี้ ยังคงเน้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนไปยังกลุ่ม Defensive ที่มี Alpha เฉพาะตัว เหมาะกับการเลือก Selective ในช่วงเวลาที่ Valuation ของดัชนีอยู่ในโซนสูง และยังมีความไม่แน่นอนของปัจจัยรอบด้านอยู่ คือกลุ่มการแพทย์ (Healthcare) และกลุ่มบริหารหนี้ (AMC) ซึ่งในส่วนของกลุ่ม Healthcare นั้น เลือก BDMS, BCH, CHG, IMH และกลุ่ม AMC เลือก BAM, JMT, CHAYO

สำหรับ 4 ปัจจัยใหญ่ที่จะมีอิทธิพลต่อ SET Index ในเดือนนี้ได้แก่

ความขัดแย่งด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risk) ระหว่างรัสเซียและยูเครน ประเมินตราบใดที่ปัจจัยดังกล่าวยังยืดเยื้อและลากยาวออกไป จะเป็นผลบวกทางอ้อมต่อตลาดหุ้นไทยที่จะเห็น Fund flow ไหลเข้าเพื่อหลบภัยในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากทั้ง 2 ฝ่ายหาข้อตกลงร่วมกันได้ คาดว่าจะเห็น Fund flow ไหลย้อนกลับไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวอย่างมากก่อนหน้านี้ เช่น ยุโรป และสหรัฐฯ เป็นต้น
แนวนโยบายการเงินของ Fed โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการประชุม FOMC ในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ หากในที่ประชุมดังกล่าว Fed มีมติขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% คาดว่าตลาดหุ้นจะตอบรับเชิงบวก ในระยะสั้นได้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่อยู่ในราคาไปหมดแล้ว แต่หาก Fed ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.50% เพื่อยับยั้งเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ประเมินจะเป็น Negative surprise ต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น ผ่านการปรับสูงขึ้นของ Bond yield แบบฉับพลัน เนื่องจาก ณ ขณะนี้ตลาด Price in ปัจจัยดังกล่าวไปเพียงแค่ 7% เท่านั้น อย่างไรก็ดี มองประเด็นการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% จะมีผลต่อตลาดหุ้นในลักษณะ 'เจ็บแล้วจบ' ซึ่งจะถือเป็นเรื่องดีต่อภาพตลาดหุ้นในระยะกลางได้
พัฒนาการของเศรษฐกิจไทย ซึ่งส่วนหนึ่งอิงอยู่กับสถานการณ์ Covid ในประเทศที่ล่าสุดยังคงเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในระดับสูง มองประเด็นดังกล่าวเมื่อมาประกอบกับแรงส่งของนโยบายภาครัฐที่ลดลง และระดับราคาสินค้าโดยรวมที่อยู่สูง จะส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนทยอยลดลงได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีนักต่อกลุ่ม Domestic consumption โดยรวม สอดคล้องกับดัชนี Mobility ปัจจุบันที่บ่งชี้ว่าคนเริ่มออกมาดำเนินชีวิตและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจนอกบ้านในระดับต่ำอีกครั้ง รวมถึงรายงานของธปท.ล่าสุด ที่เริ่มบ่งชี้ถึงสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว มองปัจจัยนี้จะมีผลโดยตรงต่อ EPS ของ SET ในช่วงถัดไปได้ โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ธนาคาร และกลุ่ม Consumer discretionary ต่างๆ และมีโอกาสกระทบกับระดับเป้าหมายของ SET ในท้ายที่สุด
ความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจถูกถอดออกจากการคำนวณดัชนี MSCI Emerging Market (MSCI EM) ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะทำให้เห็นเม็ดเงิน Fund flow ไหลเข้าสู่ประเทศ EM อื่นๆได้ ซึ่งไทยเราถือเป็นหนึ่งในนั้น โดยจากการคำนวณของทรีนีตี้ล่าสุดพบว่า หากเกิดกรณีดังกล่าว น้ำหนักหุ้นไทยในดัชนี MSCI EM นี้จะขยับสูงขึ้นจาก 1.85% สู่ระดับ 1.89% คิดเป็นเม็ดเงินไหลเข้าราว 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 4,600 ล้านบาท หากอิงกับเม็ดเงินลงทุนที่อิงอยู่กับดัชนี MSCI EM ราว 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
#3102
PREB ฉลุย!เปิดผลงานปี64 กำไรแตะ 241 ลบ.พุ่ง 46% รับรู้รายได้ธุรกิจรับเหมาฯ - ยอดโอนอสังหาฯเติมเต็ม กอด Backlog แน่น 7 พันลบ. หนุนรายได้ปี 65 โตทะลุ 20%

บมจ.พรีบิลท์ (PREB) โชว์ผลงานปี64 กำไรสุทธิแตะ 241.62 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 46 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากการรับรู้รายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมากขึ้น บวกกับมียอดโอนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในมือหนุนรายได้เพิ่ม พร้อมกันนี้บอร์ดสั่งจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 อัตราหุ้นละ 0.40 บ./หุ้น พร้อมจ่ายเงินสดวันที่ 20 พ.ค.65 นี้ ฟากเอ็มดี" วิโรจน์ เจริญตรา" ระบุ ปักหมุดปี65 รายได้โต 20% กอดงานในมือกว่า 7,000 ล้านบาท เดินหน้าประมูลงานเน้นงานราชการ เผยสนใจแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆ ผลักดันอนาคตสดใส

นาย วิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 241.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ165 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 4,564.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.42 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 4,279.37 ล้านบาท

สาเหตุที่กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรับรู้ยอดโอนจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโครงการพรรณนา รวมทั้งบริษัทฯสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้ความสามารถทำกำไรมากขึ้น

"ในปี2564 แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19แต่บริษัทฯยังสามารถรักษาการทำกำไรไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยกลยุทธ์การบริหารงานที่สำคัญยังคงเน้นการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี" นายวิโรจน์กล่าว

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 123.47 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวภายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯได้ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจหลักรับเหมาก่อสร้าง 60% อสังหาริมทรัพย์ 25% และ PCM ประมาณ 10%และในปัจจุบัน บริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้(Backlog) อยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีแผนจะเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ โดยปัจจุบันได้รุกขยายไปยังโครงการอาคารสำนักงาน โรงแรม และโรงพยาบาล ซึ่งจะเน้นในส่วนของโครงการที่เป็นของหน่วยงานราชการมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีความสนใจที่จะลงทุนแตกไลน์ในธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าไปลงทุนร่วมพันธมิตร เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยสามารถต่อยอดธุรกิจหลักได้ ขณะเดียวกันยังมีความสนใจในธุรกิจอื่นที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพืชเศรษฐกิจ กัญชง กัญชา และธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอีกด้วย
#3103
'โตโยต้า' เล็งเปิดสายการผลิตอีกครั้งพรุ่งนี้ หลังเหตุโจมตีทางไซเบอร์

บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะกลับมาดำเนินการผลิตที่โรงงานทุกแห่งในญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้ (2 มี.ค.) หลังจากระงับการผลิตชั่วคราวเป็นเวลา 1 วัน อันเนื่องมาจากบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์รายหนึ่งของโตโยต้าประสบปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ล่ม เนื่องจากถูกโจมตีทางไซเบอร์

โตโยต้าได้ตัดสินใจระงับการผลิตชั่วคราวในวันนี้ หลังจากบริษัทโคจิมะ อินดัสทรีส์ ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของโตโยต้าและตั้งอยู่ในจังหวัดไอจิได้ประสบปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ล่มเนื่องจากถูกโจมตีทางไซเบอร์ โดยสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้โตโยต้าต้องระงับสายการผลิตภายในประเทศทั้งหมด 28 สายในโรงงาน 14 แห่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์จำนวน 13,000 คัน

นายฮิโรคาสุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า ปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ล่มในครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากการโจมตีทางไซเบอร์ พร้อมกับเรียกร้องให้บริษัทอื่น ๆ เตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีทางไซเบอร์ในช่วงเวลาที่สงครามยูเครนยังคงยืดเยื้อ

ทางด้านนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโตโยต้า และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้หรือไม่ นายคิชิดะกล่าวว่า 'เป็นเรื่องยากที่จะตอบโดยปราศจากข้อมูลที่ชัดเจน'

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมกับสหรัฐและประเทศยุโรปในการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย หลังจากรัสเซียใช้กำลังทหารโจมตียูเครนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
#3104
ลาซาด้า ส่งแคมเปญ 'LazMall 3.3 Big Brands Sale รวมดีลปัง จากแบรนด์ดัง' สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคด้วยสินค้าแท้ 100% พร้อมดีลสุดพิเศษมากมาย

ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชวนนักช้อปเตรียมตัวนับถอยหลังเข้าสู่มหกรรมการช้อปปิ้งสุดปังกับแคมเปญ Double Digit ประจำเดือนมีนาคมอย่าง 'LazMall 3.3 Big Brands Sale รวมดีลปัง จากแบรนด์ดัง' ที่ลาซาด้าได้เตรียมส่งสินค้าแท้หลากหลายรายการจากร้านค้าแบรนด์ดังใน LazMall ทั้งไทยและต่างประเทศที่ตบเท้าเข้าร่วมส่งสินค้าพร้อมโปรโมชันสุดปังมาลดแบ.ังสูงสุดถึง 90% ให้นักช้อปได้เลือกสรรอย่างเต็มอิ่ม พร้อมคูปองส่งฟรีทั่วไทย และลาซาด้าโบนัส! แต่ก่อนที่จะไปเลือกช้อปสินค้าใส่รถเข็น ขอพานักช้อปมารู้จักกับ LazMall จากลาซาด้าให้มากขึ้นกันก่อน เพื่อเปิดประสบการณ์การช้อปแบบเต็มที่ไม่มีสะดุดในแคมเปญ 3.3 นี้

สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคกับ LazMallฅ
LazMall เกิดขึ้นเมื่อปี 2561 โดยลาซาด้า เป็นห้างสรรพสินค้าเสมือนจริงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวบรวมสินค้าแบรนด์แท้ชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 9,000 แบรนด์ มาให้นักช้อปได้เลือกช้อปในทุกหมวดหมู่ ตั้งแต่ของใช้ส่วนตัว สินค้าในบ้าน ของจำเป็นต่าง ๆ หรือแม้แต่ของจิปาถะทั่วไป การันตีว่าเป็นสินค้าแท้ 100% ด้วยตราสัญลักษณ์รับรองจาก LazMall หากพบว่าไม่จริงลาซาด้ายินดีคืนเงิน 2 เท่า ช่วยให้นักช้อปหรือแฟน ๆ ของแต่ละแบรนด์สามารถเลือกซื้อสินค้ากันได้อย่างมั่นใจแบบครบจบในที่เดียว ที่มากไปกว่านั้นคือนักช้อปไม่ต้องกังวลเรื่องค่าส่งเพราะสินค้า LazMall ส่งฟรีทั่วไทย และยังรับประกันคืนสินค้าได้ภายใน 15 วัน อีกด้วย ถูกใจสายช้อปออนไลน์กันที่สุด
จุดเด่นของ LazMall
นอกเหนือจากนี้ LazMall ยังมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่คุ้มค่า กับดีลสุดพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ อย่าง Crazy Brand Mega Offers ที่แต่ละแบรนด์จะขนสินค้าไอเทมสุดฮอตมาหั่นราคาแบบจัดเต็มสูงสุดถึง 90% ในช่วงเวลาเที่ยงคืน-ตีสอง ของวันโปรโมชัน และยังมีโปรโมชันสินค้า Pre-Sale จองก่อนคุ้มกว่า เปิดให้นักช้อปได้จับจองสินค้า Pre-Sale ในช่วงก่อนวันแคมเปญพร้อมโปรโมชันสุดพิเศษ โดยชำระมัดจำก่อนเพียง 10% และชำระเงินส่วนที่เหลือวันแคมเปญตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืน-ตีสอง พร้อมรับของขวัญเพิ่มไปเลยในทุกๆ ออเดอร์
คุณธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า "เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ที่ลาซาด้าได้พัฒนาแพลตฟอร์ม LazMall ขึ้นมา เพื่อช่วยให้นักช้อปสามารถเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ดังทางออนไลน์ได้เสมือนซื้อในห้างสรรพสินค้าจริง เราได้รับการตอบรับจากแบรนด์และนักช้อปต่อ LazMall เป็นอย่างดี ในปี 2564 ยอดคำสั่งซื้อของ LazMall โตขึ้นกว่า 200% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในช่วง Mega Campaign ที่สถิติการช้อปใน LazMall พุ่งสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติถึง 4 เท่า นอกจากความตั้งใจในการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพยุงแบรนด์ให้เติบโตได้ในช่วงที่ยากลำบากแล้ว ลาซาด้ายังอยากสนับสนุนประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่ที่ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าทางออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่สามารถเชื่อมโยงนักช้อปกับแบรนด์ดังมากมายกว่า 9,000 แบรนด์บนแพลตฟอร์ม มอบความมั่นใจและความสะดวกสบายให้นักช้อปในการซื้อสินค้าผ่าน LazMall ตอกย้ำความสำเร็จที่เราตั้งใจสร้างขึ้นมาได้เป็นอย่างดี"

นอกจากนี้ ลาซาด้าได้จัดเตรียมแคมเปญ 'LazMall 3.3 Big Brands Sale รวมดีลปัง จากแบรนด์ดัง' ประจำเดือนมีนาคมกับสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ที่ยกขบวนดีลส่วนลดมาแจกแบบไม่ยั้งกว่า 6 ต่อ

ต่อที่ 1 ดีลลดสูงสุด 90% ในหมวดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าอื่นๆที่ร่วมรายการ
ต่อที่ 2 Lazada Bonus ลด 40 บาท เมื่อซื้อครบทุก ๆ 500 บาท
ต่อที่ 3 คูปองส่งฟรีทั่วไทย
ต่อที่ 4 คูปองจากลาซาด้าสูงสุด 500 บาท และอีกมากมาย
ต่อที่ 5 คูปองจากร้านค้าสูงสุด 333 บาท
ต่อที่ 6 โค้ดส่วนลดจากพาร์ทเนอร์สูงสุด 190 บาท
พร้อมด้วยลาซาด้าโบนัส ยิ่งช้อปยิ่งลด! เฉพาะวันที่ 3 มีนาคมนี้ เมื่อซื้อครบทุก ๆ 500 บาท รับทันทีโบนัสส่วนลด 40 บาท สามารถเก็บได้ที่หน้าแอปพลิเคชัน, หน้าแคมเปญ หรือหน้าร้านค้า เพื่อใช้ช้อปสินค้าที่ร่วมรายการได้เลย แต่แคมเปญ 3.3 ทั้งที ความยิ่งใหญ่จะมีแค่นี้ไม่ได้ เพราะร้านค้าแบรนด์ดังจาก LazMall ยังเตรียมโปรฮอตจ่อคิวให้นักช้อปได้ช้อปแบบคุ้มแล้วคุ้มอีกมากมาย ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้! ลดเพิ่มกันไปอีกกว่า 90% กับ Crazy Brand Mega Offers ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน - ตีสอง พร้อมรับของสมนาคุณพิเศษจากแบรนด์ นักช้อปคนไหนอยากรู้รายละเอียดแคมเปญเพิ่มเติม
#3105
สูตรหมักหมูปิ้งสูตรหมักหมูปิ้งนมสดน้ำตาลปีบ และน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ด
หมูปิ้งนมสดน้ำตาลปีบ ทำกินเองก็ได้ ทำขายก็ดี



สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่ >> สูตรหมักหมูปิ้ง https://www.tapetchgroup.com/recipes-grilled-skewered-milk-pork/

สวัสดีครับคนอ่านทุกท่าน สูตรหมักหมูปิ้งกลับมาอีกแล้วสำหรับเนื้อหาใหม่จาก ตา-เพชรกลุ่มดอทคอม สำหรับวันนี้ผมต้องการ พาคุณคนอ่านทุกท่านมาปรุงอาหารจับมีดจุดเตาไฟกันสักหน่อย ในวันนี้ผมขอเสนอเมนู "หมูปิ้งนมสดน้ำตาลปี๊บ กับ น้ำปรุงรสแจ่วรสเด็ด" หมูปิ้งถือว่าเป็นรายการอาหารที่หลายๆคนเคยชินอย่างมาก กินง่ายรับประทานอร่อยกินได้ทุกวัยตั้งแต่เด็กน้อย ถึงผู้ใหญ่วัยเก๋า หมูปิ้งหาซื้อได้ง่ายมีทุกหัวมุมถนน หน้าสถานที่เรียน อาคารบริษัท สถานีรถไฟฟ้า มีเยอะแยะยิ่งกว่าเซเว่นซะอีก ^^ แนวทางการทำก็ไม่ยุ่งยาก วัตถุดิบหาง่าย สามารถสร้างรายได้ ลงทุนไม่มาก รวมทั้งขายง่าย

วันนี้สูตรหมักหมูปิ้งนมสดน้ำตาลปี๊บ เป็นสูตรหมักที่ผู้เขียนได้ทดลองทำและรับประทานเอง อร่อยเอง อิอิ แต่ก็อยากจะเอา มาแบ่งปันเพื่อนพ้องๆคนอ่านทุกคนเผื่อผู้ใดกันจะเอาไปทดลองทำทานมองในบ้านของท่าน หรือทำเพื่อขายสร้างอาชีพเสริมสำหรับยุคโควิดช่วงนี้ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าดึงดูดครับ สามารถปรับสูตรเพื่อรสหมูปิ้งของท่านสะดุดตามากเพิ่มขึ้นก็ได้ด้วยเหมือนกันนะครับ

วัตถุดิบหมูปิ้ง
สันนอกหมู 1 กก.
มันหมูแข็ง 300 กรัม
กระเทียมจีนปลอกเปลือก 30 กรัม
รากผักชี 3 ต้น
พริกไทย 1 ช้อนชา
ลูกผักชี 1/2 ช้อนชา
ใบมะกรูดซอย 1 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม
น้ำมันหอย 60 กรัม
ซีอิ๊วขาว 60 กรัม
แป้งข้าวโพด 20 กรัม
ซีอิ๊วดำหวาน 20 กรัม
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
นมสด 120 กรัม

     วิธีการทำหมูปิ้ง
สไลด์สันนอกหมูรวมทั้งมันหมูเป็นแผ่นๆไม่หนาเกินไปไม่บางเหลือเกิน พักเอาไว้

โขลกพริกไทย ลูกผักชี กระเทียม รากผักชี เข้าด้วยกันจนละเอียด พักเอาไว้
ผสมเครื่องหมักต่างๆเข้าด้วยกัน น้ำตาลปีบ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน น้ำมันพืช เกลือ นมสด แป้ง ข้าวโพด ใบมะกรูดซอกซอย และก็เครื่องหอมที่โขลกไว้ คนจนเข้ากันดีและน้ำตาลปีบละลายไม่จับตัวกันจบกลายเป็นก้อน
แยกหมักเนื้อหมูรวมทั้งส่วนมันหมู เวลานำไปแทงไม้จะได้เลือกเสียบได้ง่าย หมักเนื้อหมูและก็มันหมูลงในน้ำหมัก ใช้มือผสมและก็ขยำเบาๆให้เข้าเนื้อ (ทำแรงเกินไประวังเนื้อหมูเละได้ครับ) เมื่อน้ำหมักขาดทุนดีแล้ว พักเนื้อหมูรวมทั้งมันหมูทิ้งเอาไว้ 30 นาที
ระหว่างรอคอยให้น้ำหมักหมูซึมเข้าเนื้อหมูของเรา เราก็มาจัดแจงทำน้ำปรุงรสแจ่วรสเด็ดกันก่อนครับผม



น้ำจิ้มแจ่ว

วัตถุดิบน้ำจิ้มแจ่ว
น้ำมะขามเปียก 200 กรัม
น้ำกิน 50 กรัม
น้ำตาลปีบ 120 กรัม
เกลือ 10 กรัม
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่ว 100 กรัม
พริกป่น 200 กรัม
ผักชีฝรั่งตรอก 100 กรัม
หอมแดงตรอก 100 กรัม
ขั้นตอนการทำน้ำปรุงรสแจ่ว
ตั้งหม้อไฟกลางใส่วัตถุดิบน้ำปรุงรสแจ่ว น้ำมะขามแฉะ น้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำปลา คนเรื่อยๆจนละลายเข้ากันดี เพิ่มน้ำดื่มทีละนิดหน่อย
เมื่อวัตถุดิบถูกกันแล้วเพิ่ม ข้าวคั่วและก็พริกผง คนจะกว่าจะเข้ากันและก็งวดน้อย
เติมมะนาวคนจนเข้ากันแล้วปิดไฟ พักไว้สักประเดี๋ยว
โรยผักชีฝรั่งซอย และก็หอมแดงซอกซอย
ขั้นตอนต่อไปจัดเตรียมไม้สำหรับทิ่มหมูปิ้ง โดยการนำไม้แทงไปแช่น้ำเปล่าก่อน เป็นเทคนิคนิดๆหน่อยๆเพื่อไม่ให้ไม้ดูดความชื้นจากเนื้อหมูหมักของพวกเราและก็คุ้มครองปกป้องการไหม้ขณะปิ้งบนเตา

หมูปิ้งนมสดน้ำตาลปีบ

เมื่อพักหมูได้ครบเวลาแล้ว นำเนื้อหมูมาแทงเป็นไม้ๆใช้เนื้อสลับกับมันหมูเพื่อความอร่อยในอัตราส่วน เนื้อหมูหมัก 80% มันหมู 20% จัดแต่งหมูที่แทงไม้ให้เกิดความงดงามได้รูป เวลาปิ้งออกมาจะน่ารับประทานเพิ่มขึ้น หรือหาก อยากเก็บหมูปิ้งเอาไว้สำหรับปิ้งวันหลังสามารถเก็บเนื้อหมูเสียบไม้แล้วเข้ากล่องพลาสติกเก็บเป็นไม้ๆแล้วก็วางแผ่นพลาสติก หรือถุงพลาสติกกั้นระหว่างชั้นเพื่อให้หมูไม่ชิดกันรวมทั้งง่ายต่อการใช้ได้ โดยเก็บในช่องฟรีซนะครับผม

เมื่อได้หมูปิ้งนมสดน้ำตาลปีบของพวกเราอยู่บนไม้ทิ่มงดงามแล้ว พวกเราก็เอามาปิ้งบนเตาได้เลย เพื่อนฝูงๆบางครั้งก็อาจจะเลือก ใช้ได้ทั้งเตาถ่าน เตาไฟฟ้า หรือเตาย่างแบบใช้ก๊าซ เตาแต่ละจำพวกก็จะมีจุดเด่นข้อด้อยต่างกันไปในเรื่องความสะดวก ความหอมถ่าน ความกระจายของควันมากมายน้อยแตกต่างกัน สามารถเลือกใช้ได้ตามสมควร เบาๆปิ้งใจเย็นๆระหว่างปิ้งสามารถใช้น้ำหมักที่เหลือทาลงบนหมูได้เพื่อเพิ่มความฉ่ำวาว รวมทั้งจัดแจงกรรไกรสำหรับตัดแต่งส่วนที่ไหม้ออกด้วยนะครับ

น้ำตาลปีบ

เมื่อปิ้งจนถึงสุกเท่านี้พวกเราก็ได้ สูตรหมักหมูปิ้ง กับน้ำจิ้มแจ่วรสอร่อย หมูปิ้งฉ่ำๆทานคู่ข้าวเหนียวร้อนๆพร้อมน้ำจิ้มแซ่บๆอืม น้ำลายไหลอย่างยิ่งจริงๆ และแน่ๆขอรับเมนูนี้ผู้เขียนเลือกใช้ "น้ำตาลปี๊บตราตุ๊กตาเพชร (สูตรหมักเนื้อสัตว์)" ด้วยเหตุว่าละลายง่าย และก็ให้ ความกลมกล่อมของรสหมูปิ้งนมสด และน้ำจิ้มแจ่ว อร่อยฟินเลยหล่ะครับ สูตรหมักหมูปิ้ง

เนื้อหานี้ขอจบลงเพียงเท่านี้ บทความหน้านักเขียนจะนำเรื่องราวอะไรมาฝากคนอ่านที่น่ารักทุกคนอีก ฝากติดตามด้วยนะครับ สวัสดีนะครับ



Source: บทความ สูตรหมักหมูปิ้ง https://www.tapetchgroup.com/recipes-grilled-skewered-milk-pork/
#3106
ก.อุตฯ เดินหน้ายกระดับนักธุรกิจเกษตรด้วยเทคโนโลยีโดรนสู่เกษตรอุตสาหกรรม

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ DIPROM ขานรับนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือ BCG Model (Bio economy - Circular Economy - Green Economy) ด้วยการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้าไปพัฒนาครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมายควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) โดยการช่วยเหลือและให้คำแนะนำผู้ประกอบการ ตลอดจนการยกระดับศักยภาพภาคการเกษตรไปสู่เกษตรอุตสาหกรรมด้วยการนำหลักเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ตามโมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือ BCG Model ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำองค์ความรู้มาผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาต่อยอดการประกอบการธุรกิจ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกร

ซึ่งที่ผ่านมา ได้ดำเนินการครอบคลุมในหลากหลายมิติ ทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมในการพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะมุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพนักธุรกิจเกษตรสู่ผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรม เนื่องจากมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการพัฒนาจากเกษตรกรรมสู่เกษตรอุตสาหกรรมนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการนำเทคโนโลยีมาต่อยอดการผลิต

"DIPROM จึงได้จัดทำกิจกรรมพัฒนาผลิตภาพด้วยเทคโนโลยีเกษตรอุตสาหกรรม (DIPROM Agro-Tech Productivity) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน นักธุรกิจเกษตร เข้าถึงเทคโนโลยีโดรน รวมทั้งยกระดับกระบวนการผลิตจากเกษตรกรรมสู่เกษตรอุตสาหกรรม โดยนำเทคโนโลยีโดรนสำหรับการผลิตเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและช่วยให้เพิ่มผลผลิตได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนมีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อวิเคราะห์การบริหารจัดการ วางแผนการผลิต และดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสม" นายณัฐพล กล่าว
นอกจากนี้ ยังจะสามารถประเมินสุขภาพพืชที่เพาะปลูกโดยใช้ภาพถ่าย Normalized Difference Vegetation Index (NDVI) จากดาวเทียมในการประเมินข้อมูลพื้นฐาน (Baseline) ก่อนปรับปรุงและสนับสนุนให้เกิดการทดลองพัฒนาต่อไป โดย DIPROM จะเข้าไปให้บริการคำปรึกษาแนะนำเชิงลึก ณ สถานประกอบการด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม และสำรวจแปลงเกษตร พร้อมทั้งออกแบบการพัฒนาปรับปรุง ดังนี้

1. การประเมินสุขภาพพืชที่เพาะปลูกโดยใช้ภาพถ่าย Normalized Difference Vegetation Index (NDVI) จากดาวเทียม เพื่อประเมินข้อมูลพื้นฐาน (Baseline) ก่อนการปรับปรุง 2. การสนับสนุนในการทดลองพัฒนา อาทิ การส่งทีมโดรนเกษตรเพื่อทำการฉีดพ่นสารเสริมประสิทธิภาพการเจริญเติบโต โดยหลังการฉีดพ่นระยะเวลาหนึ่งแล้ว จะทำการประเมินผลการพัฒนาปรับปรุงโดยภาพถ่าย NDVI และ 3. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทราบถึงผลของเทคโนโลยีที่ได้ทดลองใช้ต่อการพัฒนาในด้านต่าง ๆ อาทิ การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินงานการเพิ่มประสิทธิภาพความสม่ำเสมอของการเจริญเติบโตของพืชผล จากการประเมินด้วยเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพสม่ำเสมอและสามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่และจะช่วยส่งเสริมความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจเกษตรได้

นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2565 ได้ดำเนินงานภายใต้ นโยบาย DIProm CARE: ดีพร้อม แคร์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้ตอบโจทย์ความต้องการในทุกมิติ และสอดรับกับบริบททั้งในชิงเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ซึ่งหนึ่งในดีพร้อมแคร์ (CARE) คือ การพัฒนาและยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ภายใต้สถานการณ์ทุกการเปลี่ยนแปลง (Reformation) โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันที่ส่งผลให้การประกอบธุรกิจต้องตระหนักและมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ซึ่งปัญหาที่พบเจอของผู้ประกอบการ เช่น เทคโนโลยี การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กับแต่ละตลาด หรือแม้แต่กระทั่งความสามารถของแรงงานในแต่ละภูมิภาคที่กลับคืนถิ่น DIPROM จึงตระหนักและได้ปฏิรูปกลไกการดำเนินงานในภาพรวมของทุกโครงการและกิจกรรมให้มีรูปแบบการทำงานที่สอดคล้องกับยุค New Normal หรือเศรษฐกิจวิถีใหม่ โดยได้วางรูปแบบและโปรแกรมสนับสนุนภาคธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงนักธุรกิจเกษตรสู่การเป็นเกษตรอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 4 ด้าน ซึ่งหนึ่งนั้น คือ การสนับสนุนปัจจัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการการดึงเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจด้วยการนำ Digital SI-for-SME โดยการเชื่อมโยงผู้ประกอบการที่มีศักยภาพด้านออโตเมชันมาสนับสนุนการประกอบการ เพื่อเป็นการสร้างธุรกิจที่ตอบโจทย์บริบทการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และสามารถช่วยพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของนักธุรกิจเกษตรสู่การเป็นเกษตรอุตสาหกรรมได้อย่างดี และส่งผลให้เกิดความยั่งยืนในอนาคตต่อไป
#3107
ไบแนนซ์เล็งบริจาคเงิน 10 ล้านดอลล์ช่วยยูเครน พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์ระดมทุนคริปโท
 
ไบแนนซ์ (Binance) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศบนเว็บไซต์ของบริษัทวานนี้ (27 ก.พ.) ว่า ไบแนนซ์จะบริจาคเงินขั้นต่ำ 10 ล้านดอลลาร์เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน ผ่านมูลนิธิไบแนนซ์ ชาริตี้ (Binance Charity)

เม็ดเงินดังกล่าวจะจัดสรรให้กับองค์กรหลัก ๆ ของรัฐบาล และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งรวมถึงยูนิเซฟ (UNICEF) สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR), ไอแซนส์ (iSans) และพีเพิล อิน นีด (People in Need) เพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ต้องพลัดถิ่นในยูเครนและประเทศเพื่อนบ้าน

นอกจากนี้ ไบแนนซ์ยังได้เปิดตัวเว็บไซต์ระดมทุนคริปโทฯแห่งแรกของโลกภายใต้ชื่อกองทุนบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินยูเครน (Ukraine Emergency Relief Fund) ซึ่งเปิดทางให้ประชาชนได้บริจาคคริปโทฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและเด็ก ๆ เป็นการเร่งด่วน รวมถึงช่วยในด้านการขนส่งทรัพยากรต่าง ๆ อาทิ อาหาร พลังงาน และข้าวของเครื่องใช้แก่ผู้อพยพ โดยไบแนนซ์ได้นำร่องบริจาคคริปโทฯ จำนวน 16,042 BNB หรือคิดเป็นเงินราว 6 ล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน ไบแนนซ์ยังได้ประสานงานกับกลุ่มผู้ลี้ภัยในท้องถิ่นเพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนให้สามารถลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างปลอดภัยด้วย
#3108
การซื้อ-ขายทั้งปวงที่ปฏิบัติการผ่านสะสม ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจทานอย่างระมัดระวังทุกรายการ
ซื้อ-ขายในราคากลางที่ตลาดเป็นผู้กำหนด พร้อมบริการข้างหลังการขายระดับพรีเมียม รวมถึงการไม่เปิดเผยตัวตน พวกเรามอบประสบการณ์การค้าขายที่ยอดเยี่ยมในตลาด
ซื้อ-ขายง่าย ไม่มีอันตราย ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน หรือติดต่อกับคนซื้อหรือผู้ขายโดยตรง ช้อปนานาประการสินค้าที่คุณอยากได้ได้ในเพียงแต่ไม่กี่คลิก ในเว็ปไซต์สะสม SASOM
เข้าถึงข้อมูลราคาขายปัจจุบันบนแพลตฟอร์ม ช่วยทำให้คุณสามารถวิเคราะห์ คาดหมาย และศึกษาเล่าเรียนค่าของสินค้า เพื่อประกอบกิจการตัดสินใจซื้อ-ขายได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น Nike Air Monarch IV White Blackขั้นตอนที่ 1: เลือกของ SASOM ของคุณ
เลือกสินค้าที่คุณต้องการ แล้วคลิกที่ปุ่มซื้อ แม้ปุ่มซื้อไม่พร้อมใช้งาน สามารถอ่านเพิ่มถึงที่กะไว้ "ไม่มีปุ่มกดซื้อผลิตภัณฑ์ที่ฉันอยากได้"
ขั้นตอนที่ 2: เลือกราคา, ไซส์ และก็สภาพผลิตภัณฑ์ที่คุณอยาก
เลือกราคา, ขนาด รวมทั้งภาวะผลิตภัณฑ์ที่คุณปรารถนา แล้วดำเนินการต่อที่หน้าชำระเงิน
ขั้นตอนที่ 3: กรอกที่อยู่ในการจัดส่ง Nike Air Monarch IV White Black
กรอกที่อยู่aในการจัดส่ง หรือเลือกที่อยู่ที่คุณบันทึกไว้ คุณสามารถเลือกซื้อบริการเสริม (Add-on service) หรือเข้ารหัสส่วนลด (หากมี) แล้วกดสารภาพหลักเกณฑ์แล้วก็ข้อแม้ก่อนคลิกถัดไป
ขั้นตอนที่ 4: ชำระเงิน Nike Air Monarch IV White Black
เลือกแนวทางการจ่ายเงินที่คุณต้องhttps://bit.ly/35caTdKได้ โดยคุณสามารถดูข้อมูลช่องทางการชำเงินต่างๆถึงที่กะไว้ "หนทางการจ่ายเงิน"
ขั้นตอนที่ 5: สะสมปฏิบัติการจัดส่งสินค้า Nike Air Monarch IV White Black
สะสมทำงานจัดส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือคุณ! พร้อมค้ำประกันสินค้าว่าเป็นของแท้ 100% ประสิทธิภาพแล้วก็สภาพสินค้าตรงตามมาตรฐานของสะสม ถ้าหากเกิดเหตุขัดข้องใดๆก็ตาม
เกี่ยวกับรายการสั่งซื้อของคุณ ทางเรากระจ่างให้ท่านรู้และก็จัดหาหนทางที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณ!


https://bit.ly/3src6GU
#3109
เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล และพันธมิตร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ แอ็ดวานซ์ อิเล็คทริค แมชชีน จากประเทศอังกฤษ พัฒนานวัตกรรม สำหรับตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี (SCG International) ได้เข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง Advanced Electric Machines Co., Ltd. (AEM), บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CTV) และ บริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด (Asia Cab) ในการร่วมกันพัฒนาและบูรณาการเทคโนโลยีการเปลี่ยนรถสันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยนวัตกรรมมอเตอร์ไฟฟ้าระดับโลกจากประเทศอังกฤษ โดยมีนายมาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และนายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายอบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า "ความร่วมมือระหว่าง 3 บริษัทในไทย (CTV, Asia Cab และ SCG International) และ AEM ไม่เพียงแต่จะนำเสนอเทคโนโลยีที่เหนือชั้นสู่ตลาดยานยนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเร่งการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในธุรกิจยานยนต์ (Clean Mobility) ตามนโยบายของ SCG International ที่ให้ความสำคัญด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และหวังว่าแพลตฟอร์มโซลูชันด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV Solution) ของเรานี้ จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศไทย ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่ครบวงจร ชาญฉลาด คุ้มค่าและน่าเชื่อถือ ให้แก่ลูกค้าของเรา"

SCG International มีความมุ่งมั่นในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้านการตลาดต่างประเทศ การจัดหาสินค้า เทคโนโลยีและองค์ความรู้ในภาคอุตสาหกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สอดคล้องไปกับเป้าหมายของ SCG International ที่ต้องการเป็น 'The Most Trusted International Business Partner'และร่วมสนับสนุนการทำธุรกิจที่ยั่งยืนตามแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance)

นายเจมส์ วิดเมอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Advanced Electric Machines Co., Ltd. (AEM) กล่าวเสริมว่า "การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เราในตลาดเอเชีย เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ SCG International เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรและร่วมกันมีบทบาทด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต นอกจากนี้เราหวังว่าจะได้ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วยกันต่อไป"

Advanced Electric Machines (AEM) ผู้นำด้านมอเตอร์ไฟฟ้าจากประเทศอังกฤษ มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการออกแบบและสร้างมอเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลกสำหรับภาคยานยนต์และการขนส่งทั่วโลก โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านวัสดุ การผลิต และการออกแบบเพื่อให้ได้มาซึ่งโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด โดยเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้านี้ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรระหว่างประเทศมาแล้วหลายฉบับตั้งแต่ปี 2559
#3110
โตโยต้าญี่ปุ่นตกลงขึ้นค่าแรงตามคำเรียกร้องของสหภาพฯและรัฐบาล

บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ตกลงขึ้นค่าจ้างตามที่สหภาพแรงงานของบริษัทร้องขอในปีนี้ ซึ่งนับว่าเสร็จสิ้นการเจรจาเรื่องค่าจ้างประจำปีเร็วผิดปกติ ท่ามกลางการเรียกร้องของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้บริษัทต่าง ๆ ขึ้นค่าแรง

นายอากิโอะ โตโยดะ ซีอีโอของโตโยต้า เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวช่วงเย็นเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) หลังพบกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น โดยกล่าวว่า "เราได้ยื่นข้อเสนอที่ตอบสนองความต้องการของสหภาพฯอย่างเต็มที่แล้ว"

ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายคิชิดะคาดหวังให้บริษัทญี่ปุ่นที่มีผลกำไรดำเนินการขึ้นค่าจ้าง เพื่อช่วยผลักดันแนวทาง "ทุนนิยมรูปแบบใหม่" ของนายคิชิดะที่เน้นการกระจายความมั่งคั่ง และเพื่อช่วยให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวจากโควิด-19

แม้โตโยต้ากับสหภาพฯจะไม่ได้เปิดเผยจำนวนเงินที่ตกลงกัน แต่หนังสือพิมพ์โยมิอูริของญี่ปุ่นรายงานว่า ทางสหภาพฯได้ร้องขอโบนัส 6.9 เดือน และขอให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนในตำแหน่งงานต่าง ๆ ตั้งแต่ 1,600-4,900 เยน (14-43 ดอลลาร์)

ขณะนี้ บริษัทใหญ่ ๆ ของญี่ปุ่นกำลังมีการเจรจาด้านแรงงานในฤดูใบไม้ผลิที่รู้จักกันในชื่อ 'ชุนโตะ' (Shunto) ซึ่งโดยปกติแล้วจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนมี.ค.
#3111
ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงในเดือนก.พ.
 
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 62.8 ในเดือนก.พ. จากระดับ 67.2 ในเดือนม.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 61.7

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 61.7 ในเดือนก.พ.

ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ สถานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล

สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนม.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนธ.ค.

ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนม.ค.ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบิน

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.
#3112
KBANK คาดบาทสัปดาห์หน้า 32.20-32.90 เกาะติดสถานการณ์ยูเครน-โควิด-ตัวเลขศก.ไทย-ตปท.

ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์ถัดไป (28 ก.พ.-4 มี.ค.) ที่ 32.20-32.90 บาท/ดอลลาร์ จากวันศุกร์ (25 ก.พ.) ปิดตลาดที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 32.88 บาท/ดอลลาร์ ก่อนฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงสวนทางเงินดอลลาร์ ที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางสัญญาณตึงเครียดของสถานการณ์ยูเครน หลังรัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางการทหารกับยูเครน ขณะที่ชาติตะวันตกทยอยประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซีย

นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงอ่อนค่าได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ตามสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงและภาพรวมของสกุลเงินในเอเชีย

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ สถานการณ์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนม.ค. ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูล PMI และ ISM ภาคการผลิตและภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP เดือนก.พ. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูล PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.พ. ของจีน อังกฤษ และยุโรปด้วยเช่นกัน