• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - hs8jai

#3001
Nintendo แล้วก็ PlayStation แพลตฟอร์มเกมดังสุดยอดได้แสดงจุดยืนการรบระหว่างรัสเซียแล้วก็ยูเครน โดยอีกทั้ง 2 ได้ประกาศเข้าร่วมการแบนรัสเซียอย่างเป็นทางการ

Sony Group.` กล่าวว่า "เราได้หยุดการส่งมอบทั้งยังโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้วก็ฮาร์ดแวร์ อย่าง Gran Turismo 7 รวมทั้ง PlayStation Store ในรัสเซียด้วยเช่นเดียวกัน" นอกเหนือจากนี้ ทาง PlayStation ยัฝได้บริจาคเงินกว่าอีก 2 ล้านดอลลาร์ให้กับหน่วยงานผู้ลี้ภัยที่องค์การสหประชาชาติและก็หน่วยงาน Save the Children เพื่อสนับสนุนคนที่กลายเป็นเหยื่อของโศกนาฏกรรมคราวนี้

บริษัทในแวดวงเดียวกันอย่าง Nintendo ก็แบนรัสเซียเหมือนกัน โดยโฆษกของ Nintendo บอกว่า บริษัทในเกียวโตที่อยู่เบื้องหลังคอนโซล Switch ที่ได้รับความนิยมกำลังหยุดการจัดส่งสินค้าทั้งปวงไปยังรัสเซียเช่นกัน

บริษัทข้ามชาติจำนวนไม่น้อยขึ้นเรื่อยตั้งแต่ McDonald's ไปจนกระทั่ง Adidas แล้วก็ Samsung ได้ยุติกระบวนการทำธุรกิจในรัสเซียภายหลังกำเนิดสงครามในคราวนี้ขึ้นมา

อ่านต่อ MyMainer.com
#3002
Balance U Core (BLU) ยูคอร์ อาหารเสริมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 13 ชนิด ที่ช่วยดูแลสุขภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ช่วยลดความดันโลหิตและระดับน้ำตาล

ช่วยบำรุงสมองและความจำ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้การนำพาของออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดี

แก้อาการไม่สบายที่เกิดจากระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เป็นเหน็บชา ปวดเส้นตามตัว เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยสายตา ป้องกันการเกิดกระดูกพรุน

มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อไวรัวหลายชนิด จึงนำมาใช้ในการรักษาการอักเสบต่างๆ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยรักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจต่างๆ

ช่วยยับยั้งและป้องกันการทำลายเซลล์จากสารกลุ่มอนุมูลอิสระ ลดสาเหตุการเกิดโรคความดัน หลอดเลือดตีบ และลดภาวะเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ

กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว โดยออกมาจับสิ่งแปลกปลอม

อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และ Squalene ยังช่วยในเรื่องการลบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งและดูสุขภาพดี

กระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกัน

รายละเอียดเพิ่มเติม U Core
#3003
กษ.ประสาน UAE รับรองกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยหลักขึ้นทะเบียนโรงงานแปรรูปไก่ส่งออก

นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้เช้าพบกับนายเซฟ อัล ชารา (Mr. Saif Al Sharaa) ปลัดด้านเกษตรและอาหารของกระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ณ ที่ทำการกระทรวงฯ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยการเข้าพบครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการหารือระหว่าง รมว.เกษตรและสหกรณ์ของไทย กับ รมต.ด้านการค้าระหว่างประเทศ UAE ในประเด็นเรื่องการรับรองให้กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานหลัก ในการขึ้นทะเบียนรับรองโรงงานแปรรูปไก่ (system approach) เพื่อการส่งออกไปยังยูเออี

ในการเข้าพบครั้งนี้ ได้ยื่นหนังสือที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงนามให้แก่ปลัดด้านเกษตรและอาหารของ UAE โดยหวังว่าไทยและ UAE จะผลักดันการรับรองให้กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานหลักในการขึ้นทะเบียนรับรองโรงงานแปรรูปไก่ให้สำเร็จ ซึ่งหาก UAE พิจารณาตามข้อเสนอของฝ่ายไทย จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนและต่ออายุโรงงานส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทย

ทั้งนี้ ในปี 2564 ไทยส่งออกสินค้าสัตว์ปีกไปยัง UAE ในปริมาณ 718.8 ตัน คิดเป็นมูลค่า 58.24 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังผลักดันให้ทั้งสองประเทศมีกลไกความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกัน เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาภาคการเกษตร โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ การจัดการน้ำ และที่ดิน รวมทั้งการทำเกษตรสีเขียว

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า UAE มีนโยบายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของโลก (ทั้งทางบกและทางน้ำ) เพื่อเป็นศูนย์กลางส่งต่อไปยังทวีปต่างๆ เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว สร้างความมั่นคงด้านอาหาร จึงต้องการเปิดตลาดรับซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าปศุสัตว์มีชีวิตที่ผ่านมาตรฐานของ UAE โดยในเรื่องมาตรฐานทั้งหมด UAE ยินดีที่จะประสานความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของประเทศไทย เพื่อให้สามารถส่งออกไปยัง UAE ได้ โดยมีสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอาบูดาบีช่วยประสานงาน

นอกจากนี้ UAE เสนอความร่วมมือด้านการส่งออกนมอูฐมายังประเทศไทยด้วย ซึ่งไทยและ UAE ได้เน้นย้ำความสำคัญของการส่งออกให้เป็นไปตามกฎระเบียบและมาตรฐานของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะมาตรฐาน UAE มาตรฐานสุขอนามัย และสุขอนามัยพืช และมาตรฐานฮาลาล
#3004
ขายทาวเฮ้าส์เลียบทางด่วนรามอินทรา ทาวเฮ้าส์เถนนสุคนธสวัสดิ์ ขายทาวเฮ้าส์หมู่บ้านคาซ่าซิตี้1 ขายถูกกู้ได้สูง

 ทาวเฮ้าส์เถนนสุคนธสวัสดิ์   ซอย36 หมู่บ้านคาซ่าซิตี้1 บ้านสวยหลังมุม ขายถูกกู้ได้สูง แขวงลาดพร้าว เขตเขตลาดพร้าว

   ขายทาวเฮ้าส์หมู่บ้านคาซ่าซิตี้1 เนื้อที่ 33.4 ตารางวา มี 3ห้องนอน 4ห้องน้ำ แอร์ 4เครื่อง มีเฟอร์นิเจอร์ ทำเลดีมาก อยู่ ถ.สคนธสวัสดิ์ ซอย36 ใกล้กับโรเรียนโชคชัยครูเกียว.

 ทาวเฮ้าส์เถนนสุคนธสวัสดิ์   บ้านสวยหลังมุม ขายถูกกู้ได้สูงเลียบทางด่วนรามอินทรา ถนนสุคนธสวัสดิ์
ขายบ้านทาวเฮ้าส์ หมู่บ้านคาซ่าซิตี้1
ทาวเฮ้าส์เลียบทางด่วนรามอินทรา
สิ่งอำนวยความสะดวก :
– ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
– สนามเด็กเล่น

 ขายทาวเฮ้าส์เลียบทางด่วนรามอินทรา ท  ขายบ้านทาวเฮ้าส์เลียบทางด่วนรามอินทรา ถนนสุคนธสวัสดิ์ ซอย36 หมู่บ้านคาซ่าซิตี้1 ขายถูกกู้ได้สูง
สถานที่ใกล้เคียง
-ใกล้กับโรเรียนโชคชัยครูเกียว 500 เมตร
-ใกล้ห้างเดอะวอร์ค The Walk Avenue เกษตร-นวมินทร์ เลียบทางด่วนรามอินทรา 1กิโล
-ใกล้โรงเรียนเลิศหล้า
– ใกล้CDC
– ใกล้Crystal Park
– ใกล้ห้างเซ็นทรัล อีสต์วิลล์

ทำเลที่ตั้ง แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว จังหวัดกรุงเทพมหานคร

ราคา ขาย 6,150,000บาท
 ค่าภาษีและธรรมโอนคนละครึ่ง

สนใจติดต่อ หลิน โทรและไลน์ไอดี 09053664442

รายละเอียดเบื้องต้น
https://kaaiduan.com/ทาน์เฮ้าส์สุคนธสวัสดิ์/ขายบ้านทาวเฮ้าส์เลียบท/

คำค้น
ขายบ้านทาวเฮ้าส์เลียบทางด่วนรามอินทรา, ขายทาวเฮ้าส์ถนนสุคนธสวัสดิ์, ขายทาวเฮ้าส์สุคนธสวัสดิ์ซอย36, ขายทาวเฮ้าส์ หมู่บ้านคาซ่าซิตี้1, บ้านสวยหลังมุมทาวเฮ้าส์ หมู่บ้านคาซ่าซิตี้1, บ้านสวยขายถูกกู้ได้สูงทาวเฮ้าส์หมู่บ้านคาซ่าซิตี้1,ขายบ้านทาวเฮ้าส์เลียบทางด่วนรามอินทรkแขวงลาดพร้าว, ขายถูกกู้ได้สูงทาวเฮ้าส์เขตลาดพร้าว

 
#3005
"AESTHETIC SURGERY EVOLUTION ART NATURAL"
อาเซียนบิวตี้คลีนิค  ร้อยไหม รามอินทรา
อาเซียนบิวตี้คลีนิคศัลยกรรมต้นๆของประเทศดูแลทุกปัญหาความงดงาม  ร้อยไหม รามอินทรา
ผิวพรรณ ศัลยกรรมตกแต่ง และเวชศาสตร์ชะลอวัย พร้อมการดูแลความงดงาม
แบบองค์รวม ตั้งแต่หัวถึงปลายเท้า โดยแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ  ร้อยไหม รามอินทรา
และก็ ทีมงานมืออาชีพ 
ทั้งไทยและก็เมืองนอก ร้อยไหม รามอินทรา



https://bit.ly/3CFSZw5
#3006
รัสเซียไม่เชื่อวิกฤตยูเครนลุกลามเป็นสงครามนิวเคลียร์

นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าความขัดแย้งเกี่ยวกับยูเครนจะลุกลามออกไปจนเกิดเป็นสงครามนิวเคลียร์

ทั้งนี้ ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวรายหนึ่งที่ว่า เขาคิดว่าวิกฤตการณ์ในยูเครนจะทำให้เกิดสงครามนิวเคลียร์หรือไม่ นายลาฟรอฟกล่าวว่า "ผมไม่ต้องการที่จะเชื่อเช่นนั้น และผมก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น"

นอกจากนี้ นายลาฟรอฟยังปฏิเสธข่าวที่ว่า รัสเซียเตรียมการโจมตีประเทศใน.ติกซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต ได้แก่ ลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโทเนีย โดยขณะนี้ประเทศเหล่านี้ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)

นายลาฟรอฟระบุว่า รัสเซียไม่วิตกต่อการที่สหรัฐและชาติตะวันตกได้คว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เนื่องจากยังคงมีหลายประเทศที่ต้องการซื้อพลังงานจากรัสเซีย

"เราจะไม่วิงวอนให้ชาติตะวันตกซื้อน้ำมันและก๊าซจากเรา ถ้าเขาต้องการซื้อจากแหล่งอื่นก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีตลาดอื่นอยู่แล้ว" นายลาฟรอฟกล่าว
ทั้งนี้ นายลาฟรอฟได้ประชุมร่วมกับนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ซึ่งจัดขึ้นที่ตุรกีในวันนี้

อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิง หรือการกำหนดเส้นทางปลอดภัยสำหรับชาวยูเครนที่จะอพยพออกจากประเทศแต่อย่างใด

"เราได้หารือกันเกี่ยวกับการหยุดยิงเป็นเวลา 24 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ประสบความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยการเจรจาเป็นไปอย่างยากลำบาก" นายคูเลบากล่าวในการแถลงข่าว

นายคูเลบากล่าวว่า รัสเซียต้องการให้ยูเครนยอมแพ้

"พวกเขาจะไม่มีวันได้รับสิ่งนี้ ผมขอย้ำว่ายูเครนจะไม่มีทางยอมจำนน" นายคูเลบากล่าว
นายคูเลบายังแสดงความผิดหวังต่อการที่นายลาฟรอฟได้เข้าร่วมการเจรจา แต่ไม่มีอำนาจในการทำข้อตกลงเกี่ยวกับการหยุดยิง

"ดูเหมือนว่ามีผู้ที่อยู่ในรัสเซียกำลังบงการการตัดสินใจดังกล่าว" เขากล่าว
อย่างไรก็ดี นายคูเลบากล่าวว่า เขายังคงพร้อมที่จะเจรจาต่อไป

ทางด้านนายลาฟรอฟกล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เปิดกว้างในการพบปะกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน

"ท่านประธานาธิบดีปูตินไม่ปฏิเสธที่จะพบกับคุณเซเลนสกี แต่ก่อนที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ เราจำเป็นจะต้องมีการเตรียมการเบื้องต้นก่อน" นายลาฟรอฟกล่าว
#3007
'สี จิ้นผิง' ส่งสารแสดงความยินดี 'ยุน ซอกยอล' นั่งเก้าอี้ปธน.เกาหลีใต้
 
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้ส่งสารแสดงความยินดีไปยังนายยุน ซอกยอล ที่คว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้

ปธน.สีระบุว่า จีนและเกาหลีใต้ต่างเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรความร่วมมือที่สำคัญ

นับตั้งแต่ที่มีการสานสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของจีนและเกาหลีใต้ก็เติบโตขึ้นอย่างแน่นแฟ้น อันนำมาซึ่งประโยชน์แก่ทั้งสองดินแดน อีกทั้งยังนำไปสู่การสร้างสันติภาพ, เสถียรภาพ, การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก

ปธน.สีกล่าวว่า ปี 2565 นี้ถือเป็นโอกาสฉลองครบรอบ 30 ปีของความสัมพันธ์จีน-เกาหลีใต้ อันถือเป็นหมุดหมายสำคัญของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี

พร้อมกันนี้ ปธน.สีระบุว่า จีนจะเดินหน้าตามเป้าหมายในการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมยกระดับความเป็นมิตรกับเกาหลีใต้ให้มากขึ้น รวมถึงสนับสนุนความก้าวหน้าที่มั่นคงและยั่งยืนในการเป็นพันธมิตรความร่วมมือระหว่างสองชาติ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศ
#3008
เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปอีกครั้ง สหรัฐเล็งห้ามเข้าถึงเทคโนโลยี

รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า ในการทดสอบขีปนาวุธสองครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือนั้นมีการทดสอบระบบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่เกาหลีเหนือกำลังพัฒนาขึ้นใหม่ด้วย โดยสหรัฐมองว่าเป็นการยกระดับที่น่ากังวล

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐจะรับมือกับความเคลื่อนไหวดังกล่าวด้วยการห้ามไม่ให้เกาหลีเหนือเข้าถึงเทคโนโลยีที่มีส่วนสนับสนุนโครงการพัฒนาอาวุธ แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมเจรจากับเกาหลีเหนือเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ดำเนินการทดสอบยิงขีปนาวุธไปแล้ว 9 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณเมื่อเดือนม.ค. ว่า อาจกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ICBM อีกครั้ง โดยมีการทดสอบครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2560

ทางการสหรัฐเปิดเผยว่า การทดสอบที่มีการใช้ระบบขีปนาวุธข้ามทวีปนั้นมีขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ. และ 5 มี.ค. อย่างไรก็ดี การทดสอบสองครั้งล่าสุดนี้ไม่ได้แสดงถึงพิสัยหรือขีดความสามารถเหมือนกับที่เคยทดสอบ ICBM จำนวน 3 ครั้งเมื่อปี 2560

เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า "การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดนี้น่าจะมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบองค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบใหม่ ก่อนที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธเต็มพิกัด"
#3009
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกงฮั่งเส็งปิดลบ 336.47 จุด วิตกเงินเฟ้อ-วิกฤตยูเครน

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี รวมทั้งรายงานที่ว่าการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความล้มเหลว

ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 20,553.79 จุด ลดลง 336.47 จุด หรือ -1.61%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.9% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7.8%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากการเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ไม่มีความคืบหน้า โดยทั้งสองฝ่ายประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว หรือการกำหนดเส้นทางปลอดภัยสำหรับชาวยูเครนที่จะอพยพออกจากประเทศ ซึ่งการเจรจาดังกล่าวจัดขึ้นที่ตุรกีเมื่อวานนี้ และใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง
#3010
จีนกำหนดอัตราค่ากลางเงินหยวนอ่อนค่าลงวันนี้ที่ 6.3306 หยวนต่อดอลลาร์

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนในวันนี้อ่อนค่าลง 0.0201 หยวน แตะที่ 6.3306 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดอินเตอร์แบงก์จะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดลบ 36.77 จุด ตามทิศทางภูมิภาค

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดตลาดปรับตัวลงเช้านี้ตามทิศทางภูมิภาค หลังตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงจากแรงกดดันหลายปัจจัย ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี รวมถึงการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ประสบความล้มเหลว

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ 3,259.32 จุด ลดลง 36.77 จุด หรือ -1.12%
#3011
BBIK เปิดตัวบริการที่ปรึกษาด้าน SAP โชว์จุดแข็งทำ ERP Maximization
 
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) กล่าวว่า การเข้าซื้อบริษัท จีเอ็มวีพาย จำกัด (GMVPI) เป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ของบริษัทฯเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบ 360 องศา โดยบริษัทมองเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจร่วมกันกับ GMVPI อย่างยั่งยืน เพราะบริการด้าน SAP ได้เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการให้กับลูกค้าทั้งปัจจุบันและอนาคตของบลูบิคได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันยังช่วยเสริมการเติบโตให้จีเอ็มวีพายในระยะยาว โดยในปี 65 บริษัทมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้จากบริการที่ปรึกษาด้าน SAP ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท

"ปัจจุบันพบว่าองค์กรที่ใช้ระบบ SAP อยู่แล้วส่วนใหญ่ยังใช้งานระบบ SAP ได้ไม่เต็มศักยภาพ ดังนั้นการทำ ERP Maximization ที่เป็นจุดแข็งของบริษัทฯจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับลูกค้า อีกทั้งนวัตกรรม LISMA ที่พัฒนาโดยจีเอ็มวีพายที่สามารถเชื่อมต่อระบบ SAP บนแพลตฟอร์ม LINE จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้สะดวก ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเพราะคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการใช้ LINE อยู่แล้ว ดังนั้นบลูบิคจึงมั่นใจว่าทั้ง ERP Maximization และ LISMA จะเป็นกลไกที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของลูกค้าได้อย่างแน่นอน" นายพชร กล่าว
นายวรัทย์ ไล้ทอง กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง GMVPI กล่าวว่า บริษัทพบว่าปัจจุบันธุรกิจมีการนำระบบ SAP มาใช้แต่หลายแห่งกลับพบว่าไม่สามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้สูญเสียทั้งงบประมาณและโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล ซึ่งอาจมาจากการเลือกใช้ที่ปรึกษาที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในระบบ SAP มากพอ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ที่กำลังเร่งปรับปรุงและอัพเกรดระบบ SAP เวอร์ชันเดิมสู่เวอร์ชันใหม่ คือ S/4 HANA และต้องการที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์สูงเพื่อการใช้งานระบบใหม่ดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปช่วยเติมเต็มการใช้งานระบบ SAP ให้องค์กรธุรกิจสามารถใช้งานระบบ SAP ที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการให้คำปรึกษาจะเน้นไปยัง 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

1. Performance Tuning ให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาระบบ SAP ที่ทำงานช้า อันเกิดจากโปรแกรมที่ผู้พัฒนารายเดิมทำไว้ไม่ถูกต้องตามหลักการพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำให้ไม่สามารถรองรับปริมาณข้อมูลบนระบบที่เพิ่มมากขึ้นในระยะยาวได้ โดยจะเน้นให้คำแนะนำตลอดจนแก้ไขตัวโปรแกรมที่มีปัญหาให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. Enhancement & Reengineering แนะนำเพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานบนระบบ SAP ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมการวิเคราะห์และเสนอแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยจะเน้นที่การพัฒนาโปรแกรมเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกและลดข้อผิดพลาดในการทำงานให้กับกลุ่มผู้ปฏิบัติงานบนระบบ SAP

3. Problem Investigation ค้นหาสาเหตุของปัญหาหรือข้อผิดพลาดทางเทคนิคบนระบบ SAP ที่ผู้พัฒนารายเดิมทำไว้ โดยมุ่งเน้นไปที่การค้นหาต้นตอที่แท้จริงของปัญหา พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขอย่างครบวงจรและยั่งยืน

โดยยังมีจุดเด่นในการให้บริการที่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น คือ การทำโปรแกรมเพิ่มเติมบนระบบ SAP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับผู้ใช้งาน โดยไม่กระทบกับกระบวนการทำงานและระบบควบคุมมาตรฐานของ SAP

นอกจากนั้น การให้บริการด้าน SAP จะครอบคลุมบริการ 4 ด้าน ได้แก่ 1.การออกแบบกระบวนการทำงานบนระบบ SAP (SAP Business Process Flow Design): ออกแบบกระบวนการทำงานให้เหมาะสมกับการใช้งานบนระบบ SAP 2. การออกแบบและพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP (SAP Customization and Enhancement): วิเคราะห์ความต้องการทางธุรกิจของลูกค้าและนำมาพัฒนาโปรแกรมให้ตรงกับความต้องการ 3. การให้ความช่วยเหลือและดูแลรักษาระบบ SAP (SAP Support and Maintenance): ดูแลรักษาทั้งระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ระหว่างการใช้งานของลูกค้าอย่างใกล้ชิด และ 4. การจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบ SAP (SAP Training): ฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับระบบ SAP และการพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP ให้กับผู้ดูแลระบบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดูแลและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับระบบ SAP ได้

"นอกจากความเสียหายด้านงบประมาณและโอกาสทางธุรกิจจากการเลือกใช้ที่ปรึกษาที่ขาดความรู้และความเชี่ยวชาญในระบบ SAP บริษัทฯยังพบว่าหลายองค์กรมีความต้องการใช้งานฟีเจอร์ที่ออกแบบตามความต้องการใช้งานเฉพาะของแต่องค์กร ซึ่งไม่มีในแพคเกจมาตรฐานที่ทาง SAP ให้มา ในขณะที่การพัฒนาและออกแบบฟีเจอร์ตามความต้องการของลูกค้าต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญในการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชันทางธุรกิจขั้นสูงบนระบบ SAP หรือ Advanced Business Application Programming (ABAP) ซึ่งมีบริษัทที่ปรึกษาเพียงน้อยรายที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้อย่างแท้จริง ดังนั้นการทำ ERP Maximization ซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ มองหาบริการบนระบบ SAP ที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปได้อีกด้วย" นายวรัทย์ กล่าว
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา GMVPI ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และค้าปลีก เนื่องจากมาตรฐานการให้บริการที่โดดเด่น อาทิ ทีมงานที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ด้านระบบ SAP ไม่น้อยกว่า 10 ปี ทีมงานโปรแกรมเมอร์ประสบการณ์สูงที่มีผลงานทั้งในและต่างประเทศ และเคยผ่านงานด้านการพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP ที่มีความซับซ้อนระดับสูง ทีมงานออกแบบระบบที่มีความรู้ทั้งด้านธุรกิจและการเขียนโปรแกรมที่สามารถออกแบบระบบที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและถูกต้องตามหลักการทำงานของ SAP โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการรับประกันของ SAP และที่สำคัญคือการออกแบบระบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการทำงานของลูกค้าเป็นหลัก

"หลังการควบรวมในครั้งนี้ เรายังมีแผนในการเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเพื่อรองรับการเติบโตอีกอย่างน้อย 20 คน ซึ่งปัจจุบันเรามีทีมงานที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญระบบ SAP ที่ได้รับการรับรองจาก SAP ประเทศไทยซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อยมากในประเทศ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญของทีมงานที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหนือมาตรฐานและเหนือความคาดหมาย" นายวรัทย์ ทิ้งท้าย
#3012
ก.ล.ต.วางแนวทางเดินหน้าปรับปรุงระบบนิเวศตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนในปี 65
 
นายทยากร จิตรกุลเดชา ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารหนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นำเสนอบทความเรื่อง "ก.ล.ต. กับการเสริมสร้างระบบนิเวศตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน" โดยระบุว่า ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนปี 64 มูลค่าตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนโดยรวมปรับเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นปี 64 มีมูลค่าคงค้าง 4.14 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% จากปี 63 (ที่แม้ว่ามีการชะลอตัวลงบ้าง) โดยส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตกลุ่ม A ขึ้นไป (คิดเป็นสัดส่วน 75% ของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งหมด)

สำหรับตราสารหนี้เอกชนที่มีการระดมทุนในปี 64 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.67 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปี 63 ที่มีมูลค่า 1.25 ล้านล้านบาท) โดยส่วนใหญ่เป็นการออกตราสารหนี้ระยะยาวอายุเฉลี่ย 5.3 ปี เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน (5.07 ปี) เนื่องจากการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่จะเป็นไปในทิศทางที่สูงขึ้น และ credit spread ที่แคบลง โดยมีผู้ออกรายใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชำระหนี้เดิมและเพิ่มสภาพคล่องของบริษัท ทั้งนี้ สัดส่วนการเสนอขายตราสารหนี้ระยะยาวต่อประชาชนทั่วไปใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 29% และกว่า 90% เป็นตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับลงทุน (investment grade)

ในส่วนการออกตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ กลุ่ม non-investment grade และ unrated มีการจัดให้มีหลักประกันเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน โดยส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปชำระคืนตราสารหนี้เดิมที่ครบอายุ และกว่า 71% เป็นบริษัทในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม non-investment grade และ unrated ยังมีการขอขยายวันครบกำหนดอายุ จำนวนและมูลค่าโดยรวมในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 63 โดยมีผู้ออกที่ขยายวันครบกำหนดอายุรายใหม่เพิ่มขึ้น 4 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ unrated ของบริษัทในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

จากแนวโน้มของเศรษฐกิจยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 โดยในช่วงปี 63-64 มีบริษัทที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (downgrade) ทั้งหมด 59 ราย และในจำนวนนี้มี 10 ราย ที่ถูก downgrade จากระดับ investment grade ลงสู่ระดับ non-investment grade โดยประเภทธุรกิจที่ถูก downgrade สูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ พลังงานและสาธารณูปโภค (19%) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (17%) และเงินทุนและหลักทรัพย์ (16%)

การดำเนินการเพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศตลาดตราสารหนี้ ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ตั้งแต่ปี 63 ที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในวงกว้าง รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจที่มีการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะรายที่ออกและเสนอขายตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ ความสามารถในการชำระคืนหนี้ หรือการต่ออายุตราสารหนี้ (rollover)

สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ติดตามสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง และได้มีการพิจารณามาตรการต่าง ๆ ในเชิงป้องกันเพื่อลดและจำกัดผลกระทบในวงกว้าง และช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ออกตราสารเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ (bridge financing) รวมถึงเพิ่มสภาพคล่องและสร้างเสถียรภาพให้ตลาดตราสารหนี้ ดังนี้

จัดตั้ง "ศูนย์ติดตามและประสานงานหุ้นกู้" เพื่อให้คำแนะนำในกรณีที่บริษัทอาจผิดนัดชำระหนี้ หรือผิดนัดชำระหนี้แล้ว โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ติดตามสถานการณ์ชำระหนี้ของผู้ออกตราสารในกลุ่มที่มีระดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB ลงล่วงหน้า 3 เดือน สำหรับตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน เป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส เพื่อเตรียมรองรับกรณีที่อาจมีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น รวมถึงติดตามสถานการณ์แก้ปัญหาสภาพคล่องในการชำระหนี้ (เริ่มตั้งแต่เดือน ก.พ.63 และดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน) รวมถึงให้คำปรึกษาและแนะนำแก่ผู้ออกตราสาร ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

ยกระดับกระบวนการภายหลังการผิดนัดชำระหนี้หรือเมื่อตราสารหนี้มีปัญหา

กำชับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้ทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการติดต่อ ติดตามและรายงานสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน ข้อมูลอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออก อีกทั้ง ติดตามให้ผู้ออกปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิ ดำเนินการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ตลอดจนเรียกร้องค่าเสียหายให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ และในกรณีที่มีการแก้ไขข้อกำหนดสิทธิ เช่น การเลื่อนวันครบกำหนดชำระหนี้ การขอยกเว้นการดำรงอัตราส่วนทางการเงิน (financial covenant ratio) ก็ต้องดูแลให้มีการให้ข้อมูลทั้งข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ และผลกระทบของการลงมติแต่ละทางเลือกพร้อมเหตุผลประกอบ ซึ่งอาจมีความเห็นของผู้แทน ผู้ถือหุ้นกู้ประกอบด้วย
ออกหลักเกณฑ์การจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีปัญหาในการชำระหนี้คืน (stressed bond fund) ที่มีนโยบายเน้นลงทุนใน stress bond fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยเป็นการเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันหรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ถือตราสาร
สนับสนุนด้านข้อมูลให้กับผู้ลงทุน

กำชับตัวกลางในการขายเพื่อให้ข้อมูลความเสี่ยงสำคัญอย่างชัดเจนและครบถ้วน เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะการเสนอขายตราสารหนี้กลุ่มเสี่ยงหรือตราสารหนี้ที่มีเงื่อนไขซับซ้อน เช่น หุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน และไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (subordinated perpetual bond) เพื่อให้มั่นใจว่าผู้จองซื้อหุ้นกู้รับทราบความเสี่ยง
เปิดให้ผู้ลงทุนสามารถค้นหาข้อมูลสถิติการระดมทุนโดยการออกตราสารหนี้ และรายงานยอดคงค้างตราสารหนี้ของผู้ออกแต่ละราย พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลมูลค่าเสนอขายตราสารหนี้ในรูปแบบ open API
ให้บริการแอปพลิเคชัน "SEC Bond Check" สำหรับค้นหารายชื่อหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายใหม่ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเปรียบเทียบข้อมูลได้ทั้งอัตราดอกเบี้ย อายุตราสาร และระดับความเสี่ยงของตราสารหนี้ที่เสนอขายในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และยังสามารถเรียกดูเอกสารสรุปข้อมูลสำคัญของตราสารหนี้ ตลอดจนหนังสือชี้ชวนเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ในปี 2565 ได้มีการเพิ่มข้อมูลมูลค่าคงค้างตราสารหนี้สกุลต่างประเทศ และมูลค่าผิดนัดชำระหนี้ที่ผู้ออกตราสารหนี้รายงานต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ด้วย
แบ่งประเภทผู้ลงทุนแบบใหม่ให้เหมาะกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของผู้ลงทุน (risk profile) โดยเพิ่มมิติของความรู้และประสบการณ์ของผู้ลงทุน รวมถึงวิเคราะห์ความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์การลงทุนสำหรับผู้ลงทุนแต่ละกลุ่ม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผู้ลงทุนในการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับ risk profile

ในปี 65 สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดตราสารหนี้ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกระบวนการภายหลังการออกเสนอขายตราสารหนี้ไปแล้ว เพื่อทำให้ระบบนิเวศของตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนมีความสมบูรณ์ มากยิ่งขึ้น โดยมีแผนงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่

(1) การยกระดับการทำหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ สำนักงาน ก.ล.ต. มีแนวคิดที่จะยกระดับการทำหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้โดยขยายขอบเขตการทำหน้าที่ตามกฎหมายให้ครอบคลุมการดำเนินการต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ของผู้ลงทุน ทั้งในกรณีก่อนและหลังจากการออกตราสารหนี้ โดยจะรวบรวมประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการทำหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้แต่ละราย รวมถึงความเห็นและความคาดหวังจากผู้ลงทุน เพื่อนำมาจัดทำเป็นแนวปฏิบัติและออกกฎเกณฑ์รองรับต่อไป

(2) การพิจารณาจัดตั้งองค์กรค้ำประกันตราสารหนี้ การมีองค์กรค้ำประกันตราสารหนี้ซึ่งเข้ามาค้ำประกันตราสารหนี้ต่าง ๆ ในระบบ ซึ่งอาจรวมถึงตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทขนาดกลางหรือขนาดเล็ก (SMEs) ที่ไม่มีอันดับความน่าเชื่อถือหรือมีอันดับความน่าเชื่อต่ำกว่าระดับลงทุน เป็นการช่วยสนับสนุนการระดมทุน อีกทั้งยังช่วยรับประกันความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุนได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย สำนักงาน ก.ล.ต. ร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการจัดตั้งองค์กรค้ำประกันตราสารหนี้ที่เหมาะสมกับตลาดตราสารหนี้ไทย และสอดคล้องกับแนวทางของต่างประเทศ

(3) การเพิ่ม "ตัวกลาง" เพื่อเป็นที่ปรึกษาในการบริหารจัดการตราสารหนี้ที่มีปัญหา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีแนวคิดที่จะจัดให้มีตัวกลางเพื่อทำหน้าที่คัดเลือกตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อนำไปบริหารจัดการต่อ หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับกองทุนในการคัดเลือกตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือตราสารหนี้ที่อยู่ระหว่างผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงการเป็นตัวกลางคัดเลือกสินเชื่อที่มีศักยภาพเพื่อนำไปแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (securitization) โดยการเพิ่มตัวกลางดังกล่าวเข้ามาในระบบของตลาดตราสารหนี้จะช่วยทำให้ตราสารหนี้มีสภาพคล่องมากขึ้น และช่วยในเรื่องการบริหารจัดการหุ้นกู้ที่มีปัญหาได้ โดยสำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการหาตัวกลางหรือสร้างตัวกลางที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพื่อเข้ามาช่วยทำหน้าที่บริหารจัดการตราสารหนี้ที่มีปัญหา

สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนตามความเสี่ยงที่รับได้ หากมองทางด้านผู้ลงทุนในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนพบว่ามากกว่า30% ของตราสารหนี้ภาคเอกชน ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เป็นบุคคลธรรมดา โดยเฉพาะตราสารในกลุ่ม non-investment grade และ unrated นั้น มีผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาเป็นผู้ถือครองกว่า 70%

นอกจากนี้ ด้วยลักษณะการขายตราสารหนี้ที่มีการกำหนดมูลค่าขายขั้นต่ำเป็นมูลค่าสูง และมีเป้าหมายในการเสนอขายเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ ประกอบกับเป็นตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและสม่ำเสมอ ตราสารหนี้จึงเป็นแหล่งออมเงินและการลงทุนของกลุ่มผู้ลงทุนวัยใกล้เกษียณ หรือวัยเกษียณ ดังนั้นผู้ลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดตราสารหนี้เอกชน ของประเทศไทยจึงเป็นผู้สูงวัย (กว่า 50% เป็นผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และเมื่อผู้ลงทุนมีอายุมากขึ้น จำนวนตราสารที่ถือครองโดยเฉลี่ยต่อรายก็จะมีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. มีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ อันเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการสร้างสมดุลในระบบนิเวศตลาดตราสารหนี้ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
#3013
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดทรงตัว นักลงทุนจับตาเจรจารัสเซีย-ยูเครน,ประชุม ECB

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดปรับตัวในกรอบแคบก่อนดิ่งลงสู่แดนลบในวันนี้ โดยนักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนในวันนี้ที่ประเทศตุรกี ซึ่งนับเป็นการเจรจาระดับสูงครั้งแรกของทั้ง 2 ประเทศ พร้อมกับรอติดตามผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่อาจบ่งบอกถึงผลกระทบที่ยุโรปได้รับจากวิกฤตความขัดแย้งในยูเครน
ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดที่ระดับ 434.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด หรือ +0.05%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดตลาดวันนี้ที่ 13,819.44 จุด ลดลง 28.49 จุด หรือ -0.21% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดตลาดวันนี้ที่ 6,376.57 จุด ลดลง 11.26 จุด หรือ -0.18%

นายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย มีกำหนดพบปะกันในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงและข้อเรียกร้องอื่น ๆ

รัสเซียและยูเครนได้เปิดการหารือกันมาแล้วถึง 3 ครั้งทั้งในเบลารุสและยูเครน โดยการเจรจารอบที่ 3 นั้นมีสัญญาณบวกเล็กน้อย ซึ่งนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเปิดเผยว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนนั้น กำลังมีความคืบหน้า พร้อมกับยืนยันว่ารัสเซียไม่มีความประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลยูเครน และไม่มีเป้าหมายโจมตีพลเรือน
#3014
หากย้อนเวลาไปในช่วงปี 1995 - 2005 หรือยุค 90 นักเตะสมัยนั้นไม่ว่าจะเป็น โรนัลโด้ ของบราซิล, เธียรี่ อองรีของฝรั่งเศส หรือคนอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนแล้วแต่พัฒนาไปที่ความเร็วและเทคนิกการเลี้ยงลูก.ระดับเทพ แต่ยังมีกองหน้าอีกประเภทหนึ่ง ที่ไม่ได้เน้นเรื่องความเร็วหรือการเลี้ยงลูก.เหล่านี้ แต่จะเน้นไปที่พลังการเตะในการยิงที่รวดเร็วและทรงพลัง ชนิดที่ว่าถ้าหากผู้รักษาประตูรับไม่ดี อาจมีหามขึ้นเปลสนามอย่างแน่นอน เอาละไม่รอช้า มาทำความรู้จักกับประวัติคราว ๆ ของ Batistuta กัน โดยเค้าคนนี้มีชื่อเต็มๆว่า Gabriel Batistuta กาเบรียล โอมาร์ บาติสตูตา เกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1969 ในเมืองรีคอนกีสตา ประเทศอาร์เจนติน่า 

  • 1988-1989 บาติสตูต้าเริ่มต้นเล่นฟุต.ให้กับ Newell's Old Boys ทีมนีเวลล์โอลด์บอยส์
  • 1898-1990 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับ River Plate ริเวอร์เพลทส โมสรในประเทศอาร์เจนติน่า โดยในตอนนั้นยังเป็นเพียงกองหน้าธรรมดา ๆ เขาใช้เวลาอยู่กับทีมนี้ถึง 2 ปี แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงหรืออะไรมากมาย เขาจึงมีความคิดที่จะย้ายทีม
  • 1990-1991 ทีมต่อไปที่เขาเซ็นสัญญาด้วยก็คือ Boca Juniors โบค่า จูเนียร์ ทีมดังของประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งการมาค้าแข้งที่นี่เขาได้เจอกับเพื่อนร่วมทีมที่เข้าขาและค้นพบตัวเองว่าเป็นคนที่มีพลังการเตะที่สุดยอด เขาจึงโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม
  • 1991-2000 Fiorentina ฟีออเรนตีนา ตรงนี่เองเป็นที่โชว์ฟอร์มของบาร์ติสตูต้า โดยค้าแข้งให้กับทัพขุนพลม่วง 9 ปี
จะให้พิมพ์หมดทุกอย่างก็คงจะไม่ไหว นี้คือประวัติคราว ๆของ Gabriel Batistuta กาเบรียล โอมาร์ บาติสตูตา ต้องบอกเลยว่านี้คือนักเตะอีกหนึ่งคนในตำนาน ที่คนยุค 90 ทุกคนที่ดูฟุต.ต้องรู้จัก
#3015
QYou 8เป็นกลุ่ม 8 สมุนไพรที่ดูแลเรื่องเลือดได้ชัดเจนขึ้นเพิ่มความเข้มข้นของสารสกัดเปลือกสนเมอร์ไทด์เพิ่มโสมซานชี สุดยอดของโสมที่ดูแลเรื่องระบบเลือดและ เพิ่มสูตร เก๋ากี้ พุทราจีนและขิง ซึ่งเป็นสามประสานในการปกป้องหลอดเลือดป้องกันหลอดเลือด แตก ตีบ ตันและช่วยลดภาวะการเกิดซีสต์ในที่ต่างๆ ได้ ช่วยลดอาการปวดหลังปวดท้องระหว่างมีรอบเดือนได้ มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด ให้เพิ่มขึ้น ช่วยลดขยะและของเสียไขมัน ที่อยู่ในหลอดเลือดให้น้อยลง ช่วยเพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ลดอาการชาปลายมือปลายเท้าอันเนื่องมาจากเลือดใหลเวียนได้น้อยให้อาการดีขึ้นราคากล่องละ 990 บาท ราคาสมาชิก 500 บาทสนใจสมัครตัวแทนได้ที่ลิงค์ด้านล่างhttps://www.qyousatta.com/?ref=62สั่งซื้อสินค้าได้ที่ LINE : ttps://line.me/ti/p/Upkd4c7jzG

#3016

SCB ประกาศแต่งตั้ง นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นแม่ทัพนำทีมสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทย เป็นผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเงินการลงทุน มีความรู้ ความสามารถและเชี่ยวชาญ ด้านการบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้าระดับสูงของประเทศ จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้านนางสาวลลิตภัทร พร้อมต่อยอดความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าระดับสูงของธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้ง โดยยึด 3 แกนหลักพัฒนาต่อเนื่องทั้งด้าน Wealth Preservation , Wealth Creation และเสริมศักยภาพ SCB Financial Business Group ให้เต็มรูปแบบจากความแข็งแกร่งของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์มากยิ่งขึ้น รวมทั้งนำระบบ Digital platform มาใช้ในการคัดสรรผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆจากทั่วโลก ตามความเสี่ยงที่รับได้อย่างแท้จริง สามารถส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างมั่นคงทั้งด้านธุรกิจและการลงทุน

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการประกาศแต่งตั้ง นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ ควบคู่กับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด เพื่อนำทีมสร้างการเติบโตในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงให้กับลูกค้าในประเทศไทยโดยนางสาวลลิตภัทร เป็นบุคคลหนี่งในแวดวงการเงินการธนาคาร ที่มีประสบการณ์สูงในเรื่องของไพรเวทแบงก์กิ้ง เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและความรู้ด้านการเงิน การลงทุนที่รอบด้าน คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจบริหารความมั่งคั่งเป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์การทำงานกับธนาคารต่างชาติ และที่ธนาคารไทยพาณิชย์กว่า 20ปี จนเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทย จึงเชื่อมั่นว่านางสาวลลิตภัทร จะนำเอาความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มาช่วยในการสานต่อแผนยุทธศาสตร์และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้ง ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Bnaking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า พร้อมที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้าระดับสูงของประเทศไทย ผ่านธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้ง ให้เติบโตไปพร้อมกับความมั่งคั่งของลูกค้าอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี โดยธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้ง รับบริหารสินทรัพย์เพื่อการลงทุนตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป (High Net Worth Individuals ) ส่วนไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ รับบริหารสินทรัพย์ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป (Ultra High Net Worth Individuals ) เพื่อเป็นการต่อยอดบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้าที่สนใจลงทุนในต่างประเทศทั้ง100% โดยหัวใจสำคัญในการบริหารความมั่งคั่งคือต้องเข้าใจลูกค้า เข้าใจตลาดการลงทุน คัดสรรผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นด้านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ในทุกช่วงเวลา เพื่อให้เงินลงทุนของลูกค้างอกเงยขึ้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

โดย SCB PRIVATE BANKING ยังคงยึด 3 แกนหลักที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ได้แก่ 1) การพัฒนาด้าน Wealth Preservation โดยยกระดับคุณภาพของทีมที่ปรึกษาด้านการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล (RM) ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความต้องการของลูกค้าด้านการลงทุนอย่างแท้จริง 2) การพัฒนาด้าน Wealth Creation บริการที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนทั้งในส่วนบุคคลและธุรกิจของลูกค้าแบบครบวงจรมีการลงทุนแบบ Open Architecture Platform ที่สามารถเข้าถึงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศในหลากหลายสินทรัพย์มากที่สุดในประเทศ และ 3) เสริมศักยภาพด้าน SCB Financial Business Group ให้เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้นจากความแข็งแกร่งของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ที่ครบเครื่องทั้งด้านความรู้ ความชำนาญและสินทรัพย์ที่ครบวงจร สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ครอบคลุมทั้งเรื่องธุรกิจและการลงทุน การผนึกกำลังทุกช่องทางของ SCB Group นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการเสริมศักยภาพของ SCB PRIVATE BANKING
#3018
วว. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เสริมแกร่งเกษตรกร ผู้ประกอบการไทย ด้วย วทน.

การขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG อยู่บนพื้นฐานของ 4 + 1 ประกอบด้วย 4  สาขายุทธศาสตร์ คือ 1. เกษตรและอาหาร  2. สุขภาพและการแพทย์  3. พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และ 4. การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์  โดยรัฐบาลกำหนดแผนยุทธศาสตร์ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG  พ.ศ. 2564-2569  ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่

ยุทธศาสตร์ที่ 1  สร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ  ด้วยการจัดสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ธรรมชาติ ไม่ใช่เพียงทรัพยากรหรือปัจจัยการผลิตที่ใช้แล้วหมดไป แต่ธรรมชาติจะเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตและทุกสรรพสิ่งบนโลก เป็นพื้นฐานของความอยู่ดีกินดีของมนุษย์ รวมถึงการนำกลับมาใช้ซ้ำตามหลักการหมุนเวียน

ยุทธศาสตร์ที่ 2  การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง  ด้วยทุนทรัพยากร อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ศักยภาพของพื้นที่โดยการระเบิดจากภายใน เน้นการตอบสนองความต้องการในแต่ละพื้นที่เป็นอันดับแรก ใช้ประโยชน์จากความเข้มแข็งของ "ความหลากหลายทางชีวภาพ" และ "ความหลากหลายทางวัฒนธรรม" มาต่อยอดและยกระดับมูลค่าในห่วงโซ่การผลิตสินค้าและบริการให้มีมูลค่าสูงขึ้น

ยุทธศาสตร์ที่ 3  ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน นำความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมายกระดับประสิทธิภาพการผลิต ลดความสูญเสียในกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ การหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ หรือการนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ยกระดับมาตรฐานและให้ความสำคัญกับระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นลักษณะเศรษฐกิจแบบ "ทำน้อยได้มาก" แทน

ยุทธศาสตร์ที่ 4 เสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เน้นการสร้างภูมิคุ้มกัน และสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเท่าทันเพื่อบรรเทาผลกระทบ ด้วยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปเพิ่มศักยภาพของชุมชน ผู้ประกอบการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต/บริการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด สร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อนำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของประเทศ มีภารกิจสำคัญในการวิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ปัจจุบันดำเนินงานก้าวสู่ปีที่ 60 ตอบสนองนโยบายรัฐบาลและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยนำนโยบายเศรษฐกิจ BCG เป็นกรอบการดำเนินงาน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจทั้งระบบ เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ กระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างชุมชนเข้มแข็ง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากการดำเนินงานของ วว. ประสบผลสำเร็จในการผลิตผลงาน ดังนี้

โครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลางตะวันตกด้วย BCG โมเดล สนับสนุนทุนวิจัยจาก สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภายใต้โครงการตาม พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ดำเนินงานจำนวน 2 โครงการ คือ

โครงการศูนย์นวัตกรรมผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร (ICPIM)   เป็นคลังหัวเชื้อจุลินทรีย์กว่า 10,000  ชนิด  สร้างผู้ประกอบการได้  41  ราย  ชดเชยการนำเข้าหัวเชื้อจุลินทรีย์ได้ 30%  ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ  380  ล้านบาท และส่งผลกระทบทางสังคม 110  ล้านบาท   ประสบผลสำเร็จ  ดังนี้  1)  ขยายการผลิตจุลินทรีย์เพิ่มขึ้นได้ 25,000 ลิตรต่อปี  2) พัฒนานวัตกรรมจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่โดดเด่น 15 สายพันธุ์ที่มีศักยภาพตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขึ้นทะเบียนสายพันธุ์จุลินทรีย์โพรไบโอติกกับ อย.  จำนวน 8 สายพันธุ์ อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียน 7 สายพันธุ์  3) พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เสริมโพรไบโอติก  ได้แก่  ไอศกรีม  นมอัดเม็ด ปลาร้าผง  น้ำพริกพร้อมทาน เครื่องดื่มชงเย็น  jelly  และอาหารเสริมสูตรฟังก์ชั่นสำหรับลดน้ำหนัก  สร้างภูมิคุ้มกัน  ลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน  กระตุ้นการทำงานของสมอง และปรับสมดุลร่างกาย  4) พัฒนานวัตกรรมการยืด Shelf  life ของโพรไบโอติกในผลิตภัณฑ์ต่างๆ   5) นวัตกรรมลดต้นทุนการผลิตโพรไบโอติกเพื่อการแข่งขันด้านราคากับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ   และ 6) นวัตกรรม synbiotics และ post-biotics  เพื่อเสริมภูมิสุขภาพและป้องกันโรค NCDs

โครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลางตะวันตกด้วย BCG โมเดล ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจำนวน 370 ล้านบาท ดังนี้ 1) ผลิตสารชีวภัณฑ์จำนวน 5 สายพันธุ์ นำไปสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานพื้นที่ "กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัด" รวมจำนวน 1.3 ล้านลิตร เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชทดแทนสารเคมีทางการและลดการนำเข้าสารเคมี โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสารชีวภัณฑ์ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และอยุธยา ครอบคลุม 4 กลุ่มพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ไม้ผล พืชไร่ (ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง) พืชสมุนไพรและพืชผัก 2) พัฒนากระบวนการขยายชีวภัณฑ์ทั้งในระดับห้องปฏิบัติการเพื่อขยายสู่การผลิตเชิงพาณิชย์และระดับชุมชน 3) จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมผลิตเชื้อจุลินทรีย์ทางการเกษตร (Innovative Center for Production of Microorganisms Used in Agro- Processing Industry, ICAP) มีกำลังการผลิต 115,000 ลิตรต่อปี

นอกจากนี้ วว. ยังประสบผลสำเร็จในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ร่วมขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ BCG ในสาขาอื่นๆ ที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นรูปธรรม ดังนี้

โครงการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้กับชุมชนกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับด้วยนวัตกรรมเกษตร โดยใช้แนวทางมาลัยวิทยสถาน อว. สนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อร่วมสนับสนุนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ด้วยการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ พร้อมทำหน้าที่เป็นวิทยสถานแห่งปัญญา พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม ตลาดไม้ดอกไม้ประดับและผลิตภัณฑ์ นำร่องส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการไม้ดอกไม้ประดับในพื้นที่จังหวัดเลยและลำปาง สามารถรวมกลุ่มผู้ประกอบการได้จำนวน 6 กลุ่มเป็นคลัสเตอร์ ประกอบด้วย คลัสเตอร์ไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ นครราชสีมา เลย สุพรรณบุรี นครนายก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 90 ล้านบาทต่อปี

โครงสร้างพื้นฐานธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน (Community Seed Bank) ณ สถานีวิจัยลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา มีศักยภาพอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์พืช 20-50 ปี เก็บรักษาตัวอย่างเมล็ดพืชสูงสุด 10,000 ตัวอย่าง มุ่งขับเคลื่อน 3 มิติ คือ สำรวจ-อนุรักษ์ วิจัย-นำไปใช้ประโยชน์และให้บริการชุมชน

โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมและนวัตกรรมอาหารปลอดภัยประสบผลสำเร็จพัฒนาและทดสอบ "ข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญถั่งเช่า" มีคุณสมบัติเด่นช่วยต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย พร้อมต่อยอดแปรรูปเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพร "ชาใบข้าว" เพื่อสุขภาพ และพัฒนาต่อยอดด้านบรรจุภัณฑ์ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อช่วยรักษาคุณภาพและลดความสูญเสียสินค้า รวมทั้งให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการส่งออกสินค้า

โครงการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ประสบผลสำเร็จพัฒนานวัตกรรมน้ำตาลที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้สมดุล และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต "น้ำตาลพาลาทีน" ให้แก่ บริษัทน้ำตาลราชบุรี โดยมีกำลังการผลิต 60 ตันต่อปี มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ 10 ล้านบาทต่อปี และมีแผนการส่งออกในอนาคต

โครงการพัฒนาเทคโนโลยีสกัดโปรตีนเข้มข้นจากพืชฐานชีวภาพของไทยระดับห้องปฏิบัติการ โดยร่วมกับบริษัทไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สำหรับผลิตเป็นอาหารฟังก์ชั่นสู่เชิงพาณิชย์ (Plant Based Meat) ที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ เป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เทียม

โครงการพัฒนาสมุนไพรอัตลักษณ์ประจำถิ่น  โดยการทดสอบคุณภาพ  ประสิทธิภาพ  และส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนจังหวัดน่านผลิตสารสกัดสมุนไพรส่งให้บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรตรีผลา มีมูลค่าการตลาด  50 ล้านบาทต่อปี และส่งเสริมสมุนไพรอัตลักษณ์อื่นๆ เช่น ใบหมี่ และมะไฟจีน เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากทรัพยากรภายในประเทศ

โครงการวิจัยและพัฒนาสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตจากแพะ (การสกัดแยกกลิ่นและศึกษา Male Pheromone จากขนแพะเหลือทิ้ง) สนับสนุนทุนวิจัยโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประสบผลสำเร็จวิจัยพัฒนานวัตกรรมการสกัดขนแพะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำหอมได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์มีกลิ่นเฉพาะตัว โดดเด่น และลอกเลียนแบบยาก สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมน้ำหอมและเครื่องสำอางในอนาคต เป็นการส่งเสริมนโยบาย BCG ในการเป็น Circular Economy ที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับวัสดุเหลือทิ้ง และทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ มีคุณค่า

โครงการพัฒนาไบโอเมทานอลจากวัสดุเหลือทิ้ง เพื่อต่อยอดการสร้างโรงงานไบโอเมทานอลต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทยและลดการนำเข้าเมทานอล 100% โดย บริษัท BLCP นำผลงานวิจัยระดับห้องปฏิบัติการไปขยายผลและต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โครงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะพลาสติกในชุมชนเพื่อการบูรณาการอย่างยั่งยืน ณ ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ภายใต้ "ตาลเดี่ยวโมเดล" เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ดำเนินงานครอบคลุมพื้นที่ 4 ภูมิภาค ได้แก่ สระบุรี ชลบุรี เชียงราย และหนองคาย สร้างรายได้ให้หน่วยงานท้องถิ่นกว่า 10 ล้านบาทต่อปี พร้อมมุ่งขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ ของประเทศต่อไป

การดำเนินงานตามนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของ วว. ดังกล่าว เป็นผลงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรมและนำไปใช้จริงทั้งในบริบทเชิงเศรษฐกิจและเชิงสังคม มุ่งมั่นขยายผลโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่การใช้ประโยชน์ตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและมุ่งวิจัยพัฒนาผลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ให้บริการเบ็ดเสร็จครบวงจร ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรมและวิสาหกิจชุมชน เพื่อความเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนของประเทศไทย
#3019
ดาวโจนส์เปิดตลาดพุ่งกว่า 500 จุด ขานรับเจรจารัสเซีย-ยูเครนคืบหน้า ปูทางยุติสงคราม

ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันนี้ หลังการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความคืบหน้า ซึ่งจะปูทางให้สงครามในยูเครนยุติลง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มปรับตัวมีเสถึยรภาพ หลังจากที่พุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ และสร้างความกังวลเกี่ยวกับการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ณ เวลา 21.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,201.55 จุด บวก 568.91 จุด หรือ 1.74%

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ สวนทางหุ้นพลังงานที่ดิ่งลงเพียงกลุ่มเดียวในตลาด สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก

นักลงทุนคาดหวังว่าสงครามในยูเครนใกล้ยุติลง หลังจากมีข่าวว่ายูเครนได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ขณะที่รัสเซียเปิดเผยว่าการเจรจากับยูเครนมีความคืบหน้า

ทั้งนี้ ทางการรัสเซียแถลงในวันนี้ว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนเพื่อแก้ไขความขัดแย้งกำลังมีความคืบหน้า และรัสเซียไม่มีความประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลยูเครน

"การเจรจาประสบความคืบหน้า" นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าว โดยระบุถึงการเจรจาสันติภาพ 3 รอบระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครน

นางซาคาโรวากล่าวว่า รัสเซียไม่มีความประสงค์ที่จะยึดครองยูเครน หรือโค่นล้มรัฐบาลยูเครน

"เป้าหมายของกองทัพไม่ได้ต้องการยึดครองยูเครน หรือทำลายความเป็นรัฐของยูเครน หรือคว่ำรัฐบาลยูเครน และไม่มีเป้าหมายโจมตีพลเรือน" นางซาคาโรวากล่าว
นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียต้องการที่จะเจรจาสันติภาพรอบใหม่กับยูเครน ทันทีที่คณะผู้แทนของยูเครนมีความพร้อม

นอกจากนี้ นายเพสคอฟยังกล่าวว่า การเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ในวันพรุ่งนี้ที่ตุรกี ถือว่ามีความสำคัญในกระบวนการหารือเพื่อหาทางออกต่อวิกฤตการณ์ในยูเครน

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงในวันนี้ โดยล่าสุด สัญญาล่วงหน้า WTI ร่วงหลุดระดับ 117 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุดระดับ 121 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตรียมระบายน้ำมันออกสู่ตลาดเพื่อสกัดราคาที่พุ่งขึ้นในขณะนี้

นักลงทุนจับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%
#3020
ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานกว่า 700 จุด ขานรับความหวังใกล้ปิดฉากสงคราม

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 700 จุด หลังการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความคืบหน้า ซึ่งจะปูทางให้สงครามในยูเครนยุติลง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มปรับตัวมีเสถึยรภาพ หลังจากที่พุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ และสร้างความกังวลเกี่ยวกับการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ณ เวลา 00.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,364.09 จุด บวก 731.45 จุด หรือ 2.24%

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นนำตลาด สวนทางหุ้นพลังงานที่ดิ่งลงเพียงกลุ่มเดียวในวันนี้ สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก

นักลงทุนคาดหวังว่าสงครามในยูเครนใกล้ยุติลง หลังจากมีข่าวว่ายูเครนได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ขณะที่รัสเซียเปิดเผยว่าการเจรจากับยูเครนมีความคืบหน้า

ทั้งนี้ ทางการรัสเซียแถลงในวันนี้ว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนเพื่อแก้ไขความขัดแย้งกำลังมีความคืบหน้า และรัสเซียไม่มีความประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลยูเครน

"การเจรจาประสบความคืบหน้า" นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าว โดยระบุถึงการเจรจาสันติภาพ 3 รอบระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครน

นางซาคาโรวากล่าวว่า รัสเซียไม่มีความประสงค์ที่จะยึดครองยูเครน หรือโค่นล้มรัฐบาลยูเครน

"เป้าหมายของกองทัพไม่ได้ต้องการยึดครองยูเครน หรือทำลายความเป็นรัฐของยูเครน หรือคว่ำรัฐบาลยูเครน และไม่มีเป้าหมายโจมตีพลเรือน" นางซาคาโรวากล่าว
นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียต้องการที่จะเจรจาสันติภาพรอบใหม่กับยูเครน ทันทีที่คณะผู้แทนของยูเครนมีความพร้อม

นอกจากนี้ นายเพสคอฟยังกล่าวว่า การเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ในวันพรุ่งนี้ที่ตุรกี ถือว่ามีความสำคัญในกระบวนการหารือเพื่อหาทางออกต่อวิกฤตการณ์ในยูเครน

นายอิฮอร์ โซฟวา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน และเป็นผู้ช่วยของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า ยูเครนเปิดกว้างที่จะหาทางออกตามแนวทางการทูตเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย

นอกจากนี้ นายโซฟวากล่าวว่า ปธน.เซเลนสกีพร้อมที่จะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงในวันนี้ โดยล่าสุด สัญญาล่วงหน้า WTI ร่วงหลุดระดับ 117 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุดระดับ 120 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตรียมระบายน้ำมันออกสู่ตลาดเพื่อสกัดราคาที่พุ่งขึ้นในขณะนี้

นักลงทุนจับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%