• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Ailie662

#3701


เมื่อภาคธุรกิจไม่ปล่อยให้ "วิกฤติ" โควิด-19 สูญเปล่า นำมาเป็น "บทเรียน" ปรับตัว สร้างสรรค์โมเดลใหม่ๆ ต่อลมหายใจกิจการ ยิ่งร้านอาหาร พยายามปั้นจิ๊กซอว์ สู่การเติบโต "โม โม พาราไดซ์" คิดใหม่ มองเงินสดไหลออก คือการลงทุนเพื่ออนาคต

วิกฤติโควิด-19 ระบาด รับงัดไม้แข็งบริหารจัดการไว้รัส มีคำสั่งเข้มงวดกับธุรกิจ"ร้านอาหาร"  รอบแรกเจอการ  "ล็อกดาวน์" ถ้วนหน้า ผู้ประกอบการเดือดร้อนเท่ากัน แต่ล่าสุด การห้ามร้านที่มีสาขาในห้างค้าปลีกเปิดบริการนั่งรับประทาน(Dine-in) ห้ามซื้อกลับบ้าน(Takeaway) ทำได้แค่ "เดลิเวอรี่" เท่านั้น เป็นการปิดตายยอดขายอย่างสิ้นเชิง 

"โม โม พาราไดซ์" ร้านชาบูชาบูและสุกี้ยากี้จากญี่ปุ่น ซึ่งมีสาขาทั้งหมดอยู่ในห้างค้าปลีก รับผลกระทบเต็มๆ และการปรับตัวทางธุรกิจไม่ง่าย แต่ไม่ทำย่อมไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงการสูญเสียโอกาสทำเงิน แม้มีอยู่เพียงน้อยนิด   

สุรเวช เตลาน เจ้าของร้านโม โม พาราไดซ์ บอกเล่าประสบการณ์ทำธุรกิจร้านอาหารในช่วงเวลาวิกฤติผ่านงานสัมมนาออนไลน์ "เปิดสูตรลับ!! ปรับกลยุทธ์ ธุรกิจอาหารต้องรอด" ว่า โม โมฯ มีร้านทั้งสิ้น 20 สาขา มีแบรนด์น้องใหม่ที่ยังไม่โปรโมทสร้างแบรนด์ และร้านอาหารพรีเมี่ยมอีก 2 สาขา แต่ผลกระทบการล็อกดาวน์ล่าสุด บริษัทต้องปิดให้บริการโมโมฯ 100% ถือว่าได้รับผลกระทบหนักมาก โดยยอดขายที่เคยมี ปัจจุบันทำได้เพียง 3-5% เท่านั้น สวนทางกับภาระค่าใช้จ่ายที่ไหลออกทุกวัน โดยเฉพาะต้นทุนคงที่จากการจ้างงาน ที่มีพนักงานนับ "ร้อยชีวิต"  

นอกจากนี้ ร้านอาหารมีวัตถุดิบเป็นของสดจำนวนมาก โดยเฉพาะ "ผักสด" ซึ่งมีการสูญเสียมากสุด เมื่อปิดให้บริการ จึงกระทบต้นทุนอย่างมาก 

สำหรับธุรกิจร้านอาหารถือว่ามีความโดดเด่นด้านการทำเงินหรือรายได้เข้ามา โดยแต่ละวันผู้ประกอบการจะได้รับเงินสดเข้ามาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนค่าวัตถุดิบจะเป็นการนำผัก อาหารสดต่างๆมาใช้ก่อน แล้วจ่ายให้กับคู่ค้าซัพพลายเออร์ภายหลังหรือเครดิตเทอมนั่นเอง 


ทว่า ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่ "ขายดีจนเจ๊ง" เนื่องจากผู้ประกอบการสนใจเพียงงบ "กำไร-ขาดทุน" เท่านั้น ไม่ดู "งบดุล" หรือสถานะทางการเงิน ไม่พิจารณารายจ่ายที่ออกไปแต่ละวัน เดือนมีมากแค่ไหน ซึ่งตามหลักการควรให้ความสำคัญ 3 ส่วนทั้ง กระแสเงินสด งบดุล งบกำไรขาดทุนใหถี่ถ้วน

นอกจากนี้ ในภาวะวิกฤติโควิด-19 ระบาด การตระหนักด้าน "การเงิน" ต้องเพิ่มทวีคูณ โดยเฉพาะกระแสเงินสดที่ไหลออก แต่ไม่มีรายรับเข้ามายังร้าน อย่างไรก็ตาม ห้วงเวลายากลำบากนี้ การบริหารสภาพคล่องเป็นเรื่องยากมาก แต่อยากให้ผู้ประกอบการมองเงินสดที่ไหลออกในเวลานี้ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้ 

"การจัดการเงินสด หมุนเงินตอนนี้ลำบากมาก แต่บริษัทให้ความสำคัญในการบริหารอย่างเหมาะสมมาก่อนแล้ว หลักการง่ายๆคือต้องมีเงินเข้ามากกว่าออก ไม่ใช่ขายดี แล้วร้านจะฟุ่มฟือยเต็มที่จนเกิดปัญหาต้องมีทุนสำรองไว้ ส่วนท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด มองอนาคตร้านอาหารจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เงินที่ไหลออกเวลานี้ให้มองเป็นสิ่งที่ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้หรือเป็น Investing clash flow เพื่อเดินต่อไปข้างหน้า เช่น โม โมฯ ที่ลุกขึ้นมาลุยบริการเดลิเวอรี่ได้จริง จากเดิมไม่คิดจะทำ เพราะไม่เหมาะกับบุฟเฟ่ต์ ที่ต้องมอบประสบการณ์ให้ผู้บริโภคทานในร้าน แต่จากการปรับตัวเดลิเวอรี่ สามารถสร้างยอดขายได้เท่ากับร้าน 1 สาขา รวมถึงการลงทุนขยายบริการส่งโมโม พาราไดซ์ทั่วไทยด้วย" 

ทั้งนี้ สุรเวช ย้ำว่า ร้านชาบูบุฟเฟต์ไม่โจทย์และไม่จำเป็นต้องมีบริการเดลิเวอรี่ แต่การล็อกดาวน์ครั้งแรก ทำให้บริษัทต้องปรับตัว ทดลองปรับเมนู รักษาคุณภาพอาหาร การบรรจุภัณฑ์ การควบคุณอุณหภูมิอาหาร รวมถึงใช้พันธมิตรในการขนส่ง ฯ เพื่อให้มาตรฐานยังทียบเท่าที่ร้านสูงสุด 

นอกจากนี้ ยังเปิดบริการโม โม พาราไดซ์ ส่งทั่วไทยไปเคียงข้างคุณ เพื่อเสิร์ฟชาบูให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยภายในระยะเวลา 2 วัน ซึ่งปัจจุบันเกือบครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้ง 77 จังหวัดแล้ว 

การพลิกหาโมเดลธุรกิจและบริการใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่เพียงพอที่จะอยู่รอดในวิกฤติ จึงย้ำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารบริหารค่าใช้จ่ายให้ดี คุมต้นทุนเพื่อให้ร้านอยู่ให้ได้ รักษาคนให้ได้ดีที่สุด 

"เราโชคดีที่มีเงินทุนสำรอง เพื่อดูแลบริษัทไปได้ ส่วนจะยาวนานแค่ไหนตอบยาก แต่ละคนขึ้นอยู่กับสายป่านสั้นยาว สามารถพยุงตัวเองได้ไม่เท่ากัน แต่เรายังมุ่งลดต้นทุนให้ต่ำสุด เพราะยังไงต้องเผชิญขาดทุน แต่เชื่อว่าร้านอาหารยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ วิกฤติโรคโควิดไม่อยู่ไปตลอด ตอนนี้ต้องทำยังไงให้มีลมหายใจยาวสุด" 
#3702


สาวน้อยมหัศจรรย์ "บิลลี ไอลิช" เปิดตัวแรงสมศักดิ์ศรีซูเปอร์สตาร์แห่งยุค ส่งอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever" คว้าอันดับ 1 บนชาร์ต billboard 200 พร้อมเปิดตัวด้วยยอดขาย 238,000 อัลบั้มภายในสัปดาห์แรก มากเป็นอันดับที่ 5 ของปี 2021

"บิลลี ไอลิช" (Billie Eilish) ซูเปอร์สตาร์คนดังที่ถูกยกให้เป็นสาวน้อยมหัศจรรย์แห่งยุค กลับมาทวงคืนบัลลังก์ พาอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever"คว้าอันดับ 1 บนชาร์ต billboard 200 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

Happier Than Ever นับเป็นอัลบั้มที่ 2 ของบิลลีที่สามารถคว้าอันดับ 1 บนชาร์ต billboard 200 โดยก่อนหน้านี้อัลบั้มแรกของเธอ คือ "When We All Fall Asleep, Where Do We Go?" ก็เปิดตัวคว้าอันดับหนึ่งไปเมื่อปี 2019 พร้อมสร้างชื่อเสียงให้เธอกลายเป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่แห่งยุค

Happier Than Ever อัลบั้มใหม่ของ บิลลี ไอลิช
Happier Than Ever อัลบั้มใหม่ของ บิลลี ไอลิช

อัลบั้ม "Happier Than Ever" เปิดตัวด้วยยอดขาย 238,000 อัลบั้มภายในสัปดาห์แรก มากเป็นอันดับที่ 5 ของปี 2021 โดยมีอัลบั้ม "SOUR" ของ "Olivia Rodrigo" ที่เปิดตัวเป็นอันดับ 1 ในชาร์ต ด้วยยอดขายเทียบเท่า 295,000 อัลบั้ม

ขณะที่ก่อนหน้าอัลบั้ม "Happier Than Ever" จะปล่อยออกมาให้ฟังกันแบบเต็ม ๆ บิลลี ได้ปล่อยเพลงใหม่ในอัลบั้มนี้ ออกมา 5 เพลงด้วยกัน ได้แก่ "my future", "Therefore I Am", "Your Power", "Lost Cause" และ "NDA" ที่ขึ้นไปอยู่ใน 40 อันดับแรกบนชาร์ต Billboard Hot 100 โดยเพลงแรกที่เข้าไปอยู่บน Billboard Hot 100 ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2563 คือเพลง "my future"

บิลลี ไอลิช ใน MV เพลง Happier Than Ever
บิลลี ไอลิช ใน MV เพลง Happier Than Ever

อัลบั้ม "Happier Than Ever" เป็นอัลบั้มที่ บิลลี ไอลิช ได้สื่อสารความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมาให้คนฟังได้สัมผัส อีกทั้งยังได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของเธอในหลากหลายแง่มุม ทั้งวุฒิภาวะ มุมมองการใช้ชีวิต

นอกจากนี้ บิลลี ไอลิช ยังได้โชว์ศักยภาพในผสมผสานระหว่างดนตรีคลาสสิกเก่า ๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปินที่เธอชื่นชอบ เข้ากับซาวด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธออีกด้วย

เรียกได้ว่า Happier Than Ever เป็นอัลบั้มที่มีความล้ำแรงมาแรงชนิดที่ FC ของสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

บิลลี ไอลิช ส่งอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever" คว้าอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด 
บิลลี ไอลิช ส่งอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever" คว้าอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด


รายชื่อเพลงในอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever" ของบิลลี ไอลิช

1. Getting Older
2. I Didn't Change My Number
3. Billie Bossa Nova
4. my future
5. Oxytocin
6. GOLDWING
7. Lost Cause
8. Halley's Comet
9. Not My Responsibility
10. OverHeated
11. Everybody Dies
12. Your Power
13. NDA
14. Therefore I Am
15. Happier Than Ever
16. Male Fantasy
#3703


ทางการกรุงโตเกียวออกคู่มือการรักษาตัวที่บ้านสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในครอบครัว หลังจากรัฐบาลมีนโยบายให้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่รักษาตัวที่บ้าน

นายกฯ โยชิฮิเดะ ซูงะ ได้ประกาศนโยบายเมื่อต้นเดือนนี้ ให้ผู้ติดเชื้อโควิดรักษาตัวที่บ้านเป็นหลัก เพื่อสงวนเตียงในโรงพยาบาลให้สำหรับผู้ที่อาการหนักเท่านั้น ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้านในขณะนี้มีมากกว่า 45,000 คน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า

การรักษาตัวที่บ้านก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อกันในครอบครัว สำนักงานสาธาณสุขกรุงโตเกียวจึงได้ออกคู่มือการรักษาตัวที่บ้านสำหรับผู้ติดเชื้อและผู้ที่อยู่ร่วมในบ้านเดียวกัน



คู่มือนี้ระบุหลักปฏิบัติ 8 ประการเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ได้แก่

1.  แยกห้องของผู้ป่วยและคนอื่น หากแยกห้องไม่ได้ให้หาม่านกั้นพื้นที่ของผู้ป่วย ผู้ป่วยควรอยู่ในพื้นที่ของตัวเองตลอดเวลา
กินอาหารในห้องของตัวเอง แยกสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว ไม่ควรออกนอกห้องถ้าไม่จำเป็น
2.  ผู้ที่ดูแลผู้ป่วยควรเป็นคนๆ เดียว เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
3.  ทั้งผู้ดูแลและผู้ป่วยต้องใส่หน้ากากทั้งคู่ หากทำได้ควรสวมถุงมือและชุดป้องกันแบบใช้ครั้งเดียว ถ้าไม่มีอาจประยุต์ใช้ถุงขยะขนาดใหญ่ใช้สวมเป็นชุดป้องกัน



4.  ต้องล้างมือสม่ำเสมอ ใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ
5.  ระบายอากาศทุกชั่วโมง โดยเปิดหน้า 5-10 นาที และอาจใช้พัดลมระบายอากาศหรือเครื่องปรับอากาศช่วยได้
6.  ฆ่าเชื้อพื้นที่สัมผัส เช่น ลูกบิดประตู สวิตซ์ไฟ อ่างล้างหน้า รีโมทคอนโทรล สุขา เป็นประจำ โดยใช้ยาห๋าเชื้อ หรือน้ำยาซักผ้าขาวผสมน้ำอัตราส่วน 0.05%
7.  เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และเครื่องนอนของผู้ป่วยให้แช่ในน้ำร้อน 80 องศา 10 นาที เพื่อฆ่าเชื้อ ก่อนซักตามปกติ
8.  แยกขยะของผู้ป่วยโดยใส่ในถุงพลาสติก 2 ชั้นปิดแน่น และฆ่าเชื้อก่อนนำไปทิ้ง



สำนักงานสาธาณสุขกรุงโตเกียวระบุว่า คู่มือนี้เป็นแนวทางสำหรับผู้ติดเชื้อที่ต้องรักษาตัวที่บ้าน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้โรงพยาบาลไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยทุกคน คำแนะนำตามคู่มือใช้ได้กับทั้งผู้ติดเชื้อ และผู้ที่อยู่ในะรห่าวงกักตัวรอดูอาการ เพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกในครอบครัวติดเชื้อไปด้วย.
#3704
วิธีจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เจ้าของธุรกิจควรรู้
https://www.chatstickmarket.com/single-post/howtoregisterelectroniccommerce-businessownersshouldknow
#3705


มาเวอริค บิญาเลส นักบิดหนุ่มชาวสแปนิช จะไม่ได้ลงสนามแข่งโมโตจีพี รายการ ออสเตรียน กรังด์ ปรีซ์ สุดสัปดาห์นี้ หลังต้นสังกัดชี้แจงว่าเจ้าตัวจงใจทำรถเสียหายเมื่อสนามที่แล้ว

ก่อนหน้านี้ บิญาเลส ลงแข่งรายการ สตีเรียน กรังด์ ปรีซ์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทว่าไม่จบการแข่งขันเพราะรถมีปัญหา ต้องออกจากสนาม และทาง มอนสเตอร์ เอเนอร์จี ยามาฮ่า ก็เอารถไปตรวจสอบหาข้อผิดพลาด

แต่แล้วก่อนแข่งสนามใหม่ วันที่ 15 สิงหาคม ทีมรถสัญชาติญี่ปุ่น ก็ออกแถลงการณ์ว่า บิญาเลส จะไม่ได้ลงสนามสัปดาห์นี้ ซึ่งเนื้อหาเปรียบเหมือนการลงโทษเพราะระบุว่านักแข่งกระทำการให้รถตัวเองเกิดความเสียหาย จนไม่จบการแข่งขัน

"ยามาฮ่า รู้สึกเสียใจที่ต้องประกาศว่า มาเวอริค บิญาเลส จะไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ออสเตรียน กรังด์ ปรีซ์ สุดสัปดาห์นี้ หลังถูกถอดชื่อออกจากของทีมในศึกที่ เรดบูลล์ ริง"

"ข้อสรุปของ ยามาฮ่า คือการกระทำของนักบิดอาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเครื่องยนต์ของรถแข่ง YZR-M1 ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อตัวนักบิด และอาจเป็นอันตรายต่อนักบิดคนอื่น และทีมจะไม่ส่งนักบิดคนใดลงแทนที่ บิญาเลส"

จากข้อความดังกล่าว ทำให้มีการสันนิษฐานว่าอนาคตของนักแข่งมีปัญหาเข้าให้แล้ว และอาจถึงคราวต้องแยกทางกันหากสอบสวนเพิ่มเติมแล้วพบว่ามีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อทีม
#3706


ณัฎฐา คหาปนะ รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสำนักงานไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด รายงานภาพรวมตลาดคอนโดพื้นที่ "ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า" ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 ทั้งอุปสงค์และอุปทานโครงการใหม่ เนื่องจากโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดระลอก 3 และการกระจายวัคซีนยังไม่ทั่วถึงส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ระมัดระวังการลงทุนหันมาสำรองเงินสดสำหรับการใช้จ่ายในสิ่งที่เร่งด่วนและมีความจำเป็นก่อน

โดยช่วงครึ่งปีแรก 2564 คอนโดบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า มียูนิตขายแล้ว 23,605 ยูนิต จากอุปทานทั้งหมด 27,919 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขาย 85% เทียบเท่าปี 2563 เนื่องจากอุปสงค์ส่งสัญญานชะลอตัวลงเพราะถูกซ้ำเติมด้วยโควิด-19 ระลอกใหม่ ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างการขายบางแห่งอยู่ในช่วงโปรโมชั่นเร่งระบายแบ็คล็อกเพื่อรักษากระแสเงินสด โดยหน่วยเหลือขายในปัจจุบันมีจำนวน 4,314 ยูนิต

"ครึ่งปีแรกมียูนิตขาย 280 ยูนิต ค่อนข้างน้อยและคาดว่าจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ทั้งปีจะลดลงต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อหลักเหลือเพียงกลุ่มคนที่ถือเงินเย็นซึ่งไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ ขณะที่ช่วง 5 ปีก่อน ขายได้เฉลี่ยปีละ 1,600 หน่วย สถานการณ์เช่นนี้ผู้ประกอบการจึงชะลอการเปิดโครงการใหม่ เน้นการศึกษาวิจัยตลาดเพื่อโฟกัสจุดขายที่แม่นยำตั้งแต่ก่อนตัดสินใจลงทุนซื้อที่ดิน "

สำหรับราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดวิวทะเล "ทรงตัว" จากช่วงปลายปี 2563 ระดับราคาเสนอขายเฉลี่ย 130,608 บาท/ตารางเมตร และพบราคาแตกต่างกันพอสมควร เช่น โครงการหน้ากว้าง ที่ดินติดชายหาดโซนหัวหินหรือเขาตะเกียบ อยู่ใกล้แหล่งสิ่งอำนวยความสะดวก และบริหารโดยเชนโรงแรม สามารถตั้งราคาได้ตารางเมตรละ 160,000-360,000 บาท ซึ่งการบริหารโดยเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียงจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการบริการและบำรุงรักษาระยะยาวได้ดี โดยลักษณะการตั้งราคาในโครงการระดับนี้จะแบ่งเป็นโซน เช่น โซนที่ไม่เห็นวิวทะเล ราคาประมาณ 160,000 บาท โซนวิวทะเล 45 องศา 200,000-250,000 บาท และโซนใกล้ชายหาดและได้วิวทะเล 180 องศา 300,000-360,000 บาท เป็นต้น

"ส่วนราคาเสนอขายโดยเฉลี่ยคอนโดที่ไม่มีวิวทะเล 71,928 บาท ลดลงเล็กน้อยจากปลายปี 2563 และยังสามารถต่อรองได้อีกเมื่อพร้อมวางเงินจอง เนื่องจากผู้ประกอบการต้องการเร่งปิดโครงการ โดยนำบางส่วนมาทำโปรโมชั่นลดราคา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่เปิดขายมานานและสร้างเสร็จแล้ว"


ณัฎฐา กล่าวว่า แนวโน้มตลาด คอนโดวิวทะเลยังขายได้ต่อเนื่อง แต่จำนวนห้องอาจไม่สูงนัก ซึ่งถือเป็นปกติของตลาดระดับไฮเอนด์ ลักษณะกลุ่มผู้ซื้อเป็นคนที่มีฐานะดี ระดับผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ ที่มีเงินเย็นนิยมลงทุนในอสังหาฯ เมืองตากอากาศ โดยเฉพาะโครงการที่ติดชายหาดหัวหินหรือเขาตะเกียบซึ่งปัจจุบันแทบไม่มีที่ดินเหลือสำหรับพัฒนาแล้ว ส่งผลให้ราคามีโอกาสสูงขึ้นตามปริมาณอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานจำกัด

"ส่วนกลุ่มคอนโดที่ไม่ติดวิวทะเลคาดว่ายอดขายยังคงชะลอตัวและผู้ประกอบการที่มีหน่วยคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จเหลือขายจำนวนมาก จำเป็นต้องเร่งทำโปรโมชั่นเพื่อปิดโครงการให้เร็วที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ"

และหากสถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โอกาสที่ชาวไทยและชาวต่างชาติจะกลับมาซื้อคอนโดพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า จะเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากเป็นการซื้อที่อยู่อาศัยในลักษณะ Workation หรือลงทุนไว้ปล่อยเช่ารองรับสถานการณ์การท่องเที่ยวที่เตรียมพลิกฟื้นจากการกลับมาเปิดประเทศในปี 2565 แล้ว ยังเป็นสถานที่สำหรับคนที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและหลบหลีกจากสถานการณ์โรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต

และตลาดคอนโดในหัวหินจะเป็นหนึ่งในสถานที่เป้าหมายเพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับ
#3707


ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ ประเดิมซ้อมมื้อแรกกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ต้นสังกัดใหม่แล้ว ก่อนพูดคุยกับ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงรุ่นน้องที่จะต้องประสานงานกันในซีซั่นนี้

หลังเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ เปแอสเช เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา แข้งวัย 34 ปี ก็สวมสตั๊ดลงซ้อมกับยักษ์ใหญ่แห่ง ลีก เอิง ฝรั่งเศส เป็นมื้อแรก ที่ คัมป์ เดส ลอดจ์ ร่วมกับทีมงานใหม่ โชว์การวิ่งสปีด และมีเลี้ยง.วอร์มอัพเล็กน้อย

ถือเป็นการเคาะสนิมเพราะหลังจากพา อาร์เจนติน่า ครองถ้วยแชมป์ โคปา อเมริกา เมื่อเดือนกรกฏาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็เข้าโหมดพักผ่อนกับครอบครัว และบินมาเซ็นสัญญาที่ฝรั่งเศส โดยไม่ได้แตะลูก.เลย

นอกจากนี้ แข้งบัลลง ดอร์ 6 สมัย ได้มีโอกาสเจอกับ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงรุ่นน้องเลือดเฟรนช์ ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยทำความคุ้นเคยกัน เพราะซีซั่นนี้ทั้งสองต้องลงสนามยิงประตูร่วมกัน เช่นเดียวกับ เนย์มาร์ ที่จะมาประสานพลังซัลโว

สำหรับ เมสซี มีโอกาสลงสนามนัดแรกให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส แบบทันที หากผ่านความฟิตสำหรับเกมเจอกับ สตาร์สบูร์ก วันที่ 14 สิงหาคม นี้
#3708


เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - การศึกษาใหม่จากสถาบันเมโย คลินิกชื่อดังของสหรัฐฯ ล่าสุดค้นพบว่าวัคซีนโมเดอร์นามีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนไฟเซอร์ในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่ทั้งคู่ยังมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการป่วยหนัก ขณะที่ไทยผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 แบบสเปรย์พ่นจมูกเริ่มการทดสอบกับมนุษย์เป็นครั้งแรก

ไทม์สออฟอิสราเอลรายงานเมื่อวานนี้ (11 ส.ค.) ว่า วัคซีนโมเดอร์นาได้รับการพิจารณาว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามากในการป้องกันไวรัสเดลตาที่ร้ายกาจเมื่อเทียบกับคู่แข่งวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค อ้างอิงจากการศึกษาใหม่ที่เก็บหลักฐานจากหลายรัฐในสหรัฐฯ ของสถาบันเมโยคลินิก (Mayo Clinic)

งานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกนำขึ้น medRxiv ก่อนหน้าเพียร์รีวิว หรือการตรวจสอบในสัปดาห์นี้พบว่าขณะที่วัคซีน mRNA ทั้ง 2 ค่ายมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันเมื่อมกราคมต้นปีอยู่ที่ราว 90% ก่อนหน้าการแพร่ระบาดของไวรัสเดลตา แต่พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนโมเดอร์นาและวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคลดลงภายในเดือนกรกฎาคม

สื่ออิสราเอลชี้ว่า อย่างไรก็ตามยังมีวัคซีนตัวหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอีกตัวเพราะขณะที่ประสิทธิภาพของโมเดอร์นาลดลงเหลืออยู่ที่ 76% กลับพบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคตกลงไปที่ 42% การวิจัยใช้อาสาสมัครจำนวนมากกว่า 50,000 คน

งานวิจัยของสถาบันเมโยคลินิกนั้นทำในหลายรัฐในสหรัฐฯ พบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์นั้นจะมีโอกาสมากเป็น 2 เท่าในการติดเชื้อถึงแม้จะได้รับวัคซีนแล้วเมื่อเทียบกับของผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นา

"ในรัฐฟลอริดาที่กำลังประสบกับการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสเดลตา ความเสี่ยงของการติดเชื้อในเดือนกรกฎาคมหลังจากได้รับวัคซีน mRNA-1273 (วัคซีนโมเดอร์นา) ครบโดสแล้วมีราว 60% ต่ำกว่าของกลุ่มที่ได้รับวัคซีนBNT162b2 (วัคซีนไฟเซอร์)" นักวิจัยผู้ทำการศึกษาชี้

อย่างไรก็ตาม พบว่าวัคซีนทั้งสองยังมีประสิทธิภาพสูง (มากกว่า 90%) ในการป้องกันการป่วยหนัก

นักวิจัยสถาบันเมโยคลินิกสรุปว่า "การศึกษาการสังเกตชิ้นนี้ของพวกเราได้แสดงให้เห็นว่าขณะที่วัคซีน mRNA ทั้งสองมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อและโรคร้ายแรง การประเมินเพิ่มขึ้นของระบบของความแตกต่างที่ซ่อนไว้ระหว่างประสิทธิภาพของวัคซีนทั้งสองเป็นต้นว่า การจัดแบ่งขนาดยา (dosing regimen) และส่วนประกอบวัคซีน นั้นเป็นปัจจัยสำคัญ

อิสราเอลขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ใช้วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นส่วนใหญ่ในการปกป้องประชาชนของตัวเอง แต่เทลอาวีฟใช้งบประมาณสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นาจำนวนหลายล้านโดสเช่นกัน
#3709


นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลผลิตไข่ไก่ที่มีอยู่ในระบบยังมีปริมาณตามปกติ ที่  41-42 ล้านฟองต่อวัน และจากมาตรการรัฐที่ให้ยืดอายุแม่ไก่ยืนกรง จะทำให้ปริมาณไข่ไก่เพิ่มอีก 3 ล้านฟองต่อวัน รวมเป็น 44-45 ล้านฟองต่อวันในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เป็นปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน  ที่สำคัญคือราคาขายหน้าฟาร์มเกษตรกรยังอยู่ในระดับเดิมตามที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือไว้ จึงแปลกใจว่าทำไมราคาไข่ไก่ในหลายพื้นที่มีการปรับสูงขึ้น

 

"ต้องยอมรับว่าในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีหลายจังหวัดในพื้นที่สีแดงเข้มถูกล็อกดาวน์ การขนส่งผลผลิตไข่ไก่ให้กับห้างต่างๆ  จึงทำได้ไม่สะดวกนัก  ส่งได้เพียงวันละหนึ่งเที่ยว  หากว่ามีคนซื้อมากกว่าปกติ ก็จะทำให้เติมไม่ทัน  ยืนยันว่าผลผลิตไข่ไก่ที่มีอยู่ขณะนี้เพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน  ความต้องการที่ดูเหมือนว่ามีเพิ่มขึ้นช่วงนี้น่าจะเป็นเพราะผู้บริโภคซื้อตุนไว้ เพื่อลดความถี่ในการออกนอกบ้าน จากปกติซื้อที่ 10 ฟอง ก็เพิ่มเป็น 90-120 ฟอง   เราเองก็เห็นใจผู้บริโภค ก็ต้องประคับประคองกันไป เพื่อก้าวผ่านโควิด-19 ไปด้วยกัน" นายสุเทพ กล่าว

 

นายสุเทพ กล่าวว่า ปัญหาราคาไข่ที่สูงขึ้นช่วงนี้ อยู่ที่พ่อค้าคนกลางเป็นสำคัญ  ซึ่งทางสมาคมฯได้ย้ำให้เกษตรกรระมัดระวังไม่ขายผลผลิตไข่ให้คนแปลกหน้า แต่จะขายให้เฉพาะลูกค้าประจำ สำหรับต้นทุนการเลี้ยง  ขณะนี้มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยพุ่งขึ้นมาใกล้เคียงเกือบเท่าราคาที่ขายหน้าฟาร์มแล้ว จากช่วงไตรมาสที่สองต้นทุนอยู่ที่ฟองละ 2.76 บาท และมีแนวโน้มต้นทุนสูงขึ้นอีกจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลือง ทำให้ตอนนี้ผู้เลี้ยงแทบไม่มีกำไรเลย


ทางด้านนายสุวัฒน์ แพร่งสุวรรณ์ ประธานชมรมไข่ไก่ภาคอีสาน เปิดเผยว่า การที่ราคาไข่ในขณะนี้ดีดตัวขึ้น มาจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลผลิตส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้สำหรับผู้กักตัวที่โรงพยาบาลสนามต่างๆ ซึ่งเป็นผู้ป่วยจากกทม.ที่กลับมารักษาตัวที่ภูมิลำเนาของตนเองมากขึ้น   เพราะไข่ไก่เป็นสินค้าที่นำมาประกอบอาหารได้ง่าย และเก็บรักษาไม่ยาก   ขณะที่ราคาขายหน้าฟาร์มอยู่ในระดับที่กรมการค้าภายในขอความร่วมมือ  โดยปกติไข่ไก่ในภาคอีสาน ส่วนใหญ่จะเป็นผลผลิตส่วนเกินของภาคอื่น ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณที่ลดลงบ้างจากช่วงปกติ จากที่ภาคอื่นๆมีความต้องการเพิ่มขึ้นดังกล่าว

 

ส่วนนายอุ่นเรือน ต้นสัก ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด กล่าวว่า ปริมาณไข่ไก่ในพื้นที่ทางภาคเหนือมีเพียงพอกับความต้องการบริโภค ไม่มีปัญหาขาดแคลน และจำหน่ายตามราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด พร้อมขอให้ภาครัฐช่วยดูแลให้ราคาไข่ไก่มีเสถียรภาพ รวมทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลืองให้อยู่ในระดับที่เกษตรกรผู้เลี้ยงพอจะสามารถลืมตาอ้าปากได้
#3710


รายงานข่าวจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY  เปิดเผยว่า การปรับลดวงเงิน "คุ้มครองเงินฝาก" เป็น 1 ล้านบาท เป็นวันแรกในวันนี้ ( 11  ส.ค.)  ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้ฝากเงิน เนื่องจากวงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ถึง 98% ของจำนวนผู้ฝากเงินทั้งหมดของประเทศ


สำหรับผู้ฝากเงินที่มีปริมาณเงินฝากเกินกว่าวงเงินที่ได้รับความคุ้มครอง ก็ไม่น่าจะมีการปรับพฤติกรรมในการฝากเงินแต่อย่างใด  โดยกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ผู้ฝากเงินที่มีปริมาณเงินฝากเกินกว่าวงเงินที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ได้มีการปรับตัว บริหารจัดการพอร์ตเงินฝากและเงินลงทุนไว้แล้ว

ประกอบกับสถานการณ์สภาพคล่องของระบบยังคงสูง และสถาบันการเงินไทยในขณะนี้ มีความแข็งแกร่ง จึงไม่น่าจะมีประเด็นในเชิงลบ ที่จะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกต่อการปรับลดวงเงินคุ้มครองในครั้งนี้

ส่วนกรณี การลดวงเงินคุ้มครองในครั้งนี้ จะทำให้เงินไหลเข้าไปตลาดเงิน ตลาดทุนหรือไม่นั้น ธนาคารมองว่า การโยกเงินระหว่างเงินฝากกับเงินลงทุนนั้น ลูกค้าจะจัดแบ่งสัดส่วนเงินเอาไว้อยู่แล้ว การเปลี่ยนเงินฝากไปเป็นเงินลงทุนน่าจะถูกจูงใจด้วยแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนกับความเสี่ยงจากการลงทุนที่ลูกค้ายอมรับได้ มากกว่าที่จะเกิดจากการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก
#3711


วันที่ 11 ส.ค. 2564 รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "วิกฤตโควิด เรียนออนไลน์ หรือ หยุดเรียน 1 ปี ?"

โดย รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวว่า ระบบการศึกษาของไทยเป็นระบบ.สูง สอบได้สอบตก แล้วเด็กแต่ละคนมีความถนัดต่างกัน แต่ถูกจับเข้าระบบคล้ายกับอุตสาหกรรมการศึกษา ทำให้เด็กมีความตึงเครียดสูง ปกติเวลาไปโรงเรียน เด็กก็จะคลายเครียดด้วยการเล่นในเวลาพักเบรก แต่ตอนนี้ต้องอยู่หน้าจอตลอดเวลา

แล้วตอนนี้น่าเห็นใจพ่อแม่มาก ภาระทุกอย่างอยู่ที่บ้าน ตนพูดตั้งแต่ปีที่แล้ว สถานการณ์โควิดควรพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ไม่ใช่เอาวิชาทั้งหมดมาทำเป็นเรียนออนไลน์ เด็กวันนึงอยู่หน้าจอหลายชั่วโมง ไม่สามารถออกนอกบ้านได้ ไม่สามารถเจอเพื่อนฝูงได้ แถมเรื่องไหนที่ไม่เข้าใจ พ่อแม่ก็ต้องช่วยลูก มันจึงไม่ใช่ตึงเครียดแค่เด็ก แต่เครียดทั้งบ้าน

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวอีกว่า สิ่งที่กระทรวงศึกษาฯ ควรทำ คือต้องปลดล็อก ถ้ายังมีทัศนคติให้เอาเนื้อหาวิชาที่เรียนอยู่ตอนไม่มีโควิด เอาทั้งหมดมาแปรรูปไว้ในออนไลน์ ให้เด็กเรียนแต่เช้าจนบ่ายสาม แล้วให้การบ้าน ถ้ายังทำลักษณะนี้ อย่าว่าแต่เด็กเลย ผู้ใหญ่มานั่งเรียนแบบนี้ก็เครียด

ยิ่งเด็กเล็กปฐมวัย ผิดหลักพัฒนาการอีก เพราะเด็กเล็กสมาธิสั้น เรียนคุณครูทุกท่าน เด็กเล็กสมาธิสั้นทั้งโลกไม่ใช่เฉพาะเด็กไทย การเรียนของเด็กอนุบาล ควรเรียนรู้ผ่านการเล่น การนั่งหน้าจอผิดหลักการแน่นอน

ตนเสนอให้สำรวจพ่อแม่ ซึ่งควรทำตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่ามีกี่ครอบครัวที่พร้อมเป็นโฮมสคูลได้ กี่ครอบครัวไม่มีอินเตอร์เน็ต กี่ครอบครัวที่พ่อแม่ไม่มีเวลา จากนั้นจัดให้มีอาสามัครการศึกษาขึ้นมา ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แล้วโรงเรียนคอยให้คำแนะนำพ่อแม่ว่าต้องเรียนอะไรบ้าง โดยให้แต่ละครอบครัวไปใช้เวลาว่างของตัวเอง ไม่ใช่ต้องเข้าเรียนเลิกเรียนตามเวลา

สอง ยกเลิกระบบแพ้คัดออก ยกเลิกการตัดเกรดออกทั้งหมด โดยเฉพาะในเด็กอนุบาลและประถมทั้งหมด โดยเด็กอนุบาลให้ดูที่พัฒนาการของเขาเอา

ระดับ ป.1-6 กระทรวงต้องใจกล้าประกาศเป็นหลักสูตรสมรรถนะ ยกเลิกรายวิชาที่มันมีกี่สาระการเรียนรู้เต็มไปหมด และหลักสูตรตามชั่วโมง ยกเลิกให้หมด และยกเลิกการตัดเกรดไปด้วย โดยให้ครูมาเป็นช่วง ๆ แล้วมีจังหวะให้พักได้ เช่นชั่วโมงเช้าเรียนรู้อะไร ช่วงบ่ายให้เวลาเด็กไปเรียนรู้ ทดลอง โดยใช้ข้าวของในบ้านเลยก็ได้

ระดับมัธยม วิชาไหนไม่มีความจำเป็น ยกเลิกได้ก็ดี ในวัยนี้เขาสามารถเรียนออนไลน์ได้ แต่มันไม่ใช่การเรียนเต็มเหนี่ยว ควรปล่อยครึ่งวันให้โล่ง ให้เขาไปทบทวนบทเรียน

อีกอันที่ตนเสนอไปที่รัฐมนตรีแล้วด้วย คือควรแปรรูปกิจกรรมโฮมรูมเป็น 3 คำถาม คือ ถามลูกว่าเรียนมาทั้งวันรู้สึกอย่างไรบ้าง ได้เรียนอะไร แล้วสิ่งที่เรียนมาจะเอาไปปรับใช้ทำอะไรได้บ้าง

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวต่ออีกว่า โรงเรียนต้องเป็นศูนย์กลางโฮมสคูล คอยสนับสนุนพ่อแม่ คนที่พร้อมก็ช่วยอัปสกิลให้ ส่วนคนที่ไม่พร้อมก็มีอาสามัครลงพื้นที่

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวอีกว่า เรื่องข้อเสนอหยุดเรียน 1 ปี ถ้ากระทรวงทำเท่ากับยกธงขาวยอมแพ้ ทำไมถึงไม่ทำตามที่ตนเสนอ ทำไมโรงเรียนจะเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้แห่งโลกออนไลน์ไม่ได้ โดยที่ไม่ต้องเข้าแถวเวลาพร้อมกัน ให้เป็นเรื่องของแต่ละบ้านแต่ละท้องถิ่น

การเรียนรู้หยุดไม่ได้ แต่อย่าทำผิดหลักธรรมชาติ หลักจิตวิทยาพัฒนาการ และต้องต้องไม่ผิดหลักสังคม พ่อแม่มีภาระมากมาย อะไรที่ติดขัดเพราะกฎหมายก็ล้างมันซะ นี่มันเป็นสงครามโรค เลิกยึดติดกรอบเดิม ๆ
#3712


ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันพุธ(11ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 21.60 ดอลลาร์ ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ชะลอตัว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ


สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 21.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,753.30 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนีซีพีไอ ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากทะยานขึ้น 5.4% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551

'
นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว

'บิตคอยน์'ปรับตัวขึ้นเคลื่อนไหวที่ 45,000 ดอลล์

ราคาบิตคอยน์เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 05.55 น.ของวันนี้ (12 ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 0.38% เคลื่อนไหวที่ 45,688.24 ดอลลาร์
#3713


นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทด้านวิจัยเครือแอล.พี.เอ็น. กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ว่า จากการสำรวจของ "ลุมพินี วิสดอม" หากรัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ภายในไตรมาส 3 นี้ จะทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ได้ใน ไตรมาส 3-4 ส่งผลการปิดโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปีนี้ อยู่ที่ 52,000-60,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 265,000-300,000 ล้านบาท อยู่ในภาวะ "หดตัว" 5% ถึง "ขยายตัว" 8% เมื่อเทียบกับปี 2563

แต่หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ในปีนี้ คาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยที่เปิดตัวใหม่อยู่ที่ 45,000-52,000 ยูนิต มูลค่า 225,000-265,000 ล้านบาท หดตัว 5-20% เป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ต่อจากปี 2563

"ถ้ารัฐบาลคุมสถานการณ์แพร่ระบาดได้ในไตรมาส 3 สามารถเร่งนำเข้าและฉีดวัคซีนได้ตามแผนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ขณะที่ภาคการส่งออกและภาคการผลิตยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐดำเนินการได้ตามแผน และอัตราดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีโอกาสกลับมาฟื้นตัว"

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 23,551 ยูนิต ลดลง 18% คิดเป็นมูลค่า 130,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 จำนวนหน่วยการเปิดตัวลดลง แต่มูลค่าสูงขึ้นเนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการ The Forestias ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 45,000 ล้านบาท ของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในไตรมาส 2 ทำให้มูลค่าการเปิดตัวโครงการอสังหาฯ โดยรวมในครึ่งปีแรก 2564 "สูง" เมื่อเทียบกับจำนวนหน่วยที่เปิดที่ลดลง

จากหน่วยเปิดตัวทั้งหมด 23,551 ยูนิต เป็นโครงการอาคารชุด 9,235 ยูนิต เพิ่มขึ้น 4% มูลค่า 55,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เทียบช่วงเดียวกันของก่อน มีอัตราขายได้เฉลี่ย 29% สูงกว่าปีที่ผ่าน เนื่องจากการบังคับใช้มาตรการด้านสินเชื่อ (แอลทีวี) จึงเกิดแรงกดดันต่อการตัดสินใจซื้อ บวกกับความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถานบันการเงินที่เพิ่มมากขึ้น


ขณะที่การเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2563 แต่ยังคงมีจำนวนยูนิตและมูลค่าที่มากกว่าอาคารชุด คิดเป็นสัดส่วน 61% ของหน่วยเปิดตัวทั้งหมด โดยมีการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัย 14,316 ยูนิต มูลค่า 74,435 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก หดตัว 28% และ 18% ตามลำดับเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปี 2563 แม้การเปิดตัวจะหดตัวลงแต่บ้านพักอาศัย มีอัตราขายได้เฉลี่ย 13% ใกล้เคียงปีก่อน

โดยโครงการบ้านพักอาศัยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ "ทาวน์เฮ้าส์" ได้รับความสนใจต่อเนื่อง ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ต้องการพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น คำนึงถึงระยะห่างทางสังคมมากขึ้น และมองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้ ทาวน์เฮ้าส์ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมีการเปิดตัวทาวน์เฮ้าส์ใหม่ 8,568 ยูนิต มูลค่า 25,267 ล้านบาท หดตัว 35% และ 33% ตามลำดับ เทียบช่วงเดียวกันปี 2563 มีอัตราขายได้เฉลี่ย14 %

"บ้านเดี่ยว" เปิดตัวใหม่ครึ่งปีแรก 2,984 ยูนิต มูลค่า 33,499 ล้านบาท หดตัว 31% และ 16% ตามลำดับ เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน มีอัตราขายได้เฉลี่ย 11% สูงขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 เนื่องด้วยเป็นสินค้าที่มีราคาขายค่อนข้างสูง และสถานการณ์เศรษฐกิจอาจไม่ได้มีผลกระทบกับกลุ่มลูกค้าในระดับนี้มากนัก

สุดท้าย "บ้านแฝด" ได้รับความสนใจมากขึ้น อัตราขายได้เฉลี่ย 12% ด้วยรูปแบบบ้านที่ถูกพัฒนาให้ใกล้เคียงบ้านเดี่ยว ราคาขายเฉลี่ย 5-8 ล้านบาท จึงเป็นทางเลือกที่ดี โดยครึ่งปีแรกเปิดตัวใหม่ 2,764 ยูนิต มูลค่า 15,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% และ 26% เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ในครึ่งแรกของปี 2564 คอนโดมิเนียม ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท (Affordable Price) มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 70% จากยูนิตที่ขายได้ของคอนโดมิเนียม ขณะที่ บ้านพักอาศัย อย่าง ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด ระดับราคาขายทรงตัว
#3714

  • หมึกกะตอยแห้งตากเอง ทำเองทุกขั้นตอน
  • เป็นหมึกที่ได้จากทะเลสดๆไม่ผ่านแช่น้ำแข็งมา
  • เป็นผลิตภัณฑ์ของที่บ้านและชาวบ้านใกล้เคียง
  • ปลาหมึกแห้ง หมึกกะตอยหมึกกะตอยเรือได คุณภาพดี ทอดกรอบ อร่อย ไม่เค็มมาก
  • ขนาดบรรจุ 200 กรัม #หมึกกะตอยแห้ง #หมึกแห้ง
สั่งซื้อ https://bit.ly/37zs0nu

#3715


นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายเพื่อลงทุนในบริษัท Temple Generation Intermediate Holdings II, LLC ผ่านบริษัทย่อย Temple Generation I, LLC หรือ "Temple I" ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ขนาด 768 เมกะวัตต์ ที่ตั้งอยู่ในรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 7 ที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจ มูลค่าการลงทุนรวม 430 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 14,147 ล้านบาท จากการทำสัญญาผ่านบริษัท BKV-BPP Power LLC ซึ่งเป็นบริษัทที่บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และ BPP ถือหุ้นฝ่ายละ 50% คิดเป็นเงินลงทุน 215 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,074 ล้านบาท ส่งผลให้บ้านปู เพาเวอร์ มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 384 เมกะวัตต์ นับเป็นผลสำเร็จจากการดำเนินตามแผนกลยุทธ์ขยายการเติบโตสู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 2568

การลงทุนของบ้านปู เพาเวอร์ ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ "Temple I" ครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดระบบนิเวศ (Ecosystem) จากบริษัทแม่ที่มีฐานธุรกิจแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ (Barnett) ในรัฐเทกซัส สหรัฐฯอยู่แล้ว และสอดคล้องกับทิศทางการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) อยู่ในสถานะที่มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างกระแสเงินสดได้ทันที

จุดเด่นของโรงไฟฟ้าแห่งนี้แบ่งได้เป็น 5 ข้อหลัก คือ 1. เป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbines หรือ CCGT ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ผสมผสานกระบวนการทำงานของ Gas Turbine (กังหันก๊าซ) กับ Steam Turbine (กังหันไอน้ำ) เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การผลิตไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2. ตั้งอยู่ในรัฐเทกซัสซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง เนื่องจากมีจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงและเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

3. เป็นโรงไฟฟ้าที่จัดอยู่ในลำดับการเรียกจ่ายไฟฟ้า (Merit Order)[1] ที่ดี เหมาะต่อสภาพการแข่งขันในตลาด Electric Reliability Council of Texas หรือ ERCOT ที่มีการซื้อขายไฟฟ้าแบบเสรี 4. มีความพร้อมด้านการขนส่งและการจัดเก็บก๊าซ (Gas Storage) ซึ่งมีส่วนช่วยให้บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความยืดหยุ่นในการเดินเครื่องเพื่อผลิตไฟฟ้าให้สอดรับกับรูปแบบความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ 5. มีสัญญาระยะยาว 30 ปี สำหรับการสำรองน้ำสำหรับกระบวนการผลิต ทำให้เกิดเสถียรภาพและเอื้อต่อกระบวนการผลิตในระยะยาว และมีระบบจัดการน้ำทิ้งที่ดี สามารถลดการปล่อยน้ำเสียจนเกือบเป็นศูนย์

"การลงทุนในครั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม (Customary Closing Conditions) คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญา และคาดว่า BPP จะรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2564 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายกำลังผลิตไฟฟ้าอย่างยั่งยืนด้วยสัดส่วนที่สมดุลระหว่างพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปกับพลังงานหมุนเวียน โดยมองหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี HELE ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในตลาดที่มีความเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าและมีนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง" นายกิรณกล่าว

จากการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ "Temple I" ส่งผลให้ในปัจจุบัน บ้านปู เพาเวอร์มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 3,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยภายในปี 2564 ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เคเซนนุมะ (Kesennuma) กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชิราคาวะ (Shirakawa) กำลังผลิต 10 เมกะวัตต์  
#3716


นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการมองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์ ตลอดเวลา (Speed to Market) ส่งผลให้ 7 เดือนที่ผ่านมาบริษัทสามาถทำยอดขายรวมได้ถึง 20,600 ล้านบาท หรือเกือบ 70% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 13,700 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 6,900 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบเพิ่มเป็น 67% โดยบ้านเดี่ยวแบรนด์ เศรษฐสิริได้รับการตอบรับที่ดี อาทิ โครงการ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา2, เศรษฐสิริ พระราม 5 และเศรษฐสิริ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า2 เป็นต้น รวมทั้งทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์"สิริ เพลส" ซีรี่ย์ล่าสุด Dream Destination ทั้ง สิริ เพลส บางนา - เทพารักษ์ และ สิริ เพลส วงแหวน - ลำลูกกา ที่ทำยอดขายกว่า 80% ของยูนิตที่เปิดขาย


ขณะที่คอนโดมิเนียม แบรนด์เดอะ มูฟ หนึ่งในโปรดักส์ไฮไลท์ในปีนี้ ที่รองรับเซกเมนต์ในระดับราคาที่เข้าถึงง่าย ได้รับการตอบรับที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเดอะ มูฟ เกษตรเดอะ มูฟ ราม 22 ขายหมดทุกยูนิตที่เปิดขายในทั้ง 2 โครงการ คาดว่าจะส่งต่อความสำเร็จไปสู่ "เดอะ มูฟ บางนา" เป็นโครงการที่ 3 ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท ที่เตรียมพรีเซลล์เป็นโครงการต่อไป

นายอุทัย ระบุว่า ช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมาบริษัทมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 60% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 55 : 45 โดยครึ่งปีหลัง บริษัทยังเตรียมโอนคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา และ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิตรองรับการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริมี รายได้ในมือที่รองรับแล้ว(Secured Revenue)ถึง 22,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83% เหลืออีกเพียง 17% เท่านั้น ก็จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้อย่างแน่นอน

สำหรับคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา จำนวน 603 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท พร้อมสระว่ายน้ำสีทองแชมเปญบนชั้นดาดฟ้า พร้อมวิวอ่าวไทย ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 70% พร้อมเข้าอยู่ในเดือนก.ย. เริ่มโอนวันที่ 4 – 5 ก.ย.นี้

โครงการดีคอนโด ไฮด์อเวย์ คอนโดมิเนียมโลว์ไลส์ สูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร 800 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ขนาดพื้นที่โครงการ 10 ไร่ แบ่งออกเป็น พื้นที่ส่วนกลาง 8 ไร่ พร้อมพื้นที่สีเขียว 2.5 ไร่ ครบทั้งสระว่ายน้ำ สวนผักออแกนิกส์ Jogging Track คลับเฮาส์พร้อมฟิตเนส Co-working space และจัดสรรพื้นที่สำหรับจอดรถไว้ถึง 40% บนทำเลศักยภาพ โซนรังสิต ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รองรับกลุ่มนักศึกษา คนทำงาน และนักลงทุน ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท โดยอัตราค่าเช่าในทำเลนี้ยังมีผลตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกัน โดยมีอัตราค่าเช่าที่ 8,500 - 10,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Yield) ประมาณ 5.5% ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้ว 60% พร้อมโอนในเดือนต.ค.นี้
#3717


บริษัท GC International Corporation บริษัทย่อยของบริษัท พีทีที โกล. เคมิคอล (จำกัด) มหาชน (GC) และ บริษัท Cargill Incorporated (Cargill) ในฐานะผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 50 ในบริษัท NatureWorks LLC (NatureWorks) ประกาศเดินหน้าสร้างโรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการใช้วัสดุที่ยั่งยืนให้ตลาดโลก ภายหลังได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

โดยได้รับเกียรติจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมแสดงความยินดีผ่านระบบเสมือนจริง ซึ่งโครงการดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Economy Model (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ตามเป้าหมายที่วางไว้



ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกล. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) กล่าวว่า บริษัทฯ ในฐานะผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ของประเทศไทยและผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอันดับหนึ่งของโลก มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืนและหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อสร้างสมดุลและการเติบโตไปข้างหน้าร่วมกัน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โดยขับเคลื่อนบนกรอบของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs)

"วันนี้ GC และ Cargill ในฐานะผู้ถือหุ้นของ NatureWorks ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพ PLA อันดับหนึ่งของโลก พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชีวภาพเพื่อสิ่งแวดล้อม หลังจากที่ BOI ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้กับ NatureWorks"


โดยโรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่นี้ ใช้เทคโนโลยีพลาสติกชีวภาพอันดับหนึ่งของโลกและใช้น้ำตาลจากอ้อยจากเกษตรกรในประเทศไทยเป็นวัตถุดิบ  ซึ่งจะช่วยขยายฐานพันธมิตรในตลาด Bio-Polymer รวมถึงการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการใช้วัสดุที่ยั่งยืน

โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาท โดยโรงงานจะตั้งอยู่ที่นครสวรรค์ไบโอ  คอมเพล็กซ์ (NBC) จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นโครงการแห่งแรกของประเทศไทยที่สอดคล้องกับโมเดล BCG Economy ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและขยายโอกาสทางการค้าร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ในเวทีโลก และสนับสนุนให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

เคาะ! จ่าย 'เงินเยียวยาประกันสังคม' ม.39 ม.40 รวม 29 จ.ล็อกดาวน์ รับคนละ 5 พัน
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ตายยิ่งพุ่ง! พบเสียชีวิต 235 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 19,843 ราย ไม่รวม ATK อีก 548 ราย
เช็คสิทธิ 'เงินอุดหนุนบุตร' เดือนสิงหาคม เงินเข้าวันนี้ (10 ส.ค.64)

นางสาว คอลลีน เมย์ President บริษัท Cargill's Bioindustrial Group กล่าวว่า คาร์กิลรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ก้าวไปข้างหน้าร่วมกับ GC เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของ NatureWorks ด้วยการสร้างฐานการผลิตแห่งที่ 2 ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำที่สำคัญถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราในการลงทุนเพื่อพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพทั่วโลก

โรงงานแห่งใหม่นี้เป็นโรงงานพลาสติกชีวภาพโพลีแลคติก แอซิด (Polylactic Acid : PLA) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  แห่งที่ 2 ภายใต้ชื่อทางการค้า Ingeo™ และส่งเสริมการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มกับวัตถุดิบทางการเกษตรของประเทศไทย ตอบสนองการขยายตัวของตลาด ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายใน ปี 2567
#3718


"FWD ประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร โดยเลือกที่จะสื่อสารกับลูกค้าด้วยการสร้างพลังบวก สร้างความหวัง และสร้างความสุข ไม่ใช่ความกลัวหรือความเศร้า"

บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต บริษัทประกันชีวิตในไทยที่ก่อตั้งเข้าสู่ปีที่ 8 แต่มีมุมมองต่อธุรกิจประกันชีวิตที่ไม่ธรรมดา "เดวิด โครูนิช" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FWD ประกันชีวิต ให้สัมภาษณ์พิเศษกับหนังสือพิมพ์ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า FWD ประกันชีวิต มีวิสัยทัศน์ที่จะเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต โดยสนับสนุนให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วง เพราะ FWD ประกันชีวิต พร้อมที่จะสนับสนุนและดูแลให้ทุกคนได้ "Celebrate living" ในทุกมุมมอง ตามรูปแบบที่ทุกคนต้องการ ซึ่งเป็น brand promise หรือคำมั่นสัญญาของแบรนด์ที่ FWD ประกันชีวิต ยึดมั่นมาโดยตลอด

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว FWD ประกันชีวิต ได้ประกาศความสำเร็จควบรวมกิจการกับ บริษัท                 ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCB Life โดยมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ต.ค.2563 ที่ผ่านมา ซึ่งการผนึกกำลังกันในครั้งนี้เป็นการรวมธุรกิจและแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ FWD ประกันชีวิต มีความแข็งแกร่งมากขึ้นจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ที่หลากหลายและเข้าใจง่าย ประกอบกับการบริการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ด้านประกันที่เหนือระดับให้แก่ลูกค้าได้อย่างดีที่สุด

"ที่ FWD ประกันชีวิต เราอยากให้ทุกคนมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ รอบตัว โดยไม่ต้องกังวลใจ ซึ่งช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่ (Macro moments) อย่างการแต่งงาน หรือการมีลูก แต่อาจเป็นความสุขเล็กๆ ในชีวิต (Micro moments) อย่างการทำสวน หรือการทำอาหาร ฯลฯ"

อย่างไรก็ดี ในปี 2563 หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อทุกอุตสาหกรรม เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมประกัน ท่ามกลางความท้าทายในครั้งนี้หลายบริษัทจึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์และแนวปฏิบัติทางธุรกิจตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

"โดยในช่วงโควิด-19 พบว่าลูกค้าหันมานิยมใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมุ่งเน้นการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อประกันได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน หากลูกค้าต้องการพูดคุยกับตัวแทนก็สามารถติดต่อกับตัวแทนเราได้แบบ Social Distancing ผ่านการติดต่อที่หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะผ่านทางโทรศัพท์ หรือ Face Time ให้เห็นหน้าเห็นตากันได้"

"โรคระบาดโควิด-19 ในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในแทบจะทุกอุตสาหกรรม เพราะคนมีรายได้น้อยลง ความสามารถในการใช้จ่ายก็ลดลง แต่อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์เช่นนี้ คนกลับยิ่งมองหาความคุ้มครองจากประกันชีวิตเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"

เดวิด กล่าวว่า "จากการที่คนเริ่มหันมาสนใจประกันมากขึ้น และพร้อมที่จะเปิดรับฟังข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับประกัน ดังนั้นจึงมองว่านี่เป็นเวลาที่ FWD ประกันชีวิต จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า โดยเราปรับวิธีการสื่อสารกับลูกค้า ด้วยการเลือกใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน หลีกเลี่ยงใช้ศัพท์ประกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ประกันที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม และตรงตามความต้องการ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง (Right Product at the Right Time)"

"โดยในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา คนให้ความสนใจในประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากขึ้น โดยเฉพาะประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล (IPD) ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการสูงมาก"

"อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้าในโลกหลังโควิด-19 เชื่อว่าคนจะเริ่มให้ความสนใจประกันประเภทอื่น นอกเหนือจากประกันสุขภาพ แม้ในระยะสั้นคนจะให้ความสนใจในประกันสุขภาพที่ครอบคลุมโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะไม่รู้ว่าจะมีโรคระบาดอื่นเกิดขึ้นอีกหรือไม่ แต่ในระยะยาว คนจะมองหาประกันที่ตอบโจทย์การออมเงิน การเกษียณอายุ และการวางแผนมรดกมากขึ้นอีกครั้ง เพื่อวางแผนชีวิตให้ตัวเองและลูกหลาน"

"ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ไม่แน่นอนมากมายเกิดขึ้น
กลยุทธ์สำคัญของเราคือ ลูกค้าต้องมาก่อน เราเอาความต้องการลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยในช่วงโควิด-19 การปรับตัว และการเรียนรู้ให้เร็วเป็นสิ่งสำคัญมาก รวมถึงโครงสร้างการทำงานแบบ 'Agile' หรือโครงสร้างองค์กรแนวราบ เป็นจุดแข็งหนึ่งของ FWD ประกันชีวิต เพราะทำให้ทุกคนในองค์กรมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ การทำงานจึงทำได้อย่างยืดหยุ่น รวดเร็วและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น" เดวิดกล่าว

นอกจากนี้ สำหรับกลยุทธ์ในการแข่งขันด้านราคา "เดวิด" ต้องการให้ FWD ประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่มีคุณค่า และตรงกับความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งราคายังอยู่ในเกณฑ์ที่แข่งขันได้ ขณะที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งลูกค้า ตัวแทน และบริษัท ต่างได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม

"เดวิด" กล่าวทิ้งท้ายว่า FWD ประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร โดยเลือกที่จะสื่อสารกับลูกค้าด้วยการส่งมอบความสุข ส่งพลังบวก ไม่ใช่ความกลัวหรือความเศร้า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ทำหนังสั้น หนังโฆษณา ที่ให้ความรู้สึกดี สร้างรอยยิ้ม ประกอบกับสื่อสารกับลูกค้าด้วยวิธีใหม่ๆ เข้าไปถึงไลฟ์สไตล์และใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น เช่น จับมือกับแบรนด์ไอศกรีมเพื่อสร้างรสชาติไอศกรีมเฉพาะของ FWD ประกันชีวิต ซึ่งในอนาคตเราจะเดินหน้าเข้าไปอยู่ในชีวิตลูกค้าผ่านช่องทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
#3719


หุ้นปิดเช้าบวก 17.33 จุด รับแรงซื้อกลับหุ้นบิ๊กแคป-Sentiment ภูมิภาคช่วยหนุน อีกทั้งยังคลายกังวลปัจจัยการเมืองช่วงสุดสัปดาห์ไม่ได้บานปลาย สำหรับแนวโน้มการลงทุนในภาคบ่าย ตลาดได้ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าไปมาก ทำให้น่าจะมี upside น้อยลง เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่ในช่วงนี้ด้วย

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าที่คาดไว้ รับแรงซื้อกลับจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวลงไปมากในช่วงก่อนหน้านี้ และยังได้รับ Sentiment จากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่อิงบวกมาช่วยหนุนได้บ้าง อีกทั้งยังคลายกังวลปัจจัยการเมืองช่วงสุดสัปดาห์ไม่ได้บานปลาย

อย่างไรก็ดี ให้ติดตาม MSCI Quarterly review ประกาศในวันที่ 11 ส.ค.นี้ และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ รวมถึงรายงานประจำเดือนของกลุ่มโอเปก และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,539.05 จุด เพิ่มขึ้น 17.33 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.14% มูลค่าการซื้อขายราว 37,837 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดได้ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าไปมาก ทำให้น่าจะมี upside น้อยลง เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่ในช่วงนี้ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,530-1,525 จุด ส่วนแนวต้าน 1,540-1,550 จุด
#3720


ปฏิเสธไม่ได้ว่าความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญของ "ร้านค้าออนไลน์" พ่อค้าแม่ค้าในแวดวงออนไลน์จึงต้องศึกษาหาข้อมูลทั้งในแง่กลยุทธ์การขาย การบริการ ช่องทางการขาย วิธีโปรโมทร้าน รวมถึงวิธีส่งเสริมความน่าเชื่อถือทางด้านกฎหมายด้วย ซึ่งหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องรู้คือ "จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์"

ทำไม? ต้อง "จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์"
มีข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น ก็เพื่อให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ จากการมีสถานะตัวตนทางกฎหมาย และเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆ อีกทั้งยังจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค

โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอาศัยอำนาจตามกฎหมายทะเบียนพาณิชย์ กำหนดให้ผู้ขายสินค้าหรือบริการทางอินเทอร์เน็ต ทั้งเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์หรือ Social Media ต้องจดทะเบียนพาณิชย์การประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ผู้ประกอบการแสดงตนอย่างเปิดเผยต่อทางราชการ


ประโยชน์ของการ "จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์"
นอกจากการจดทะเบียนฯ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจแล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่ออาชีพ "ขายออนไลน์" ด้วย  ได้แก่

1. หลังจดทะเบียนฯ เจ้าของธุรกิจจะมีสิทธิ์ในการเข้ารับการอบรม ตามหลักสูตรที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนด ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาความรู้ด้านธุรกิจ การบริหารร้านค้า เรียนรู้เทคนิคการตลาดแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

2. ช่วยสร้างเครดิตให้กับ "ร้านค้าออนไลน์" ในสายตาของสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อเงินกู้ ยื่นขอกู้เงินทุนหมุนเวียน หรือแม้แต่การขอสินเชื่อเรื่องอื่นๆ ก็สามารถใช้ทะเบียนร้านค้าพาณิชย์เป็นหลักฐานประกอบการยื่นเอกสารทางการเงินได้เช่นกัน

3. ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐเก็บข้อมูลสถิติร้านค้าออนไลน์ได้ง่ายขึ้น รัฐจะได้สามารถดำเนินการตามนโยบายทางเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน, การช่วยเหลือผู้ประกอบการ, การสนับสนุนธุรกิจออนไลน์, การลงทุนต่างประเทศ ฯลฯ


หากไม่ "จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์" มีสิทธิ์ถูกปรับ
ผู้ค้าออนไลน์ทุกคนจะต้องรู้จัก "ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2553 มาตรา 5" ซึ่งบังคับให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจ ดังต่อไปนี้ ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ได้แก่ กิจการที่มีการซื้อ-ขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

หรือการบริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือบริษัทมหาชนจำกัดทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร)

ดังนั้น การขายสินค้าออนไลน์ จึงนับเป็นพาณิชยกิจที่ต้องจดทะเบียนตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับดังกล่าว


อีกทั้ง ผู้ค้าออนไลน์ต้องรู้จัก "พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499" เอาไว้ด้วย เนื่องจากเป็นกฎหมายที่กำหนดบทลงโทษไว้ในมาตรา 19 ที่ระบุว่า

หาก "ร้านค้าออนไลน์" ไม่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ หรือแสดงรายการเท็จ หรือไม่มาให้นายทะเบียนพาณิชย์สอบสวน ไม่ยอมให้ถ้อยคำ หรือไม่ยอมให้ทะเบียนพาณิชย์หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบนั้น จะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และให้ปรับอีกวันละ 100 บาท จนกว่าจะจดทะเบียนแล้วเสร็จ

ใครบ้างที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์?
1. ผู้ขายสินค้า/บริการ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และ Social Media

2. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP)

3. ผู้ให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (WebHosting)

4. ผู้ให้บริการเป็นตัวกลางในการซื้อขายสินค้า/บริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต (E-Marketplace) เช่น Lazada Shopee ฯลฯ

โดยต้องขอจดทะเบียนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มค้าขาย ผู้ค้าต้องทำเว็บไซต์ที่จะใช้ขายสินค้าให้เรียบร้อย เช่น ลงรูปสินค้า คำบรรยาย ราคา วิธีชำระเงิน และวิธีจัดส่งให้ครบถ้วน

ขั้นตอนการยื่นจดทะเบียนฯ และเช็กจุดให้บริการ
ผู้ขายสินค้าหรือบริการผ่านทางออนไลน์ สามารถเดินทางไปจดทะเบียนพาณิชย์ ณ สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามที่ตั้งของสถานประกอบการหรือตามที่อยู่ของผู้ขาย โดยเอกสารที่จำเป็น ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง สำเนาบัตรประชาชน รูปหน้าแรกของเว็บไซต์ (Print เป็นเอกสารเตรียมไปด้วย)

ส่วนขั้นตอนการยื่นจดทะเบียน และเอกสารสำคัญที่ใช้จดทะเบียนพาณิชย์เล็กทรอนิกส์  มีดังนี้

1. แสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง พร้อมแจ้งว่ามาจดทะเบียนฯ

2. ขอเอกสารแบบคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.)

3. กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์(เอกสารแนบแบบ ทพ.) กรอก 1 ใบต่อ 1 เว็บไซต์

4. เตรียมเอกสารที่ Print หน้าแรกของเว็บไซต์

5. วาดแผนที่ตั้งการประกอบพาณิชยกิจ

6. หนังสือรับรองการจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (กรณีจดในนามนิติบุคคล)

7. กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาจดแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของทั้งผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ

วิธีขอเครื่องหมาย "DBD REGISTERED" รับรองธุรกิจออนไลน์
เมื่อพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ผ่านขั้นตอนการยื่นจดทะเบียนฯ เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็สามารถขอใช้เครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่าเครื่องหมาย "DBD Registered" ได้เลย โดยเครื่องหมายนี้มีประโยชน์คือ ใช้แสดงความมีตัวตนในการประกอบธุรกิจ e-Commerce โดยแสดงไว้บนหน้าเว็บไซต์ร้านค้าของคุณ และสามารถคลิกตรวจสอบข้อมูลความมีตัวตนมายัง www.trustmarkthai.com ได้


สำหรับช่องทางในการยื่นขออนุญาตใช้เครื่องหมาย "DBD Registered" สามารถแจ้งขอใช้เครื่องหมายฯ ได้ที่ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 0-2547-5960 หรือ เว็บไซต์ www.trustmarkthai.com หรือ ส่งเอกสารมาที่ e-Mail : e-commerce@dbd.go.th หรือ โทรสาร 0-2547-5973

NOTE : เครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จะมีอายุการใช้งานเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กรมอนุมัติให้มีกำหนดใช้

-------------------------

ที่มา : 

POST family

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์