• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Prichas

#10322
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

#10323


ศูนย์ข่าวศรีราชา- "HUGGER"แตกไลน์ผลิตผลิตภัณฑ์จากน้ำมันหล่อลื่นสู่ลูกอมสกัดจากสมุนไพร "HUG Herb" ที่มีส่วนประกอบสำคัญสมุนไพรไทย 11 ชนิดภายใต้กระบวนการผลิตแบบไม่ทิ้งสารตกค้างดูแลสุขภาพ-ป้องกันปอดติดเชื้อ

นายประสบชัยชนะ ลิ่มธรรมรัตน์ ประธานบริษัท ฮักเกอร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สารเสริมประสิทธิภาพเครื่องยนต์ภายใต้แบรนด์สินค้า "HUGGER" เผยว่าวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยที่เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมาทำให้บริษัทฯได้รับผลกระทบด้านยอดขายน้ำมันหล่อลื่นที่สูญหายไปถึง 20% จากการที่กลุ่มลูกค้ายืดเวลาการใช้ผลิตภัณฑ์ออกไป

เช่นเดียวกับแผนการเปิดตลาดผลิตภัณฑ์หล่อลื่นตัวใหม่ที่จำเป็นต้องชะลอออกไป หลังผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในขณะนี้ครอบคลุมทั้งตลาดรถยนต์ รถจักรยานยนต์เกือบทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบเชื้อเพลิง เกียร์ และเครื่องยนต์

นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังต้องปรับแผนดำเนินธุรกิจด้วยการยกระดับคู่ค้าในรูปแบบดิสทริบิวเตอร์ สู่การเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่จะสามารถซื้อสินค้าจากบริษัทฯ ได้ในราคาโรงงานซึ่งจะถูกลงจากเดิมประมาณ 1 ใน 3 หลังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ในประเทศเยอรมัน ที่ช่วยปรับลดราคาเคมีภัณฑ์เพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ลูกค้าสามารถจับต้องได้ง่ายขึ้น

" ทั้งนี้ลูกค้าไม่ต้องกังวลใจว่าเมื่อราคาสินค้าถูกลงแล้วคุณภาพของสินค้าจะลดตามไปด้วย เพราะเรายังคงมาตรฐานเดิม แต่ราคาผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดจะถูกลงจากการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงวิกฤตโควิด -19"

นายประสบชัยชนะ ยังเผยถึงส่วนแบ่งตลาดน้ำมันหล่อลื่น"HUGGER"ว่ามีประมาณ 4-5 % หรือประมาณ 40-50 ล้านบาทต่อปี จากมูลค่าการตลาด รวมที่มีถึงหลักร้อยล้านบาท



เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ " HUG Herb" สมุนไพรกระชายขาว- กระชายดำ

และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด บริษัท ฮักเกอร์ ประเทศไทย จำกัด ยังเตรียมผลิตภัณฑ์ลูกอมสกัดจากสมุนไพรที่เกิดจากการกระบวนการหมักสมุนไพรประมาณ 450 กิโลกรัมเพื่อให้ได้น้ำสมุนไพร 50 ลิตร เข้าสู่กระบวนการที่ไม่ผ่านการต้ม หรือบดให้เป็นผงที่อาจทิ้งสารตกค้างจนมีผลกระทบต่อเด็ก ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์

นายประสบชัยชนะ บอกว่ากระบวนการดังกล่าวเรียกว่า " Brewing " ซึ่งผ่านการคิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชียวชาญเพื่อให้ได้เม็ดอมที่มีคุณภาพ ดีและมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในปาก อมแล้วรู้สึกชุ่มคอ และยังสร้างความแข็งแรงให้กับปอด

โดยลูกอม 1เม็ดจะบรรจุด้วยสมุนไพรหมัก 48 ชนิดที่จะนำมาผสมกับสมุนไพรไทยอีก 11 ชนิดที่ประกอบด้วย มะขามป้อม กระชายขาว กระชายดำ กระเทียม ขมิ้นชัน โสม บอระเพ็ด สมอพิเภก สมอไทย ขิง และขิงดำ



"แม้เราจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเรื่องผลิตภํณฑ์น้ำมันหล่อลื่น แต่เราก็เชื่อว่าการผลิตเม็ดอมสมุนไพรจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเคยเพราะมาตรฐานโรงงานผลิตที่ดำเนินการมานานถึง 70 ปีจนทำให้ได้รับการอนุมัติจาก อย.และยงได้เครื่องหมายฮาลาน รวมทั้งเครื่องหมาย GMP และ HACCP "

โดยในสมัยโบราณจะใช้สมุนไพรเสริมฤทธิ์ที่ให้ผลดีต่อร่างกาย ซึ่งเราจะเดินตลาดค้าส่งเพียงอย่างเดียว

นายประสบชัยชนะ ยังเผยถึงแรงจูงใจที่ทำให้บริษัทฯ ผลิตลูกอมสกัดจากสมุนไพว่าเป็นเพราะสถานการณ์โควิด -19 ที่ทำให้ประชาชนหันมาใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับกระชายดำที่จะช่วยเสริมฤทธิ์ของกระชายขาวในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในปาก ลดกลิ่นปากและยังทำให้ชุ่มคอ ซึ่งจะบำรุงรักษาปอดให้แข็งแรงและลดอาการติดเชื้อได้มาก

" ตอนนี้เราเปิดตัวสินค้าในเพจเฟซบุ๊กเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นและหลังจากนี้หากท่านใดสนใจสามารถสอบถามได้จากพาร์ทเนอร์และดิสทริบิวเตอร์ที่กระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าสินค้าจะขาดตลาดเพราะเรามีสินค้าในมือแล้วมากถึง 50 ตัน ส่วนราคาขายปลีกต่อกล่องอยู่ที่ 159 บาท 1 กล่องบรรจุเม็ดอมจำนวน 20 เม็ดและใน 1 เม็ดมีน้ำหนัก 2,500 มิลลิกรัม ที่สำคัญยังเป็นเม็ดอมที่ไม่มีน้ำตาลเพราะใช้ความหวานจากหญ้าหวาน และมีความขมจากบอระเพชร" นายประสบชัยชนะ กล่าว
 
#10325
แม่ตั้งครรภ์ทานข้าวกล้องออแกนิกน้ำตาลต่ำ Low GI ข้าวอร่อยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ข้าวสุรินทร์ 100%
ข้าวอินทรีย์  การทำนาข้าวอินทรีย์   เกษตรอินทรีย์  'ข้าวออร์แกนิค' ดีต่อสุขภาพ

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค ( ข้าวปลอดสารพิษ)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ  ข้าวออร์แกนิค " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1.  กลุ่มข้าวมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.   ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์  , ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.  ขายข้าวหอมมะลิอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  ขายข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.  ข้าวผกาอำปึลออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.  กลุ่มข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :  ข้าวหอมมะลิorganic
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิ
2. ข้าวกล้องหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
3.  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิคสำหรับทารก   ข้าวผกาอำปึลออแกนิก(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์จังหวัดสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ 6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค
7.  กลุ่มข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคสำหรับทารก

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#10327


อว. เผยไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว 47,296,431 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,069 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 348.13 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 98.5%

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,069 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32.3 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 388 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 183 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 348.13 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (77.8% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 131.45 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 24 กันยายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 47,296,431 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 58.74%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,069 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 24 กันยายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 47,296,431 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 29,998,440 โดส (45.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 16,673,867 โดส (25.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 624,124 โดส (0.9% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 24 ก.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 47,296,431 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 626,896 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 564,904 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 14,749,781 โดส
- เข็มที่ 2 3,501,863 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,240,852 โดส
- เข็มที่ 2 10,229,486 โดส
- เข็มที่ 3 220,340 โดส

วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 4,583,535 โดส
- เข็มที่ 2 2,468,012 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 424,272 โดส
- เข็มที่ 2 474,506 โดส
- เข็มที่ 3 403,784 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.3% เข็มที่2 116.9% เข็มที่3 87.7%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 60.5% เข็มที่2 47.1% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 71.1% เข็มที่2 52.2% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 55.2% เข็มที่1 28.9% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 32.5% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 55.6% เข็มที่2 29.7% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 12.6% เข็มที่2 7.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 60% เข็มที่2 33.3% เข็มที่3 1.2%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 77.3% เข็มที่2 38% เข็มที่3 1.3% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 98.5% เข็มที่2 45% เข็มที่3 1.9%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 60.9% เข็มที่2 31.5% เข็มที่3 0.6%
- นนทบุรี เข็มที่1 61.1% เข็มที่2 32.1% เข็มที่3 0.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 57.6% เข็มที่2 34.2% เข็มที่3 0.6%
- ปทุมธานี เข็มที่1 49.1% เข็มที่2 31.7% เข็มที่3 0.8%
- นครปฐม เข็มที่1 39.2% เข็มที่2 21.3% เข็มที่3 0.7%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 32.4% เข็มที่2 19.3% เข็มที่3 0.7%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 62.5% เข็มที่2 29.9% เข็มที่3 0.6%
- ชลบุรี เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 32.2% เข็มที่3 1%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 51% เข็มที่2 27.5% เข็มที่3 0.5%
- เพชรบุรี เข็มที่1 45% เข็มที่2 30% เข็มที่3 0.8%
- ยะลา เข็มที่1 44.5% เข็มที่2 21.9% เข็มที่3 0.7%
- สงขลา เข็มที่1 38.8% เข็มที่2 23.7% เข็มที่3 1.2%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 348,133,639 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 131,457,145 โดส (30.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 47,296,431 โดส (45.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 43,088,582 โดส (21.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. มาเลเซีย จำนวน 41,573,883 โดส (68.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. เวียดนาม จำนวน 36,152,556 โดส (29.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
6. กัมพูชา จำนวน 24,385,751 โดส (75.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 9,742,585 โดส (11.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,176,863 โดส (77.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 4,826,961 โดส (39%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 432,882 โดส (59.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.60%
2. อเมริกาเหนือ 9.97%
3. ยุโรป 11.62%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.97%
5. แอฟริกา 2.31%
6. โอเชียเนีย 0.53%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,186.58 ล้านโดส (78.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 841.23 ล้านโดส (30.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 387.82 ล้านโดส (60.6%)
4. บราซิล จำนวน 227.16 ล้านโดส (55.1%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 154.97 ล้านโดส (61.4%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (97.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (91.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. อุรุกวัย (87%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. บาห์เรน (85.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. คิวบา (84.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna J&J และ AstraZeneca/Oxford)
6. กาตาร์ (83.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. อิสราเอล (82%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. ชิลี (81.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
9. จีน (78.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (77.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
#10329


Techsauce ผนึกความร่วมมือครั้งสำคัญกับ "Slingshot Group" มุ่งเสริมความแข็งแกร่งให้องค์กรธุรกิจไทย นำจุดแข็งและความเชี่ยวชาญยกระดับการให้บริการพัฒนาทักษะ Hard Skill และ Power Skill แก่บุคลากร ในองค์กรทั่วประเทศ พร้อมสร้างการเติบโตในศตวรรษที่ 21

นางสาวอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า Techsauce มุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งทางดิจิทัลและสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystems) ของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไทยมาโดยตลอด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ธุรกิจในประเทศไทยเติบโตในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งขยายร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในต่างประเทศ จัดงานสร้างพื้นที่ให้แก่สตาร์ทอัพไทยไปโดดเด่นในเวทีระดับโลก 

ล่าสุด ในเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา Techsauce และ Slingshot Group (สลิงชอท กรุ๊ป) บริษัทที่ปรึกษาไทยที่โดดเด่นด้านการพัฒนาศักยภาพผู้นำและองค์กร ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ เพื่อร่วมมือยกระดับ "การให้บริการ Upskill & Reskill แก่บุคลากรให้ทันต่อยุค Digital Disruption" ในองค์กรทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการพัฒนาทักษะให้แก่บุคลากรขององค์กรต่าง ๆ

สำหรับความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง Techsauce และ Slingshot Group ที่จะนำความเชี่ยวชาญของแต่ละองค์กรมาผนึกกำลังเพื่อสร้างบริการที่ดีสุดนำเสนอแก่ทุกองค์กรในประเทศไทย โดย Techsauce จะมีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเทคโนโลยี และการเป็น Knowledge Sharing Platform ที่รวบรวมและถ่ายทอดคอนเทนท์ด้านเทคโนโลยีในโลกธุรกิจและนวัตกรรมไว้อย่างครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ส่วน Slingshot Group เป็นที่ปรึกษาที่โดดเด่นด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ผู้นำและองค์กร จึงเป็นการประสานจุดแข็งที่ลงตัวอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ พนักงานที่ได้เข้าร่วม Upskill & Reskill ทั้ง Hard Skill และ Power Skill จะมีทักษะที่ครอบคลุมและเต็มศักยภาพ รวมถึงสามารถกำหนดแนวทางที่สำคัญและวางกลยุทธ์เพื่อพัฒนาองค์กรได้ในระยะยาว พร้อมกับการเพิ่มทักษะใหม่ให้มากขึ้น รองรับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และก้าวสู่การเป็นพนักงานในโลกยุคใหม่ที่ทุกบริษัทต่างมีความต้องการในศตวรรษที่ 21 ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ โดยมีรายงานจากสภาเศรษฐกิจโลก World Economic Forum (WEF) ที่ได้ทำการสำรวจตลาดแรงงานกับความต้องการขององค์กรใหญ่ๆ สำหรับทักษะสำคัญแห่งศตวรรษที่ 21 พบว่าเรื่องการใช้เทคโนโลโลยี (ICT Literacy) อยู่ในกลุ่มทักษะพื้นฐานที่จำเป็น "Foundational Literacies ที่ทุกคนต้องมี พร้อมด้วยกลุ่มทักษะและความสามารถเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา "Competencies" และกลุ่มทักษะเพื่อใช้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่รวดเร็ว (Character Qualities)

ดังนั้น องค์กรในประเทศไทยจึงต้องเร่งการปรับตัวพัฒนาเพิ่มทักษะของบุคลากร เพื่อพร้อมเพิ่มศักยภาพขององค์กรและสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยนับจากนี้ต่อไปจะเห็นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งในระยะยาว Techsauce จะเดินหน้าเสริมพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งในองค์กร สานต่อจุดเริ่มต้นจากการผนึกกำลังกับ Slingshot Group ที่โดดเด่นด้านการพัฒนาศักยภาพผู้นำและองค์กร รวมถึงการมีพันธมิตรองค์กรในระดับโลก



ดร. สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า คำว่า Upskill & Reskill คงเป็นคำพูดที่คุ้นหู แต่วันนี้ความท้าทายขององค์กรคือ ควรพัฒนาทักษะอะไร ควรพัฒนาเมื่อไหร่ และใครควรพัฒนาบ้าง ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาที่ Slingshot Group ได้ร่วมงานกับองค์กรชั้นนำกว่า 1,000 องค์กร และพัฒนาผู้นำองค์กรกว่า 100,000 คน เราพบว่าช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดคือช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ ที่องค์กรต่างลงมือปฏิรูปองค์กรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ Business Transformation, Digital Transformation, Workplace Transformation จนมาถึงจุดที่สำคัญและท้าทายที่สุดในเวลานี้คือ People Transformation นั่นคือ การเปลี่ยนคนให้ทันต่อโมเดลธุรกิจ เทคโนโลยี และวิธีการทำงานที่เปลี่ยนไป

สถานการณ์โควิดยิ่งเป็นตัวเร่งสำคัญให้องค์กรต้องรีบลุกขึ้นมาการพัฒนาทักษะที่ตอบโจทย์อนาคตให้เร็วที่สุด ความร่วมมือกับ Techsauce ในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่เราจะผนึกพลังจากโลก Hard Skill และ Power Skill เข้าด้วยกัน ซึ่ง Techsauce มีจุดเด่นด้านดิจิทัลเทคโนโลยีและนวัตกรรม และ Slingshot Group ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพัฒนาผู้นำ วัฒนธรรมองค์กรและทักษะอันทรงพลัง (Power Skill ที่เคยถูกเรียกว่า Soft Skill โดยจากนี้ไป Power Skill คือทักษะทรงพลังที่จะช่วยพาองค์กรไปสู่อนาคต) อาทิ Collaboration, Leading Transformation, Resilience, Critical Thinking ทำให้เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยองค์กรไทยเร่งสปีด ยกระดับทักษะบุคลากรผ่านกระบวนการ ค้นหาว่าองค์กรควรจะ Upskill/Reskill ทักษะอะไร ให้ใคร เมื่อไหร่ รวมถึงช่วยพัฒนาทักษะเหล่านั้นและติดตามประเมินผลกระทบที่พวกเขาช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้องค์กรและพาองค์กรไทยให้แข่งขันได้ทั้งในประเทศและระดับสากล

นางสาวอรนุช กล่าวทิ้งท้ายว่า Techsauce ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลาร่วม 10 ปี และได้ก้าวสู่การเป็น Tech Knowledge Sharing Platform แพลตฟอร์มที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีในโลกธุรกิจ และนวัตกรรมไว้อย่างครบวงจรที่สุดในประเทศไทย และให้คำแนะนำธุรกิจที่ต้องการ "Transformation" ปรับองค์กรให้พร้อมรับมือดิสรัปชันและก้าวสู่ดิจิทัล ได้เข้าไปร่วมสนับสนุนและทำงานกับองค์กรชั้นนำของไทย ทั้งที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทข้ามชาติ และภาครัฐ โดยได้ดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์, การพัฒนาทักษะบุคลากร (upskill/ reskill) ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล และการร่วมสร้างนวัตกรรมในองค์กรรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการร่วมสร้างสตาร์ทอัพของประเทศไทยสู่ศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน
#10330
สำนักพรเทวะ (มหาสารคาม)

ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ดูดวง รับสอนการพยากรณ์ด้วยไพ่ออราเคิล แก้อาถรรพ์ร่างกาย รับลงนะ ลงทอง สาริกาลิ้นทอง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รับทำเทียนสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา รับโชค แก้ชง เสริมดวงเสริมบารมีต่างๆ เรียกคู่ เรียกจิต สักน้ำมันว่านยา 108 ให้บูชาน้ำมันว่านสาวหลง น้ำมันว่านดอกทอง อื่น ๆ รับวิเคราะห์ชื่อ(ฟรี) รับตั้งชื่อ จำหน่ายเพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต ให้บูชาคัมภีร์พระเวทย์

สนใจติดต่อ
นายธีรพัชร์ วงศ์วรนิตย์ (อ.ทองเอก พรเทวะ)

โทร 0846623662

website :  http://goo.gl/Y5nYSO

Facebook: facebook.com/teerapat992018

Line : teerapat999

lazada : https://www.lazada.co.th/shop/porntaywa/?spm=a2o4m.pdp_revamp.delivery_options.1.6dbbfeeao328sS&itemId=1863368460&channelSource=pdp

shopee :   https://shopee.co.th/teerapat992018





#10331
ลดกระหน่ำโควิด ขายบ้านเดี่ยว มณีรินทร์ 97วา 5.5ลบ. (บางคูวัด)ถนนเมน โทร 0837124115
#10332
 สีผึ้งว่านดอกทอง ฝังดอกว่านดอกทองและตะกรุดนะเมตตามหานิยม



พุทธคุณ เน้นเรื่อง เสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ก่อนว่าคาถาก็ให้นึกขอบารมีพระพุทธเจ้า และคุณครูบาอาจารย์

คาถากำกับ

โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ 

นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ

(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)

แล้วใช้นิ้วชี้ข้างขวาป้าย แล้วทาที่ปาก

ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ



ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i2632497251.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.2f304edfF8zGh5



#10333
ขายดาวน์ 215,800 (เดือน กค 2564) ห้อง 1017
#10334
บริษัท สบายใจการบัญชี  จำกัด
9/54  หมู่ที่ 8  ตำบลบางเลน  อำเภอบางใหญ่  จังหวัดนนทบุรี   11140
โทร & Line ID.087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

รับทำบัญชีนนทบุรี  รับทำบัญชีบางกรวย  รับทำบัญชีบางใหญ่  รับทำบัญชีบางบัวทอง  รับทำบัญชีไทรน้อย  รับทำบัญชีปากเกร็ด  รับทำบัญชีบางศรีเมือง  รับทำบัญชีพิมลราช  รับทำบัญชีบางคูรัด  รับทำบัญชีบางรักพัฒนา  รับทำบัญชีบางแม่นาง  รับทำบัญชีบางกร่าง  รับทำบัญชีไทรม้า  รับทำบัญชีตลาดขวัญ  รับทำบัญชีบางตะไนย์  รับทำบัญชีบางพลับ  รับทำบัญชีบางรักน้อย  รับทำบัญชีมหาสวัสดิ์  รับทำบัญชีศาลากลางนนทบุรี  รับทำบัญชีอ้อมเกร็ด  รับทำบัญชีแจ้งวัฒนะ  รับทำบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  รับทำบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  รับทำบัญชีถนนชัยพฤกษ์  รับทำบัญชีถนนติวานนท์  รับทำบัญชีถนนทวีวัฒนา  รับทำบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  รับทำบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  รับทำบัญชีท่าอิฐ  รับทำบัญชีถนนนครอินทร์  รับทำบัญชีบางม่วง  รับทำบัญชีบางกรวย-จงถนอม  รับทำบัญชีถนนบางไกรใน  รับทำบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  รับทำบัญชีบางคูเวียง  รับทำบัญชีบางศรีเมือง  รับทำบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  รับทำบัญชีไทรม้า  รับทำบัญชีถนนพิบูลสงคราม  รับทำบัญชีถนนราชพฤกษ์  รับทำบัญชีตลิ่งชัน  รับทำบัญชีถนนเรวดี  รับทำบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  รับทำบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี  รับทำบัญชีธุรกิจนำเข้าส่งออก  รับทำบัญชีธุรกิจซื้อมาขายไป  รับทำบัญชีธุรกิจผลิต  รับทำบัญชีธุรกิจขายสินค้าออนไลน์  รับทำบัญชีขายผ่านShoppee  รับทำบัญชีขายLazada  รับทำบัญชีบริษัทจำกัด  รับทำบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด  รับทำบัญชีและยื่นภาษี  สำนักงานบัญชี  รับงานบัญชี