• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#3621



โค้งสุดท้ายโปรเจกต์ความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่าง LOVEiS Entertainment และ JOOX ในชื่อ "LOVEiSJOOXSpotlight" เปิดออดิชันเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในดนตรี ได้มีโอกาสร่วมงานกับทีมทำเพลงค่าย LOVEiS Entertainment และสังกัดค่ายย่อย อาทิ PROM+, marr, LIT ENTERTAINMENT, HOLYFOX, LABo ที่ล้วนแต่มีศิลปินดัง เช่น นนท์-ธนนท์, กัน-นภัทร, MEAN, เฟิร์ส-อนุวัตน์ โดยไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดอายุ

โค้งสุดท้ายโปรเจกต์ความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่าง LOVEiS Entertainment และ JOOX ในชื่อ "LOVEiSJOOXSpotlight" เปิดออดิชันเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในดนตรี ได้มีโอกาสร่วมงานกับทีมทำเพลงค่าย LOVEiS Entertainment และสังกัดค่ายย่อย อาทิ PROM+, marr, LIT ENTERTAINMENT, HOLYFOX, LABo ที่ล้วนแต่มีศิลปินดัง เช่น นนท์-ธนนท์, กัน-นภัทร, MEAN, เฟิร์ส-อนุวัตน์ โดยไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดอายุ

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกใบสมัครเข้าร่วมออดิชันได้ทางออนไลน์ อัปโหลดคลิปวิดีโอแสดงความสามารถความยาวไม่เกิน 5 นาที ไม่ว่าจะร้อง เต้น มาเดี่ยว มาแบบวงได้ทั้งหมดที่ JOOX BUZZ พร้อมใส่ #loveisjoox spotlight เปิดรับสมัคร ถึง 7 ส.ค.64 ชิงเงินรางวัล ชนะเลิศ 100,000 บาท

"จี๊บ-เทพอาจ กวินอนันต์" ซีอีโอเลิฟอิส เผยว่า "ในปีนี้เรากำลังมองหาและค้นหา พร้อมให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาแสดงฝีมือจากทั่วประเทศ ทั้ง 6 ค่ายส่งโปรดิวเซอร์ มือฉมังคนดนตรีตัวจริง มาคัดเองทั้ง Danai Dano, Oui Buddha Bless, Build (Lemon Soup), Palm Pawee, Pat Vorapat, Dome Jaruwat โฟกัสที่ความสามารถสูงสุด ตามด้วยบุคลิกภาพที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ คัดรอบแรกเหลือ 100 คลิป ออดิชันออนไลน์กับคณะกรรมการในรอบที่ 2



นอกจากนี้ยังเปิดโหวตอีกทางให้เพื่อนๆ พี่น้อง ครอบครัวได้โหวตสนับสนุนคนที่เรารักและผลักดันให้เค้าไปสู่ฝันเป็นศิลปิน ยอดหัวใจของ 100 คลิปผลงานที่ผ่านเข้ารอบแรก 1 หัวใจ เรามอบ 1 บาท นำไปช่วยเหลือวิกฤติโควิด-19 ต่อไป ติดตามได้ที่ Facebook/ IG/ Twitter : LOVEiS, JOOX Thailand, Application: JOOX.
#3622



ในขณะที่สายตานับล้านคู่จับจ้องไปที่ สุนิสา ลี นักกีฬายิมนาสติกหญิงดาวรุ่งวัย 18 ปี ซึ่งมีเชื้อสายม้งอเมริกัน ในการเเข่งขันโอลิมปิก2020 ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ครอบครัวของเธอที่รัฐมินนิโซตา กำลังลุ้นอย่างเต็มที่เช่นกัน จนกระทั่งได้สมหวังในที่สุด

สุนิสา สร้างชื่อให้กับตัวเองและทีมสหรัฐ หลังคว้าเหรียญทองประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์มาครองได้สำเร็จ ในฐานะตัวแทนของสหรัฐเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายม้งคนแรกที่คว้าเหรียญทองให้กับทีมสหรัฐ


นี่ถือเป็นฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องของนักยิมนาสติกสาวดาวรุ่ง โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน สุนิสาคว้าเหรียญเงินกับให้กับทีมชาติสหรัฐในการแข่งขันยิมนาสติก ประเภททีมรวมอุปกรณ์

ก่อนเปิดฉากโอลิมปิกครั้งนี้ สุนิสาถือเป็นความหวังของครอบครัวและชุมชนชาวม้งในสหรัฐ ในฐานะนักยิมนาสติกหญิงอายุน้อยที่สุดที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว

- สุนิสากอดฉลองกับโค้ช หลังคว้าเหรียญทองเหรียญแรก (29 ก.ค.) -

เกิดและโตในมินนิโซตา

สำหรับประวัติของสุนิสาถือว่าโดดเด่นและน่าสนใจไม่น้อย เธอเกิดเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2546 ในเมืองเซนต์พอล รัฐมินนิโซตา ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนม้งขนาดใหญ่ในอเมริกาที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุคหลังสงครามเวียดนาม และสุนิสาก็ใช้ชีวิตเติบโตในเมืองเซนต์พอลมาจนถึงปัจจุบัน


นอกจากรัฐมินนิโซตาจะเป็นถิ่นฐานขนาดใหญ่ของชาวม้งในสหรัฐ ซึ่งคาดว่ามีประชากรถึง 80,000 คนแล้ว ยังเป็นที่ที่แม่ของสุนิสาได้พบรักกับพ่อบุญธรรมขณะสุนิสาอายุเพียง 2 ขวบในปี 2548 ด้วย


- ฮัว จอห์น ลี (ซ้าย) พ่อบุญธรรม และ ยีฟ ทอจ (กลาง) แม่บังเกิดเกล้าของสุนิสา -

แม่ของสุนิสาเป็นชาวม้งชื่อ ยีฟ ทอจ (Yeev Thoj) และพ่อบุญธรรมเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายม้งเช่นกัน ชื่อ ฮัว จอห์น ลี (Houa John Lee) ซึ่งคอยเลี้ยงดูสุนิสาตั้งแต่เด็ก ๆ และเมื่อโตขึ้น สุนิสาก็ตัดสินใจใช้นามสกุล ลี ตามพ่อบุญธรรม

แม้ว่าจอห์น ลี มีลูกติด 2 คนจากอดีตภรรยาชื่อว่า โจนาห์และไชเอนน์ แต่ลูก ๆ ทั้ง 3 คนรวมถึงสุนิสา ต่างรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะไชเอนน์ที่อายุห่างกับสุนิสาเพียง 12 วัน มีหน้าตาคล้ายกับสุนิสาจนเพื่อนร่วมชั้นเรียนเคยเข้าใจผิดว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝด

ลี้ภัยสงครามข้ามแปซิฟิก

ทั้งพ่อบุญธรรมและแม่ของสุนิสาต่างเกิดในลาวในยุคสงครามเวียดนาม ซึ่งสมัยนั้น กลุ่มชาติพันธุ์ม้งร่วมรบเคียงไหล่กับทหารอเมริกันในลาว แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย

มีชาวม้งหลายหมื่นคนเสียชีวิตในสงครามเวียดนาม หรือถูกรัฐบาลลาวสังหาร หลังจากกองทัพสหรัฐถอนทัพกลับประเทศ

ครอบครัวชาวม้งของพ่อและแม่สุนิสาสมัยที่ทั้งคู่ยังเด็ก ได้เสี่ยงอันตรายหนีออกจากลาวข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทยอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนลี้ภัยไปตั้งรกรากในในรัฐมินนิโซตาและเติบโตที่นั่น

"เมื่อสหรัฐถอนทัพออกจากลาว สงครามยังไม่จบลงในทันที" จอห์น ลี พ่อบุญธรรมสุนิสาเล่าถึงความทรงจำอันขมขื่น "ผู้คนจำต้องหนีไปประเทศไทยเพื่อความปลอดภัย และเพื่อโอกาสมีชีวิตที่ดีกว่า"

จนกระทั่ง จอห์น ลี ย้ายไปอยู่สหรัฐตอนอายุ 7 ปี เมื่อปี 2522 ส่วนแม่สุนิสาย้ายไปสหรัฐตอนอายุ 12 ปี เมื่อปี 2530

ปัจจุบัน ยีฟ เเม่ของสุนิสา ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยด้านการเเพทย์ ส่วนจอห์น ลี พ่อของสุนิสา ทำงานด้านวิศวกรรมที่บริษัท Cummins Power Generation 

เห็นแววยิมนาสติกตั้งแต่เล็ก

ทั้งพ่อบุญธรรมและเเม่ของสุนิสาชอบกีฬาเหมือนกัน ซึ่งความรักในกีฬาเป็นสิ่งที่ทั้งสองปลูกฝังให้ลูก ๆ แม้ปัจจุบัน พ่อของสุนิสาเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงหน้าอกลงไป หลังประสบอุบัติเหตุตกบันไดเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ต้องนั่งรถเข็นตั้งแต่นั้นมา


เเม่ของสุนิสา ให้สัมภาษณ์กับ VOA ภาคภาษาลาวว่า ในฐานะผู้ปกครอง เธอสอนให้สุนิสา หรือชื่อเล่นว่า สุนิ (Suni) มีวินัย เป็นเด็กดี และว่า สุนิชอบทำกิจกรรมหลายอย่าง


ยีฟ บอกด้วยว่า สุนิมีพรสวรรค์ตั้งเเต่เด็กในกีฬายิมนาสติกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เเละเมื่อได้เเรงกระตุ้นด้านวินัย จึงทำให้เก่งขึ้นในกีฬานี้ เเละมีความพร้อมในด้านอื่น ๆ เมื่อโตขึ้นมา

สำหรับที่มาของชื่อ สุนิสา ยีฟเปิดเผยกับ ESPN ว่า ตั้งชื่อลูกสาวตามนักแสดงละครไทยคนหนึ่งที่ตนชื่นชอบในยุคนั้น และจับลูกเรียนยิมนาสติกตั้งแต่เล็ก ๆ หลังเห็นแววจากการโชว์ท่าตีลังกากลับหลังบ่อยครั้ง ขณะเล่นซุกซนตามประสา

ตั้งเป้าสูงเพื่อให้พ่อภูมิใจ

แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่สุนิสาทำตามเป้าหมายได้สำเร็จในฐานะนักยิมนาสติก คือ การร่วมแข่งขันและคว้าเหรียญโอลิมปิก2020 ซึ่งถึงแม้เธอจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับการที่มีเหตุการณ์โควิด-19 ระบาด จนมหกรรมกีฬานี้ต้องเลื่อนมา 1 ปี แต่เธอประกาศเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาว่า "กำหนดการเปลี่ยน แต่เป้าหมายไม่เปลี่ยน"

คำพูดครั้งนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่า เหรียญทองโอลิมปิก คือเป้าหมายต่อไปในชีวิตของสุนิสา เพราะความฝันนี้เป็นสิ่งที่พ่อและเธอตั้งเป้าหมายร่วมกันมาตลอด 10 ปี หรือนับตั้งแต่วันแรกที่เธอเริ่มเรียนยิมนาสติก


"มันไม่ใช่แค่ฝันของฉัน มันคือฝันที่พ่อกับฉันตั้งเอาไว้ร่วมกัน มันจึงมีความหมายมาก ฉันอยากทำมันให้สำเร็จอีก ฉันอยากให้พ่อภูมิใจ เพราะเขาคือคนที่สนับสนุนฉันมา ตั้งแต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะทำได้ดีหรือไม่กับทางเดินนี้" สุนิสาพูดถึงเบื้องหลังการตั้งเป้าหมายก่อนเดินทางไปโตเกียว

ส่วน จอห์น ลี เปิดใจกับสื่อก่อนลูกสาวเข้าร่วมทีมชุดลุยโอลิมปิก2020 ว่า ไม่ว่าผลการเเข่งขันจะเป็นอย่างไร การที่สุนิเป็นชาวม้งอเมริกันคนเเรกในการเเข่งโอลิมปิกให้กับประเทศสหรัฐ ก็ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไปเรียบร้อยเเล้ว

หลังจากคว้า 1 เหรียญทองและ 1 เหรียญเงิน (ณ วันที่ 29 ก.ค.) สุนิสายังมีโอกาสเก็บเหรียญโอลิมปิกเพิ่มจากการแข่งขันช่วงวันที่ 1 ส.ค. และ 3 ส.ค.นี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่เธอจะได้เหรียญรางวัลมาครองอีกครั้งก่อนกลับแผ่นดินสหรัฐ

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951839
#3623



เดินทางเชื่อมต่อจากโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ภายใต้สูตร 7+7 ด้วยการท่องเที่ยวและพำนักในภูเก็ตแบบไม่กักตัวครบ 7 คืนแรกก่อน ถึงจะสามารถเดินทางสู่ 3 พื้นที่นำร่องในกระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานีช่วง 7 คืนหลัง เมื่อพำนักครบ 14 คืนถึงเดินทางไปยังพื้นที่อื่นในประเทศไทยได้

ชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการท่องเที่ยวเชื่อมจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เข้า 3 เกาะนำร่องดังกล่าวของ จ.กระบี่ ภายใต้สูตร 7+7 ต้องขอใบอนุญาตการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry : COE) อีกรูปแบบใหม่ คาดเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ากระบี่ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.นี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่ขอ COE ประสงค์ท่องเที่ยวโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แบบไม่กักตัวอย่างน้อย 14 คืนก่อนถึงจะสามารถเดินทางไปเที่ยวพื้นที่อื่นในไทยได้นั้น ต้องพำนักในภูเก็ตให้ครบตามกำหนดก่อน ไม่สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยัง 3 เกาะใน จ.กระบี่ได้ทันทีหลังพำนักในภูเก็ตครบ 7 คืนแรก ทั้งนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มายัง 3 เกาะ จ.กระบี่ ตั้งแต่กลางเดือน ส.ค.นี้

"สภาฯประเมินว่าในช่วงเดือน ส.ค.หรือเดือนแรกของการเริ่มต้นโครงการกระบี่ อีเวน มอร์ อะเมซิ่ง จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเชื่อมโยงจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มาเที่ยว 3 เกาะไม่ต่ำกว่า 500 คน พำนัก 7 คืน ใช้จ่ายเฉลี่ย 5,000 บาทต่อคืน สร้างรายได้ 17.5 ล้านบาท แต่ก็หวังว่าจะสามารถผลักดันยอดได้ถึง 30 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 2 เดือนแรก (ส.ค.-ก.ย.64) ตั้งเป้าขอมีนักท่องเที่ยวมากระบี่ 10% จากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์"

ส่วนไตรมาส 4 นี้ หวังว่าจะสามารถเปิดพื้นที่นำร่องใน จ.กระบี่ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วได้โดยตรง! ไม่ต้องผ่านโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หรือสมุย พลัส โมเดล เนื่องจากในวันที่ 31 ต.ค.นี้ สนามบินนานาชาติกระบี่เตรียมเปิดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ ปัจจุบันได้รับรายงานว่ามีสายการบินสนใจทำการบินระหว่างประเทศ เช่น จากจีน สิงคโปร์ และกลุ่มประเทศนอร์ดิก จองสลอต (ตารางบิน) เข้ากระบี่มาแล้วกว่า 66 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ใกล้เคียงกับจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้ากระบี่ในช่วงไฮซีซั่นปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19


"แม้ตอนนี้จะมีดีมานด์จากสายการบินสนใจทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศตรงเข้ากระบี่มาแล้ว แต่สถานการณ์ท่องเที่ยวยังขึ้นกับปัจจัยภายในและภายนอก ณ ขณะนั้นด้วย"

ศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การเปิดทั้งจังหวัดกระบี่เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องได้รับการฉีดวัคซีนไม่ต่ำกว่า 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แต่ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนแค่ 22% ของประชากรทั้งหมด ยังต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้มาก จึงอยากให้เร่งกระจายวัคซีนแก่ จ.กระบี่ ซึ่งพึ่งพารายได้จากภาคการท่องเที่ยวมากถึง 50% ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นภาคเกษตรกรรม

ด้านประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ฉบับที่ 35/2564 ล่าสุดได้ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้า จ.กระบี่ ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองครบตามจำนวน หรือแอสตร้าเซเนก้า 1 เข็ม ไม่น้อยกว่า 14 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR หรือ Rapid Antigen Test ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง สำหรับผู้ที่มีอายุ 6-18 ปีที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน ต้องตรวจหาเชื้อด้วย 1 ใน 2 วิธีดังกล่าว ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 5 ปี ไม่ต้องมีผลการตรวจหาเชื้อ โดยทั้งหมดต้องลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ที่จังหวัดกระบี่กำหนด (QT14) และมีเอกสารรับรองจากต้นทางเพื่อรายงานตัวที่ด่านปลายทางของ จ.กระบี่

ส่วนการจัดทำ "แผนเผชิญเหตุ" ของจังหวัดกระบี่เพื่อรองรับการระบาดของโควิด-19 มีหลักเกณฑ์ระบุไว้ว่า หากมีจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่เกิน 70 รายต่อสัปดาห์ และมีอัตราการครองเตียงของผู้ป่วยเกิน 80% ของจำนวนเตียงทั้งหมดซึ่งปัจจุบันมี 610 เตียง และกำลังจะมีเตียงที่โรงพยาบาลสนามแห่งใหม่อีก 400 เตียงซึ่งจะเปิดในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมเป็น 1,100 เตียง หากเข้าเกณฑ์ดังกล่าวต้องพิจารณาทบทวน ชะลอหรือยุติโครงการฯ
#3624



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายแพทย์​เกียรติ​ภูมิ​ วงศ์​รจิต​ ปลัด​กระทรวง​สาธารณสุข โพสเฟสบุ๊ค เกี่ยวกับ ฉากทัศน์ covid-19ของไทย"คาดการณ์สถานการณ์การระบาด COVID-19 ของประเทศไทย ระหว่าง ส.ค. - ธ.ค. 2564 จัดทำโดยกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข  โดยการจำลองตัวเลข ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า 

หากล็อกดาวน์หนึ่งเดือน (เริ่ม 19 ก.ค. 64) คาดว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงต้นเดือน ตุลาคม และหากล็อกดาวน์สองเดือน คาดว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงปลายเดือน พฤศจิกายน


ฃหากมาตรการล็อกดาวน์ได้ผลมากขึ้น เช่น จากที่ช่วยลดค่า R ได้ 20% เป็น 25% น่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรได้ประมาณสองสัปดาห์ แต่ขนาดของการระบาดโดยรวมไม่เปลี่ยนไปมากนัก

หากมาตรมาตรการล็อกดาวน์ได้ผล และร่วมกับมาตรการวัคชีนในผู้สูงอายุได้ผลดี และดำเนินการได้รวดเร็ว ในเวลาไม่เกิน 2 เดือน น่าจะช่วยคงให้ความชุกของการใช้เครื่องช่วยหายใจไม่เกิน 1,500 รายต่อวัน และ อุบัติการณ์การเสียชีวิตไม่เกิน 200 รายต่อวัน ไปจนถึงเดือนธันวาคม    ​

โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ปลัด​กระทรวง​สาธารณสุข ได้เข้าร่วม​ประชุม​ เรื่องการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม​ ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มและควบคุมสูงสุด ​โดยมี​ นายกรัฐมนตรี​ และ​รัฐมนตรีว่​าการกระทรว​งสาธารณสุข​ เป็น​ประธาน​การประชุม​ (โดยประชุมผ่านระบบ Zoom) ณ​ ห้องป​ระชุมการบูร​ ตึก​สำนักงาน​ปลัดกระทรว​งสาธารณสุข

พล.อ.ต.นพ.อิทธพร    คณะเจริญ  เลขาธิการแพทยสภา อธิบายฉากทัศน์ดังกล่าวในเฟสบุ๊คว่าเห็นการจำลองตัวเลข"ฉากทัศน์ covid-19ของไทย"  ของกระทรวงสาธารณสุข แล้วน่ากลัวมาก พบว่า ถ้าไม่คุมให้ดี มีโอกาสติดวันละ 45,000 คน ตายวันละ 450 คน


ผลการล็อกดาวน์วันนี้เราลดได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้คนติดเชื้อและคนตายไม่มากเท่านั้น แต่ต้องแลกด้วย มาตรการจำนวนมาก ที่ทำให้ทุกคน กระทบชีวิตประจำวัน อาชีพการงานและการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนป่วยและเสียชีวิตมาก เกินกว่าที่โรงพยาบาลจะรับ ไหว ซึ่งวันนี้ก็เริ่มเกินแล้ว ถ้ามากกว่านี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร

ในฉากทัศน์ นี้แสดงให้เห็นว่าการล็อกดาวน์จะยืดเยื้อไปอีก 2 เดือน เพื่อลดให้คนป่วยน้อย จนเตียงพอดูแลได้ และไม่ให้มีคนตายเยอะ ในภาพความเป็นจริง จะเป็นได้หรือไม่ต้องติดตามดู และขึ้นกับ สถานการณ์ของทรัพยากรและบุคลากรทางสาธารณสุข ที่จะต้อง โหมกระหน่ำลงไปสู้กันครับ สงครามนี้ไม่มีคนชนะ มีแต่ความเสียหาย ความสูญเสีย และความตาย ท่ามกลางความอดทนและเสียสละของทุกฝ่าย แต่อย่างไร พวกเราทุกคนก็ต้องสู้ต่อครับ ไม่นานเชื้อเหล่านี้จะหมดไปโดยธรรมชาติ เราต้องอดทน ต่อสู้ ให้ถึงวันนั้น
#3625



"สกาย ไอซีที" จับมือ AppMan เชื่อมโยงเทคโนโลยี Face Recognition กับ Optical Character Recognition ต่อยอดระบบโครงสร้างพื้นฐาน e-KYC ครบวงจรและปลอดภัยยิ่งขึ้น รองรับความต้องการแห่งอนาคต หลังภาครัฐ-เอกชนมุ่งสู่ดิจิทัล ต้องการระบบความปลอดภัยยืนยันตัวตนผ่านออนไลน์ 

นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY กล่าวว่า เทคโนโลยีการทำความรู้จักลูกค้าด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ถือเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของธุรกิจและแพลตฟอร์มต่างๆ สำหรับการเปิดให้บริการบนช่องทางออนไลน์ บริษัทในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย จึงร่วมกับบริษัท แอพแมน จำกัด (AppMan) ผู้นำเทคโนโลยี OCR อันดับหนึ่งในตลาดเรื่องความแม่นยำในการอ่านอักขระโดยเฉพาะภาษาไทย เชื่อมโยงเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน เพื่อสนับสนุนการทำสร้างระบบ e-KYC Solution ครบวงจร พร้อมตอบโจทย์โลกแห่งอนาคต

"เรามีความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้า หรือ Face Recognition ที่ได้รับเทคโนโลยีมาจากพันธมิตรชั้นนำด้าน AI ของโลกอย่าง SenseTime ขณะเดียวกัน AppMan ก็ถือเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการอ่านอักขระด้วยแสง หรือ Optical Character Recognition เมื่อเราเชื่อมโยงเทคโนโลยีของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน จะช่วยให้เราสามารถสร้าง e-KYC Solution ครบวงจร สร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยให้แก่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่กำลังมุ่งหน้าสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายสิทธิเดช กล่าว

ทั้งนี้ เทคโนโลยี e-KYC ของทั้ง 2 บริษัทจะช่วยพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้งานผ่านการสแกนบัตรประชาชน สแกนเอกสารทางราชการ ตลอดจนสแกนใบหน้าบนแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันต่างๆ ช่วยให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถป้องกันการปลอมแปลงเอกสารหรือตัวตน ป้องกันความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เรียกใช้ข้อมูลได้ง่ายจากฐานข้อมูล ลดขั้นตอนการทำงานเมื่อเทียบกับการต้องยืนยันตัวตนแบบต่อหน้า (Face to Face) ขณะเดียวกัน ยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ลดขั้นตอนการกรอกเอกสาร ลดระยะเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเทคโนโลยี Face Recognition และ OCR ของบริษัทยังมีจุดแตกต่างจากเทคโนโลยี e-KYC ทั่วไปที่มักมีต้นทุนต่อการทำธุรกรรม (Transaction) ค่อนข้างสูง การผนึกกำลังระหว่าง 2 บริษัทจะส่งผลให้ลูกค้ามีต้นทุนต่อ Transaction ต่ำลง เพื่อให้บริการในราคาที่เข้าถึงได้ มีความแม่นยำสูง อีกทั้งมีความปลอดภัยมาตรฐาน Banking Grade

ด้านนายธนภูมิ เจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอพแมน จำกัด หรือ AppMan ผู้นำเทคโนโลยี OCR อันดับหนึ่งในตลาด กล่าวว่า เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่มีความเปราะบางสูง บริษัทฯ จึงสร้างความเชื่อมั่นปกป้องข้อมูลความปลอดภัย ผ่านการตรวจสอบ (Audit) ทุกขั้นตอนมาตรฐานสากลระดับ CSA- Star Level 2 และ ISO/IEC27001 ก่อนนำเสนอสู่ตลาด พร้อมให้บริการบน Cloud อีกทั้งในระดับโลกนั้น เทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกับ e-KYC เข้ามามีบทบาทสำคัญมากในหลากหลายกลุ่มธุรกิจระยะหนึ่งแล้ว เช่น กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลโดยตรง เช่น ธุรกิจศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใช้ e-KYC เข้ามายืนยันตัวตน ป้องกันการโจรกรรมทางการเงินและการฟอกเงิน กลุ่มธุรกิจการศึกษาที่ปัจจุบันเริ่มมีสถาบันการศึกษาดิจิทัล หรือแม้กระทั่งการเรียนออนไลน์ของสถาบันการศึกษาต่างๆ ใช้ e-KYC เข้ามาช่วยยืนยันตัวตนผู้เข้าเรียนและผู้เข้าสอบ

"ในไทยเอง e-KYC เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในแทบทุกกลุ่มธุรกิจ เช่น ในกลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ มีการปรับตัวให้บริการคำปรึกษาด้านสุขภาพแบบ Online Video Consultation ต้องมีกระบวนการ Digital Onboarding และ e-KYC เข้ามาเกี่ยวข้อง ความร่วมมือกับสกาย ไอซีทีในครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ทั้ง 2 บริษัทขยายโอกาสในการบริการกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น รองรับทั้งการเติบโตในไทยและระดับโลก" นายธนภูมิ กล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักที่ทั้ง 2 บริษัทจะมุ่งเจาะตลาด มีทั้งกลุ่มหน่วยงานภาครัฐที่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการพิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบเอกสารทางราชการเพื่อความปลอดภัย กลุ่มภาคเอกชนในหลากหลายประเภทธุรกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มธุรกิจประกันภัย กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจการศึกษา กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ กลุ่มธุรกิจขนส่งอาหาร กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เป็นบริษัท Tech Company เต็มรูปแบบที่เน้นการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการ Digital Platform และ AI Solutions ให้ลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะของ SKY ICT

ขณะที่บริษัท แอพแมน จำกัด หรือ AppMan เป็นบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีกระบวนการทำงานอัจฉริยะ หรือ Intelligent Working Process (IWP) ดิจิทัลโซลูชันหลากหลายรูปแบบด้วยความเชี่ยวชาญเทคโนโลยี OCR, เอไอ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning) ครอบคลุมทุกธุรกิจ เสริมศักยภาพและขยายอีโคซิสเต็ม (Ecosystem) ทุกองค์กรตามมาตรฐานสากล
#3626



นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัท เอ็กโก ลินเดน ทู ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่เอ็กโกถือหุ้นทั้งหมด ที่ได้ลงทุนในบริษัท ลินเดน ทอปโก้ (Linden Topco) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น "ลินเดน โคเจน" ในสหรัฐอเมริกา ได้บรรลุข้อตกลงในการรับก๊าซที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงกลั่นที่มีองค์ประกอบเป็นไฮโดรเจนจากบริษัท ฟิลิปส์ 66 (Phillips 66) โรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้า

บริษัท ลินเดน ทอปโก้ จะปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซของโรงไฟฟ้าลินเดน หน่วยที่ 6 ให้สามารถรองรับก๊าซที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงกลั่นที่มีองค์ประกอบเป็นไฮโดรเจน จากโรงกลั่นน้ำมันเบย์เวย์ (Bayway Oil Refinery) ของบริษัท ฟิลิปส์ 66 ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อนำมาผสมเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับก๊าซธรรมชาติที่ใช้อยู่เดิม การปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2565 ส่งผลให้โรงไฟฟ้าลินเดน หน่วยที่ 6 สามารถรองรับการเผาไหม้เชื้อเพลิงผสมที่มีไฮโดรเจนผสมอยู่ได้สูงสุดถึง 40% ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่โรงไฟฟ้าลินเดน หน่วยที่ 6 ปลดปล่อยปกติในแต่ละปี

ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพลังงานและเชื้อเพลิง อย่างบริษัท เจร่า อเมริกา จำกัด (JERA Americas Inc.) ซึ่งเป็นพันธมิตรของบริษัท ลินเดน ทอปโก้ กำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกสำหรับการผลิตไฟฟ้าและการขนส่ง นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ปยังได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงกังดง ในเกาหลีใต้ ซึ่งใช้ไฮโดรเจนเป็นสารตั้งต้นหลักในการผลิตไฟฟ้าและความร้อน การลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ทั้งโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน และโรงไฟฟ้ากังดงนั้น เอ็กโก กรุ๊ปมีเป้าหมายที่จะสั่งสมความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจนเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศของบริษัทในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีด้านนี้พัฒนาเต็มที่

"เอ็กโก กรุ๊ป เป็นบริษัทลำดับต้นๆ ของประเทศไทยที่ส่งเสริมและสนับสนุนแผนการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงสะอาดสำหรับการผลิตไฟฟ้าของประเทศ บริษัทมุ่งมั่นส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงสะอาดมาผลิตไฟฟ้าและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง" นายเทพรัตน์กล่าว
#3627


หนังว่าด้วยครอบครัวนักซิ่ง Fast 9 กลายเป็นหนังที่ทำเงินได้สูงสุดของฮอลลีวูด หลังจากการระบาดของเชื้อไวรัสถึงตอนนี้ภาคที่เก้าของหนังชุด Fast and Furious กวาดเงินเกิน 500 ล้านเหรียญฯ ซึ่งแม้จะน้อยกว่ามาตรฐานของหนังชุดนี้พอสมควร แต่ด้วยสถานการณ์แวดล้อม รายได้ที่เกิดขึ้นก็ถือว่าสุดยอดแล้ว

นับรวมกับรายได้ของ Godzilla Vs Kong ก่อนหน้านี้ก็ถือว่าหรือเริ่มจะลืมตาอ้าปากได้มากขึ้น หลังสหรัฐสถานการณ์ดีขึ้นมากหนังได้เข้าฉายมากขึ้นเรื่อยๆแต่หนังทั้งสองเรื่องของฮอลลีวูดกลับไม่ใช่หนังที่ทำเงินสูงสุดของปีนี้แต่อย่างใด

ตอนนี้หนังที่ทำเงินมากที่สุดในโลกประจำปี 2021 ยังคงเป็นหนังจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ชื่อว่า Hi, Mom ที่กวาดเงินไปแบบไม่เกรงใจใคร 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการฉายจะพูดที่จีนแผ่นดินใหญ่ทีเดียวไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงรายได้จากนอกประเทศเลย

แถมอันดับสองก็ยังเป็นหนังจีนอีกเช่นเคย กับ Detective Chinatown 3 ที่กวาดเงินไปเกือบ 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ น่าจะติดอันดับต้นๆ หนังทำเงินประจำปีนี้เช่นเดียวกัน โดยหนังทั้งสองเรื่องเป็นผลผลิตของหนังตรุษจีนประจำปี 2021 ซึ่งตอนนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาการฉายหนังที่สำคัญที่สุดในปฏิทินประจำปีปีของวงการภาพยนตร์โลกไม่แพ้ซัมเมอร์ของสหรัฐฯ แต่อย่างใด

ส่วนหนังจีนที่ทำเงินมาเป็นอันดับสามของปีนี้เป็นหนังแนวสายลับผสมชาตินิยมเล่าเรื่องของสายลับจากพรรคคอมมิวนิสต์ ในช่วงยุค 1930 ผลงานของ ยอดผู้กำกับแผนจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง "จางอี้โหมว" ที่หลังจากได้รับใช้ชาติกำกับพิธีเปิดโอลิมปิก แถมโดนดำเนินคดีฐานมีลูกหลายคนขัดกับกฏหมายลูกคนเดียวของจีนเมื่อหลายปีก่อนระยะหลังๆ ก็เลยทำหนังเน้นเอาใจพรรคคอมมิวนิสต์แทบจะลูกเดียวแต่ก็ดูเหมือนจะได้ผล เพราะ Cliff Walkers เรื่องนี้ทำเงินไปได้สวยทีเดียวถึง 180 ล้านเหรียญฯ

หนังจีนอีกเรื่องที่ทำเงินได้ น่าพอใจเลยก็คือ A Writer's Odyssey หนังแนวสืบสวนผสมแฟนตาซี ที่เล่าเรื่องของนักเขียนหนุ่มที่โลกแห่งความจริงกับโลกของนิยายที่เขาเขียนเริ่มจะทับซ้อนกัน หนังเต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษมากมายจนไม่น่าแปลกใจที่ชาวจีนจะตีตั๋วกันไปชมสูงถึง 150 ล้านเหรียญฯ

หนังจีนที่ทำเงินเกินหนึ่งร้อยล้านเรียนเรื่องสุดท้ายในปีนี้ กลับเป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างไม่สูงหนักที่เชื่อ SISTER ที่โดนใจชาวจีนเล่าเรื่องเกี่ยวกับ ชีวิตของคนที่ได้ชื่อเป็นลูกสาวในครอบครัวชาวจีนที่มักจะเติบโตมาโดยไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่ากับลูกชายในบ้าน เห็นฟอร์มเล็กทุนไม่สูงแบบนี้ SISTER กดรายได้ไปแล้วเกิน 100 ล้านเหรียญ เรียกว่ากำไรมหาศาลไปเรียบร้อยแล้ว

รวมกับ Shock Wave 2 ของ หลิวเต๋อหัว ที่เข้าฉายตอนสิ้นปี 2020 และทำเงินได้ดีในช่วงต้นปี 2021 จนกวาดรายได้ไปเกิน 200 ล้านเหรียญฯ แล้ว ก็ ถือวงการหนังจีน ยังพอไปได้เลยทีเดียว

แต่ที่กะกวาดเงินเต็มๆ แต่สุดท้ายกลับรายได้กลางๆ เป็นหนังรำลึกความหลังหนึ่งร้อยปีพรรคคอมมิวนิสต์ที่ชื่อว่า 1921 ที่แม้จะเปิดตัวได้มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่สุดท้ายรายได้กลับไม่ค่อยเดินหน้า ตอนนี้หนังทำเงินรวมไปแล้วแค่ 49 ล้านเหรียญฯ ห่างไกลเหลือเกินที่จะทะลุหลัก 100 ล้านเหรียญฯ

น่าสนใจว่าสุดท้ายจะมีหนังอะไรที่มาแซงหน้าขึ้นเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 ประจำปีนี้ได้หรือไม่ จะมีหนังม้ามืด หรือจะเป็นม้าเต็งอย่างหนังสงคราม The Battle at Lake Changjin ที่ถล่มทุนสร้างไปถึง 200 ล้านเหรียญฯ ผลงานของสามผู้กำกับ ฉีเคอะ ดังเด้ แลม และ เฉินกายเค่อ เรื่องนี้ ก็อยากจะคาดเดาจริงๆ เพราะถึงแม้วงการหนังจีน จะเงินสะพัด แต่ก็คาดเดาได้ลำบาก บทจะฮิตก็ทำเงินอย่างถล่มทลาย บทจะเจ๊งก็เจ๊งกันแบบไม่รู้ตัว
 
#3628


นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเร่งเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งจากภายในสู่ภายนอก ภายใต้กลยุทธ์ "Building A Stronger Now" ปรับตัวและพัฒนาทิศทางการทำงานของทุกองคาพยพในองค์กร เพื่อให้องค์กร พนักงาน พันธมิตร ลูกบ้าน ตลอดจนลูกค้าใหม่ ยังสามารถก้าวไปได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ภายใต้ทุกความท้าทายในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

"ภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังยังคงได้รับแรงกดดันอย่างมากจากโควิด-19 ทุกธุรกิจและอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำให้มากกว่า ทำให้แกร่งกว่า วางแผนพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้เราสามารถควบคุมความไม่แน่นอนเหล่านั้นและรับมือทุกสถานการณ์ได้อย่างแข็งแกร่ง และไม่ใช่แค่ทำให้องค์กรแข็งแกร่งขึ้น เราต้องช่วยพนักงาน ช่วยพันธมิตร ช่วยลูกบ้าน ช่วยลูกค้า ช่วยผู้เกี่ยวข้องกับองค์กรในทุกส่วนให้แกร่งขึ้นไปด้วย เพื่อให้ทุกคนรอดพ้นจากความท้าทายครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างยั่งยืน" นางสาวเพชรลดา กล่าว

สำหรับกลยุทธ์ Building A Stronger Now ประกอบด้วยการปรับตัวและพัฒนาการทำงานภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.Stronger Move เดินหน้าองค์กรให้แกร่งกว่าเดิมและเข้ากับสถานการณ์ เริ่มต้นจากด้านการพัฒนาโครงการ ด้านการพัฒนาโครงการ ปรับแผนในช่วงไตรมาส 4/2564 เน้นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวแทนคอนโดมิเนียม โดยปรับจากแผนเดิมที่มีบ้านเดี่ยว 1 โครงการและคอนโดมิเนียม 2 โครงการ สู่การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการและคอนโดมิเนียม 1 โครงการแทน ด้านการตลาด เร่งจับมือพันธมิตรเพื่อเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการของเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้น อาทิ การเยี่ยมชมโครงการแบบ 360 Virtual Tour ภายใต้ Major Private Tour และจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้านการเงิน เร่งสำรองเงินสด และสินเชื่อพร้อมใช้ ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจให้พร้อมรับมือความท้าทาย พร้อมทั้งได้เตรียมการในการจ่ายคืนหุ้นกู้ในปีนี้ให้ครบถ้วน ด้านการกระจายความเสี่ยง เร่งเดินหน้าธุรกิจใหม่ๆ ให้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ HealthScape ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต (Lifescape Developer) คาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ภายใต้ธุรกิจ HealthScape ในช่วงปลายไตรมาส 3/2564 นี้

2.Stronger Community ดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ทุกส่วนให้แข็งแกร่งกว่าเดิม ทั้งกลุ่มพนักงาน พันธมิตร ตลอดจนลูกบ้าน โดยออกแคมเปญ We've got your back เข้าไปดูแลให้ความช่วยเหลือผู้เกี่ยวข้องในด้านชีวิตความเป็นอยู่ อาทิ การเปิดให้ลูกบ้าน พนักงาน ครอบครัว คู่ค้า สามารถร่วมจองวัคซีนทางเลือกผ่านบริษัท การจัดส่งอาหารและของใช้จำเป็นไปมอบให้ผู้รับเหมาและแคมป์คนงาน การเปิดพื้นที่ให้ลูกบ้านสามารถโปรโมทร้านค้าของตัวเองได้บน Official Facebook Fanpage ของ Major Development การมอบพริวิเลจดูแลทั้งลูกบ้านและสัตว์เลี้ยงให้ครอบคลุมความเป็น Pet-friendly residences ขณะเดียวกัน เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน มอบ Financial Solution ดูแลทั้งลูกบ้านเดิมและลูกค้าใหม่

3.Stronger Life Journey เร่งศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค และ Customer Journey ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงโควิด-19 เพื่อมาพัฒนาสินค้าและบริการทั้งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรีและกลุ่มธุรกิจใหม่ให้ตอบโจทย์ทุกห้วงเวลาชีวิตของผู้บริโภคในอนาคต

ADVERTISEMENT


x
นางสาวเพชรลดา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทยังคงรักษาขีดความสามารถในการดำเนินการได้อย่างดี มี Backlog ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 รวม 4,635 ล้านบาท และสามารถปิดการขายได้ถึง 3 โครงการ ในที่นี่รวมไปถึงโครงการมอลตัน ไพรเวท เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 31 ที่ปิดโครงการได้ภายในเวลาเพียง 1 ปี การก่อสร้างและทยอยโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการเมทริส พัฒนาการ-เอกมัย ที่ทำได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกัน มาตรการปิดแคมป์คนงาน ในช่วงเดือน ก.ค. ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานภาพรวมของบริษัทมากนัก เนื่องจากปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเพียงไม่กี่โครงการ เช่น โครงการมิวนีค หลังสวน ซึ่งเดิมก่อสร้างมาได้เร็วกว่าแผนงาน และน่าจะส่งมอบได้ตามกำหนดการ การเดินหน้ากลยุทธ์ Building A Stronger Now จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ต่อยอดการดำเนินงานของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นจากครึ่งปีแรก พร้อมรับมือทุกความท้าทายและดูแลทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้องกับบริษัทให้ก้าวไปได้อย่างยั่งยืน
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเร่งเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งจากภายในสู่ภายนอก ภายใต้กลยุทธ์ "Building A Stronger Now" ปรับตัวและพัฒนาทิศทางการทำงานของทุกองคาพยพในองค์กร เพื่อให้องค์กร พนักงาน พันธมิตร ลูกบ้าน ตลอดจนลูกค้าใหม่ ยังสามารถก้าวไปได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ภายใต้ทุกความท้าทายในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

"ภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังยังคงได้รับแรงกดดันอย่างมากจากโควิด-19 ทุกธุรกิจและอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำให้มากกว่า ทำให้แกร่งกว่า วางแผนพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้เราสามารถควบคุมความไม่แน่นอนเหล่านั้นและรับมือทุกสถานการณ์ได้อย่างแข็งแกร่ง และไม่ใช่แค่ทำให้องค์กรแข็งแกร่งขึ้น เราต้องช่วยพนักงาน ช่วยพันธมิตร ช่วยลูกบ้าน ช่วยลูกค้า ช่วยผู้เกี่ยวข้องกับองค์กรในทุกส่วนให้แกร่งขึ้นไปด้วย เพื่อให้ทุกคนรอดพ้นจากความท้าทายครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างยั่งยืน" นางสาวเพชรลดา กล่าว

สำหรับกลยุทธ์ Building A Stronger Now ประกอบด้วยการปรับตัวและพัฒนาการทำงานภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.Stronger Move เดินหน้าองค์กรให้แกร่งกว่าเดิมและเข้ากับสถานการณ์ เริ่มต้นจากด้านการพัฒนาโครงการ ด้านการพัฒนาโครงการ ปรับแผนในช่วงไตรมาส 4/2564 เน้นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวแทนคอนโดมิเนียม โดยปรับจากแผนเดิมที่มีบ้านเดี่ยว 1 โครงการและคอนโดมิเนียม 2 โครงการ สู่การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการและคอนโดมิเนียม 1 โครงการแทน ด้านการตลาด เร่งจับมือพันธมิตรเพื่อเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการของเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้น อาทิ การเยี่ยมชมโครงการแบบ 360 Virtual Tour ภายใต้ Major Private Tour และจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้านการเงิน เร่งสำรองเงินสด และสินเชื่อพร้อมใช้ ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจให้พร้อมรับมือความท้าทาย พร้อมทั้งได้เตรียมการในการจ่ายคืนหุ้นกู้ในปีนี้ให้ครบถ้วน ด้านการกระจายความเสี่ยง เร่งเดินหน้าธุรกิจใหม่ๆ ให้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ HealthScape ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต (Lifescape Developer) คาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ภายใต้ธุรกิจ HealthScape ในช่วงปลายไตรมาส 3/2564 นี้

2.Stronger Community ดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ทุกส่วนให้แข็งแกร่งกว่าเดิม ทั้งกลุ่มพนักงาน พันธมิตร ตลอดจนลูกบ้าน โดยออกแคมเปญ We've got your back เข้าไปดูแลให้ความช่วยเหลือผู้เกี่ยวข้องในด้านชีวิตความเป็นอยู่ อาทิ การเปิดให้ลูกบ้าน พนักงาน ครอบครัว คู่ค้า สามารถร่วมจองวัคซีนทางเลือกผ่านบริษัท การจัดส่งอาหารและของใช้จำเป็นไปมอบให้ผู้รับเหมาและแคมป์คนงาน การเปิดพื้นที่ให้ลูกบ้านสามารถโปรโมทร้านค้าของตัวเองได้บน Official Facebook Fanpage ของ Major Development การมอบพริวิเลจดูแลทั้งลูกบ้านและสัตว์เลี้ยงให้ครอบคลุมความเป็น Pet-friendly residences ขณะเดียวกัน เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน มอบ Financial Solution ดูแลทั้งลูกบ้านเดิมและลูกค้าใหม่

3.Stronger Life Journey เร่งศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค และ Customer Journey ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงโควิด-19 เพื่อมาพัฒนาสินค้าและบริการทั้งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรีและกลุ่มธุรกิจใหม่ให้ตอบโจทย์ทุกห้วงเวลาชีวิตของผู้บริโภคในอนาคต

นางสาวเพชรลดา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทยังคงรักษาขีดความสามารถในการดำเนินการได้อย่างดี มี Backlog ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 รวม 4,635 ล้านบาท และสามารถปิดการขายได้ถึง 3 โครงการ ในที่นี่รวมไปถึงโครงการมอลตัน ไพรเวท เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 31 ที่ปิดโครงการได้ภายในเวลาเพียง 1 ปี การก่อสร้างและทยอยโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการเมทริส พัฒนาการ-เอกมัย ที่ทำได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกัน มาตรการปิดแคมป์คนงาน ในช่วงเดือน ก.ค. ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานภาพรวมของบริษัทมากนัก เนื่องจากปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเพียงไม่กี่โครงการ เช่น โครงการมิวนีค หลังสวน ซึ่งเดิมก่อสร้างมาได้เร็วกว่าแผนงาน และน่าจะส่งมอบได้ตามกำหนดการ การเดินหน้ากลยุทธ์ Building A Stronger Now จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ต่อยอดการดำเนินงานของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นจากครึ่งปีแรก พร้อมรับมือทุกความท้าทายและดูแลทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้องกับบริษัทให้ก้าวไปได้อย่างยั่งยืน
#3629
3in1 led 36pcs 1w led flat par light DJ DMX512 Stage Lighting   

ไฟเวที LED FLAT PAR สุดคุ้มการใช้ ปาร์ตี้, ดิสโก้, KTV, ผับ, ร้านอาหาร, สวน, สวนสาธารณะ, พลาซ่า เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ ด้วยชุดไฟ วิบวับ  แค่ 990 บาท 

- 1 หลอดมีหลาย สี  RGB MiXED COLOR
- วัตต์: ประมาณ 36 x  วัตต์
- แรงดันไฟฟ้า: 110-220 - v
-แหล่งพลังงาน: AC
- สามารถใช้ได้กับเครื่องควบคุมสัญญาณไฟ DMX512 
- รูปแบบไฟเปลี่ยนได้ถึง 7 แบบ ได้แก่ ปล่อยอัตโนมัติ เปลี่ยนตามจังหวะดนตรี master-slave
- รับประกัน 1 เดือน

สนใจ ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า
โทร : 094-5102033
LINE :@gentech
หรือคลิก https://lin.ee/eYs6pVN


#ป้ายNeonflex #ป้ายไฟสั่งทำ #ป้ายเชียร์ #ป้ายร้าน #ป้ายไฟดัด #ป้ายไฟled
#lighting #ไฟled #ledonhome #ป้ายไฟ #ป้ายไฟร้าน #ราคาป้ายไฟ #อุปกรณ์ไฟ
#โคมไฟ #ไฟตกแต่ง #ไฟประดับ #ไฟดาวไลน์led #วิธีเปลี่ยนหลอดled #วิบวับ #laser






#3630
สำนักพรเทวะ (มหาสารคาม)


ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ดูดวง รับสอนการพยากรณ์ด้วยไพ่ออราเคิล แก้อาถรรพ์ร่างกาย รับลงนะ ลงทอง สาริกาลิ้นทอง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รับทำเทียนสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา รับโชค แก้ชง เสริมดวงเสริมบารมีต่างๆ เรียกคู่ เรียกจิต สักน้ำมันว่านยา 108 ให้บูชาน้ำมันว่านสาวหลง น้ำมันว่านดอกทอง อื่น ๆ รับวิเคราะห์ชื่อ(ฟรี) รับตั้งชื่อ จำหน่ายเพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต ให้บูชาคัมภีร์พระเวทย์

สนใจติดต่อ
นายธีรพัชร์ วงศ์วรนิตย์ (อ.ทองเอก พรเทวะ)
โทร 0846623662
website :  http://goo.gl/Y5nYSO
Facebook: facebook.com/teerapat992018
Line : teerapat999lazada : https://www.lazada.co.th/shop/porntaywa/?spm=a2o4m.pdp_revamp.delivery_options.1.6dbbfeeao328sS&itemId=1863368460&channelSource=pdpshopee :   https://shopee.co.th/teerapat992018 
 
#3631



ญี่ปุ่นเผชิญการระบาดของโควิดระลอกที่ 5 ทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อรายวัน 7,629 คน เฉพาะกรุงโตเกียว 2,848 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว

ทางการกรุงโตเกียวยืนยันยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2,848 คน เป็นตัวเลขรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนในจังหวัดอื่นก็มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก คือ จังหวัดคานางาวะ 758 คน, จังหวัดโอซากา 741 คน, จังหวัดไซตามะ 593 คนสูงสุดเป็นประวัติการณ์, จังหวัดชิบะ 405 คน, จังหวัดโอกินาวา 354 คนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งประเทศญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้ 7,629 คน

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกฯญี่ปุ่น ยอมรับว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากญี่ปุ่นเพิ่งผ่านช่วงวันหยุดยาว 4 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูร้อนและเทศกาล "โอบง" ที่ประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อสักการะบรรพบุรุษ

ผู้นำญี่ปุ่นเรียกร้องให้ประชาชนชมการแข่งขัน "โตเกียวโอลิมปิก" ทางโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน และงดออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น

การระบาดระลอกใหม่นี้สร้างความกังวลมากขึ้น เมื่อมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาเพิ่มมากขึ้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 30 ของผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด แต่ทว่าจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตยังค่อนข้างน้อย เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย และมีผู้ป่วยหนัก 514 ราย

คณะแพทย์เตือนว่า เชื้อสายพันธุ์เดลตาติดต่อได้รวดเร็ว และลุกลามสู่ปอดได้เร็ว ทำให้ผู้ติดเชื้อกลุ่มคนหนุ่มสาวก็อาจมีอาการหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและใช้เครื่องช่วยหายใจ คณะแพทย์เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเพิ่มจำนวนเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วย และสร้างระบบติดตามผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้าน

หนุ่มสาวยังไม่ได้วัคซีน ติดเชื้อเพียบ

การระบาดระลอกนี้ผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาววัย 20-40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ส่วนผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปพบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 2% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด

ญี่ปุ่นเร่งการฉีดวัคซีนได้มากกว่าวันละ 1,600,000 เข็ม แต่ขณะนี้การจัดสรรวัคซีนเผชิญปัญหาหยุดชะงัก ทางการท้องถิ่นหลายแห่งระงับการฉีดวัคซีนเข็มแรก โดยฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับผู้สูงอายุเท่านั้น ขณะนี้ผู้สูงอายุในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วราว 68.2% ส่วนประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนครบแล้วราว 25.5% .

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนแล้ว แต่กลุ่มหนุ่มสาวยังไม่ได้วัคซีน ภาพรวมทั้งประเทศมีผู้ฉีดเข็มแรก 36.9% ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 25.5%
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนแล้ว แต่กลุ่มหนุ่มสาวยังไม่ได้วัคซีน ภาพรวมทั้งประเทศมีผู้ฉีดเข็มแรก 36.9% ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 25.5%
#3632



โควิด-19 ฉุดธุรกิจรายได้หาย กำไรหด ชิ่งการจ้างงาน คนตกงาน ว่างงานมโหฬาร แมนพาวเวอร์ กรุ๊ป ชี้ช่ององค์กร นายจ้าง ยังต้องการคนทำงานทั้งสายไอที การตลาดดิจิทัล โลจิสติกส์ รับอีคอมเมิร์ซโต แต่จ้างงานเน้น "ชั่วคราว" สัญญาจ้าง ลดเสี่ยง ความไม่แน่นอนในอนาคต

นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระยะยาวข้ามปี ส่งผลต่อตลาดแรงงานให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งจากการสำรวจและประเมินภาพรวมตลาดพบว่านายจ้างและแรงงานต่างได้มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น แต่ในห้วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ตลาดงาน สายงานต่างๆ เป็นสิ่งที่แรงงานต้องการมากสุด เพื่อสร้างโอกาสการมีอาชีพ รายได้ในยามวิกฤติ  

ทั้งนี้ เจาะลึกตลาดงานยังเป็นที่ต้องการขององค์กรต่างๆ มีดังนี้ 1.กลุ่มงานสายไอทีเป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงมาก เพราะปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นเครื่องมือทำงานมากขึ้นในยุคโควิด โดยตำแหน่งงานที่ต้องการ ได้แก่ Application Developer, IT Network, IT Engineer, Programmer & Developer, IT Sales, IT Support และ IT Specialist เป็นต้น 2.สายงานที่สร้างรายได้ให้ธุรกิจ ได้แก่  งานด้านการขาย  ทั้งงานขายออนไลน์ รองรับการเติบโตตลาดอีคอมเมิร์ซ  งานพัฒนาธุรกิจ  เพื่อหาตลาดใหม่รวมถึงการเพิ่มฐานลูกค้ารับมือการเปลี่ยนแปลงทุกสถานการณ์   

3.สายงานด้านการตลาดดิจิทัล รองรับธุรกิจในยุคที่เทคโนโลยี ดิจิทัลทรงพลัง หนึ่งในอาชีพใหม่ยอดฮิตคือการเกิดขึ้นของเหล่า "ยูทูปเบอร์"  (YouTuber) และบล็อกเกอร์ (Blocker) เป็นเครื่องมือเสริมศักยภาพในการสื่อสารการตลาดและเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าบริการต่างๆ และยังมีอาชีพ เทรนเนอร์ออนไลน์ ,ติวเตอร์ออนไลน์ ,ธุรกิจให้คำปรึกษาออนไลน์ เป็นโอกาสของคนมองหางานและรายได้เพิ่มเติม


4.สายงานด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเติบโตของการค้าขายอีคอมเมิร์ซ การบริหารงานคลังสินค้าและการขนส่ง โดยตำแหน่งมีหลากหลายทั้งการจัดการคลังสินค้า การจัดส่งสินค้าหรือไรเดอร์ พนักงานขับรถส่งอาหารเดลิเวอรี่, งานขับรถส่งสินค้าและพัสดุ เป็นต้น 5.สายงานบัญชีและการเงิน เช่ย พนักงานบัญชี  พนักงานการเงิน และงานที่ปรึกษาด้านการเงิน 6.สายงานผู้เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะทาง ได้แก่ แพทย์  พยาบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์


"ในห้วงวิกฤติโรคโควิด-19 บุคลากรทางการแพทย์ เป็นอีกอาชีพที่ความตลาดแรงงานมีความต้องการสูง เพื่อเป็นด่านหน้าในการรับมือกับโรคระบาด" 

นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจ คือการจ้างในสายโรงงานอุตสาหกรรม แม้ว่ามีความต้องการวิศวกรและพนักงานฝ่ายผลิตจำนวนมาก แต่บางอุตสาหกรรม เลือกรูปแบบการ "จ้างงานชั่วคราว" หรือเป็นสัญญาจ้าง เพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ต่างทีไม่แน่นอน ส่วนสายงานอื่นๆที่ยังมีความต้องการสูง เช่น งานบริการลูกค้าให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ งานด้านประกันภัย รองรับธุรกิจที่เติบโตค่อนข้างมาก  เป็นต้น 

ขณะที่คุณสมบัติที่นายจ้างต้องการจากแรงงาน สำหรับงานระยะสั้น คือทักษะการทำงานข้ามสายงานได้ ใช้เทคโนโลยีได้ดี มีการปรับตัวยอมรัและเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว  รวมทั้งพนักงานต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองสูง สามารถทำงานโดยไม่มีหัวหน้าทำงานเพื่อติดตามและแนะนำ พร้อมยังต้องแก้ปัญหาเฉพาะได้ดี และมีมุมมองของความเป็นผู้นำในตัวเอง

"การปรับตัวของแรงงานท่ามกลางยุคโควิด-19 ระบาด เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ควร คนทำงานจะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเอง พร้อมปรับตัว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ทั้งทั้งเทคโนโลยี  ระบบใหม่ๆ  การทำงานผ่านแพลตฟอร์มต่างๆมากขึ้น ขณะเดียวกันแรงงานควรทำความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ มีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และสื่อสารอย่างเหมาะสม  เพื่อให้การทำงานกับผู้อื่นเป็นไปด้วยความราบรื่นและบรรลุวัตถุประสงค์ ภายใต้ข้อจำกัดมากมาย ทั้งระยะห่างทางกายภาพและการทำงานระยะไกลผ่านเทคโนโลยีต่างๆ"
#3633
ไอดินไทย เครื่องประดับดินปั้น ด้วยอินสไปเรชั่นทำเครื่องประดับดินปั้นมาจากความชอบที่มีต่อละครมนต์รักลูกทุ่งและก็แฟชั่นการแต่งกายสมัยนั้น





ทำให้คุณพัชร์ชิสา ไชยวีรวัฒน์ เกิดความคิดในการทำเครื่องประดับร่วมกับการเล่าเรียนปั้นดินไทยของชุมชนระแหง จังหวัดตาก จนกลายมาเป็นเครื่องประดับดินปั้นที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วมากกว่า 10 ปี





ซึ่งตัววัสดุนั้นเป็นดินไทยที่ผสมกับดินท้องถิ่นของจังหวัดตาก มีความสวยงามผสมความเป็นไทย สีสันสดใส ความเป็นธรรมชาติและนอกจากนี้ทุกสินค้ามีรอยนิ้วมือจากการปั้น โดยไม่ใช้เครื่องจักร แสดงถึงงานหัตถกรรมอย่างแท้จริง


#3634



เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย และมีผลต่อการดำเนินชีวิตมากๆ ตัวช่วยที่ใกล้มือที่สุด ณ ปัจจุบันนี้คงหนีไม่พ้นแอพพยากรณ์อากาศ เพราะ แอพ ประเภทนี้ซึ่งมีมากมาย ช่วยให้เรารู้ว่าอากาศจะเป็นอย่างไรบ้างในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า เพียงแค่ปลายนิ้วก็รู้ได้อย่างง่ายดาย

แต่สภาพแวดล้อมมหาสมุทรซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กันล่ะ มีแอพ "พยากรณ์อากาศ" หรือเปล่า? ล่าสุดผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นได้สร้าง "แอพ" มือถืออย่าง Global Ocean on Desk (GOOD) หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า "GOOD APP" เพื่อให้คนทั่วโลกเข้าถึงการพยากรณ์สภาพแวดล้อมมหาสมุทรได้ง่ายๆ

"GOOD APP" เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกดูข้อมูลพยากรณ์สภาพแวดล้อมมหาสมุทรได้โดยตรงตามใจต้องการบนมือถือของตัวเอง โดย "แอพ" นี้พยากรณ์ภัยพิบัติทางทะเล อย่างคลื่นพายุซัดฝั่งและคลื่นสึนามิได้ ทั้งยังช่วยทีมชายฝั่งทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ป้องกันและลดภัยอันตรายทางทะเล บริหารจัดการการประมง และแม้แต่การท่องเที่ยว

"แอพ" นี้ใช้งานได้ 3 ภาษา ได้แก่ ไทย มาเล และอังกฤษ โดยเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างไทย มาเลเซีย และจีน ด้วยการสนับสนุนจากกองทุน China-ASEAN Cooperation Fund แอพดังกล่าวแสดงผลการพยากรณ์สภาพแวดล้อมมหาสมุทรเชิงตัวเลขให้เป็นภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นความสูงของคลื่นพื้นผิว ระยะเวลาของคลื่น ระดับน้ำทะเล กระแสน้ำมหาสมุทรแบบสามมิติ อุณหภูมิและความเค็มของทะเล เป็นต้น ครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลกในช่วง 120 ชั่วโมงข้างหน้า (5 วัน) ผ่านสมาร์ทโฟน


แน่นอนว่า "GOOD APP" ไม่ได้ถูกคิดค้นและสร้างขึ้นในคืนเดียว เพราะก่อนที่จะเปิดตัวแอพนี้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2561 ระบบ Ocean Forecast System (OFS) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของแอพนี้ ถูกพัฒนาขึ้นเป็นเวลากว่าหลายทศวรรษ และมีการนำไปทดลองใช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2561


โดยที่ OFS ใช้โมเดลเชิงตัวเลขที่คอยประสานการไหลเวียน คลื่น และกระแสน้ำพื้นผิว โมเดลใหม่นี้แตกต่างจากโมเดลมหาสมุทรอื่นๆ ที่พยากรณ์คลื่น กระแสน้ำ และการเคลื่อนไหวแยกกันโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบระหว่างกันของปัจจัยเหล่านี้ เพราะโมเดลใหม่ดังกล่าวนำปัจจัยทั้ง 3 นี้มาพิจารณาพร้อมกัน และยกระดับความแม่นยำและประสิทธิภาพของการพยากรณ์มหาสมุทรได้อย่างมาก

ตัวอย่างเช่น ข้อผิดพลาดจากการพยากรณ์ความลึกของชั้นผสม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการปกป้องระบบนิเวศทางทะเล การก่อตัวของไต้ฝุ่น และการพยากรณ์สภาพอากาศ นับว่าเป็นจุดติดขัดมาถึงครึ่งศตวรรษ แต่บัดนี้ปัญหาดังกล่าวหายไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์


ศาสตราจารย์ Qiao Fangli หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบัน First Institute of Oceanography (FIO) ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีน กล่าวว่า "โมเดลดังกล่าวได้รับการตรวจสอบแล้วจากการสังเกตและการทดลองในห้องปฏิบัติการ โดยช่วยยกระดับความแม่นยำของการพยากรณ์มหาสมุทรได้ถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์"

ย้อนกลับไปยังปี 2551 เมื่อ Qiao Fangli ได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับความสำเร็จของแบบจำลองมหาสมุทรของเขาในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติของ IOC/WESTPAC ครั้งที่ 8 เขาได้พบกับ ศาสตราจารย์ สมเกียรติ ขอเกียรติวงศ์ จากศูนย์ชีววิทยาทางทะเล จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย เป็นครั้งแรก ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานของระบบสังเกตการณ์ในทะเลและมหาสมุทรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAGOOS) และ ศาสตราจารย์ Fredolin Tangang จากมหาวิทยาลัย Universiti Kebangsaan Malaysia (UKM) ของมาเลเซีย หลังจากการอภิปรายกันอย่างดุเดือด แนวคิดความร่วมมือระหว่างทีมนักวิจัยจากจีน ไทย และมาเลเซีย ในการพัฒนาระบบพยากรณ์มหาสมุทรแบบใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น โครงการนี้ได้รับการอนุมัติโดย IOC/WESTPAC ในปี 2553 และในอีก 2 ปีถัดมา OFS แบบปฏิบัติการ ก็เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2555


ศาสตราจารย์ Qiao กล่าวว่า "ประเทศไทย มาเลเซีย จีน และประเทศที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สามารถได้รับประโยชน์จากโครงการ OFS และความร่วมมือของเราก็เข้ามาเสริมสร้างมิตรภาพและความร่วมมือในระหว่างประเทศต่างๆ ได้อย่างมาก"

OFS มีบทบาทสำคัญในการค้นหากู้ภัยในเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ซึ่งเรือท่องเที่ยว 2 ลำ พร้อมนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 130 ราย โดยส่วนมากเป็นชาวจีน จมลงนอกเกาะภูเก็ตทางภาคใต้ของประเทศไทย เนื่องมาจากพายุที่รุนแรงในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

นอกจากภารกิจค้นหาและกู้ภัยของเจ้าหน้าที่ไทยแล้ว ทีมวิจัยระหว่างประเทศของจีนและไทยได้ให้ความช่วยเหลือทางวิทยาศาสตร์อย่างแข็งขัน พวกเขาใช้ OFS คาดการณ์กระแสน้ำในมหาสมุทรและคลื่น ตลอดจนลดพื้นที่การค้นหาลงเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการคาดการณ์กระแสน้ำบริเวณรอบเรือที่จมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยให้ทีมกู้ภัยของไทยปฏิบัติภารกิจกู้ภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

OFS จึงนับเป็นระบบ "พยากรณ์" สภาพแวดล้อมในมหาสมุทรระดับชาติของทั้งประเทศไทยและมาเลเซียในขณะนี้ นอกจากความช่วยเหลือทางทะเลแล้ว ยังมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายๆ ด้าน เช่น การปกป้องแนวปะการัง ความปลอดภัยของการขนส่งทางทะเล การติดตามแหล่งที่มาและการพยากรณ์ขยะที่ลอยอยู่ในทะเล รวมถึงการรั่วไหลของน้ำมัน เป็นต้น สำหรับชาวประมง OFS และ "GOOD APP" ที่พัฒนาขึ้นมาจาก OFS คาดการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงเพื่อที่จะรับรองความปลอดภัยและการผลิต
#3635




รัสเซียไฟเขียวเดินหน้าการทดลองทางคลินิก ฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อระหว่างแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของสหราชอาณาจักร กับสปุตนิก วี ของรัสเซีย จากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านยาของแดนหมีขาว หลังจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการด้านจริยธรรมของกระทรวงสาธารณสุขเคยสั่งระงับกระบวนการเห็นชอบสำหรับการทดลองทางคลินิกในเดือนพฤษภาคม และร้องขอข้อมูลเพิ่มเติม

คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านยาของรัสเซีย เปิดเผยว่า คลินิก 5 แห่งจะดำเนินการทดลองฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อระหว่างแอสตร้าเซนเนก้ากับสปุตนิก วี และมีกำหนดเสร็จสิ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2022

ทั้งแอสตร้าเซนเนก้าและสปุตนิก วี ต่างเป็นวัคซีน 2 เข็ม แต่ สปุตนิก วี ใช้ไวรัสเวคเตอร์ที่ต่างออกไปในวัคซีน 2 เข็มของพวกเขา

กองทุนการลงทุนโดยตรงแห่งรัสเซีย (Russian Direct Investment Fund หรือ RDIF) ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนวัคซีนสปุตนิก วี แสดงความยินดีต่อการตัดสินใจให้เดินหน้าการทดลอง

"เวลานี้ RDIF กำลังทำการทดลองทางคลินิกร่วม ในการใช้วัคซีนสปุตนิก วี ไลท์ กับวัคซีนจากผู้ผลิตต่างชาติเจ้าอื่นๆ" กองทุนการลงทุนโดยตรงแห่งรัสเซียระบุในถ้อยแถลง

"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัคซีนสปุตนิก วี ไลท์ สามารถใช้ร่วมกับวัคซีนอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในนั้นรวมถึงกับตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่เป็นผลจากการกลายพันธุ์ของไวรัส"

สปุตนิก วี เป็นการใช้ไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ มาเป็นพาหะ (vector) ผลิตโดยใช้วัคซีนชนิดที่ทำให้อ่อนฤทธิ์แล้วและไม่เป็นอันตรายต่อคน มาติดต่อใส่สารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ลงไป แล้วฉีดเข้าร่างกายมนุษย์ เพื่อกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำเชื้อไวรัส จนสามารถตรวจจับและต่อสู้กับเชื้อไวรัสในภายภาคหน้าได้

ก่อนหน้านี้การทดลองในมนุษย์ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าสลับกับสปุตนิก วี ได้รับอนุมติแล้วทั้งในอาเซอร์ไบจาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เบลารุส และอาร์เจนตินา

(ที่มา : รอยเตอร์)
#3636



เมื่อวันที่ 26 ก.ค. สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสมาพันธ์นิสิตนักศึกษานานาชาติแห่งประเทศไทย (International Federation of Medical Students' Associations : IFMSA) จัดงานประกาศผลการตัดสินการประกวดนโยบายและนวัตกรรมทางสังคมของคนรุ่นใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ PM2.5 ภายใต้โครงการ Thailand Youth Policy Initiative (TYPI) เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมีเยาวชนและวัยทำงาน อายุ 16-30 ปี เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 120 คน ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดรวม 30 ผลงาน สำหรับประกวดครั้งนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาและตัดสินอย่างรอบคอบ โดยผู้ได้รับรางวัล Best Innovation ได้แก่ ทีม People Matter (PM 4.0 ) ชื่อผลงานแพลตฟอร์มดิจิทัลสาธารณะ เพื่อการจัดการมาตรการ PM2.5 แบบชี้เป้า และรางวัลชนะเลิศ 3 รางวัล ได้แก่ 1.ทีมDustsappear 2. ทีมAirtopia และ3.ทีมทางของฝุ่น


นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยที่สะสมมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพฯ เนื่องจากมีการก่อสร้างพัฒนาเมืองตลอดเวลา รวมถึงการเผาไหม้ของรถบนท้องถนน จากข้อมูลการประมาณการณ์ความเสียหายจากฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ปี 2563 พบว่า กรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจกว่า 3 หมื่นล้านบาท ทั้งค่าเสียโอกาสด้านสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเครื่องฟอกอากาศ ค่าเสียโอกาสด้านการท่องเที่ยว และค่าเสียโอกาสของภาคธุรกิจ การประกวดนโยบายและนวัตกรรมทางสังคมของคนรุ่นใหม่เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ PM2.5 ครั้งนี้ ผู้ที่ส่งผลงานเข้าประกวดทุกคน ถือเป็นกำลังสำคัญในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลจะได้รับโอกาสต่อยอดผลงานถูกนำไปใช้งานได้จริง และขยายผลต่อไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เพื่อเร่งแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่ต้นเหตุ เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนได้ในระยะยาว


ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษา30ทีมที่เข้าร่วม และนำเสนอนวัตกรรมวันนี้ เชื่อว่าเราจะได้นโยบายสาธารณะที่ช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ได้จากการช่วยกันคิดนวัตกรรมของคนหลายวัย หลายสาขาจะเป็นประโยชน์กับประเทศ รวมถึงขอให้มีการศึกษาวิจัยเรื่องอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากฝากคือการนำโนยายสาธารณะที่เป็นสากลของประเทศตะวันตกมาใช้นั้นต้องเรียนว่าใช้ได้เพียงเล็กน้อย เพราะบริบทของประเทศไทยกับตะวันตกมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการทำนโยบายสาธารณะจะต้องมีการศึกษาบริบท วัฒนธรรมของประเทศเราเองด้วย เช่น นโยบายสาธารณะในเรื่องที่เกี่ยวกับ PM 2.5 ต้องทราบว่าส่วนหนึ่งมาจากการเผาไหม้ทางการเกษตรในพื้นที่ชนบท รวมถึงเกษตรกรในประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ที่เราต้องเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และให้ประชาชนในพื้นที่สามารถอยู่ร่วมกับป่าได้


ศ.พิเศษ ดร.เอนก กล่าวว่า อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญคือเรื่องของช่วงวัย (Generation) ซึ่งตนยินดีต้อนรับคนรุ่นใหม่เสมอ ดังนั้น การที่เราได้ตระหนักว่าเราอยู่ในวัยไหนแล้วรู้ว่ามีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร แล้วนำมาปรับเข้าหากันเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป ซึ่งวันนี้ประเทศไทยก็พัฒนาขึ้นมากจากเมื่อก่อน มีเป้าหมายต่อจากนี้ในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้พ้นจากการเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับบน ให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วตามกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เช่นอีกไม่นานประเทศไทยก็จะผลิตวัคซีนป้องกันโควิดได้ โดยใช้เทคโนโลยีที่ไม่ได้แตกต่างกับที่ต่างประเทศทำอยู่


ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกกำหนดค่ามาตรฐานของฝุ่น PM2.5 ที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ปลอดภัยต่อสุขภาพอยู่ที่ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ในประเทศไทยกลับพบฝุ่น PM2.5 ที่ 50-68 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่ามากกว่ามาตรฐานเกือบ 2 เท่าตัว กลายเป็นปัญหามลพิษทางอากาศต้นเหตุสำคัญทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินทางใจ สสส. ตระหนักถึงผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 มุ่งขับเคลื่อนการทำงานตั้งแต่ระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับนโยบายเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ การแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ต้องเร่งแก้ไขแบบองค์รวม ทั้งการปลูกจิตสำนึกส่วนบุคคล การสร้างความสัมพันธ์แบบมีส่วนร่วมของคนในสังคม เพื่อร่วมแก้ปัญหา ไม่ใช่เป็นการออกกฎ ระเบียบบังคับใช้เท่านั้น


ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า สสส. สนับสนุนการสร้างเมล็ดพันธุ์นักนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพจากพลังคนรุ่นใหม่ที่สำคัญของประเทศ เพื่อพัฒนานวัตกรรมให้เป็นรูปธรรม และขยายผลไปสู่การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่ผ่านมา สสส. แก้ปัญหาฝุ่นควันภายใต้แนวคิด 3 ข.คือ 1.เขย่า คิดนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น นวัตกรรมธงสุขภาพ สีฟ้า เขียว เหลือง ส้ม แดง ใช้คู่กับเครื่องวัดค่าฝุ่น แจ้งเตือนให้คนในพื้นที่รู้ระดับคุณภาพอากาศ ดำเนินการใน 17 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งลดเสี่ยงต่อสุขภาพ 2.ขยับ นำสิ่งใหม่ที่คิดไปปรับใช้จริงตามบริบทของแต่ละพื้นที่และ 3.เขยื้อน ขยายผลจากระดับปัจเจกหรือระดับพื้นที่ นำไปสู่การผลักดันนโยบายเพื่อการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเร่งด่วน โดย สสส. ร่วมกับสภาลมหายใจ 8 จังหวัดภาคเหนือ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมทำงานอย่างทุ่มเท สามารถแก้ปัญหาวิกฤตฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม ก่อให้เกิดความร่วมมือและเปลี่ยนแปลงค่านิยมในระดับภูมิภาค ทั้งนี้ หากทุกพื้นที่นำแนวคิด 3 ข. ไปปฏิบัติได้สำเร็จสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ในพื้นที่ได้.
 
#3637



ขณะที่การระบาดส่อเค้าลากยาว แถมยังยากที่จะควบคุม จนต้องยกระดับมาตรการที่คุมเข้มขึ้น ด้วยการประกาศล็อกดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด รวม กทม.และปริมณฑล หลายกิจการต้องปิดชั่วคราว มีการประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้านตั้งแต่ 21.00-04.00 น.

ถือเป็นยาแรงชุดใหญ่ที่หวังจะช่วยยับยั้งโรคระบาด แต่ในทางกลับกันหากยังไม่ได้ผล ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ลดลงอย่างที่หวัง คงได้เห็นมาตรการที่คุมเข้มมากกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งมาตรการเข้มเท่าไหร่ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะยิ่งมากขึ้นไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้

จะเห็นว่าตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด เครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แทบหยุดชะงักลงทันที ทั้งการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐ มีเพียงแค่ "การส่งออก" เท่านั้นที่โตสวนวิกฤต ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและจากฐานที่ต่ำในปีก่อน

โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย. ยังคงร้อนแรง ขยายตัว 43.82% สูงสุดในรอบ 11 ปี คิดเป็นมูลค่ารวม 23,699.43 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ภาพรวม 6 เดือนแรก ปี 2564 การส่งออกไทยขยายตัว 15.53% คิดเป็นมูลค่า 132,334.65 ล้านดอลลาร์

"รถยนต์" เป็นหนึ่งในสินค้าหลักที่เติบโตร้อนแรง โดยยอดการส่งออกรถยนต์ในเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 83,022 คัน เพิ่มขึ้น 65.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังยอดขายรถยนต์ในประเทศคู่ค้าหลายประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย และในทวีปยุโรป


ขณะที่ครึ่งปีแรกไทยส่งออกรถยนต์ไปแล้วทั้งหมด 473,489 คัน เพิ่มขึ้น 35.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนยอดการผลิตและยอดขายรถยนต์ในประเทศยังขยายตัวแกร่งเช่นกัน โดยมียอดการผลิตรวม 844,601 คัน เพิ่มขึ้น 39.34% และยอดขายรวม 373,193 คัน เพิ่มขึ้น 13.57%

ทั้งนี้ แม้ว่ายอดการผลิตในเดือนมิ.ย. จะชะลอตัวลงเล็กน้อย 4% จากเดือนก่อน มาอยู่ที่ 134,245 คัน จากผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ และปัญหาขาดแคลนชิพ จนหลายค่ายต้องปรับลดกำลังการผลิตลง แต่ในภาพรวมถือว่าผลกระทบยังจำกัด โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ปรับเพิ่มเป้าการผลิตรถยนต์ปีนี้เป็น 1.55-1.6 ล้านคัน จากเดิมที่ 1.5 ล้านคัน

การฟื้นตัวของตลาดรถยนต์กลายเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนที่จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย สอดรับกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้องแรง อย่างบริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ราคาหุ้นปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากราคาปิดปีก่อนที่ 16.40 บาท

ส่วนบริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ขึ้นมาราวๆ 40% ขณะที่บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY ที่ทำหลอดไฟรถยนต์ อาจจะสวนทางเพื่อนๆ เพราะราคาหุ้นยังไม่ค่อยขยับ

อีกหนึ่งบริษัทที่มองข้ามไม่ได้ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE แม้ไม่ได้อยู่ในกลุ่มยานยนต์โดยตรง แต่ก็ขายชิ้นส่วนให้ลูกค้าในกลุ่มนี้เยอะโดยเฉพาะในยุโรป แถมยังได้อานิสงส์จากเงินบาทอ่อนต่าหนุนอีกแรง จนดันราคาหุ้นพุ่งทำออลไทม์ไฮ พุ่งขึ้นเกือบ 100%

โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ยังคงน้ำหนักการลงทุน "มากกว่าตลาด" โดยมองว่าผลประกอบการของหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ในปี 2564-2565 จะฟื้นตัวโดดเด่นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และตลาดส่งออกที่ฟื้นตัว สวนกระแสการแพร่ระบาดของโควิด-19

เลือก AH เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มเนื่องจากคาดกำไรจะฟื้นตัวโดดเด่นสุดในปี 2564 ขณะที่ Valuation ถูกสุดในกลุ่ม โดยซื้อขายที่ PER เพียง 7.3 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 10 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ย้อนหลัง 5 ปี ของบริษัทที่ 10.7 เท่า

ส่วนบล.เมบ์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า แม้ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 ของกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์จะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นและผลกระทบจากการขาดแคลนชิพชิพ แต่จะโตเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ประสบปัญหาขาดทุน แต่แนะนำให้รอจังหวะเข้าซื้อช่วงราคาอ่อนตัว
#3638



สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดหลักสูตรใหม่เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเอสเอ็มอีไทย ด้วยการยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี สู่การเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้วยฐานคิดนวัตกรรม ภายใต้แนวความคิด " The Transformation" ซึ่งเป็นหลักสูตรที่จะทำให้องค์กรเกิดการ "เปลี่ยนแปลง" ครั้งสำคัญ โดยมุ่งเน้นตั้งแต่การสร้าง การพัฒนา และการใช้นวัตกรรม เพื่อตอบสนองทิศทางธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตและเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นด้วยการเป็นองค์กรนวัตกรรม ทั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทภาคเอกชนในหลากหลายธุรกิจเข้าร่วมการอบรมกว่า 80 ราย ระหว่างเดือน กรกฎาคม-กันยายน 2564

ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า "NIA เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาเอสเอ็มไทยให้ก้าวสู่การเป็น "Innovation Based Enterprise; IBE" ซึ่งหมายถึงการเป็นองค์กรธุรกิจที่เป็นองค์กรนวัตกรรม และสามารถสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในองค์กร รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ของผู้นำ/แบรนด์/องค์กร ที่สามารถให้บุคคลภายนอกรับรู้และยอมรับการเป็นองค์กรนวัตกรรมของเอสเอ็มอีไทยที่มิใช่แค่การเป็นองค์กรที่ขายสินค้านวัตกรรมเพียงด้านเดียว ซึ่งจะทำให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดนวัตกรรม เพราะฉะนั้น หลักสูตรนี้จะเน้นไปในเรื่องของการใช้เครื่องมือการเรียนรู้ในหลากหลายวิชาที่สามารถสร้างกระบวนการให้เกิดวัฒนธรรมนวัตกรรมองค์กรของผู้อบรมในที่สุด "



ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA เปิดเผยว่า "หลักสูตร SMEs to IBE เป็นหลักสูตรใหม่ของสถาบันวิทยาการนวัตกรรม หรือ NIA Academy ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในระบบธุรกิจของประเทศ โดยมุ่งเป้าไปยังกลุ่มเอสเอ็มอีที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว แต่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาธุรกิจของตนเองด้วยวิธีคิดแบบการเป็นองค์กรนวัตกรรม ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรกท่ามกลางกระแสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 โดย NIA ได้คัดเลือกบริษัทที่จะเข้าร่วมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 42 บริษัท จำนวน 83 ราย จากกว่า 10 แขนงธุรกิจ เช่น ธุรกิจบริการ ธุรกิจระบบขนส่ง ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขาย และธุรกิจดิจิทัล เป็นต้น และคาดหวังว่า กระบวนการเรียนรู้ที่ได้เตรียมและจัดเป็นหลักสูตรในครั้งนี้ จะสามารถสร้างองค์กรธุรกิจที่มีแนวคิดนวัตกรรมและนำองค์ความรู้และเครือข่ายที่ได้กลับไปประยุกต์ต่อยอดการพัฒนาธุรกิจของตนเองได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมและวัดผลได้"


 
หลักสูตร SMEs to IBE เป็นหลักสูตรการเรียนรู้ที่เปิดรับสมัครเอสเอ็มอีไทยที่สนใจเข้าอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจของตนเอง โดยต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกจากคณะกรรมการหลักสูตรและมีระยะเวลาการเข้าอบรม 10 สัปดาห์ ตลอดหลักสูตรมีวิทยากรที่มีประสบการณ์ชั้นแนวหน้ากว่า 20 คน รวมถึงกระบวนการเรียนรู้เครื่องมือที่จำเป็นต่อการสร้างวัฒนธรรมองค์กรนวัตกรรมที่แตกต่างจากหลักสูตรอื่นอย่างชัดเจน
#3639


เปิดเวทีสัมมนาออนไลน์ " Boost Social Media Marketing Conference" 20-22 ส.ค.นี้ นักการตลาดโซลเชียมีเดียไม่ควรพลาด 17 กูรูนักการตลาดดิจิทัล ตบเท้าพร้อมแชร์ประสบการณ์ใหม่ด้านการตลาดโซเชียลมีเดียในยุคโควิด-19 ที่ต้องฝ่าด่านธุรกิจรัดเข็มขัดอย่างไรให้ได้ผลคุ้มค่า พร้อมอัพเดทเทรนด์ และฟีเจอร์ใหม่ 5 แพลตฟอร์มยอดนิยม พร้อมกลยุทธ์การเข้าถึง DATA แบบไม่ผิดกฎหมาย

นายศิริพงศ์ เตียวพิพิธพร Facebook Marketer และอาจารย์ผู้ออกแบบหลักสูตร Mini MBA Digital Marketing Management ของหลักสูตรประกาศนียบัตรระยะสั้นโดยวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล (Neo Academy by CMMU ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่20-22 สิงหาคม 2564 จะมีการสัมมนาออนไลน์ " Boost Social Media Marketing Conference " ผ่าน 17 กูรูด้านการตลาดดิจิทัลมากประสบการณ์ที่จะรวบรวมความรู้ใหม่ๆด้านการตลาดโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะกรณีศึกษาล่าสุดในยุคการแพร่ระบาดโควิด-19ที่ทำให้โลกโซเชียลหมุนเร็วมากขึ้น พร้อมกับไฮไลท์สำคัญคือการอัพเดทเทรนด์และฟีเจอร์ใหม่ใน 5 แพลตฟอร์มยอดนิยม ได้แก่ LINE OA, FACEBOOK, INSTRAGRAM, YOUTUBE, TIKTOK ด้วยกลยุทธ์ เทคนิค และตัวช่วยทางการตลาดหรือ MarTech


"เราต้องยอมรับว่าโลกการตลาดโซเชียลมีเดียหมุนเร็วมากจนตามไม่ทัน การปรับฟีเจอร์จากเจ้าของแพลตฟอร์มกระทบกับฐานลูกค้าและแผนงานแบบไม่ทันตั้งตัว ทุกครั้งที่เปิดแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขึ้นมา นอกเหนือไปจากข่าวสารบ้านเมือง ทัศนะของเพื่อนและคนที่เราติดตาม เราหนีไม่พ้นที่จะต้องพบเจอกับโฆษณาสารพัดรูปแบบในช่วงล็อกดาวน์เช่นนี้ นักการตลาดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขึ้นมาอยู่บนโลกออนไลน์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดการได้ข้อมูลที่จำเป็นมาต้องไม่ผิดกฎหมายด้วย"

ทั้งนี้ในปี 2564 (ค.ศ.2021) คำว่าฐานข้อมูลหรือ Data ในโลกการตลาดดิจิทัลจะเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นหลังการมาของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือ PDPA ที่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายทั้งฉบับ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 รวมถึงระบบปฏิบัติการ iOS 14.5 ที่ถามความสมัครใจของผู้ใช้งาน iPhone ว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แอปพลิเคชันที่กำลังใช้งาน สามารถติดตามกิจกรรมต่างๆ ของผู้ใช้งานได้หรือไม่ทำให้เป็นความท้าทายในการได้ข้อมูลมามากขึ้นเพราะต้องได้มาแบบไม่ผิดกฎหมายด้วย


นอกจากนี้ เทรนด์ของปี 2021 อีกเรื่องคือ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีรูปแบบการสนทนาและการสร้างปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในชุมชนผ่าน 'เสียง' เป็นหลักอย่างClubhouse ที่ได้รับความนิยมอย่างมากและตามมาด้วย ฟีเจอร์สนทนาเสียงบนแพลตฟอร์ม Space ใน Twitter, Spotify Greenroom และ Audio & Video Room ใน Facebook โดยมี Podcast เป็นกระแสมาก่อนหน้านี้ ในการสื่อสารที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบ เป็นโจทย์สำคัญที่ต้องนำมาขบคิดหาวิธีการสร้างสรรค์การสื่อสารให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด

"พฤติกรรมของคนหนึ่งคนแสดงออกต่างบุคลิกกันไปในต่างแพลตฟอร์ม นักการตลาดโซเชียลมีเดียหากมีพลังจะเข้าถึงทุกช่องทางก็ไม่มีใครว่าแต่เรื่องความคุ้มค่ายิ่งต้องพิจารณาในช่วงโรคระบาดของโควิด 19 เข้ามา ทุกธุรกิจยิ่งใส่ใจการใช้เงินมากขึ้น ดังนั้นนักการตลาดโซเชียลมีเดียต้องมีพลวัตหรือ Dynamic ก้าวไปกับโซเชียลมีเดียได้เรื่อย ๆ และอนาคต การเรียนการสอนด้านการตลาดจะมุ่งไปในรูปแบบของ Self-Study เป็นหลัก เปิดโอกาสให้ทั้งคนทำงานหรือนักเรียนนักศึกษาก็สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง หลายคนเรียนรู้ ฝึกฝนด้วยตัวเองจนเชี่ยวชาญนำไปใช้ทำงานได้จริงแม้ไม่ได้ผ่านสถาบันการศึกษาก็ตาม เวทีสัมมนาครั้งนี้จะตอบโจทย์ทั้งหมดให้กับนักการตลาดโซเชียลมีเดียและผู้ที่สนใจโดยหากต้องการข้อเพิ่มเติมและซื้อบัตร Early Bird ได้ที่ https:// www.boostconference.co"
#3640



วันที่ 26 ก.ค. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า กว่า 16 ปี ที่ประเทศไทยมุ่งมั่น ผลักดันพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2548 และเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลก ถึง 3 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 และ พ.ศ. 2562 จนเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญครั้งที่ 44 ในปี พ.ศ. 2564 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ด้วยเกณฑ์ข้อที่ 10 ซึ่งนับเป็นความสำเร็จในการดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ถิ่นที่อยู่อาศัยที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในถิ่นกำเนิด รวมไปถึงการเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์พืช หรือสัตว์ที่มีคุณค่าโดดเด่นเชิงวิทยาศาสตร์ หรือ เชิงอนุรักษ์ระดับโลก

นายวราวุธ กล่าวต่อว่าพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานนั้น เป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 6 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ แห่งที่ 3 ของไทย นับตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้ง ในปี พ.ศ. 2534 และ กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ ในปี พ.ศ. 2548 ซึ่งพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เนื่องจากเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ ที่ใกล้สูญพันธุ์ และมีคุณค่าโดดเด่นระดับโลก รวมไปถึงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำปราณบุรี และแม่น้ำภาชี เป็นป่าผืนใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 2.5 ล้านไร่ (4,089 ตารางกิโลเมตร) มีความยาวตั้งแต่เหนือสุดถึงใต้สุดของพื้นที่ มากกว่า 200 กิโลเมตร ประเทศไทยในฐานะเจ้าของแหล่งจะต้องปกป้องรักษาแหล่งที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกให้คงคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลไว้ให้ลูกหลานต่อไป ซึ่งการที่พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนี้ นอกจากเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ และเป็นความภาคภูมิใจของคนในประเทศแล้ว ยังทำให้คนในประเทศเกิดการตระหนัก รู้สึกเป็นเจ้าของและหวงแหนทรัพยากรที่เรามีอยู่ด้วย

"ทั้งนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมที่จะดำเนินการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสมดุลในการใช้ประโยชน์จากป่าอย่างยั่งยืน ยกระดับการบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น รวมทั้ง ให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยสอดคล้องกับกฎหมาย นโยบาย มติ และระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ไทยจะรักษาแหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานให้คงไว้ และสามารถส่งต่อไปยังอนุชนรุ่นหลังสืบไป" นายวราวุธ กล่าว

ด้าน นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี กล่าวทราบภายหลังป่าแก่งกระจานได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของมวลมนุษยชาติว่า รู้สึกยินดีและดีใจที่ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้แก่งกระจานเป็นมรดกโลกของประเทศไทย แห่งที่ 3 ของประเทศไทยในวันนี้ ขอบคุณคนไทยทุกภาคส่วน เจ้าหน้าที่ทุกๆ ท่าน และผู้บริหารที่ต่อสู้จนได้ความสำเร็จในวันนี้ วันนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนดีใจและภูมิใจ พร้อมเดินหน้าเพื่อดูแลปกปักษ์รักษาผืนป่าแก่งกระจานให้เป็นมรดกสู่ลูกหลานตลอดไป.