• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chanapot

#3861


ช็อกวงการ! "บาร์เซโลนา" ยืนยัน ไม่ต่อสัญญา "ลิโอเนล เมสซี" กัปตันทีม เหตุติดเรื่องกฎการเงินของลาลีกา ทำให้จอมทัพหมายเลข 10 ต้องอำลาถิ่นคัมป์นูแบบไม่มีค่าตัวแน่นอนแล้ว หลังอยู่กับสโมสรมานานกว่า 20 ปี
สโมสรบาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกาสเปน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (5 ส.ค.) ว่า ถึงแม้ทั้งสโมสรและ "ลิโอเนล เมสซี" ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินา ได้บรรลุข้อตกลงเรื่องสัญญาฉบับใหม่และมีความประสงค์ชัดเจนว่าต้องการเซ็นสัญญากันในวันนี้ แต่สุดท้ายสิ่งนี้ก็ไม่เกิดขึ้น เนื่องจากติดขัดเรื่องการเงินและกฎการลงทะเบียนผู้เล่นของลาลีกา

ด้วยเหตุนี้ เมสซีจึงไม่สามารถอยู่กับบาร์เซโลนาได้อีกต่อไป ทั้งสองฝ่ายรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ความต้องการของทั้งผู้เล่นและสโมสร ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้

"เอฟซี บาร์เซโลนา ขอแสดงความซาบซึ้งจากใจจริงต่อเมสซี สำหรับผลงานและความสำเร็จต่าง ๆ ที่เขาร่วมสร้างให้กับสโมสร และขออวยพรให้เขาโชคดีกับอนาคต ทั้งในเรื่องชีวิตส่วนตัวและการค้าแข้ง"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เดิมนั้น บาร์เซโลนาบรรลุสัญญาฉบับใหม่กับเมสซียาวถึงปี 2026 แต่ด้วยค่าเหนื่อยหลายแสนยูโรต่อสัปดาห์ของเมสซี จะทำให้บาร์เซโลนาใช้เงินเกินกว่าที่ลาลีกากำหนดไว้ จึงไม่ได้รับการอนุมัติจากลาลีกาให้เซ็นสัญญากัน แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงกันไว้แล้วก็ตาม

ดาวเตะระดับโลก วัย 34 ปี เซ็นสัญญาฉบับแรกกับบาร์เซโลนาในปี 2000 ขณะอายุเพียง 13 ปี และลงเล่นให้สโมสรทุกรายการรวม 788 นัดจนกระทั่งสิ้นสุดสัญญาฉบับเดิมเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา และปัจจุบันกลายเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ที่สามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว
#3862


แม้จะเป็นเพียงการควบรวมกันของ 2 บริษัทสตาร์ทอัพในอินโดนีเซีย แต่ก็ถือป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของอินโดนีเซีย และจะกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ติดอันดับ Top 3 ของประเทศ โดยเมื่อรวมมูลค่าธุรกรรม หรือ Gross Transaction Value (GTV) ของ 2 บริษัทนั้น จะมีมูลค่ามากถึง 2.2 หมื่นล้านเหรียญ คิดเป็น 2% ของ GDP อินโดนีเซีย อีกทั้งผู้บริหารยังตั้งเป้าว่า อาจจะไปได้ถึง 5-10% ของ GDP ภายหลังจากควบรวมกันเป็น GoTo หลังจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและที่สหรัฐฯ พร้อมนำเม็ดเงินที่จะมาพลิกโฉมหน้าการแข่งขันของอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่ในประเทศ แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคด้วย ซึ่งจะได้รับผลกระทบและแรงกระเพื่อมจากดีลครั้งนี้

ก่อนอื่น ไปดูว่า GoTo คือใคร และทำไมถึงจะสร้างผลกระทบต่อวงการบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนได้มากขนาดนี้

บริษัทแรกของการควบรวม คือ Gojek เป็น Platform เรียกรถ (Ride-hailing) ที่กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในเวทีเดียวกันกับ Grab ในหลายประเทศในอาเซียน ในอินโดนีเซียนั้น Gojek ยังมีบริการอื่นๆ ที่เป็น on-demand services อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การส่งของ การส่งอาหาร ของกินของใช้ ดอกไม้ ยา รวมถึงบริการที่เป็น Lifestyle services ต่างๆ เช่น จ้างคนทำความสะอาดบ้าน นวด ติวเตอร์ เทรนเนอร์ฟิตเนส จัดสวน ตัดผม และยังมีบริการ จองตั่วรถ คอนเสิร์ต อีเว้นท์ รวมไว้ในแอปเดียวอีกด้วย GoJek ยังทำธุรกิจการเงิน (Financial services) ในชื่อ GoPay ซึ่งเป็น e-wallet สำหรับชำระค่าบริการต่างๆ รวมถึงการให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภคด้วย ซึ่งถือได้ว่า มีความพร้อมที่จะเป็น SuperApp สำหรับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

ขณะที่อีกบริษัทหนึ่งของการควบรวมก็แข็งแกร่งในสมรภูมิของตัวเองเช่นเดียวกัน คือ Tokopedia นั้นเป็น platform e-commerce ที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ชนิดที่ว่า แม้ Shopee จะเป็นผู้นำในทุกประเทศในอาเซียนแล้วนั้น แต่ในอินโดนีเซียทั้ง  2 บริษัท ยังคงคู่คี่สูสีกันอยู่ โดย Tokopedia นั้น เป็นผู้บุกเบิกตลาด e-commerce มาตั้งแต่ปี 2009 และปัจจุบันเป็นผู้นำในตลาด C2C ที่ส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงราว 45% มีผู้ใช้งานต่อเดือนมากถึง 129 ล้านคน และสามารถสร้างรายได้ได้จากหลากหลายช่องทาง ทั้งจากการโฆษณาสินค้า การเก็บค่าคอมมิชชั่น รวมถึงค่าบริการเสริมอื่นๆ ใน Tokopedia นั้น ผู้ใช้งานยังสามารถสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตและจากตลาดทั่วไปได้ ทำให้ความกว้างของสินค้านั้น ครอบคลุมของใช้ในชีวิตประจำวันได้เกือบทุกอย่าง

ดังนั้น การรวมกันของบริษัทใหญ่นี้ จึงทำให้ความเป็นผู้นำในทั้ง 2 ตลาด ถูกเสริมความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งการรวมกันของฐานลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพในค่าใช้จ่ายทางการตลาดและระบบหลังบ้าน การจัดการโลจิสติกส์ ซึ่งอินโดนีเซียนั้น มีภูมิประเทศที่เป็นเกาะมากกว่า 17,000 เกาะ การควบรวมกันจะส่งผลบวกต่อการจัดส่งสินค้าและต้นทุนของทั้งสองบริษัทอย่างมาก และที่สำคัญที่สุด คือ ข้อมูลลูกค้า ฐานข้อมูลของ GoTo จะมีข้อมูลลูกค้าที่มีความละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจต่อเนื่องของบริษัท คือ ธุรกิจการเงิน (Financial services) ในการทำ Credit scoring การปล่อยสินเชื่อ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินแก่ลูกค้า การรวมกันของทั้ง 2 นี้ ยังถือว่า เป็นบริษัทแรกในโลกที่สามารถให้บริการได้ทั้ง e-commerce platform และ on-demand services อีกด้วย

ด้านการถือหุ้น GoTo จะมาจากผู้ถือหุ้นของ Gojek 58% และ Tokopedia 42% ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทรวมจะเป็น Alibaba และ SoftBank โดย Alibaba นั้นยังถือหุ้นในคู่แข่งของ Tokopedia อย่าง Lazada ขณะที่ Softbank ก็ถือหุ้นในคู่แข่งของ Gojek อย่าง Grab เป็นที่น่าสังเกตว่า ระบบนิเวศน์ของวงการบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนนั้นมีความทับซ้อนกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีผู้ถือหุ้นที่เป็นบริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Facebook Google JD.com PayPal Tencent และ Visa รวมถึงกองทุนขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง

Goto เตรียมตัวที่จะจดทะเบียนใน 2 ตลาด (Dual listing) ทั้งอินโดนีเซียและสหรัฐฯ โดยคาดการณ์กันว่าจะระดมที่มูลค่ากิจการมากถึง 3.5-4.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวของมูลค่ารวมของ 2 บริษัทที่ 18 ล้านเหรียญ ที่เคยระดมทุนไปในปี 2019 และ 2020 ตามลำดับ และเป็นมูลค่าที่ใกล้เคียงกับ Grab บริษัทสิงคโปร์ที่กำลังจะจดทะเบียนในตลาด Nasdaq ผ่านการระดมทุนแผนพิเศษ Special Purpose Acquisition Company (SPAC) หนุนโดย Altimeter Capital ที่มูลค่ากิจการราว 4 หมื่นล้านเหรียญ หลังทั้ง Gojek และ Grab ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการควบรวมกันได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ในเวทีอาเซียนเดียวกันนั้น ยังถือว่าห่างจากมูลค่าของ SEA group อยู่มาก ที่ราว 14.5 หมื่นล้านเหรียญ ที่มีทั้งธุรกิจ e-commerce ธุรกิจการเงิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจเกมส์ของ Garena ที่ถือว่ายังเป็นตัวแปรที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของ Platform Technology ในภูมิภาคนี้อยู่
ภายหลังการระดมทุน GoTo อาจไม่หยุดเพียงความเป็นผู้นำในตลาดอินโดนีเซีย แต่ยังจะขยายไปในตลาดอื่นๆในอาเซียนที่ Gojek นั้นได้เริ่มธุรกิจเอาไว้แล้ว รวมถึงประเทศอื่นๆได้อีกด้วย และไม่เพียงแต่ GoTo เท่านั้น ยังมีสตาร์ทอัพเทคโนโลยีรายอื่นๆอีก ทั้ง Grab Traveloka Bukalapak ที่กำลังเตรียมตบเท้าเข้าระดมทุนผ่านตลาดต่างๆ ซึ่งถือเป็นการนำเม็ดเงินเข้าเพิ่มในระบบนิเวศน์ของบริษัทเทคโนโลยีให้อุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและช่วยให้สตาร์ทอัพขนาดเล็กใหม่ๆได้เติบโตตามมาได้เร็วขึ้น ทำให้ในระยะข้างหน้า แม้ว่าผลกระทบและแรงกระเพื่อมที่จะเกิดขึ้นต่อวงการบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนจะยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองต่อไป แต่ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ความเข้มข้นของการแข่งขันจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสมรภูมิรบอาเซียนนั้นได้เพิ่มขึ้นแล้ว
#3863


เว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานวานนี้ (4 ส.ค.) เงินบาทพลิกผันจากแข็งค่าสุดสกุลหนึ่งในเอเชียก่อนโควิดระบาด กลายเป็นสกุลหนึ่งที่อ่อนค่ามากที่สุดในปีนี้ เมื่อวิกฤติโควิดเล่นงานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สำคัญมากของประเทศ
รายงานข่าวระบุว่า ตั้งแต่สิ้นปี 2563 เงินบาทอ่อนค่าลงกว่า 9% แย่สุดสกุลหนึ่งของโลกพอๆ กับลีราตุรกีและซอลของเปรู การสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยว และโควิด-19 ระลอกใหม่บั่นทอนความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้คนที่เคยรุกซื้อเงินบาทต้องรอไปก่อน

นายมาร์ค เบเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายลงทุนจากอาร์เบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสต์เมนต์ กล่าวว่า เงินบาทได้รับผลกระทบอย่างมากจากการพังทลายของบริการข้ามประเทศโดยเฉพาะจากการท่องเที่ยวที่ร่วงลงเหลือศูนย์โดยพื้นฐาน ดุลการชำระเงินติดลบ

นายคุน โก๊ะ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชีย ธนาคารเอเอ็นแซดกล่าวว่า เมื่อปี 2562 ก่อนโควิดระบาด ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 40 ล้านคน การท่องเที่ยวเป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศสำคัญทำให้ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาก นักลงทุนต่างชาติเองก็สนใจเงินบาทแต่เมื่อโควิดระบาดสถานการณ์พลิกผันรุนแรง ในรอบ 12 เดือนนับถึงสิ้นเดือน มิ.ย.ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 2.2 พันล้านดอลลาร์ จากที่เคยเกินดุลถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์

"หนึ่งในปัจจัยหลักขับเคลื่อนให้เงินบาทแข็งค่ามากเมื่อก่อนโควิดระบาดคือการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมหาศาล หลักๆ มาจากการท่องเที่ยว ตอนนี้ไม่มีแล้ว หายไปหมดและจะไม่กลับมาอีกนานเลย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น" นักวิเคราะห์รายนี้กล่าว
ส่วนโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ไฟแนนเชียลไทมส์กล่าวว่า นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยกว่าที่คาด จนหลายคนสงสัยว่าคำประกาศเปิดประเทศในเดือน ต.ค.ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะทำได้จริงหรือไม่

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บล.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า เดิมเคยคาดกันว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นภายในสิ้นปีนี้ แต่ขณะนี้ค่อนข้างชัดแล้วว่าไม่ใช่

"เราไม่เชื่อว่าจะเปิดการท่องเที่ยวได้มากกว่านี้จนกว่าครึ่งหลังของปีหน้า"
#3864












 โควิดลดกระหน่ำราคา ที่ดินติดทะเล ริมทะเล สูงจากน้ำทะเลประมาณ 6-9 เมตร ขนานนามฝั่งแดง ทะเลสวยสดชื่นสดใส 5ไร่ ไรละ 3.5ลบ. แบ่งขายโฉนดครุฑแดง ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ 

ธรรมชาติฟินอารมณ์สุดสุด วิวสวยงาม Unseen Thailand พร้อมสวนมะพร้าวเต็มพื้นที่ เก็บเกี่ยวได้เลย ที่ดินที่หายาก ลักษณะทางธรรมชาติไม่เหมือนที่ใด  เห็นวิวทะเลหมู่เกาะต่างๆ เช่น เกาะทะลุ เกาะสิงห์ เกาะสังข์ อื่นๆ

นับแสนปีหินกรวดมนมากมายกองกันจนเป็นแนวจากกรดที่ทับถมกันเป็นหินทรายที่มีอายุ 60-214 ล้านปี อยู่ด้านใต้ลงไปแล้วถูกน้ำพามาถมกันนอกจากจะเห็นเป็นศิลาแลงแล้วยังมีหินทรายที่แข็งแทรกตัวอยู่ในชั้นหินกรวดมนซึ่งเป็นลักษณะเด่น นับได้ว่าที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินที่ ทำเลหายาก ที่ดินทำเลทอง ที่ดินติดทะเลหน้ากว้าง มีทางสาธารณะรถยนต์ขับเข้าถึงที่ดิน
น้ำไฟเข้าถึง แหล่งชุมชน สัมผัสได้ถึงความงามเด่นอันตระการตา สนใจโทร/ไลน์

โทร  0837124115
line id : 0837124115

ปักหมุด
ใกล้ ตำบล ทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย ประจวบคีรีขันธ์
https://maps.app.goo.gl/PL2am3Ehn6rWut786
#3865


สศท. หรือ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือชื่อเดิมคือ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) (ศ.ศ.ป) ประเดิมจัดเรียลลิตี้โชว์ประชันฝีมืองานคราฟต์ "SACICT WAR CRAFT สงครามทำมือ" ดึงดารา – เซเลบ วงการบันเทิงอย่าง แพนเค้ก – ตูมตาม – บุ๊กโกะ – จิ๊บ – นิว ร่วมปะทะกับ 3 เมนเทอร์ฝีปากกล้า นำทัพโดย หมู พลพัฒน์, นุ้ย สุจิรา และกรกต อารมย์ดี เตรียมรับชมสงครามแห่งไอเดียงานคราฟต์ เริ่มตอนแรก 7 สิงหาคมนี้ ทางช่องอมรินทร์ทีวี 34



สศท. จัดเวทีประลองไอเดียของคนรุ่นใหม่ในการออกแบบผลิตภัณฑ์จักสานร่วมสมัย ในรูปแบบเรียลิตี้โชว์ที่เฟ้นหาสุดยอดทีมออกแบบผลิตภัณฑ์จักสานรุ่นใหม่ เพื่อชิงรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และยังมีโอกาสได้ร่วมต่อยอดทางธุรกิจกับสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ในกิจกรรมต่างๆ ที่ทางหน่วยงานจัดขึ้น



ในการแข่งขันครั้งนี้ จะมีดาราและเซเลบริตี้แนวหน้าของวงการบันเทิงทั้ง 5 ท่าน จะคอยมาเป็นพี่เลี้ยงดูแลและให้คำแนะนำแก่ผู้เข้าแข่งขันทุกทีม นำโดย แพนเค้ก เขมนิจ นางเอกที่ผ่านมาแล้วทุกบทบาท พ่วงด้วยดีกรีสุดยอดนางแบบโลกปี 2004, ตูมตาม ยุทธนา พระเอกเสียงดีมาดเข้ม, บุ๊กโกะ ธนัชพันธ์ เจ้าหญิงแห่งวงการวิทยุ, จิ๊บ ปกฉัตร นางเอกสายแซ่บ และนิว ชัยพล พระเอกหนุ่มเจ้าบทบาท พร้อมที่จะมาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เข้าแข่งขันอย่างสุดความสามารถ พร้อมประชันฝีปากกับเมนเทอร์ทั้ง 3 ท่าน อย่าง หมู Asava – พลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์แนวหน้าของเมืองไทย, นุ้ย – สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ที่เรียนด้านการออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมาแล้วทุกประเภท รวมถึงมีประสบการณ์ในวงการบันเทิงมากกว่า 20 ปี และกรกต อารมย์ดี เจ้าของแบรนด์ KORAKOT ที่สร้างสรรค์งานหัตถกรรมไม้ไผ่จนโด่งดังไปทั่วโลก



SACICT WAR CRAFT สงครามทำมือ จะเป็นอีกหนึ่งรายการที่จะมาเปิดโลกทางความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้ที่สนใจด้านงานศิลปหัตถกรรมไทย ซึ่งเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ารายการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา นักออกแบบ และผู้ที่กำลังมองหาธุรกิจใหม่ในการสร้างอาชีพ ตลอดจนสามารถสร้างความนิยมให้กับงานศิลปหัตถกรรมไทยเพิ่มมากขึ้น



พลาดไม่ได้... "SACICT WAR CRAFT สงครามทำมือ" เริ่มตอนแรก 7 สิงหาคมนี้ ทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 – 17.00 น. ทางช่องอมรินทร์ทีวี 34 หรือติดตามและรับชมย้อนหลังได้ทาง www.sacict.or.th หรือ Facebook: www.facebook.com/sacict และ YouTube: JSLGlobalMedia
#3866
โทร. 092.545.7896 คุณ วราธ์
081.655.0565 คุณ ผึ้ง

ขาย บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บางบัวทอง นนทบุรี ใกล้ เซ็นทรัล เวสต์เกต


พื้นที่บ้าน 67.1ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 168 ตารางเมตร

บ้านเดี่ยว 2 ชั้น  3ห้องนอน  2ห้องน้ำ 1 ห้องครัว

ที่ตั้งบ้านเลขที 99/36 หมู่ 13 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี    

ไม่มี แอร์  จอดรถได้= 1คัน

สถานที่ใกล้เคียง 
ห้างสรรพสินค้าเซ้นทรัล สาขาเวสต์เกต , ไทยวัสดุ ,โลตัส, ดูโฮมบางบัวทอง,เซเว่นอีเลฟเว่น
ร้านสะดวกซื้อ, ร้านเสริมสวย,ตลาดสมบัติบุรี ,ร้านอาหารอิตาลี,ร้านอาหารเครื่องดื่ม Safe Zone bar 
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล,  โรงเรียน ดรุณวิทย์ศึกษา , โรงเรียนประสานสามัคคีวิทยา
โรงเรียนสหศึกษาบางบัวทอง,โรงเรียนบำรุงวิทย์ศึกษา ,สถานีรถไฟฟ้าคลองบางไผ่ ,สถานีรถไฟใต้ดินตลาดบางใหญ่
สถานีรถไฟใต้ดินสามแยกบางใหญ่,สถานีรถไฟใต้ดินบางพลู

ราคาบ้าน  ราคา 5,500,000 บ. 
โทร. 0925457896 คุณ วราธ์
0816550565 คุณ ผึ้ง

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=54&t=7832211




























#3867


เอากันเข้าไป "ไก่ ภาษิต" รายงานข่าวช่อง 3 เก็บเห็ดได้ไฟเซอร์ เหตุคนไทยหลงข้ามแดนลาวถูกจับ กักตัว 14 วัน อ้างได้ฉีดวัคซีน mRNA ด้านอดีตทูตเช็กข่าว ระบุว่าไม่จริง วิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาลาวก็ไม่ได้พูดถึงวัคซีน

วันนี้ (3 ส.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเย็นวันที่ 2 ส.ค. รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดย นายภาษิต อภิญญาวาส และ น.ส.ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ รายงานข่าวหัวข้อ "7 คนไทยเก็บเห็ดที่ถูกจับที่ลาวจะได้ฉีดวัคซีน mRNA ก่อนเข้าไทย" ระบุว่า เรื่องร้ายกลายเป็นดี ชาวบ้าน 7 คนไปหาเห็ด เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 5 คน ปรากฏว่าหลงเข้าไปที่ลาว ถูกลาวจับกุมเหมือนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทางการไทยประสานงานให้เป็นที่เรียบร้อย เกิดจากความเข้าใจผิด เกิดจากการหลงทาง ทางการลาวก็เข้าใจ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เมืองปทุมพร แขวงจำปาสัก จะปล่อยตัวมาที่ประเทศไทย ทางการลาวก็ขอตามกฎหมายลาว ก็ต้องถูกควบคุมตัวอยู่ที่ลาว 14 วัน เดี๋ยวจะกลับฉีดวัคซีนให้ด้วย

นายภาษิตกล่าวว่า ที่ลาวฉีดวัคซีนไฟเซอร์ หรือจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แต่ไม่รู้ว่าจะได้วัคซีนของอะไร ตนคิดเองว่าจอห์นสันแอนด์จอห์นสันหรือเปล่า เพราะฉีดเข็มเดียว ไม่อย่างนั้นก็ต้องกลับไปฉีดเข็มที่สอง แต่ก็เป็นที่พูดถึงว่า เก็บเห็ดได้ไฟเซอร์

ชมคลิป (นาทีที่ 48)

ต่อมา ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @pran2844 หรือ "ถือแถน ประสพโชค" ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความระบุว่า "ชาวบ้านที่จังหวัดอุบลเข้าป่าไปเก็บเห็ด แล้วหลงป่าเข้าไปในเขตประเทศลาว ถูกเจ้าหน้าที่ลาวจับตัวไป แล้วถูกให้ฉีดวัคซีน บอกให้เลือกเอาว่าจะฉีด pfizer หรือ johnson&johnson กรู! กลัวคนจะแห่ไปเก็บเห็ดแล้วหลงเข้าไปลาว" ข้อความดังกล่าวถูกรีทวีตจำนวนมากนับหมื่นครั้ง


ขณะที่เฟซบุ๊ก Thapanee Eadsrichai ของ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย หรือแยม ผู้สื่อข่าวรายการข่าวสามมิติ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์ภาพมีมจากอินเทอร์เน็ตที่ระบุข้อความว่า "คุณกิตติคะ สภาพป่าชายแดนอุบล คนไปเก็บเห็ดตอนนี้ค่ะ" พร้อมภาพตัดต่อผู้คนจำนวนมหาศาล โดยโพสต์ข้อความระบุว่า "อยู่ที่ศาลทั้งวัน ออกมาเอ้า คุณกิตติคะ 555 มูฟออนไป สปป.ลาว กันบ่ทันเด้อพี่น้องเด้อ ปล.ภาพแชร์จากอินเทอร์เน็ต"


อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ทวิตเตอร์ "แคน สาริกา" หรือนายบัณฑิต จันทศรีคำ บรรณาธิการอาวุโสและคอลัมนิสต์เครือเนชั่น โพสต์ข้อความระบุว่า "สำนักข่าว RFA Laos รายงานข่าวคนไทย 7 คนถูกทหารแขวงจำปาสักจับตัวไปขณะที่ไปเก็บเห็ดในเขตแดนลาว ไม่มีเรื่องคนไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนตามที่สื่อไทยได้เสนอข่าวไปแล้ว" พร้อมกับแนบข่าวจากสถานีวิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาลาว ซึ่งไม่พบว่ามีรายงานเรื่องฉีดวัคซีนให้คนไทยแต่อย่างใด


เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ของ นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความระบุว่า "รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 เมื่อวาน บอกว่าคนไทยทางอุบลหลงป่าเข้าไปเก็บเห็ดในลาว ก่อนปล่อยตัวจะได้รับการฉีด mRNA ทุกคน มีช่อง 3 กับ Bright TV เสนอข่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีก็แถลงข่าว แต่ไม่มีเรื่องนี้ บอกเพียงว่าลาวจะนำไปกักตัว 14 วัน หรือไม่งั้นจะส่งตัวคืน แหล่งข่าวที่ลาวของผมก็เช็กข่าวและรายงานว่าทางอธิบดีกรมสื่อมวลชนลาวท่านแจ้งมาว่า เรื่องวัคซีนไม่เป็นความจริง"


ส่วนเฟซบุ๊ก Street Hero V3 นำข้อความสนทนา ระบุว่า "ความจริงที่สื่อควรนำเสนอ ข่าวที่คนไทยถูกจับเพราะไปเก็บเห็ดที่ลาว​ ทำไมถึงเบี่ยงประเด็นมาเรื่องวัคซีนได้ ประเด็นหลักคือ​ พี่น้องคนไทยถูกจับกุมในต่างแดนและต้องการความช่วยเหลือ

ผมคุยกับญาติของทั้ง​ 7 ​คน​ พบว่าเป็น​ชาย ​2​ หญิง ​5​ มีคนแก่เป็นเบาหวาน​ ระหว่างถูกจับต้อง​กินข้าววันละมื้อ ลูกน้อยที่อยู่ที่อุบลก็ร้องไห้ถามถึงแม่ตลอด​แม่ไปไหน

แล้วสำนักข่าวคุณนำเสนอให้เป็นเรื่องขบขันหรือ เราไม่คาดหวังเรื่องจรรยาบรรณกับพวกคุณมานานแล้ว​ แต่เรายังคาดหวังความเป็นคนจากคุณอยู่นะครับ ใครเอาข่าวนี้มาโหนขอให้สำนึกด้วยครับ"
#3868


แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป เดินหน้าขยายการให้บริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต (GrabPay Wallet) สนองตอบการใช้ชีวิตแบบสังคมไร้เงินสด เพิ่มความสะดวกสบายให้พาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า พร้อมมอบความคุ้มค่าและบริการชำระเงินที่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการภายในอีโคซิสเต็มของแกร็บ ผ่านการเปิดใช้งานและเติมเงินเข้า แกร็บเพย์ วอลเล็ต ง่ายๆ ผ่าน 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวว่า แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป มุ่งขยายการบริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต อย่างต่อเนื่องในยุคแห่งสังคมไร้เงินสด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในอีโคซิสเต็มส์ของแกร็บ ทั้งผู้ใช้บริการ พาร์ทเนอร์คนขับ และพาร์ทเนอร์ร้านค้า

โดยล่าสุดได้ร่วมมือกัน 3 ธนาคารชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรี ในการให้บริการเติมเงินเพื่อใช้ชำระค่าบริการในอีโคซิสเต็มของแกร็บได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้บัตรเดบิต หรือเครดิต ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายและเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์ของการชำระเงินแบบไร้เงินสด

เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และความปลอดภัยในทุกๆ การชำระเงิน ลูกค้าของทั้ง 3 ธนาคารสามารถยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ทุกครั้งก่อนใช้บริการด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชันแกร็บ นอกจากนี้ แกร็บยังมอบความคุ้มค่า ด้วยโปรโมชันสุดพิเศษเพื่อผู้ใช้งาน แกร็บเพย์ วอลเล็ต โดยเฉพาะ ผู้ใช้บริการสามารถรับส่วนลดสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือนทุกบริการ Grab เมื่อใส่รหัส WALLET ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
#3869


วันที่ 1 สิงหาคม 2564 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ในภาวะวิกฤติการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นนี้ ที่มียอดผู้ป่วยโควิดในประเทศวันนี้ 18,027 ราย ยอดเสียชีวิตสูง 133 คน ซึ่งถือว่า คนไทยทุกคนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เรื่องสุขภาพ ความเจ็บป่วย โดยเฉพาะการดำรงชีพ ปากท้องประชาชน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้  และยังไม่อาจรู้ได้ว่า สถานการณ์แพร่ระบาดในเวฟล่าสุดนี้ จะคลี่คลายในระยะเวลายาวนานเพียงใด

"แต่ในวิกฤตเช่นนี้ เรายังได้เห็นน้ำใจของทุกภาคส่วน เราได้เห็นมูลนิธิ ภาคประชาชน สื่อมวลชน ศิลปินดารา ประชาชน ออกมาช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ทั้งนี้ในส่วนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มีความตั้งใจในการร่วมแรงคนละไม้คนละมือเพื่อก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน โดยจะจัดทำ 2 โครงการ คือ โครงการ "ครัวปันอิ่ม" แจกอาหาร 2 ล้านกล่องและโครงการ"ปลูกฟ้าทะลายโจร"100 ไร่ ผลิต 30 ล้านแคปซูลพร้อมแจกฟรีในอีก 100 วัน"

โครงการ "ครัวปันอิ่ม" ผนึกกำลังบริษัทในเครือและพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมแจกอาหาร 2 ล้านกล่อง ใน 40 จุด ทั่วกรุงเทพฯ ตลอดช่วงเวลา 2 เดือน นับจากนี้ โดยแบ่งออกเป็น การซื้ออาหารจากร้านอาหารขนาดเล็กและขนาดกลาง จำนวน 1 ล้านกล่อง มาแจกจ่าย เพื่อเป็นการช่วยเหลือด้านรายได้ให้กับร้านอาหารรายย่อย และ อาหารของเครือซีพีสมทบอีก 1 ล้านกล่อง รวมเป็น 2 ล้านกล่อง โดยครัวปันอิ่มนี้เปิดกว้างสำหรับเพื่อนๆ ผู้มีจิตสาธารณะที่จะมาร่วมสมทบ เพิ่มเติม และยังต้องผนึกกำลังกับมูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา ภาคประชาสังคม เพื่อระดมกำลังด้านการแจกจ่ายให้ถึงชุมชนที่มีความเดือดร้อน

ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกภาคส่วน ที่ยินดีเข้ามาร่วมไม้ร่วมมือกัน ซึ่งโครงการครัวปันอิ่มนี้ จะมีการประสานไปยังร้านอาหารรายย่อยเพื่อจัดเตรียมอาหาร และควบคุมคุณภาพ โดยคำนึงถึงความสะอาด และความปลอดภัย ทั้งนี้คาดว่า จะพร้อมดำเนินการแจกจ่ายภายในสัปดาห์หน้า โดยจะเน้น 40 จุดที่ใกล้ชุมชน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทาง และลดโอกาสการแพร่เชื้อ

โครงการที่สอง คือ โครงการปลูกฟ้าทะลายโจรบนที่ดิน 100 ไร่ และผลิตเพื่อแจกฟรี 30 ล้านแคปซูล ซึ่งในสถานกาณ์ปัจจุบัน สิ่งสำคัญคือ การป้องกันโรค และ การควบคุมโรค การกักตัวอยู่บ้านเพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อ การดูแลตัวเองถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะสมุนไพรไทยนั้น ถือได้ว่า มีคุณค่าอย่างมาก จะเห็นได้ว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฟ้าทะลายโจรเริ่มขาดแคลน ทำให้คนไทยหลายส่วนไม่สามารถเข้าถึงได้ เครือซีพี จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจะริเริ่มโครงการปลูกฟ้าทะลายโจร ในพื้นที่ 100 ไร่ที่ จ.สระบุรี และใช้เวลา 100 วัน นับจากวันนี้จะพร้อมแจกจ่ายฟ้าทะลายโจร จำนวน 30 ล้านแคปซูล ฟรีให้กับพี่น้องประชาชนและชุมชน

โดยจะดำเนินการแบบปลอดสารพิษทั้งกระบวนการ และมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและมีคุณภาพ ซึ่งเครือซีพีจะนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรมาช่วยในสถานการณ์นี้ ส่วนในด้านการแจกจ่าย จะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่มีความรู้ด้านสมุนไพรและสาธารณสุข เพื่อให้การแจกจ่าย และการรับประทาน เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม นอกจากนี้จะมีการส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกฟ้าทะลายโจร และ มีการจ้างงานเกษตรกรในการเพาะกล้าไม้ และส่งเสริมให้ขยายผลไปในชุมชน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

"ในยามวิกฤตแบบนี้ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สิ่งที่ช่วยสู้กับไวรัส จริงๆแล้วคือภูมิคุ้มกันของตัวเราเอง ซึ่งหากเรามีร่างกายและกำลังใจที่แข็งแกร่งแล้ว ย่อมผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ขอชื่นชมทุกภาคส่วนที่ทำงานอย่างหนัก ขอบคุณคุณหมอ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงไม่ย่อท้อ ขอบคุณทุกคนที่ออกมาเป็นต้นแบบ และแรงบันดาลใจในการช่วยเหลือสังคม สุดท้ายนี้เครือซีพีขอขอบคุณเพื่อนๆ พันธมิตรจิตอาสา ทุกภาคส่วนอีกครั้ง ที่มาร่วมกันร้อยเรียงความดีผ่านทั้ง 2 โครงการนี้ ผมเชื่อว่า เราจะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน" นายธนินท์ กล่าว

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952316
#3870


นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในประเทศที่ยังขยายตัวในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอีเป็นจำนวนมาก ทั้งปัญหายอดขายและรายได้ลดลง SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อเอสเอ็มอีไทย จึงออกมาตรการทางการเงินเสริม ด้วยแพคเกจสินเชื่อ "เติมทุน SMEs มีสุข ยิ้มได้" วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท ภายใต้ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ ได้แก่ "SMEs D เติมทุน" "SMEs มีสุข" และ "SMEs ยิ้มได้" ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้มีวงเงินเพิ่มขึ้น นำไปใช้เสริมสภาพคล่อง และลดต้นทุนทางการเงิน


สำหรับจุดเด่นของ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ เปิดกว้างเอสเอ็มอีทุกกลุ่มธุรกิจ คุณสมบัติกู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ วงเงินกู้สูงขึ้นถึง 15 ล้านบาทต่อราย ได้แก่ "สินเชื่อ SMEs D เติมทุน" วงเงิน 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี เปิดโอกาสรับรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินเดิม ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน ผ่อนนานถึง 10 ปี


"สินเชื่อ SMEs มีสุข" วงเงิน 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5% ต่อปี สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเงินลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือปรับเปลี่ยนธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต ผ่อนนานถึง 10 ปี และ "สินเชื่อ SMEs ยิ้มได้" วงเงิน 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี ทบทวนวงเงินได้ทุกปี ช่วยเติมทุนหมุนเวียนให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถบริหารจัดการธุรกิจไม่มีสะดุด โดยเปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565


"SME D Bank ตระหนักดีถึงพันธกิจสำคัญในการเป็นกลไกของรัฐพาเอสเอ็มอีไทยให้เข้าถึงแหล่งทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง ธนาคารจึงดำเนินนโยบายให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ด้วยการออกแพคเกจสินเชื่อใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีเงินทุนเพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง สามารถนำไปใช้เสริมสภาพคล่องเพียงพอสูงถึงรายละ 15 ล้านบาท ช่วยบริหารจัดการธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้" นางสาวนารถนารี กล่าว
#3871


เมืองชายฝั่งทั่วเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง โตเกียว จาการ์ต้า โซล ไทเป มะนิลา และกรุงเทพฯ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุหมุนเขตร้อนที่เข้มข้นมากขึ้น

รายงานของกรีนพีซ เอเชียตะวันออก คาดการณ์ว่าภายในปี 2573 ประชาชนกว่า 15 ล้านคนใน 7 เมือง อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม การวิเคราะห์ครั้งนี้เป็นหนึ่งในการวิเคราะห์ครั้งแรกที่ใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดสูงในการระบุถึงพื้นที่ของเมืองที่อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และขอบเขตของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

เมืองชายฝั่งทั่วเอเชียกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่มากขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุโซนร้อนที่เข้มข้นมากขึ้น คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(IPCC) เตือนว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ระหว่าง 0.43-0.84 เมตรภายในปี พ.ศ.2643 (IPCC, 2019) ขณะเดียวกัน ตลอดศตวรรษที่ 21 พายุมีความเร็วลมรุนแรงซึ่งสร้างความเสียหายมากขึ้น คลื่นพายุซัดฝั่งที่สูงขึ้น และปริมาณน้ำฝนที่มีสภาวะสุดขีดมากกว่าในอดีต (Knutson et al., 2020)

คิม มีกยอง ผู้จัดการโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออก กล่าวว่า "ภายในทศวรรษนี้ เมืองที่อยู่ติดชายฝั่งในเอเชียจะมีความเสี่ยงสูงจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุที่เข้มข้นรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน ความปลอดภัย และวิถีชีวิตของผู้คน นอกจากเหลือเวลาไม่มากในการยุติโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด รัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องดำเนินการระบบบริหารจัดการน้ำท่วมและการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น ปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายภายใต้แผนที่นำทางก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (nationally determined contribution targets) นั้นไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งในสภาวะสุดขีด"

นอกจากอินโดนีเซีย และไทเป อีกหลายเมืองในเอเชียที่จะได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น จาการ์ตา โตเกียว ฮ่องกง โซล มะนิลา รวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วย

เราเลือกเมือง 7 แห่งในเอเชียที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและตั้งอยู่บนชายฝั่งหรือใกล้ชายฝั่งเพื่อวิเคราะห์ถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากน้ำท่วมชายฝั่ง(coastal flooding) ในปี พ.ศ.2573 ตามภาพฉายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นไปตามปกติ (business as usual) การวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองต่างๆ ที่อยู่ในรายงานนี้ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งทศวรรษ เว้นแต่เราจะลงมือทำในทันทีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างรวดเร็ว

จากปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายภายใต้แผนที่นำทางก๊าซเรือนกระจกขอประเทศ(nationally determined contribution targets) นั้นยังไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งแบบสภาวะสุดขีด รัฐบาลและบรรษัทต่างๆ ต้องลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมให้เร็วขึ้น เช่น ยุติการสนับสนุนทางการเงินให้กับอุตสาหกรรมถ่านหินและเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เพื่อป้องกันมิให้อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเพิ่มมากไปกว่า 1.5 องศาเซลเซียส

ข้อมูลอ้างอิง Greenpeace Thailand
อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ >> https:// act.gp/2Tf58WS
#3872


ธนาคารยูโอบี ประเทศไทยรวมใจพนักงานและลูกค้าระดมเงินบริจาคกว่า 5 ล้านบาทในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเพื่อมอบให้แก่สภากาชาดไทยนำไปซื้อชุดอุปกรณ์ยังชีพและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน สำหรับมอบให้กับผู้ยากไร้ที่ต้องกักตัวที่บ้านตามมาตรการป้องกันโควิด-19

โดยในโครงการ #รวมใจสู้ไปพร้อมคุณ เพื่อสู้ภัยโควิต-19 นั้น ทุกเงินบริจาค 1 บาทจากพนักงาน ธนาคารจะสมทบอีก 1 บาท สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท นอกจากนี้ ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบียังร่วมบริจาคคะแนนสะสมบัตรเครดิตยูโอบี โดยคะแนนสะสมทุก 1,000 คะแนนเปลี่ยนเป็นเงินบริจาคได้ 120 บาท

มร. ตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า "เรากำลังเผชิญกับโรคระบาดที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกในประวัติศาสตร์ และชุมชนไม่เคยต้องการความช่วยเหลือและการดูแลมากเท่านี้มาก่อน ผมขอขอบคุณเพื่อนพนักงานและลูกค้าสำหรับน้ำใจที่มอบให้ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเงินบริจาคของเราที่ส่งมอบให้สภากาชาดไทยจะมีส่วนช่วยเพื่อนพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยากให้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้"

โครงการระดมเงินบริจาคนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการยูโอบี ฮาร์ทบีท เพื่อสู้ภัยโควิด-19 อันเป็นความคิดริเริ่มภายใต้โครงการ #รวมใจสู้ไปพร้อมคุณ ของกลุ่มธนาคารยูโอบีทั่วโลกที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือชุมชนในระยะยาวของกลุ่มธนาคารในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้
#3873


แม่ฮ่องสอน - เครือข่าย "สะพานบุญครูหนึ่ง" ผนึกชาวแม่ฮ่องสอน ร่วมลงขัน-ลงแรงทำ "น้ำพริกคั่ว" เมนูที่ขาดไม่ได้ของชาวไต แพ็คส่งช่วยเหลือพี่น้องชาวไทใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระบาดฟรีทั่วประเทศ

สถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ มีผู้ได้รับความเดือดร้อนมากมาย โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มที่จะต้องใช้มาตรการเข้มงวดทั้งล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว เพิ่มเป็น 29 จังหวัด

และแน่นอนว่าตามจังหวัดเหล่านี้..มีพี่น้องชาวไทใหญ่หรือแรงงานชาวไต ทั้งจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบอยู่ด้วย ประกอบกับมาตรการในการกักตัวหรือระหว่างการรักษาตัวก็จะมีเรื่องอาหารการกินเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ ทำให้ที่ผ่านมาก็จะมีการติดต่อกับญาติพี่น้องในภูมิลำเนาเพื่อขอให้จัดส่งสิ่งของหรืออาหารไปให้เป็นระยะ

โดยหนึ่งในเมนูบนสำรับกับข้าวของพี่น้องชาวไทใหญ่ หรือพี่น้องไต ที่ขาดไม่ได้คือ "น้ำพริกไทใหญ่หรือน้ำพริกคั่ว" ซึ่งผู้คนที่ต้องกักตัวตามต่างจังหวัดก็จะลำบากที่ไม่สามารถหาซื้อวัตถุดิบมาทำได้

ล่าสุดชาวบ้านในจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็ได้ประสานความร่วมมือกับ "สะพานบุญครูหนึ่ง" ที่มีนายชาติชาย น้อยสกุล หรือครูหนึ่ง โต๊ะอิหม่ามหรือผู้นำศาสนาอิสลามของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองการศึกษา เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นฟันเฟืองหลักผสานความร่วมมือกับคริสตจักรและวัดต่างๆ ในรูปแบบภาคี 3 ศาสนา คือ พุทธ คริสต์ อิสลาม เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้ด้อยโอกาส และตอนนี้ยังรวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบตามแนวชายแดนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

พร้อมกับรวบรวมวัตถุดิบที่จะต้องใช้ในการทำน้ำพริกคั่วไทใหญ่ และระดมกำลังของชาวบ้านหรือผู้ที่ว่างงาน มาช่วยกันลงมือปรุงน้ำพลิกคั่วไทใหญ่ทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้รสชาดแบบดั้งเดิมของชาวไตในแม่ฮ่องสอน



ซึ่งการทำน้ำพริกคั่วไทใหญ่นั้น วัตถุดิบหลักๆก็จะมีหอมแดง กระเทียม ปลาเกล็ดขาวเล็ก กุ้งแห้ง พริกแห้ง เครื่องปรุงรสต่างๆ เกลือ น้ำมันพืชและที่ขาดไม่ได้คือถั่วเน่า (ถั่วเหลืองหมักและแปรรูปเป็นแผ่นตากแห้ง เป็นเครื่องปรุงรสเหมือนกับปลาร้าหรือกะปิ)

แต่ละคนจะต้องมาช่วยกันทั้งแกะและซอยหอมแดง กระเทียมหลังจากแกะเปลือกแล้วก็จะต้องตำให้แหลก ส่วนถั่วเน่าที่ถือว่าเป็นวัตถุดิบหลักของน้ำพริกคั่วก็ต้องนำมาย่างให้หอมแล้วนำมาตำให้ละเอียด

ขั้นตอนที่ยากและต้องใช้เวลามากก็คือต้องนำวัตถุดิบทั้งกระเทียมตำละเอียดกับหอมแดงที่ซอยไว้นั้นมาทอดในน้ำมันให้หอม ก่อนที่จะนำมาพักให้หายร้อนและสะเด็ดน้ำมัน เช่นเดียวกับปลาเกล็ดขาวเล็กก็ต้องนำมาทอดเช่นเดียวกัน ส่วนกุ้งแห้งหลังจากนำมาทอดพอหอมแล้วนำมาโขลกพอหยาบ พริกแห้งก็ต้องนำมาคั่วให้แห้งและโขลกให้ละเอียด

จากนั้นก็จะเป็นวิธีการนำทุกอย่างที่เตรียมไว้พักให้เย็นแล้ว นำมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกันในอัตราส่วนที่พอดีตามสูตรของชาวไทใหญ่ ก่อนที่จะบรรจุใส่ถุงและแพ็คใส่กล่องไปรษณีย์ส่งไปยังปลายทางตามที่มีผู้ป่วย หรือผู้กักตัวได้ร้องขอมา โดยส่งให้ฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

นายชาติชาย น้อยสกุล แกนนำเครือข่ายสะพานบุญครูหนึ่ง บอกว่า ตอนนี้พี่น้องชาวไใหญ่ที่อยู่ในหลายจังหวัดต้องการน้ำพริกคั่วไทใหญ่มากขึ้น ต้องระดมทั้งคนและวัตถุดิบต่างๆ มาทำ พอทำเสร็จก็จะทยอยส่งไปเรื่อยๆ คาดว่าจะต้องทำไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายและเป็นอาหารที่ถูกปากของชาวไทใหญ่อยู่แล้ว เป็นอีกหนึ่งกำลังใจของชาวแม่ฮ่องสอนส่งไปให้กับผู้ได้รับความเดอืดร้อนในขณะนี้

ทั้งนี้ "สะพานบุญครูหนึ่ง" เริ่มต้นช่วยเหลือผู้อื่นจากทุนทรัพย์ของตนเอง ปัจจุบันนี้องค์กรในนามสะพานบุญครูหนึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้คนช่วยกันบริจาคทั้งเงิน สิ่งของเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ไม่เพียงแต่ผู้คนในแม่ฮ่องสอนเท่านั้น ในขณะนี้มีผู้ใจบุญร่วมกันบริจาคมาจากทั่วประเทศและมีบางรายอยู่ต่างประเทศ

และที่ผ่านมา ชาวแม่ฮ่องสอนจะเห็นภาพ สะพานบุญครูหนึ่ง ทำหน้าที่รับบริจาค รวบรวมสิ่งของจำพวกข้าวสาร อาหารแห้ง ผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กและผู้ใหญ่ เสื้อผ้า ยา ขนม และสิ่งที่จำเป็นในยุคนี้ก็คือหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล วัสดุทางการแพทย์จำพวกชุด PPE เพื่อมอบแก่ทีมแพทย์และพยาบาล รวมไปถึงการก่อสร้างที่พักให้แก่ผู้ที่ไร้บ้าน ผู้พิการ พร้อมไปกับการเข้าไปดูแลอย่างต่อเนื่องในรายที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงแบบถาวร
#3874



แง้มให้รู้ว่ากำลังจะมีผลงานเพลงซิงเกิ้ลใหม่อีกไม่นานสำหรับกลุ่มศิลปินร็อกมากฝีมือ 7Days Crazy นำโดย โบ๊ต-ธีรพล มาลัยวงศ์ (ร้องนำ), โต้ง-ศรายุทธ พรหมประสาท (กีตาร์) และ ไอส์-พิเชษฐ์ สุวรรณพันธุ์ (เบส) แต่ก่อนจะได้ไปฟังพร้อมกัน ช่วงนี้วงไม่ปล่อยให้แฟนๆ คิดถึงนาน เลยขอหยิบเอาเพลง "ฉันนอนไม่หลับ" ซิงเกิ้ลเปิดตัววงในค่ายข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเมนท์ มาทำใหม่ในแบบฉบับอะคูสติกเวอร์ชั่นให้ฟังแบบสบายๆ กันก่อน


โบ๊ต-ธีรพล นักร้องนำเล่าถึงการทำงานเพลงนี้ว่า "เพลงนี้เราได้ลองเปลี่ยนสไตล์ดนตรีที่แปลกใหม่กว่าเดิมในแบบของวงเรา จากที่เราเคยทำเพลงแบบร็อกหนัก เพลงนี้ก็จะปรับให้มีจังหวะมากขึ้น แฟนๆ ก็ชอบกันนะครับ บอกว่าดนตรีเรามีสีสันมากขึ้น ฟังง่ายขึ้น ซึ่งตอนนี้วงเรายังมีเพลงนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ก็คือนแบบอะคูสติกเวอร์ชั่นมาให้ฟังกันด้วย ซึ่งสไตล์ดนตรีเวอร์ชั่นนี้เราพยายามตัดซาวน์พวกอิเล็กทรอนิกส์ออกไป เหลือไว้ในพาร์ทกีตาร์โปร่ง จะได้ฟังง่ายขึ้น ในเรื่องดนตรีจะเป็นโต้งมือกีตาร์ของเราเป็นคนขึ้นโครงเพลงมาก่อน แล้วทุกคนก็มาช่วยกันปรับให้ลงตัว ส่วนการร้องของผมก็เป็นฟิลสบายๆ ครับ จริงๆ เพลงนี้เราเตรียมงานกันมาซักพักแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รวมตัวกันยากหน่อย แต่เราก็พยายามทำเพลงออกมาให้ดีมากที่สุด ฝากติดตามด้วยครับ"
#3875



นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีการแพร่ระบาดมากขึ้น ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่สถานพยาบาลที่รองรับการรักษาผู้ป่วยมีไม่เพียงพอ

ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด 19  ในรูปแบบ Home Isolation หรือแบบ Community Isolationของกระทรวงสาธารณสุข และคำสั่งนายทะเบียนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  ตลอดจนเป็นการมอบความอุ่นใจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของเมืองไทยประกันชีวิต ด้วยการดูแลที่ครอบคลุม พร้อมรองรับสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมนั้น 

ล่าสุด  บริษัทฯ ได้ขยายความคุ้มครองการจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีความคุ้มครองสุขภาพทุกแบบที่มีค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (IPD)  ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) และชดเชยรายวัน ในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 และแพทย์ผู้ดูแลรักษาของหน่วยบริการสาธารณสุขเห็นสมควรให้สามารถแยกกักตัวในที่พัก (Home Isolation) หรือแยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) ได้ ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด


ทั้งนี้บริษัทฯ จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ติดโควิด 19  ที่เข้าระบบการรักษาในรูปแบบ
Home Isolation หรือแบบ Community Isolation  ในกรณีที่เข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน โดยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามความจำเป็นทางการแพทย์และที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินจำนวนผลประโยชน์สำหรับค่าใช้จ่าย ซึ่งเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลตามที่ระบุไว้ในตารางผลประโยชน์ของกรมธรรม์ประกันภัย 

สำหรับการจ่ายค่าชดเชยรายวันสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อโควิด 19 ผู้เอาประกันภัยต้องมีเอกสารที่แสดงว่าเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด 19 โดยแพทย์ผู้ดูแลรักษา และมีความจำเป็นทางการแพทย์ที่ต้องรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในในสถานพยาบาล แต่ไม่มีสถานพยาบาลรองรับ  โดยบริษัทฯ จะจ่ายค่าชดเชยรายวันไม่เกิน 14 วันนับแต่วันที่ปรากฎในหลักฐานที่แสดงถึงความจำเป็นทางการแพทย์ที่ต้องรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ในสถานพยาบาลแต่ไม่มีสถานพยาบาลรองรับ

 
"เรายังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้นโยบาย "MTL Trusted Lifetime Partner" ที่พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต ซึ่งการขยายความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลสำหรับลูกค้าที่ติดเชื้อโควิด 19 และได้เข้ารับการดูแลรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation หรือแบบ Community Isolation นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เมืองไทยประกันชีวิต ได้นำออกมาเพื่อสร้างความอุ่นใจและบรรเทาความเดือนร้อนให้กับลูกค้าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19  นี้" นายสาระ กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ โทร. 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง 

หมายเหตุ :

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์
อ้างอิงคำนิยาม Home Isolation หรือ Community Isolation ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 43/2564 เรื่อง การจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับผู้เอาประกันภัย ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และได้เข้ารับการดูแลรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation หรือแบบ Community Isolation สำหรับบริษัทประกันชีวิต ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564
#3876



จากกรณีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ออกข่าว จี้ 'Gojek' รีบคืนเงินให้ลูกค้า หลังประกาศยุติการให้บริการ 31 ก.ค. แต่ยังพบปัญหาคืนเงินผ่าน e-Wallet" นั้น

ล่าสุด (30 กรกฎาคม 2564) บริษัท เวล็อคซ์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการระบบแอปพลิเคชัน Gojek ได้ส่งหนังสือชี้แจงถึงสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยระบุว่า ทางบริษัทฯ ได้แจ้งให้ผู้ใช้บริการ GoPay (ระบบกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ของ Gojek) ใช้หรือถอนเงินออกจากกระเป๋าสตางค์ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 และมีข้อความแจ้งเตือนส่งไปยังผู้ใช้บริการเป็นระยะ ๆ โดยระหว่างวันที่ 7 -31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ผู้ใช้บริการ GoPay จะยังคงสามารถใช้เงินในกระเป๋าสตางค์สำหรับ การทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน Gojek หรือถอนเงินออกจากกระเป๋าสตางค์ได้  อีกทั้งบริษัทฯ จะยังเปิดช่องทางการให้บริการและสนับสนุนลูกค้าเพื่อตอบคำถามหรือช่วยเหลือลูกค้าในกรณีที่เกิดปัญหาจากการถอนเงิน

ส่วนสาเหตุที่จำกัดการคืนเงินผ่านบัญชีธนาคารเพียง 3 ธนาคาร คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ นั้น ทางบริษัทฯ ชี้แจงว่า เนื่องจากลูกค้าสามารถเติมเงินเข้ากระเป๋าเงิน GoPay ของตัวเองได้ผ่านทางแอปฯ ของ 3 ธนาคารดังกล่าวซึ่งเป็นคู่สัญญาให้บริการกับบริษัทฯ และเวล็อคซ์ ฟินเทคเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การถอนเงินออกจากกระเป๋าเงิน GoPay จะต้องทำผ่านบัญชีธนาคารที่ลูกค้าเติมเงินเข้ามาเท่านั้น


ทั้งนี้ แม้ว่า Gojek จะยุติการให้บริการในประเทศไทยนับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป แต่บริษัทฯ จะยังคงเปิดช่องทางให้สามารถถอนเงินออกได้ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 90 วัน โดยผู้บริโภคสามารถยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องผ่านแอปฯ Gojek ได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 และหลังจากระยะเวลาดังกล่าวผู้บริโภคสามารถติดต่อเพื่อทำเรื่องขอถอนเงินจากกระเป๋าสตางค์ทาง E - mail ได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สำหรับขั้นตอนการขอถอนเงินจากกระเป๋าเงิน GoPay ผู้บริโภคสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อขอรับเงินคืน พร้อมส่งเอกสารได้ที่แบบฟอร์มในแอปฯ Gojek (เปิดเฉพาะระบบช่วยเหลือและการถอนเงิน) พร้อมแนบเอกสารดังนี

- เอกสารการทำธุรกรรม เช่น สลิปการโอนเงิน ข้อมูลบันทึกการเคลื่อนไหวของบัญชีจากธนาคาร

- สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ หรือ ธนาคารกสิกรไทย พร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง (ชื่อและนามสกุลต้องตรงกับเอกสารการทำธุรกรรม ข้อ 1)

- สำเนาบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต พร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง (ชื่อและนามสกุลต้องตรงกับเอกสารการทำธุรกรรม ข้อ 1)


โดยการขอเงินคืนจะมีระยะเวลาในการดำเนินการ 7 - 14 วันทำการ สำหรับผู้บริโภคที่ไม่สะดวกยื่นคำขอผ่านทางแอปฯ Gojek สามารถขอถอนเงินจากธนาคารต้นทางที่เติมเงินเข้ามาได้ และทางธนาคารจะประสานกับ Gojek เพื่อดำเนินการคืนเงินในลำดับต่อไป

อย่างไรก็ตาม สภาองค์กรของผู้บริโภค เห็นว่า เพื่อการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ขอให้ Gojek เร่งประกาศเงื่อนไขดังกล่าวให้ประชาชนผู้ใช้บริการทุกคนทราบผ่านทุกช่องทางของ Gojek  ด้วย และหากมีผู้บริโภครายใดมีปัญหาในการขอเงินคืน

สามารถร้องเรียนได้สภาองค์กรของผู้บริโภค E - mail : tcc.complaint@thaiconsumerscouncil.org, Inbox Facebook : สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือร้องเรียน ร้องทุกข์ผ่าน google form สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ในลิงก์นี้ https://forms.gle/Uz8Wb4ZrnuVeFSeu6
#3877



นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบโควิด-19 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ใน 9 ประเภทกิจการได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ สาขาข้อมูลข่าวสาร และการสื่อสาร

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมมีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้สั่งการให้ รมว.แรงงานเร่งรัดขยับเวลาการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนไม่ให้เกินวันที่ 6 สิงหาคม โดยจะเริ่มทยอยจ่ายตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมนี้ ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะระบบการโอนผ่านพร้อมเพย์สามารถดำเนินการได้วันละ 1 ล้านบัญชีเท่านั้น โดยผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยามีจำนวน 2.87 ล้านคน จะต้องใช้เวลาถึง 3 วันจึงได้สามารถโอนได้ครบภายในกำหนดเวลาวันที่ 6 สิงหาคม ตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี และจะทยอยโอนครั้งต่อไปให้กับนายจ้าง และผู้ประกันตนมาตรา 33 ทุกๆวันศุกร์จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564

น.ส.ลัดดา แซ่ลี้ รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า วิธีการจ่ายเงินเยียวยาสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับเยียวยาจากรัฐบาลคนละ 2,500 บาท จะโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น ส่วนนายจ้างจะได้รับการเยียวยา จากรัฐบาล ตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุดลูกจ้างไม่เกิน 200 คน โดยนายจ้างบุคคลธรรมดา จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน และนายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามที่แจ้งไว้กับสำนักงานประกันสังคม

สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และนายจ้างที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 3 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา นั้น สำนักงานประกันสังคมจะประชาสัมพันธ์วันจ่ายเงินให้ทราบในภายหลัง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง
#3878




ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วง เมื่อนักร้องหนุ่ม เอ๊ะ จิรากร สมพิทักษ์ ศิลปินค่าย Me Records โด่งดังจากการเป็น "หน้ากากอีกาดำ" ในรายการ The Mask Singer ซีซั่น 1 โพสต์แจ้งข่าวว่าตัวเองติดโควิด-19 อีกทั้ง ชมพู่ วรัญญา บุญล้ำ ภรรยา ก็ติดโควิดด้วย โดยไปตรวจโควิดที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนจะทราบผลว่าเป็นบวก ซึ่งคาดว่าน่าจะติดจากคุณย่าของภรรยา ที่ได้ตรวจเบื้องต้นที่บ้านและผลออกมาเป็นบวกเช่นกัน

โดย เอ๊ะ จิรากร ได้โพสต์ภาพผลการตรวจโควิดเป็นบวก พร้อมทั้งโพสต์ภาพข้อความที่ชี้แจงถึงเรื่องนี้ไว้ว่า "ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ แม้จะพยายามป้องกันและดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ที่บ้านผมมีทั้งเด็กและคนแก่ ผมจึงออกไปนอกสถานที่แค่เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

*** ภรรยาของผมป่วยมาได้ 3 วัน วันที่ 28 จึงพาไปตรวจที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง (ทั้งผมและภรรยาไม่มีการพบและสัมผัสกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด) แต่อาการของภรรยาผมเข้าข่าย ทาง รพ. จึงแนะนำให้นัดตรวจ covid รวมทั้งผมไปด้วยพร้อมกัน แล้วเมื่อช่วงค่ำ ทาง รพ. โทรมาแจ้งผลว่าเป็น Positive ทั้งคู่

ผมขอชี้แจงเป็นส่วนๆ นะครับ
- ผมทำงานผ่านทางช่องทางออนไลน์ จึงไม่มีการรวมกลุ่มใดๆ ในช่วงระยะเวลาอันใกล้ที่ผ่านมา
- สำหรับค่ายเพลง เทปที่ออนแอร์เป็นการถ่ายทำไว้ล่วงหน้า 1 เดือนแล้ว

Timeline
22-24 ก.ค. ผมอยู่ที่บ้าน
25 ก.ค. นำอาหารไปมอบให้เจ้าหน้าที่ที่สถานีกลางบางซื่อ
26 ก.ค. ขนของย้ายเข้าบ้านใหม่ด้วยรถส่วนตัว มีแค่เพียงคนในครอบครัวช่วยขนย้าย ไม่มีคนนอกหรือใครมาพบ มาสัมผัส ย้ายของเข้าบ้าน ไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมใดๆ นอกเขตรั้วบ้านตัวเอง
27-28 ก.ค. จัดของอยู่ในบ้าน
29 ก.ค. ไปตรวจ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งตามคิวที่ได้ลงไว้ล่วงหน้า ทราบผลตอน 19.00 น.ว่า positive ทั้งคู่

** หมายเหตุ จากการเรียบเรียง timeline แม้ไม่ได้พบเจอกลุ่มเสี่ยงเลย แต่คาดว่าน่าจะได้รับเชื้อมาจากคุณย่าของภรรยา ที่มีอาการเป็นไข้มาก่อนคนแรก ซึ่งนับจากวันที่เป็นจนถึงตอนนี้อาการคุณย่าปกติมากๆ ทุกอย่าง มีแค่ไข้ขึ้นใน 2 วันแรกเท่านั้น พอได้พูดคุยสอบถามคุณย่า ซึ่งพักที่บ้านอีกหลัง แต่จะมาหาหลานๆ ทุกวัน คุณย่าก็แจ้งว่า ท่านไปแค่ตลาดสดหน้า มบ. แค่เพียงที่เดียวเท่านั้น หลังจากที่ทราบผล ก็ทำการตรวจเบื้องต้นเองที่บ้านด้วยวิธี swab ให้คุณย่า ผลคุณย่าก็เป็น positive

** ตอนนี้คุณย่ากับลูกๆ อีก 3 คน และคนอื่นๆ ในครอบครัว กำลังรอคิวที่จะได้รับการเข้าตรวจอย่างเป็นทางการ

** ส่วนผมและภรรยา ได้ทำการกักตัวและรอคิวเพื่อเข้ารับการรักษาจาก รพ. ต่อไป

** ผมและภรรยากราบขออภัยทุกๆ คนมา ณ ที่นี้ด้วยครับ".
#3879



รายการโหนกระแสวันที่ 29 ก.ค. 64 "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ "นพ.พิเชฐ บัญญัติ" รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอดีตนายกสภาการแพทย์แผนไทย หลังประชาชนเรียกร้องเรื่องสมุนไพร นอกจากกระชายขาว ฟ้าทะลายโจร อีกหนึ่งอย่างที่กำลังพูดกันคือ พลูคาว ตรีผลา คืออะไร

ก่อนหน้านี้มีคนกินฟ้าทะลายโจร กระชายขาวสร้างภูมิตัวเอง กินต่อเนื่องยาวเป็นเดือนๆ แต่พออาจารย์บอกไม่ได้ ต้องมีระยะของมัน ทุกคนก็เข้าใจ และมีเรื่องคนกินยาวๆ แล้วมีปัญหาเรื่องของตับเหมือนกัน อาจารย์มองเรื่องนี้ยังไง?

นพ.พิเชฐ : อะไรที่มันมากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี มันต้องพอดี ผมเองมีพรรคเพื่อนที่เป็นหมอ ดูแลคนไข้ ก็บ่นมาเหมือนกันว่าเจอคนไข้ค่าตับไม่ดี ตับมีปัญหา ถามไปว่าโอ้โห กินสารพัดสมุนไพร กินป้องกันเพราะความกลัว บางคนกินทั้งฟ้าทะลายโจร กระชายขาว ตรีผลา จันทลีลา พอป่วยไปถึงหมอ หมอจะให้ยารักษาฆ่าเชื้อไวรัส ให้ไม่ได้ ตรวจแล้วค่าตับผิดปกติ เสียเวลาต้องรอ เพราะไม่กล้าให้ เพราะยาแต่ละตัวถ้าตับไม่ดีต้องระวัง มันสะท้อนว่ามีคนไม่เข้าใจ ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เหมือนสงคราม ใครว่าอะไรดีคว้าไว้ก่อน แบบนี้ไม่ดี มันมีโอกาสมากเกินไป บางอย่างถ้าเราจะใช้สมุนไพรเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ต้องกินเป็นอาหาร กินตามหลักการปรุงอาหารแบบไทยๆ จะได้มีประโยชน์ไม่มีโทษ แต่ถ้ากินแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต้องมีระยะเวลา ปริมาณที่เหมาะสม ถ้ากินเป็นยาต้องกินให้ครบสูตรครบขนานของยา มันถึงจะได้ผล ถ้าจะกินฟ้าทะลายโจรยับยั้งไวรัสโควิด ก็ต้องกินให้ได้ปริมาณสารที่กำหนดตามที่เขาวิจัยไว้



กินฟ้าทะลายโจรไม่ใช่ว่าจะไม่ติดโควิดนะ?
นพ. พิเชฐ : ใช่ครับ เพราะมันป้องกันการติดโควิดไม่ได้ ผลการวิจัยในหลอดทดลอง มันป้องกันไม่ได้ ชัดเจนว่าเก็บไว้กินตอนรับเชื้อ ถ้ากิน 3 วันแล้วโอเค ไม่มีอาการ ดีขึ้น ก็กินต่อให้ครบ 5 วัน พอ 5 วันเชื้อจะออกจากร่างกายไปหมด เชื้อจะค่อยๆ ขับออก ปกติถ้าเราไม่กินยา เป็นชนิดไม่มีอาการ ไม่รุนแรง 5 วันอาการจะลดลงเพราะร่างกายสู้มันได้ภูมิคุ้มกันจะกัดมัน 7-10 วันส่วนใหญ่จะหมด แต่ถ้าอาการเยอะจะกำจัดช้าหน่อย เป็นซากเชื้อ

ยาแผนปัจจุบันก็ทิ้งไม่ได้?
นพ.พิเชฐ : โดยแนวทางตอนนี้ไม่ให้กินฟ้าทะลายโจร ควบกับยาต้านไวรัสปัจจุบัน ทั้งฟาวิพิราเวียร์ หรือบางท่านได้เรมเดซิเวียร์ ก็แล้วแต่ ไม่กินคู่กัน ถ้าดีก็กินฟ้าทะลายโจรให้ครบ ถ้าไม่ดีต้องหยุดให้หมอประเมินอาการว่าเชื้อลงปอดมั้ย ต้องปรับยาอะไรมั้ย แต่กินเพื่อป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ แต่ถ้ากินเพื่อรักษาต้องกินให้ปริมาณเพียงพอ ถ้าไม่ปริมาณเพียงพอเราก็ไม่การันตีได้ว่ามันจะเอาอยู่



ตรีผลา ขิง พลูคาว กระตุ้นภูมิคุ้มร่างกายได้จริงหรือเปล่า?
นพ.พิเชฐ : จากการศึกษาวิจัยในสัตว์และหลอดทดลอง ทั้งสามตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่ภูมิคุ้มกันมีหลายแบบภูมิคุ้มกันทั่วไปหรือที่เรามีติดตัว พวกนี้กระตุ้นได้โดยการกิน อาหาร การออกกำลังกาย แต่ภูมิคุ้มกันเฉพาะเชื้อ เฉพาะชนิดจะได้จากการฉีดวัคซีน ถึงจะเกิดภูมิคุ้มกันเฉพาะโควิดโดยตรง แต่การกินสมุนไพรที่มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ไปช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่กำจัดเชื้อโรคได้ด้วย มันก็จะเสริมกับภูมิที่ขึ้นจากการฉีดวัคซีน อันนี้มีการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลองแล้ว แต่การกินต้องกินให้ถูกต้อง หนึ่งถ้ากินอะไรติดต่อกันยาวๆ เกิน 10 วัน อย่างพารา กินเกิน 10 วัน วันละเม็ดก็มีโอกาสที่ตับมีปัญหา ต้องหยุด ต้องเว้น อาจมีผลได้ถ้ากินทุกวัน ถึงกินเม็ดเดียวก็ควรหยุด การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จากตรีผลา ในตำราแพทย์แผนไทย ประกอบไปด้วย สมอพิเภก สมอไทย มะขามป้อม สามอย่างนี้เรียกว่าตรีผลา ตรีแปลว่าสาม ผลาคือผล ผลไม้สามอย่าง ถ้าทำเป็นยาใช้แบบแห้งก็ได้ แต่ถ้าทำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ใช้แบบสดต้มได้



สัดส่วนปริมาณเป็นยังไง?
นพ.พิเชฐ : มีสองแบบ ถ้าเราใช้เพื่อการรักษาโรค เขาจะใช้สัดส่วนไม่เท่ากันตามสาเหตุของโรคเรา แต่ถ้าใช้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันปกติ ใช้หนึ่งต่อหนึ่งต่อหนึ่ง อย่างละเท่าๆ กันก็ได้ อาจเติมพวกน้ำตาลกรวด น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำผึ้ง ให้รสชาติดีขึ้น



ต้องใช้สัดส่วนยังไงต่อน้ำเท่าไหร่?
นพ.พิเชฐ : บางทีสูตรพวกนี้อาจแตกต่างกันได้ไม่ตายตัว แต่เราเน้นว่าสารแต่ละอย่างให้ท่ากัน เช่นใช้สองขีดก็ใช้สองขีดๆ เท่ากัน ไปต้มในน้ำสักลิตรนึง เติมน้ำตาลให้รสชาติดีหน่อย หรือเติมเกลือสักนิดหน่อย ต้มให้มันสุก แล้วกรองเอาน้ำมา เรียกว่าพิกัดตรีผลา ใช้สำหรับคนที่ไม่ป่วย แต่ถ้าคนป่วยต้องใช้หมอวินิจฉัย ว่าโรคเกี่ยวกับธาตุไฟ เราจะใช้อีกสูตรนึง ตัวยาไม่เท่ากัน เป็น 8-4-10 แต่ถ้ามีเสมหะเยอะ มีไอ ไข้ไม่เยอะ ก็ปรับไปอีก 10-8-4 ซึ่งตัวเลขนี้เป็นน้ำหนักสัดส่วนของที่ใช้ ถ้าแก้สาเหตุจากเสมหะ ใช้สมอพิเภก 8 ส่วน สมอไทย 4 ส่วน มะขามป้อม 12 ส่วน เพราะตัวมะขามป้อมลดเปรี้ยวฝาดขมกัดเสมหะ ละลายเสมหะได้ดี ทำให้เสมหะแห้งได้ แต่ถ้าไข้ ตัวร้อนเยอะ ไปทางหวัด น้ำมูกอาจไม่เด่น ก็ปรับเป็น 12-8-4 สมอพิเภก 12 สมอไทย 8 มะขามป้อม 4 แต่ถ้าไข้ไม่ค่อยมี เสมหะในคอนิดหน่อย น้ำมูกไม่ค่อยเยอะ แต่ครั่นเนื้อครั่นตัว เพลียๆ สาเหตุจากวาตะ ลมผิดปกติ อันนี้ปรับเป็นสมอพิเภก 4 ส่วน สมอไทย 12 ส่วน มะขามป้อม 8 ส่วน ซึ่งสามสูตรหลังเรียกมหาพิกัดตรีผลา สูตรแรกสำหรับเราไม่ป่วย แข็งแรงดี ใช้สัดส่วน 1-1-1 ถ้ากินยากก็เพิ่งมะขามป้อมเยอะหน่อย เป็นหนึ่งต่อสาม สูตรไม่ตายตัว

ขิงช่วยมั้ย?
นพ.พิเชฐ : ขิงเป็นสมุนไพรรสร้อน มันก็ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว ในทางการแพทย์แผนไทย

เพื่อนต่างประเทศหลายคน อยู่อังกฤษ อเมริกา เขาบอกว่าเพื่อนๆ คนไทยที่เป็นโควิด เขาต้มน้ำขิงกินแล้วรู้สึกดีขึ้น?
นพ.พิเชฐ : สมุนไพรรสร้อนจะกระตุ้นธาตุไฟ ซึ่งธาตุไฟคือเรื่องภูมิคุ้มกันอยู่แล้วในการแพทย์แผนไทย ฉะนั้นการกินน้ำขิงก็ได้ประโยชน์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขิง ข่า กระชาย รสร้อนหมด ก็กระตุ้นภูมิคุ้มกัน เขาถึงเอาไปทำเครื่องแกง แต่การกินอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆ ติดกันตลอด อาจเสียสมดุลร่างกาย ผมคิดว่าเรากินสลับกันได้มั้ย หรือเพิ่มสัดส่วนเข้าไป อย่างกระชาย ภูมิปัญญาไทยไม่มีกินดิบนะ ต้องกินต้มสุก ถ้าคนอยากกินกระชาย บางสูตรบอก กระชายสัก 2 ขีด เพิ่มขิงไปหน่อยนึง 1 ใน 4 สัก 50 กรัม แล้วไปเพิ่มน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลกรวด ซึ่งน้ำตาลกรวดเป็นสมุนไพรอย่างนึง สมุนไพรไม่ใช่เฉพาะพืชนะ เป็นได้ทั้งพืชและสัตว์ และแร่ธาตุแบบนี้ จริงๆ ใช้น้ำตาปี๊บก็ได้ หรือไม่มีก็ใช้น้ำผึ้ง ถ้าไม่อยากให้หวานเยอะ อันนี้ก็ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เหมือนกัน มีประโยชน์มากกว่ากินกระชายตัวเดียว กระชายตัวเดียวก็จะหนักอย่างใดอย่างนึง ผมคิดว่าสิ่งที่น่าจะกินได้นานหน่อย ควรใช้กระชาย อาจเพิ่มใบเตย เพราะมีรสเย็นมาตัดตัวรสร้อน ต้มแล้วเอาใบเตยใส่ไปตัดรสร้อนกระชายใส่น้ำตาลกรวดไปด้วย แล้วแต่ความหวานคนชอบ พอใส่ไปก็เป็นรสเย็นก็จะชุ่มชื่น ใส่เกลือไปนิดหน่อย แก้น้ำเหลืองเสียได้ด้วย

พลูคาวนี่ไม่ค่อยได้ยินถึง แต่อาจารย์จะบอกว่าเป็นสมุนไพรที่ดีเหมือนกัน?
นพ.พิเชฐ : ครับ มีวิจัยเยอะมากเลยนะ มีการจดลิขสิทธิ์การศึกษาวิจัยไว้เยอะ ทั้งประเทศไทยและในโลก พลูคาวคือผักคาวตองที่เขากินแกล้มลาบ ทางเหนือ กลิ่นใบจะคล้ายๆ ใบพลู กลิ่นคาวคล้ายคาวปลา เขาเลยเรียกพลูคาว หรือผักคาวตอง เวลาเราไปทางเหนือเขาทำเป็นลาบมาจะแกล้มตรงนี้ พืชตัวนี้มีกระจายใช้กันหลายประเทศ ชื่อแตกต่างกัน มีหลายพันธุ์ ในภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ใบเป็นรสร้อน ก็แก้กามโรค แก้น้ำเหลืองเสีย แก้กามโรคเข้าข้อ เกิดโรคอื่นๆ ด้วย แต่พอดูในตำรับยาไทยหนังสือเวชศึกษา ของพระยาพิศณุประสาทเวช บอกว่ามีตั้งแต่แก้น้ำมูก แก้ซาง ยาแก้ตาล และยานึงน่าสนใจ ยามหาระงับพิษ คือพิษอะไรมาก็สู้ได้ ยาแก้ไข นี่แพทย์แผนไทย ทีนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการศึกษาวิจัย เราก็วิจัยและทำหนังสือมาเล่มนึง หนังสือผักคาวตอง ผมสรุปว่าผักคาวทองพอไปศึกษาทางเคมี มีสารเยอะมาก มีสารกลุ่มน้ำมันหอมระเหย ตั้ง 30 กว่าชนิด มีผลมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย สารกลุ่มพวกฟลาโวนอยด์ , เคอร์ซีติน , รูติน และพวกสารอัลคาลอยด์ พบกว่า 15 ชนิด

และพวกกรดไขมันที่สำคัญสองตัว เราต้องกินเข้าไป เราสร้างเองไม่ได้ มีสารเยอะมาก และมีการทดลองในทางเภสัชวิทยามีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ด้วย ที่พูดนี่ยังไม่มีการทดลองในคนนะ แต่มีทดลองในสัตว์ทดลอง และหลอดทดลอง อย่างต้านมะเร็งเขาไปทดลองกับมะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มันต้านได้ ฤทธิ์ต้านไวรัสได้หลายตัว สารเคอร์ซิติน จะออกฤทธิ์ ยับยั้งเชื้อไวรัสหลายตัว ตัวนึงที่กล่าวถึงในงานวิจัย คือไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในหลอดทดลองและในสัตว์ ใช้ได้ดีกว่า แต่ไม่มีใครเอามาทำวิจัยเป็นยาจริงๆ จัง ๆ และต้านอักเสบได้ด้วย ที่สำคัญกระตุ้นภูมิคุ้มกันก็มีการวิจัยหลายอัน ทั้งต่างประเทศและไทย สารจากน้ำสกัดแบบต้มของใบพลูคาวกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวเม็ดเลือดขาวชนิดที่จับไวรัสกิน นี่เป็นการทดลองก่อน ถ้าจะกิน ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบอาหาร เป็นใบสด แต่ถ้าจะแปลงมาเป็นของที่เรากิน อาจใช้ต้ม เพราะการทดลองส่วนใหญ่ใช้น้ำสกัดจากต้มทั้งนั้น แต่เพราะกลิ่นคาว อาจไม่มีใครทำเป็นต้มกินเหมือนน้ำกระชาย น้ำขิง

ผักคาวตอง หรือพลูคาว เขาบอกองค์ประกอบเคมี กับภูมิคุ้มกัน เขามีบอกหมดเลย มีข้อมูลที่มีการวิจัยมาหมดแล้ว ในจีนก็มีเอาไปวิจัย ตอนนี้อยู่ในสายกับ "ผศ.ดร.เอกสิทธิ์ จงเจริญรักษ์" คณะอุตสาหกรรมเกษตรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อาจารย์เป็นคนหนึ่งที่วิจัยเรื่องพลูคาว?

ดร.เอกสิทธิ์ : ใช่ครับ ตัวผมเองและทีมงานวิจัย เราทำงานวิจัยด้านการทดสอบ สกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เราทำวิจัยตัวพลูคาวมา 10 กว่าปี เนื่องจากตัวสมุนไพรพลูคาว เป็นสมุนไพรชนิดนึงทางภาคเหนือของไทย ตัวเขาเองมีลักษณะกลิ่นรสเฉพาะ ถ้าบี้ใบดูจะเป็นเมือกลื่น ทำให้เราสนใจ จากการวิเคราะห์เบื้องต้นในห้องปฏิบัติการ พบว่ามีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญ ที่เคยทำสารที่มีเมืองลื่นเมื่อผ่านกระบวนการย่อยเฉพาะ เราพบว่าหนึ่งในฤทธิ์นั้นคือกระตุ้นภูมิคุ้มกันในห้องทดลองได้เป็นอย่างดี และจากที่สืบค้นงานวิจัยย้อนหลัง ในงานวิจัยเยอะแยะบอกถึงฤทธิ์ ศักยภาพใบพลูคาว มีงานวิจัยชิ้นนึง ที่น่าสนใจ คือการออกฤทธิ์ยับยั้งซาโควี 1 โคโรนาไวรัสเวอร์ชั่นแรก ที่ระบาดในปี 46 เป็นตัวที่ทำให้เราเห็นศักยภาพที่จะนำมาพัฒนาต่อ ทางทีมวิจัยก็วิจัยอย่างต่อเอง การทานบริโภคต่อไปต้องมีงานวิจัยที่นำมาสนับสนุนซัปพอร์ตต่อไปว่าจะนำมาใช้ได้อย่างไร



ถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์?
ดร.เอกสิทธิ์ : ใช่ครับ มีศักยภาพสูงที่จะนำมาพัฒนาได้ต่อไป

มองยังไง เดี๋ยวพูดไปราคาแพงอีก คราวที่แล้วทั้งฟ้าทะลายโจร กระชายขาวเอาไปขายโก่งราคากัน?
พิเชฐ : ทั้งหมดเป็นการทดลองในสัตว์ทดลอง ถ้าจะเอามาใช้ ต้องใช้เป็นอาหาร เช่น เอามากินแบบใบสด ถ้าใบสดจะดีตรงที่ได้สารน้ำมันหอมระเหยได้ด้วย ซึ่งช่วยกำจัดไวรัสได้ด้วย แต่ถ้าเราจะกินแบบสุกก็ต้องกินแบบต้ม ตอนนี้ภูมิปัญญาเรามีประมาณนี้ ส่วนการพัฒนารูปแบบเป็นยาฆ่าฆ่าไวรัสยังไม่ได้มีการศึกษา

ข้อเสีย คือกินอะไรอย่าให้มากเกินไป ไม่ว่าพลูคาว ตีผลา หรือสูตรขิงกับกระชาย?
พิเชฐ : ครับ เรียนว่าผมก็ไม่มีข้อมูลชัดเจน ว่ากินติดต่อกันนานเกินเท่าไหร่ แต่โดยหลักภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยเราจะไม่กินสมุนไพรตัวเดียวหรืออย่างเดียวติดต่อกันนานๆ แต่วิจัยบอกไม่ควรเกิน 7-10 วันอย่างเดียว การกินรูปแบบที่ไม่ใช่อาหารโดยตรงต้องระวัง เพราะอาจมีสารสกัดเข้มข้นบางตัวเปลี่ยนไปจากธรรมชาติที่อยู่ในอาหาร การกินต้องระมัดระวังเหมือนกินยา ผลการวิจัยในหลอดทดลอง มันยังขาดบางส่วนที่ยังบอกไม่ได้ คือหนึ่ง เวลากินเข้าไปฤทธิ์ทางยามันไปทำอะไรกับเรากับตัวเรามันยังบอกไม่ชัด เขาเรียกว่าเภสัชพลาศาสตร์ กินไปตัวเราไปทำอะไรกับยา ทำปฏิกิริยาอะไรกับมัน สองอันมีความสำคัญก่อนเปลี่ยนเป็นยารักษาโรค ดีที่สุดตอนนี้คือกินเป็นอาหารตามภูมิปัญญาที่เราใช้อยู่ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ปรับเป็นเครื่องดื่ม อาจเอามาต้มน้ำ ปรุงโน่นนี่ ผมว่าแบบนี้มีประโยชน์



ถ้าจะมองว่าฟ้าทะลายโจรเป็นดาบสู้ไวรัสได้มั้ย?
พิเชฐ : ถ้าเป็นยาที่มาจากสมุนไพรก็ต้องเปรียบแบบนั้น คือเอาไว้ฆ่าไวรัส เป็บดาบฟาดฟันไวรัส กระชายขาวถ้ากระชายทั้งอันโดนรวม ไม่แยกเอาสารตัวใดตัวนึงก็เป็นโล่ได้ พลูคาวก็คล้ายๆ กัน ไปเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง แต่ต้องให้พอดี
#3880



นายธีระธัช รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วิลล่า ฟอเรสต์ กล่าวว่า ได้เปิดตัวเฟสแรก คือ "โรงเรียน ที่ซึ่งสะท้อนถึงการเรียนรู้รอบด้านควบคู่คุณธรรม" เพราะการศึกษามีความสำคัญ เป็นรากฐานของชีวิต จึงได้ร่วมกับ Wells International School, Chonburi Campus สานพลังเสริมสร้างจินตนาการการเรียนรู้วิถีใหม่ เพื่อพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้คู่คุณธรรม



ทั้งนี้มีข้อเป้าหมายร่วมกันที่จะเพื่อบ่มเพาะกล้าพันธุ์ให้เติบใหญ่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้เป็นโรงเรียนวิถีใหม่ มีศูนย์การเรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ ที่เด็กๆ จะได้มาเรียนรู้ มีที่นาให้เด็กๆ เอาเท้าสัมผัสดินสัมผัสหญ้า และมีแปลงผักให้ทดลองปลูกผักเก็บผัก และทำกิจกรรมร่วมกันที่จะสร้างสรรค์จินตนาการให้เด็กๆ เก่งและดี มีความสุข และมีความอ่อนน้อม โดยนำเอาวัฒนธรรม Globalization มาผสมผสานกับ Localizaion เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลง



ดร.เรย์ เดอ ลา เพนญ่า ครูใหญ่ โรงเรียนนานาชาติ เวลส์, แคมปัสอ่อนนุช กล่าวว่า คุณพ่อเคยมาทำงานในเมืองไทย ตั้งแต่ปี 1960 ทำทางด้านโครงการในพระราชดำริฯ ร.9 ทำให้ได้รับรู้และซึมซับในเรื่องราว 'เศรษฐกิจพอเพียง' มีความประทับใจมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เลยตัดสินใจมาอยู่เมืองไทย และประกอบอาชีพ 'ครู' ด้วยความเชื่อว่า "Changing the World, One student at a time"

"โรงเรียนนานาชาติ เวลส์ อยู่ในกรุงเทพฯ อ่อนนุช ทองหล่อ และบางนา มีประสบการณ์มา 20 ปีแล้วในการจัดการเรียนการสอนที่ทำให้นักเรียนที่จบทุกๆ ปีสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยดังๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย จึงมีความตั้งใจจะขยายสาขาอีก แล้วมาเจอที่ชลบุรี โครงการวิลล่า ฟอเรสต์ รู้สึกหลงใหลไปกับธรรมชาติต้นไม้หลากพันธุ์ และที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งและศูนย์รวมที่นำเอาหลักคิดวิถีพอเพียงมาใช้"



ดังนั้นจึงอยากจะสร้างโรงเรียนแห่งนี้ในพื้นที่ 24 ไร่ ให้เป็นแคมปัสที่สามารถจะพัฒนาได้อย่างยั่งยืนสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตั้งแต่ในห้องเรียนไปจนถึงนอกห้องเรียน โดยจะสร้างพื้นการเรียนการสอนให้มีคุณภาพเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ซึ่งไม่ใช่เก่งแค่วิชาการ แต่สามารถพัฒนาต่อยอดสู่ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เพราะบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติต้นไม้ จะทำให้โล่ง หายใจสะดวก ทำให้สนุกในการเรียนรู้ เกิดการเรียนรู้ที่ดี เกิดจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และนี่คือหัวใจแห่งการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบ



ด้วยบรรยากาศที่สร้างกระบวนการเรียนรู้ได้ดีนั้น สามารถรองรับนักเรียนมัธยมที่จะทำ Diploma หรือ ประกาศนียบัตร ได้ตามความสนใจ สำหรับเด็กประถมจะทำให้เด็กๆ เกิดกระบวนการเรียนรู้ได้ดีขึ้น เพราะมีพื้นที่ได้ทำกิจกรรม มีแปลงผักปลูกต้นไม้ หรือจะนำสิ่งแวดล้อมธรรมชาติมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำงานศิลปะได้ด้วย

"สิ่งสำคัญที่สุดในแคมปัสแห่งนี้ สามารถรองรับกลุ่มคนที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อย่างดี เด็กตื่นมาไปเรียนได้เลย ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องจราจร รถติด เหมือนกรุงเทพฯ ทั้งคนในครอบครัวก็จะอยู่ด้วยกันมากขึ้น พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ-แม่-ลูก เด็กๆ ไม่ต้องรอพ่อแม่นาน แล้วก็ได้ไม่นอนดึก ทำให้เกิดความสุข สุขภาพดี การเรียนรู้ยิ่งดี"

โครงการต้นแบบชีวิตวิถีใหม่แห่งนี้ ยังมีแนวคิดแห่ง 'บ-ว-ร' ในส่วนของ 'บ-บ้าน' ที่ให้มากว่าคำว่าบ้าน และ 'ว-วัด' ที่มาของการพัฒนาจิตใจของทุกชาติและศาสนา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจ และมีให้ติดตามกันในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.085 399 4030