• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jessicas

#3861


รัสเซลล์ เฮนลีย์ นักกอล์ฟมือ 56 ของโลกชาวอเมริกัน รักษาเก้าอี้ผู้นำศึก วินด์แฮม แชมเปียนชิพ อย่างเหนียวแน่นด้วยสกอร์ 14 อันเดอร์พาร์ ขณะที่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ หนึ่งเดียวจากเมืองไทย ผ่านตัดตัวเข้าไปลุยต่อจนจบ

ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ วินด์แฮม แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 6.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 212 ล้านบาท) ณ สนาม เซดเกฟิลด์ คันทรี คลับ ระยะ 7,127 หลา พาร์ 70 สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา เข้าสู่การดวลสวิงวันที่สอง

ปรากฏว่า รัสเซลล์ เฮนลีย์ สวิงชาวอเมริกัน ยังเกาะตำแหน่งผู้นำต่อ หลังออกไปตีเพิ่มอีก 6 อันเดอร์ รวมสกอร์เป็น 14 อันเดอร์พาร์ เหนือกว่า รอรี ซับบาตินี, เว็บบ์ ซิมป์สัน, สกอตต์ เพียร์ซี อันดับ 2 ร่วมทั้ง 3 คนอยู่ 4 สโตรก

ด้านสวิงมือดังคนอื่นๆ จัสติน โรส จอมเก๋าชาวอังกฤษ เก็บได้อีก 5 อันเดอร์ สกอร์ขยับเป็น 9 อันเดอร์พาร์ ขึ้นมาที่ 5 ร่วม ตามด้วย ทอมมี ฟลีตวูด ขวัญใจชาวเมืองผู้ดี สกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 23 ร่วม

ส่วนฝั่งของ "โปรอาร์ม" กิรเดช อภิบาลรัตน์ หนึ่งเดียวจากไทย รอบนี้ตี 3 เบอร์ดี เสีย 1 โบกี จบวันได้มา 2 อันเดอร์ สกอร์เพิ่มเป็น 6 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 23 ร่วม ได้เชียร์กันต่อในอีกสองวันที่เหลือจากนี้
#3862


ByteDance เจ้าของ TikTok แอปพลิเคชั่นยอดฮิตสำหรับสร้างสรรค์ผลงานวิดีโอที่กำลังมาแรงในช่วง 2 ปีหลัง เล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของผู้ใช้ ทำให้แบรนด์จำนวนมากหันมาใช้โฆษณาบน TikTok เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ตัดสินใจพร้อมลุยตลาดในภูมิภาคเอเชียอย่างจริงจัง ใช้เวลากว่า 6 เดือนคัดเลือกบริษัทตัวแทนในการดูแลการซื้อขายมีเดียทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย

สุดท้ายได้บริษัทที่มีความเหมาะสม คือ "iFulFeel Co., Ltd." โดย TikTok แต่งตั้งเป็นตัวแทนดูแลการการซื้อขายมีเดียให้กับ Tiktok ทั่วทั้งทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดย iFulFeel Co., Ltd. มีหัวเรือใหญ่ คือ "ชาร์ลี ฉั่ว" นักธุรกิจผู้คร่ำหวอดในวงการโลจิสติกส์ระหว่างไทยกับจีนมากว่า 30 ปี นั่งแท่นเป็น CEO ของ iFulFeel และเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันก่อให้เกิด ความตกลงครั้งสำคัญนี้

ตั้งเป้า นำ TikTok มาเป็นส่วนหนึ่งมาสร้างระบบ E-Commerce ระหว่างประเทศให้ทุกคนที่มี TikTok สามารถเข้าถึงได้ โดย iFulFeel เป็นจุดศูนย์กลาง

TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการทำวิดีโอเป็นคอนเทนต์หลัก ชาร์ลี ฉั่วเล็งเห็นว่า โปรดักชั่นในการถ่ายทำก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญ และถือเป็นหัวใจหลักของ TikTok จึงได้สร้างโปรเจกต์ iFulFeel x G-Village x Playground ขึ้นมา รวบรวมกลุ่มบริษัทที่มีความสามารถในวงการโฆษณาเพื่อสร้าง TikTok Production House Specialist นำโดย Liveplus Hause Co.,Ltd. โดยมีฐานหลักอยู่ที่ G-Village Co-Creation Hub สถานที่รวบรวมและสร้างคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไว้มากมาย และยังเป็น Studio ท่ีมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ

นอกจากนี้ iFulFeel ยังได้ "โรจน์ พุทธคุณ" ผู้ก่อตั้งบริษัท Mainstand บริษัทผู้ผลิตข่าวในวงการกีฬา และไลฟ์สไตล์ชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญผู้ผลักดันและพัฒนาวงการ E-Sports ในประเทศไทยให้ฮิตติดเทรนด์ในทุกวันนี้ ที่ครั้งนี้มาในนาม Playground เป็นผู้ดูแลการผลิตทั้งหมดและบริหารสตูดิโอ รวมถึงการตั้งเป้าพัฒนาให้ G-Village กลายเป็นจุดศูนย์กลางที่จะรองรับ TikTok Cerators ที่มีความสนใจในการสร้าง Content สนุก เพื่อสร้างให้ TikTok กลายเป็นโซเชียลมีเดียที่ฮิตติดเทรนด์

สิ่งที่สำคัญ สำหรับวิสัยทัศน์ของ "ชาร์ลี ฉั่ว" คือ การที่เล็งเห็นว่า SME ไทย ต้องการสร้างเเคมเปญโฆษณาต่าง ๆ โดยใช้ TikTok แต่ยังขาดผู้ให้คำปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงได้ร่วมมือกับ Zpace Group Advertising Agency กลุ่มบริษัทโฆษณาในไทย ที่นำทัพโดย จักรพันธ์ ศรีจันทร์ทัพ และ คุณภัทร วิชชุภานน์ ที่จะมาดูแลในส่วนของการวางแผนงานโฆษณาและแคมเปญต่าง ๆ ครอบคลุมถึงการทำแคมเปญในรูปแบบ IMC เพื่อรองรับธุรกิจทุกรูปแบบ

รวมถึงการประชาสัมพันธ์ที่ได้ Space Flares Creative PR Agency นำโดย อุทุมพร สุขประวิทย์ เข้ามาเป็นอีกพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งในสายงานประชาสัมพันธ์ โดยได้มีการเริ่มโปรเจกต์ไปแล้วบางส่วน เช่น แคมเปญ 100 บาทช่วยชาติ ที่มีการประสานงานกับ Gmall Co., Ltd. เพื่อช่วยเกษตรกรและ SME ชาวไทยในช่วงวิกฤตการณ์ Covid-19

ชาร์ลี ฉั่ว ยังได้เผยถึงมุมมองแนวคิดการทำงานว่า ต้องการสร้างทีมที่สามารถทำงานโฆษณาได้ครบทุกด้าน เพราะนั่นถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ Tiktok Asia เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับรูปแบบทางเศรษฐกิจในทุกวันนี้ โดยมีความตั้งใจจะให้บริการในรูปแบบ One Stop Service และต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการกับผู้บริโภคถึงขีดสุด

โดยเมื่อผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ โฆษณาบน TikTok Media จาก iFulFeelแล้ว จะได้รับการบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนที่มีความสำคัญและเป็นหัวใจหลักของการทำ TikTok อย่างการทำโปรดักชั่นจากทีมงานมืออาชีพอย่าง Playground พร้อมด้วยคำแนะนำด้านการทำงานครีเอทีฟและสตูดิโอสำหรับจัดกิจกรรมและการถ่ายทำที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับงานทุกรูปแบบจาก G-village เพื่อยกระดับการสร้างสรรค์ผลงานของผู้บริโภคให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ปัจจุบัน TikTok เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจซึ่งตอบโจทย์แบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย Generation Y-Z เป็นอย่างมาก ด้วยรูปแบบโฆษณาที่โดดเด่น หลากหลาย และสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม คุณชาร์ลี ฉั่ว คาดว่าภายในระยะเวลา 2 ปี TikTok จะสามารถขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มหลักของสื่อโซเชียลมีเดียคู่กับ Facebook และจะกลายเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ของ E-commerce ได้อย่างเเน่นอน
#3863


กลายเป็น TALK OF THE TOWN ในทันที่ สำหรับ "ฟ้าทะลายโจร" หลังจากมีข่าว "การถอนผลวิจัย" ที่ชื่อว่า "Efficacy and safety of Andrographis paniculata extract in patients with mild COVID-19: A randomized controlled trial" ของคณะวิจัยจากประเทศไทย ซึ่งกำลังได้รับการตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ และเผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ "เมดอาซีฟ" (www.medrxiv.org) เว็บไซต์คลังงานวิจัยที่เป็นต้นฉบับที่ยังไม่ตีพิมพ์เกี่ยวกับการแพทย์ การทดลองทางคลินิก และวิทยาศาสตร์สุขภาพอื่น ๆ

งานวิจัยชิ้นนี้ เป็นผลงานของนักวิจัย 7 คน โดย 5 คนมาจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข อีก 2 คนมาจากโรงพยาบาลสมุทรปราการ และสาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

เมื่อเรื่องปรากฏต่อสาธารณชน ความสับสนอลหม่านก็เกิดขึ้นไปทั่วประเทศ เนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา "คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ" ได้เพิ่มยาสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร และยาจากผงฟ้าทะลายโจร เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ให้เป็นยาที่ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อย และประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาต่างก็พากันไปซื้อฟ้าทะลายโจรมาใช้เป็นจำนวนมาก

กระทั่ง "พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์" อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ว่า การขอถอนข้อมูลงานวิจัยชิ้นดังกล่าวไม่ได้เป็นการถูกปฏิเสธจากวารสารวิชาการ แต่นักวิจัยไทยได้ขอถอนงานวิจัยกลับมาชั่วคราว เนื่องจากพบ "ความผิดพลาดของสถิติหนึ่งจุด" และระบุว่าผลลัพธ์การทดลองที่มีความคลาดเคลื่อนทางสถิติดังกล่าวไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีการกินยาหรือจ่ายยาฟ้าทะลายโจรในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19

หรือแปลไทยเป็นไทยก็คือ ยังสามารถใช้ "ฟ้าทะลายโจร" ในการต่อสู้กับโควิด-19 ได้ต่อไป

อย่างไรก็ดี ถ้าหากสังคมพินิจพิเคราะห์ "ปรากฏการณ์ถอนงานวิจัยฟ้าทะลายโจร" ที่เกิดขึ้นก็จะพบ "ความผิดปกติ" โดยเฉพาะกรณี "ความผิดพลาดของสถิติจุดหนึ่ง" ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กับ "งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์" ที่ต้องมีความแม่นยำก่อนที่จะเผยแพร่ผลงานออกไปสู่สาธารณชน ยิ่งเป็นการตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศด้วยแล้ว ยิ่งไม่ใช่เรื่องที่จะทำ "มั่วซั่ว" ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่านี่คือ "งานวิจัยทางการแพทย์ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์" ซึ่งไม่ใช่ "งานวิจัยทางสังคมศาสตร์" ที่สามารถมีข้อโต้แย้งในภายหลังหากพบ "หลักฐานใหม่"

หลายคนตั้งคำถามว่า หรือจะเป็นเพราะ "คณะวิจัย" ทำด้วย "ความเร่งรีบ" หรือทำงานภายใต้ "ภาวะกดดันบางประการ" จนทำให้เกิด "ความผิดพลาดของสถิติหนึ่งจุด" ซึ่งก็มีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้

ขณะที่อีกหลายคนก็อาจตั้งคำถามว่ามี "อะไรในกอไผ่" หรือไม่ดังสมมติฐานและเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น เหมือนดังที่ "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งคำถามเอาไว้ว่า "มีคำถามอยู่ว่างานระดับที่ป้อนข้อมูลและใช้การคำนวณโดยโปรแกรมเช่นนี้ เกิดความผิดได้อย่างไร? จนถึงขั้นแปลผลผิดจากแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ กลายเป็นแตกต่างกันแต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ" (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมหน้า 48)

ทีนี้ มาดูรายละเอียดในงานวิจัยชิ้นนี้กันว่า เป็นอย่างไร

พญ.อัมพร อธิบายรายละเอียดเอาไว้ว่า งานวิจัยนี้นี้เริ่มต้นในช่วงที่ยังไม่มียาตัวใดเลยที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการว่าสามารถฆ่าไวรัสโคโรนาหรือรักษาโรคโควิด-19 ได้โดยตรง จึงมีการทดลองและเก็บข้อมูลการใช้ยาชนิดต่าง ๆ ที่คาดว่าจะใช้รักษาโควิดได้ เช่น ฟาวิพิราเวียร์ เรมเดซิเวียร์ และสมุนไพรฟ้าทะลายโจร โดยเป็นการทดลองแบบสุ่มโดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบ ใช้ผู้ป่วยโควิดอาการเล็กน้อยอายุตั้งแต่ 18-60 ปี จำนวน 57 คน ที่ยืนยันการตรวจพบเชื้อไวรัสด้วยวิธี RT-PCR แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งกินสารสกัดฟ้าทะลายโจร อีกกลุ่มกินยาหลอก หรือเม็ดยาเปล่า ๆ ที่ไม่ได้มีฟ้าทะลายโจร

"พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์" อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
"พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์" อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

จากผู้ป่วย 57 ราย ในกลุ่มผู้ได้รับสารสกัดฟ้าทะลายโจร 29 ราย ไม่พบอาการปอดอักเสบ แต่ในกลุุ่มที่ได้ยาหลอก 28 ราย พบอาการปอดอักเสบ 3 ราย คิดเป็น 10.7%

สำหรับเรื่องความคงอยู่ของตัวไวรัสในวันที่ 5 พบผู้ป่วยกินสารสกัดฟ้าทะลายโจร ใน 29 ราย ไวรัสอยู่แค่ 10 ราย (34.5%) ส่วนผู้ป่วยกลุ่มกินยาหลอก 28 ราย เจอว่าไวรัสยังอยู่ 16 ราย (57.1%)

ขณะที่ในเรื่องความคลาดเคลื่อนนั้นอยู่ที่ค่านัยสำคัญทางสถิติในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้ยาหลอกในการทดลอง โดยค่านัยสำคัญทางสถิติที่คำนวณได้ครั้งแรกมีความคลาดเคลื่อน กล่าวคือตอนแรกคำนวณได้ว่าเป็น 0.03 และได้นำเสนอไป แต่เมื่อได้กลับพิจารณาอีกครั้ง จึงค้นพบว่ามีจุดอ่อนอยู่จุดหนึ่งแทนที่จะเป็น 0.03 ก็เป็น 0.112 หรือหมายความว่า หากมีการทดลอง 100 ครั้ง การค้นพบว่าผลลัพธ์คงเดิมจะอยู่ที่ประมาณ 97 ครั้ง ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจมาก แต่ตัวเลขที่คำนวณถูกต้อง หรือ 0.112 จะหมายความได้ว่า หากมีการทดลอง 100 ครั้ง ผลลัพธ์ที่เจอว่าเหมือนเดิมจะอยู่ที่ 90 ครั้ง ความคงที่จะลดลงมาในระดับหนึ่ง

วิญญูชนก็น่าจะ "คิด วิเคราะห์ แยกแยะ" พร้อมตั้งคำถามได้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย

เอาเป็นว่า หลังจากที่ถอนผลวิจัยออกมาแล้ว คงต้องติดตามกันต่อไปว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับการปรับปรุง "ความผิดพลาดทางสถิติหนึ่งจุด" ดังกล่าว การวิจัยจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่และจะมีการนำเสนอเพื่อกลับไปตีพิมพ์เหมือนเดิมด้วยข้อมูลที่ออกมาในลักษณะไหน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ "ไม่อาจกระพริบตา" ได้เลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ติดตามเรื่องฟ้าทะลายโจรมาอย่างต่อเนื่อง คงต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะ "ด้อยค่าฟ้าทะลายโจร" จาก "แพทย์แผนปัจจุบัน" ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่ "นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์" ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว ซึ่งออกมาโพสต์เรื่องการถอนผลวิจัยฟ้าทะลายโจรเป็นรายแรกๆ จนต้องออกมาโพสต์แก้ไขซ้ำอีกครั้ง

นพ.สันต์โพสต์เอาไว้ว่า "คณะผู้วิจัยชาวไทยที่ทำวิจัยฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดได้ขอถอนต้นฉบับของตัวเองกลับออกมาจากเว็บไซต์งานวิจัยรอตีพิมพ์ (medRxiv) เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดในการคำนวณเชิงสถิติในประเด็นการคิดค่านัยสำคัญทางสถิติ (p-value) คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ตัดเอาบทความของตนครึ่งบรรทัดไปโพนทะนาผ่านทางหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ ว่า ฟ้าทะลายโจรใช้รักษาโควิดไม่ได้ ผลเสียแล้วควรต้องเลิกใช้ ซึ่งเป็นการตัดบทความเอาไปแค่บรรทัดเดียวแล้วเอาไปกระเดียดที่ได้ผล ทั้งนี้ ตนขอแก้ไขคำพูดใหม่ เป็นหลักฐานวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนให้ใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด-19 ในคนยังมีไม่มากพอ เพราะยังขาดงานวิจัยระดับ RCT จึงต้องทำวิจัยซ้ำโดยการขยายกลุ่มตัวอย่างให้ใหญ่ขึ้น เพราะการที่กลุ่มตัวอย่างเล็กได้ค่า p มากกว่า 0.05 ก็บอกได้แค่ว่ายังบอกไม่ได้ว่าความแตกต่างในผลการรักษา คือการเกิดปอดบวม ในทั้งสองกลุ่มมันต่างกันจริงหรือไม่ การจะรู้ได้ก็ต้องมีกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่กว่านี้ ไม่ได้บ่งชี้ว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด-19 ไม่ได้ผล ซึ่งยาคู่แข่งกันที่ใช้ในเมืองไทยอีกตัว คือ Favipiravir ก็มีข้อมูลน้อยประมาณเดียวกัน คือทุกอย่างติดอยู่ที่ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ"

"แต่ฟ้าทะลายโจรมีความพิเศษกว่า Favipiravir ตรงที่แค่ทำวิจัยซ้ำขยายกลุ่มตัวอย่างให้ใหญ่ขึ้นอีกนิดเดียว ก็จะเห็นดำเห็นแดงแล้วว่าได้ผลหรือไม่ได้ผลต่างจากยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ อีกทั้งฟ้าทะลายโจรเป็นพืชสามัญในท้องถิ่น หาง่ายกว่า ราคาถูกกว่า มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของชาติมากกว่า ในแง่การค้าขายระดับนานาชาติ หากจะขายฟ้าทะลายโจรก็ต้องมีงานวิจัยระดับ RCT สนับสนุน ตัวหมอสันต์จึงลุ้นตัวโก่งให้ทำงานวิจัยนี้ต่อให้เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำ โดยยินดีช่วยทุกอย่างเท่าที่หมอแก่คนหนึ่งจะช่วยได้"

หรือแม้กระทั่ง "กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก" เอง โดยเฉพาะตัว "อธิบดี" เองที่ให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าวเรื่องการถอนผลงานวิจัยเอาไว้ว่า "เราไม่ได้ต้องการให้เชื่อมั่นในฟ้าทะลายโจรจนเกินความพอดี ใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อโดยไม่ระมัดระวัง อันนี้ถือเป็นแรงกระตุกที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม" ซึ่งฟังดูแล้วต้องใช้คำว่า "แปลกๆ" ทั้งๆ ที่ "คณะทำงานหลัก" ของการวิจัยชิ้นนี้ก็มีถึง 5 คนที่มาจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเอง

คำว่า "อันนี้ถือเป็นแรงกระตุกที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม" หมายความว่า ดีแล้วที่มีการถอนการวิจัยออกมาเช่นนั้นหรือ?

แล้วที่เป็น "ดรามา" ไม่แพ้กันคือ "หมอแล็บคนดัง" ที่ไปแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊กของแพทย์คนหนึ่ง พร้อมระบุว่า งานวิจัยฟ้าทะลายโจรชิ้นนี้ผู้วิจัยขอถอนออกไปแล้ว เพราะคำนวณสถิติผิดพลาด สรุปที่ถูกต้องสำหรับงานวิจัยนี้คือ "ฟ้าทะลายโจรไม่แตกต่างจากยาหลอก" ซึ่งมีคนวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียดอย่างที่ "หมอสันต์" ว่า จนเกิดปรากฏการณ์ "ทัวร์ลง" ทว่า "หมอแล็บคนดัง" ก็ออกมาโพสต์ข้อความในเพจว่า "เสียใจ หาฟ้าทะลายโจรมาให้ผู้ป่วยเยอะมาก ล่าสุดแชร์งานวิจัยที่ถูกถอนแค่งานวิจัยเดียว โดนหาว่าด้อยค่าฟ้าทะลายโจรไปอีกครับ ชีวิตอดสูมาก นอนแพ้บ"

แต่ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ เพราะความจริงก็คือ ในเฟซบุ๊กหมอแล็บคนดังได้ลบข้อความที่ระบุว่า "งานวิจัยฟ้าทะลายโจรชิ้นนี้ถูกถอดออกไปแล้วครับ เพราะคำนวณสถิติผิดพลาด สรุปที่ถูกต้องสำหรับงานวิจัยนี้คือ ฟ้าทะลายโจรไม่แตกต่างจากยาหลอก" ออกจากเพจไป ซึ่งมิอาจมองเป็นอื่นได้ว่า ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด ด้วยมีผู้ "แคปข้อความ" เอาไว้ได้เป็นหลักฐานชัดเจน

ความจริง ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตมากนักสำหรับ "หมอแล็บคนดัง" ถ้าหากจะยอมรับความผิดพลาดอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่การที่แถไถและลบข้อความออกไป ทำให้นักเทคนิคการแพทย์ผู้นี้ถูกมองว่า "ด้อยค่าฟ้าทะลายโจร" อย่างที่เจ้าตัวบ่นพึมพำในเพจเฟซบุ๊กของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่สำคัญคือ การใช้คำว่า "ฟ้าทะลายโจรไม่ต่างจากยาหลอก" ถือเป็นคำที่นัยสำคัญมาก

ในทางการแพทย์ "ยาหลอก" (Placebo) ก็คือยาที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยทำให้มีลักษณะ สี และขนาดต่าง ๆ ให้ดูคล้ายกับยาทั่วไป แต่ไม่มีสารออกฤทธิ์ทางการแพทย์ มีส่วนประกอบหลักที่ทำมาจาก แป้งหรือน้ำตาล จากนั้นก็นำไปให้ผู้ป่วยรับประทานเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่คนไข้มีอาการต่างๆ ดีขึ้น จากการให้ยาที่ไม่ได้มีตัวยาอยู่จริง โดยมีการนำมาใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1785

ที่สำคัญคือ ในการทดลองพบว่า ยาหลอกก็มีผลต่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้เช่นกันแม้ไม่มีสารออกฤทธิ์ทางการแพทย์

แต่ในความเข้าใจของประชาชนคนทั่วไป เมื่อเห็นคำว่า "ยาหลอก" มักเข้าใจว่าคือ "ยาปลอม" ซึ่งไม่ถูกต้อง

ดังนั้น การที่ใช้คำว่า "ไม่ต่างจากยาหลอก" จึงเสมือนเป็นการ "ด้อยค่าฟ้าทะลายโจร" ทั้งในทางการแพทย์คือมองว่าเป็นยาที่ไม่มีสารออกฤทธิ์กับโควิด-19 ทั้งในความรู้สึกของประชาชนที่อาจเข้าใจว่าเป็น "ยาปลอม" ไปเลยก็ได้

ทั้งๆ ที่มีผลวิจัยและผลการศึกษามากมายที่ยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยของฟ้าทะลายโจร หนึ่งในนั้นก็คือสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์

สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์เผยแพร่ผลการศึกษาเรื่อง "ฟ้าทะลายโจร" เอาไว้ดังนี้

"สืบเนื่องจากมีผู้เผยแพร่ข้อมูลว่าใช้ฟ้าทะลายโจรแล้วทำให้ตับพัง จากงานวิจัยฟ้าทะลายโจรในต่างประเทศที่ใช้ฟ้าทะลายโจรทั้งชนิดผงและสารสกัด ในการรักษาอาการหวัด หลอดลมอักเสบ ไม่มีรายงานว่าฟ้าทะลายโจรก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อตับ นอกจากนั้นในการศึกษาทางคลินิกเกี่ยวกับความปลอดภัยและการเปลี่ยนแปลงสภาพยาของการใช้ผงฟ้าทะลายโจรปริมาณ 12 แคปซูล (4.2 กรัม) ต่อวัน ติดต่อกัน 3 วัน (มีปริมาณสาร Andrographolide 97 มิลลิกรัมต่อวัน) ไม่พบว่าการทำงานของเอนไซม์ตับ AST (Aspartate Aminotransferase) และ ALT (Alanine Aminotransferase) ผิดปกติ (Suriyo et al., 2017) สำหรับการศึกษาความปลอดภัยและการเปลี่ยนแปลงสภาพยาของสารสกัดฟ้าทะลายโจรปริมาณ 9 แคปซูล ต่อวัน (มีปริมาณสาร Andrographolide ขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน) [อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษา] ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นการเพิ่มทั้งขนาดและระยะวันการได้รับฟ้าทะลายโจร ก็ไม่พบการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเอนไซม์ตับเช่นกัน

"แต่หากใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสาร Andrographolide ในขนาดสูงถึง 360 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกัน 7 วัน จะพบการเปลี่ยนแปลงของ AST เล็กน้อย ในอาสาสมัคร 1 คนใน 12 คน ซึ่งค่าเอนไซม์ตับที่สูงขึ้นนี้จะกลับเป็นปกติภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนค่าเอนไซม์ ALT จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอาสาสมัคร 4 คน ซึ่งคิดเป็น 33.33% แต่การทำงานของเอนไซม์ก็จะกลับเป็นปกติภายใน 1-3 สัปดาห์ ดังนั้นขนาดของสาร Andrographolide ที่เหมาะสม คือ 180 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 5 วัน จึงไม่ควรใช้ในขนาดและระยะเวลานานเกินกว่านี้

"เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมากที่ต้องการยารักษาโรคโควิด-19 และยาฟ้าทะลายโจรก็เป็นสมุนไพรที่ได้มีการศึกษาอย่างกว้างขวาง ทั้งกลไกการออกฤทธิ์ อาการข้างเคียง และการศึกษาในทางคลินิกในผู้ติดเชื้อจริง ทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน ซึ่งได้มีการใช้ในรูปแบบผง สารสกัด และการพัฒนาสารอนุพันธ์ Andrographolide ให้อยู่ในรูปแบบยาฉีด ดังนั้นหากมีการพบการติดเชื้อโควิด-19 จึงควรใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรทั้งรูปแบบผงและสารสกัดทันที ในขนาดและระยะเวลาที่ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นยาที่มีประโยชน์มากและมีความปลอดภัยในระดับที่รับได้ เป็นการช่วยลดภาระของรัฐบาลและช่วยระบบสาธารณสุขของชาติได้"

จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นเกี่ยวกับ "ฟ้าทะลายโจร" ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและเต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการ ฟันธงแบบไม่กลัว "ธงหัก" ได้เลยว่า สงครามโควิด-19 ซีซั่นใหม่นี้ ไม่อาจกระพริบตาด้วยมีความลึกลับซับซ้อนและปริศนาในทุกมิติเลยทีเดียว.
#3864
ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ส่งทั่วไทย   ข้าวสุขภาพสุรินทร์ ข้าวปลอดสาร    กลุ่มข้าวปลอดสารสุรินทร์   โครงการนาข้าวปลอดสาร ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน "ข้าวกล้อง" เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร
 

การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค (ต้นข้าวอินทรีย์ )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( ข้าวออร์แกนิคไทยมีราคาแพง
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม นโยบายส่งเสริมการผลิตข้าวออร์แกนิค
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์  การผลิตข้าวออร์แกนิคต้นทุนต่ำ

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน


ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  สถานการณ์ข้าวอินทรีย์ไทย

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique พันธุ์ข้าวอินทรีย์

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์   ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์

 

 
 
#3865


ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2564 มีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,022 ล้านบาท หากไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,011 ล้านบาท เติบโต 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 56.5% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นสู่ 3,524 ล้านบาท เติบโต 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปัจจัยสำคัญจากปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 47.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 831 กิกะวัตต์-ชั่วโมง จากหลายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และกลุ่มก๊าซอุตสาหกรรม ควบคู่กับการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 21.2 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 2/2564 หรือ 31.5 เมกะวัตต์ ในครึ่งปีแรก จากเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 40 เมกะวัตต์ในปีนี้

นอกจากนี้ กำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชาเมื่อเดือนธันวาคม 2563 และการเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จำกัด (ABPR1) และบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 จำกัด (ABPR2) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 รวมถึงประสิทธิภาพในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 17.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวลดลง 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด บี.กริม เพาเวอร์ ได้ประกาศ 7 ยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งสร้างพลังให้สังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) เพื่อสร้างคุณค่าให้สังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูงและบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีนี้ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมบ่อทอง วินด์ฟาร์ม 1&2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 16 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดมุกดาหาร มีกำหนดการ COD ในเดือนสิงหาคม 2564

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 48 โครงการ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตจาก 3,058 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563 เป็นมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 และมุ่งสู่ 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 ด้วยมีเป้าหมายรายได้ต่อปีกว่า 100,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.15 บาทต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 26 สิงหาคม 2564 และวันที่จ่ายปันผล 10 กันยายน 2564
#3866


ออร่าความเท่ ไม่มีแผ่ว ทำสาวๆหรือใครๆเห็นแล้วอยากจะขยับเข้าใกล้ ล่าสุดพระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงสามีแห่ง "ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล" ขึ้นแท่นรับตำแหน่งเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ "สเปรย์ฉีดผ้าลดรอยยับ Mrs. WoW" คนใหม่ล่าสุด ด้วยคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจนครบทุกด้าน สื่อถึงผู้บริโภครุ่นใหม่เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ตัวช่วยให้การทำงานบ้านในการรีดผ้าโดยเฉพาะผู้ชายเป็นเรื่องที่ง่าย ประหยัดแรง ประหยัดเวลา ด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสำหรับคนรักผ้าเรียบแค่ฉีดแล้วลูบก็ทำให้ผ้าเรียบโดยไม่ต้องใช้เตารีด พร้อมมีสารแอนตี้แบคทีเรีย ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้าไปถึงโครงสร้างของเนื้อผ้า และคุณสมบัติพิเศษให้ผ้าหอมยาวนานตลอดทั้งวัน

"ผมว่ามันเวิร์คมากและเหมาะมากๆสำหรับคนที่ไม่มีเวลารีดผ้า โดยเฉพาะเหล่าคุณผู้ชายที่จะต้องมีตัวช่วยแบบนี้ไว้ติดบ้าน เพราะวิธีใช้งานง่าย สะดวกสบาย แค่ฉีดแล้วลูบ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผ้าเรียบและมีกลิ่นหอมแล้ว ยังช่วยเรื่องการระงับกลิ่น ฆ่าเชื้อโรค และยังช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิตจากเนื้อผ้ากับผิวได้ดีอีกด้วย ทำให้เราฟีลกู๊ดไปได้ทั้งวัน"

เตรียมพบกับโปรเจ็กต์พิเศษพร้อมกิจกรรมให้ร่วมสนุก ให้แฟนๆ ได้ฟิน และมีส่วนร่วมกับแบรนด์และพรีเซ็นเตอร์ ก๊อต จิรายุ ตลอดทั้งปี รอติดตามได้ในเร็วๆนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถสมัครเป็นตัวแทนจำหน่าย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http:// www.mrswow-thailand.com/
#3867


นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM Drama-Addict เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 201 ล้านบาท ทั้งนี้กำไรของบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าระลอกที่ผ่านมา โดยในไตรมาสนี้รายได้จากการดำเนินงานจำนวน2,403 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 86 ล้านบาท หรือ 3.5% แต่ด้วยการบริหารจัดการด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดทำให้กำไรสุทธิเพิ่มจากปีก่อน 49 ล้านบาท หรือ 32.2%

โดยบริษัท มีรายได้จากค่าผ่านทาง ลดลง 103 ล้านบาท รายได้จากค่าโดยสารและรับจ้างเดินรถ ลดลง 15 ล้านบาทขณะที่มีรายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 32 ล้านบาท

สำหรับผลดำเนินงานรอบ 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.)2564 บริษัท มีกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น จำนวน 506 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 154 ล้านบาท หรือ 23.3% จากผลกระทบการแพร่ระบาด ของโควิด-19 ทำให้ปริมาณจราจรและปริมาณผู้โดยสารลดลง

ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก BEM ยังคงดูแลผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทางพิเศษให้ได้รับความสะดวก ปลอดภัย ตลอดการเดินทาง ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าปริมาณผู้โดยสารและปริมาณจราจรจะฟื้นตัวกลับมาเร็ว เมื่อแนวโน้มการระบาดลดลง และอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น
#3868


ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไม่เพียงแต่ได้สุดยอดนักเตะเบอร์ 1 ของโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี แบบไม่เสียค่าตัว แต่ชื่อเสียงของเจ้าตัวก็ส่งผลดีให้ยักษ์ใหญ่แห่ง ลีก เอิง ได้แฟนคลับเพิ่มขึ้นแบบอักโขทาง โซเชียล มีเดีย

เพียงแค่วันแรกที่ชูเสื้อเปิดตัว เสื้อหมายเลข 30 ของ เมสซี ในชุดของ เปแอสเช ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนขาดตลาดภายใน 30 นาที แม้จะไม่ใช่เบอร์ 10 อันเป็นเอกลักษณ์ แต่แฟนๆ ก็อยากครอบครองเสื้อซูเปอร์สตาร์คนนี้ล้นหลาม

ไม่เพียงแค่เสื้อแข่ง มีการเปิดเผยด้วยว่ายอดติดตามทางอินสตาแกรมของ เปแอสเช เดิมทีเคยมีผู้ติดตามอยู่ 19.8 ล้านยูเซอร์ แต่พอแข้งวัย 34 ปี ย้ายสู่ ปาร์ค เดอ แปรงส์ ตัวเลขก็พุ่งขึ้นอีก 20.2 ล้านยูเซอร์ ทำให้ตอนนี้ IG ของทีม มียอดติดตามเกิน 40 ล้านยูเซอร์ไปเรียบร้อย
#3869


ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดมุมมอง พร้อมเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของไมโครซอฟท์ประเทศไทยว่า วางเป้าหมายให้ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 4 ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เป็นปีแห่งการเดินหน้า เพื่อร่วมสร้างหนทางใหม่ๆ ท่ามกลางยุคของการใช้ชีวิตและทำงานแบบรีโมทที่แทบทุกอย่างต้องมีดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง

6 พันธกิจ หลักที่มุ่งเน้น ประกอบด้วย สร้างมาตรฐานใหม่ ร่วมงานกับหลายภาคส่วนในประเทศไทยเพื่อยกระดับมาตรฐานทางเทคโนโลยีสำหรับปัจจุบันและอนาคต ให้ทุกภาคส่วนได้เดินหน้าและเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง

เขากล่าวว่า การสร้างมาตรฐานใหม่ ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญเช่น "มาตรฐานเชิงนโยบายเพื่อโลกดิจิทัล" เพื่อให้การใช้งานดิจิทัลแพลตฟอร์มได้รับการรับรอง มีผลตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการประชุมออนไลน์ ซิเคียวริตี้และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสอดคล้องไปกับพีดีพีเอ การสร้างความมั่นใจในยุคดิจิทัล รวมถึงมาตรฐานด้านเอไอเพื่อความก้าวหน้าของมนุษย์

ก้าวสู่ 'วิถีใหม่' ยุคนิวนอร์มอล

สร้างทักษะใหม่ ไมโครซอฟท์มีเป้าหมายที่จะสร้างทักษะดิจิทัลให้กับคนไทยเกินกว่า 10 ล้านคนในทุกระดับ ตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงคณาจารย์ และคนทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ

ที่ผ่านมา ร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงานพัฒนาองค์กรความรู้และทักษะเชิงดิจิทัลให้กับบุคลากรครู นักเรียน แรงงาน ทั้งได้เปิดหลักสูตรการสอนทักษะคลาวด์ ไอที ขณะเดียวกัน นำโครงการ Enterprise Skills Initiative (ESI) เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยในปีนี้ เพื่อยกระดับทักษะด้านเทคโนโลยีเชิงลึกของบุคลากรในองค์กรขนาดใหญ่

สร้างวิถีใหม่ โดย 8 วิถีใหม่ที่จะขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรม จากมุมมองของไมโครซอฟท์ประกอบด้วย "Anywhere, Everywhere" ที่การเรียน เล่น ติดต่อสื่อสาร และการใช้ชีวิตทำผ่านระบบดิจิทัล, "Digital First World" ทุกอย่างเป็นดิจิทัลและผลักดันให้ระบบทุกอย่างถูกออกแบบมารองรับ รวมไปถึงโมเดลธุรกิจที่ต้องมีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญ, "Cloud Economy" การมาอย่างรวดเร็วและยิ่งใหญ่ของระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยคลาวด์, "New Gen of Business & Intelligence" ก้าวต่อไปของการยกระดับธุรกิจด้วยข้อมูลและเอไอ

นอกจากนี้ "Strategic Economy Partnership" สร้างความร่วมมือด้วยจุดมุ่งหมายและกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อความสำเร็จที่ดีขึ้น, "Citizen Developers" พลเมืองนักพัฒนาที่ทุกคนสามารถนำเทคโนโลยีมาพัฒนางานของตัวเอง, "Economy of Trust" ความไว้วางใจต้องมาก่อนและเป็นรากฐานในการออกแบบทุกผลิตภัณฑ์และบริการ สุดท้าย "Sustainable Development Goal" การตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการทำธุรกิจแบบยั่งยืน

สำหรับปีนี้ไมโครซอฟท์จะมีผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ จำนวนมากเข้ามาตอบสนองต่อความต้องการและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว สอดรับไปกับทั้งสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต


ปีนี้ใช้จ่ายไอทีไทยโตอีก 4.9%

สร้างการเติบโต ไมโครซอฟท์ยังคงทำงานกับเครือข่ายพันธมิตร ครอบคลุมทุกภาคส่วนและหลากหลายอุตสาหกรรมในประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างทั่วถึง

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีไทยในปีนี้ การ์ทเนอร์คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการใช้จ่ายในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้นราว 4.9% ขณะที่การใช้จ่ายกับบริการคลาวด์สาธารณะ (public cloud) มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวขึ้นถึง 31.7% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ีมีแนวโน้มเติบโต 23.1%

สำหรับไมโครซอฟท์เอง ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมีทั้งกลุ่ม Power Platform, Intelligent Endpoint, Data & AI ซึ่งเติบโตเกิน 100%, Microsoft Teams เติบโตกว่า 10 เท่า, Azure, Dynamics และโซลูชั่นเพื่อความปลอดภัย 

สร้างความมั่นใจ แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบทุกผลิตภัณฑ์และบริการของไมโครซอฟท์ ด้วยหลักการพื้นฐานที่ครอบคลุมทั้งการปกป้องทุกภาคส่วนจากภัยไซเบอร์ การรองรับมาตรฐานทั้งในเชิงกฎหมายและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และการเสริมสร้างความมั่นใจในเทคโนโลยีให้องค์กรเลือกใช้งานได้โดยไม่กังวล

สร้างความยั่งยืน เมื่อเร็วๆ นี้ ไมโครซอฟท์เปิดตัว "Cloud for Sustainability" กลุ่มโซลูชั่นคลาวด์ใหม่ล่าสุดที่มุ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น ผ่านทางการติดตามข้อมูล ทำรายงานสรุป และวัดประสิทธิภาพการทำงานในด้านการลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม จึงทำให้องค์กรที่ใช้งานสามารถรับรู้ รายงาน ลด และชดเชยการปล่อยมลภาวะของตนเองได้ดียิ่งขึ้น

'ธนวัฒน์เผยว่า การเป็นผู้นำองค์กรยามเกิดภาวะวิกฤติ นอกจากการบริหารจัดการ สร้างความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและการดูแลลูกค้า สิ่งสำคัญคือ การดูแลความปลอดภัยพนักงาน และหลังจากนี้มุ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น เพื่อเข้าไปสนับสนุน ทำความเข้าใจสถานการณ์

รวมไปถึงอัพสกิล รีสกิลให้พนักงานภายในเพื่อรองรับความต้องการใหม่ๆ วิถีใหม่ๆ ของการใช้ชีวิตและการทำงาน โดยภาพรวมมีแผนสร้างการเติบโตให้กับทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน และสตาร์ทอัพในประเทศไทย

อย่างไรก็ดี 19 เดือนที่ผ่านมาเป็น 19 เดือนที่ไม่ง่าย 19 เดือนแห่งการไม่ยอมแพ้ เต็มไปด้วยความท้าทาย สับสน ต้องดิ้นรน เรียนรู้ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงและความอยู่รอด ขณะเดียวกันสำหรับบางธุรกิจเป็นโอกาสที่จะสร้างความสำเร็จ เกิดความร่วมมือรูปแบบใหม่ๆ ข้ามอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ๆ และทำให้การบริการลูกค้าทำได้ดีขึ้น

ปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดกลยุทธ์ของไมโครซอฟท์ในระดับอาเซียน แนวทางการลงทุนจากนี้จะเน้นไปที่การยกระดับศักยภาพธุรกิจ เพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยี โดยเกณฑ์ในการพิจารณาตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลไทยที่ต้องสอดคล้องไปกับนโยบายของไมโครซอฟท์ด้วย
#3870


วิวิด บาย เวอริต้า (Vivid By Verita) บาร์วิตามิน ณ โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพ จัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจคนรักสุขภาพในเดือนแห่งวันแม่ ตลอด สิงหาคม 2564 นี้ ด้วยโปร กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ดริป (Glutathione Max IV Drip) ซื้อ ดริป 3 ครั้ง แถมฟรี 1 ครั้ง ในราคาเพียง 9,000 บาท++ โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพของวิวิดได้คิดค้นสูตรเฉพาะที่สามารถส่งผ่านประโยชน์จากกลูตาไธโอนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อการช่วยชะลอวัยและโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ เพื่อมอบผิวที่สดใส พร้อมภูมิคุ้มกันและสุขภาพที่แข็งแรงสำหรับช่วงเวลาแสนตึงเครียดนี้



นักวิจัยค้นพบว่ากลูตาไธโอนคือกุญแจสำคัญในการทำงานของร่างกายในหลายด้าน ตั้งแต่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการผลิตวิตามินซีและอี ไปจนถึงช่วยดีท็อกซ์ร่างกายจากสารอนุมูลอิสระและโลหะหนัก เช่น ปรอท และอื่น ๆ อีกมากมาย การให้กลูตาไธโอนในระดับที่เหมาะสมผ่านทางเส้นเลือดอย่าง กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ดริป ที่ วิวิด บาย เวอริต้า จึงให้ประโยชน์อย่างมากมาย ดังนี้

- ปกป้องร่างกายจากสารอนุมูลอิสระที่อาจทำลายเซลล์ผิว ระบบไหลเวียนโลหิต และอื่น ๆ
- เสริมสร้างประสิทธิภาพการกำจัดไขมันของตับ เพื่อป้องกันความเสียหายจากการสะสมของไขมัน แอลกอฮอล์ และโรคตับอื่น ๆ
- ลดอาการที่เกิดจากโรคพาร์กินสันและอาการดื้อต่ออินซูลินที่อาจนำไปสู่โรคเบาหวานประเภท 2



สามารถแบ่งปันสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนที่คุณรัก ด้วยโปรโมชั่น กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ซื้อ ดริป 3 ครั้ง แถม 1 ครั้ง ในราคาเพียง 9,000 บาท++ โดยใช้เวลา 15 นาที ในการเติมดริปแต่ละครั้ง ในบรรยากาศการตกแต่งที่เรียบง่าย สวยงาม ทันสมัย และผ่อนคลาย โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมทางการแพทย์ของ วิวิด บาย เวอริต้า เป็นผู้ให้บริการและดูแล



วิวิด บาย เวอริต้า ณ โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพ ยังคงเปิดให้บริการทางด้านสุขภาพเฉพาะทาง ด้วยการดูแลสุขภาพและฟื้นฟูร่างกายด้วย ไอวี ดริป สูตรเฉพาะที่มีส่วนประกอบสำคัญอย่าง วิตามินซี ซิงค์สำหรับภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง โคเอ็นไซม์คิวเท็น บำรุงการทำงานของสมอง Rhodiola, Ashwagandha และ Valerian ต่อสู้กับความเหนื่อยล้าและความเครียด แอล – คาร์นิทีน และ Rhodiola ช่วยเรื่องพลังงาน และเมลาโทนิน, กรดอะมิโน 5-HTP, Ashwagandha เพื่อการผ่อนคลายและการนอนหลับ โดยแพทย์ผู้มากประสบการณ์และการวิจัยและพัฒนาสูตรเพื่อประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่น กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ดริป 3 แถม 1 หรือปรึกษาทผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของเราได้ที่ อีเมล์ vividsiam@vivid-bangkok.com โทร. 02 003 4918 หรือ ไลน์@: @vividbyverita
#3871


บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร และกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,873.1 ล้านบาท และ 260.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.3% และ 93.2% จากไตรมาส 1/2564 โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ และกำไรสุทธิปกติทั้งสิ้น 1,892.5 ล้านบาท และ 282.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.1% และ 53.6% จากไตรมาสที่แล้ว สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 3,278.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 394.9 ล้านบาท โดยหากพิจารณาผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,346.8 ล้านบาท และกำไรปกติ 466.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% และ ลดลง 31.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ 4 กลุ่มธุรกิจในครึ่งปีแรกว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ เติบโตตามความต้องการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าคุณภาพสูงของธุรกิจ E-Commerce และผู้ประกอบการในกลุ่ม Consumer ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา สำหรับไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 279.9 ล้านบาท และ 556.9 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัญญาให้เช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวนกว่า 56,000 ตารางเมตร สูงกว่าเป้าหมายสัญญาให้เช่าระยะสั้นที่วางไว้ 50,000 ตารางเมตรสำหรับปีนี้ ซึ่งความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องก็ส่งผลทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของสินทรัพย์ที่อยู่ในพอร์ทของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 90%

นอกจากนั้น บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง แห่งที่ 2 ซึ่งนับเป็นโครงการแห่งที่ 38 ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป บนพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 50,000 ตารางเมตร โดยมีผู้เช่าหลักเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มโลจิสติกส์เพื่อใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้าสำหรับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทฯ เร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนากระบวนการทำงาน และการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าลงทุนในบริษัทและธุรกิจ Startups กลุ่มโลจิสติกส์หลายราย โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทราบผลของการเจรจาภายในสิ้นปีนี้

สำหรับแผนการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ ในปี 2564 ล่าสุดผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้มีมติอนุมัติให้ทำการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินหลักครั้งที่ 7 จำนวน 3 โครงการ มูลค่าไม่เกิน 5,549.7 ล้านบาท ทรัพย์สินประกอบด้วยโครงการ WHA Mega Logistics Center (วังน้อย 62) โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 3) และโครงการ WHA E-Commerce Park อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา คิดเป็นพื้นที่รวม 184,329 ตารางเมตร โดยสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นสินทรัพย์ของบริษัททั้งหมดและคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2564 ตามแผนงานที่วางไว้ รวมถึง บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) และสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Asset-backed Token) เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและการเติบโตในอนาคตของบริษัทฯ อีกด้วย


นอกจากนั้นเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัว "WHA Office Solutions" พื้นที่สำนักงานชั้นนำระดับเวิร์ลคลาส บน 6 ทำเลที่มีศักยภาพสูงในกรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ รวมพื้นที่สำนักงานให้เช่ากว่า 100,000 ตร.ม. ได้แก่ โครงการ WHA Tower, โครงการ SJ Infinite I, อาคารสำนักงาน @Premium, โครงการ WHA Bangna Business Complex, ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรม TusPark WHA และโครงการ WHA KW S25 ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม  6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 274 ไร่ (ไทย 241 ไร่/ เวียดนาม 33 ไร่) และยอดเซ็นต์ MOU รวม 83 ไร่ (เวียดนาม) โดยบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรกรวม 691.8 ล้านบาท ชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับรายได้ในไตรมาส 1 ปี 2564 จำนวน 154.1 ล้านบาทแล้วรายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในไตรมาส 2 ของบริษัทฯ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 537.7 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะการลงทุนและการส่งออกของประเทศไทยในไตรมาสที่ผ่านมาที่เริ่มกลับมาส่งสัญญาณเชิงบวก โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนสัญชาติญี่ปุ่น ยุโรป จีนและไต้หวัน รวมถึงนักลงทุนอินเดียที่แสดงความสนใจย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้น ภายหลังจากประเทศอินเดียต้องประสบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างหนักในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม ณ สิ้นไตรมาส 2 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินทั้งสิ้น 33 ไร่ และยอด MOU 83 ไร่ เนื่องจากเขตนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 เหงะอานของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี บริษัทฯ จึงเร่งสานต่องานก่อสร้างในพื้นที่เฟส 1B ส่วนที่เหลือจำนวน 2,100 ไร่ พร้อมขยายการก่อสร้างในเฟส 2 และเฟส 3 คิดเป็นพื้นที่เพิ่มเติมอีก 4,700 ไร่ รวมถึงการดำเนินการเพื่อขอใบอนุญาตและการอนุมัติโครงการเพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม 2 แห่งในจังหวัดถั่งหัว (Thanh Hoa) บนพื้นที่รวมกว่า 7,500 ไร่ ที่ยังคงดำเนินไปตามแผน โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มเข้าไปพัฒนาพื้นที่ในเขตอุตสาหกรรม WHA Northern Industrial Zone และ WHA Smart Technology Industrial Zone ภายในสิ้นปีนี้ และเริ่มเปิดให้บริการพื้นที่แก่นักลงทุนที่สนใจภายในปีหน้า ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการติดตามและประเมินสถานการณ์การผลิตและการกระจายวัคซีนของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด ซึ่งในช่วงผ่านมาบริษัทฯ ก็ยังคงได้รับการติดต่อจากนักลงทุนที่แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจจำนวนมากกว่า 30 ราย คิดเป็นพื้นที่ขายรวมกว่า 2,000 ไร่ทั้งไทยและเวียดนาม ซึ่งหากการดำเนินการด้านวัคซีนของประเทศต่างๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้เกิดการขยายตัวทางด้านการค้าและการลงทุนของภูมิภาคต่อไป

บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ หรือ Smart ECO Industrial Estate ที่มีความทันสมัยทั้งด้านเทคโนโลยีการผลิต ขนส่ง สื่อสาร ฯลฯ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมร่วมกับพันธมิตรเพื่อให้บริการ Digital Healthcare อย่างครบวงจรแก่ผู้ประกอบการ พนักงาน/ แรงงาน และผู้อยู่อาศัยทั้งภายในและบริเวณโดยรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีบล็อกเชน รวมถึงเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้ร่วมสนับสนุน บริษัท เพอเซ็ปทรา (Perceptra) สตาร์ทอัพสัญชาติไทยในการนำระบบปัญญาประดิษฐ์มาใช้วิเคราะห์ภาพเอกซเรย์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสนามในการวินิจฉัยและตรวจรักษาโรคโควิด-19 อีกด้วย

นอกจากนี้ ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง (Unified Control Center, "UOC") ณ อาคาร WHA Tower สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทฯ พร้อมเปิดดำเนินการแบบเต็มรูปแบบแล้ว โดยศูนย์ UOC ดังกล่าวสามารถนำเสนอข้อมูล และติดตามผลการทำงาน รวมถึงได้ติดตั้งระบบเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจในการปฏิบัติงานประจำวันหรือในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยระบบดังกล่าวจะส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้รับผิดชอบที่ศูนย์ UOC รวมถึงแจ้งเตือนผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงธุรกิจสาธารณูปโภคว่า ผลประกอบการของธุรกิจน้ำในไตรมาสที่ผ่านมามีความโดดเด่น โดยบริษัทฯ มีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งหมดในประเทศไทยและต่างประเทศในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 รวมเท่ากับ 35.2 ลูกบาศก์เมตร และ 67.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภครวมในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 เท่ากับ 595.8 และ 1,182.1 ล้านบาท ตามลำดับ

ปริมาณยอดขายน้ำในประเทศมีการเติบโตดีขึ้นสำหรับทุกประเภทผลิตภัณฑ์ โดยปริมาณการจำหน่ายน้ำในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 มีจำนวนเท่ากับ 29.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 56.8 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 27.3% และ 16.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเติบโตดังกล่าวสะท้อนความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มมากขึ้นจากทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมในทุกอุตสาหกรรม และกลุ่มลูกค้าใหม่ในกลุ่มปิโตรเคมี อาทิ GC Oxirane ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ช่วงปลายปีและมีปริมาณการใช้น้ำประมาณ 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือลูกค้าโรงไฟฟ้า อาทิ Gulf SRC ที่ขยายกำลังการผลิตทำให้มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 12,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน รวมถึงยังสะท้อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Products) ที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอีกด้วย
#3872


หลายวันมานี้แฟน.เมืองน้ำหอมไปออกันที่หน้า ป๊ารก์ เด แปร๊งส์ (Parc des Princes) สนามฟุต.ที่สโมสร ปารี แซ็ง แชรแม็ง (Paris Saint-Germain - PSG) ใช้เป็นสนามเหย้าเพื่อเฝ้ารอการมาของ ลิโอเน็ล เม้สซี่ (Lionel Messi) กองหน้า ทีมชาติอารเก็นตีนา วัย 34 ปี หลังจากที่ได้ทราบว่า ลิโอเน็ล ไม่ต่อสัญญากับ บารเซโลนา (Barcelona) อย่างแน่นอนและจุดหมายปลายทางของเขาชี้มาทางเดียวคือ การมาร่วมทีมเดียวกันอีกครั้งกับ เนย์มาร (Neymar Jr)

บางคนทราบข่าววงในว่า ลิโอเน็ล จะนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบิน เลอ บูรเช (Aéroport de Paris-Le Bourget) สนามบินที่ใช้เป็นที่ขึ้น-ลงเครื่องบินเจ๊ทส่วนตัวของบรรดานักธุรกิจที่อยู่ห่างจากขอบ กรุงปารี ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 7 กิโลเมตร ก็แห่กันไปที่นั่นเพื่อให้ได้เห็นนักเตะตัวเป็นๆก่อนใคร

ในทุกๆปีเลขคี่เขาจะใช้สนามบินแห่งนี้เป็นสถานที่จัด นิทรรศการอากาศยาน (Salon international de l'aéronautique et de l'espace de Paris-Le Bourget) หรือเรียกกันสั้นๆว่า ปารี แอร์ โชว์ (Paris Air Show) อันลือลั่น ที่แห่งนี้แหละครับที่พวกพ่อค้าอาวุธจะพานายทหารทั้ง 3 เหล่าทัพและตำรวจของไทย ไปชม ไปเลี้ยงดูกันอย่างสุดหรู ถือเป็นโอกาสโอ้อวดอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบิน เฮลีค้อพเท่อร์ ของบริษัทระดับโลกให้เลือกช้อพและเอ็นเทอร์เทนไปในตัว นอกจากนั้น ใน ปารี 2024 โอลิมปิค เกมส์ ครั้งที่ 33 เขาก็จะใช้สถานที่แห่งนี้เป็น ศูนย์สื่อมวลชน ด้วย

ผมนึกถึง ลิโอเน็ล เจ้าของ บัลลง ดอร (Ballon d'or) รางวัลสุดยอดนักเตะของโลก โดย นิตยสาร ฟร้องส์ ฟุต. (France Football) ของ ฝรั่งเศส รวม 6 สมัยแล้ว แถมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เขาก็เพิ่งแสดงผลงานสุดยอดโดยการนำทีมชาติ อารเก็นตีนา คว้าแช้มพ์ โกปา อาเมรีกา (Copa América) ได้สำเร็จเป็นหนแรกของตนเองที่ได้แช้มพ์ระดับนี้ในนามทีมชาติ มันช่างประจวบเหมาะกับการจะมาละเลงฝีเท้าในมหานครที่สวยที่สุดในโลกแห่งนี้อีกด้วย รางวัลก็ของค่ายฝรั่งเศสเอง ดังนั้น สิ้นปีนี้ บัลลง ดอร สมัยที่ 7 ก็ไม่น่าจะหลุดไปอยู่ในมือนักเตะคนอื่นที่ไหนได้

บางคนให้ความเห็นว่า เปแอ๊สเช อาจละเมิด กฎควบคุมการเงินของ ยูเอ๊ฟฟ่า (UEFA Financial Fair Play Regulations - FFP) โดยเฉพาะสื่อของ สเปน เองที่ไม่ต้องการเห็น ลิโอเน็ล ไปเล่นให้กับสโมสรคู่ปรปักษ์ในเวทียุโรป เนื่องจากการเซ็นสัญญากับ ลิโอเน็ล จะมีปัญหาการเงินแบบเดียวกันกับ บารซา เพราะค่าจ้างนักเตะจะเกินเพดานค่าใช้จ่าย

กฎ FFP นั้น เพื่อตรวจสอบการใช้เงินของสโมสรฟุต.ไม่ให้ทุ่มเงินเกินตัว จนเป็นหนี้และอาจล้มละลาย หลักคือต้องไม่ใช้จ่ายเงินมากกว่าที่สโมสรหาได้ อันนี้เขาพูดถึงค่าจ้างนักเตะ การชำระค่างวดการโอนย้าย และพวกค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงเงินปันผล แต่ไม่รวมพวกค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในโครงสร้างพื้นฐาน ศูนย์ฝึก หรือการพัฒนาเยาวชน แล้วจะนำไปคำนวณเปรียบเทียบกับ รายได้จากตั๋วเข้าชมในสนาม ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ โฆษณา การขายสินค้าที่ระลึก เสื้อผ้า การจำหน่ายสินทรัพย์ การเงิน การขายนักเตะ และ เงินรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันรายการต่างๆ

การมาของ ลิโอเน็ล เม้สซี่ นั้น เปแอ๊สเช ก็คาดหวังเงินก้อนใหญ่มหาศาลที่จะได้รับจากตั๋วเข้าชมการแข่งขันในสนาม สป็อนเซ่อร์โฆษณา การขายสินค้าที่ระลึก โดยเฉพาะเสื้อแข่ง ซึ่งไม่เห็นว่าจะมีปัญหาใดเลยเกี่ยวกับเรื่องกฎ FFP โดยเฉพาะการจ่ายค่าจ้างให้ ลิโอเน็ล ถึงประมาณปีละ 35 ล้าน เออโร ผมอยากจะย้ำว่า ลิโอเน็ล หมดสัญญากับ บารซา แล้วนะครับ ไม่เหมือนกับตอนที่ซื้อ เนย์มาร มาร่วมทีม ทางสโมสรต้องควักเงินให้ บารซา ถึง 222 ล้าน เออโร ตอนที่ซื้อขาด คีเลียน เอ็มบัปเป (Kylian Mbappé) จาก โมนาโก (AS Monaco) ก็ต้องจ่าย 180 ล้าน เออโร แต่สำหรับการเซ็นสัญญากับ ลิโอเน็ล ตัดปัญหาเรื่องค่าโอนย้ายที่แพงมากๆไปได้เลย ไม่มีอะไรต้องจ่าย

นอกจากนั้น ยูเอ๊ฟฟ่า เองก็กำลังมีนโยบายผ่อนปรนกฎ FFP เนื่องจากการที่ทุกฝ่ายต้องเผชิญกับปัญหา โควิด-19 ทุกคนต้องประสบปัญหาการเงินทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย ผมว่า วันที่เหมาะสำหรับ เปแอ๊สเช ในการเปิดตัว ลิโอเน็ล เม้สซี่ น่าจะเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะเป็นวันก่อตั้งสโมสรที่เกิดจากการรวมตัวของ 2 สโมสรคือ สต๊าด แซ็ง-แชรมานัว (Stade saint-germanois) ที่ก่อตั้งในปี 1904 กับ ปารี ฟุต. คลับ (Paris Football Club) ที่ก่อตั้งในปี 1969 เข้าด้วยกันในชื่อใหม่ ปารี แซ็ง-แชรแม็ง ในวันที่ 12 สิงหาคม 1970 ครบรอบ 51 ปีพอดีครับ
#3873


ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) ส่งเสียงแสดงความกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยหายาก ซึ่งที่ผ่านมาพบเห็นเฉพาะในภูมิอากาศเขตร้อนเท่านั้น โดยเฉพาะในเอเชียใต้และทางเหนือของออสเตรเลีย

เวลานี้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและคนไข้ 2 คนหายป่วยแล้ว หลังติดเชื้อเมลิออยโดสิส (Melioidosis) โรคทีไม่เคยตรวจพบมาก่อนบนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ปัจจุบันพบเคสผู้ติดเชื้อเมลิออยโดสิส ในรัฐจอร์เจีย รัฐแคนซัส รัฐเทกซัสและรัฐมินนิโซตา ตามรายงานของ LiveScience หลังจากที่ผ่านมาเคยพบเคสผู้ติดเชื้อเมลิออยโดสิส ในหมู่เกาะเวอร์จินและเปอร์โตริโก ในแถบแคริบเบียนเท่านั้น

คนไข้ทั้ง 4 รายต่างอ้างว่าไม่ได้เดินทางออกไปนอกประเทศก่อนหน้าการล้มป่วย ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคมถึงกรกฏาคมที่ผ่านมา

ทางซีดีซีระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(9ส.ค.) เชื่อว่าต้นตอที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือมันมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์นำเข้า(อาทิ อาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว ผลิตภัณฑ์ความสะอาด ยา) หรือปนเปื้อนในวัตถุดิบผลิตภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งที่กล่าวมา

คณะผู้ตรวจพบได้เก็บตัวอย่างดิน น้ำและข้าวของทั่วไปที่ใช้ทั้งในและรอบๆบ้านพักของคนไข้แต่ละคน มากกว่า 100 ตัวอย่าง เพื่อหาความเชื่อมโยงของทั้ง 4 เคส เบื้องต้นจนถึงตอนนี้ยังไม่พบต้นตอร่วม แต่ผลการถอดรหัสพันธุกรรมจีโนมของแบคทีเรีย พบว่ามีความเป็นไปได้ว่าทั้ง 4 เคสมีความสัมพันธ์กับบางอย่าง

ในแต่ละปีจะพบเห็นเคสติดเชื้อเมลิออยโดสิสหลายสิบเคสในอเมริกันชน แต่เกือบทั้งหมดมักเกี่ยวข้องกับการเดินทาง และคราวนี้ถือเป็นครั้งแรกที่แพทย์มองว่าอาการป่วยเมลิออยโดสิส ดูเหมือนจะมีต้นกำเนิดภายในผืนแผ่นดินของสหรัฐฯ

โรคเมลิออยโดสิสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Burkholderia pseudomallei มันใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะแสดงอาหารหลังติดเชื้อ อาการต่างๆเหล่านั้นประกอบด้วยไอ หายใจติดขัด อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้สูงเป็นครั้งคราวและมีผื่นขึ้นตามร่างกาย

เชื้อสามารถเข้าทางผิวหนังหรือปอด เช่น กรณีที่มีบาดแผล เชื้ออาจเข้าทางบาดแผลและติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ความดันโลหิตต่ำ ช็อค เป็นฝีในตับหรือในม้าม สามารถเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 วัน หากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง นอกจากการติดเชื้อตามที่กล่าวมา ยังมีการติดเชื้อชนิดเรื้อรังอีกหนึ่งประเภทในโรคเมลิออยโดสิส

การวินิจฉัยโรคช้าเกินไปทำให้รักษาไม่ทันเวลา ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตตามมา เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด การเกิดภาวะไตวาย หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ทำให้อวัยวะอื่นทำงานบกพร่องไป การได้รับยาไม่ถูกชนิดเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรคได้

ตัวเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ได้แก่ ผ่านทางผิวหนัง เช่น หากมีบาดแผลและเดินบนดินหรือน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ผ่านทางลมหายใจ กรณีที่มีการฟุ้งของฝุ่นหรือดินที่มีเชื้ออยู่และสูดดมเข้าไป ก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ปอด จะส่งผลให้เกิดอาการปอดอักเสบ

ในคนดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคเมลิออยโดสิส หากสัมผัสไปโดนสารคัดหลั่งก็มีโอกาสติดเชื้อได้ รวมถึงผู้ที่ดูแลวัวหรือควายซึ่งเป็นสัตว์ที่สามารถป่วยเป็นโรคเมลิออโดสิสได้ มีความเสี่ยงเช่นกัน สำหรับเชื้อที่อยู่ในซากสัตว์ที่ตายไปแล้วและถูกฝัง เชื้อจะคงอยู่ในดินบริเวณนั้นและอยู่ตลอดไป หากมีการสัมผัสที่ดินบริเวณนั้นก็มีโอกาสได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย

กลุ่มเสี่ยงจากการติดเชื้อ ประกอบด้วยผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคตับหรือไต โรคปอดเรื้อรัง มะเร็งหรืออาการอื่นๆที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

หนึ่งในเคสเมลิออยโดสิสในสหรัฐฯ ได้แก่ลีลาห์ เบเกอร์ เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ในเทกซัส ทั้งนี้ไม่มีใครรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงใดๆตอนที่หนูน้อยก่อนวัยเรียนรายนี้ล้มป่วยในเดือนพฤษภาคม ลีลาห์ต้องนอนรักษาตัวในห้องไอซียูของศูนย์การแพทย์เด็กดัลลัสนานหลายเดือน ใช้เครื่องช่วยหายใจและท้ายที่สุดแล้วสมองก็ได้รับความเสียหาย

"เธอมีสุขภาพแข็งแกรง เป็นเด็กหญิงทั่วไปที่จะเริ่มเข้าสู่ชั้นเตรียมอนุบาลในฤดูใบไม้ร่วง ไม่เคยมีโรคประจำตัวมาก่อน" แอชลีย์ เคนนอน คุณป้าของเด็กเย "ดังนั้นทุกคนจึงประหลาดใจมาก ไม่รู้ว่าแบคทีเรียนั้นมาจากไหน"

(ที่มา:นิวยอร์กโพสต์)
#3874


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักและต่อเนื่องในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารธุรกิจอื่นๆ ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่นเดียวกับร้าน "โคเอ็น ซูซิ บาร์" ที่ไม่รอดจากวิกฤตในครั้งนี้ ทำให้ทางร้านต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจเพื่อให้อยู่รอดและรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว
จุดเริ่มต้น "โคเอ็น ซูซิ บาร์"


นายธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา ซีอีโอ โคเอ็น กรุ๊ป และเจ้าของร้าน โคเอ็น ซูซิ บาร์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นธุรกิจนั้นเริ่มต้นจากร้าน ซูซิ บาร์ ขนาดเล็ก โดยมีสาขาแรกที่โครงการ I'm Park จุฬาฯ ในปัจจุบันมีทั้งหมด 12 สาขา และ 5 Cloud Kitchen ซึ่งปีนี้ได้ดำเนินธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 โดยตนมีแนวคิดที่อยากจะรวบรวมของดี ราคาไม่แพง พร้อมคัดสรรวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมจากหลากหลายสถานที่ในการปรุง ซึ่งจะเน้นคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงและจับต้องได้ ทั้งนี้ยังมีบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยม ในราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้อย่างสบายใจ (Affordable Luxury Sushi Bar) โดยทางร้านจะมีเมนูคอนเซ็ปทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.Sushi 2.Shabu + Sushi และ 3.Yakiniku + Sushi



เมนูไฮไลท์

สำหรับเมนูไฮไลท์ของทางร้านนั้นจะเป็น Salmon Sashimi นอร์วีเจียนแซลมอน จากประเทศนอร์เวย์ (Norwegian Salmon) ซึ่งแซลมอนดังกล่าวนั้นจะมีเนื้อสัมผัสค่อนข้างแน่น มีสีส้มนวล ก้างน้อย ไขมันพอเหมาะ และคนในประเทศไทยนิยมบริโภคจำนวนมาก



นอกจากนี้ยังมี Zuwai Kani Miso ซุไว คานิ มิโซะ มันปูย่างบนเตาถ่าน ซึ่งทางร้านได้มีการส่งเชฟไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้ได้เรียนรู้และรับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเพื่อปรับปรุงสูตรของทางร้าน สำหรับวิธีการกินซุ ไว คานิ มิโซะ มันปูย่างบนเตาถ่าน นั้นทางร้านแนะนำให้ย่างจนเริ่มมีกลิ่นหอม แต่อย่าให้เกรียมมากจนเกินไป 



ไปต่อกับ Salmon Volcano Roll แซลมอนภูเขาไฟสุดยอดเมนู Signature ประจำร้าน Kouen Sushi Bar ที่มีมายาวนานกว่า 4 ปี และมียอดขายมากกว่า 1 ล้านคำ สำหรับเมนูดังกล่าวมีวิธีทำโดยการนำชิ้นปลาแซลมอนมาห่อเข้ากับข้าวญี่ปุ่นแล้วราดซอสสไปซี่สูตรเฉพาะของทางร้าน ก่อนจะนำมาเบิร์นไฟจนสุกพอประมาณ เพิ่มความอร่อยด้วยซอสเทริและกากเทมปุระ Botan Foie Gras Truffle กุ้งโบตันหวาน ที่ด้านบนเป็นฟัวกราส์และด้านในเป็นไส้เห็ดทรัฟเฟิลแท้



ความเปลี่ยนแปลงในช่วงโควิด-19 เริ่มต้นขึ้น

ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 นั้น ทางร้านมีพนักงานกว่า 500 คน จนกระทั่งในช่วงที่เกิดวิกฤตดังกล่าวทำให้ทางร้านจำเป็นต้องลดพนักงานลงเหลือเพียง 200 คน โดยทางร้านได้รับผลกระทบแบบจริงจังและเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 ซึ่งจากข่าวที่ห้ามคนกินปลาดิบ เนื่องจากกินแล้วนั้นจะทำให้ติดเชื้อโควิด -19 ได้ ทำให้ทางร้านได้รับผลกระทบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งนี้ทางร้านจึงคิดค้นหาวิธีและทางออกต่อเนื่อง หลังจากปัญหาการเลิกกินปลาดิบนั้นก็ยังมีปัญหาเรื่องการกินอาหารภายในร้านค้าตามมามีมาตรการให้กินในร้านได้เริ่มต้นตั้งแต่ 100% เป็น 50% และ 25% ล่าสุดเปลี่ยนเป็นสั่งกลับบ้าน หรือ Delivery ได้เพียงอย่างเดียว ทางร้านจึงจำเป็นต้องปิด Cloud Kitchen ตั้งแต่วิกฤตในรอบแรก



ศึกษาหากลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้ไปต่อให้ได้ ทางร้านวางหมากหาจุดส่งอาหาร โดย Cloud Kitchen มากขึ้น ซึ่งวิธีดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนในการทำถือว่าน้อยกว่าเปิดร้านในห้างสรรพสินค้าค่อนข้างมาก โดยตัดในเรื่องการตกแต่งหน้าร้านและการจัดการร้านต่างๆ ทางร้านจึงเน้นกลยุทธ์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น และปิดสาขาในห้างฯ หรือใช้พื้นที่ร้านในห้างฯ ให้เล็กลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ลูกค้ายังคงโหยหาบรรยากาศการกินอาหารนอกบ้าน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565 ที่จะสามารถนั่งกินอาหารภายในร้านได้ตามปกติหรืออาจจะเลวร้ายไปจนถึงปี 2566 ก็เป็นได้



กระทบต่อเนื่องตลอด 2 ปี ขาดทุนกว่า 8 หลัก

แน่นอนว่าผลกระทบที่ตามมาก็หนีไม่พ้นเรื่องยอดขายและรายได้ สำหรับทางร้านนั้นได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องตลอดเกือบ 2 ปี โดยเฉพาะมาตรการการสั่งเปิดปิด 4 รอบนั้นทำให้ 3 เดือนที่ผ่านมาทางร้านขาดทุนไปกว่า 8 หลัก โดยเฉพาะรอบล่าสุด ทางร้านเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำการโปรโมชั่นในช่วงต้นเดือน แต่มีคำสั่งตอนดึก ณ ตอนนั้นในช่วงเวลา ตี 1 เมื่อทางร้านรับทราบในตอนเช้าจึงต้องหาวิธีกระจายอาหารที่เตรียมไว้ให้ได้มากที่สุด ทางร้านจึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 1 แถม 1 ซึ่งถามว่าจัดโปรโมชั่นแบบนี้ขาดทุนหรือไม่ คำตอบคือ ขาดทุนแน่นอน แต่อย่างน้อยทางร้านก็ถือว่าเป็นการตอบแทนลูกค้ารวมถึงระบายสต็อคไปในตัว



หนทางต่อสู้เพื่อให้อยู่รอด

ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ทางร้านมีการขยายไลน์ธุรกิจและการแบ่งปันอาหาร โดยมีทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

1.การเปิดแบรนด์ลูก เพื่อลดราคาอาหารให้สามารถจับต้องได้ โดยเปิดเป็นร้าน Ono Sushi by Kouen Group Delivery มีอาหารน้องใหม่กว่า 100 เมนู มีราคาเริ่มต้นเมนูละ 10 บาท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดในช่วงนี้ที่ต้องการกินอาหารที่อร่อย มีคุณภาพและมีให้เลือกหลากหลายในราคาที่เอื้อมถึงและสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่องสั่งเดลิเวอรี่กับทาง Line Man และชำระด้วยบัตรเครดิตเคทีซีสามารถใช้คะแนนสะสม KTC FOREVER 399 คะแนนเพื่อแลกค่าจัดส่ง 50 บาท โดยมีลิงค์ดังนี้ https://www.facebook.com/kouensushibar/posts/2886227904965046

2. หา Cloud Kitchen สำหรับผู้ที่มีบ้านอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ต้องการเพิ่มรายได้จากธุรกิจอาหาร สามารถติดต่อทาง Kouen Group เพื่อเปลี่ยนบ้านให้เป็น Cloud Kitchen ได้ โดยสามารถเข้าถึงได้ที่ลิงค์ดังนี้ https://www.facebook.com/kouensushibar/photos/a.1508325216088662/2891905037730666

3. การแบ่งปันอาหารจาก Kouen Group กว่า 6,000 กล่อง ไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ผ่านวิกฤตอันโหดร้ายนี้ไปพร้อมกัน



หลักการการฝ่าวิกฤต : ปัญหาไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเจอ

"เราต้องมีการเตรียมพร้อมที่จะต้องรับมือตลอดเวลา มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ปรับตามสถานการณ์ปัจจุบัน จับมือกับพันธมิตรอย่างบัตรเครดิต ทำรายการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย อย่างบัตรเครดิตเคทีซีที่เรามี Target กลุ่มเดียวกัน จัดโปรโมชั่นต่อเนื่องกันมานานเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่นิยม Burn Point การใช้คะแนน KTC FOREVER แลกสิทธิพิเศษต่างๆ มากกว่าการใช้เงินสดและในการแลกคะแนนสะสมนั้นก็ไม่ได้เอาไปใช้ในการสะสมแลกไมล์เที่ยวบินเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่เป็นการใช้ในหมวดของการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต และหมวดอาหารเป็นหลัก การทำโปรโมชั่นร่วมกันก็เป็นการกระตุ้นให้คนต้องการใช้มากขึ้นและคาดหวังกับภาครัฐให้รับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการด้วยครับ" 
#3875
โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย- สมุทรสาคร ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป ท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร ทุกท่อน 

โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย-สมุทรสาคร ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป  ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย สมุทรสาคร ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย-สมุทรสาคร ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป  ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย ขายเหล็กรูปพรรณเกรดบี ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย ท่อดำกลมเกรดบีราคาโรงงาน ราคาถูกพิเศษ

1. 60ตันขึ้นไป – กิโลละ 21บาท
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย ขายเหล็กรูปพรรณเกรดบี ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย ท่อดำกลมเกรดบีราคาโรงงาน ราคาถูกพิเศษ
1. 60ตันขึ้นไป – กิโลละ 21บาท
2. 30ตัน-59ตัน – กิโลละ 23บาท
3. ตํ่ากว่า30ตัน – กิโลละ 25บาท
เหล็กขนาด ยาว6เมตรทุกท่อน

ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย, ขายเหล็กเกรดบี-สมุทรสาคร, โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย. ขายเหล็กเกรดบีถูกพิเศษ, ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย

สนใจติดต่อ
บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)

นัดดูของได้ที่นี่
คุณแป๊ป เบอร์ 0819196666 line ID varoonchai_papp
Email varoonchai@gmail.com


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://prakasfree.website/โรงงานขายเหล็กเกรดบีมห/


ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย
คำค้น
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย,ขายเหล็กเกรดบี-สมุทรสาคร,โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย. ขายเหล็กเกรดบีถูกพิเศษ, ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
#3876


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ในประเทศที่ยังน่าเป็นห่วง อีกทั้ง คลัสเตอร์โรงงานกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงที่พบผู้ติดเชื้อใหม่อย่างต่อเนื่องส่งผลให้หลายโรงงานต้องปิดดำเนินการชั่วคราวและกระทบการผลิตในทันที

ความจำเป็นในการเพิ่มผลิตภาพการผลิตและแรงกดดันจากผลกระทบวิกฤติโควิดที่เกิดขึ้นได้กระตุ้นให้ผู้ประกอบการในภาคการผลิตมีการตื่นตัวในการปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ในสายการผลิตสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart factory) โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและลดการพึ่งพาแรงงานคน

 โดยในช่วงเวลา 5 ปีก่อนวิกฤติโควิด (2016-2019) มูลค่าการนำเข้าระบบอัตโนมัติสำหรับการผลิตและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมของไทยเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2% ต่อปี ซึ่งสาเหตุหนึ่งเป็นผลจากการใช้เทคโนโลยีที่กระจุกตัวอยู่ในโรงงานขนาดใหญ่หรือโรงงานที่ตั้งโดยนักลงทุนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง อีกทั้ง ผู้ประกอบการไทยยังมีความกังวลในความพร้อมของระบบอัตโนมัติและทักษะของบุคลากร แต่หลังจากที่ภาคการผลิตในไทยต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านแรงงานจากผลกระทบของวิกฤตโควิดตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 เป็นต้นมา มูลค่าการนำเข้าระบบอัตโนมัติสำหรับการผลิตและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมเติบโตกว่า 7%YOY จาก 1.72 พันล้านบาทในปี 2019 เป็น 1.84 พันล้านบาทในปี 2020 และการนำเข้าเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 40%YOY

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2021 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2020 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีการนำเข้าระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ซึ่งการเติบโตดังกล่าวสะท้อนถึงการตื่นตัวของภาคการผลิตในไทยที่เห็นความสำคัญของ Smart factory มากขึ้น เพื่อฝ่าวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่และให้การผลิตเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีความมั่นใจในการใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างเทคโนโลยี 5G ได้ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานใน EEC 100% แล้ว รวมถึงผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งมีการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแบบสาย (FTTx) และจัดตั้งศูนย์ Data center ในพื้นที่โครงการพร้อมรองรับการใช้งานในระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ทันสมัย


แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อการปรับเปลี่ยนภาคการผลิตสู่การเป็น Smart factory รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยมีความพร้อมรองรับการใช้งานเทคโนโลยี แต่การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัล และการกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการลงทุนด้านดิจิทัลของผู้ประกอบการไทยให้มากขึ้นยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนา ด้วยจำนวนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลของไทยมีไม่มากนักในปัจจุบัน 

โดยจากรายงาน Future of Jobs ของ World Economic Forum พบว่ามีเพียง 55% ของแรงงานไทยที่มีทักษะด้านดิจิทัล ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดการยกระดับทักษะแรงงานให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่เสมอและการผลิตแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลอย่างจริงจังอาจต้องเร่งดำเนินการเพื่อรองรับความต้องการแรงงานเหล่านี้ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ การสร้างแรงจูงใจในการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้ประกอบการไทยยังต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐในการลดภาระการลงทุนเพื่อดึงดูดความต้องการใช้งาน รวมถึงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเห็นประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการใช้งานจริง ซึ่งการยกระดับภาคการผลิตของไทยสู่โรงงานอัจฉริยะนั้น นอกจากจะทำให้เกิดการรับรู้ถึงการปรับตัวของภาคการผลิตในไทยเพื่อฝ่าวิกฤติโควิดแล้ว ยังสะท้อนถึงความพร้อมของไทยในการรองรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรมไฮเทคในอนาคตได้อีกด้วย
#3878


อิบรอฮีม เราะอีซี ประธานาธิบดีที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของอิหร่าน เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาในประเทศ เมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) ในขณะที่อิหร่านกำลังเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทุบสถิติสูงสุดและมีผูู้เสียชีวิตรายใหม่กว่า 500 ราย

ประธานาธิบดีฉีดวัคซีนเข็มแรกวัคซีนซีโอวีอิหร่าน บารากัต (COVIran Barakat) หนึ่งใน 2 วัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ผลิตในท้องถิ่น เมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น พร้อมกับแชร์ภาพที่ผู้นำรายนี้ที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กำลังเข้ารับการฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน โมฮัมหมัด บาเกอร์ กาลิบาฟ ประธานรัฐสภาก็เข้ารับการฉีดวัคซีนเคียงข้างประธานาธิบดีเช่นกัน

การฉีดวัคซีนของบุคคลระดับผู้นำ มีขึ้นในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยในวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอิหร่านรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 542 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ทุบสถิติเดิมที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ครั้งที่ประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกก่อนหน้า

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่เช่นกัน แตะระดับเกือบๆ 40,000 คน

นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น อิหร่านมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วมากกว่า 4.1 ล้านคน ในนั้นมากกว่า 94,000 คนเสียชีวิต ส่งผลให้พวกเขาติดอันดับ 1 ใน 15 ชาติที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เลวร้ายที่สุดในโลก ขณะเดียวกัน อิหร่านยังเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย

ระลอกการแพร่ระบาดในปัจจุบันรุมล้อมอิหร่านมาตั้งแต่เดือนมกราคม และกลายเป็นระลอกการแพร่ระบาดเลวร้ายที่สุดในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม ทั้งนี้เชื่อกันว่าการแพร่ระบาดหนักหน่วงของระลอกนี้มีความเชื่อมโยงกับตัวกลายพันธุ์เดลตา ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมากและพบครั้งแรกในอินเดียในช่วงปลายปี 2020 ก่อนแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลก

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อิหร่านอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินวัคซีนผลิตเองภายในประเทศ 2 ตัว แต่มีการผลิตเป็นจำนวนมากเพียงตัวเดียว ซึ่งก็คือซีโอวีอิหร่าน บารากัต แต่ยังไม่เพียงพอ

ส่วนวัคซีนอื่นๆที่ใช้ในอิหร่าน ประกอบด้วยสปุตนิค วี ของรัสเซีย ชิโนฟาร์มของจีน ภารัตของอินเดียและแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด อ้างอิงจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขอิหร่าน

(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)
#3879


และแล้วเปลวเพลิงสัญลักษณ์ของโอลิมปิกเกมส์ 2020 ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้มอดดับลงแล้ว และจะกลับมาโชติช่วงสว่างไสวอีกครั้ง ในอีก 3 ปีข้างหน้า ที่มหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะเจ้าภาพโอลิมปิก PARIS 2024 ครั้งต่อไป ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม 2024 

โดยการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในครั้งนี้ ชาวปารีสต้องรอนานถึงหนึ่งร้อยปี ในการได้กลับมาเป็นเจ้าภาพเกมกีฬาแห่งมนุษยชาตินี้อีกครั้ง หลังจากได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันไปแล้วเมื่อปี 1924 

ดังนั้น PARIS 2024 จึงคล้ายเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบ 100 ปีของการได้ทำหน้าที่เจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกอีกครั้ง ซึ่งไม่เพียงชาวฝรั่งเศสเท่านั้นที่ตื่นเต้นนับวันรอเท่านั้น เพราะเชื่อเถอะว่า ถ้าใครได้เห็นภาพจำลองสนามแข่งขันที่ทางฝรั่งเศสปล่อยออกมา ต่างเป็นต้องอยากเก็บกระเป๋ารอกันอย่างแน่นอน

เพราะจากภาพจำลองสนามแข่งขันบางส่วนใน PARIS 2024 ที่ปล่อยออกมานั้น บอกเลยว่า อลังการสะท้อนภาพของปารีส ผ่านสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมที่งดงาม โดยฝรั่งเศสเลือกใช้แลนด์มาร์คทางประวัติศาสตร์ที่เป็นภาพจำของปารีส มาปรับเปลี่ยนเป็นสนามกีฬาในโอลิมปิกชั่วคราวในครั้งนี้ แทนการสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่

ยกตัวอย่างเช่น กีฬาวอลเล่ย์.ชายหาดที่ควรจัดริมทะเล เจ้าภาพฝรั่งเศสก็ยกสนามแข่งมาอยู่กลางเมืองตรง ช็องเดอมาร์ส (Champ de Mars) ซะเลย โดยมีหอไอเฟลตั้งตะหง่านเป็นฉากหลัง อลังการสุดๆ


หรือตรงจัสตุรัสคองคอร์ดที่มีเสาโอเบลิสก์ จากประเทศอียิตป์ที่ได้ส่งมอบให้เป็นของขวัญแด่พระเจ้าชาร์ลที่ 10 ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น จะถูกสร้างอัฒจันทร์ชั่วคราวเป็นสถานที่แข่งกีฬาเอ็กซ์ตรีม อย่างสเกตบอร์ด จักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ บาสเก็ต. 3x3 และเบรกแดนซ์ กีฬาที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในโอลิมปิกครั้งนี้

ส่วนบริเวณพระราชวังแวร์ซาย จะถูกปรับให้เป็นสถานที่จัดแข่งขันขี่ม้า ประเภทศิลปะการบังคับม้า กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง และอีเวนติ้ง ท่ามกลางบรรยากาศของสวนสวยซึ่งเป็นไฮไลต์ของพระราชวังแวร์ซาย ได้ฟีลย้อนยุคไปยังสมัยศตวรรษที่ 17 ที่กีฬาขี่ม้าเป็นกิจกรรมที่นิยมของชนชั้นสูงและขุนนางในสมัยนั้น

อีกแลนด์มาร์กสำคัญอย่างแม่น้ำแซน ที่ไหลผ่านกลางเมืองปารีส ก็จะเป็นสถานที่แข่งว่ายน้ำสำหรับให้นักกีฬาไตรกีฬา รวมถึงกีฬาว่ายน้ำมาราธอนและกีฬาโต้คลื่น

สำหรับกีฬาฟันดาบ และกีฬาเทควันโดที่เป็นความหวังในการคว้าเหรียญของคนไทย ถูกจัดแข่งขันที่กร็องด์ ปาเลส์ ซึ่งเป็นอาคารสไตล์อาร์ตนูโวที่มีหลังคาโดมกระจก สร้างในปี 1900 โดยใช้เป็นที่จัดนิทรรศการและกิจกรรมทางวัฒนธรรม ซึ่งกร็องด์ ปาเลส์ในปัจจุบัน อยู่ในระหว่างบูรณะ เพื่อเตรียมพร้อมใช้งานในโอลิมปิก 2024

และนี่เป็นเพียงไฮไลต์ที่ทาง PARIS 2024 ปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อย เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่คนทั้งโลก โอลิมปิกครั้งที่ 33 ที่ฝรั่งเศสจึงไม่ใช่เพียงเรื่องการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ได้เชื่อมโยงเสน่ห์ของเมืองปารีส สู่สายตาชาวโลกได้อย่างน่าติดตาม

อ้างอิง :  paris2024
#3880


บริษัท เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ออกแคมเปญกระตุ้นตลาดเดือนสิงหาคม 'Special Month of LEO' สิงโตจัดให้ กับกิจกรรมพิเศษเริ่มวันที่ 8 เดือน 8 ไปจนถึงสิ้นเดือน

ทวีวัฒน์ ปรุงพัฒนสกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าการณ์ในปัจจุบัน ที่การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 รุนแรง ส่งผลให้การเดินทางของผู้บริโภคถูกจำกัด ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมก็อยู่ในภาวะชะลอตัว บริษัทจึงมีกิจกรรมเพื่อกระตุ้นตลาด และเพิ่มความคุ้มค่าให้ลูกค้ามากขึ้น

โดยแคมเปญนี้จะจัดกับรถทั้ง 2 รุ่น คือ เปอโยต์ 3008 และ 5008 โดยมีข้อเสนอประกอบด้วย

PEUGEOT 3008 ACTIVE ผ่อนเริ่มต้น 9,006 บาท
PEUGEOT 5008 ACTIVE ผ่อนเริ่มต้น 10,160 บาท
เพิ่มมูลค่าเทรด-อินรถเก่าสูงสุด 50,000 บาท
แถมบัตรชอปปิง SIAM GIFT CARD มูลค่า 30,000 บาท จากสยามพารากอน หรือไอคอนสยาม
แถมเสื้อ T-Shirt VACCINATED มูลค่า 399 บาท เมื่อ Test Drive at Home
ส่วนลูกค้าที่จองรถในวันที่ 8 เดือน 8 จะได้ร่วมกิจกรรม "The Miracle No. 8"

เพิ่มมูลค่าเทรด-อิน รถเก่าสูงสุด 88,888 บาท
รับสิทธิ์ซื้อ TUNAP Hygiene Care Set ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องโดยสาร, สเปรย์ทำความสะอาดหน้าคอนแทค และน้ำยาฉีดกระจกรถยนต์ ในราคาพิเศษ 888 บาท


สำหรับเปอโยต์ เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย ปัจจุบัน มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 3 สาขาในกรุงเทพฯ คือ สุขุมวิท, เยาวราช และเกษตร-นวมินทร์ รวมถึงมี เปอโยต์ สตูดิโอ บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

และล่าสุดเปิดตัว เปอโยต์ สตูดิโอ สาขาวงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ และขยายเครือข่ายในส่วนของฝ่ายขายและบริการไปยังจังหวัดอุบลราชธานี ภูเก็ต และหาดใหญ่