• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jessicas

#3801


อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ฉีดวัคซีนแล้ว 30,954,477 โดส และทั่วโลกแล้ว 5,229 ล้านโดส ใน 203 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 250.73 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 90%

วันนี้ (30 ส.ค.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 5,229 ล้านโดส ใน 203 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 40.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 369 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 174 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 250.73 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (76.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 97.60 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 30,954,477 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 56.54%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 5,229 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 30,954,477 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 23,018,371 โดส (34.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 7,350,348 โดส (11.1% ของประชากร)
-เข็มสาม 585,758 โดส (0.9% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 30 ส.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 30,954,477 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 275,188 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 559,3544 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 10,525,737 โดส
- เข็มที่ 2 3,467,421 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 9,748,673 โดส
- เข็มที่ 2 2,854,9132 โดส
- เข็มที่ 3 208,339 โดส

วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 2,440,172 โดส
- เข็มที่ 2 985,148 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 303,789 โดส
- เข็มที่ 2 42,866 โดส
- เข็มที่ 3 377,419 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.4% เข็มที่2 108.1% เข็มที่3 82.3%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 55.6% เข็มที่2 34.9% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 64.1% เข็มที่2 31.9% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 41.1% เข็มที่1 9.1% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 45.5% เข็มที่2 15% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 43.8% เข็มที่2 6.7% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 7.5% เข็มที่2 0.7% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 46% เข็มที่2 14.7% เข็มที่3 1.2%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 67.7% เข็มที่2 17.2% เข็มที่3 1.2% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 90% เข็มที่2 21.7% เข็มที่3 1.8%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 43% เข็มที่2 18% เข็มที่3 0.6%
- นนทบุรี เข็มที่1 43% เข็มที่2 15.3% เข็มที่3 0.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 48.8% เข็มที่2 11% เข็มที่3 0.6%
- ปทุมธานี เข็มที่1 48.5% เข็มที่2 11.4% เข็มที่3 0.5%
- นครปฐม เข็มที่1 29.6% เข็มที่2 7.3% เข็มที่3 0.7%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 22.7% เข็มที่2 8.4% เข็มที่3 0.7%
- ชลบุรี เข็มที่1 40.1% เข็มที่2 14.2% เข็มที่3 1.0%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 31.7% เข็มที่2 7.5% เข็มที่3 0.5%
- สงขลา เข็มที่1 31.4% เข็มที่2 9.9% เข็มที่3 1.2%
- ยะลา เข็มที่1 34% เข็มที่2 10.4% เข็มที่3 0.7%
- ปัตตานี เข็มที่1 25.5% เข็มที่2 7.7% เข็มที่3 0.5%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 51.6% เข็มที่2 10.9% เข็มที่3 0.6%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 250,738,496 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 97,609,356 โดส (22.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 34,027,548 โดส (59.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 31,433,450 โดส (16.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 30,954,477 โดส (34.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 19,555,033 โดส (62.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
6. เวียดนาม จำนวน 19,151,122 โดส (17.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
7. สิงคโปร์ จำนวน 8,810,844 โดส (76.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
8. พม่า จำนวน 4,683,410 โดส (5.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 4,205,037 โดส (32.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 308,219 โดส (49.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 67.52%
2. อเมริกาเหนือ 10.62%
3. ยุโรป 12.69%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.83%
5. แอฟริกา 1.89%
6. โอเชียเนีย 0.45%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,032.93 ล้านโดส (72.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 625.86 ล้านโดส (22.9%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 368.86 ล้านโดส (57.7%)
4. บราซิล จำนวน 189.06 ล้านโดส (46%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 124.53 ล้านโดส (49.3%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (91.8% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (84%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (83.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. กาตาร์ (78.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. อุรุกวัย (78%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สิงคโปร์ (76.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
7. ชิลี (74.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. อิสราเอล (74.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. เดนมาร์ก (73.7%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
10. จีน (72.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
#3802


วันนี้ (30 สิงหาคม 2564) ที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิด "ศูนย์สนับสนุนออกซิเจนทางการแพทย์" และให้สัมภาษณ์ว่า จากสถานการณ์โรคโควิด 19 ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) จึงได้จัดตั้งศูนย์สนับสนุนออกซิเจนทางการแพทย์ (Medical Oxygen Support Center) ขึ้น โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และประชาสังคม ภายใต้ชื่อภารกิจ "ลมใต้ปีก" จัดส่งออกซิเจนทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่เข้าแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) และชุมชน/ศูนย์พักคอย (Community Isolation) ซึ่งบางรายจำเป็นต้องได้รับออกซิเจนทางการแพทย์เพื่อประคับประคองอาการ ระหว่างรอเข้าระบบการรักษาในโรงพยาบาล มีทีมบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการติดตั้งที่ได้มาตรฐาน พร้อมแนะนำการใช้งานที่ถูกต้อง นอกจากนี้มีการบริหารจัดการคลังอุปกรณ์ การขนส่ง เบิกจ่าย ที่เป็นระบบตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับภาพรวมขณะนี้ในพื้นที่ กทม.มีผู้ป่วยเข้าระบบกักตัวที่บ้าน จำนวน 57,118 ราย และที่ศูนย์พักคอย กทม. 56 แห่ง จำนวน 2,271 ราย

"ภารกิจลมใต้ปีก เป็นความร่วมมือที่เชื่อมโยงการทำงานของทุกภาคส่วนที่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจนจะได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที ลดอาการรุนแรงและลดเสียชีวิต ผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ 3 ช่องทาง คือ สายด่วน 1426 / เว็บไซต์ http://oxygen.hss.moph.go.th/ และเครือข่ายจิตอาสา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย" ดร.สาธิตกล่าว

ด้านนายแพทย์ธเรศกล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานของศูนย์สนับสนุนออกซิเจนทางการแพทย์ ซึ่งตั้งอยู่ณ อาคารกรม สบส. จะดำเนินงานในรูปแบบ One Stop Service โดยมีคอลเซ็นเตอร์ สายด่วน กรม สบส. 1426 บริการตลอด 24 ชั่วโมง รับเรื่องขอสนับสนุนออกซิเจนทางการแพทย์ พร้อมให้การประเมินผู้ป่วยและแจ้งข้อมูลความต้องการไปยังหน่วยจัดเก็บออกซิเจนทางการแพทย์ เพื่อจะมีเจ้าหน้าที่ส่งต่อถังออกซิเจน/เครื่องผลิตออกซิเจนให้ผู้ป่วยถึงที่พัก พร้อมแนะนำการใช้งาน เปลี่ยนถังใหม่ หรือเติมก๊าซออกซิเจนให้ตามที่ร้องขอ และมีระบบติดตามเก็บคืนอุปกรณ์จากที่พักผู้ป่วย โดยผู้ป่วยหรือญาติไม่จำเป็นต้องเดินทางมาคืนเอง นอกจากนี้ กรม สบส.จะเข้าไปตรวจสอบความต้องการออกซิเจนทางการแพทย์ ผ่านแพลตฟอร์ม "จิตอาสา.แคร์" หรือ https://jitasa.care อีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งนี้ ศูนย์สนับสนุนออกซิเจนทางการแพทย์ ได้เตรียมพร้อมอุปกรณ์ ได้แก่ ท่อออกซิเจน 50 ท่อ เครื่องผลิตออกซิเจน 25 เครื่อง เกจออกซิเจน เรกูเลเตอร์ 100 ชุด ที่วัดอัตราการไหล 100 ชุด กระบอกเพิ่มความชื้น 100 ชุด สายออกซิเจนช่วยหายใจ 300 เส้น เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว 100 เครื่อง เป็นต้น
#3804


เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเตือนว่า รัฐบาลจีนจะติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดาบริษัทแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตที่มีข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมากและมีอิทธิพลต่อตลาด ซึ่งคำเตือนนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า กระบวนการควบคุมอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของจีนเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ล่าสุด วานนี้ (30ส.ค.)จีน เริ่มโครงการปราบปรามแพลตฟอร์มเชิงพาณิชย์และบัญชีโซเชียลมีเดียที่โพสต์ข้อมูลด้านการเงินจีนในเชิงลบ ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจของประเทศ

สำนักงานกำกับดูแลด้านไซเบอร์สเปซของจีน (ซีเอซี) ออกแถลงการณ์ว่า โครงการดังกล่าวจะมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาการละเมิดข้อบังคับต่างๆ รวมถึงคำพูดในเชิงลบเกี่ยวกับตลาดการเงินของจีน ตลอดจนการตีความนโยบายภายในประเทศและข้อมูลทางเศรษฐกิจอย่างไม่ถูกต้อง

นอกจากนี้ ผู้ที่ตีพิมพ์รายงานของสื่อต่างประเทศหรือข้อคิดเห็นที่มีการตีความประเด็นด้านการเงินของจีนอย่างไม่ถูกต้อง ถึงแม้จะไม่แสดงจุดยืนหรือมีการตัดสินชัดเจน ก็จะถูกปราบปรามเช่นเดียวกัน

ความเคลื่อนไหวนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปลูกฝังสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยสำหรับความคิดเห็นของสาธารณชน ซึ่งสามารถนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและมั่นคงของเศรษฐกิจและสังคมของจีน ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่ซีเอซีออกร่างข้อกำหนดเพื่อควบคุมอัลกอริทึมที่บริษัทเทคโนโลยีใช้เพื่อแนะนำวิดีโอและเนื้อหาอื่นๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา


เว็บไซต์และแพลตฟอร์มเชิงพาณิชย์ได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบโพสต์ข้อมูลทางการเงินและปิดบัญชีที่ถือว่าละเมิดข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานต่างๆ รวมถึง ผู้ดูแลระบบไซเบอร์สเปซ, กระทรวงการคลัง, ธนาคารกลาง ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ การธนาคาร และการประกันภัย

ด้านบริษัทเทคโนโลยีและผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย ซึ่งรวมถึงเทนเซ็นต์, ไบต์แดนซ์, โถวเถี่ยว (Toutiao) และโต่วอิน (Douyin) หรือติ๊กต็อกเวอร์ชันจีน ให้คำมั่นว่า จะปฏิบัติตามกฎและควบคุมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการเงินอย่างเคร่งครัด

การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลปักกิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information Protection Law (พีไอพีแอล)ที่รัฐสภาจีนให้การรับรอง เพื่อกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นกับบริษัทที่เก็บข้อมูลและจัดการข้อมูลของผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ หน่วยงานด้านการกำกับดูแลของจีนกำลังพิจารณาเรื่องการออกคำสั่งให้บริษัทจีนที่มีการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากและต้องการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ต้องเปิดทางให้บริษัทภายนอกสามารถจัดการและดูแลข้อมูล เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่รัฐบาลจีนต้องการตรวจสอบบริษัทเอกชน

"แลรี หู" หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของจีนที่แมคควอรี กรุ๊ป ให้ความเห็นว่า การเข้าควบคุมด้านกฎระเบียบที่ดำเนินอยู่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่า ภาคเอกชนกำลังถูกบีบคั้น แต่รัฐบาลจีนกำลังดำเนินการปรับเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจเป็นระยะ

เมื่อต้นเดือนส.ค. รัฐไม่สามารถเติบโตได้โดยลำพัง หากภาคเอกชนประสบปัญหา ซึ่งหมายความว่า ในบางครั้งรัฐมีแนวโน้มที่จะปรับความสัมพันธ์กับภาคเอกชน เพื่อลดความไม่เท่าเทียมกัน, สกัดความเสี่ยง หรือกลับมาควบคุมอีกครั้ง และการระดมออกกฎระเบียบในปีนี้ก็ถือเป็นตัวอย่างล่าสุด
#3805


สรรพคุณ คาเวอร์ต้า
Caverta เพิ่มพลังเพศชาย เป็นยาช่วยทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีขึ้นและไม่อ่อนตัวขณะมีเพศสัมพันธ์เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา อวัยวะเพศไม่แข็งตัวเวลาที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ (นกเขาไม่ขัน) ขณะมีเพศสัมพันธ์ 'อวัยวะเพศอ่อนตัว'ไม่สามารถแข็งตัวไปจนถึงจุดสุดยอด

caverta เหมาะสำหรับผู้ซึ่ง
1. อวัยวะเพศไม่แข็งตัวเวลาที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ (นกเขาไม่ขัน)
2. ขณะมีเพศสัมพันธ์ "อวัยวะเพศอ่อนตัว"ไม่สามารถแข็งตัวไปจนถึงจุดสุดยอด
3. ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์อีกครั้งได้หลังจากถึงจุดสุดยอด แม้จะพักเป็นชั่วโมงแล้วก็ตาม

ข้อควรระวัง
1. ผู้ป่วยโรค หัวใจ หลอดเลือด ความดัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
(สำหรับท่านที่ทานยาเป็นประจำจำพวก ยาไนเตรท ควรปรึกษาแพทย์เช่นกันเนื่องจากฤทธ์ยาจะไปเสริมกันทำให้เกิดอันตรายได้ครับ)
2. ผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี และ สตรี ไม่ควรรับประทาน
3. ไม่ควรทานเกิน 1 เม็ด ต่อวัน

ของไทยก็มีนะ

sidegra ไง มี อย. รับรอง ผลิตในไทยด้วย

คุณลักษณะของยา caverta
เป็นยาเม็ดสีแดง ประกอบด้วยตัวยา SIDENAFIL CITRATE (ซิลเด็นนาฟิล ไซเตรจ) ขนาด 100 mg. ซึ่งเป็นตัวยาเดียวกับ Viagra ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพทางเพศของฝ่ายชาย ออกฤทธิ์ยาวนานถึง 12 ชม. บรรจุแผงละ 4 เม็ด รับประทานเพียงครั้งละครึ่งเม็ด

เหมาะสำหรับผู้ซึ่ง :
1. อวัยวะเพศไม่แข็งตัวเวลาที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ (นกเขาไม่ขัน)
2. ขณะมีเพศสัมพันธ์ "อวัยวะเพศอ่อนตัว"ไม่สามารถแข็งตัวไปจนถึงจุดสุดยอด
3. ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์อีกครั้งได้หลังจากถึงจุดสุดยอด แม้จะพักเป็นชั่วโมงแล้วก็ตาม

Caverta ผลิตและจำหน่ายโดย :: Ranbaxy ประเทศอินเดีย

การใช้ยา คาเวอต้า ให้มีประสิทธิผล
1. ทานก่อนมีเพศสัมพันธ์ ครึ่ง ถึง 1 ชม ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้(สำหรับท่านที่ไม่เคยใช้แนะนำให้ทานก่อนครึ่งเม็ดหากภายใน 1 ชมไม่เห็นผลค่อยตามอีก ครึ่งเม็ด)
2. ไม่ควรทานแอลกฮอลล์ เนื่องจากจะทำให้ยาดูดซึมน้อยลงทำให้ประสิทธิภาพยาลดลงครึ่งนึง (หากจำเป็นแนะนำให้ทานหลังยาออกฤทธิ์แล้ว)
3. ไม่ควรกลืนยาโดยไม่ทานน้ำตาม (น้ำผลไม้ กาแฟอะไรก็ได้ไม่มีปัญหานอกจากแอลกฮอลล์ครับ)

ยาจะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อได้รับการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศจากคู่ตรงข้าม

ใน ผู้ป่วยเบาหวาน สามารถรับประทาน ได้ไม่ต้องปรับขนาดยา
ใน ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของไต สามารถรับประทาน Caverta ได้ไม่ต้องปรับขนาดยา
ใน ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตับ ระดับอ่อน และปานกลางต้องปรับขนาดยา Caverta ลง เหลือ 1ใน 4 สำหรับระดับรุนแรงยังไม่มีการทดสอบ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ครับ

ข้อควรระวัง
1. ผู้ป่วยโรค หัวใจ หลอดเลือด ความดัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
(สำหรับท่านที่ทานยาเป็นประจำจำพวก ยาไนเตรท ควรปรึกษาแพทย์เช่นกันเนื่องจากฤทธ์ยาจะไปเสริมกันทำให้เกิดอันตรายได้ครับ)
2. ผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี และ สตรี ไม่ควรรับประทาน
3. ไม่ควรทานเกิน 1 เม็ด ต่อวัน

ผลข้างเคียงของยา
มีตั้งแต่ไม่เกิดผล รู้สึกตัวร้อนและหัวใจเต้นเร็ว (ซึ่งเป็นอาการปกติของฤทธิ์ยา)
แต่หากรู้สึกปวดหัวหรือตามัวมองไม่ค่อยชัด(อาการจะเป็นระหว่างในฤทธ์ยา3-6ชม)
แนะนำให้ลดขนาดยาลงครึ่งนึง เช่นทาน 1 เม็ด ก็หักแบ่งเหลือ ครึ่งเม็ด (ในบางกรณีสามารถลดลงเหลือ1ใน4เม็ด)หรือเปลี่ยนตัวยายี่ห้ออื่น
(อาการข้างเคียงขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าเข้ากับยาตัวไหน โดยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย อายุ และ กิจวัตรของผู้ใช้)
(แนะนำให้ลองสั่งแบบทดลอง 1 เม็ดหากโอเคกับตัวไหนค่อยสั่งเป็นแผงก็ได้ครับ ตัวยาหลักถึงจะตัวเดียวกันแต่มีส่วนผสมอื่นๆของแต่ละบริษัททำให้ได้ผลที่แตกต่างกัน)

Tags :: caverta,caverta ราคา,caverta เก็บเงินปลายทาง
#3806


รายการ "ถอนหมุดข่าว" ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 30 ส.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ บิ๊กดีล ปีศาลแดง โรนัลโด้ กลับรังเก่า แมนยู+เทพโด้ วิน-วิน

กลายเป็นดีลที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดดีลหนึ่งในตลาดซื้อขายนักเตะฟุต.ลีคยุโรปรอบนี้ กับการคืนสู่เหย้า-โฮมคัมมิ่ง ของ "ซีอาร์เซเว่น" คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ย้ายจากสโมสรยูเวนตุส มหาอำนาจลูกหนังในอิตาลี กลับมาร่วมทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อีกคำรบ

หลังจากที่ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีส เคยค้าแข้งอยู่ในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด 6 ปีระหว่างปี 2003-2009 ก่อนเมื่อ 12 ปีก่อนจะไปร่วมทัพ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริดในสเปน และยูเวนตุส ในเวลาต่อมา

มีรายงานว่า การย้ายทีมครั้งนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายเป็นค่าฉีกสัญญาของโรนัลโด ที่มีสัญญากับยูเวนตุสอยู่ 1 ปี มูลค่า 25 ล้านยูโร หรือราว 1 พันล้านบาท

ขณะเดียวกันก็ทุ่มค่าเหนื่อยให้ "ซีอาร์เซเว่น" มากถึง 480,000 ปอนด์ ราว 21 ล้านบาทต่อสัปดาห์ แม้น้อยกว่าที่เคยรับจากสังกัดเก่ายูเวนตุส ที่ได้ค่าจ้างมากกว่า 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ก็ตาม แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างสถิติค่าเหนื่อยมากที่สุดในประวัติการณ์ของพรีเมียร์ลีกอังกฤษทันที

แซงหน้า เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมคเกอร์ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ปัจจุบันรับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 380,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และมากกว่า ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูสเปนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่รับอยู่ที่ 375,000 ต่อสัปดาห์

แต่กว่าโรนัลโด้จะเลือกมาลงเอยแบบ "แฮปปี้เอนดิ้ง" ที่รังเก่าโอลด์แทรฟฟอร์ดก็ทำเอา "แฟนผีแดง" ทั่วโลกใจหายใจคว่ำไม่น้อย

โดยเฉพาะปฏิบัติการสายฟ้าแลบ ที่ใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ตัดหน้าคู่ปรับร่วมเมือง และเต็งแชมป์อย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่มีข่าวกำลังปิดดีลคว้าตัวโรนัลโด

เริ่มจากก่อนหน้านี้ราว 1 สัปดาห์ ก่อนการเปิดฤดูกาลฟุต.กัลโซ่ เซเรียอา ของประเทศอิตาลี ได้เริ่มมีกระแสข่าวว่า คริสเตียโน่ โรนัลได้ ได้แจ้งต้นสังกัดยูเวนตุสว่า ต้องการย้ายออกจากทีมในตลาดซื้อขายรอบนี้ เนื่องจากไม่ได้รับการการันตีว่า ตัวเขายังอยู่ในแผนการทำทีมของ มักซี่ อัลเลกรี เฮดโค้ชคนใหม่แต่หน้าเก่าของยูเวนตุส

อีกทั้งต้นสังกัดเอง ก็มีสถานะการเงินไม่สู้ดี อาจจำเป็นต้องปล่อย โรนัลโด้ ออกจากทีม เพื่อลดต้นทุนค่าเหนื่อย

กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม เกมนัดแรกที่ยูเวนตุสไปเยือนอูดิเนเซ่ ปรากฎว่า โรนัลโด้ มีชื่อเป็นแค่ตัวสำรอง แม้จะได้ลงในช่วงท้ายเกมและเกือบทำประตูชัยได้ แต่ถูก VAR ริบสกอร์ ก่อนเกมจบด้วยการเสมอ 2-2 ก็ยิ่งทำให้กระแสข่าวการขอบ้านทีมของโรนัลโด้หนาหูขึ้น

โดยมีชื่อบิ๊กทีม ทั้ง เรอัลมาดริด แห่งสเปน แมนเชสเตอร์ซิตี้ ของอังกฤษ รวมทั้ง "เปแอชเช" ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมมหาเศรษฐีแห่งแดนน้ำหอม ที่กำลังสร้างตำนาน "กาลาติกอส เวอร์ชั่นฝรั่งเศส" จึงถูกจับโยงว่า อาจดึง โรนัลโด้ มาเล่นร่วมกับ ลีโอเนล เมสซี่ โคตร.แห่งยุคชาวอาเจนไตน์ และคู่ปรับตัวฉกาจของ โรนัลโด้ เองที่ย้ายมาร่วมทีมเปแอชเชก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเหลือเพียง แมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่ผิดหวังจากดีล แฮรี่ เคน กองหน้าสเปอร์ส ที่ยื่นข้อเสนออย่างจริงจังต่อยูเวนตุส และเจรจาข้อตกลงส่วนตัวกับโรนัลโด้ ทำท่าจะจรดปากกาเซ็นสัญญากันอยู่รอมร่อ จนเริ่มมีดราม่า "แฟนผีแดง" ทั่วโลกออกมาเผาเสื้อสาปส่งโรนัลโด้เลยทีเดียว

แต่ระหว่างทางมีการเปิดเผยว่า สตาร์ปีศาจแดงทั้งอดีตและปัจจุบัน ริโอ เฟอร์ดินาน ปาทริส เอฟร่า บรูโน่ เฟอร์นานเดส ระดมต่อสายกล่อม โรนัลโด้ ถึงเหตุผลที่ไม่ควรย้ายไปอยู่กับอริร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้

และสายที่สำคัญที่สุดไม่พ้น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือระดับตำนานของปีศาจแดง ที่เสมือนผู้ปลุกปั้น โรนัลโด้ จนมาเป็นซูเปอร์สตาร์ในวันนี้

คู่ขนานไปกับทีมบริหารที่เปิดปฏิบัติการชิงตัว โรนัลโด้ แบบแพ้ไม่ได้ เพื่อขัดขวางไม่ให้อริร่วมเมืองสมหวัง

ที่สุดจะด้วยความผูกพันธ์ เสียงหว่านล้อมจากเพื่อนพ้อง หรือค่าเหนื่อยที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเสนอให้มากกว่าคู่แข่ง โรนัลโด้ ก็ตัดสินใจกลับคืนรังโอลแทรฟฟอร์ด

ต้องนับว่าดีล "ซีอาร์เซเว่น โฮมคัมมิ่ง" ครั้งนี้เป็นจังหวะที่ลงตัว ทั้งต่อทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเอง ที่ต้องการฟื้นศรัทธาจากแฟน. และหวังกอบกู้ผลงานของทีม หลังไม่เคยประสบความสำเร็จ และตกต่ำลงเรื่อยๆ เมื่อพ้นยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

อีกทั้งเจ้าของทีมอย่าง "ตระกูลเกลเซอร์" ก็ต้องการซื้อใจแฟน. ที่ไม่พอใจตระกูลเกลเซอร์ในหลายเรื่อง และหากปล่อยให้ โรนัลโด้ ที่ถือเป็น "ไอคอน" สัญลักษณ์ของทีมไปอยู่กับคู่ปรับร่วมเมือง แม้ถือสิทธิ์เป็น "เจ้าของทีม" ก็เดินไม่สะดวกในเมืองแมนเชสเตอร์

อีกทั้งฤดูกาลนี้ทีมปีศาจแดง มีการเสริมทัพที่ดี ได้ตัว ราฟาเอล วาราน กองหลังระดับโลกจากเรอัล มาดริด เจดอน ซานโซ่ ปีกดาวรุ่งฟอร์มแรง รวมทั้งขุมกำลังคุณภาพเดิม มาร์คัส แรดฟอร์ด พอล ป๊อกบา หรือบรูโน่ เฟอร์นานเดส ที่ทำผลงานน่าพอใจเป็นถึงรองแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว จึงไม่พ้นถูกยกให้เป็นผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่างเต็มตัว

ไม่แปลกที่แฟน.จะคาดหวังว่า ทีมรักจะหวนคืนบัลลังค์แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศได้เสียที จากที่ห่างหายมาตั้งแต่ฤดูกาล 2013

หรืออย่างน้อยในแง่ธุรกิจก็มีแนวโน้มประสบความสำเร็จแต่ต้น เมื่อหุ้นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทะยานขึ้นกว่า 10% หลังปิดดีล โรนัลโด้ ได้ ไม่นับรวมรายได้จากการขายเสื้อ ของที่ระลึก ที่เชื่อว่าจะได้รับความนิยมอย่างสูง

ขณะเดียวกันก็เป็นจังหวะที่ลงตัวของ โรนัลโด้ เองเช่นกัน ปีนี้สตาร์โปรตุกีสอายุครบ 36 ปี หากเป็นนักฟุต.ทั่วไปอาจถือว่าอยู่ในช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง แต่ไม่ใช่กับ "ซีอาร์เซเว่น" เพราะเจ้าตัวยังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม

ไม่ว่าจะผลงานดาวซัลโวของกัลโช่ เซเรียอา ปีก่อนด้วยจำนวน 29 ประตู และล่าสุดคว้าดาวซัลโวของยูโร 2020 การันตีนักเตะดีกรีบัลลังดอร์ 5 สมัย ได้เป็นอย่างดี

การกลับมาร่วมทัพปีศาจแดง ที่วันนี้ขุมกำลังคุณภาพคับแก้ว ก็เป็นโอกาสสานตำนานความสำเร็จกับต้นสังกัด อย่างน้อยๆใน 2 ปีนี้ตามสัญญาที่มีกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่ดูแล้วสภาพร่างกายของ โรนัลโด้ ยังยืนระยะในระดับท็อปได้สบายๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบัน โรนัลโด้ ปรับบทบาทตัวเองขึ้นไปเล่นกองหน้าตัวผลิตสกอร์มากขึ้น เมื่อมีตัวป้อน.ชั้นดีอย่าง พอล ป๊อกบา หรือ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ก็ยิ่งเป็นปัจจัยเอื้อต่อการเล่นของ โรนัลโด้ อย่างแน่นอน

เส้นทางการกลับมาสานต่อ "ตำนานปีศาจแดง" ดูจะสวยหรูไม่น้อย หากจะสรุปดีล "ซีอาร์เซเว่น คัมมิ่งโฮม" ว่า "วิน-วิน" ทั้งค่ายและตัวนักเตะ ตั้งแต่ตอนนี้ก็คงไม่ผิด.
#3807
ข้าวออร์แกนิคสำหรับมารดาให้นมลูก
การผลิตข้าวอินทรีย์(ออแกนิค)   นาข้าวอินทรีย์  ส่งเสริม ผลิตข้าวอินทรีย์  ข้าวออร์แกนิคไทยมีราคาแพง

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค ( ข้าวกล้องออแกนิค)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ ข้าวสุรินทร์ " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1. ข้าวมะลินิลออแกนิคคือ, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.   ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.  ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4. ข้าวกล้องหอมมะลิเพื่อสุขภาพ, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6. ข้าวปะกาอำปึลออแกนิคคือ, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. ข้าวกล้องผกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิแดง, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงสุขภาพ, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิ
2.  กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3.  ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์   ข้าวกล้องผกาอำปึลออร์แกนิค(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวหอมมะลิผสมหลายสายพันธุ์อินทรีย์สุรินทร์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์ 6.  ขายข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์
7.  ข้าวไรซ์เบอรี่ออร์แกนิค  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 

 

 
 
#3808
ข้าวกล้องออร์แกนิกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
 ข้าวอินทรีย์สำหรับแม่ตั้งท้อง
การผลิตข้าวอินทรีย์(ออแกนิค)   ทำไมต้องเป็นข้าวอินทรีย์ โครงการนาข้าวอินทรีย์  ต้นข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค ( ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ )
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ ปลูกข้าวอินทรีย์ " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1.  ข้าวกล้องมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.   ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.   ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5. ข้าวกล้องปะกาอำปึลออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. ข้าวสุขภาพผกาอำปึล, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิออแกนิคคือ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3.   ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์   ข้าวผกาอำปึลปลอดสารพิษ(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์จังหวัดสุรินทร์
5.ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์ 6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลปลอดสารพิษ
7. ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่อินทรีย์  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 

 

 
 
#3809


วานนี้ (28 ส.ค.) เวลาประมาณ 21.30 น. สถานทูตจีนประจำได้เผยแพร่ภาพการนำส่งวัคซีนซิโนฟาร์มอีก 2 ล้านโดส มายังสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง โดยระบุว่า ซิโนฟาร์มล็อตนี้ รัฐบาลทหารพม่าได้สั่งซื้อจากบริษัทเอกชนของจีน

สถานทูตจีนเปิดเผยข้อมูลว่า นับแต่พม่าเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 จีนได้ส่งวัคซีนให้พม่าแล้วทั้งสิ้น 7.6 ล้านโดส ในนี้เป็นวัคซีนที่รัฐบาลจีนบริจาคให้ 2.9 ล้านโดส และเป็นยอดที่รัฐบาลพม่าสั่งซื้อจากบริษัทเอกชนจีนอีก 4.7 ล้านโดส

ซิโนฟาร์มอีก 2 ล้านโดสที่เพิ่งถูกส่งมาถึงพม่าเมื่อเย็นวานนี้ (28 ส.ค.)
ซิโนฟาร์มอีก 2 ล้านโดสที่เพิ่งถูกส่งมาถึงพม่าเมื่อเย็นวานนี้ (28 ส.ค.)

พม่าเริ่มเผชิญกับการระบาดระลอกที่ 3 ประมาณปลายเดือนมิถุนายน และตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคมเป็นต้นมา จีนได้เร่งส่งวัคซีนให้พม่าแล้วหลายครั้ง โดยวัคซีนที่ได้รับบริจาคทั้งหมดเป็นซิโนฟาร์ม ส่วนวัคซีนที่รัฐบาลทหารสั่งซื้อ คละกันทั้งซิโนฟาร์มกับซิโนแวค และจากข่าวที่ปรากฏใน 1 เดือนมานี้ มีวัคซีนซิโนแวคอย่างน้อย 2 ล้านโดส ถูกส่งมาถึงพม่าแล้ว

ก่อนหน้าการระบาดระลอก 3 กระทรวงสาธารณสุขพม่าได้ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนไปแล้วประมาณ 1.8 ล้านโดส วัคซีนส่วนใหญ่เป็น Covishied ที่ได้รับมาจากอินเดีย แต่หลังเกิดการระบาดระลอก 3 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มกระบวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม โดยวัคซีนที่นำมาฉีดรอบหลังนี้เป็นวัคซีนจากจีนทั้งหมด

เฉพาะวัคซีนที่เพิ่งนำมาฉีดรอบใหม่นั้น กระทรวงสาธารณสุขพม่าสรุปยอดล่าสุด ณ วันที่ 24 สิงหาคม มีผู้ที่ได้ฉีดวัคซีนแล้วทั้งสิ้น 4,542,363 คน เป็นผู้ที่เพิ่งฉีดเข็มแรก 2,744,813 คน และได้ฉีดเข็ม 2 แล้ว 1,797,550 คน และเมื่อรวมกับยอดของผู้ที่ได้ฉีดก่อนการระบาดระลอก 3 มีชาวพม่าได้ฉีดวัคซีนแล้วรวม 6,339,913 คน คิดเป็น 11.8% ของประชากรรวมทั้งประเทศที่มีประมาณ 54 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม แม้กระทรวงสาธารณสุขพม่า พยายามกระจายวัคซีนเพื่อฉีดให้ครอบคลุมประชาชนได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศให้มากที่สุด แต่ตามบริเวณชายแดน โดยเฉพาะด้านตะวันตกที่ติดกับอินเดีย ยังคงมีกระบวนการลักลอบนำวัคซีน Covishied และยา Remdesivir ปลอมเข้ามาขายเป็นจำนวนมาก

ยา Remdesivir ปลอม ที่ตำรวจอินเดียเพิ่งจับได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ก่อนถูกส่งข้ามชายแดนมาขายในพม่า
ยา Remdesivir ปลอม ที่ตำรวจอินเดียเพิ่งจับได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ก่อนถูกส่งข้ามชายแดนมาขายในพม่า

สำนักข่าว NDTV ของอินเดีย รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ตำรวจเมืองอิมพาล ได้จับกุมชาย 3 คน พร้อมของกลาง คือ วัคซีน Covishied และยา Remdesivir ปลอม รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์อีกเป็นจำนวนมาก ของกลางทั้งหมดกำลังเตรียมส่งข้ามชายแดนเข้าไปขายในพม่า

อิมพาลเป็นเมืองหลวงของรัฐมณีปุระ รัฐทางตะวันออกของอินเดียซึ่งมีชายแดนติดกับภาคสะกายและรัฐชิน โดยอิมพาลอยู่ห่างจากด่านชายแดนโมเร ที่เป็นประตูการค้าสำคัญของพม่า-อินเดีย ประมาณ 140 กิโลเมตร

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ตำรวจอิมพาลก็ได้จับผู้ต้องหาพร้อมของกลางเป็นยา DESREM ปลอมขนาดขวด 100 มิลลิกรัม จำนวน 441 ขวด ที่กำลังเตรียมจะส่งผ่านด่านชายแดนมาขายในพม่า โดย DESREM เป็นชื่อทางการค้าของยา Remdesivir ที่ใช้รักษาโควิด-19 อยู่ในอินเดีย

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม หนังสือพิมพ์ The Global New Light of Myanmar เพิ่งพิมพ์คำเตือนของกระทรวงสาธารณสุข ที่แจ้งต่อประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวัง เพราะตรวจพบว่ามีการวางขายวัคซีน Covishied ปลอมในพม่า ดังนั้น จึงห้ามประชาชนซื้อวัคซีนมาฉีดเองโดยเด็ดขาด และหากพบคลินิกเอกชน โรงพยาบาลเอกชน ร้านขายยา รวมทั้งประชาชนทั่วไปรายใดนำวัคซีนปลอมมาจำหน่าย จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด.
#3810


พวกหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯยังคงมีความเห็นแตกแยกกันในเรื่องต้นตอที่มาของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ทั้งหมดต่างเชื่อว่าทางผู้นำจีนไม่ได้รู้เรื่องไวรัสมรณะนี้ ก่อนการเริ่มต้นของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ทั้งนี้เป็นผลการศึกษาทบทวนแบบลงลึกยิ่งขึ้นที่สั่งการโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อ 3 เดือนก่อน และเวอร์ชั่นซึ่งไม่ถูกจัดเป็นความลับ ได้มีการนำออกเผยแพร่ในวันศุกร์ (27 ส.ค.) ที่ผ่านมา

บทคัดย่อแบบที่ไม่ถูกจัดชั้นความลับของรายงานผลการศึกษาทบทวนฉบับนี้ระบุว่า ใน 18 องค์กรสมาชิกของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ มีอยู่ 4 รายบอกว่ามีความมั่นใจในระดับต่ำ ว่าไวรัสนี้เบื้องต้นทีเดียวเป็นการติดต่อจากสัตว์มาสู่มนุษย์ ขณะที่องค์กรข่าวกรองรายที่ 5 บอกว่าเชื่อด้วยความมั่นใจระดับปานกลางว่าการติดเชื้อของมนุษย์รายแรกมีความเกี่ยวข้องกับแล็บทดลอง นอกจากนั้นพวกนักวิเคราะห์เผยว่ามีอีก 3 องค์กรซึ่งไม่สามารถที่จะหาข้อสรุปออกมาได้ อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์ของหน่วยข่าวกรองเหล่านี้ต่างไม่เชื่อว่า ไวรัสนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ รวมทั้งพวกเขาแทบทั้งหมดยังเชื่อว่าไวรัสนี้ไม่ได้ผ่านการตัดแต่งทางพันธุกรรม

ขณะเดียวกัน สำนักงานของผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุในคำแถลงที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ (27) ว่า จีน "ยังคงขัดขวางการสืบสวนสอบสวนของทั่วโลก, ต่อต้านไม่แลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร, และมุ่งประณามประเทศอื่นๆ รวมทั้งสหรัฐฯ" สำนักงานซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานของประชาคมข่าวกรองอเมริกันแห่งนี้ย้ำว่า การที่จะมีข้อสรุปเกี่ยวกับต้นตอที่มาของไวรัสนี้ได้ น่าจะจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากจีน

ถึงแม้โรคโควิด-19 มีการระบาดไปทั่วโลกมากว่า 1 ปีครึ่งแล้ว แต่สหรัฐฯยืนยันว่าการสืบสาวหาที่มาของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังคงเป็นเรื่องเร่งด่วนทางสาธารณสุข และเป็นข้อห่วงใยด้านความมั่นคงปลอดภัยของทั่วโลก ในสหรัฐฯนั้น พวกอนุรักษนิยมจำนวนมากเที่ยวกล่าวหาเรื่อยมาว่านักวิทยาศาสตร์จีนเป็นผู้พัฒนาโควิด-19 ในห้องแล็บ และปล่อยให้มันรั่วไหลออกสู่ภายนอก พวกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงขั้นจัดทำเป็นเอกสารแผ่นปลิวข้อเท็จจริง โดยมุ่งชี้ไปที่การวิจัยเรื่องไวรัสโคโรนาในสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ซึ่งตั้งอยู่ในนครของจีนที่ทราบกันว่าเกิดการระบาดใหญ่ขึ้นมาเป็นแห่งแรก

ในวงการวิทยาศาสตร์นั้น ยังคงมีฉันทามติกันว่าไวรัสนี้น่าที่จะกระโดดจากสัตว์มาสู่มนุษย์ อย่างที่เรียกกันว่า zoonotic transmission โดยที่เหตุการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่พบเห็นกันอยู่ในธรรมชาติ และไวรัสโคโรนาอย่างน้อยที่สุด 2 ชนิดซึ่งวิวัฒนาการอยู่ในค้างคาว ได้เคยทำให้เกิดโรคระบาดในมนุษย์มาแล้ว อันได้แก่ โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS หรือ SARS1) และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS)

ทางด้านประธานาธิบดีไบเดน ก็ได้ออกคำแถลงในโอกาสนี้ โดยโจมตีจีนว่า ขัดขวางความพยายามในการสืบสวนสอบสวนไวรัสมรณะนี้ "ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นแล้ว"

"โลกสมควรที่จะได้รับทราบคำตอบ และผมก็จะไม่ยอมหยุดยั้งจนกว่าพวกเราจะได้คำตอบ" เขากล่าว "ชาติที่มีความรับผิดชอบทั้งหลาย ไม่ควรละเลยความรับผิดชอบต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเช่นนี้"

อย่างไรก็ดี สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำวอชิงตัน ได้ตอบโต้กลับด้วยคำแถลงอันยาวเหยียด ระบุว่าสหรัฐฯ "เสกสรรปั้นแต่ง" รายงานฉบับดังกล่าวขึ้นมา พร้อมกับอ้างอิงเรื่องที่ประชาคมข่าวกรองอเมริกันเคยผิดพลาดอย่างฉกาจฉกรรจ์มาแล้วในอดีต ในเรื่องที่ยืนกรานก่อนที่สหรัฐฯจะทำสงครามรุกรานอิรักเมื่อปี 2003 ว่า อิรักยุคซัดดัม ฮุสเซน ครอบครองอาวุธทำลายล้างร้ายแรง แล้วก็ไม่เคยพบหลักฐานยืนยันเรื่องนี้เลยภายหลังสหรัฐฯยึดครองอิรักอยู่หลายปี

"รายงานเรื่องนี้ของประชาคมข่าวครอง ยึดโยงอยู่กับการทึกทักเอาไว้ล่วงหน้าว่าฝ่ายจีนนั้นมีความผิด และเป็นเพียงการมุ่งเอาจีนเป็นแพะรับบาปเท่านั้น" สถานเอกอัครราชทูตจีนบอก "การปฏิบัติเช่นนี้มีแต่เป็นการก่อกวนและบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างประเทศในการติดตามค้นหาต้นตอที่มา และในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่คราวนี้ และได้รับการคัดค้านอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ"

ไบเดนนั้นได้ออกคำสั่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ให้ดำเนินการศึกษาทบทวนอย่างลงลึกมากขึ้นภายในระยะเวลา 90 วัน หลังจากทำเนียบขาวกล่าวว่ารายงานเบื้องต้นที่ประชาคมข่าวกรองเสนอออกมา นำไปสู่ "ฉากทัศน์ที่อาจเป็นไปได้ 2 อย่าง" ด้วยกัน นั่นคือ ไวรัสโคโรนานี้มาจากการถ่ายทอดเชื้อจากสัตว์สู่มนุษย์ หรือไม่ก็เกิดขึ้นเพราะเชื้อรั่วไหลออกจากห้องแล็บ ทำเนียบขาวกล่าวในเวลานั้นว่า มี 2 องค์กรข่าวกรองที่โน้มเอียงไปทางเชื่อข้อสมมุติฐานว่าเชื้อนี้เกิดขึ้นจากการถ่ายทอดในธรรมชาติ ขณะที่อีกองค์กรหนึ่งโน้มเอียงไปทางเชื่อว่ามันมาจากการรั่วไหลในห้องแล็บ

สำนักงานของผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติไม่ได้ระบุว่าหน่วยงานไหนสนับสนุนข้อสันนิษฐานอะไร แต่ชี้ว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) และเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็กำลังประสบกับอุปสรรคทำนองเดียวกับสหรัฐฯ นั่นคือ การขาดไร้ตัวอย่างและข้อมูลทางคลินิคจากเคสที่ป่วยเป็นโควิด-19 ในตอนเริ่มแรกที่สุด

ในการศึกษาทบทวนคราวนี้ พวกองค์กรข่าวกรองสหรัฐฯได้ปรึกษาหารือกับบรรดาชาติพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญนอกภาครัฐบาล มีการนำเอานักระบาดวิทยาผู้หนึ่งเข้าไปในสภาข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มของพวกผู้เชี่ยวชาญระดับอาวุโสที่ให้คำปรึกษากับผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ

"ทฤษฎีหลุดจากห้องแล็บ"กำลังเป็นที่เชื่อถือกันน้อยลง

ในตอนที่เกิดโรคระบาดใหญ่กันใหม่ๆ สมมติฐานเรื่องไวรัสโคโรนานี้มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติ --นั่นคือมันมีวิวัฒนาการในค้างคาว แล้ว จากนั้นจึงถูกถ่ายทอดมาสู่มนุษย์ โดยที่น่าจะผ่านสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลาง— เป็นทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

แต่หลังจากเวลาผ่านไป โดยที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถค้นเจอไวรัสในค้างค้าว หรือในสัตว์อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะสำคัญทางพันธุกรรมสอดคล้องกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พวกที่สืบสวนสอบสวนโรคจึงระบุว่าพวกเขาเปิดกว้างมากขึ้นในการพิจารณาทฤษฎีไวรัสรั่วจากห้องแล็บ โดยเฉพาะจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ซึ่งมีการศึกษาวิจัยเรื่องไวรัสโคโรนาในค้างคาว

อย่างไรก็ตาม เอกสารทางวิชาการระยะหลังๆ มานี้ กำลังทำให้การอภิปรายถกเถียงหวนกลับไปเอนเอียงทางข้างเชื่อถือว่ามันมีต้นตอมาจากสัตว์อีกชนิดหนึ่ง

ทั้งนี้คณะนักวิจัยในจีนและของมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ในสกอตแลนด์ ตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในวารสาร "ไซแอนซ์" ที่มีข้อสรุปว่า "การถ่ายทอดจากสัตว์สู่มนุษย์ โดยเกี่ยวข้องกับสัตว์มีชีวิตที่ติดเชื้อ เป็นสาเหตุที่น่าเป็นไปได้มากที่สุดของโรคระบาดใหญ่โควิด-19"

นอกจากนั้น รายงานการวิจัยอีกชิ้นหนึ่งโดยนักไวรัสวิทยาชั้นนำ 21 คน ในวารสาร "เซลล์" มีข้อสรุปอย่างตรงไปตรงมาว่า "ในปัจจุบันไม่มีหลักฐานใดๆ เลยว่า SARS-CoV-2 (ชื่อย่ออย่างเป็นทางการของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่) มีต้นกำเนิดจากห้องแล็บ"

(เก็บความจากเรื่อง US intelligence still divided on origins of coronavirus
ของสำนักข่าวเอพี และเรื่อง Biden says China still withholding 'critical' info on Covid origins ของสำนักข่าวเอเอฟพี)
#3811
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#3812
ข้าวดีปลอดสารแท้ 100% ข้าวหอมสุรินทร์ ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ข้าวมะลินิลออแกนิคคือ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารกข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวปะกาอำปึลออร์แกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก ข้าวอินทรีย์หอมมะลิแดง เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ
3.  ข้าวปะกาอำปึลorganic
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารสุรินทร์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์6.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่organic


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 

 
 
#3813


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า กระทรวงคมนาคมได้ออก "กฎกระทรวง กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ.2564" และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ซึ่งภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้เปิดให้ผู้ขับขี่รถใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน ถึงทางต่างระดับอ่างทอง เป็นเส้นทางแรก เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ตามนโยบายการปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์ จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสั่งการให้กรมทางหลวงกำหนดเส้นทางเพิ่มเติม โดยให้ครอบคลุมเส้นทางในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เพื่อประกาศใช้ในระยะที่ 2 โดยได้ข้อสรุป 6 เส้นทาง มีผลเริ่มใช้ได้ในวันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป


ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยังได้เน้นย้ำให้กรมทางหลวงปรับปรุงเพิ่มมาตรฐานทางกายภาพให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่ เสริมการก่อสร้างอุปกรณ์ป้องกันด้านข้างทาง (Concrete Barrier) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงเนื่องจากการเสียหลักข้ามเกาะกลาง ปรับปรุงจุดกลับรถระดับราบ เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร ติดตั้งป้ายจราจรและป้ายเปลี่ยนข้อความได้เพื่อสื่อสารการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในช่วงถนนและช่องจราจร รวมทั้งติดตั้งแถบเตือน Rumble Strips บอกจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการเข้าเขตควบคุมความเร็วด้วย


นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า สำหรับเส้นทางนำร่อง ระยะที่ 2 ทั้ง 6 เส้นทาง ที่จะเริ่มใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในวันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ประกอบด้วย 1.ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ตอนบ่อทอง-มอจะบก ระหว่าง กม.74+500 ถึง กม. 88+000 แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 2 ทั้งขาเข้าและขาออก 6 ช่องจราจร ระยะทาง 13.500 กม. 2.ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ตอนหางน้ำหนองแขม-บ้านหว้า-วังไผ่ ระหว่าง กม.306+640 ถึง 330+600 แขวงทางหลวงนครสวรรค์ที่ 1 ทั้งขาเข้าและขาออก 8 ช่องจราจร ระยะทาง 23.960 กม.

3.ทางหลวงหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ตอนอ่างทอง-ไชโย-สิงห์ใต้-สิงห์เหนือ-โพนางดำออก ระหว่าง กม.50+000 ถึง 111+473 แขวงทางหลวงอ่างทอง และแขวงทางหลวงสิงห์บุรี ทั้งขาเข้าและขาออก 6 และ 8 ช่องจราจร ระยะทาง 61.473 กม. 4.ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนสนามกีฬาธูปเตมีย์-ต่างระดับคลองหลวง-ประตูน้ำพระอินทร์ ระหว่าง กม.35+000 ถึง 45+000 แขวงทางหลวงปทุมธานี ทั้งขาเข้าและขาออก 6 ช่องจราจร ระยะทาง 10.000 กม. 5.ทางหลวงหมายเลข 34 (ถนนบางนา – ตราด) ตอนบางนา-ทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กม.1+500 ถึง 15+000 แขวงทางหลวงสมุทรปราการ ทั้งขาเข้าและขาออก 8 ช่องจราจร ระยะทาง 13.500 กม. และ 6. ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนสุวินทวงศ์) ตอนคลองหลวงแพ่ง-ฉะเชิงเทรา ระหว่าง กม. 53+300-58+320 และ กม. 62+220 ถึง กม. 63+000 แขวงทางหลวงฉะเชิงเทรา ทั้งขาเข้าและขาออก ระยะทาง 5.800 กม. โดยทั้ง 6 เส้นทางกำหนดให้ใช้อัตราเร็วสูงสุดไม่เกิน 120 กม./ชม. และไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. ในช่องทางขวาสุด ยกเว้นกรณีเหตุฉุกเฉิน เช่น การจราจรติดขัด หรือรถเสีย



ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้ปรับปรุงทางกายภาพของถนนทั้ง 6 เส้นทางให้มีความพร้อมรองรับการใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัย เช่น ปิดจุดกลับรถพื้นราบ ให้ใช้จุดกลับรถใต้สะพานหรือทางยกระดับ ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย ติดตั้งกล้องวงจรปิด และอุปกรณ์ตรวจจับความเร็ว ป้ายเตือน ป้ายจราจรต่างๆ รวมทั้งประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจังหวัด ตำรวจในพื้นที่ และตำรวจทางหลวง เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ใช้ทางทราบข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ใช้อัตราความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญคือมีความปลอดภัยสูง โดยผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถติดตามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Website กรมทางหลวง (www.doh.go.th) แฟนเพจกรมทางหลวง และ Call Center 1586
#3814


นับเป็นครั้งแรก รัฐบาลเนปาล อนุมัติการทดลองทางคลินิกในประเทศให้กับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 "เออาร์โควี" (ARCoV) ร่วมพัฒนาโดยซูโจว อ้ายโป๋ ไบโอไซเอนซ์ (AbogenBio), สถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AMMS) สังกัดสถาบันวิทยาการทหาร และบริษัท วาลแว็กซ์ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด (Walvax Biotechnology)

ดร. ประดิป เกียนวาลี หัวหน้าผู้บริหารสภาวิจัยสุขภาพเนปาลเปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) อนุญาตให้ บริษัทจีน (วาลแว็กซ์ ไบโอเทคโนโลยี) และพันธมิตรในท้องถิ่นอย่างบริษัท เดียราลี-จันตา ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Deurali-Janta Pharmaceutical) ดำเนินการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ของวัคซีนดังกล่าวในเนปาล"สภาวิจัยสุขภาพเนปาลได้รับเอกสารเกี่ยวกับข้อเสนอในการทดลองทางคลินิกจากบริษัทจีนเมื่อราวหนึ่งเดือนก่อน โดยหลังจากตรวจสอบแล้วว่าวัคซีนดังกล่าวปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ก็ได้ส่งเอกสารต่อไปยังกระทรวงสาธารณสุขและคณะรัฐมนตรีที่ให้การอนุมัติแล้ว" เกียนวาลีกล่าว

"หลังจากบริษัทจีนได้รับใบอนุญาตจากกรมควบคุมยา (DDA) เราจะออกจดหมายอนุญาตให้ทำการทดลองระยะที่ 3 ของวัคซีนดังกล่าว" นามิตา กีเมอร์ (Namita Ghimire) สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ส.ค.)

เกียนวาลีระบุว่า วาลแว็กซ์ ไบโอเทคโนโลยี และพันธมิตรสัญชาติเนปาลได้เสนอการทดลองทางคลินิกกับประชาชน 3,000 คนที่สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพบีพี คอยราลาของรัฐบาลเนปาล ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองดารันทางตะวันออกของประเทศ

เนปาลได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสอง และต้องอาศัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากภายนอกเพื่อฉีดให้กับประชากรที่มีอยู่ 30 ล้านคน โดยปัจจุบันมีประชาชนชาวเนปาลได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว 4.98 ล้านคน ซึ่งเป็นผู้รับวัคซีนครบสองโดส 3.9 ล้านคน

ช่วงต้นเดือนส.ค.นี้ รัฐบาลเนปาลประกาศมาตรการจูงใจให้บริษัทในประเทศ และต่างประเทศดำเนินการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนในเนปาลเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และโรคติดเชื้ออื่นๆ ซึ่งเกียนวาลีกล่าวถึงประเด็นนี้ว่าจะช่วยให้เนปาลเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ได้ง่ายยิ่งขึ้น
#3815

อินเตอร์ มิลาน ยักษ์แห่ง กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ร้อนแรงต่อเนื่องหลังบุกไปคัมแบ็กยิง เวโรน่า ชนะ 3-1 พร้อมขึ้นครองจ่าฝูง เมื่อคืนวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา

เกมคู่วันศุกร์ เวโรน่า อันดับ 14 ไม่มีแต้ม เจอ อินเตอร์ มิลาน รองจ่าฝูงมี 3 แต้ม เกมนี้ เวโรน่า มี อันโตนิน บารัค กับ มัตเตโอ คานเซลเลรี ยืนหน้า ส่วน 'งูใหญ่' ใช้กองหน้าเป็น เอดิน เชโก้ กับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ลงซัด

ครึ่งแรก นาที 11 อินเตอร์ เกือบนำ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เติมมายิงทางซ้ายแต่ ลอเรนโซ่ มอนติโป เซฟทันการ แต่แล้ว นาที 14 เวโรน่า กลับได้เฮก่อน อิวาน อิลิซิช ปั๊มแย่ง.หน้าประตูแล้วชิพ.เข้าไปอย่างสวยงาม 1-0

นาที 23 อินเตอร์ จะตีเสมอจากจังหวะสวน ฮาคาน คัลฮาโนกลู เปิดเข้ามา นิโคโล บาเรลญ่า โหม่งแต่ก็ออกหลัง ถัดมา นาที 41 เวโรน่า อยากได้ลูกสอง มัตเตโอ คานเซลเลรี เงยหน้าแล้วลองยิงซ้ายแต่โด่งออกหลัง จบครึ่งแรก อินเตอร์ ตามหลังแบบเสียฟอร์ม

ครึ่งหลัง นาที 46 อินเตอร์ ตีเสมอสำเร็จ เอดิน เชโก้ โหม่งตั้งย้อยให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ โขกต่อเจ๊า 1-1 จากนั้น นาที 64 เวโรน่า ฮึดอยากได้ประตูนำอีก จานโคโม แม็กนานี สอดขึ้นมาแล้วยิงขวาแต่ไม่เข้ากรอบ

นาที 83 อินเตอร์ แซงนำจนได้ มัตเตโอ ดาร์เมียน สปีดกงล้อไปเปิด.ทางขวาเข้ากบาล เอดิน เชโก้ โขกย้อยเข้าสวยงาม 2-1 และสุดท้ายทดเจ็บ นาที 93 อินเตอร์ ตอกฝาโลง โจอาคิน คอร์เรียอา เติมมาหน้าประตูแล้วยิงไม่เหลือ 3-1 พา อินเตอร์ ขึ้นจ่าฝูง มี 6 แต้มเต็มจาก 2 นัด
#3816


นายมารุต อรรถไกวัลวที บริษัท วีจีไอ จํากัด (มหาชน)หรือ VGI แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2564 ประชุมเมื่อวันที่ 26สิงหาคม 2564 เวลา 13.30 น. ได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนใน บริษัท เจ มาร์ท จํากัด (มหาชน) หรือ JMART ซึ่งเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ

โดยบริษัทฯ จะดําเนินการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มมทุนของ JMART ที่จะออกและเสนอขายให้แก่บริษัทฯ ในรูปแบบของการออกและเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจํากัด (Private Placement) จํานวน206,241,800 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,256,757,486.60 บาท

ทั้งนี้ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 15 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JMART ภายหลังการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว และการได้มาซึ่งใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของJMART ครั้งที่ 6 ที่จัดสรรให้แก่ผู้ลงทุนที่จองซื้อและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) (ใบสําคัญแสดงสิทธิ JMART-W6)ให้แก่บริษัทฯ จํานวน 25,337,882 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย (ราคาเสนอขายหน่วยละ 0.00 บาท) อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของ JMART จํานวน 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 30.3370 บาทต่อหุ้น

โดยหากมีการใช้สิทธิตามใบสําคัญแสดงสิทธิครบจํานวนจะคิดเป็นมูลค่าการลงทุนเท่ากับ 768,675,326.23 บาท และจะทําให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 15.00 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของJMART (คํานวณบนสมมติฐานว่าผู้ถือใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ JMART ทั้ง 3 ชุดที่ JMART ออกอยู่ ณ ปัจจุบันใช้สิทธิซื้อหุ้นตามใบสําคัญแสดงสิทธิครบทั้งจํานวน) ("ธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART") รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7,025,432,812.83 บาท


โดยภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART บริษัทฯ จะเข้าลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างบริษัทฯ (ในฐานะผู้ลงทุน) และ JMART (ในฐานะผู้ออกหลักทรัพย์)("สัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน") โดยสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะเกิดขึ้นเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดตามที่ระบุในสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนสําเร็จครบถ้วนหรือได้รับการผ่อนผันจากคู่สัญญาฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 โดยรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART มีรายละเอียดปรากฏตามสารสนเทศเกี่ยวกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของVGI

สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อหุ้น JMART จะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทฯ ประมาณร้อยละ 5-10 ของมูลค่าเงินลงทุน ทั้งนี้การใช้เงินลงทุนดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดําเนินงานของบริษัทฯ และความสามารถในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น แต่อย่างใด และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ประมาณร้อยละ 90-95 ของมูลค่าเงินลงทุน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ 0.9 ถึง 4 ต่อปีทั้งนี้ การกู้ยืมจากสถาบันการเงินดังกล่าว ไม่มีเงื่อนไขที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด


สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียน
ในปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักด้านสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชําระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจนําเข้าและจัดจําหน่ายอุปกรณ์ Gadget จากประเทศจีนที่บริษัทฯ เพิ่งเข้าลงทุนผ่านบริษัท แฟนส์ลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จํากัดเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นว่า JMART ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น โดยมีธุรกิจหลัก คือ การจําหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแนวโน้มการทํางานและการเรียนหนังสือจากบ้านที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยบริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะช่วยสร้างประโยชน์และส่งเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ ณ ปัจจุบันของบริษัทฯ อาทิ การขยายช่องทางการจัดจําหน่ายสินค้าประเภท Gadget ซึ่งจัดจําหน่ายโดยบริษัทในกลุ่มของบริษัทฯ ผ่านพื้นที่ค้าปลีกของบริษัทภายใต้กลุ่ม JMART, การขยายจุดรับสินค้า (Pick-upCounters) และจุดให้บริการ (Service Points) ของ JMART บนสถานีรถไฟฟ้า และการใช้เครือข่ายการขนส่งสินค้าของบริษัทในกลุ่ม VGI รวมไปถึงการปรับใช้เทคโนโลยีด้านการเงินที่ทันสมัยร่วมกับระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม

บริษัทฯ นอกจากนี้ การเข้าทําธุรกรรมในครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ มากยิ่งขึ้นทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการลงทุนใน JMART ในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นและบริษัทฯโดยรวม
#3817


รายงานล่าสุดของฟอร์เรสเทอร์ ประเมินขีดความสามารถของผู้ให้บริการด้าน AI แสดงให้เห็นว่าเอคเซนเชอร์ได้รับคะแนนสูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่น ทั้งในประเภทขอบข่ายการบริการ กลยุทธ์ และฐานะความมั่นคงในตลาด เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการทั้งหมด 12 ราย

ผลการสำรวจระบุว่า 'ความสามารถในการส่งมอบของเอคเซนเชอร์นั้น อยู่ในอันดับหนึ่งทุกด้าน รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ AI วัฒนธรรม AI และการประเมินผลกระทบทางธุรกิจ ซึ่งความคิดเห็นที่ได้รับจากลูกค้าก็สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน โดยมีข้อมูลอ้างอิงจากลูกค้าชี้ว่า เอคเซนเชอร์มีความเชี่ยวชาญเชิงลึกในแต่ละอุตสาหกรรม การส่งมอบบริการที่ราบรื่นตั้งแต่ขั้นจัดทำกลยุทธ์ไปจนถึงขั้นดำเนินการ และสามารถช่วยให้ลูกค้าสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้อย่างดีเยี่ยม'


นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า 'เอคเซนเชอร์เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในการสำรวจที่ยังคงร่วมลงทุนกับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดี ทำให้มีข้อมูลอ้างอิงในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ซับซ้อน เอคเซนเชอร์จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ หากต้องการผลักดันการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ทั่วทั้งองค์กรด้วย เอไอโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่มองหาพันธมิตรร่วมลงทุน ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน' อีกทั้งยังระบุด้วยว่า 'การดูแลของเอคเซนเชอร์นั้น ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีญี่ปุ่นเป็นตลาดที่แข็งแกร่งที่สุด ตามมาด้วย ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ (ANZ) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้/อาเซียน'

เอคเซนเชอร์ได้รับคะแนนสูงสุดตามเกณฑ์ด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้: ด้านบริการ โดดเด่นเรื่องการติดตั้งปรับใช้ การส่งมอบ และการดำเนินงาน ด้านกลยุทธ์ โดดเด่นเรื่องแผนงานระดับภูมิภาค กลยุทธ์การบริการ โมเดลธุรกิจ การใช้AIในการส่งมอบบริการและเสริมสร้างระบบนิเวศของพันธมิตร และด้านตลาด โดดเด่นเรื่องลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รายได้ด้าน AI ในภูมิภาค รวมทั้งการถ่ายทอดและนำเอไอไปใช้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า 'เรารู้สึกยินดีที่ได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำในรายงานของฟอร์เรสเทอร์ ลูกค้าของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ให้ความสนใจนำ AI ไปใช้ขับเคลื่อนธุรกิจและช่วยตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูล ตลอดจนช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเราจะมุ่งมั่นก้าวต่อไปให้เหนือขีดจำกัด จะพัฒนา AI ให้ก้าวหน้าและพลิกโฉมธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล"
#3818


อาร์เซนอล ของ มิเกล อาร์เตต้า เก็บชัยชนะกอบกู้ศรัทธาแฟน.เป็นเกมแรกของซีซั่น หลังบุกไปถล่ม เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน ย่อยยับ ศึก คาราบาว คัพ รอบสอง เมื่อคืนวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา

คาราบาว คัพ
เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน 0-6 อาร์เซนอล

เกมรอบสองของถ้วยนี้ อาร์เซนอล ยักษ์หลับของพรีเมียร์ ลีก ยกพลไปเยือน เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน จากลีกเดอะแชมเปียนชิพ เกมนี้ อาร์เซนอล เน้นเป็นพิเศษส่ง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง เป็นหน้าเป้าและมี บูกาโย่ ซาก้า กับ มาร์ติน โอเดการ์ด และ นิโคลัส เปเป้ ดูแลเกมแดนกลาง

เปิดเกม 11 นาที เวสต์ บรอมวิช เกือบนำ ทอม เฟลโลว์ส เอี้ยวพา.ออกซ้ายแล้วยิงแต่ อารอน แรมสเดล ทิ้งตัวปัดได้ แต่แล้ว นาที 16 อาร์เซนอล เป็นฝ่ายเฮ บูกาโย่ ซาก้า ปั๊มแย่ง.มายิงติดเซฟจังหวะแรกแล้ว ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ซ้ำดาบสองนำ 1-0

อาร์เซนอล บุกเป็นส่วนใหญ่จน นาที 44 ก็ได้เม็ดสอง นิโคลัส เปเป้ หลุดเดี่ยวไปยิงชนเสาแต่เด้งหา ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง เข้าซ้ำ 2-0 ก่อนที่ทดเจ็บ นาที 46 ปืนโต เริงร่า ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ลาก.มายิงติดเซฟ แต่.ลอยกลับมาให้เจ้าตัวจ่ายตวัดออกขวาแล้ว นิโคลัส เปเป้ พุ่งชาร์จ 3-0 และจบครึ่งแรกไปเลย

ครึ่งหลัง นาที 49 อาร์เซนอล ร้อนแรงต่อเนื่อง บูกาโย่ ซาก้า เล่นชิ่งกับ มาร์ติน โอเดการ์ด แล้วหลุดไปซัลโว 4-0 ก่อนที่ นาที 63 ทีมเยือนซัลโวต่อเนื่องจากลูกสวนกลับ ไอนสลีย์ เมตแลนด์-ไนลส์ แทงให้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง จับก่อนยิงเข้าขวาสวยงามเป็น 5-0

อาร์เซนอล ยังไม่พอ นาที 69 นิโคลัส เปเป้ ดูด.ลงทางขวาแล้วจ่ายยัดให้ อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ พุ่งชาร์จ 6-0 และนั่นคือประตูสุดท้ายของเกมที่ส่งให้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ชนะเป็นเกมแรกของซีซั่นใหม่

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน - อเล็กซ์ พัลเมอร์, เซดริก คีเป้, คาเล็บ เทย์เลอร์, ซาอูล ช็อตตัน, โรเบิร์ต สนอดกราส, เกวิน เดอ คาสโตร, อดัม รีช, อีธาน อินแกรม, เคนเนธ โซโฮเร่, เทย์เลอร์ การ์ดเนอร์-ฮิคแมน, ทอม เฟลโลว์ส
อาร์เซนอล - อารอน แรมสเดล, ซาเอด โคลาซินัค, ร็อบ โฮลดิง, นูโน่ ตาวาเรส, คาลัม แชมเบอร์ส, มาร์ติน โอเดการ์ด, กรานิต ชาก้า, โมฮาเหม็ด เอลเนนี, บูกาโย่ ซาก้า, นิโคลัส เปเป้, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง
#3819


นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 นับตังแต่ปีที่แล้ว เศรษฐกิจประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นเดียวกับประเทศอื่นทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานทางการเงินการคลังล่าสุด บริษัท Moody's Investors Service ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) จากปัจจัยสำคัญ คือ ไทยมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่และหลากหลาย ภาครัฐมีฐานการเงินที่เข็มแข็ง ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) มีความแข็งแกร่ง หนี้ระยะสั้นอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 8 สัดส่วนหนี้ภาครัฐบาลสกุลเงินต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำมาก คือ น้อยกว่าร้อยละ 2 ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง และอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำและมีเสถียรภาพ

ขณะเดียวกัน ตัวเลขมูลค่าการส่งออกและการลงทุนในประเทศ เป็นอีกสองตัวชี้วัดถึงโอกาสฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า การส่งออกในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค.ปี64 มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเกินดุลการค้าอยู่ 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ


 สำหรับการลงทุนในประเทศ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รายงานภาวะการลงทุนครึ่งปีแรกของปี 64 ว่า มีโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุน 801 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 3.86 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 158% ประเทศที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนที่มีมูลค่าลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และจีน และเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้มาลงทุนในประเทศมากขึ้นอีก BOI ได้ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ประกอบด้วย

1) การทำวิจัยและพัฒนา (R&D) ยกเว้นภาษีฯ 300% 2) สนับสนุนกองทุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากร สถาบันการศึกษา ศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยกเว้นภาษีฯ 100%

ADVERTISEMENT


3) ฝึกอบรมหรือฝึกการทำงาน เพื่อพัฒนาทักษะเทคโนโลยี และนวัตกรรมให้กับนักศึกษาฝึกงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยกเว้นภาษีฯ 200% 4) ค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิเทคโนโลยีที่พัฒนาในประเทศ ยกเว้นภาษีฯ 200%

5) การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ยกเว้นภาษีฯ 200% 6) พัฒนาผู้ผลิตวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนในประเทศ ยกเว้นภาษีฯ 200% 7) การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ยกเว้นภาษีฯ 200% โดยจะได้รับระยะเวลายกเว้นภาษีสูงสุด 3 ปี

นางสาวรัชดา กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติ และยังได้รับการประเมินทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ หลังจากผ่านช่วงโควิด19 นี้ไป มูดี้ส์ ยังคาดว่าการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะช่วยเพิ่มการลงทุน การจ้างงานของภาคเอกชนและอุปสงค์ภายในประเทศอีกมาก และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างแน่นอน ควบคู่กันไป

โดยรัฐบาลได้เดินหน้านโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มSME และเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ที่สำคัญ หวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมกันแสดงความเห็นต่างทางการเมืองอยู่บนวิถีประชาธิปไตยในกรอบกฎหมาย เพื่อไม่ให้กระทบโอกาศเติบโตทางเศรษฐกิจ และบรรยากาศที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุนของประเทศ
#3820


อีเบย์ มองเทรนด์การขายสินค้าอีคอมเมิร์ซจากไทยสู่ตลาดโลกยังเติบโตด้วยฐานผู้ใช้งานกว่า 159 ล้านคนทั่วโลก โดยสินค้าจากไทยได้รับความนิยมในสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์ที่ทำให้ลูกค้ากลับซื้อซ้ำ พร้อมเปิดตัวโครงการ "eBay NextGen" ให้สิทธิผู้ประกอบการรายใหม่ ปลดล็อกข้อจำกัดการขายสินค้าออนไลน์

นางรินทร์ลิตา ศรีโรจนภิญโญ หัวหน้าฝ่ายการตลาด อีเบย์ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับภัยโควิด-19 อยู่นั้น ผู้คนอยู่ในบ้านมากขึ้น การเลือกซื้อของออนไลน์เป็นสิ่งหนึ่งที่คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกกลับมีศักยภาพการเติบโตอย่างทวีคูณ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 อีเบย์มีผู้ซื้อทั่วโลกมากกว่า 159 ล้านคน มีผู้ขายกว่า 19 ล้านคนลงขายสินค้ามากกว่า 1,500 ล้านรายการ

โดยมียอดการใช้จ่ายมากกว่า 22,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 730,000 ล้านบาท และเรายังพบว่าความต้องการสินค้าเฉพาะกลุ่มในอีเบย์นั้นเพิ่มขึ้นสูงมากในปีที่ผ่านมา สินค้าขายดีและมีมูลค่าสูงที่สุดบน eBay ทั่วโลก ประกอบด้วย การ์ดสะสม เช่น การ์ดกีฬา การ์ดเกม และการ์ดโปเกมอน ที่มีการขายไปแล้วมากกว่า 45 ล้านใบในปี 2563 ด้วยอัตราการขายออกสูงถึงกว่า 90 ใบในหนึ่งนาที นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสินค้าที่กำลังติดเทรนด์ขายดี ได้แก่ กลุ่มอะไหล่ยนต์ อุปกรณ์วิดีโอเกม รองเท้าผ้าใบ และของสะสมลักชัวรี



"ผู้ขายไทยยังคงขายสินค้าได้อย่างต่อเนื่องบนอีเบย์ และยังมองเห็นโอกาสของผู้ขายไทยที่สามารถตอบรับความต้องการของตลาดได้ สำหรับสินค้าจากประเทศไทยที่ขายดี ได้แก่ 1.จิวเวลรี เพชรพลอย นาฬิกาหรู 2.อะไหล่ยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และ 3.สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม"

ขณะเดียวกัน ยังเห็นถึงเทรนด์ 5 กลุ่มสินค้าที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วได้แก่ 1.อะไหล่รถจักรยานยนต์ 2.จิวเวลรีแบบมีพลอยประดับ หรือมีตัวเรือนเป็นเนื้อเงิน เนื้อทองคำ 3.เพชรแบบเป็นเม็ดที่มีใบรับรอง 4.ผลิตภัณฑ์ดูแลและจัดแต่งเส้นผม และ 5.ต้นไม้ตกแต่งบ้าน โดยทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มสินค้าที่เป็นที่นิยมในตลาดที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว



สินค้าทั้งหมดนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย พร้อมกันนี้ ยังได้มีการเปิดตัวโครงการ "eBay NextGen" เปิดโอกาสให้กับเอสเอ็มอีไทยที่ยังไม่เคยค้าขายบนอีเบย์ ได้มีโอกาสขยายตลาดสู่แพลตฟอร์มโดยง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ขายรายใหม่ พร้อมแนะนำตั้งแต่เริ่มเปิดบัญชีจนถึงการลงขายสินค้าชิ้นแรกบนอีเบย์ พร้อมกันนี้ ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่มีทะเบียนพาณิชย์ (กิจการเจ้าของคนเดียว) หรือเป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด และมีหนังสือรับรองนิติบุคคล

นอกจากนี้ อีเบย์ยังได้แนะนำระบบการชำระเงินแบบใหม่ อีเบย์แมเนจเพย์เมนต์ "อีเบย์เอ็มพี" (eBay Managed Payment หรือ eBay MP) เพื่อให้ผู้ซื้อมีช่องทางชำระเงินมากขึ้น และเป็นศูนย์รวมให้ผู้ขายจัดการการขายและรับชำระค่าสินค้าได้เบ็ดเสร็จในที่เดียว เพื่อช่วยทั้งเรื่องความมั่นใจ และความปลอดภัยให้แก่ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย