• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#3741


"แพตตี้" พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช นักหวดสาวดาวรุ่งไทย วัย 17 ปี มืออันดับ 108 เยาวชนโลก สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงในการลงเล่นบนแผ่นดินยุโรป ด้วยการคว้าแชมป์ประเภทหญิงเดี่ยว จากการแข่งขัน ไอทีเอฟ เวิลด์ เทนนิส ทัวร์ จูเนียร์ เก็บคะแนนสะสมอันดับเยาวชนโลก รายการ "เจ ทรี พอซนัน 2021" ศึกคอร์ตดิน ที่ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564

ประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ "แพตตี้" ในฐานะมือวางอันดับ 1 ของรายการ ต้องออกแรงดวลกับ ซอนย่า แมคอะเว มืออันดับ 290 เยาวชนโลก จากสหรัฐอเมริกา ถึง 3 เซต โดยในแมทช์นี้ พิมพ์รดา แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่แข็งแกร่ง หลังพลิกสถานการณ์จากเป็นฝ่ายตามหลังคู่แข่ง 3-5 ในเซตตัดสิน ก่อนจะเป็นฝ่ายแซงและเอาชนะเหนือนักหวดดาวรุ่งชาวอเมริกัน ไปได้ 2-1 เซต 6-3, 4-6 และ 7-5 คว้าแชมป์ประเภทหญิงเดี่ยวมาครองได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นการได้แชมป์คอร์ตดินเป็นครั้งแรกของเจ้าตัวด้วย

นอกจากนี้ พิมพ์รดายังเก็บคะแนนสะสมอันดับโลกเยาวชนเพิ่มอีก 100 คะแนนจากการคว้าแชมป์หญิงเดี่ยว และอีก 27 แต้ม จากการผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในประเภทหญิงคู่

หลังการแข่งขัน "แพตตี้" กล่าวว่า ดีใจมากที่ทำสำเร็จ ก่อนหน้านี้เคยได้แชมป์ระดับเยาวชนนานาชาติมาแล้ว แต่ไม่เคยได้ในยุโรป รายการนี้จึงเป็นแชมป์แรกในยุโรปและยังเป็นแชมป์คอร์ตดินรายการแรกนับตั้งแต่เล่นเทนนิสมาด้วย ภูมิใจมากที่ทำสำเร็จ หลังจากที่ไม่ได้ออกแข่งขันมานาน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุน ปตท. หรือ พีทีที, สมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ, นายประเสริฐ พุ่งกุมาร ประธานกรรมการบริษัท ซีพีพีซี จำกัด (มหาชน) และนายธนกร ตั้งพูนผลวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อเวนโก้ซอฟต์ จำกัด ที่ให้การสนับสนุน รวมทั้งขอบคุณ นายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ที่ใจดีมาก ส่งอาหารมาให้ตลอด และคนไทยในโปแลนด์ที่ให้ความช่วยในเรื่องต่างๆ สำหรับรายการต่อไป จะอยู่แข่งต่อที่โปแลนด์อีก 2 รายการคือ "เจ ทรี โซบาต้า" ระหว่างวันที่ 4-8 ส.ค. และ "เจ ทรี คราคอฟ" ระหว่างวันที่ 11-15 ส.ค.

https:// m.mgronline.com/sport/detail/9640000075294
#3742


สุโขทัย - ใครไปเห็นเป็นต้องทึ่ง..ครูเกษียณ สะสมสารพัดพันธุ์ไม้ผล-ไม้ประดับด่างมา 40 ปี ปลูกไว้เต็มบ้าน ทั้งกล้วย ส้ม ละมุด ฝรั่งด่างทั้งใบและผล มะนาว พริกขี้หนูด่าง ฯลฯ ยันวัชพืชใบด่าง

ขณะที่ "ไม้ด่าง" กำลังอย่ในกระแส-เป็นที่นิยมของผู้คน บางรายมีการซื้อขายกันในราคาสูงถึงหลักแสน-หลักล้าน ล่าสุดครูเกษียณอายุราชการ ได้สะสมพันธุ์ต้นไม้ด่างมานานร่วม 40 ปี มีการเพาะปลูกขยายพันธุ์เก็บไว้สารพัด ทั้งไม้ผล ไม้ประดับ รวมทั้งพืชผักสวนครัว แม้กระทั่งต้นหญ้า และวัชพืชใบด่าง ซึ่งหาชมได้ยาก ก็ยังมีให้เห็นเป็นบุญตาของคนที่ชื่นชอบ

นายจักรกฤษณ์ ทัพบำรุง อายุ 62 ปี อดีตอาจารย์สอนวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย อาศัยอยู่ที่บ้านหมู่ 7 ต.ย่านยาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนตัวชื่นชอบไม้ด่างอยู่แล้ว จึงหาซื้อมาเพาะขยายพันธุ์ สะสมเรื่อยมาตลอด 40 ปี มีทั้งที่กำลังเป็นที่นิยม ราคาหลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน

เช่น กล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด (อายุ 3 เดือน ต้นละ 50,000 บาท) , กล้วยน้ำว้าพันธุ์ปากช่อง 50 (ต้นละ 350,000 บาท) , กล้วยด่างฟลอริด้า (ต้นละ 85,000 บาท) , กล้วยตานีด่าง (อายุ 3 เดือน ต้นละ 7,000 บาท) , บอนกระดาษด่าง (ต้นละ 10,000-20,000 บาท) , บอนกระดาษดำด่าง (ต้นละ 50,000 บาท) , มอนสเตอร่า อัลโบ้ ฮอลแลนด์ (ต้นละ 12,000 บาท) , ฟิโลเดนดรอน หรือก้ามกุ้งด่าง (ต้นละ 15,000 บาท)

นอกจากนี้ ยังมีต้นจั๋งญี่ปุ่นด่าง ต้นกันเกราด่าง ต้นกลายด่าง ต้นละมุดใบด่างเงิน-ด่างทอง ต้นฝรั่งด่างทั้งใบและผล ต้นมะนาวด่าง ต้นส้มเช้งด่างทั้งใบและผล แล้วก็ใบบัวด่าง ต้นพริกขี้หนูด่าง ต้นต้อยติ่งด่าง หญ้ามาเลเซียด่าง และอีกสารพัดไม้ด่าง แถมมีวัชพืชใบด่างที่กลายพันธุ์เองตามธรรมชาติด้วย

นายจักรกฤษณ์ บอกว่า สำหรับกล้วยด่างราคาแพงที่ปลูกไว้ ไม่ได้มีไว้ขาย แต่จะขยายพันธุ์ไว้แลกเปลี่ยนกัน เพื่อการศึกษาเรียนรู้โดยไม่ต้องใช้เงินเยอะ แบ่งปันกันแบบคนโบราณ เป็นความสุขของคนที่ชอบเลี้ยงต้นไม้แปลกหายาก สามารถโทรสอบถาม คุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้ที่เบอร์ 081-9072247

https:// m.mgronline.com/local/detail/9640000075336
#3743


"พี่เช Teen Club" ได้มีโอกาสพูดคุยกับ 7 สาววงไอดอลกรุ๊ป "PSYCHE" (ไซคี) ที่เพิ่งปล่อยเพลงซิงเกิ้ลแรก "CUPID" ออกมากระชากใจเหล่าแฟนคลับด้วยเสียงหวาน ๆ ปนเท่ ในสไตล์เพลงป๊อปฟังง่าย

ทั้ง 7 สาว "ถุงแป้ง-บีม-เฟิร์น-มายด์-จีจี้-เมี่ยวหลิง-สมายด์" เล่าให้ฟังว่า เพลง CUPID พูดถึงการแอบรักที่ไม่ยอมบอกเขาสักที ได้แต่หนีไปหาหมอดู แถมในเพลงยังชี้เป้าจุดขอพรความรักทั้งไทยและเทศ สำหรับคนโสดที่อยากหาคู่ หรือคนที่อยากสมหวังในความรัก ห้ามพลาดเพลงนี้โดยเด็ดขาด

ไปฟังสาว ๆ พูดถึงเพลง CUPID กันเลย

ถุงแป้ง


"สวัสดีค่ะ ถุงแป้งนะคะ ก่อนอื่นก็ฝากไปฟังเพลง CUPID กันเยอะ ๆ เลยย ถ้าชอบก็บอกต่อกันด้วยนะงับ หนูตั้งใจมาก ๆ ถึงจะมีอุปสรรคไปบ้าง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีเลย หนูได้ถ่าย vlog บรรยากาศวันอัดเพลงไว้ด้วย ถ้าทำเสร็จแล้วมาดูกันนะคะว่าจะสนุกกันขนาดไหนนน สุดท้ายนี้ฝากเพลง Cupid เดบิวต์ซิงเกิ้ลของพวกเราไว้ในใจทุกคนด้วยนะคะ มันดีมากจริง ๆ นะ55555 ในอนาคตก็จะมีผลงานใหม่ ๆ เพลงใหม่ ๆ ให้ติดตามเรื่อย ๆ แน่นอน ทุกคนจะไม่ผิดหวังงงง (สามารถฟังได้ในสตรีมด้วยน้า)"

บีม


"สวัสดีค่ะ บีมจากวงไซคีค่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่านี่เป็นเพลงแรกในชีวิตบีมเลยค่ะ รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก ๆ หลังจากที่ได้ฟัง Backing Track และอ่านเนื้อเพลงครั้งแรกต้องร้อง...ว้าวว!! ออกมาเลย คือเพลงน่ารักมากก ๆ บีมชอบความหมายของเพลงมากค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่ทุกคนต้องประสบกับปัญหานี้เลย อยากรู้ใช่ไหมคะว่ายังไง? ต้องไปฟังกันแล้วค่ะ! เพลงชื่อว่า Cupid เป็น Debut Single ของพวกเราเย้!  ที่ขาดไม่ได้เลย ต้องขอบคุณพี่ Sound engineer พี่ ๆ ทุกฝ่ายที่ทำให้เกิดเพลงนี้ออกมาให้ทุกคนได้ฟังกัน และพี่ ๆ น้อง ๆ ในวงทุกคนเลยนะคะ พวกเราพยายามกันเต็มที่มาก ๆ หวังว่าทุกคนจะชอบและ support พวกเราไปนาน ๆ เลยนะคะ"

เฟิร์น


"จริง ๆ แล้ว เฟิร์นรู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงไม่เก่งเอามาก ๆ พอเป็นเพลงแรกเลยรู้สึกกดดันแบบสุด ๆ เลยค่ะ เพราะอยากจะให้มันออกมาดีที่สุดสมกับที่รอคอยกันมา บรรยากาศในห้องอัดตอนแรกเลยค่อนข้างใหม่ ตื่นเต้น และกดดันตัวเองนิดนึง แต่ว่าทั้งพี่ sound engineer ทั้งเพื่อน ๆ ในวงช่วยกัน Ice breaking เลยผ่อนคลายลงไปมาก ๆ แล้วก็สนุกมาก ๆ เลย ฝาก 1st Debut Single ของไซคีด้วยนะคะ ตั้งใจมาก ๆๆ ตั้งใจกว่านี้ไม่ได้แล้ว 5555 ฟังเพลงให้ enjoy นะคะ เพลงสนุกสนานและสดใสมาก ๆ หวังว่าจะได้ขึ้นสเตจพร้อมกับเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ทุกคนรอคอยค่ะ ระหว่างนี้ก็ปั่นวิววนไปปป ฟังบ่อย ๆ จนร้องท่อนแร็พได้เลยนะ หนูตั้งใจแร็พสุด ๆ"

มายด์


"สวัสดีค่ะ มายด์ นะคะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนเพลงของพวกเรา Psyche นะคะ พวกเราก็เป็นวงไอดอลน้องใหม่เล็ก ๆ ที่อยากจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ อย่างเต็มที่ และสร้างผลงานให้กับทุกคน เพลงนี้ก็เป็นเพลงเดบิวต์แรกของพวกเรา เป็นครั้งแรกของมายด์ที่ได้เข้าห้องอัดด้วยค่ะ และเป็นคนแรกที่ได้อัดด้วย ตื่นเต้นมากก ใจนี่ดังตุ๊บ ๆ แต่ก็ผ่านไปได้ เพราะพี่ ๆ ให้กำลังใจกัน รวมถึงพี่ ๆ ที่ studio ด้วยค่ะ และผลงานก็ออกมาเป็นที่พอใจ ปลื้มปริ่มมาก ๆ เลยค่ะ ขอขอบคุณทุก ๆ คนอีกครั้งนะคะ รวมถึงแฟนคลับที่ติดตามเรามาตั้งแต่แรก ถ้าพวกเราไม่มีแฟนคลับและทุกคน เพลงนี้ก็คงไม่สามารถออกมาให้ทุกคนได้ฟังแบบนี้ สุดท้ายนี้ ขอฝากเพลง Cupid ของพวกเรา Psyche นะคะ มาเสี่ยงดวงกันเถอะ!"

จีจี้


"สวัสดีค่าา จี้จากวงไซคี นะคะ ตอนนี้พวกเราไซคี ก็เพิ่งปล่อย Debut Single-Cupid ออกมานะคะ! เพลงนี้ถือเป็นครั้งแรกของจี้เลยที่ได้เข้าห้องอัดค่ะ ซึ่งวันที่เข้าไปห้องอัดเพลง สำหรับจี้นะ บอกเลยว่า ทั้งสนุก ตื่นเต้น และกดดันมาก ๆๆๆๆๆๆ
หนูต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ในวง พี่โปรดิวเซอร์ และพี่ ๆ Sound Engineer ทุกคนที่คอยช่วย คอยผลักดัน คอยสนับสนุน และให้กำลังใจทุก ๆ อย่าง ทำให้เราอัดเพลงนี้ออกมากันได้สมบูรณ์แบบที่สุด ณ ช่วงเวลานั้น ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี และแฮปปี้มาก ๆ ค่ะ ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ติดตามจี้ และ พวกเราไซคีนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามเพลง Cupid-Debut Single ของพวกเราไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ หวังว่าทุกคนจะชอบ และร้องเพลงของเราได้แบบขึ้นใจในเร็ววันนี้ค่าาา"

เมี่ยวหลิง


"สวัสดีค่า เมี่ยวหลิงนะคะ เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับเพลงเดบิวต์ของพวกเรา หลิงต้องขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยนะคะ ที่คอยสนับสนุน เป็นกำลังใจให้พวกเรามาตลอดจนถึงวันนี้ ผลงานเพลงแรกนี้ พวกเรา Psyche ตั้งใจแล้วก็พยายามทำกันมาก ๆ เลยค่ะ เป็นเพลงน่ารัก ๆ แนวสดใส ฟังแล้วใจฟูยิ่งกว่าก้อนเมฆ น่าจะถูกใจคนที่กำลังมีความรักแน่เลย หวังว่าจะได้เจอทุกคน แล้วก็ได้ขึ้น Stage Performance เร็ว ๆ นี้หลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้นนะคะ สุดท้ายนี้สำหรับใครที่ยังไม่ได้ฟังเพลง Cupid นะคะ สามารถเข้าไปฟังได้ใน youtube, Apple music, Spotify, Joox, Deezer เลยค่า แล้วก็ฝากติดตามวงไอดอลน้องใหม่ Psyche ของเรากันด้วยนะคะ เดี๋ยวจะมีผลงานใหม่ ๆ ออกมาให้ฟังกันอีกแน่นอนค่า"

สมายด์


"สวัสดีค่ะ สมายด์ไซคีค่ะ เจ้าเด็กน้อยเองงับ ก่อนอื่นเลย ปกติแล้วสมายด์เองเข้าห้องอัดเพลงบ่อยอยู่แล้วค่ะ แต่พอมาเป็นเพลงนี้ต้องร้องกับพี่ ๆ แล้วก็เป็นเพลงเดบิวต์ อยากจะบอกว่าตอนแรกเนี่ยกดดันตัวเองมากค่ะ เพราะเราเป็นคนรู้สึกว่าเนื้อเสียงเราแตกต่างจากพี่ ๆ มาก กลัวจะออกมาไม่ดี แต่พอไปถึงห้องอัด มีกำลังใจมากขึ้น พี่ ๆ คอยให้กำลังใจ และก็มีความสุขกับการอัดเพลงมาก ๆ ค่ะ ก็ต้องขอบคุณพี่ทุกคนเลย ทั้งพี่ Producer พี่ ๆ Sound engineer และพี่ ๆ ในวง PSYCHE ที่น่ารักทุกคนเลยนะค้าบ และก็ขอบคุณแฟนคลับหลาย ๆ คนที่ค่อยซัพพอร์ตด้วยนะค้าบ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ฟัง ต้องไปฟังแล้วนะ เพลง CUPID ของพวกเรา PSYCHE ด้วยนะค้าบ ก็อยากจะให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ มาฟังกันเยอะ ๆ ฝากติดตามพวกเราด้วยนะค้าบบบ"

ไปฟังเพลง CUPID กันเลย...


ไปทำความรู้จักสาว ๆ PSYCHE กันให้มากขึ้น
 Thoongpaeng Psyche (ถุงแป้ง)
สีประจำตัว : สีเหลือง
เกิดวันที่ 30.12
IG : @Thoongpaeng.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Thoongpaeng.psycheofficial/

 Beam Psyche (บีม)
สีประจำตัว : สีส้ม
เกิดวันที่ 10.10
IG : @Beam.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Beampsycheofficial-107217418100686/

 Phern Psyche (เฟิร์น)
สีประจำตัว : สีชมพู
เกิดวันที่ 22.12
IG : @Phern.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Phernpsycheofficial-105148988283015/

 Mind Psyche (มายด์)
สีประจำตัว : สีฟ้า
เกิดวันที่ 21.10
IG : @Mind.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Mindpsycheofficial-100602602078490

 Jiejyy Psyche (จีจี้)
สีประจำตัว : สีน้ำตาล
เกิดวันที่ 03.09
IG : @Jiejyy.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/jiejyy.psycheofficial

 Miaolhing Psyche (เมี่ยวหลิง)
สีประจำตัว : สีดำ
เกิดวันที่ 11.07
IG : @Miaolhing.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/ml.psycheofficial

 Smile Psyche (สมายด์)
สีประจำตัว : สีแดง
เกิดวันที่ 21.12
IG : @Smile.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Smilepsycheofficial-102138322070977
 
#3744



"เลขเด็ด" สถิติ "ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล" งวดวันที่ 1 สิงหาคม ย้อนหลัง 10 ปี "หวย1/8/64" ออกตัวไหนบ้างเช็คที่นี่!

ใกล้ถึงวันออก "ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล" งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ แล้ว "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จึงได้รวบรวมผล "หวย" ที่เคยออกย้อนหลัง 10 ปี มาให้เป็นตัวเลือกสำหรับนักเสี่ยงโชค "หวย1/8/64" ได้เช็คกันดู ดังต่อไปนี้

งวดวันที่ 1 ส.ค. 63

รางวัลที่ 1 : 569391
เลขท้าย 2 ตัว : 92
เลขหน้า 3 ตัว : 931, 575
เลขท้าย 3 ตัว : 809, 578

งวดวันที่ 1 ส.ค. 62

รางวัลที่ 1 : 387006
เลขท้าย 2 ตัว : 58
เลขหน้า 3 ตัว : 135, 983
เลขท้าย 3 ตัว : 795, 562

งวดวันที่ 1 ส.ค.61

รางวัลที่ 1 : 386602
เลขท้าย 2 ตัว : 78
เลขหน้า 3 ตัว : 832, 903
เลขท้าย 3 ตัว : 549, 726


งวดวันที่ 1 ส.ค.60

รางวัลที่ 1 : 756519
เลขท้าย 2 ตัว : 36
เลขหน้า 3 ตัว : 386, 061
เลขท้าย 3 ตัว : 989, 787

งวดวันที่ 1 ส.ค.59

รางวัลที่ 1 : 272932
เลขท้าย 2 ตัว : 57
เลขหน้า 3 ตัว : 538, 983
เลขท้าย 3 ตัว : 871, 472

งวดวันที่ 1 ส.ค.58

รางวัลที่ 1 : 518677
เลขท้าย 2 ตัว : 53
เลขท้าย 3 ตัว : 333, 598, 648, 889

งวดวันที่ 1 ส.ค.57

รางวัลที่ 1 : 766391
เลขท้าย 2 ตัว : 82
เลขท้าย 3 ตัว : 349, 576, 623, 637

งวดวันที่ 1 ส.ค.56

รางวัลที่ 1 : 356435
เลขท้าย 2 ตัว : 82
เลขท้าย 3 ตัว : 880, 451, 718, 329

งวดวันที่ 1 ส.ค.55

รางวัลที่ 1 : 895590
เลขท้าย 2 ตัว : 50
เลขท้าย 3 ตัว : 820, 599, 796, 745


งวดวันที่ 1 ส.ค.54

รางวัลที่ 1 : 218756
เลขท้าย 2 ตัว : 12
เลขท้าย 3 ตัว : 221, 583, 660, 703
#3745


เริ่มปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วประเทศแล้ว ในขณะที่หลายคนกังวลใจถึงประสิทธิภาพของวัคซีน ผลการศึกษาจากสถาบันวิจัยสุขภาพชั้นนำของโลกบ่งชี้ว่า การออกกำลังกายช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น และมีแนวโน้มช่วยให้ร่างกายเพิ่มภูมิคุ้มกันมากขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีน

"ดร.ร็อบ นิวตัน" ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์การออกกำลังกายจากมหาวิทยาลัยเอดิธ โคแวน ยูนิเวอร์ซิตี้ ประเทศออสเตรเลีย บ่งชี้ว่า การฉีดวัคซีนทำให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน แต่เนื่องจากเราจะมีเซลล์ภูมิคุ้มกันเหล่านี้มากขึ้นเมื่อออกกำลังกาย การออกกำลังกายสม่ำเสมอจึงช่วยให้การตอบสนองทรงพลังมากขึ้น สอดคล้องกับ "ดร.โรเบิร์ต อี" แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและการกีฬา จากศูนย์การแพทย์ "ไคเซอร์เพอร์มาเนนต์ ฟอนตานา" รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เผยว่า ผู้ใหญ่ที่ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือเดิน 30 นาทีต่อวัน ต่อเนื่อง 5 วันต่อสัปดาห์ จะช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อ 37% อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพหลังฉีดวัคซีน

ผลการวิจัยของ "กลาสโกว์ คาเลโดเนียน ยูนิเวอร์ซิตี้" มหาวิทยาลัยใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร พบว่า การออกกำลังกายเป็นประจำ ส่งผลให้ระดับแอนติบอดี้ อิมมูโนโกลบูลิน เอ (IgA) สูงขึ้น ซึ่งแอนติบอดี้นี้ทำหน้าที่ต่อต้านการติดเชื้อ โดยยับยั้งการเกาะติดของแบคทีเรียและไวรัสกับเซลล์เยื่อบุผิว จึงเป็นเสมือนเกราะป้องกันปอดและอวัยวะอื่นๆในร่างกาย ตอกย้ำว่าการออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ CD4+T ซึ่งมีบทบาทในการต่อสู้กับเชื้อโรคและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ด้าน "ศาสตราจารย์จิม ซัลลิส" จากสถาบันวิจัยสุขภาพ "แมรี่ แมคคิลลอป" มหาวิทยาลัยออสเตรเลียน คาทอลิก ยูนิเวอร์ซิตี้ วิจัยถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างการออกกำลังกายกับความสามารถในการป้องกันโควิด-19 ค้นพบว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยลดความรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะอัตราการเสียชีวิตที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงยังพบว่าอัตราการเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูของผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่มคนที่ออกกำลังกายน้อยกว่า 10 นาทีต่อสัปดาห์


จะเตรียมความพร้อมยังไง ก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้การฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุด "ฟิตเนส เฟิร์สต์ ประเทศไทย" มีเทคนิคแนะนำ

1) ช่วง 2 วันก่อน และหลังการฉีดวัคซีน ควรงดออกกำลังกายหนัก เช่น คาร์ดิโอ, แอโรบิก และยกเวท

2) ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 500-1,000 ซีซี

3) งดเครื่องดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์

4) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง

5) หากมีไข้สูงก่อนฉีดวัคซีน ควรเลื่อนนัด

6) หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีน

7) หลังฉีดวัคซีนให้รอดูอาการ 30 นาที ถ้ามีไข้ปวดเมื่อยมาก สามารถกินยาพาราฯ 500 มิลลิกรัม ครั้งละหนึ่งเม็ด ทุก 6 ชั่วโมง

8) ถ้ากินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ให้กินตามปกติ แต่เมื่อฉีดวัคซีนแล้วให้กดตำแหน่งที่ฉีดต่ออีก 1 นาที.

https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2113595
#3746



"เซรั่ม" ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่หลายคนขาดไม่ได้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวล้ำลึกมากกว่าการทาครีมทั่วไป ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็สามารถใช้เซรั่มเป็นตัวช่วยดูแลผิวพรรณได้เช่นกัน เพราะปัจจุบันมีหลายสูตรให้เลือกใช้ ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว แต่การจะใช้เซรั่มให้ได้ผลที่สุด ก็จำเป็นต้องรู้วิธีใช้ที่ถูกต้อง

เซรั่ม คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมาก เนื้อสัมผัสจะเบาบาง มีลักษณะเป็นของเหลวใสๆ อาจจะมีสีขุ่นๆ รวมไปถึงมีสีสันต่างๆ ตามส่วนผสมและสารสกัดที่ใช้ เซรั่มมีจุดเด่นที่ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) ซึ่งมีประสิทธิภาพช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวได้ล้ำลึก ด้วยการใช้ในปริมาณเพียง 2-3 หยดเท่านั้น 

ปัจจุบัน มีการผลิตภัณฑ์เซรั่มผิวออกมาหลากหลายสูตร โดยเฉพาะเซรั่มบำรุงผิวหน้า เพื่อให้แต่ละคนเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น เช่น เซรั่มเพื่อผิวกระจ่างใส, ลดเลือนจุดด่างดำ, ลดเลือนริ้วรอย, กระชับรูขุมขน เป็นต้น 

ประโยชน์ของเซรั่ม คือ การซึมลึกลงไปยังผิวชั้นใน เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวอย่างอ่อนโยน และปกป้องผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น นอกจากใช้เซรั่มบำรุงผิวหน้าทั่วไปแล้ว วิธีใช้เซรั่มสำหรับผู้ชาย ยังช่วยลดอาการระคายเคืองของผิวจากการโกนหนวดได้อีกด้วย


"เซรั่ม" ต่างจาก "ครีม" อย่างไร?
แม้ว่าทั้งเซรั่มและครีมจะมีหน้าที่ในการช่วยดูแลบำรุงผิวพรรณ แต่ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งหากรู้ไว้ก็จะช่วยให้เราเรียงลำดับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้การดูแลผิวพรรณมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

เซรั่ม : เป็นสารบำรุงที่มีความเข้มข้น ซึมเข้าสู่ผิวเร็ว บางเบา ใช้ในปริมาณน้อย แก้ปัญหาและฟื้นฟูผิวได้ตรงจุด เน้นการบำรุงผิวจากภายใน แทรกซึมผ่านผิวได้ล้ำลึก ผลิตภัณฑ์เซรั่มจะมีราคาค่อนข้างสูง
ครีม : มีเนื้อสัมผัสที่หนักกว่าเซรั่ม แก้ปัญหาผิวโดยรวม บำรุงผิวชั้นนอก ช่วยให้ความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้ง อาจต้องใช้ปริมาณเยอะในการทำบำรุงผิวหน้า แต่ครีมส่วนใหญ่จะมีราคาไม่แพงเท่ากับเซรั่ม

วิธีใช้เซรั่ม ควรใช้ตอนไหนให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด (สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย)
สำหรับคนที่อยากหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ แต่ก็สงสัยว่าเซรั่มใช้ยังไง ใช้ตอนไหนให้ได้ผลดีที่สุด ผู้ชายใช้ได้หรือไม่? คำตอบคือ ไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้ชาย หรือเพศไหน ก็สามารถใช้เซรั่มผิวเพื่อดูแลผิวพรรณได้ ส่วนวิธีใช้นั้นง่ายมาก เพียงแค่รู้ลำดับขั้นตอนการใช้ ก็สามารถบำรุงผิวหน้าได้แล้ว ดังนี้

1. ทำความสะอาดหน้าเพื่อเตรียมผิว
เรียกว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดที่ไม่ควรมองข้าม หลังอาบน้ำควรล้างหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกติดค้าง หลังจากนั้นเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน เพื่อเปิดรูขุมขน ไม่ถูแรงจนเกินไป ซึ่งในขั้นตอนที่ผิวหน้ากำลังชุ่มชื้นคือ การเตรียมผิวที่ดีที่สุด ในขั้นตอนนี้สามารถใช้เอสเซนส์บำรุงเพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ด้วย

2. เริ่มทาเซรั่มบนผิวหน้า
การใช้เซรั่มในขณะที่ผิวกำลังชุ่มชื้น จะช่วยให้สารบำรุงซึมลึกลงสู่ชั้นในของผิวได้ดีกว่าตอนที่ผิวหน้าแห้ง โดยบีบเซรั่มจากหลอด ให้มีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว เพียง 2-3 หยด หลังจากนั้นใช้ปลายนิ้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า เริ่มจากจุดกลางหน้าผาก จมูก ปลายคาง และแก้มทั้ง 2 ข้าง นวดเบาๆ ให้เนื้อเซรั่มกระจายทั่วใบหน้าและลำคอ 


3. ทามอยส์เจอไรเซอร์ หรือสกินแคร์อื่นๆ
หลังจากทาเซรั่มแล้ว ควรรอสัก 5 นาที เพื่อให้สารบำรุงซึมลงสู่ผิวชั้นใน แล้วค่อยทามอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งหลายคนอาจลำดับสับสน ให้จำไว้เสมอว่า "ลงเซรั่มก่อนมอยส์เจอไรเซอร์" เนื่องจากเซรั่มมีความบางเบาที่สุด ส่วนมอยส์เจอไรเซอร์มีความเข้มข้นกว่า จะช่วยล็อกความชุ่มชื้นของชั้นผิวไว้ได้ หรือไม่ว่าจะใช้ครีมบำรุงและสกินแคร์ชนิดไหน ก็ควรทาตัวที่มีเนื้อครีมหนักเป็นลำดับหลังๆ เพื่อให้การบำรุงมีประสิทธิภาพสูงสุด

การเลือกเซรั่มที่ดี ควรเลือกใช้ของผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ปลอดภัยจากสารปรอทและส่วนผสมที่เป็นอันตราย ใครที่แพ้ง่ายก็ควรหันมาใช้เซรั่มสูตรอ่อนโยน มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ไร้สีและกลิ่น โดยต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพปัญหาผิวของตนเอง ที่สำคัญอย่าลืมดูแลสุขภาพและร่างกาย ด้วยการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาด ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ
#3747


ผ่านงานแสดงมาแล้วหลายคาแรกเตอร์ และโชว์ฝีมือปังเข้าถึงทุกบทบาทโดนใจคนดูสุดๆ สำหรับนางเอกสาว ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ล่าสุดสวมคาแรกเตอร์สุดโบ๊ะบ๊ะรับบทเน็ตไอดอลตกอับเพราะเหล่าแฟนคลับจับโป๊ะได้ ในซีรีส์สุดปัง "46 วัน ฉันจะพังงานวิวาห์" จาก "จีเอ็มเอ็มทีวี" ที่งานนี้ต้องมาลุยภารกิจรักสุดแสบแบบบ้าระห่ำ พร้อมแหกทุกกฎกับภารกิจทำลายงานแต่งให้สำเร็จให้ได้ภายใน 46 วัน เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับเอ่ยปากว่าเล่นเรื่องนี้สนุกมากๆ และชอบสุดๆ อีกด้วย

ใบเฟิร์น เผยว่า "รู้สึกสนุกมากๆ ที่ได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้เพราะค่อนข้างเป็นสีสันมากๆ สำหรับใบเฟิร์นเลย โดยเฉพาะบท 'หญิงหญิง' ซึ่งเป็นตัวแสดงที่แบบรวดเร็ว ตรงไปตรงมามากๆ ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็คือโวยวายเลย เป็นคนตรงๆ และเป็นคนที่รักเพื่อนมาก ก็จะมีความคล้ายตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เลยทำความเข้าใจตัวแสดงได้ไม่ยากค่ะ และที่สนุกอีกอย่างก็คือ คาแรคเตอร์นี้ค่อนข้างมีสีสัน สนุกโบ๊ะบ๊ะ แถมได้ทำหลายบทบาทด้วย ทั้งมีไปทำภารกิจโน่นนี่ตลอดเวลา บางทีก็แต่งเป็นคนแก่บ้าง แต่งเป็นนางโชว์ แต่งเป็นผู้ชาย หรือเป็นนักศึกษาเนิร์ดๆ ซึ่งเราเองก็ชอบคอมเมดี้อยู่แล้วด้วยก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่สนุกมากๆ และต้องขอขอบคุณ 'พี่กู่ ผู้กำกับที่ให้เราได้มาทำอะไรแปลกใหม่ ทั้งปลอมตัว ใส่โน่นใส่นี่ แต่งตัวหรือทำอะไรที่แฟนคลับยังไม่เคยเห็นมาก่อน และอยากให้เรื่องนี้มีหลายๆ อย่างในความคอมเมดี้พวกนี้ ให้เห็นหลายๆ บุคลิกตลกๆ ความเล่นใหญ่ของเรา"


"จริงๆ เสน่ห์ของคอมเมดี้ก็คือการอิมโพรไวส์ แม้เราจะไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้ แต่เราโชคดีที่ได้มาเล่นคู่กับน้องมายด์-ลภัสลัล ซึ่งเป็นคนที่เก่งคอมเมดี้มาก และการอิมโพรไวส์ของมายด์คือใช้ได้แทบทั้งหมด แถมเคมีของเราทั้งคู่ยังเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่เวิร์คช้อปด้วยกันเลยค่ะ อาจจะด้วยความที่เป็นผู้หญิงแบบเฮฮาทั้งคู่ เล่นไปแบบจัดเต็มไม่เคยห่วงสวย และมายด์ก็ยังมีเคมีเพื่อน ที่เข้ากันได้ดีมากๆ มีความเป็นเพื่อนที่เข้ากันไปจนถึงชีวิตจริงที่สนิทกันเหมือนเป็นพี่น้อง ปรึกษาคุยเล่นกันได้ทุกเรื่องค่ะ ส่วนนนกุลเขาเป็นคนที่ตั้งใจ มีวินัยในการทำงานมาก เป็นคนเรียบร้อย ซึ่งจะฉีกไปจากคนอื่นๆ เช่น พี่เจนนี่ ปาหนัน, พี่ท็อป-ดารณีนุช, ออฟ-จุมพล ฯลฯที่เวลาเข้าซีนด้วยกันก็จะมีพูดประโยคใหม่ขึ้นมาแบบไม่ให้ได้ตั้งตัว ทุกคนเก่งเรื่องการอิมโพรไวส์มาก แถมแต่ละซีน แต่ละเทคก็ไม่เหมือนกัน ทำให้เราต้องมีสมาธิมากๆ ต้องคุมสติตัวเองให้อยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นจะหลุดหัวเราะออกมา"


"เฟิร์นเป็นแบบนั้นหลายครั้งมาก และทำเทคหลายรอบมากด้วยค่ะ สำหรับเรื่องนี้ก็อยากให้ทุกคนดูแล้วคลายเครียด ใบเฟิร์นเองก็รอดูตัวเองทุกอีพีเหมือนกัน ดูแล้วก็ตลก ดูแล้วก็สนุก ทำให้นึกถึงวันนั้นที่ถ่ายทำด้วยกัน และบรรยากาศในกองก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานมากๆ ยังไงก็ขอฝากซีรีส์  '46 วัน ฉันจะพังงานวิวาห์' ด้วยนะคะทางช่องจีเอ็มเอ็ม 25 เนื้อเรื่องจะค่อยๆ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และใบเฟิร์นก็ได้เป็นหลายอย่างมากในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย หวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้แฟนๆ นั่งหัวเราะ มีความสุขและสนุกไปด้วยกันนะคะ"
#3748



บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศเข้าร่วมลงทุน ในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk ("CAP") ประเทศอินโดนีเซียผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ PT TOP Investment Indonesia โดยเข้าถือหุ้น CAP ที่สัดส่วนร้อยละ 15.38 ใช้เงินลงทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 1,183 ล้านดอลลารร์สหรัฐฯ หรือ 39,116ล้านบาท เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ โดย CAP มีแผนขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2( CAP2)ปัจจุบัน CAP เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำรายใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงงานแยกแนฟทา (Naphtha Cracker) เพียงแห่งเดียวของประเทศ มีกำลังการผลิตเอทิลีน (ethylene) ประมาณ 900,000 เมตริกตันต่อปี และพอลิโอเลฟินส์ (Polyolefins) ที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตสไตรีนโมโนเมอร์ (SM) และบิวทาไดอีน (BD) และจะดำเนินการขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2(CAP2)​ ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวหรือ2ล้านตันกำหนดแล้วเสร็จในปี2569

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของไทยออยล์ในการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ จากเดิมที่มีธุรกิจสายอะโรเมติกส์อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้โครงสร้างธุรกิจของไทยออยล์มีความสมบูรณ์ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร และCAP2สามารถรองรับแนฟทาและแอลพีจีจากโครงการ CFP ของไทยออยล์ที่กำลังลงทุนราว 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ​ขยายกำลังกลั่นจาก2.75แสนเป็น4แสนบาร์เรล​ต่อวัน ยอมรับว่าผลกระทบจากโควิด-19 กระทบงานCFPทำให้สร้างได้ต่ำกว่าแผนแต่จะพยายามเร่งให้แล้วเสร็จ​ในปี 2566 ซึ่งจากการร่วมทุนกับอินโดนีเซียครั้งนี้ก็ทำให้ไทนออยล์​ไม่ต้องลงทุนสร้างโอเลฟินส์​เองแต่อย่างใดและคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เบื้องต้น 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดย CAP มีการประกาศผลกำไรครึ่งแรกปี64ที่ราว 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยการร่วมทุนเกิดประโยชน์หลายด้าน ทั้งการได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท CAP และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต การร่วมลงทุนใน CAP ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำทำไทยออยล์สามารถก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ได้อย่างรวดเร็วและทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความสมบูรณ์ ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี

ทั้งนี้ไทยออยล์ได้ทำสัญญาเพื่อส่งผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นทั้งแนฟทาและแอลพีจี 1 ล้านตัน/ปีเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับ CAP และทำสัญญาเพื่อจำหน่ายพอลิเมอร์เรซิน (Polymer Resin) และผลิตภัณฑ์ในรูปของเหลวอื่นๆของ CAP อีกด้วย คาดว่ากระบวนการและการดำเนินการต่างๆในการเข้าร่วมลงทุนใน CAP จะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2564

สำหรับการจ่ายเงินแก่ CAP จะแบ่งเป็น 2 ครั้งได้แก่ รอบแรกในเดือนก.ย.64 วงเงิน 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ​วงเงินส่วนนี้จะมาจากการกู้เงินระยะสั้น 18 เดือนอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.4 ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเงินกู้จากปตท.ที่เหลือมาจากสถาบันการเงิน ส่วนรอบที่ 2 จ่ายเงินกลางปี 2565 ประมาณ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการเงินเข้าลงทุนนั้น บมจ.ปตท.จะสนับสนุนทั้งเงินกู้ระยะสั้นและการเสริมสภาพคล่องโดยยืดระยะเวลาจ่ายหนี้น้ำมันจาก 30 วันเป็น 90 วันหรือเทียบเท่า 3 หมื่นล้านบาท.พร้อมทั้งไทยออยล์​จะขายหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)หรือจีพีเอสซีประมาณร้อยละ 10.8 ให้ ปตท.เป็นวงเงินราว 20,000 ล้านบาทและไทยออยล์​จะเพิ่มทุนอีก 10,000 ล้านบาทกระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในกลางปีหน้า​​โดยท้ายสุดแล้วไทยออยล์จะคงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับที่เหมาะสมที่ 1 ต่อ 1 ได้​ และภาพรวมทั้งหมดก็ไม่ต้องขอเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นอีกแต่อย่างใด
#3749



ธนาคารไทยพาณิชย์ ผนึกกำลัง ดิจิทัล เวนเจอร์ส ต่อยอดแนวคิด "รายใหญ่ช่วยรายเล็ก" พัฒนา PayZave แพลตฟอร์มดิจิทัล สร้างมาตรฐานใหม่ในการชำระเงินระหว่างคู่ค้าให้รับ-จ่ายทันทีแบบไม่ต้องมีเครดิตเทอม หนุนธุรกิจผู้ซื้อใช้ศักยภาพด้านการเงินช่วยลดข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินของซัพพลายเออร์ พลิกไอเดียจากระบบซื้อก่อนจ่ายทีหลังสู่ทางเลือกใหม่ "จ่ายก่อนเซฟกว่า" ด้วยข้อตกลงส่วนลดการขายเมื่อจ่ายเงินทันที ผู้ซื้อเซฟต้นทุนค่าใช้จ่าย ผู้ขายได้เงินเร็ว สามารถทำธุรกิจต่อได้โดยไม่ต้องพึ่งสินเชื่อนอกระบบ สร้างสมดุลสภาพคล่องแบบวินวินสำหรับทุกคู่ค้า

นายธนวัฒน์ กิตติสุวรรณ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน GTS and Ecosystems ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)กล่าวว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างอุปสรรคให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างกว้างขวาง ธนาคารจึงพยายามทำความเข้าใจปัญหาของของลูกค้าเพื่อลงมือช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ซึ่งในส่วนของลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ของธนาคารเอง ผลกระทบหลักที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาต่อเนื่องซึ่งเกิดจากการขาดสภาพคล่องหมุนเวียนในธุรกิจของคู่ค้าซัพพลายเชนซึ่งเป็นเอสเอ็มอีรายเล็กๆ จนไม่สามารถผลิตและส่งสินค้าให้ได้ตามข้อตกลง โดยพบว่าต้นตอของปัญหานี้ คือข้อกำหนดทางด้านเครดิตเทอมการชำระเงินซึ่งปกติมีระยะเวลา 45-60 วัน เอสเอ็มอีจึงขาดเงินหมุนเวียน ธนาคารไทยพาณิชย์ และ บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด จึงใช้จุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีที่เรามีมาต่อยอดแนวคิด "รายใหญ่ช่วยรายเล็ก" ร่วมกันพัฒนา PayZave แพลตฟอร์มดิจิทัลแรกของประเทศไทย ที่เปิดให้คู่ค้าสามารถดำเนินการรับ-จ่ายค่าสินค้าระหว่างกันทันทีโดยไม่ต้องรอเครดิตเทอม

ทั้งนี้ PayZave เป็นแพลตฟอร์มที่เปืดโอกาสให่ทั้งสองฝ่ายจะทำข้อตกลงให้ส่วนลดการขาย เพื่อแลกกับการได้รับชำระค่าสินค้าก่อนครบรอบบิล โดยธนาคารจะให้การสนับสนุนทางการเงินกับผู้ซื้อในการชำระเงินให้คู่ค้าได้เร็วขึ้น ได้สินค้าที่มีต้นทุนถูกลง และผู้ขายก็ได้เงินค่าสินค้าทันทีโดยไม่ต้องไปหากู้จากแหล่งเงินทุนอื่น ซึ่งเป็นการบริหารสภาพคล่องที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับประโยชน์อย่างลงตัว พร้อมเปิดให้ทุกคู่ค้าในประเทศไทยสามารถใช้งาน PayZave ได้ทันทีเพื่อพยุงให้เอสเอ็มอีไทยทุกรายก้าวต่อไปข้างหน้าและผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน

"ในส่วนสินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี(OD)บนแฟลตฟอร์มนี้ ธนาคารไม่ได้ตั้งเป้าหมายและไม่จำกัด แต่ธนาคารมุ่งเน้นอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อ OD ปกติ  เพื่อจูงใจให้มีคู่ค้ารายใหญ่เข้ามาช่วยสนับสนุนรายเล็กมากที่สุดเพื่อผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ เพราะคู่ค้ารายใหญ่ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนเงินกู้และให้ส่วนลดกับรายเล็ก อาจจะมีศักยภาพและสภาพคล่อง ยังไม่จำเป็นต้องใช้วงเงินสินเชื่อ OD จากธนาคารแต่อย่างใด"

นายอรพงศ์ เทียนเงิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แพลตฟอร์ม PayZave เกิดจากความต้องการช่วยเหลือซัพพลายเชนในช่วงโควิด-19 ด้วยโจทย์ว่าทำอย่างไรจึงจะลดปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับซัพพลายเออร์รายเล็กๆ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวกลางเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ที่คุ้มค่า เปลี่ยนแนวคิดจากระบบ "ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง" เป็น "จ่ายก่อนเซฟกว่า" นำผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกันโดยตรงเพื่อสร้างข้อตกลงการชำระเงินโดยไม่ต้องมีข้อจำกัดทางด้านเครดิตเทอม 45-60 วัน เมื่อไม่มีเครดิตเทอมจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งคนกลางหรือสถาบันทางการเงิน จึงช่วยให้ประหยัดต้นทุนทางธุรกิจได้ทั้งสองฝ่าย ผู้ซื้อได้ส่วนลดของสินค้า ผู้ขายได้รับเงินทันที ประหยัดเวลาด้วยขั้นตอนที่รวดเร็ว สะดวกทำรายการออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทันสมัยด้วยระบบ reconciliation (กระทบยอด) อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ หวังว่า PayZave จะเป็นทางเลือกในการบริหารสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ธุรกิจเพื่อทุกเครือข่ายซัพพลายเชน และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่อยากจะเชิญชวนผู้ค้ารายใหญ่มาร่วมมือกันช่วยเหลือคู่ค้ารายย่อยที่ยังคงต่อสู้กับวิกฤตให้ผ่านไปได้ด้วยกัน คาดว่าจะมีคู่ค้าเข้าใช้งานในระบบราว 80,000 ราย ในปี 2564

"เราได้เปิดทดลองใช้แพลตฟอร์ม PayZave มาประมาณ 1 เดือนแล้ว ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดีในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและค้าปลีก ให้ความสนใจออย่างมาก มีฝั่ง buyer เข้ามาประมาณ 50 ราย แล้วก็ฝั่งซัพพลายเออร์ประมาณ 5,000 รายตอบรับดี ส่วนในเรื่องค่าธรรมเนียมนั้น ขณะนี้เราเปิดให้ใช้บริการแพลตฟอร์มนี้ฟรีอยู่ 6 เดือน จนถึง 31 ธันวาคม 2564 หลังจากนั้นคงต้องพิจารณาในหลายๆด้านเพื่อให้ค่าธรรมเนียมอยู่ในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากทางธนาคารเองก็มีต้นทุนเช่นกัน"

นายสุภาพ จรัลพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ที.เอส. เอ็นจิเนียริ่ง (2004) จำกัด กล่าวว่า บริษัทดำเนินกิจการในอุตสาหกรรมก่อสร้างมานานกว่า 30 ปี วิกฤตครั้งนี้รุนแรงและท้าทายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะในธุรกิจก่อสร้างที่ซัพพลายเชนมีผลอย่างมากต่อความก้าวหน้าของโครงการ ซึ่งในสถานการณ์ โควิด-19 ต่างประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างมาก บริษัทจึงเกิดไอเดียมองว่าเราจะสามารถช่วยแบ่งเบาปัญหาสภาพคล่องให้กับซัพพลายเออร์เหล่านี้ได้อย่างไร จึงได้หารือกับธนาคารไทยพาณิชย์ และดิจิทัล เวนเจอร์ส ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแพลตฟอร์ม PayZave ที่สามารถตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคโควิดได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถช่วยให้ซัพพลายเชนของบริษัทที่อยู่ทั่วประเทศขอรับเงินได้ทันทีเมื่อส่งมอบงานเรียบร้อย ทั้งยังใช้งานได้ง่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ และระบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดอุปสรรคของธุรกิจและเป็นประโยชน์ต่อคู่ค้าทุกฝ่าย โดยปัจจุบันมีซัพพลายเออร์ของบริษัทขึ้นในระบบแล้วกว่า 1,500 ราย

นายวาริช ภูสนาคม กรรมการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วิลล่า มาร์เก็ท เจพี จำกัด กล่าวว่า วิลล่า มาร์เก็ท ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับกระบวนการทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และได้ทำงานร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ และ ดิจิทัล เวนเจอร์ส มาหลายโครงการ เมื่อได้ทราบว่ามีการพัฒนาแพลตฟอร์ม PayZave เพื่อช่วยเหลือคู่ค้าที่ประสบปัญหาในช่วงโควิด-19 บริษัทจึงยินดีที่จะมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มนี้เพราะเป็นทางเลือกที่เข้าใจปัญหาของซัพพลายเชนอย่างแท้จริง บริษัทเองมีความใกล้ชิดกับซัพพลายเชนในธุรกิจอุปโภคบริโภคมากกว่า 1,000 ราย เข้าใจดีว่าในเวลานี้สภาพคล่องเป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือคู่ค้าทุกรายให้มีสภาพคล่องหมุนเวียนในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บริษัทรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนคู่ค้าของเราให้ผ่านพ้นสถานการณ์ยากลำบากไปด้วยกัน
#3750



อีกหนึ่งโครงการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิเพื่อชุมชน โดยพัฒนาผลิตผลในพื้นที่ช่วยเกษตรกรแก้ปัญหาเรื่องผลผลิตราคาตกต่ำ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิจิตรา เหลียวตระกูล อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารคณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทร.สุวรรณภูมิ) หัวหน้าโครงการหมู่บ้านต้นแบบการสร้างมูลค่าเพิ่มกล้วยหอมเขียวคาเวนดิช เปิดเผยว่า ตนพร้อมคณะทำงาน ได้ลงพื้นที่สำรวจบริบทกลุ่มเกษตรกรพื้นที่ตำบลโพประจักษ์ และตำบลถอนสมอ อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี มีการเพาะปลูกกล้วยหอมเขียวคาเวนดิช พบปัญหาผลผลิตเกินความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ มีกล้วยตกเกรดจำนวนมาก อีกทั้งราคาของกล้วยหอมสดยังตกต่ำ ทำให้เกษตรกรมีภาวะหนี้สินครัวเรือน นั้น



ทำให้ทีมงานวิจัยเกิดแผนงานภายใต้โครงการบ่มเพาะหมู่บ้านวิทยาศาสตร์ (ชื่อเดิม) ในการสร้างมูลค่าเพิ่มกล้วยหอมเขียวคาเวนดิชตกเกรด ด้วยการแปรรูป ที่มุ่งเน้นการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมอาหารเข้ามาประยุกต์ใช้ ส่งผลให้ มีการรวมกลุ่มกันแปรรูปกล้วยหอมเขียว เพื่อจำหน่าย ถนอมอาหาร เพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตทางการเกษตร  และ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ ลดอัตราการว่างงานในชุนชน กระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิจิตรา กล่าวว่า ปกติเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมเขียวเดิมขายกล้วยหอมเขียวตกเกรด ในราคา 3 บาท/กิโลกรัม ปัจจุบันมีราคากลาง 9 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 3 เท่าโดยมีกลุ่มแปรรูปมารับซื้อ  และมียอดจำหน่ายแป้งกล้วยหอมเขียวเพิ่มขึ้นประมาณ 30-50 กิโลกรัม/เดือน ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ จากกล้วยหอมเขียว ในปี พ.ศ. 2563 เกษตรกรมีรายได้ของกลุ่มเพิ่มขึ้น มูลค่าประมาณ 15,000 บาท/เดือน
#3751



"กมลภัทร แสวงกิจ" ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นอุปสรรคสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกระทบภาพรวมการเติบโตของทุกธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงและมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงจากความยืดเยื้อของการแพร่ระบาด อุปสงค์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกล่าสุดส่งผลให้ครัวเรือนจำนวนมากมีปัญหาในการชำระหนี้ เห็นได้จากระดับหนี้ครัวเรือนปัจจุบันสูงถึง 90.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย ได้รับผลกระทบไม่น้อย! ทั้งทางตรงจากมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และทางอ้อมจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง แม้ผู้พัฒนาอสังหาฯ จะผลักดันโปรโมชัน สงครามราคา และ ใช้ช่องทางออนไลน์มาลดช่องว่างในการซื้อขาย แต่สภาพคล่องทางการเงินและผลกระทบด้านอาชีพของผู้บริโภคยังเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้จำเป็นต้องชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม ออกไปก่อน แม้จะยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยก็ตาม

"แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 42.7 จาก 41.6 ในเดือนก่อนหน้า แต่ผู้บริโภคก็ยังไม่เชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจ จึงวางแผนการเงินอย่างรัดกุมและใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยนานขึ้น แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยทุกประเภทลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่ดัชนีอุปทานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 7% สะท้อนว่ายังคงมีสินค้าคงค้างอยู่ในตลาดอีกพอสมควร"

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันผู้ประกอบการได้ปรับแผนเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ นักลงทุน และผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือต่าง "ชะลอการขาย" เพื่อรอผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วงอื่นแทน คาดว่าจำนวนที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีจะไม่สูงไปกว่านี้ และจะไม่เกิดภาวะล้นตลาด!!


"กุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวเร็วขึ้น คือ การจัดหาและกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้รุนแรงมากไปกว่านี้ และภาครัฐควรมีมาตรการเพิ่มเติมช่วยเหลือเยียวยาและพักหนี้ให้ผู้บริโภคที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยในขณะนี้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง"

รายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ระบุ ข้อมูลเชิงลึกและวิเคราะห์ทิศทางตลาดอสังหาฯ ไทยไตรมาสล่าสุด พบว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้ผู้บริโภคประสบปัญหาทางการเงินและว่างงานมากขึ้น ทำให้ต้องชะลอการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไปรวมถึงการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย แม้จะมีสงครามราคาที่อัดความคุ้มค่าเพื่อเปิดโอกาสทองให้ผู้ซื้อมากเพียงใด แต่ด้วยกำลังซื้อที่ค่อนข้างจำกัดจึงไม่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อเท่าที่ควร

จะเห็นได้จากจำนวนที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสล่าสุด ดัชนีอุปทานปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 428 จุด จาก 399 จุด หรือเพิ่มขึ้นถึง 7% จากไตรมาสก่อน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 37% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นดัชนีอุปทานที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2558

หากพิจารณาในแต่ละทำเล กรุงเทพฯ ที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบไตรมาส ได้แก่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เพิ่มขึ้นถึง 34% ตามมาด้วย แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 11% เท่ากัน

อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกนี้ ส่งผลต่อทิศทางการเติบโตในตลาด ผู้พัฒนาอสังหาฯ ตัดสินใจชะลอการเปิดโครงการใหม่ออกไป เพื่อเร่งระบายสต็อกคงค้าง รวมถึงผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือก็ชะลอการขายออกไปเพื่อรอจังหวะที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่านี้

"ผลกระทบจากโควิดทำให้มุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อบทบาทของที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไป หลายคนต้องใช้เวลาในแต่ละวันที่บ้านมากขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคนี้ซึ่งต้องมีพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอและตอบโจทย์การใช้ชีวิตหลากหลายรูปแบบ ทั้งรองรับการเรียนออนไลน์ ทำงานออนไลน์ ทำให้ที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงได้รับความสนใจในกลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้านอย่างต่อเนื่อง"

แม้ว่า คอนโดจะมีการจัดโปรโมชันออกมากระตุ้นยอดขายจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เห็นได้ชัดจากดัชนีอุปทานล่าสุดที่คอนโดมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 7% โดยปัจจุบัน คอนโด มีสัดส่วนสูงถึง 87% ของจำนวนอุปทานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์มีสัดส่วนเพียง 7% และ 5% ตามลำดับ ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลให้หลายครอบครัวยังคงเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากกว่าเช่นกัน

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951819
#3752



จากการเปิดจุดฉีดวัคซีนให้กับคนพิการกว่า 5,000 คน ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ระหว่างเวลา 08.00 – 16.00 น. โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.)พบว่า ต่างได้รับความชื่นชมจากคนพิการ ผู้สูงอายุ และญาติที่ไปรับวัคซีน ในการบริหารจัดการที่เป็นระบบ รวดเร็ว รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่มาคอยอำนวยความสะดวกที่มีความสุภาพ

ทั้งนี้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจคนพิการที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวันนี้ โดยนางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดี พก. ได้นำเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มาอำนวยความสะดวก เพื่อให้คนพิการที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้รับความดูแลอย่างทั่วถึง

การให้บริการฉีดวัคซีนดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดสรรโควตาวัคซีนโควิด-19 ให้ กรม พก. กระทรวง พม. พร้อมสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่จิตอาสาในการให้บริการแก่คนพิการด้วย
 
#3753



อาร์แซน เวนเกอร์ ตกเป็นข่าวอาจกลับมารับงานคุมทีมข้างสนามอีกครั้ง โดยอาจยกระดับก้าวขึ้นไปทำงานในระดับชาติเป็นครั้งแรก

กุนซือมาดนิ่งวัย 71 ปีชาวฝรั่งเศส ถึงแม้จะก้าวขึ้นไปทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงของฟีฟ่า ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอล หลังแยกทางจากอาร์เซนอลเมื่อปี 2018 แต่ก็ยังมีข่าวลือว่า หลายสโมสรชั้นนำของยุโรป ต่างพยายามตามจีบให้กลับมาคุมทีมอีกครั้ง

รวมถึงล่าสุด Blick สื่อชื่อดังแห่งแดนนาฬิการายงานว่า สมาคมฟุตบอลสวิตเซอร์แลนด์ เตรียมทาบทาม เวนเกอร์ ทำหน้าที่กุนซือทีมชาติคนใหม่ เพื่อแทนที่ของ วลาดิเมียร์ เพตโควิช ที่ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งหลังจบศึกฟุตบอลยูโร 2020 ก่อนย้ายไปรับงานคุมทีมบอร์กโดซ์ ในศึกลีก เอิง ของฝรั่งเศส

รายงานระบุว่า การทาบทามในครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาระยะสั้นจนถึงฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์เท่านั้น และการเจรจารวมถึงแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ อาจมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ก่อนที่เกมคัดบอลโลกรอบต่อไป จะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายนนี้

สำหรับ อาร์แซน เวนเกอร์ ถึงแม้จะยังไม่เคยคุมทีมในระดับชาติ แต่ก็ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องกับสโมสรชั้นนำของยุโรปทั้ง โมนาโก และ อาร์เซนอล ในช่วงก่อนหน้านี้.

https:// www.thairath.co.th/sport/eurofootball/otherleague/2153071
#3754



นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่าขณะนี้ทรีนีตี้เองมีลูกค้าที่ปรึกษาในการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในมือ อยู่ราว 7-9 บริษัท และช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทรีนีตี้ได้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ให้กับ 3 บริษัท  คือ บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเชีย (AMR) บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) และบมจ.เบริล 8 พลัส (BE8)

ทั้งนี้ ทิศทางธุรกิจการให้บริการด้านวาณิชธนกิจ ถือเป็นธุรกิจที่สำคัญและมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการเป็นที่ปรึกษาในการระดมทุน นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในธุรกิจที่ได้ประโยชน์หรือไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยตรง ซึ่งบริษัทเหล่านี้ยังคงต้องการระดมเงินทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ เช่น ธุรกิจด้านเทคโนโลยี ธุรกิจด้านพลังงาน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตาม "วิถีชีวิตใหม่"

ขณะที่บางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและอาจจะชะลอแผนการระดมทุนเข้าตลาดหุ้นออกไป  คาดว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายในปีหน้าก็น่าจะทยอยกลับเข้ามาได้ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เพราะตลาดทุนคือแหล่งเงินทุนที่สำคัญ ทำให้ธุรกิจให้บริการด้านวาณิชธนกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก


นายดิถดนัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาในการออกและเสนอขายหุ้น IPOนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นความแข็งแกร่งของทีมวาณิชธนกิจของทรีนีตี้ โดยนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจวาณิชธนกิจแล้ว ยังทำให้ลูกค้าของบริษัทได้มีโอกาสลงทุนในหุ้น IPO ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีด้วย

โดยปี 2563 บริษัทได้รับรางวัลยอดเยี่ยม หรือ Deal of the Year ด้านการระดมทุนในฐานะที่ปรึกษาการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เสนอขายหุ้น IPO ให้กับ บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ในงาน SET Awards ปี 2020 โดยช่วง 3 ปีที่่ผ่านมาบริษัท  ได้เป็นที่ปรึกษานำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 4 บริษัท และมีมูลค่าระดมทุนรวมราว 10,000 ล้านบาท


บริษัท มีบริการที่ปรึกษาทางการเงิน และงานวาณิชธนกิจครบวงจร หรือ "ONE STOP SERVICE" ครอบคลุมด้านการระดมทุนผ่านตราสารทุนและตราสารทุนหนี้ การควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ตลอดจนต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยได้มีการจัดตั้งบริษัท ทรีนีตี้ อินเทลลิเจนส์ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จะเข้าไปวางระบบการควบคุมภายใน หรือการตรวจสอบภายในให้แก่บริษัทที่กำลังเตรียมความพร้อม

โดยให้บริการลูกค้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำและเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับบริษัทในการสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาธุรกิจให้มีมาตรฐาน มีโครงสร้างและระบบการบริหารจัดการที่ดีขึ้น รวมทั้งมีระบบการควบคุมภายในที่ดี เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่ว่าบริษัทนั้นจะมีเป้าหมายในการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่ก็ตาม เพราะถือว่าเราได้มีส่วนสำคัญในการเข้าไปพัฒนาและยกระดับมาตรฐานธุรกิจให้ลูกค้าและหากลูกค้ามีเป้าหมายที่่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ถือเป็นการส่งต่อบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีคุณภาพให้กับตลาดหุ้นไทยอีกด้วย    
#3755



เมื่อยุคสมัยของการเรียนรู้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ได้เข้ามาทำให้การเรียนการสอนของเยาวชนในปัจจุบันผ่านช่องทางออนไลน์เกิดเร็วขึ้น แม้จากเดิมจะเป็นแค่หนึ่งในเทรนด์เทคโนโลยีที่หลายภาคส่วนให้ความสนใจ

​ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการศึกษาจะกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดบริบทใหม่ให้แก่สังคม โดยเฉพาะครู-อาจารย์ผู้สอนที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญที่สุดในการเป็นบุคลากรต้นน้ำของภาคการศึกษา ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาการสอนให้รับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

​สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวถึงความภาคภูมิใจ และยินดีที่จะเข้ามาเชื่อมต่อ ช่วยเหลือคุณครูไทยในการเสริมทักษะเพื่อสร้างความรู้ในการพัฒนาสื่อสารการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ที่มีความจำเป็นอย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบัน

​โดยในมุมของ AIS นอกจากการนำเครือข่าย AIS 5G การให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ AIS Fibre และการให้บริการ AIS WiFi ต่างๆ ที่ได้ลงทุนไปให้กลายเป็นดิจิทัลอินฟราสตรักเจอร์พื้นฐาน สำหรับนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศชาติ รวมถึงการฟื้นฟูประเทศไทยในหลากหลายประเภท

​'การเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเข้ามาเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อให้คนไทยใช้งาน ทั้งในชีวิตการทำงาน และชีวิตส่วนตัว ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น AIS ยังอยากที่จะนำดิจิทัลแพลตฟอร์มนี้มาช่วยโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19'

​ที่ผ่านมา AIS นำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเข้าไปช่วยเหลือทั้งภาคอุตสาหกรรม อย่างการนำ AIS 5G เข้าไปช่วยให้โรงงานสามารถปรับตัวสู่การเป็น Smart Man.cturing โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่เป็นกำลังสำคัญของประเทศในเวลานี้

​พร้อมกับเตรียมขยายไปยังภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ในการนำโซลูชันจากพันธมิตรมาให้บริการทั้งด้านโรงงานอัตโนมัติ (Automation) หุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรม (Mobile Robots) และการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์ และหุ่นยนต์ (Collaborative Robot) ภายใต้การนำศักยภาพ 5G ฟื้นฟูประเทศ

​ในขณะที่ภาคสาธารณสุขซึ่งเป็นงานด่านหน้าในปัจจุบันนี้ ได้นำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไปทำในเรื่องของ 'อสม.' ในการดูแลประชาชนในแต่ละชุมชน การนำเทคโนโลยีไปช่วยในโรงพยาบาลสนาม จนถึงสถานที่ฉีดวัคซีนต่างๆ

​'ระยะสั้น AIS อาจจะสามารถช่วยสาธารณสุขในการปกป้อง ป้องกัน แต่ในระยะยาวของการพัฒนา และฟื้นฟูประเทศได้จริงๆ คือเรื่องของการศึกษา เรื่องของเยาวชน จึงเป็นเหตุผลที่ได้เข้ามาทำโครงการ The Educators Thailand ให้แก่ครูไทย'

​วัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ คือ การพัฒนาความพร้อมของคุณครูที่จะมีเยาวชนที่ต้องเรียนออนไลน์ ซึ่งเชื่อว่าทักษะนี้จะมีความจำเป็นต่อไปในอนาคตแม้จะผ่านช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ไปแล้วก็ตาม

​'ครูยังเป็นหัวใจสำคัญมากๆ ในการที่จะขับเคลื่อนให้ลูกศิษย์ และเยาวชน สิ่งสำคัญมากๆ คือครูต้องปรับตัวเองเพิ่มเติม และมีความมั่นใจว่าโครงการนี้อาจารย์ที่เข้าร่วมจะสามารถต่อยอด จุดประกายความรู้ความสามารถที่มีอยู่ในการสอนเด็ก และเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีพลังบวก เมื่อคุณครูสามารถชี้นำได้ และกลายเป็นความสุขในการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในเวลานี้'

***ต่อยอด AIS Academy พัฒนาภาคการศึกษา



ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา AIS ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาทักษะของพนักงานภายในองค์กรให้มีการอัปสกิล และรีสกิล ให้รับกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่เกิดขึ้น จึงเป็นการเสริมทักษะให้บุคลากรเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ​ก่อนเกิดการต่อยอดโครงการสู่ AIS Academy for Thais ภายใต้มุมมองใหม่ว่าการพัฒนาคนภายในองค์กรอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงหลักสูตรต่างๆ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน

​'AIS เป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้สังคมไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกไปช่วยเหลือสังคมไทยในแง่มุมต่างๆ ภายใต้ AIS Academy คิดเผื่อ เพื่อคนไทยในกิจกรรมต่างๆ มาจนถึงภาคการศึกษาซึ่งถือเป็นภาคส่วนสำคัญที่จะช่วยปูทางเยาวชนสู่การทำงานในอนาคต'

​สำหรับโครงการ The Educators Thailand จะเริ่มจากเปิดโอกาสให้คุณครูได้สามารถเข้ามาเรียนรู้หลักสูตรต่างๆ และข้อมูลที่มีประโยชน์ผ่านแพลตฟอร์ม LearnDi ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมทักษะใหม่ๆ ใน 5 หลักสูตร ตั้งแต่ 1.การเรียนรู้ภูมิทัศน์ของการเรียนในอนาคต องค์ประกอบของการเรียนการสอนออนไลน์ ระบบ Learn from Home จนถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน 2.การวิเคราะห์เนื้อหา และวิธีการเรียนออนไลน์ 3.กลยุทธ์ในการสอนออลไน์ ทั้งการสอนแบบผู้เรียนอิสระ การสอนโดยใช้กิจกรรมกลุ่ม การออกแบบการสอนที่มีการแนะนำความรู้เกี่ยวกับหลักสูตรการเล่าเรื่อง (Storytelling) เพิ่มเติมเข้าไป

​4.การผลิตวิดีโอออนไลน์สำหรับการศึกษา และ 5.การวัดประเมินผลออนไลน์ ทั้งความรู้ ทักษะ และทัศนคติต่างๆ โดยเมื่อผ่านหลักสูตรจะได้ใบประกาศนียบัตร และ Digital Credential Badge จาก AIS Academy ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับรองคุณวุฒิระดับสากล

***นวัตกรรมการสอนของครูไทยในอนาคต



​นอกเหนือจากการเพิ่มหลักสูตรการเรียนการสอนแล้ว ภายใต้โครงการ The Educators Thailand ยังมีการเปิดเวทีการแข่งขันเพื่อให้บุคลากรทางด้านการศึกษากว่า 1,000 คน จากทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น นักการศึกษา ครูผู้สอน บุคลากรด้านการศึกษาทุกสังกัด และนักศึกษาฝึกสอน มาเข้าร่วม Un Learn และ Re Learn ทักษะการสอน จนท้ายที่สุดจะได้มาซึ่งผลงานจากผู้เข้าร่วมโครงการในลักษณะต้นแบบของสื่อการสอนที่จะสามารถนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการศึกษาในปัจจุบันและอนาคต

​โดยหลังจากนี้ ในช่วง 2 เดือน ผู้สมัครเข้าร่วมจะเข้าหลักสูตรพัฒนา ออกแบบทฤษฎีการเรียนการสอน การออกแบบสื่อใหม่ๆ ยกระดับครูด้วยกัน จนถึงขั้นตอนการสอบวัดผล เมื่อผ่านจะได้รับใบประกาศนียบัตร

​เป้าหมายที่สำคัญของโครงการนี้คือ การเข้าไปยกระดับขีดความสามารถคุณครูไทย โดยเฉพาะการปรับกรอบความคิด (Mindset) ให้ฝักใฝ่ในการเรียนรู้ ด้วยการนำศักยภาพของเทคโนโลยีมาใช้ พร้อมกับการนำเครื่องมือดิจิทัลมาช่วยเชื่อมต่อผ่านแพลตฟอร์ม



กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัท AIS และกลุ่มอินทัช กล่าวเสริมว่า บริบทของภาคการศึกษามีการปรับเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก การจะพัฒนาระบบต้องเริ่มจากการพัฒนาศักยภาพของคน

​ความตั้งใจของ AIS คือการนำเอาทักษะ องค์ความรู้ใหม่ๆ รวมถึงศักยภาพความเป็นผู้นำด้านดิจิทัล เทคโนโลยี เข้ามาช่วยผลักดันตามแนวทางที่ AIS Academy เดินหน้าเรื่อง EdTech มาตลอด

​'จากประสบการณ์ที่ AIS มีการส่งเสริมการเรียนรู้ภายในองค์กรมาก่อน ทำให้เข้าใจถึงปัญหาในการที่จะปรับคนที่เคยชินกับรูปแบบการเรียนการสอนในรูปแบบเดิม มาใช้ระบบดิจิทัล หากภาคเอกชน และภาครัฐร่วมมือกัน และส่งเสริมกัน อย่างการนำประสบการณ์มาช่วยย่นระยะเวลา ทำให้ภาครัฐไม่ต้องไปทดสอบ หรือเดินผ่านเส้นทางปัญหาต่างๆ ก็จะทำให้ศักยภาพของการพัฒนารวดเร็วขึ้น'

​ปัจจุบันความเร็วในการปรับตัว และพัฒนาถือเป็นเรื่องสำคัญ จากที่ในอดีตที่มองว่าความสมบูรณ์เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ความเร็วสำคัญกว่าสมบูรณ์ จากสถานการณ์ที่เจออยู่ในปัจจุบันซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน รูปแบบในการรับมือสถานการณ์ก็ต้องเปลี่ยนทุกวัน

​ดังนั้น LearnDi จึงเข้ามาเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อช่วยพัฒนาให้เหล่าบุคลากรทางการศึกษา ครูอาจารย์ผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการได้ร่วมสร้างความแข็งแกร่งและนำศักยภาพการศึกษาโดยการพัฒนาวิธีการสอน และเสริมทักษะการสร้างสรรค์ผลงานสื่อการสอน ภายใต้แนวคิด 'มากกว่าความเป็น...ครูผู้สอน นวัตกรรมการสอนของครูไทยในอนาคต'

​นอกจากนี้ ผู้ที่เข้าร่วมโครงการ และสร้างสรรค์ผลงานเข้าประกวดยังมีโอกาสได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

​สุดท้ายเชื่อว่า The Educators Thailand จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะปลุกพลังของภาคการศึกษา บุคลากร และครูไทย ให้เกิดการปรับเปลี่ยนสู่การศึกษาในรูปแบบใหม่ ตามยุคสมัยดิจิทัล ซึ่ง AIS พร้อมที่จะใช้ความแข็งแกร่งทางด้านโครงสร้างพื้นฐานมาเชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อครูไทย ไปพร้อมกับคนไทย
#3756



"เมย์" รัชนก อินทนนท์ ตบขนไก่สาวขวัญใจชาวไทย ทำเสียวเล็กน้อยเมื่อเสียเกมแรกให้กับ โซเนีย เชี๊ยะ จากมาเลเซียไปก่อน แต่สุดท้ายสามารถพลิกกลับมาเอาชนะไปได้ 2-1 จบแชมป์กลุ่ม เอ็น เข้ารอบน็อคเอาต์ไปเจอนักแบดมินตันอินโดนีเซีย

การแข่งขันแบดมินตันในกีฬาโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2564 เป็นการแข่งขันกันในวันที่ 5

ประเภทหญิงเดี่ยว "เมย์" รัชนก อินทนนท์ ขนไก่สาวขวัญในชาวไทย มืออันดับ 6 ของโลก ลงเล่นแมตช์สุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ็น พบกับ โซเนีย เชี๊ยะ มือ 35 ของโลกจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งใครจะชนะเกมนี้จะผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ทันที

เกมแรก โซเนีย เชี๊ยะ เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม อาศัยการเล่นที่เหนียวแน่น ขณะที่ รัชนก ตีผิดพลาดเองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ขนไก่สาวมาเลเซียเก็บเกมแรกไปได้ก่อน 21-19 ขึ้นนำ 1-0

เกมสอง รัชนก อินทนนท์ แก้เกมของตัวเองมาได้ดี ตีผิดพลาดน้อยลง และมีเกมบุกที่หลากหลายขึ้น ก่อนจะเบียดเอาชนะในช่วงท้ายไป 21-18 คะแนน ตีเสมอ 1-1

เกมตัดสิน โซเนีย เชี๊ยะ ดูจะมีความฟิตที่เป็นรอง เคลื่อนที่ได้ช้าลงกว่าในสองเกมแรก ทำให้ รัชนก อินทนนท์ เล่นได้ง่ายขึ้น บุกใส่สาวจากมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเป็นขนไก่สาวจากไทยที่เก็บเกมนี้ไปได้ 21-10 คะแนน

ส่งผลให้ รัชนก อินทนนท์ พลิกกลับมาเอาชนะ โซเนีย เชี๊ยะ 2-1 เกม 19-21, 21-18, 21-10 จบแชมป์ของกลุ่ม เอ็น ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ได้สำเร็จ โดยจะเข้าไปพบกับ เกรกอเรีย มาริสกา ทันจุง มือ 23 ของโลกจากอินโดนีเซีย โดยจะแข่งขันในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
#3757



จากการตั้งคำถามของประชาชน รวมถึงการทำงานของสื่อมวลชนที่ยากต่อการนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเผยแพร่ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 64 เครือข่ายนักวิชาการและสื่อมวลชน ซึ่งมีการร่วมลงชื่อกว่า 333 คน ได้ออกแถลงการณ์ เสนอเปิดเผย "ข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open data" โดยใจความระบุว่า การบริหารจัดการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ทั่วถึง และเป็นธรรม คือ กุญแจสำคัญในการผ่านวิกฤตในครั้งนี้ "การเปิดเผยข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open data"

จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสื่อสารว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะบริหารจัดการวัคซีนอย่างโปร่งใส เปิดโอกาสให้สังคมได้มีส่วนร่วมรับรู้ข้อมูล เข้าใจในกระบวนการตัดสินใจของภาครัฐ และนำไปสู่บรรยากาศของความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และภาคสังคม ซึ่งจะช่วยให้สังคมมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ ให้ความมั่นใจกับประชาชน และลดปัญหาความสับสนจากปัญหาข่าวลือและข่าวปลอม

โดยข้อมูลที่ต้องเปิดเผยให้เป็นไปตามมาตรฐาน Open Data Standard ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่ให้สื่อมวลชนและประชาชนสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ง่าย มีความละเอียด ครบถ้วน สมบูรณ์ อัพเดทอย่างสม่ำเสมอ และอยู่ในรูปแบบที่เครื่องสามารถอ่านได้ (Machine-Readble Format) เช่น ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบไฟล์ XLS หรือ CSV

ไทย มีโอเพ่นดาต้าหรือไม่ 
ที่ผ่านมา ข้อมูลเปิดที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้อย่างอิสระ หรือ โอเพ่นดาต้า (Open Data) เริ่มมีการพูดถึงและนำมาใช้ในหลายภาคส่วน แต่ของไทยอาจจะยังไม่มากเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับโอเพ่นดาต้า โดยเฉพาะข้อมูลของภาครัฐให้ประชาชนและภาคประชาสังคมเข้าถึงข้อมูลและสามารถตรวจสอบการดำเนินของภาครัฐตามนโยบายที่ประกาศให้ไว้กับประชาชน


ศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ ได้ระบุว่า ในยุคดิจิทัล ข้อมูลเป็นทรัพยากรที่สำคัญสำหรับสร้างนวัตกรรม การเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐเป็นแหล่งข้อมูลหนึ่งที่ช่วยผลักดันการสร้างนวัตกรรมและบริการใหม่ๆ เผยแพร่สู่สังคมและเชิงพาณิชย์ ขณะเดียวกัน ประชาชนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินงานของภาครัฐ ที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่

รวมทั้งนำความคิดเห็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายและการตัดสินใจของภาครัฐเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ กับประชาชนมากขึ้น โดยประเทศไทยมีศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ (Open Government Data of Thai) ซึ่งมีชุดข้อมูลอยู่ราว 3,569 ชุดข้อมูล


โอเพ่นดาต้า ลดเฟคนิวส์ ลดดราม่า

"รองศาสตราจารย์ พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล" คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า จากแถลงการณ์เครือข่ายนักวิชาการและสื่อมวลชน เสนอเปิดเผย "ข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open data" เป็นการทำงานและประชุมร่วมกันจากหลายภาคส่วน ตอนนี้สังคมมีเฟคนิวส์เยอะ เพราะฉะนั้นทางเครือข่าย จึงมองว่า ควรมีโอเพ่นเดต้า ที่เปิดให้ให้สาธารณชนได้รับรู้


ซี่งควรจะต้องมีข้อมูลการจัดหาและการกระจายวัคซีนเป็นข้อมูลเปิด เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้และสร้างความน่าเชื่อถือกับรัฐบาล ลดทอนเฟคนิวส์ หรือข่าวปลอมที่เกิดขึ้น เมื่อเอาดาต้ามาคลี่ จะลดความดราม่าในสังคม จึงรวมกลุ่มกันในการเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดโอเพ่นดาต้า รวมถึงเครือข่ายสื่อมวลชน นักวิชาการ ตามข้อเรียกร้อง 5 ข้อที่เสนอไป ได้แก่


1.) เปิดเผยกระบวนการเสนอ อนุมัติ และลงนามในสัญญาจัดซื้อวัคซีนที่ผ่านมาและในอนาคต รวมถึงเงื่อนไขสำคัญๆ ในสัญญาจองซื้อและจัดซื้อวัคซีนทุกยี่ห้อ อาทิ จำนวนโดส อายุสัญญา กำหนดการส่งมอบ บทลงโทษกรณีส่งมอบล่าช้า การยกเว้นความรับผิดให้กับผู้ผลิต เป็นต้น

2.) เปิดเผยแผนการจัดหาวัคซีนทุกชนิดต่อสาธารณะ รวมทั้งแผนการทดแทนวัคซีนที่ขาดแคลนในปัจจุบันและการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงในอนาคต

3.) เปิดเผยหลักเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่มีรายละเอียดการจัดลำดับความสำคัญ และจำนวนกลุ่มเป้าหมายของการจัดสรร

4.) เปิดเผยแผนการฉีดวัคซีนและการบริหารจัดการวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมายที่วางหลักเกณฑ์ไว้

5.) เปิดเผยความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนอย่างสม่ำเสมอเป็นรายวัน โดยมีรายละเอียด ชนิดวัคซีน บุคคลกลุ่มต่างๆ ตามหลักเกณฑ์ พร้อมข้อมูลลักษณะประชากร ข้อมูลเชิงพื้นที่ (รายจังหวัด) และข้อมูลเชิงหน่วยงานที่ดำเนินการ


จัดหา กระจายวัคซีน ประเด็นที่สังคมสนใจ
ทั้งนี้ แม้สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลของ ศบค. หรือกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานอัพเดทข้อมูลรายวัน รศ.พิจิตรา อธิบายว่า ในปัจจุบันจะเห็นข้อมูลที่เกี่ยวกับยอดผู้เสียชีวิต ยอดผู้ป่วยเป็นหลัก ที่ประชาชนติดตาม ซึ่งคิดว่าอีกมุมหนึ่งที่เราอยากได้ คือ การจัดหา และการกระจายวัคซีน ระยะสั้นและระยะยาวเพื่อให้อย่างน้อยประชาชนได้เห็น แสงสว่างปลายอุโมงค์และสามารถแพลนชีวิตตัวเองได้  ซึ่งภาครัฐควรเปิดให้เป็นโอเพ่นเดต้า อยากจะรู้ว่า ณ ปัจจุบัน วัคซีนแต่ละล็อตจะเข้ามาเท่าไหร่ แต่ละยี่ห้อเป็นอย่างไร และเข้ามาอย่างไร เพื่อให้เห็นไทม์ไลน์ต่างๆ ประชาชนจะได้วางแผนชีวิตได้


ลดความกังขา วัคซีน
อีกส่วนหนึ่งที่คิดว่าอยากจะขับเคลื่อนและคิดว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ดีในเรื่องของโอเพ่นเดต้าที่จะเกิดขึ้น คือ วัคซีน 1.5 ล้านโดส ที่มาจากการบริจาคของสหรัฐฯ เรารู้สึกว่ามีการตั้งข้อกังขาค่อนข้างเยอะ และถ้ารัฐ มีข้อมูลว่าวัคซีนกระจายไปที่ไหน หน่วยงานไหนบ้าง ปริมาณเท่าไหร่ ไทม์ไลน์การกระจายเป็นอย่างไร บุคลากรทางการแพทย์ สามารถได้วัคซีนมากน้อยขนาดไหน




"ไม่อยากจะให้แค่เป็นแผน อยากจะให้เราได้ดาต้าที่สามารถเห็น ในทางปฏิบัติว่านอกจากแนวทางที่รัฐวางไว้ 4-5 เงื่อนไข อยากจะเห็นว่าข้อเท็จจริงกระจายไปมากน้อยแค่ไหน และนี่เป็นรูปแบบของโอเพ่นเดต้าที่เราเรียกร้อง ดังนั้น วัคซีน 1.5 ล้านโดส น่าจะเป็นแนวทางที่ดี ที่เราอยากจะได้รับจากรัฐบาลในเรื่องของโอเพ่นดาต้า  


ลดช่องว่างรัฐ ประชาชน
ทั้งนี้ หากเริ่มจากการทำโอเพ่นดาต้า นับว่าเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการลดความคลางแคลงใจจากรัฐบาลได้ รศ.พิจิตรา กล่าวต่อไปว่า โอเพ่นเดต้าสร้างความโปร่งใส เราสร้างแคมเปญนี้ เพราะรู้สึกว่าดาต้าที่ประชาชนได้รับเป็นรายวัน แต่ยังไม่ยังไม่เห็นการกระจาย หรือข้อมูลระยะยาวที่ประชาชนสามารถวางแผน

หรือ ข้อมูลที่สื่อมวลสามารถได้ข้อมูล และดาต้าไซแอนทิส สามารถเอาข้อมูลมาทำบนแดชบอร์ดได้ โดยเราสามารถเห็นกันแบบเรียลไทม์ ขณะที่ ในต่างประเทศ มีหลายประเทศที่อาจจะไม่เรียลไทม์ แต่มีการทยอยในเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เห็นยอดการฉีด และยอดของเป้าหมายที่จะไปถึง

แก้ปัญหาไม่เข้าใจ ด้วยดาต้า
ณ ปัจจุบัน ข่าวสารข้อมูลที่ทยอยออกมาจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งพบว่าหลายครั้งพบว่า เกิดกระแสดราม่า ซึ่งทำให้ภาครัฐต้องออกมาชี้แจง และตัวประชาชนเองก็เสียเวลาในเรื่องของการลงไปกระทู้ถามดราม่ารายวัน

รศ.พิจิตรา กล่าวว่า หากเราได้ดาต้าที่เป็นดาต้าเซ็ตและเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น สะท้อนปัญหาที่ประชาชนร่วมเห็นด้วย คิดว่า อย่างน้อยก็จะสามารถบอกประชาชนได้ว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือปัญหาที่เราพบ และเราจะมาแก้ปัญหากันด้วยพื้นฐานดาต้าอย่างไรดี อย่างน้อยในเรื่องของการโอเพ่นเดต้า สะท้อนความจริงใจ ความโปร่งใสของรัฐบาลที่มีให้กับประชาชน

"และหลังจากนั้นสิ่งที่เราจะเดินหน้า คือ ส่งหนังสือ อย่างเป็นทางการในการขอโอเพ่นเดต้าของภาครัฐ ซึ่งตอนนี้รวบรวมรายชื่อได้ 333 รายชื่อในล็อตแรก เป็นรายชื่อที่ระดมจากสื่อเพราะสื่อต้องเอาโอเพ่นเดต้ามาทำข่าว และนักวิชาการสายนิเทศศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสายดาต้าไซน์ ในสเต็ปต่อไป จะเปิดให้สาธารณชน ลงชื่อสนับสนุนแถลงการณ์ตัวนี้โดย ผ่านเว็บไซต์ Change.org เพื่อให้สามารถที่จะร่วมลงชื่อได้"


"เราทำเพราะคิดว่าเป็นประโยชน์ เชื่อว่าโอเพ่นเดต้า จะช่วยสนับสนุนการทำงานของสื่อมวลชน ถ้าเรามีโอเพ่นเดต้า ที่เรียลไทม์และเป็นวันสต็อปเซอร์วิส คลี่ดาต้าออกมาให้คนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น จะลดความเคลือบแคลงใจ และลดดราม่าไปเยอะ"



ในโควิดระลอกแรก ซึ่งกองทุนสื่อฯ ร่วมกับ เวิร์คพ้อย ทำแดชบอร์ด ก็เห็นได้เลยว่าคนติดเป็นใคร เน้นเรื่องคนติดเชื้อเป็นหลัก แต่ตอนนี้ระลอกสาม ระลอกสี่ สถานการณ์เปลี่ยนไป วัคซีนเป็นปัจจัย เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เปิดประเทศได้ และทำให้การติดเชื้อลดลง เราจึงต้องมาเดินหน้าเรื่องของวัคซีนต่อ เพื่อสนับสนุนทั้งสื่อมวลชนและช่วยรัฐบาลในการสร้างความโปร่งใสด้วย


"ไม่อยากให้เกิดดราม่า เราอยากให้เกิดดาต้า ตอนนี้เชื่อว่า เป้าหมายของเราคืออยากให้รัฐตอบสนองและเปิดโอเพ่นดาต้า ซึ่งความจริงมีข้อมูลที่เปิดอยู่แล้ว เช่น กรมควบคุมโรค ก็มีโอเพ่นเดต้าบ้างแล้ว หรือมีงานวิจัยของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่ ม.มหิดล เก็บและร่วมกันทำโอเพ่นเดต้าให้สังคมได้รับรู้ คิดว่ารัฐทำอยู่แล้ว แต่อยากให้เปิดเผยต่อสาธารณชนด้วย" รศ.พิจิตรา กล่าว
#3758
บ้านถั่วลิสง The Peanut House  เรื่องถั่ว... พวกเราถนัด
สืบต่อตำนานความอร่อยและส่งต่อภูมิปัญญาการผลิตถั่วลิสงจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก


 โรงงานถั่วลิสง "ซินกวงน่าน" เป็นโรงงานทำถั่วลิสงเพียงแห่งเดียวในจังหวัดน่าน ริเริ่มตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2521 กระทั่งปัจจุบันได้พัฒนาตัวเองสู่โรงงานแปรรูปถั่วลิสงครบวงจร ตั้งแต่คัดเลือกเมล็ดพันธ์ลงแปลงปลูกโดยเครือข่ายเกษตรกรของเรา เก็บเกี่ยวและส่งถั่วลิสงไปสู่กรรมวิธีแปรรูปที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน จนมาเป็นผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงในรูปแบบต่างๆที่พร้อมส่งต่อซินกวงน่านถึงมือคุณ


ประวัติความเป็นมาของเราและแกลลอรี่ถั่วลิสง Our History & Peanut Gallery
ชมประวัติความเป็นมาของโรงงานถั่วลิสงเก่าแก่เพียงแห่งเดียวของจังหวัดน่าน แผนภาพกรรมวิธีการผลิตวัตถุดิบและก็วิธีการแปรรูปสินค้าถั่วลิสง นอกจากนี้เชิญทำความรู้จักกับ "ต้นถั่วลิสง" จำลองขนาด 2.5 เมตรที่ออกแบบรวมทั้งสร้างขึ้นเพื่อให้ได้เห็นลำต้น ดอก ใบ และเมล็ดถั่วลิสงเหมือนจริงที่สุดตรงนี้ที่เดียวในประเทศไทย และคุณประโยชน์ซึ่งมาจากถั่วลิสง - ธัญพืชที่ให้โปรตีนแทนเนื้อสัตว์และก็ไขมันที่ร่างกายต้องการแต่ไม่สามารถสร้างเองได้





 ผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงแล้วก็ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปจังหวัดน่าน Peanuts and many moreภายในร้านบ้านถั่วลิสง นอกเหนือจากที่มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วลิสงแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปของจังหวัดน่านที่มีคุณภาพจำนวนมากหลายหลากให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝากจากจังหวัดน่านสำหรับคนที่รักแล้วก็คนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมัลเบอรี่ ลูกเดือย กาแฟ ข้าว ถั่ว งา และก็ธัญพืชในแบบต่างๆ ตลอดจนสมุนไพรที่ถูกเอามาแปรรูปเป็นเครื่องสำอางและยาด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมกับนวัตกรรมยุคใหม่ 





 กาแฟน่านและเบเกอรี่จากถั่วลิสง Nan Coffee and Peanut Bakery
กาแฟที่เสิร์ฟในร้านบ้านถั่วลิสงเป็นกาแฟอาราบิก้าผสมโรบัสต้าในสัดส่วนที่พอดี หอมอร่อย คั่วเข้ม โดยเลือกใช้เม็ดกาแฟเดอม้ง ซึ่งปลูกแล้วก็ผลิตโดยชุมชนบ้านมณีพฤกษ์ ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จ.น่าน ซึ่งเป็นกาแฟที่ผ่านการคัดสรรสายพันธ์ที่ดีที่เหมาะกับการปลูกที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1400-1600 เมตร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือให้พี่น้องชาวบ้านมณีพฤกษ์มีรายได้ยั่งยืน มีอาชีพที่มั่นคง แล้วก็ช่วยรักษารวมทั้งฟื้นฟูป่าน่านให้อุดมสมบูรณ์สืบไป  ยิ่งกว่านั้นยังมี "พีนัทซอฟท์เค้ก" แล้วก็ "พีนัทเบคชีสเค้ก" เบเกอรี่โฮมเมดที่มีส่วนผสมของเนยถั่วลิสงรวมทั้งน้ำนมถั่วลิสงที่แสนอร่อย หวานน้อย ครีมเบานุ่ม ไม่เลี่ยน  และหอมกลิ่นเนยถั่วลิสง ซึ่งหาทานได้ที่บ้านถั่วลิสงเท่านั้น
 

นมถั่วลิสง Peanut Milk
ไฮไลต์ที่คุณไม่ควรพลาดบ้านถั่วลิสงชวนชิม "น้ำนมถั่วลิสง" Peanut Milk ที่ทำมาจากถั่วลิสง 100% ไม่มีครีมเทียม และก็หัวนมผง และไม่ใส่สารแต่งสีแต่งกลิ่น เป็นน้ำนมจากถั่วลิสงตามธรรมชาติ ต้มสดทุกรุ่งเช้า หอม อร่อย ทานง่าย มีเสริฟทั้งเมนูร้อน เย็น ปั่น ให้ทุกคนได้ทานตรงนี้ที่เดียวในน่าน นมถั่วลิสงให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้รักสุขภาพ คนที่แพ้นมจากสัตว์  


บ้านถั่วลิสงเปิดรับกรุ๊ปเยี่ยมชมดูงานขั้นตอนการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับกลุ่มแม่บ้าน วิสาหกิจชุมชน นิสิต นักเรียน หรือกลุ่มท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์เพื่อเปิดประสบการณ์เกี่ยวกับการแปรรูปถั่วลิสง (รับเป็นคณะ 20 คนขึ้นไป และต้องติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น)


#3759



"สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น " ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด อายุ 2 ปี และ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.30 - 3.90% เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ คาดเปิดจองซื้อวันที่ 30 ส.ค. - 1 ก.ย. นี้ พร้อมวางแผนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ 

นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่าบริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากกว่า 50 ปี มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและความปลอดภัยในระดับโลก เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลกกว่า 30 ประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เสริมความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจสายไฟฟ้า ด้วยการขยายการลงทุนในไทยและต่างประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้เข้าลงทุนใน Thinh Phat Electric Cable Joint Stock Company ผู้ผลิตสายไฟฟ้ารายใหญ่ในประเทศเวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีการเติบโตสูง ทำให้บริษัทฯ ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีเป้าหมายมุ่งสู่ผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลขึ้นสู่ระดับ Top Ten จากอันดับที่ 14 ของโลก

บริษัทฯ ได้รุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยต่อยอดสร้างการเติบโตในต่างประเทศ ล่าสุดบริษัทฯ ชนะการประมูลงานในประเทศเวียดนาม ได้แก่ งานสายส่งกำลังไฟฟ้า (Transmission line) ของการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) และงานโรงไฟฟ้าในเวียดนามตอนเหนือ เช่น กว๋างนิน เวียดนามตอนกลาง เช่น ดานัง และเวียดนามตอนใต้ เช่น โฮจิมินห์, เกิ่นเทอ เป็นต้น มูลค่ารวมประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับคำสั่งซื้อสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลจากกลุ่มประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียใต้ ได้แก่ โครงการพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย โครงการจากรัฐบาลบังกลาเทศ และโครงการจากรัฐบาลศรีลังกา มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอผลประมูลงานในประเทศเวียดนาม จากภาครัฐ (B2G) และผู้ประกอบการ (B2B) โดยส่วนใหญ่เป็นงานสายส่งกำลังไฟฟ้าจากเมืองฮานอย ดานัง บิ่ญเฟื้อก โรงไฟฟ้าในดาลักและโฮจิมินห์ รวมมูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลการประมูลบางส่วนภายในปีนี้ จากปัจจุบัน บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าประมูลงานโครงการใหม่เพื่อเพิ่ม Backlog อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ในภาวะชะลอตัวจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างไรก็ตาม มองว่าอุตสาหกรรมสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้งานทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้เติบโต 15 - 20% จากปี 2563 ที่มีรายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ 16,917 ล้านบาท โดยวางกลยุทธ์มุ่งเน้นขายสินค้าในกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง (High Margin) โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สายไฟแรงดันระดับกลางถึงระดับสูงพิเศษเพื่อรองรับงานโครงการของภาครัฐและเอกชน รวมถึงใช้ประโยชน์จากโรงงานในเวียดนามที่มีต้นทุนการผลิตต่ำเพื่อเพิ่มความสามารถทำกำไร พร้อมกันนี้ได้วางเป้าหมายขยายตลาดส่งออกเป็น 50 ประเทศภายในปี 2564 จากปีที่ผ่านมาส่งออก 40 ประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกเป็น 10-12% จากปีก่อนอยู่ที่ 8%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2564 จำนวน 2 ชุด แบ่งเป็น หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.30 - 3.50]% ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2566 และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุหุ้นกู้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.70 - 3.90]% ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะมีการประกาศอีกครั้ง

บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ "BBB+" แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของบริษัทฯ ในฐานะผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้หุ้นกู้ของบริษัทฯ คาดว่าจะเปิดให้ผู้ลงทุนจองซื้อในวันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายนนี้ โดยจะเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 ราย ได้แก่

ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) - เสนอขายเฉพาะต่อผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านhttps://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) 1428 กด#4

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) โทร. 02-658-5050

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอเชีย เวลท์ จำกัด โทร. 02-207-2113

"การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างทางการเงิน รองรับแผนขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารเพื่อรับผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่น่าพอใจและมีความสม่ำเสมอท่ามกลางเศรษฐกิจ
#3760



"จงอางผยอง" ขอนแก่น ยูไนเต็ด เปิดตัว อิบสัน เปเรยร่า เดอ เมโล่ ดาวยิงชาวบราซิเลี่ยน วัย 31 ปี ร่วมทัพอย่างเป็นกทางการหลังพ้นการกักตัวตามมาตรการเดินทางมาจากต่างประเทศ และลงร่วมซ้อมกับทีมในวันแรกทันที

"บิ๊กต้อม" วัฒนา ช่างเหลา ประธานสโมสร ขอนแก่น ยูไนเต็ด กล่าวว่า "อิบสัน ถือว่าเป็นนักเตะที่หลายทีมต้องการตัวไปอยู่ด้วย ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เขามีความสามารถ มีผลงานที่ดีเยี่ยมในไทยลีก 1 เขาทำประตูได้ 15 ประตูในปีแรกและทำ 10 ประตูในปีที่ผ่านมา จากการทำประตูหลัก 10 ประตูต่อฤดูกาลในไทยลีก 1 ก็ถือว่าฝีมือไม่ธรรมดา ซึ่งโค้ชคาร์ลอส ร่วมกันปรึกษาและแนะนำว่าจะสามารถเข้ามาช่วยทีมเราได้เป็นอย่างดี"

สำหรับ อิบสัน เมโล เจ้าของความสูง 179 ซม. เริ่มเส้นทางฟุตบอลอาชีพครั้งเเรกเมื่อปี 2010 กับ คราโต้ สโมสรในประเทศบราซิล ต่อมาเดินทางในเส้นทางค้าเเข้งกับอีกหลายทีมในประเทศของตัวเองอย่าง โบอา, อิตาปิเรนเซ่ เเละ โปติกัวร์ ก่อนข้ามน้ำข้ามทะเลไป "เสี่ยงโชค" บนแผ่นดินยุโรปกับทีมในลีกประเทศกรีซ มาถึง 3 สโมสร ในช่วงระหว่างปี 2014 - 2017 พร้อมถล่มประตูได้อย่างมากมาย หลังจากนั้นในฤดูกาล 2018 ย้ายไปร่วมทีม มาริติโม่ ทีมดังในศึก พรีเมียร์ ลีกา ลีกสูงสุดของประเทศโปรตุเกส

ก่อนที่ในฤดูกาล 2019 อิบสัน ข้ามฟากมาโชว์เพลงเเข้งบนแผ่นดินสยามในไทลีก 1 กับ สมุทรปราการ ซิตี้ ลงสนาม 29 นัด ทำได้ 15 ประตู และฤดูกาลล่าสุดกับ สุโขทัย เอฟซี ด้วยผลงาน 10 ประตู กับ 7 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 27 นัด ก่อนย้ายมาเป็นนักเตะคนใหม่ของทัพ "จงอางผยอง" ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในที่สุด