• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#3701
ธุรกิจ งาน / Omnichannel : Supply Chain
September 01, 2021, 04:28:25 AM


การเติบโตของธุรกิจ eCommerce อย่างมากในทุกภูมิภาคของโลก ทำให้วันนี้หลายธุรกิจต้องมีการปรับตัวทั้งด้านกลยุทธ์และการปฏิบัติการ ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่มีช่องทางการจำหน่ายแบบเดิมๆ ต่างก็เริ่มคิดถึงช่องทางการตลาดแบบ Online เพื่ออาศัยการเติบโตของ eCommerce ในการเข้าถึงผู้บริโภคและการกระจายสินค้า ในขณะที่ผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาช่องทาง Online ผ่าน eCommerce marketplace ขนาดใหญ่ ต่างก็กลับมาสนใจคิดถึงการใช้ช่องทาง Offline แบบเดิมๆ อาทิ ช่องทางร้านค้าปกติ เพื่อสร้างประสบการณ์แบบใหม่ๆ ให้กับสินค้าและบริการที่พวกเขานำเสนอบน Online platform ของตน

เพราะวันนี้ลูกค้าของเราไม่ได้อยู่ที่ใดที่หนึ่ง ไม่ได้ใช้บริการผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่งอีกต่อไป วันนี้กลยุทธ์ของผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมองการส่งมอบประสบการณ์ในทุกช่องทาง ทั้งแบบ Offline และ Online ไปพร้อมๆ กัน หรือเรียกว่า Omnichannel ซึ่งสินค้าและบริการของคุณจะอยู่ในทุกที่ทุกช่องทางที่ลูกค้าของคุณอยู่

อย่างไรก็ตาม Omnichannel ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความเข้าใจแบบ End-to-End ของการผลิต การบริหารห่วงโซ่อุปทาน การตลาดและการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่ ที่ต้องเปลี่ยนจาก Supply-driven ไปสู่ Demand-driven supply chain ให้ได้ ทำอย่างไรให้เราสามารถบริหารห่วงโซ่อุปทานให้เกิดประสบการณ์ดีๆ ให้แก่ลูกค้าของเรา โดยเอาทั้ง Online-Offline channel มาผสมผสานกันให้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าลูกค้าเราจะต้องการเข้าถึงสินค้าและบริการของเราในช่องทางไหน เราจะมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะได้รับประสบการณ์เดียวกันและ เหมือนกันในทุกช่องทาง

การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานในยุคที่ Omnichannel เป็นทางออกใหม่ของธุรกิจ ผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างน้อยในสามด้านนี้

การปรับปรุงกระบวนการทำงานในคลังสินค้าและการขนส่งเพื่อตอบสนองให้ทันต่อความต้องการ รวมถึงเพื่อให้เหมาะกับขนาดของบรรจุภัณฑ์ที่เล็กลงกว่าเดิมมาก ธุรกิจไม่สามารถเน้นเพียงจัดเก็บและขนส่งแบบปริมาณมากๆ เพื่อลดต้นทุนแบบเดิมๆ อีกต่อไป


แนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้วคือการเริ่มปรับพื้นที่ในคลังสินค้าเดิม เพิ่มพื้นที่ส่วนหนึ่งทำเป็น Online section และเมื่อตลาด Online ของผู้ประกอบการโตขึ้นแล้ว จึงค่อยพิจารณาสร้างคลังใหม่ เพื่อรองรับตลาด Online โดยเฉพาะ ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาใส่ระบบ Automation การใช้ระบบบริหารสินค้าในคลัง ที่เชื่อมต่อกับช่องทาง Online โดยตรง และการออกแบบให้ขนส่งได้โดยใช้รถขนาดเล็กลง เป็นต้น

การใช้ข้อมูลเพื่อให้สามารถบริหารสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ประโยชน์จากระบบข้อมูลที่มีการเชื่อมโยงทุกระบบเข้าด้วยกันแบบ End-to-End เพื่อให้สามารถบริหารทั้งสินค้า ช่องทางการจำหน่าย และเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มอย่างถูกต้องและชัดเจน

การปรับปรุงขั้นตอนการทำงานและการเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดเวลา

เราอยู่ในโลกที่สามารถปฏิสัมพันธ์ทั้งในแบบ Offline และ Online กันมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าไปสู่โลกแบบ Metaverse หรือโลกเสมือนจริง ที่จะยิ่งสร้างทั้งโอกาสและความท้าทายให้แก่ผู้ประกอบการ เราจึงต้องปรับตัวและเข้าใจพฤติกรรมของโลกและของผู้บริโภคของเราให้มากยิ่งขึ้น

สุดท้ายนี้ หากจะมอง EEC เป็นสินค้าหรือบริการตัวหนึ่งที่เรากำลังร่วมกันทำออกสู่ตลาดให้แก่นักลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ เราจะมีกลยุทธ์ EEC Omnichannel เพื่อช่วยให้สินค้าของเราค้าขายได้ดีขึ้นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่หน้าร้านแบบ Offline ของ EEC ไม่สามารถเอาลูกค้าเข้ามาเดินซื้อของได้อย่างเต็มที่เพราะ COVID-19 เช่นนี้ Online channel ของเราจำเป็นต้องเดินหน้าและพร้อมให้ประสบการณ์ที่ดี ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง เพื่อว่าหากกลุ่มลูกค้าเหล่านั้นจะสามารถกลับมาได้ในเร็ววันเราจะได้ไม่เสียโอกาสไปมากกว่านี้
#3702


นางสาวธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า เปิดตัวแคมเปญใหญ่ LazMall 9.9 Mega Brands Sale ลดอลัง ปังทุกแบรนด์ มาพร้อมไฮไลต์ดีลและโปรโมชั่น ส่วนลดสูงสุด 90% สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ

• Crazy Brand Mega Offers หนึ่งในดีลสุดพิเศษบน LazMall มอบส่วนลดจากแบรนด์ชั้นนำตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงตีสองของวันที่ 9 กันยายนนี้เท่านั้น

• Lazada Bonus มอบโบนัส 50 บาทสำหรับทุกการสั่งซื้อมูลค่า 500 บาท มูลค่ารวมสูงสุด 3,600 บาทต่อผู้ใช้งาน โดยลูกค้าสามารถเก็บโบนัสได้ระหว่างวันที่ 3-11 กันยายน 2564 และซื้อสินค้าที่ร่วมรายการได้ตั้งแต่วันที่ 9 - 11 กันยายนนี้เท่านั้น

• คูปองส่วนลดค่าน้ำค่าไฟ สำหรับชำระค่าน้ำค่าไฟผ่านแอปฯ ลาซาด้าสามารถรับคูปองส่วนลด 999 บาทสำหรับบิลค่าน้ำค่าไฟขั้นต่ำ 2,500 บาท และรับคูปองส่วนลด 99 บาทสำหรับบิลค่าน้ำค่าไฟขั้นต่ำ 699 บาท เพียงเก็บคูปองส่วนลดโดยคลิกที่ไอคอน "คูปองลดเพิ่ม" สามารถเก็บได้ในวันที่ 9 กันยายน เวลา 10.00 น. และ 18.00 น. และใช้คูปองได้ในวันที่ 9-11 กันยายนนี้เท่านั้น


ช่วงเวลาแห่งความท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แบรนด์บน LazMall เติบโตในทุกด้านทั้งยอดขายเติบโตเฉลี่ย 63% จำนวนออร์เดอร์ที่เพิ่มขึ้น 67% และจำนวนผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น 47% 

นอกจากนี้ ยังพบว่าจำนวนแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศบน LazMall ได้เพิ่มขึ้นถึง 350% จากปี 2563 ซึ่งเป็นจำนวนรวมกว่า 9,000 แบรนด์ในปีนี้ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยให้แบรนด์ค้นพบช่องทางการขายและสามารถเติบโตทางออนไลน์ในช่วงเวลานี้ 


พร้อมกันนี้ ลาซาด้าผนึกกำลัง 9 แบรนด์พันธมิตรบน LazMall ได้แก่ เดทตอล ฮาร์ปิค คนอร์ เพอร์ร่า สิงห์เลมอนโซดา น้ำดื่มสิงห์ เลย์ มิรินด้า และซีโน-แปซิฟิค เพื่อส่งมอบกล่องแห่งความห่วงใย LazadaCARES จำนวน 99,999 กล่อง ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั่วประเทศ โดยระบบขนส่งลาซาด้า โลจิสติกส์ จะทำหน้าที่ขนส่งกล่องแห่งความห่วงใยที่บรรจุของใช้จำเป็นต่างๆ เช่น ข้าวต้มสำเร็จรูป ซีเรียล น้ำดื่มบรรจุขวด น้ำวิตามิน น้ำอัดลม เจลอาบน้ำป้องกันแบคทีเรีย และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำ ให้แก่องค์กรการกุศล 9 แห่ง 

ได้แก่ กลุ่มจิตอาสา Food for Fighters มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิดวงประทีป มูลนิธิบ้านนกขมิ้น สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม มูลนิธิอิสรชน เราช่วยกัน และเส้นด้าย จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแจกจ่ายให้แก่ คนไร้บ้าน ผู้ยากไร้คนตกงาน ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจาก  โควิด-19 อื่นๆ อีกจำนวนมาก

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้ที่ยิ่งใหญ่ได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชันลาซาด้า เพียงแลก 9 LazCoins ของคุณเป็น LazadaCARES 1 กล่อง ซึ่งลาซาด้าจะส่งต่อไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่าน 9 มูลนิธิ สามารถแลก LazCoins ได้ตั้งแต่วันที่ 3 -11 กันยายน 2564 โดยพิมพ์ "lazadacares" บนแถบค้นหาของแอปฯ ลาซาด้า 
#3703


อดีตผู้ว่า กนอ.วิเคราะห์สาเหตุน้ำท่วมนิคมบางปู ลำคลองใกล้เคียงมีปัญหาระบายน้ำ ตื้นเขิน ด้าน กนอ.เร่งคลี่คลายปัญหาเต็มที่

สถานการณ์น้ำท่วมรอบนิคมอุตสาหกรรมบางปูครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2564 เกิดขึ้่นหลังจากฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงกลางคืนในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ทำให้ถนนหลายสายและหมู่บ้านมีปริมาณน้ำท่วมขังสูง โดยเฉพาะถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนพุทธรักษา รวมทั้งถนนเทพารักษ์

หากย้อนอดีตไปนิคมอุตสาหกรรมบางปูถือเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งมากว่า 40 ปี ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 34-37 ถ.สุขุมวิท ต.บางปูใหม่ และ ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ บนพื้นที่ 5,472 ไร่ แบ่งเป็น แบ่งการใช้พื้นที่ออกเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป 3,659 ไร่ เขตประกอบการเสรี 377 ไร่ เขตที่พักอาศัยหรือพาณิชย์ 149 ไร่ พื้นที่สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก 1,286 ไร่

พื้นที่สมุทรปราการถือเป็นพื้นที่ราบต่ำน้ำท่วมถึงจึงมักมีปัญหาเมื่อฝนตกหนักจนระบายน้ำไม่ทัน โดยเมื่อวันที่23 มิ.ย.2559 เกิดน้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมบางปูสูง 30 เซนติเมตร ซึ่ง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สรุปสาเหตุส่วนหนึ่งมากจากคลองลำสลัดที่อยู่ใกล้เคียงนิคมอุตสาหกรรมมีปัญหาการบุกรุก ทำให้ปากคลองที่เคยกว้าง 5 เมตร เหลือ 2 เมตร เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ

สำหรับวิธีการแก้ปัญหาที่ผ่านมา กรมชลประทานจะพร่องน้ำลำคลองต่างๆ ลงในช่วงที่ผนตกหนัก เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอรับน้ำเพื่อระบายลงสู่ทะเล

นายสมเจตน์ ทิณพงษ์ อดีตผู้ว่าการ กนอ. เล่าให้ "กรุงเทพธุรกิจ" ฟังว่า นิคมอุตสาหกรรมบางปูเป็นนิคมแห่งแรกของเอกชน ที่ร่วมดำเนินการกับการ กนอ. ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาไม่ค่อยมีปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะในปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ในลุ่มเจ้าพระยา และมีนิคมอุตสาหกรรมถูกน้ำท่วมหลายแห่งไล่มาตั้งแต่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คือ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) 

ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ซึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานครแม้จะไม่ถึงขั้นท่วมแต่ก็ปริ่ม ส่วนนิคมอุตสาหกรรมบ้านปูและนิคมอุตสาหกรรมบางพลีในจังหวัดสมุทรปราการ ไม่ได้รับผลกระทบแต่ก็ต้องเตรียมแผนรับมือ

ในระยะหลังเริ่มเห็นปัญหาน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปูบ่อยขึ้น และคาดการณ์ได้ว่าอาจเกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุ คือ

1.เกิดจากการระบายน้ำในบริเวณลำคลองใกล้เคียงมีปัญหาตื้นเขิน ซึ่งเชื่อมต่อกับคลองชายทะเลและระบายน้ำลงทะเลได้เลย โดยนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับคลองลำสลัดที่ไหลลงสู่อ่าวไทย โดยเป็นคลองที่เชื่อมต่อกับคลองสำคัญ คือ คลองแพรกษา และบริเวณรอบนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นทางน้ำไหลลงสู่ทะเล ซึ่งในอดีตไม่มีสิ่งปลูกสร้างขว้างมากเหมือนในปัจจุบัน แต่ปัจจุบันชุมชนขยายตัวและมีหมู่บ้านอยู่รอบนิคมอุตสาหกรรม

2.อยู่ในช่วงน้ำทะเลหนุนทำให้การระบายน้ำลงทะเลล่าช้า

"นิคมอุตสาหกรรมบางปูมีระบบระบายน้ำที่อยู่ใกล้กับทะเลทำให้ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีปัญหาน้ำท่วม แต่ตอนนี้น้ำท่วมบ่อยขึ้น"


นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ.กล่าวว่า น้ำท่วมทั้งนอกและในนิคมอุตสาหกรรมสูงประมาณ 1 เมตร เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2564 โดยรถยนต์และรถจักรยานยนต์จำนวนมากถูกน้ำท่วมทำให้พนักงานที่ทำงานในบริษัทออกจากโรงงานไม่ได้และต้องใช้เรือพาย โดยได้ประสานกรมพลาธิการทหารบก เพื่อขอรับการสนับสนุนรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ 1 คัน พร้อมกำลังพลเพื่อช่วยเหลือและขนส่งพนักงานออกจากโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู และประสานองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ (อบจ.สมุทรปราการ) เพื่อให้ประสานกรมชลประทานปรับระดับน้ำในคลองให้ลดลง และสูบน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังระบายน้ำออกทะเลเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ สั่งให้นิคมอุตสาหกรรม เปิดเครื่องสูบระบายน้ำทุกจุดเพื่อเร่งระบายน้ำ รวมทั้งกำชับนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ซึ่งอยู่ในพื้นที่สมุทรปราการเช่นกัน ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม


ทั้งนี้ สถานการณ์วันที่ 30 ส.ค.2564 เวลา 12.00 น.ปัจจุบันมีการระบายน้ำอยู่ 2 ทิศทาง คือ

1.บริเวณทิศเหนือจะระบายน้ำลงที่คลองหกส่วน

2.บริเวณทิศตะวันออก

ทั้งนี้ เป็นเขตที่ตั้งของเขตประกอบการเสรีจะระบายน้ำลงที่คลองลำสลัด โดยการระบายน้ำของทั้ง 2 คลองนี้จะไหลมารวมกันที่คลองชายทะเล ซึ่งตรงจุดนี้ควบคุมการสูบน้ำโดย กรมชลประทาน ที่สถานีสูบน้ำตำหรุ ซึ่งจากการรายงานช่วงคืนที่ผ่านมาทางนิคมฯ บางปู ได้มีการระดมทีมเพื่อทำการระบายน้ำออกจากพื้นที่นิคมฯ

โดยล่าสุด พื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตประกอบการทั่วไปน้ำลดลงจนเกือบแห้ง ยกเว้นในบริเวณซอย 11 ถึง 14 ที่ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ที่ระดับความสูงกว่าหรือไม่เกิน 10 เซนติเมตร ในขณะที่ในเขตประกอบการเสรียังคงท่วมสูง รถเล็กไม่สามารถผ่านไปได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าฝนไม่ตกเลยในวันนี้ (30 ส.ค.64) น้ำก็จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ และทำให้การสัญจรไปมาสามารถทำได้ และทางนิคมฯก็ยังคงเร่งระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง

"ปัญหาที่เราพบตอนนี้คือ น้ำที่หลากมาจากถนนพัฒนา 1 เข้าสู่เขตประกอบการเสรีทำให้น้ำลดลงได้ช้า โดยสิ่งที่นิคมฯ ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ การเร่งระบายน้ำออกคลองชายทะเลเพื่อป้องกันน้ำไหลเข้ามาภายในเขตประกอบการการเสรี โดยเบื้องต้นได้รับความช่วยเหลือจาก อบจ.สมุทรปราการ นำรถสูบน้ำแบบทางไกล เข้ามาในพื้นที่แล้วจำนวน 6 เครื่อง และในวันนี้ กรมทรัพยากรน้ำฯ นำเครื่องสูบน้ำมา 3 เครื่อง และหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะนำมา 2 เครื่อง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถานีตำรวจภูธรบางปู กรมพลาธิการทหารบกและจิตอาสา ก็ได้เข้ามาอำนวยความสะดวกภายในนิคมฯ ขณะเดียวกันก็เตรียมเสนอคณะกรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) เพื่อหาพิจารณาปรับปรุงแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาระยะยาว" นายวีริศ กล่าว

สำหรับนิคมฯบางปู มีสถานีสูบป้องกันน้ำท่วมจำนวน 12 สถานี กำลังการสูบรวมประมาณ 73,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และเครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ จำนวน 10 ชุด กำลังการสูบรวมประมาณ 12,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง รวมความสามารถในการระบายน้ำออกนอกพื้นที่ประมาณ 85,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
#3704


จับตาแนวโน้มการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อปเริ่มฟื้นตัวหลังโควิด-19 ทำให้คนอยู่บ้านและทำงานที่บ้านพุ่ง(WFH) ประชาชน และภาคธุรกิจเริ่มหันกลับมาติดตั้งลดค่าใช้จ่ายรวมถึงการรับมือกับกติกาลดก๊าซเรือนกระจกของภาคธุรกิจในอนาคต ขณะที่ผู้ประกอบการติดตั้งแข่งเดือดเหตุมีผู้เล่นจำนวนมากแนะผู้บริโภคเลือกผู้ประกอบการติดตั้งให้ดีหลังเริ่มมีแผงโซลาร์ฯปลอมระบาด

นายพลกฤต กล่ำเครือ นายกสมาคมผู้ประกอบการและช่างพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์ รูฟท็อป)ทั้งบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการต่างๆ กลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10 % เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ที่ต้องล็อกดาวน์ทำให้หลายคนต้องกักตัวอยู่บ้าน มีการทำงานที่บ้าน(Work From Home)เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสูงขึ้นจึงผลักดันให้ประชาชนหันมาติดตั้งเพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่ภาคธุรกิจต่างๆ นอกเหนือจะประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้วยังมองในเรื่องของพลังงานสะอาดที่เป็นเทรนด์ของโลกและนโยบายของไทยที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อร่วมลดภาวะโลกร้อน

" ช่วงโควิด-19 ที่ระบาดที่ผ่านมามีการชะลอการติดตั้งไปบ้างแต่พอรอบนี้ผ่านไปสักพักทุกอย่างก็เริ่มกลับมาเพราะทุกคนเริ่มปรับตัว และเห็นผลกระทบชัดเจนขึ้นในเรื่องค่าไฟฟ้าที่สูงเพราะการล็อกดาวน์ที่ทำให้หลายพื้นที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน การทำงานที่บ้านที่ยังคงมีอยู่และบางบริษัทเริ่มให้บางแผนกทำถาวร ประกอบกับปีนี้อากาศค่อนข้างร้อนแม้จะมีฝนตกก็ตาม ขณะที่การติดตั้งแผงโซลาร์ฯ ไม่ได้แพงเช่นอดีตและเริ่มใช้ระยะเวลาคุ้มทุนที่สั้นเหลือเพียง 4-6 ปีเท่านั้นสำหรับบ้านอยู่อาศัยและส่วนหนึ่งรัฐได้มีมาตรการส่งเสริมโซลาร์ภาคประชาชนที่รับซื้อไฟส่วนเกิน 2.20 บาทต่อหน่วย"นายพลกฤตกล่าว

ทั้งนี้จากการติดตามข้อมูลการติดตั้งฯพบว่าการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปของบ้านที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งพบว่าพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยเปลี่ยนไปจากเดิมทั้งการทำงานที่บ้านที่สูงขึ้น ยังพบว่าลูกบ้านที่เป็นคนรุ่นใหม่บางส่วนมีการหารายได้จากการเทรดหุ้นผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และรวมถึงการขุดบิตคอยน์(เงินตราแบบดิจิทัล)ที่ต้องใช้ไฟค่อนข้างสูงจึงเริ่มหันมาติดตั้งโซลาร์ฯเพื่อลดต้นทุนมากขึ้นตามไปด้วย

ขณะที่การติดตั้งโซลาร์ฯในสถานประกอบการต่างๆ โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า โรงงาน ฯลฯยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะจะเป็นการเติบโตในรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบ Private PPA คือผู้ประกอบการติดตั้งฯจะลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและดูแลแบบครบวงจรทั้งหมดโดยผุ้เป็นเจ้าของหลังคาอาคารหรือโรงงานตกลงในเรื่องไฟฟ้าที่จะได้รับว่าจะเป็นสัดส่วนเท่าใด ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของอาคารพาณิชย์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุน ซึ่ง ห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่นิยมใช้รูปแบบดังกล่าวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามยอมรับว่าขณะนี้ผู้ประกอบการติดตั้งแผงโซลาร์ฯมีจำนวนมากโดยผู้ติดตั้งแผงที่มีขนาดใหญ่จะมีอยู่ประมาณ 20 ราย ขนาดเล็กที่ติดตั้งบ้านที่อยู่อาศัยจะมีอยู่ประมาณ 50 รายทำให้เกิดการแข่งขันค่อนข้างสูงมีโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงลดค่าติดตั้ง ให้กับลูกค้าเลือกดังนั้นในแง่ของประชาชนจึงอยากให้ระมัดระวังเลือกบริษัทที่ควรมีทุนจดทะเบียนสูง มีประสบการณ์พอสมควร โดยสามารถติดต่อสอบถามมายังสมาคมฯได้ ทั้งนี้เนื่องจากขณะนี้ได้รับแจ้งมาจากสมาชิกพบการติดตั้งที่มีการนำแผงโซลาร์ฯปลอมไปผสมการติดตั้งให้กับผู้บริโภคโดยแผงจะเป็นแค่การนำสติกเกอร์มาติดให้เหมือนแผงจริงๆ

ทั้งนี้แนวโน้มการเติบโตของพลังงานหมุนเวียนโดยเฉพาะโซลาร์ฯในอนาคตมีโอกาสโตแบบก้าวกระโดดเพราะต้นทุนการผลิตไฟต่อหน่วยถูกลงต่อเนื่อง จุดคุ้มทุนเริ่มใช้เวลาไม่นานแล้วล่าสุดแบตเตอรี่ลิเธียมที่มีคุณภาพสูงเริ่มมีราคาต่ำลงและตอบโจทย์การสะสมไฟฟ้าได้มากขึ้น ประกอบกับนโยบายของรัฐโดยกระทรวงพลังงานที่ต้องขับเคลื่อนแผนพลังงานแห่งชาติให้สอดรับกับบริบทของโลกในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงให้เป็นศูนย์ในค.ศ. 2065 – 2070 ซึ่งจะส่งผลให้ต้องเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น
#3705
ทำไมข้าวออแกนิกถึงแพงกว่าข้าวธรรมดาที่ใช้เคมี

ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ (ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์) ถึงแพงกว่าข้าวธรรมดา     โครงการข้าวอินทรีย์   กลุ่มข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างก็ให้ความสนใจกับการดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น  อย่างยิ่งกับการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยซึ่งมีมากมายหลากหลายในปัจจุบัน  รวมถึงผลผลิตจากระบบเกษตรอินทรีย์ที่เป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคทั้งหลายให้ความไว้วางใจ  แต่ก็ยังมีคำถาม ข้อสงสัย ติดอันดับยอดนิยมจากผูบริโภคว่า  "ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ถึงราคาแพงกว่า ทั่วไป ทั้งที่ข้าวในนาผลิตตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีต้นทุนปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง"    การตรวจสอบข้าวอินทรีย์  ข้อมูลจากเวปไซด์ขององค์กรการอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวถึงข้อเท็จจริงบางประการข้าวกล้องอินทรีย์ ที่เป็นเหตุผลของราคาผลผลิตและสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สูงกว่าเอาไว้  ดังนี้- ฟาร์มเกษตรอินทรีย์มีขนาดเล็ก ใช้แรงงานต่อหน่วยในการผลิตมากกว่าฟาร์มทั่วไป (สาเหตุหนึ่งที่ต้นทุนการผลิตสูง)
- ค่าใช้จ่ายในขบวนการหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตรอินทรีย์  ข้าวอินทรีย์   สูงกว่าเพราะในการขนส่ง หรือแปรรูปจะต้องแยกออกจากผลผลิตทั่วไปอย่างชัดเจน
- ปริมาณของข้าวเกษตรอินทรีย์ค่อนข้างน้อย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าต่อหน่วยของข้าวเกษตรอินทรีย์ ออกสู่ตลาดนั้นสูงกว่าผลผลิตทั่วไป
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ทำให้เกษตรกรได้รายได้ที่เป็นธรรมและพอเพียง
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ข้าวออแกนิคคือ  มีการจัดการมาตรฐาน คุ้มครองสัตว์เลี้ยงในฟาร์มได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
- และสุกท้ายที่สำคัญที่สุด ข้าวเกษตรอินทรีย์มีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้บริโภค
เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา  




ข้าวฮอร์ (HOR)  ข้าวออร์แกนิคแฟร์เทรด  ได้รับมาตรฐาน 
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้"  จากกรมการข้าว  จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ในประเภทของ 
2.1  ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)  
2.2  ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)  
2.3  ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวเกษตรอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวออแกนิคส่งทั่วไทยคือ ข้าวอินทรีย์กรมการข้าว
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Facebook :   www.facebook.com/OrganicRiceForBaby/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ข้าวเกษตรอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ส่งทั่วไทย
1.  ข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
3.  กลุ่มข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
6.  ข้าวสุขภาพมะลินิล
7. ข้าวไรซ์เบอรี่   ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค  #ข้าวออแกนิก #ข้าวอินทรีย์ 
#ข้าววสุขภาพ  #ข้าวเกษตรอินทรีย์
 

 
 
#3706



หากกำลังป่วยหรือรู้สึกไม่แข็งแรง การดูแลความสมดุลของร่างกายผ่านการออกกำลังกาย พักผ่อนและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์คือหนทางสู่การฟื้นฟูสุขภาพดี สำหรับผิวพรรณเองก็เช่นกัน ในช่วงที่ผิวดูพรรณอ่อนล้าไม่แข็งแรง หรือดูแก่ก่อนวัยไม่เหมือนเก่า เรายิ่งต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลแก่ผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและตรงจุด
 

ขอแนะนำ Vital Skin Strengthening Super Serum เซรั่มช่วยฟื้นฟูดูแลผิวอ่อนล้าจาก Kiehl's ตัวช่วยกอบกู้ผิว มอบความชุ่มชื้นคืนสู่ผิวหน้า ช่วยกระชับรูขุมขน พร้อมความสามารถกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เน้นทวงคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวกลับมาเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดี  

ผสานพลังจากส่วนผสมหลัก 11KDA HYALURONIC ACID ซึ่งทำหน้าที่สร้างเกราะคุ้มกันแก่ผิวและสมุนไพรปรับสมดุลนานาชนิด (ADAPTOGENIC HERB) เซรั่มบำรุงผิว จาก Kiehl's ขวดนี้มีประสิทธิภาพอันทรงพลังช่วยกอบกู้ผิวแย่ ผิวอ่อนล้า ให้ดูเปล่งปลั่งขึ้นได้ถึงร้อยละ 40 ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

  • สร้างเกราะคุ้มกันผิวด้วย 11KDA HYALURONIC ACID  (ไฮยาลูโรนิกแอซิด ขนาด 11 กิโลดัลตัน) —สูตรผสมสำคัญทางคลินิกในเซรั่ม Kiehl's ที่มีขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเน้นการส่งต่อความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิวเพื่อเสริมความแข็งแรงในการเตรียมผิวชั้นนอกให้พร้อมทำหน้าที่เป็นเกาะคุ้มกันต่อภัยคุกคามที่อาจเข้ามาทำร้ายชั้นผิวที่เปราะบาง 

  • สมุนไพรปรับสมดุล (ADAPTOGENIC HERB) — คือส่วนผสมจากสมุนไพรนานาชนิด อาทิ กลีเซอรีนจากปาล์ม rapeseed schisabdra berry หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมี holy basil เน้นช่วยเรื่องผิวกระชับสวย พร้อมด้วย red ginger ช่วยลดการอักเสบ เช่น ปัญหารอยแดงหรือหมองคล้ำ ทาง Kiehl's ใช้ความพิถีพิถันคัดสรรส่วนผสมเหล่านี้ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้สารสกัดในตัวผลิตภัณฑ์กระตุ้นความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิวให้ทำงานได้ดีขึ้น เพื่อผลลัพธ์เป็นผิวชุ่มชื้นแข็งแรง มีความยืดหยุ่น อิ่มฟู พร้อมกระตุ้นการทำงานของผิวชั้นนอกในการปกป้องผิวชั้นในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผิวสุขภาพดีที่ดูชุ่มชื้น เรียบเนียน นุ่มเด้ง และเปล่งปลั่งอย่างที่ต้องการ ทาเซรั่มคีลส์ขวดแดงนี้ให้ทั่วใบหน้าเป็นประจำในช่วงเช้าและก่อนนอน โดยทาหลังการล้างหน้าและปรับสภาพผิวด้วยโทนเนอร์แล้ว ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัครจำนวน 58 คน หลังการใช้ผลิตภัณฑ์พบว่าผู้เข้าการทดสอบร้อยละ 90 มีผิวที่ดูเรียบเนียนขึ้น ร้อยละ 94 สัมผัสได้ถึงผิวเนียนนุ่มอ่อนโยน และอีกร้อยละ 80 ล้วนพึงพอใจกับผิวสวยดูอ่อนเยาว์

ผลิตภัณฑ์มาในรูปขวดปั๊ม ธีมสีขาวแดงทันสมัย เนื้อเซรั่มสีขาวขุ่น บางเบา ซึมซาบไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ ให้กลิ่นสมุนไพรหอมอ่อน ๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ลดความเหนื่อยล้า
#3707
 



เพราะ "วิตามินซี" มีความจำเป็นต่อผิวพรรณของเราไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งช่วยเร่งการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวช่วยทำให้ใบหน้าดูเปล่งปลั่ง ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ใบหน้ากระจ่างใสและยับยั้งการเกิดจุดด่างดำจากเมลานิน 

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่การทาน "ส้ม" หรือการทานผลไม้ที่มีวิตามินสูงเพียงอย่างเดียวนั้นอาจไม่ใช่หนทางการเติมวิตามินซีต่อผิวที่เพียงพอ เนื่องจากเซลล์ผิวคนเราไม่สามารถสร้างวิตามินซีเองได้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Vit C เพื่อฟื้นบำรุงผิวให้กลับมามีสุขภาพดีและลดเลือนสัญญาณแห่งวัยจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่อาจละเลย 

ขอแนะนำ Vit C Serum เซรั่มวิตามินซี จาก Kiehl's เพื่อบำรุงผิวจากความร่วงโรย ต่อต้านริ้วรอยผิวอ่อนล้า ตัวช่วยฟื้นฟู ความกระจ่างใสให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็วด้วยประสิทธิภาพวิตามินซีเข้มข้น 12.5%

ลดเลือนริ้วรอยลึกด้วย (L-ASCORBIC ACID)
L-ASCORBIC ACID หรือที่หลายคนเรียกว่าวิตามินซีบริสุทธิ์ คือหนึ่งในส่วนผสมหลักที่ Kiehl's ได้เลือกใช้ในเซรั่ม Vit C ขวดนี้ เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย เช่น รอยตีนกา ร่องแก้ม รอบริมฝีปาก รอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผากให้ตื้นและจางลง นอกจากนี้ยังสามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้แลดูกระจ่างใส ปรับสีผิวให้สว่างและดูมีออร่ายิ่งขึ้นกว่าเดิม 

ผิวสว่างและเรียบเนียนจากวิตามินซีจี (Vitamin Cg) 
วิตามินซีจี (Vitamin Cg หรือ Ascorbyl Glucoside) เน้นการทำงานควบคู่กับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อลดเลือนริ้วรอยทั้งชนิดตื้นไปจนถึงรอยร่องลึก ช่วยอัพความกระจ่างใส หากใช้ต่อเนื่องเป็นประจำจะสามารถสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์คือผิวหน้าที่ดูเรียบเนียนและผิวที่แลดูละเอียดมากขึ้น 

เพิ่มความชุ่มชื้นให้ชั้นผิวด้วยไฮยาลูโรนิก แอซิด (HYALURONIC ACID)
นอกเหนือจากวิตามินซีทรงพลังแล้วนั้น Kiehl's Vit C ยังให้ความสำคัญกับความชุ่มชื้นของผิวพรรณด้วยการเติมไฮยาลูโรนิก แอซิดชนิดที่มีขนาดเล็กและซึมซาบไวไว้ในผลิตภัณฑ์ขวดนี้ ไฮยาลูโรนิก แอซิดจะทำหน้าที่เสมือนฟองน้ำที่คอยซึมซับและดูดน้ำเข้าสู่ชั้นผิวชั้นนอก ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง เรียบเนียนโดยไม่เพิ่มความมัน มีกลิ่นหอมสดชื่นแบบซิทรัส (citrus) อ่อนๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย

แนะนำให้ใช้เซรั่มต่อเนื่องเป็นกิจวัตร ทาเบาๆ บริเวณใบหน้าหลังทำความสะอาดผิวทุกช่วงเช้าและก่อนนอนสามารถใช้พร้อมกับมอยส์เจอไรเซอร์ที่คุณใช้อยู่แล้วได้ สำหรับช่วงเช้าควรทาคู่กับผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของวิตามินอีร่วมด้วยเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวีที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซี 

ผลิตภัณฑ์ Vit C เซรั่มจากคีลส์ มาในรูปขวดหัวปั๊มสีชามีคุณสมบัติป้องกันแสงแดดที่อาจส่องทำลายคุณค่าจากวิตามิน เนื้อเซรั่มมีกลิ่นหอมเบาๆ พร้อมคุณสมบัติเกลี่ยง่าย และซึมซับไว ไม่ทำให้ผิวมันหรืออุดตัน

 
 
#3708


วันนี้ (27 สิงหาคม 2564)​ซิกน่าประกันภัย ผู้นำทางด้านประกันสุขภาพระดับโลก เดินหน้ามอบความห่วงใย นำนวัตกรรมทางดิจิทัลเข้ามาปรับใช้เพื่อสร้างศูนย์รวมข้อมูลอันเป็นประโยชน์ให้แก่คนไทย เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Cigna Covid Self-Service Center บนแพลตฟอร์ม Line Official Account @CignaThailand ให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญ และรายงานอัพเดตประจำวันเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างง่ายดาย ภายใต้แพลตฟอร์มเดียว เพียงคลิกที่ https://bit.ly/CignaLine



จากสถิติการใช้งานแพลตฟอร์มการสื่อสารในประเทศไทยพบว่า แพลตฟอร์มหลักในการสื่อสารที่มี Active User หรือการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ แพลตฟอร์ม LINE ซึ่งซิกน่าเองเล็งเห็นถึงความสำคัญในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนคนไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ซิกน่าจึงได้พัฒนาระบบ LINE Messaging API ในการส่งข้อความอัตโนมัติ (Chatbot) และระบบเฟรมเวิร์กบนหน้า Line Official Account ของ @CignaThailand เพื่อใช้เป็นช่องทางในการตอบคำถามและให้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ อาทิ กรมควบคุมโรค, สปสช. หรือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลอัพเดตสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน, ศูนย์ช่วยเหลือผู้ป่วย, หรือข้อมูลแนวทางการปฏิบัติ และช่องทางการติดต่อเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ที่คนไทยควรรู้ โดยฟีเจอร์ใหม่นี้ จะช่วยให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปได้รับข้อมูลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเชื่อถือได้ โดยไม่ต้องหาข้อมูลจากหลากหลายแหล่งข่าวอีกต่อไป



นายธีรวุฒิ สุธนะเสรีพร, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซิกน่ามีการเดินหน้าใช้กลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กรผ่านระบบ Cigna Health Ecosystem มาโดยตลอด ซึ่งเราตั้งเป้าหมายในการดูแลลูกค้าตั้งแต่การจัดการทางด้านสุขภาพแบบเชิงรุก เพื่อป้องกันความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด จนถึงขั้นตอนแห่งการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ โดยฟีเจอร์ใหม่ของซิกน่าในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำเร็จของเรา ในการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เพื่อส่งมอบความห่วงใยให้แก่ลูกค้าผ่านการนำเสนอข้อมูลอันเป็นประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ผมอยากเชิญชวนให้คนไทยทุกคน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นลูกค้าของเราเท่านั้น แต่ทุกคนสามารถแอดไลน์ @CignaThailand เพื่อรับข้อมูลและข่าวสารอันเป็นประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างมั่นใจ"
#3709


เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2564 ที่โดมอเนกประสงค์เทศบาลนครรังสิต ซอยรังสิต-นครนายก 30 (ซอยโรงสี) ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี , ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต ได้เยี่ยมให้กำลังใจนักเทคนิคการแพทย์จิตอาสา ลงพื้นที่ตรวจการติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุกในชุมชนรังสิต ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงจำนวน 1,200 คน

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีมีผู้ติดเชื้อถึง 31,297 ราย รักษาหายแล้ว จำนวน 17,368 ราย อยู่ระหว่างการรักษาและดูแลตัวเอง จำนวน 13,485 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีไปแล้วจำนวน 444 ราย เทคนิคการแพทย์จิตอาสาเพื่อประชาชนจึงได้เลือกพื้นที่เทศบาลนครรังสิตเพื่อตัวคัดกรองหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดพร้อมรถพระราชทานตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย จำนวน 3 คัน จากสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.)

รองศาสตรจารย์สมชาย วิริยะยุทธกร ที่ปรึกษาสภาเทคนิคการแพทย์ และกรรมการสมาคมเทคนิคการแพทย์ฯ กล่าวว่า เทคนิคการแพทย์จิตอาสาเพื่อประชาชนครั้งที่ 1 โดยได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายได้แก่ สมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย , สภาเทคนิคการแพทย์ , AEC Healthcare , เอ็มไอซีแลบ , สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) รวมลงพื้นที่จัดหน่วยตรวจคัดกรองโควิด-19 เนื่องจากเราได้เห็นว่าประชาชนมีความจำเป็นจะต้องมีการตรวจทดสอบด้วยชุดตรวจโควิด ATK (Antigen test kit) หากเราสามารถแยกผู้ป่วยออกมาก่อนจะไม่เป็นปัญหาที่มีมีการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น เป็นการภาระที่รัฐบาลจะต้องหาเตียงให้ผู้ป่วย หากประชาชนตรวจ ATK แล้วผลบวก จะต้องไปตรวจด้วย การตรวจ RT-PCR (Polymerase chain reaction) เป็นการ Swab เก็บตัวอย่างเชื้อบริเวณลำคอและหลังโพรงจมูก หากได้รับผลบวกจะส่งไปยังโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ เพื่อกักตัวโฮมไอโซเลชั่น (Home Isolation) หรือคอมมูนิตี้ไอโซเลชั่น (Community Isolation) ต่อไป นอกจากนี้เราจะมอบกล่องยาจากสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบให้ปราชนที่มีผลบวกเป็นประโยชน์ต่อประชาชนย่านรังสิตที่มีผู้ติดเชื้อสูงมาก เรายังมีแผนที่จะลงพื้นที่ไปตรวจคัดกรองในจังหวัดต่าง ๆ รวม 5 แห่งที่มีผู้ติดเชื้อสูง

ทางด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ต้องขอบคุณทีมเทคนิคการแพทย์จิตอาสาเพื่อประชาชนที่เขาได้ชุดแอนติเจนเทส ATK มาจำนวน 5,000 ชุด และได้มาตรวจประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครรังสิตจำนวน 1,200 ชุด โดยมีโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ ที่มาร่วมดำเนินการตรวจคัดกรองให้ประชาชน และมีรถพระราชทานตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย จำนวน 3 คัน และมีเทศบาลนครรังสิตมาอำนวยความสะดวก เบื้องต้นพบว่ามีผลบวกแล้วจำนวน 20 ราย ผมมองว่าเป็นธรรมดาเนื่องจากที่ อบจ.ปทุมธานีได้ตรวจคัดกรองด้วย แรปบิทแอนติเจนเทสทุกวันและพบว่ามีผลบวกทุกวัน วันละ 30-40 ราย ขณะเดียวกันผมได้ทดลองยาสมุนไพรมาหลายชนิด และพบว่ามียาสุมนไพรชุดหนึ่งที่ผมขออนุญาตยังไม่บอกว่าเป็นของใคร ซึ่งวันที่ 6 กันยายน2564 นี้ ผมจะแถลงข่าวที่ อบจ.ปทุมธานี โดยผมยืนยันว่าคนที่ตรวจแรปบิทแอนติเจนเทสได้ผลบวกจำนวน 100 คน ผมให้ยาไปทานตามกำหนด ผ่านไป 4-5 วัน มาตรวจพบว่าเป็นผลลบทั้งหมด ถือว่าเราโชคดีแล้ว ซึ่งเราจะแถลงข่าวให้ชัดเจนที่ อบจ.ปทุมธานี ถือว่าเราไม่ได้มาโฆษณาแต่อย่างใด เพราะว่าหากยาสมุนไพรไทยสามารถที่จะรักษาโควิด-19 ได้ ผมมองว่าเศรษกิจของเราจะบูมขึ้นมา เพราะทั่วโลกจะมองหาสมุนไพรตัวนี้ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกและขอความร่วมมือประชาชนใครที่อยู่ใกล้โรงงานทีมีคลัสเตอร์ขอให้แจ้ง อบจ.มา เพราะเมื่อวานเราได้เจอกลุ่มผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่ 2 แห่ง ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นมา

ในขณะที่ ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต กล่าวว่า เนื่องจากในพื้นที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เยอะมาก ทางเทศบาลนครรังสิตได้มีการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชน ปัจจุบันถือว่าประชาชนได้รับวัคซีนกันเยอะพอสมควรแล้ว ผมมองว่าพวกเราเดินกันมาอย่างถูกทาง ที่ทุกฝ่ายช่วยเหลือกัน โดยวันนี้เรายังได้รับความร่วมมือจากเทคนิคการแพทย์อาสาฯและโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเพื่อที่เราจะได้ทราบถึงยอดจำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งเรามีแนวทางป้องกัน นอกจานี้ทางเทศบาลนครรังสิตเองมีความตั้งใจที่จะมีการตรวจคัดกรองหลังจากที่ปราชนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เพราะว่าท่านนายก อบจ.ปทุมธานีอยากที่จะเปิดจังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดแรก ซึ่งเรามีแนวทางและมาถูกทางแล้ว ซึ่งเราเองเป็นส่วนเล็กของชุมชนในจังหวัดและได้ดำเนินการให้สอดครองกับการดำเนินการของ อบจ.ด้วย ผมเชื้อว่าหากเราเปิดจังหวัดได้เศรษฐกิจเราก็จะกลับมา.
#3710


วันที่ 28  สิงหาคม 2564  บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส แจ้งว่า สายการบินจะกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป  ใน 5 เส้นทางบิน ดังนี้

1. เส้นทางกรุงเทพฯ - สมุย (ไป-กลับ) : ให้บริการทุกวัน วันละ 3 เที่ยวบิน 

2. เส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ (ไป-กลับ) : ให้บริการสัปดาห์ละ 5 เที่ยวบิน  (เฉพาะวันจันทร์, พุธ, ศุกร์, เสาร์ และอาทิตย์)

3. เส้นทางกรุงเทพฯ - ภูเก็ต (ไป-กลับ) : ให้บริการสัปดาห์ละ 5 เที่ยวบิน (เฉพาะวันจันทร์, พุธ, ศุกร์, เสาร์ และอาทิตย์)

4. เส้นทางกรุงเทพฯ - ลำปาง (ไป-กลับ) : ให้บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน (เฉพาะวันจันทร์, พฤหัสบดี, ศุกร์ และอาทิตย์)  เริ่มให้บริการวันที่ 9 กันยายน 2564

5. เส้นทางกรุงเทพฯ – สุโขทัย (ไป-กลับ) : ให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน (เฉพาะวันจันทร์, พุธ และศุกร์)  เริ่มให้บริการวันที่ 16 กันยายน 2564

นอกจากนี้สายการบินฯ ยังคงให้บริการเที่ยวบินสนับสนุนโครงการสมุย พลัส โมเดล และภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ จำนวน 3 เส้นทางอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ – สมุย (ไป-กลับ) เฉพาะผู้โดยสารที่ต่อเครื่องมาจากต่างประเทศ  ให้บริการวันละ 2 เที่ยวบิน เส้นทางสมุย - สิงคโปร์ (ไป-กลับ) ให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน (เฉพาะวันจันทร์ พฤหัสบดี และอาทิตย์) และเส้นทางสมุย – ภูเก็ต (ไป-กลับ) ให้บริการสัปดาห์ละ 5 เที่ยวบิน (เฉพาะวันจันทร์ พุธศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์)

ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bangkokair.com/flight/flightSchedule
สายการบินฯ แนะนำผู้โดยสารกรุณาตรวจสอบประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดต่างๆ ของจังหวัดหรือเมืองปลายทางที่ต้องการจะเดินทางเข้าออกก่อนเดินทางทุกครั้ง จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ
•ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.)  http://www.moicovid.com/ข้อมูลสำคัญ-จังหวัด/
•ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) www.airportthai.co.th/th/
•กรมท่าอากาศยาน www.facebook.com/DepartmentOfAirports/

ผู้โดยสารสามารถติดต่อสายการบินฯ ได้ทางช่องทางด้านล่าง
•ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) โทร 1771 หรือ 02-270-6699  ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.
•PG Live Chat:  https://bit.ly/PGLiveChatTH
•อีเมล: reservation@bangkokair.com

บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในการให้บริการโดยคำนึงถึงความปลอดภัย และสุขอนามัยของผู้โดยสารและพนักงานผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ และดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องโดยเคร่งครัด
#3711


"แอสเซทไวส์" เดินหน้าแนวคิด "GrowGreen" ผนึกกำลัง Little Big Green เปิดตัวโครงการ "แยกBinกัน" วิธีการคัดแยกขยะแบบใหม่ เพื่อให้ลูกบ้านเข้าใจ และสามารถคัดแยกขยะได้ง่ายและถูกวิธี นำร่องที่โครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 71 (Atmoz Ladprao 71) เป็นแห่งแรกก่อน มีแผนกระจายไปยังโครงการอื่นๆต่อไป

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ออกแบบเพื่อความสุขในการอยู่อาศัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ขยะของประเทศไทย โดยข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า ในปี 2563 มีปริมาณขยะชุมชน 27.35 ล้านตัน ขยะที่กำจัดถูกต้อง 11.19 ล้านตัน และขยะที่กำจัดไม่ถูกต้อง 4.23 ล้านตัน โดยเฉพาะหลังจากมีการระบาดของ Covid-19 ที่คนส่วนใหญ่ต้องอยู่ในที่พักอาศัยมากขึ้น และหลายคนยังทิ้งขยะแบบเหมารวม เนื่องจากอาจจะยังไม่เข้าใจการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี รวมถึงความสะดวกในการแยกขยะที่ยังมีไม่มากนัก ซึ่งในทางกลับกัน หากสามารถแยกขยะได้ถูกวิธี จะช่วยเพิ่มโอกาสในการนำขยะบางชนิดมารีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่มากขึ้น




"แอสเซทไวส์ เล็งเห็นความสำคัญและใส่ใจในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด "GrowGreen" ซึ่งเป็นแนวคิดองค์กรที่เรากำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ จึงได้ร่วมกับ Little Big Green ซึ่งเป็นการรวมตัวของคน ที่มีไลฟ์สไตล์กรีนๆ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สร้างคอมมูนิตี้เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์กรีนๆภายใต้คอนเซปต์ "AS GREEN AS YOU CAN" จัดทำ โครงการ "แยกBinกัน" ซึ่งเป็นวิธีการคัดแยกขยะ ด้วยการเรียกขยะแบบใหม่ ที่ช่วยให้ลูกบ้านเข้าใจและสามารถคัดแยกขยะได้อย่างถูกวิธีมากขึ้น"



สำหรับโครงการ "แยกBinกัน" มีแนวคิดสำคัญคือการเปลี่ยนชื่อถังขยะเพื่อช่วยให้เข้าใจง่ายกว่าเดิม และสามารถคัดแยกขยะโดยคำนึงถึงการนำไปรีไซเคิลต่อได้ง่ายขึ้น โดยแอสเซทไวส์ได้เริ่มใช้วิธีการแยกแบบใหม่นี้ กับโครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 71 (Atmoz Ladprao 71) เป็นที่แรก ด้วยการจัดสรรถุงขยะที่แบ่งออกเป็นสีตามถังขยะแจกให้ลูกบ้านฟรี เพื่อให้เกิดการแยกขยะตั้งแต่ในห้องพัก และสามารถนำขยะมาทิ้งที่ถังขยะตามประเภทได้อย่างง่ายดายตามสีถุง


ทั้งนี้ แอสเซทไวส์ได้เปลี่ยนชื่อและสีถังขยะประเภทต่างๆตามวิธีการแยกขยะแบบใหม่ได้แก่ 1.ถังขยะเศษอาหาร คือถังขยะสีเขียว สำหรับขยะที่เป็นเศษอาหารเท่านั้น ไม่รวมภาชนะที่บรรจุ ซึ่งขยะเหล่านี้จะสามารถนำไปต่อยอดในการทำปุ๋ย

2.ถังขยะแห้งสะอาด คือถังขยะสีเหลือง สำหรับขยะประเภทแห้งสะอาดเช่น ขวดน้ำพลาสติก กระดาษ หรือขวดแก้ว โดยต้องทำให้แห้งสะอาดก่อนทิ้ง เพื่อไม่ให้ขยะในถังเน่าเสีย สามารถนำไปรีไซเคิลได้

3.ถังขยะเลอะเปื้อน คือถังขยะสีฟ้า สำหรับขยะที่เปรอะเปื้อน และไม่สามารถทำให้สะอาดได้ เช่นภาชนะบรรจุอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ และจะถูกส่งไปสู่กระบวนการจัดการขยะต่อไป

4.ถังขยะแมสก์ + ห้องน้ำ คือถังขยะสีแดง สำหรับขยะที่ติดเชื้อ หรือเสี่ยงติดเชื้อ รวมถึงขยะในห้องน้ำ อาทิ หน้ากากอนามัย หรือกระดาษชำระ เพื่อช่วยให้จัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถป้องกันการติดเชื้อในกระบวนการเก็บ และกำจัดขยะได้มากขึ้น

นายกรมเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "หลังจากที่เริ่มดำเนินการ เราพบว่า โครงการแยก Bin กัน ได้รับผลการตอบรับที่ดีทั้งจากนิติบุคคล ลูกบ้าน รวมถึงแม่บ้านภายในโครงการ มีการคัดแยกขยะที่มีคุณภาพมากขึ้นจากเดิม ซึ่งในอนาคตแอสเซทไวส์ยังมีแผนที่จะนำโครงการนี้ไปใช้ในทุกโครงการ เพื่อให้เกิด Waste Management ที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนสูงสุด เพราะเราเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมแวดล้อมจะดีขึ้นได้ ต้องมาจากการร่วมมือกันของทุกคน และเราหวังว่าโครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้โลกของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น"
#3712


ใครที่เป็นสาย 'แซ่บ' ห้ามพลาดร้านนี้ "ระฆังทอง น้ำปลาหวาน" ของขึ้นชื่อตลาดโต้รุ่งนครปฐม ที่ต่อคิวยาวรอซื้อกันเลยทีเดียว และพลาดไม่ได้กับสถานที่เช็คอิน กิน เที่ยว ถ่ายรูป ใน จ.นครปฐม ที่มาถึงแล้วไม่ควรพลาด คลายล็อกดาวน์เมื่อไหร่ต้องไปในทันที



อีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อที่ใครมา จ.นครปฐม ต้องไปซื้อทานให้ได้ต้องร้านนี้ "ระฆังทอง น้ำปลาหวาน" เจ้าของ คือ คุณมยุรฉัตร แพร่อ่ำภา (คุณยุ) เล่าถึงธุรกิจร้านน้ำปลาหวานว่า ตนเริ่มจากร้านขายฝรั่ง และมะม่วงน้ำปลาหวานเพื่อหารายได้ระหว่างเรียน ซึ่งสูตรน้ำปลาหวานได้มาจากทางครอบครัวของสามี ตั้งโต๊ะเล็กๆ ขาย จนมะม่วงน้ำปลาหวานเริ่มขายดีจึงหันมาขายแต่มะม่วงน้ำปลาหวานอย่างเดียว และพัฒนามาเป็นรถ food truck จนปัจจุบันขายมาแล้วกว่า 10 ปี

มยุรฉัตร แพร่อ่ำภา
มยุรฉัตร แพร่อ่ำภา

ถามว่า "ระฆังทอง น้ำปลาหวาน" มีความพิเศษโดดเด่นอย่างไร คุณยุ บอกว่า เครื่องแน่น หอมแดงซอยจัดเต็ม กุ้งทั้งเล็ก-ใหญ่เต็มกระปุก กับรสชาติหวานเค็มเผ็ดที่ลงตัว นอกจากเมนูน้ำปลาหวานแล้ว ยังมี กะปิน้ำ กะปิแห้ง ให้เลือกทานแบบหลากหลาย ในส่วนของมะม่วง เลือกมะม่วงที่รสชาติดี ไม่เปรี้ยวมาก ได้แก่ มะม่วงพันธุ์แก้วขมิ้น เดือน 9 และมะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่จัด ซึ่งการเลือกมะม่วงมาขายจะต้องคัดสรรเป็นอย่างดีให้ความสำคัญพอๆ กับการทำน้ำปลาหวาน



โดยราคาจำหน่ายน้ำปลาหวานเริ่มต้นที่ 30 – 70 - 100 บาท ส่วนเซ็ตน้ำปลาหวานพร้อมมะม่วง ราคา 50 บาท เมนูเด็ดยอดนิยมที่ลูกค้ารอต่อคิวซื้อ คือ น้ำปลาหวาน กะปิหวาน ยอดขายไม่ต่ำกว่า 150 กระปุกต่อวัน นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายแบบออนไลน์ส่งทั่วประเทศ (facebook : ระฆังทองมะม่วงน้ำปลาหวาน) ซึ่งน้ำปลาหวาน กะปิหวาน สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 15 วัน

ใครที่สนใจหรือมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยว จ.นครปฐม สามารถแวะไปลองทานได้ที่ ตลาดโต้รุ่ง โซนตลาดร้านค้าภาคกลางคืน เปิดขายตั้งแต่ 17.00 – 21.00 น. facebook : ระฆังทองมะม่วงน้ำปลาหวาน หรือ โทร.08-5999-9021



มานครปฐมทั้งทีกินของแซ่บแล้ว พลาดไม่ได้ต้องแวะเที่ยวรอบเมืองด้วย โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดโต้รุ่ง คือ "วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร" ที่คนส่วนใหญ่นิยมมานมัสการ องค์พระปฐมเจดีย์ ขนาดใหญ่ รูประฆังคว่ำ เป็นที่เคารพสักการบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วโลก และอีกหนึ่งวัดที่ต้องมาคือ "วัดไร่ขิงพระอารามหลวง" กราบสักการะ หลวงพ่อวัดไร่ขิง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครปฐม และยังสามารถเดินเที่ยวช้อปของกินของฝากละลานตาถูกใจที่ "ตลาดน้ำดอนหวาย"

อีกหนึ่งตลาดน้ำที่ขาเที่ยวต้องมาย่ำคือ "ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง" ตลาดแนวพักผ่อนเชิงธรรมชาติ สามารถมาชมบัวแดงได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญ ดอกบัวของทุ่งบัวแดง ณ บางเลน แห่งนี้ ไม่ว่าจะมาเที่ยวในเวลาไหนก็จะเห็นบัวบานได้ตลอดทั้งวัน ภายในตลาดน้ำมีร้านค้าขายอาหารทั้งคาวหวานให้ได้เลือกซื้อหามากมาย พร้อมบริการนั่งเรือชมทุ่งบัวแดงแบบใกล้ๆ อีกทั้งมีมุมน่ารักๆ ให้เลือกถ่ายรูปมากมายอีกด้วย



ส่วนใครที่มองหาร้านอาหารติดริมน้ำในบรรยากาศอบอุ่น แนะนำ "มีน้ำคาเฟ่@เพาะฟาร์มรัก" ที่นี่มีอาหารเรียกน้ำย่อยให้เลือกทานหลากหลายไม่ว่าจะเป็น สเต็ก สปาเก็ตตี้ สลัดผัก กาแฟสด น้ำผสมไม้ เล้งแซ่บ ยำบก กุ้งทอดพริกเกลือ เป็นต้น เหมาะแก่การนั่งชิลทานอาหารกับบรรยากาศลมพัดเย็นสบายริมน้ำ หากยังไม่จุใจแนะนำ "ครัวระเบียงโรงนา" ร้านอาหารไทยสไตล์รีสอร์ท ติดริมน้ำ บรรยากาศดี มีความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่น ร้านอาหารไทยสไตล์รีสอร์ท เมนูอาหารส่วนใหญ่เน้นไปทางอาหารไทย ใครชอบทานอาหารไทยจะไม่ผิดหวังกับร้านนี้แน่นอน

นครปฐมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรและแหล่งเรียนรู้สำหรับคนรักกล้วยไม้ ในชื่อ "แอร์ ออร์คิดส์ แอนด์ แล็บ ซุปเปอร์มาร์เก็ต กล้วยไม้" ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 250 ไร่ ภายใต้โรงเรือนและระบบการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้นานาพันธุ์ เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับคนรักกล้วยไม้ตัวยง ที่นี่ยังมี The Flask Cafe by Air Orchids คาเฟ่ที่ให้บริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมชมอีกด้วย นอกจากนี้ "ดูบัว คาเฟ่ ฟาร์ม" สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกหนึ่งที่ที่ต้องติดใจ ล้อมรอบด้วยบึงบัวกว้างใหญ่ ที่นี่มีคาเฟ่ ร้านอาหาร ฟาร์มสัตว์ บริการจักรยานและเรือถีบให้ปั่นเล่น รวมถึงมุมให้นั่งชิล ถ่ายรูปสวย ๆ มากมาย เรียกได้ว่ามาที่เดียวเที่ยวคุ้มกันเลยทีเดียว



ส่วนใครที่มองหาที่พัก "ชวาลัน รีสอร์ท" อีกหนึ่งสถานที่ที่อยากแนะนำ ด้วยบรรยากาศบ้านพักริมทะเลสาบตกแต่งด้วยสวนและไม้นานาพรรณ อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และกิจกรรมต่าง ๆ ให้เลือกทำภายในรีสอร์ทรับรองไม่มีเบื่ออย่างแน่นอน   เรียกน้ำย่อยขนาดนี้ มีโอกาสแวะมานครปฐมต้องไล่เที่ยวให้ครบ จังหวัดนครปฐม ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่ไกลใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณจะพบที่เที่ยวครบรสในบรรยากาศที่หลากหลาย
#3713


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า จากมาตรการผ่อนปรม ศบค.ชุดใหญ่ที่ออกมาผ่อนคลายให้บางธุรกิจเปิดกิจการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้เป็นต้นไป ถือว่าจะทำให้ภาคธุรกิจการค้าการขายกลับมาดีขึ้นได้ในช่วงเวลาที่เหลือปีนี้ แต่ทุกอย่างจะต้องช่วยกันดูแลป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อโควิดเพิ่มเติมกลับมาได้อีก โดยหอการค้าไทย และคณะทำงานกลุ่มมาตรการสำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ (Business Resume) ภายใต้คณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยได้มีข้อเสนอเปิดเมืองปลอดภัย เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยต้องดำเนินกิจกรรมต่างๆให้ปลอดภัย และควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในระดับที่ความสามารถทางสาธารณสุขรองรับได้

ทั้งนี้เอกชนเห็นตรงกันการผ่อนคลายให้กิจการและธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการ ควรพิจารณาจากความพร้อมของพื้นที่และลักษณะของกิจการ โดยต้องประเมินและจัดลำดับความเสี่ยงของกิจกรรม เอกชนพร้อมที่จะเข้าไปจัดทำมาตรฐาน กระบวนการป้องกัน และกระบวนการรักษาความสะอาด เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่ยอมรับได้ รวมทั้งให้ธุรกิจเดินหน้าได้ โดยใช้ Digital Health Pass มาช่วยดำเนินการควบคุมการเปิดดำเนินการและการใช้บริการ

สำหรับระบบ Digital Health Pass เพื่อตรวจสอบประวัติการได้รับวัคซีน หรือผลการทดสอบ Rapid Test ของประชาชน ผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ โดยเชื่อมข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยืนยันและคัดแยกว่าประชาชนไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ เชื่อมโยงข้อมูลกับระบบที่มีอยู่ โดยระบบจะตรวจสอบข้อมูลจาก Centralized Portal ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่ 1.ผู้ออกเอกสารรับรอง (Issuers) เป็นข้อมูลจากส่วนกลางที่ระบุข้อมูล ทั้งข้อมูลการฉีดวัคซีน หรือผลการตรวจ ATK ที่จะเชื่อมโยงกับระบบปัจจุบันที่มีอยู่ได้ ซึ่งฐานข้อมูลสามารถแยกกันเก็บได้

2.ผู้ตรวจสอบคุณสมบัติในการเข้าสถานที่ (Verifiers) เจ้าของสถานประกอบการที่เป็นคนตรวจสอบก่อนให้เข้ามาในสถานประกอบการ โดยต้องกำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเข้าสถานที่ เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ โดยภาครัฐควรออกแนวปฏิบัติที่ชัดแจนออกมา

3.ประชาชนหรือบุคคลที่ขอเข้ารับบริการจากสถานที่ (Individual) ข้อมูลของแต่ละคน ที่จะต้องนำระบบ SMART PHONE หรือ QR CODE ซึ่งสามารถสั่งพิมพ์ออกมาได้ และเชื่อมข้อมูลไปยัง Issuers ว่าเป็นบุคคลนั้นๆ โดยจะแสดงข้อมูลเฉพาะว่า ผ่านหรือไม่ผ่านเท่านั้นเป็นต้น

โดยทุกมาตรการที่ภาครัฐออกมาโดยภาคเอกชนจะต้องร่วมมือกันเพื่อให้ทุกแนวทางเดินหน้าและป้องกันการแพร่เชื้อ แม้ว่าโควิด-19 ยังจะอยู่ไปอีกนาน ดังนั้นทุกแนวทางจะต้องทำเป็นแบบแผนและต่อเนื่องเพื่อให้ภาครัฐผ่อนคลายในกิจการอื่นที่ยังไม่ได้เปิดในรอบนี้ได้โดยเร็ว เพราะหากตามแผนงานของรัฐบาลประกาศไว้ในช่วงที่เหลือปีนี้จะมีวัคซีนเข้ามาฉีดให้กับประชาชนอีกจำนวนมาก เชื่อว่าเมื่อคนไทยทั้งประเทศมีภูมิป้องกันโควิด-19 ได้ โอกาสการเปิดเมืองและอีกหลายกิจการเพิ่มเติมจะเป็นสูง จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาดีขึ้น

"มองว่าจีดีพีไทยจะไม่ติดลบน่าจะเป็นบวก แต่จะแค่ไหนขึ้นอยู่กับทุกฝ่ายจะร่วมมือกัน และภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือแม้จะให้บางธุรกิจเปิดดำเนินการแต่อยู่ภายใต้จะต้องตรวจเชื้อทุกสัปดาห์โดยผ่านชุดตรวจ ATK นั้นเห็นว่าตรงนี้เป็นต้นทุนของเอกชน จึงอยากให้ภาครัฐจัดหาชุดตรวจในราคาถูกหรือให้นำค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปหักลดหย่อนภาษีได้"
#3714


นายพงษ์เทพ วิชัยกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (NCL)  เปิดเผยว่า   บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับบริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) หรือ DIMET เพื่อใช้บริการขนส่งทางเรือจาก NCL โดยเป็นตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต จำนวน 200 ตู้ต่อเดือนโดยประมาณ เป็นเวลา 12 เดือน (อ้างอิงค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต ตามราคาตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งมีมูลค่าประมาณประมาณ 680,000 บาท ต่อตู้ เพื่อจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศของบริษัท DIMET   โดยราคาตู้คอนเทนเนอร์จะแปรผันตามราคาตลาดโลก DIMET ยังได้ตกลงจะเช่ารถบรรทุกขนาดเล็กจาก NCL เพื่อใช้ในการขนส่งภายในราชอาณาจักรไทยอีกด้วย

 ทั้งนี้ ในส่วนของ  NCL มีความประสงค์จะพิจารณาใช้บริการขนส่งทางอากาศจากบริษัทพันธมิตรของ DIMET หรือ บริษัทที่ DIMET แนะนำมา ซึ่งเป็นการขนส่งจากราชอาณาจักรไทยไปสู่ประเทศไต้หวัน และจากประเทศไต้หวันไปสู่ประเทศอื่นทั่วโลก  

 "การร่วมมือทางธุรกิจกันในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของกลุ่มบริษัทฯ อีกทั้งเป็นการนำจุดแข็งทางธุรกิจของพันธมิตรแต่ละฝ่ายมาร่วมกำลังครั้งสำคัญ เพื่อสร้างปรากฎการใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และจะเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า NCL ตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาในการวางแผน และจัดหาวิธีขนส่งที่เหมาะสมที่สุด ที่สำคัญทำให้ลูกค้าสามารถขนส่งได้ตรงตามกำหนดเวลาภายใต้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด  ผมต้องขอขอบคุณ DIMET ที่ให้ความไว้วางใจเลือก NCL ซึ่งบริษัทฯ ให้คำมั่นจะดูแลและเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันตลอดไป" นาย พงษ์เทพ กล่าว
#3715


เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประกาศว่าหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ควบคุมได้แล้ว เป้าหมายต่อไปของสหรัฐอเมริกาคือจะทำทุกวิถีทางที่จะอวสานโรคมะเร็งให้ได้

เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวอยู่บ้าง เพราะลูกชายของเขา บิว ไบเดน (Beau Biden) ก็เสียชีวิตลงไปด้วยโรคมะเร็งร้ายตั้งแต่อายุเพียงแค่ 46 ปี

ไบเดนตั้ง ดร. อีริค แลนเดอร์ (Eric Lander) ศาสตราจารย์ทางด้านพันธุศาสตร์และคณิตศาสตร์ จากเอ็มไอที หนึ่งในผู้บุกเบิกโครงการจีโนมมนุษย์ ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาหลักทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพื่อผลักดันนโยบายวิจัยให้ตอบโจทย์นี้ให้ได้

แม้ว่าสหรัฐจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบนิเวศน์ที่สนับสนุนการผลักดันงานวิจัยออกไปสู่ธุรกิจนวัตกรรมออกมาได้อย่างน่าประทับใจจนหลายคนมองว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาส ​แต่ทว่าในมุมมองของนักบริหาร การผลักดันงานวิจัยจากห้องทดลองสู่การใช้งานจริงนั้นยังเกิดขึ้นน้อยกว่าที่คาดหวังไปมาก ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการให้ทุนแบบระมัดระวังเกินไป จนนวัตกรรมแบบไอเดียพลิกโลกนั้นแทบจะไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นมา

ไบเดนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแนวคิดในเรื่องการให้ทุนของสำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหม (Defense Advance Research Projects Agency, DARPA) หรือที่หลายๆ คนเรียกกันติดปากว่าดาร์พา

ดาร์พาตั้งขึ้นเมื่อปี 1958 หลังจากที่สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 (sputnik1) ขึ้นไปสู่วงโคจรของโลกได้เป็นผลสำเร็จ โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงฐานะเป็นผู้นำโลกทางด้านเทคโนโลยีอยู่


เพราะระบบการให้ทุนที่ไม่เหมือนใครของดาร์พาที่เน้นโครงการเสี่ยงสูง กำไงาม​ (high risk high rewards) จึงทำให้โครงการประหลาดๆ ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมแบบสุดโต่งที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีไปอย่ามหาศาล ตั้งแต่อินเตอร์เน็ต จีพีเอส โดรน ไปจนถึงวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ

โดยปกติแล้วกลไกการให้ทุนของแหล่งทุนทั่วๆ ไปคือจะจัดตั้งทีมผู้ทรงคุณวุฒิมานั่งอ่านแบบเสนอโครงการ ถามคำถาม ให้ความเห็นว่าจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนแล้วจบ อย่างมากก็อาจจะมีกลับมาอ่านอีกรอบเพื่อประเมินความก้าวหน้ารายปีแค่นั้น แต่ดาร์พาจะมีกลไกที่ต่างออกไป โดยทางดาร์พาเองจะไปยืมเอาตัวผู้เชี่ยวชาญศักยภาพสูงนับร้อยคนมาจากมหาวิทยาลัยหรือภาคอุตสาหกรรมมาเป็นผู้จัดการโครงการส่วนใหญ่ก็ระยะเวลาสามถึงห้าปี ผู้จัดการโครงการแต่ละคนจะต้องเกาะติดเรียกว่าเเทบจะเป็นหนึ่งในทีมวิจัยเลยก็ว่าได้ ทั้งต้องช่วยประสานงาน ขจัดอุปสรรคที่อาจจะมาขัดขวางการทำงาน ​กำหนดเดดไลน์และเข้าไปติดตามความก้าวหน้าของงานอยู่ตลอดเพื่อประเมินความก้าวหน้าและความเสี่ยงว่ามีโอกาสสำเร็จมากเพียงไร และควรจะให้การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ โดยมีไกด์ไลน์ในการประเมินที่ชัดเจนที่เขียนขึ้นมาโดยอดีตผู้อำนวยการดาร์พา จอร์จ เฮลเมเออร์ เรียกว่า "ชุดคำถามของเฮลเมเออร์​ (Heilmeier Catechism)"

เนื่องจากทุนของดาร์พาส่วนใหญ่เป็นแบบเสี่ยงสูง ประเด็นสำคัญคือผู้จัดการโครงการจะต้องมีช่องให้ล้มเหลว เพราะเมื่อไรที่ทุกคนกลัวว่าโครงการจะไปไม่รอด โครงการแบบเสี่ยงสูงแต่ให้ผลพลิกโลกจะไม่มีโอกาสได้เกิด โครงการที่บางทีดูล้ำจนหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นไปได้ยาก จนแหล่งทุนทั่วไปไม่กล้าให้เงิน ก็ยังอาจจะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากดาร์พาได้

จินตนาการ คือ มีผู้บริหารโครงการที่รู้จริงและเข้าใจมาช่วยตรวจสอบและผลักดันโครงการให้เป็นไปตามที่จะเป็น โอกาสที่จะดึงเอางานวิจัยขึ้นหิ้งให้ลงมาสู่ห้างก็อาจจะเป็นไปได้ และถ้ามีผู้จัดการโครงการที่เก่งและมีวิสัยทัศน์สูงๆ รู้ว่าเทคโนโลยีนี้จะตอบโจทย์เอกชนยังไงและใครจะเป็นพาร์ทเนอร์ในเชิงธุรกิจ งานวิจัยจะไม่จบแค่องค์ความรู้พื้นฐาน แต่จะถูกผลักดันให้กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน หรือแม้แต่ออกมาสู้กับวิกฤตต่างๆ ได้

ไบเดนมีแผนจะตั้งอาร์พา-เอช (ARPA-H) เพื่องานวิจัยด้านสุขภาพ ภายใต้ร่มของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ (National Institute of Health, NIH) เพราะมีพันธกิจตรงกันคือ "เพื่อค้นหาองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติและพฤติกรรมของระบบชีวิตและการประยุกต์ใช้องค์ความรู้นั้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มอายุขัย และลดการเจ็บป่วยและพิการ" โดยในปี 2022 นี้จะมีแผนการจะสนับสนุนงบประมาณจำนวน 6.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ เกือบๆ สองแสนสองหมื่นล้านบาทเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์แบบล้ำยุค อย่างวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอต้านมะเร็ง อุปกรณ์สวมใส่(wearable) เพื่อติดตามอาการโรคเบาหวานและอัลไซเมอร์แบบเรียลไทม์ ระบบพัฒนาวัคซีนภายใน 100 วัน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็คงต้องลุ้นต่อไปว่าจะแนวคิดการบริหารจัดการโครงการวิจัยแบบนี้จะไปได้ไกลถึงฝั่งฝันอย่างทีดาร์พาเคยทำไว้ได้หรือเปล่า

"การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในช่วงสิบปีข้างหน้าจะเห็นได้ชัดเจนกว่าที่เคยพบเจอมาในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมารวมกันเสียอีก เห็นได้จากความไวในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และอีกหลายๆ เทคโนโลยี" ไบเดน กล่าว "ผมไม่เห็นการลงทุนอะไรที่จะคุ้มค่ามากไปกว่านี้ และผมก็นึกไม่ออกว่าจะมีอะไรที่ทุกฝ่ายจะเห็นชอบร่วมกันได้แบบนี้อีก และมันอยู่ในขอบข่ายที่เราจะทำได้"

นอกจากอาร์พา-เอช เพื่อสุขภาพแล้ว สหรัฐยังมีโครงการอาร์พา-อี (ARPA-E) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน และอาร์พา-ซี (ARPA-C) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มต้นได้อย่างสวยงามและดูมีอนาคตไกล แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน แล้วจะมีอุปสรรคอะไร อย่างไรบ้าง คงต้องติดตามดูต่อไป

ในเวลานี้ หลายประเทศได้ริเริ่มองค์กรให้ทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศน์งานวิจัยใหม่แนวๆ เสี่ยงสูง กำไรงามแบบเดียวกับดาร์พากันบ้างเเล้ว เช่นสำนักงานวิจัยและประดิษฐ์ขั้นสูง (Advanced Research and Invention Agency) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าเอเรีย (ARIA) ในสหราชอาณาจักร โครงการมูนช๊อต (moonshot) ของญี่ปุ่น และโครงการ SPRIN-D ของเยอรมนี

นี่อาจจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจในการผลักดันเทคโนโลยีดีปเทคให้ไปได้ไกลกว่าที่เคยทำมา การสร้างระบบนิเวศน์วิจัยและวิชาการที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการผลักดันงานวิจัยนวัตกรรมให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่อุตสาหกรรม
#3716


ตามที่มีข่าวออกมากยังมีประชาชนกลุ่มเปราะบางที่อาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลือให้ทันท่วงที่ต่อผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 เลยทำให้นึกถึงการพัฒนากำลังคนของประเทศว่า ประชาชนกลุ่มเปราะบางกลุ่มไหน จะสามารถมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศด้านกำลังคน เพราะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยังต้องการกำลังคนมาสนับสนุนโครงการต่างๆ ในเขตอีอีซี

ผู้เขียนได้มีโอกาสทำงานด้านการพัฒนากำลังคนดิจิทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในภาระกิจของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาผลิตกำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศไทยเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 และกำลังพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล จากประสบการณ์มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการพัฒนากำลังคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันอาชีวศึกษา หรือบุคลากรในหน่วยงานที่มีการ upskill reskill new skill อยู่บ่อยครั้ง แต่หากมองออกไปที่กลุ่มอื่น ที่ยังไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมการส่งเสริมและช่วยเหลือมากนัก ก็จะเป็นกลุ่มที่อยู่นอกระบบ ซึ่งถ้าหากเราสามารถนำกลุ่มนี้กลับเข้ามาในระบบได้ก็เป็นดี จะได้มาเสริมกำลังคนในการพัฒนาประเทศ

กลุ่มประชากรที่อยู่ในระบบก็จะได้รับการส่งเสริมง่ายกว่ากลุ่มที่อยู่นอกระบบ เช่น โครงการ Schools Championship หรือ โครงการ depa Maker Spaces ของ depa ซึ่งเป็นโครงการที่ปูพื้นฐานด้วยองค์ความรู้ด้านโค้ดดิ้งให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมและมัธยมศึกษา หรือกลุ่มนักศึกษาและบุคลากรที่มีการจัดอบรมต่อยอดองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก จะอยู่ในรูปแบบของ reskill upskill และ new skill

กลุ่มประชาชนเปราะบางด้านการพัฒนกำลังคนนั้น คือ กลุ่มที่อยู่นอกระบบหรือแรงงานนอกระบบ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถเข้าอยู่ในระบบได้ เช่น การขาดโอกาสเข้ารับการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือออกจากระบบการศึกษาก่อนเวลาอันควร จากรายงานของ จากรายงานของ Organization for Economic Co-operation and Development (2019) รายงานว่าถึงแม้เมื่อปี 2552 รัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรีจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย 15 ปี โดยนับจากชั้นอนุบาล ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่ก็ยังปัจจัยอื่นที่ทำให้นักเรียนต้องออกจากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน

อย่างไรก็ตามหากประชาชนกลุ่มเปราะบางด้านการพัฒนากำลังคนได้รับโอกาสในการพัฒนาในทักษะขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพ ถึงอาจจะใช้งบประมาณสูง ใช้เวลานาน และความอดทนสูงก็ตาม เพราะจะต้องมีการวางแผนรอบด้าน ตั้งแต่การวางหลักสูตรที่เร่งรัดแต่มีประสิทธิภาพ จัดหาระบบที่เอื้ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเพื่อมาอบรม จัดหาแหล่งจ้างงานที่รองรับหลักจบจากหลักสูตร แต่หากมองในระยะยาว ก็ถึงว่าคุ้มที่จะลงทุนเพราะจะมีผลกระทบเชิงบวกในหลายมิติ เช่น ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพิ่มจำนวนประชากรที่มีคุณภาพทำให้กับสังคม เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนและหมุนเวียนเนื่องจากมีจำนวนผู้บริโภคเพิ่มขึ้น และที่สำคัญจะมีการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากเรามีบุคลากรเพียงพอในการรองรับธุรกิจที่จะมาตั้งในเขตอีอีซี และลดจำนวนการจ้างแรงงานจากต่างประเทศ

ADVERTISEMENT


ดังนั้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้คลี่คลาย ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่างๆ ควรร่วมมือกันวางแผนการส่งเสริมการอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางด้านการพัฒนากำลัง ประชากรกลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่มท้ายๆ ที่หลายคนไม่ได้นึกถึง เพราะอยู่นอกระบบ ทั้งที่เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและสามารถทำงานได้ เพียงแต่ขาดโอกาสในการพัฒนาและสนับสนุน ประชากรกลุ่มนี้ก็สามารถเป็นกำลังเสริมในการขับเคลื่อนประเทศได้
#3717


วันไหว้พระจันทร์ เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของคนจีนในทุกๆ ปี ซึ่งสำหรับในปีนี้ วันไหว้พระจันทร์ตรงกับวันที่ 21 กันยายน 2564 โดยขนมไหว้พระจันทร์ หรือ Moon Cake ได้กลายมาเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสิริมงคล และเป็นของไหว้ที่ขาดไปไม่ได้ "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" เลยได้รวบรวมขนมไหว้พระจันทร์จากแบรนด์ดังมาให้ได้ช้อปกัน โดยสามารถเลือกช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย 


ตั้งเซ่งจั้ว 

ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนหมอนทอง "ตั้งเซ่งจั้ว" สุดยอดขนมเปี๊ยบางคล้า อาณาจักรเบอร์หนึ่งแปดริ้ว จากร้านเล็กๆ ในชุมชนบางคล้า ก้าวขึ้นสู่แบรนด์ของฝากอันดับต้นๆ ประจำเมืองแปดริ้ว ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์ของทางร้านมี 2 รสชาติด้วยกัน มีทั้งไส้ทุเรียนหมอนทอง และแบบไส้ทุเรียนหมอนทองไข่เค็ม ซึ่ง 1 กล่องจะประกอบไปด้วยขนม 6 ชิ้น พร้อมแพคแยก โดยมีอายุการเก็บรักษา 1 เดือน อีกทั้งยังไม่ใส่สารกันบูดอีกด้วย


Starbucks (สตาร์บัค)

ขนมไหว้พระจันทร์ "สตาร์บัค" 2021 พร้อมเซ็ตสินค้าสุดพรีเมียม ที่พร้อมต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายรสชาติ โดยมาพร้อมกับกล่องข้าว และกระเป๋าสุดคลาสสิคถึง 2 สี ซึ่งรอบนี้ทางสตาร์บัคได้จัดความพรีเมียมให้คุณได้เป็นเจ้าของ และได้ลิ้มลองรสชาติถึง 2 เซตด้วยกัน


กอกใจเจ๋าเหล่า

ขนมไหว้พระจันทร์ "กอกใจเจ๋าเหล่า" หรือชื่อเดิมคือ "ก๊กจี่" เป็นภัตตาคารอาหารจีน และติมซำ เน้นรสชาติสูตรตำรับจากกวางตุ้งแท้ที่คนกวางตุ้งชอบ และยังเป็นผู้ผลิตขนมเปี๊ยะ โดยเฉพาะขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งทางร้านมีหลายรสชาติให้เลือกเป็นอย่างมากอย่างเช่น โหงวยิ้งหมูแฮมไข่เดี่ยว ทุเรียนหมอนทอง หรือแม้แต่ลูกบัวแมคคาดิเมียก็มี

เชียงการีลา

ภัตตาคาร "เชียงการีลา" มีเมนูพิเศษสำหรับปีนี้โดยเฉพาะกับ ขนมไหว้พระจันทร์รสส้มยูซุ - แมคคาเดเมีย ซึ่งต้องบอกเลยว่ามีจำนวนจำกัดเท่านั้น มาพร้อมกับดีไซน์สวยหรู กล่องเล็กสำหรับ 2 ชิ้น และกล่องใหญ่สำหรับ 4 ชิ้น 
#3718


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นสักขีพยานในพิธีประกาศความตกลงซื้อขายผลไม้ (MOP) ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า ผลไม้ไทยถือว่าเป็นสินค้าเป้าหมายสำคัญในการส่งออกเพื่อทำรายได้ให้กับประเทศ โดยในช่วง 7 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ยอดการส่งออกเฉพาะผลไม้สดและผลไม้แปรรูป มีมูลค่า 131,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.31% และได้ตั้งเป้าหมายปีนี้ทั้งปีว่าจะส่งออกเพื่อทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 180,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%
         
การส่งออกผลไม้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการจัด กิจกรรมสำคัญในการส่งเสริมการส่งออกผลไม้ไทยรวม 4 กิจกรรมใหญ่ ๆ ได้แก่ การจัดเจรจาจับคู่ทางการค้าออนไลน์ (Online Business Matching – OBM) เพื่อซื้อขายผลไม้ระหว่างผู้ส่งออกกับผู้นำเข้าต่างประเทศ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยในห้างสรรพสินค้าและในตลาดสำคัญในต่างประเทศ หรือที่เรียกว่า In Store Promotion การจัดกิจกรรม Thai Fruit Golden Month ในประเทศต่าง ๆ และการจัดกิจกรรมขายผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มสำคัญ ๆ ระดับโลก เช่น bigbasket ของอินเดีย Tmall ของจีน เป็นต้น
         
ทั้งนี้กิจกรรมที่ทำเกิดความสำเร็จเป็นอย่างมาก อย่างในจีน ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา จัดกิจกรรม Thai Fruit Golden Month ไปแล้ว 8 เมือง หนานหนิง ไห่หนาน ฉงชิ่ง ชิงเต่า เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู ต่าเหลียง ฝอซาน สามารถทำรายได้ ถึง 15,000 ล้านบาท และยังมีแผนงานในช่วงที่เหลืออีก 5 เมือง เซี่ยะเหมิน หนานชาง คุนหมิง อู่อั่น และหนานหนิง คาดว่าจะทำรายได้อีกไม่ต่ำกว่า 5000 ล้าน รวมแล้วเฉพาะ Thai Fruit Golden Month รวม 13 เมือง จะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้ เป็นการต่อยอดจากการจัดกิจกรรมเจรจาซื้อขายผลไม้ไทยในช่วงที่ผ่านมา 2 ส่วน คือ 1.การเจรจาจับคู่ซื้อขายของภาคตะวันออกของประเทศ โดยได้จัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 24-25 มี.ค.2564 มีผู้ส่งออกไทย 39 ราย ผู้นำเข้าจากต่างประเทศ 179 ราย จาก 37 ประเทศ เจรจาซื้อขายได้ 392 คู่ คิดเป็นเงิน 2,276 ล้านบาท ประเทศที่นำเข้าสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ฮังการี อินเดีย รัสเซีย และสหรัฐฯ โดยผลไม้ 5 ลำดับที่เจรจาสำเร็จ ได้แก่ ทุเรียน มะม่วง มะพร้าว สับประรด และมังคุด จากนั้นวันที่ 22-23 ก.ค.2564 จัดเจรจาซื้อขายผลไม้ในภาคใต้กับภาคเหนือมีผู้ส่งออกไทย 65 ราย ผู้นำเข้า 72 ราย จาก 20 ประเทศ ประสบความสำเร็จ 257 คู่ คิดเป็นยอดเงิน 1,865 ล้านบาท เป็นผู้นำเข้าจาก จีน เมียนมา อินเดีย ฮ่องกง และกัมพูชา ผลไม้สำคัญ ได้แก่ มะพร้าว สับปะรด มะม่วง และลำไย

โดยการเจรจาจับคู่ซื้อขายทั้ง 2 ครั้ง สามารถทำยอดได้ 4,141 ล้านบาท และกิจกรรมต่อเนื่องในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาทั้ง 2 ครั้ง โดยได้มีการประกาศจับคู่ที่กำหนดนัดหมายส่งมอบที่เป็นรูปธรรมแล้ว 21 คู่ เป็นเงินซื้อขายจริงที่จะชำระกัน 2,394 ล้าน จากยอดที่ตกลง 4,141 ล้านบาท หรือที่เรียกว่า MOP ตกลงซื้อขายจริง มี 21 คู่ เป็นผู้ส่งออกไทย 21 ราย ผู้นำเข้า 21 ราย จาก 16 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ลาว เมียนมา สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สเปน เกาหลี ไต้หวัน อินโดนีเซีย อาร์เจนตินา กัมพูชา ยูเออี และมาเลเซีย ผลไม้สำคัญ ได้แก่ ทุเรียน มะม่วง ลำไย มังคุด และมะพร้าว
         
"ผมได้ให้นโยบายไปยังพาณิชย์จังหวัด ซึ่งเป็นเซลส์แมนจังหวัด ทำหน้าที่ช่วยเจรจาจับคู่ซื้อขาย เพื่อที่จะระบายผลไม้ที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะลำไย ภาคเหนือ ลองกอง ภาคใต้ ที่กำลังจะออกตามมา โดยให้เชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างจังหวัดกับจังหวัด และขอให้ทูตพาณิชย์ ในฐานะเซลส์แมนประเทศ เร่งหาตลาดระบายผลไม้เพิ่มเติม และเตรียมแผนระบายในปีต่อไป เป็นการทำงานเชิงรุก อย่าให้มีปัญหาก่อนแล้วค่อยมาแก้  "นายจุรินทร์ กล่าว
#3719


นายชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เผยว่า ปัจจุบันตามที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย และเกิดผลกระทบต่อการใช้พื้นที่อาคารสำนักงานจากมาตรการทำงานที่บ้าน( Work From Home )แม้ในช่วงนี้ที่ความต้องการใช้พื้นที่อาคารสำนักงานจะลดน้อยลง อาคารหลายแห่งไม่ได้เปิดใช้งานเต็มพื้นที่ 100% แต่ในส่วนของพลัสฯ ก็ยังคงมีทีมงานประจำอยู่ในอาคาร โดยปรับจำนวนทีมงานให้สอดคล้องกับปริมาณการปฏิบัติงานในแต่ละโครงการ และมีการกำหนดมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัด เพื่อดูแลและตรวจเช็คระบบวิศวกรรมอาคารให้อยู่ในสภาพดีและสามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ในส่วนของผู้ใช้อาคาร ก็มีมาตรการดูแลคัดกรองผู้เข้ามาติดต่อในอาคารตามแนวทางของกรมควบคุมโรค และมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อเพื่อสุขอนามัยที่ดี ซึ่งนอกจากการดำเนินงานที่พลัสฯ มีมาตรฐานระดับสากลแล้ว ยังมีการปรับกลยุทธ์ เพิ่มมาตรฐานการดูแลที่ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีการเพิ่มการบริหารจัดการโดยคำนึงถึงเรื่อง "เฮลท์แอนด์เวลเนส " เพื่อดูแลผู้ใช้อาคารให้ผ่านสถานการณ์โควิด-19 ไปได้อย่างปลอดภัย โดยมีการตรวจคัดกรองผู้เข้าออกในอาคาร ตรวจวัดอุณหภูมิและซักถามประวัติความเสี่ยงของทีมงานและทีมคู่สัญญาที่เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่ มีการนำ เทคโนโลยีอัจฉริยะ มาใช้ควบคุมด้านงานระบบและการดูแลควบคุมคุณภาพอากาศในอาคาร มีการใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาดและเครื่องฉีดพ่นฆ่าเชื้ออัตโนมัติ รวมทั้งเครื่องสแกนตรวจวัดอุณหภูมิ เป็นต้น

ในส่วนของพลัสฯ เอง ได้มีประสบการณ์บริหารอาคารที่ได้รับรางวัลการันตรีด้านเฮลท์แอนด์เวลเนส โดยมีการดูแลและนำอาคารสิริแคมปัสผ่านการรับรองมาตรฐานสากล Fitwel ระดับ 3 ดาว ด้วยคะแนนสูงสุดในเอเชียประจำปี 2020 ซึ่ง "เฮลท์แอนด์เวลเนส" เป็นเมกะเทรนด์ที่มาแรงในวงการอาคารสำนักงานยุคใหม่ จากเดิมที่สังคมเริ่มตระหนักถึงความสำคัญและเริ่มหันมาสนใจในเทรนด์นี้ และได้รับแรงส่งซึ่งเป็นผลมาจากโควิด-19 และปัญหา PM2.5 ที่เป็นปัจจัยประตุ้นด้านการดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยที่ดีของผู้ใช้อาคาร เพื่อตอบโจทย์การทำงานและการใช้ชีวิตให้ผ่านสถานการณ์โควิด-19 ไปได้อย่างปลอดภัย


ดังนั้นธุรกิจดูแลบริหารจัดการอาคารต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับเมกะเทรนด์อาคารสำนักงานนี้ นอกจากนี้ ยังต้องมีการจัดการการใช้พื้นที่ในสำนักงาน ให้ตอบโจทย์รูปแบบสถานที่ทำงานแนวใหม่ ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้บริษัทต่าง ๆ มีการควบคุมค่าใช้จ่ายและลดความเสี่ยงจากการเช่าพื้นที่สำนักงานมากขึ้น จึงต้องจัดการใช้งานอย่างเหมาะสม มีรูปแบบการผสมผสานการทำงานนอกพื้นที่สำนักงานมากขึ้น ฝ่ายบริหารจัดการอาคารจึงต้องมีการทบทวน จัดลำดับความสำคัญในการบริหารพื้นที่ที่ต้องปรับเปลี่ยนรองรับวิถีการทำงานแบบใหม่นี้ ตลอดจนมีมาตรการและการดำเนินงานที่ดูแลด้านสุขอนามัยและป้องกันโรคระบาดเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้อาคารด้วย

"เฮลท์แอนด์เวลเนส คือเมกะเทรนด์ของการบริหารจัดการอาคารสำนักงานในยุคต่อจากนี้ นอกจากการดูแลอาคารแล้ว การดูแลผู้ใช้อาคารด้านสุขอนามัยและการมีสุขภาวะที่ดีจะเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญที่เจ้าของอาคารมองข้ามไม่ได้ ธุรกิจบริหารจัดการอาคารจึงต้องปรับรูปแบบการทำงานให้สอดรับกับเทรนด์แห่งโลกอนาคต ในส่วนของพลัสฯ ก็ได้มีการยกระดับการให้บริการดูแลอาคารอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับเมกะเทรนด์เหล่านี้ เพื่อส่งมอบบริการอย่างมืออาชีพด้วยมาตรฐานระดับสากล พร้อมการเป็นพาร์ทเนอร์เคียงข้างเจ้าของอาคารที่ครอบคลุมในอาคารทุกประเภท มุ่งยกระดับมาตรฐานอาคารไปสู่เป้าหมายร่วมกัน"

นายชาญ กล่าว ธุรกิจบริหารจัดการอาคารเพื่อการพาณิชย์ของพลัสฯ มีการปรับกลยุทธ์เพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 และพร้อมเดินหน้ารับงานโครงการใหม่ โดยขยายการดูแลบริหารอาคารให้ครอบคลุมในอาคารทุกประเภท ทั้งอาคารสำนักงานของภาครัฐและเอกชน คอมมูนิตี้มอล อาคารมิกซ์ยูส ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยปัจจุบันพลัสฯ ดูแลอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ของผู้ประกอบการทั้งในกลุ่มของธุรกิจธนาคารและการลงทุน ธุรกิจโรงพยาบาล สถานศึกษา และล่าสุดรับดูแลบริหารอาคารใน 3 โครงการใหม่ ได้แก่ 1.อาคาร WHA Tower อาคารสำนักงานระดับพรีเมียมย่านบางนา-ตราด พื้นที่ใช้สอยกว่า 52,000 ตารางเมตร 2.อาคารของกลุ่ม U City Group จำนวน 4 อาคาร จำนวน 4 อาคาร - TST Tower, The Grand Regent, The Royal Place 1, The Royal Place 2 รวมพื้นที่ 156,453 ตารางเมตร และ 3.กลุ่มอาคารหอพัก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จำนวน 4 อาคาร – อาคารกุลพิพัฒน์, อาคารพยาบารสถิต, อาคารนวไชยยันต์, อาคารนวราชูปถัมถ์ พื้นที่ใช้สอย 104,262 ตารางเมตร ทำให้ปัจจุบันธุรกิจบริหารจัดการอาคารเพื่อการพาณิชย์ของพลัสฯ มีพื้นที่บริหารรวมมากกว่า 2,300,000 ตารางเมตร
#3720
ตู้ลิ้นชัก อุปกรณ์ที่ให้ประโยชน์กับเรานั้นได้หลายรูปแบบ ให้ประโยชน์ได้มากมายหลากหลายตามที่เราต้องการเป็นอย่างมาก หลายคนอาจจะบอกว่า ตู้ลิ้นชักพลาสติก เอาไว้ใส่สำหรับเสื้อผ้าหรือเกี่ยวกับเครื่องนุ่งห่มของเราแต่เพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะในส่วนของเสื้อผ้า เราอาจจะเอาไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์อย่างอื่นก็ได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเอาไว้ในส่วนของเสื้อผ้าเราอาจจะแบ่ง ตู้ลิ้นชักใส่เสื้อผ้า ตรงนี้มาเป็นอุปกรณ์ในการเก็บพวกสบู่ แชมพู ยาสีฟันได้ด้วยเช่นกัน หรือบางครั้งการใช้อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะรวมไปถึงการเก็บของที่เหลือใช้สำหรับตัวเองได้อีกด้วย

การเก็บของที่เหลือใช้อาจจะเป็นในเรื่องของการเอกสารสำคัญ ที่เราไม่อยากให้คนอื่นนั้นได้มาพบได้มาเจอ การเก็บไว้ในห้องถือว่าเป็นการเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเหมือนกับเป็นตู้เซฟเล็ก ๆ สำหรับตัวเราเอง อาจจะไม่ได้เก็บของมีมูลค่ามากมายมากนัก แต่เชื่อได้ว่าห้องนอนของเราเป็นห้องที่เราเอาไว้สำหรับพักผ่อน ก็คงจะมีแต่เรากับคนที่เรารักเท่านั้นที่เข้ามาใช้งานได้ ในบางครั้งการเลือกใช้ตู้ลิ้นชักพลาสติกก็ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้ตามจุดต่าง ๆ ได้หลากหลายกันด้วย ปัจจุบันคนที่มีลูกหลานอยู่กับบ้านก็เลือกที่ใช้ ตู้ลิ้นชักพลาสติก ในการเก็บอุปกรณ์หลายอย่าง สอนให้เด็กใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้เหมาะสมกับสิ่งที่ตนเองนั้นควรจะต้องเก็บเอาไว้

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ตู้ลิ้นชักพลาสติก 1 ใบจะมีอยู่ประมาณ 3 ช่องเพราะอาจจะระบุทั้ง 3 ช่องให้มีการเก็บของที่แตกต่างกันออกไป สอนให้เด็กรู้ว่าของเล่นนั้นไว้ในส่วนล่างสุด ส่วนที่ 2 ถัดมาอาจจะเป็นการเตรียมอุปกรณ์ส่วนตัวของเด็กอย่างเช่น เสื้อผ้าหรือของที่ตนเองนั้นชอบหรือจะเป็นตุ๊กตาก็ได้ ในส่วนด้านบนของตู้สำหรับการเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนที่เด็ก ๆ นั้นชอบจะมีพื้นที่ส่วนตัวก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน

แต่ละบ้านควรจะมี ตู้ลิ้นชัก อย่างน้อย 2-3 ใบเอาไว้แยกอุปกรณ์การเก็บที่แตกต่างกันและถือว่าเป็นของใช้ประจำตัวของแต่ละคน ซึ่งราคาของตู้เหล่านี้ไม่ได้มีราคาแพง เลือกให้เข้ากับตัวบ้านก็กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ชนิดหนึ่งได้เป็นอย่างดี