สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทางการรัสเซียสั่งปิดกิจการที่ไม่จำเป็น ทั้งโรงเรียน ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร สถานที่เล่นกีฬา และสถานบันเทิงต่างๆ เป็นเวลา 11 วันจนถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน โดยหวังว่าจะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ลง (https://www.suratpost.com/Guestpost/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%AA-%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81/) หลังจากที่การฉีดวัคซีนดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเนื่องจากประชาชนไม่ยอมฉีดวัคซีน
สถานที่ซึ่งสามารถเปิดให้บริการได้มีเพียงร้านขายอาหาร ร้านขายยา และกิจการที่จำเป็นอื่นๆ ขณะที่ทางการพยายามลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา รัสเซียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 35,575 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 1,091 คน
รัฐบาลของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตั้งใจไว้ว่าจะฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 สปุตนิก วี ที่รัสเซียเป็นผู้พัฒนาเองให้กับประชาชน แต่ชาวรัสเซียกลับไม่ยอมฉีดวัคซีน โดยจากข้อมูลการฉีดวัคซีนบนเว็บไซต์ Gogov เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ระบุว่า มีชาวรัสเซียเพียง 32% เท่านั้นที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายปูตินได้สั่งหยุดงานแบบได้รับค่าจ้างทั่วประเทศระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม-7 พฤศจิกายน เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ต่อมาทางการมอสโกก็ดำเนินการตามด้วยการสั่งปิดกิจการที่ไม่จำเป็นในเมืองหลวงตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม-7 พฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ทางการไม่ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้านในช่วงวันหยุดดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชนหลายคนวางแผนที่จะใช้วันหยุดนั้นในการท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ