• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jessicas

#3901


LPN เผยไตรมาส2 มีกำไรสุทธิ 120.98 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 21.19 เหตุรายได้จากการขายอสังหาฯลดลงร้อยละ 20.30 เหตุการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่งวดครึ่งปีแรก กำไรสุทธิ ลดลงร้อยละ 34 เผยสถานการณ์ครึ่งปีหลังมีมุมมองเป็นบวก ปัจจัยบวกรัฐบาลเร่งกระจายฉีดวัคซีน ทุ่มไตรมาส 4 เปิด 5 โครงการรวด มูลค่า 5,000 ล้านบาท เผยเงินสดในมือลดลง 45.76

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปี 2564 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 120.98 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 21.19 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเกิดที่มีกำไรสุทธิ 155.72 ล้านบาท สาเหตุมาจาก

รายได้รวม 1,360.88 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.54 แบ่งเป็น รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ มีจำนวน 977.42 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20.30 มาจาก รายได้จากการขายโครงการอาคารชุดพักอาศัย ที่ลดลงร้อยละ36.58 อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ส่วนโครงการบ้านพักอาศัย มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 15

ในขณะเดียวกันรายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการ และธุรกิจบริหารเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 82.66 และร้อยละ 14.72 ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกระจายฐานรายได้ ซึ่งบริษัทดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 57.62 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายบริหารอยู่ที่ 175.72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24.39 และร้อยละ 8.65 ตามลำดับ เกิดจากค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลง และผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร ควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการดำเนินงาน

ในไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงอยู่ในวงกว้าง มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้าน 365 เมืองทอง เป็นโครงการบ้านพักอาศัยระดับพรีเมียม บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองทองธานี มูลค่าโครงการประมาณ 2,500 ล้านบาท

สำหรับ 6 เดือนหลังของปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทมีกำไรสุทธิ 243.85 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 34 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 370.40 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก บริษัทฯมียอดขายจำนวน 4,170 ล้านบาท แบ่งเป็น ร้อยละ 65 ของยอดขายมาจากโครงการอาคารชุดพักอาศัย แบ่งเป็นโครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ คิดเป็นยอดขายรวม 2,220 ล้านบาท และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างคิดเป็นยอดขายรวม 520 ล้าน และร้อยละ 35 ของยอดขาย มาจากโครงการบ้านพักอาศัย แบ่งเป็น โครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ คิดเป็นยอดขาย 460 ล้านบาท โครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบในไตรมาส 1 ปี 2564 คิดเป็นยอดขาย 800 ล้านบาท และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างคิดเป็นยอดขายรวม 170 ล้านบาท

บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) จ านวน 2,700 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2564 และปี 2565

"ในครึ่งปีหลัง บริษัทมีมุมมองเป็นบวก โดยคาดว่าสถานการณ์การระบาดโควิด-19 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ภายหลังจากภาครัฐดำเนินมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง โดยคาดว่า สถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มค่อย ๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4 นี้ โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 4 จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการอาคารชุดพักอาศัย 2 โครงการ และบ้านพักอาศัย 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค" นายโอภาส กล่าว

โดยหนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 444.88 ล้านบาท จาก 11,796.83 ล้านบาท เป็น 12,241.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.77 โดยสาเหตุหลัก มาจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เพื่อใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงการและการดำเนินงาน เพิ่มขึ้น 681.95 ล้านบาท จาก 9,691.95 ล้านบาท เป็น 10,361.44ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.91

จากผลข้างต้น ทำให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น และหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 0.82:1 เป็น 0.90:1 และ จาก 1.00:1เป็น 1.07:1 ณ 30 มิถุนายน 2564และ ณ 31 ธันวาคม 2563 ตามลำดับ หรือถ้าเทียบกับงวดเวลาเดียวกันของปีก่อน ลดลงจาก 0.95:1 เป็น 0.90:1 และจาก 1.16:1 เป็น 1.06:1 ซึ่งบริษัทยังคงรักษาวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด รักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน เพิ่มจำนวนเงินสดในมือเพิ่มจำนวนวงเงินกู้พร้อมเบิก ควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อลดต้นทุนในการบริหารจัดการ

สำหรับงบกระแสเงินสดรวมสุทธิ งวดสิ้นสุด 30 มิ.ย.64 ลดลงจำนวน 662.33 ล้านบาท จาก 1,447.34 ล้านบาท เป็น 785.01 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 45.76 สาเหตุหลักเกิดจากในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 บริษัทสำรองเงินไว้ 500 ล้านบาท ตามมติกรรมการบริษัทในการซื้อหุ้นคืน ซึ่งสิ้นสุดปลายปี 2563

ทั้งนี้ บริษัทมีการวางยุทธศาสตร์แผน 3 ปีข้างหน้า ให้เป็นช่วงของการขับเคลื่อนองค์กร ไปสู่การเป็นองค์กรที่มีอัตราการเติบโตในด้านของรายได้ และความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน ทั้งการเติบโตของรายได้ กำไร การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมกับการพัฒนาคุณภาพของที่อยู่อาศัยและบริการ

ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ในปี 2564 บริษัทจึงได้เริ่มมีการวางแผนโดยปรับโครงสร้างองค์กร (Reorganization) จากโครงสร้างการทำงานตามหน้าที่ (Functional Organization) สู่การบริหารงานในรูปแบบของหน่วยธุรกิจ (Business Unit) รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน (Digital Transform) เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการดำเนินงาน ภายใต้แรงกดดันที่มีต่อการดำเนินธุรกิจ จากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและยังไม่มีแนวโน้มที่จะคลี่คลายลง.
#3902


ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและ ท่าอากาศยานได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ -Drsamart Ratchapolsitte โดยมีเนื้อหาดังนี้

เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่รถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันเปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 หลายคนคงไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าสายนี้ใช้รางกว้าง 1 เมตร ไม่ใช้ 1.435 เมตร เหมือนรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หาคำตอบได้จากบทความนี้

บทบาทของรถไฟฟ้าสายสีแดง

รถไฟฟ้าสายสีแดงภายใต้การกำกับดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีบทบาทในการขนผู้โดยสารจากชานเมืองเข้าสู่ตัวเมืองหรือสถานีกลางบางซื่อ ตามแผนแม่บทในปัจจุบันด้านทิศเหนือขนคนจากบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ด้านทิศตะวันออกขนคนจากหัวหมาก ด้านทิศตะวันตกขนคนจากศาลายา และด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ขนคนจากมหาชัย ถือได้ว่ารถไฟฟ้าสายสีแดงทำหน้าที่เหมือน "กระดูกสันหลัง" ของโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ถึงเวลานี้เรามีรถไฟฟ้าใช้เป็นระยะทางยาวเท่าไหร่?

ถึงวันนี้ (6 สิงหาคม 2564) กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วรวมเป็นระยะทาง 209 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมดในแผนแม่บทรถไฟฟ้าประมาณ 560 กิโลเมตร หรือคิดเป็น 37% ของระยะทางทั้งหมด

จากระยะทางที่เปิดใช้แล้วทั้งหมด 209 กม. เป็นระยะทางที่เปิดใช้ก่อนสมัยรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 87 กม. และในสมัยท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ 122 กม. คิดเป็นระยะทางที่เพิ่มขึ้นในสมัยท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ 140% ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบรางของท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ รวมทั้งรัฐบาลหลายรัฐบาลที่ผ่านมาที่ได้ทำการศึกษาความเหมาะสม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ออกแบบ เวนคืนที่ดิน และเริ่มก่อสร้างบางสาย

รถไฟฟ้าใช้รางกว้างเท่าไหร่

โดยทั่วไปรถไฟฟ้านิยมใช้รางกว้าง 1.435 เมตร หรือที่เรียกว่า "รางรถไฟมาตรฐานยุโรป (European Standard Gauge)" ซึ่งเป็นขนาดรางที่ใช้ในกลุ่มประเทศยุโรป ทำให้ประเทศเหล่านี้สามารถให้บริการเดินรถไฟเชื่อมโยงระหว่างประเทศได้ ต่อมามักเรียกราง 1.435 เมตร กันติดปากว่า "รางรถไฟมาตรฐาน (Standard Gauge)" ไม่มีคำว่า "ยุโรป (Europe)" ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่ารางขนาด 1.435 เมตรเท่านั้น จึงจะเป็นรางมาตรฐาน ซึ่งไม่ถูกต้อง

รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ทุกสาย (ยกเว้นสายสีแดง สีทอง สีชมพู และสีเหลือง) ใช้รางกว้าง 1.435 เมตร ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีม่วง และแอร์พอร์ตลิงก์ รวมทั้งรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทอง สีชมพู และสีเหลืองนั้น เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้ระบบเดินรถต่างจากรถไฟฟ้าสายอื่น

รถไฟฟ้าสายสีทองซึ่งเปิดให้บริการแล้วจากสถานีกรุงธนบุรี (เชื่อมกับ BTS) วิ่งลอยฟ้าบนถนนกรุงธนบุรี ถนนเจริญนคร และถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินไปจนถึงสถานีคลองสาน เป็นรถไฟฟ้า APM (Automated People Mover) หรือรถไฟฟ้าไร้คนขับ ใช้ล้อยางวิ่งบนพื้นคอนกรีตโดยมีรางเหล็กวางอยู่ตรงกลางระหว่างล้อซ้ายขวาเพื่อช่วยนำทาง เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก APM เป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มาก

รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เป็นรถไฟฟ้า Monorail หรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยว ไม่ใช้คนขับเช่นเดียวกับ APM ใช้ล้อยางวิ่งบนรางคอนกรีตหรือรางเหล็กเพียงรางเดียว เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก

ทำไมรถไฟฟ้าสายสีแดงจึงใช้ราง 1 เมตร?

รางรถไฟขนาดความกว้าง 1 เมตร หรือที่เรียกกันว่ามีเตอร์เกจ (Meter Gauge) สามารถรองรับรถไฟฟ้าที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้ไม่เกินประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าความเร็วสูงกว่านี้จะต้องใช้รางกว้างขึ้น เช่น ขนาด 1.435 เมตร เป็นต้น

เหตุที่รถไฟฟ้าสายสีแดงใช้ราง 1 เมตร ทราบว่าการรถไฟฯ ต้องการให้รถไฟชานเมืองและรถไฟทางไกลซึ่งใช้ราง 1 เมตร สามารถใช้รางร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงออกไปชานเมืองไกลขึ้น เช่น ทิศเหนือไปถึงบ้านภาชี และทิศตะวันออกไปถึงฉะเชิงเทรา เป็นต้น ดังนั้นการใช้ราง 1 เมตร จะทำให้รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟชานเมือง และรถไฟทางไกลสามารถใช้รางร่วมกันได้ เป็นการประหยัดเงินลงทุนของประเทศ

ท่านมีความเห็นอย่างไรต่อเหตุผลของการรถไฟฯ ที่ออกแบบให้รถไฟฟ้าสายสีแดงใช้ราง 1 เมตร ไม่ใช้ราง 1.435 เมตร เหมือนรถไฟฟ้าสายอื่น?
#3903


"เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์" ตอกย้ำความเชื่อมั่นการคุ้มครองโควิด-19 ยืนยันให้ความคุ้มครองลูกค้าทุกรายที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ปัจจุบันจ่ายสินไหมแก่ลูกค้าที่ป่วยจากไวรัส โควิด-19 แล้วกว่า 560 ราย ล่าสุดขานรับนโยบาย คปภ เตรียมความพร้อมในการพิจารณาจ่ายสินไหม กรณี Home Isolation และCommunity Isolation พร้อมยืนหยัดอยู่ดูแลลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิต

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์กล่าวว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ที่ยังมีการติดเชื้อในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกรณีความไม่แน่นอนในการรับประกันภัยบางแห่งที่ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าที่ได้ทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตไว้เกิดความกังวลใจและสอบถามเข้ามาเป็นอย่างมากในภาวะวิกฤตนี้ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ยังคงยึดมั่นให้ความคุ้มครองลูกค้าทุกรายที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพของบริษัทฯ โดยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและไม่มีนโยบายในการยกเลิกสัญญาในกรมธรรม์แต่อย่างใด ซึ่งเจนเนอราลี่พร้อมคุ้มครองลูกค้าทุกราย ตามสิทธิในกรมธรรม์ ทั้งการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่าง ๆ และการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการจ่ายสินไหมแล้วกว่า 560 เคส เป็นสินไหมมรณกรรมให้แก่ลูกค้าประกันชีวิตที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว 10 ราย และสินไหมค่ารักษาพยาบาลในส่วนของประกันสุขภาพ ให้กับลูกค้าที่ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วกว่า 550ราย โดยผู้เอาประกันสามารถเข้ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน โดยไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่ายได้ที่โรงพยาบาลในเครือข่ายของบริษัท"



สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพของเจนเนอราลี่นั้นครอบคลุมการเจ็บป่วยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ รวมถึงการคุ้มครองการติดเชื้อโควิด-19 ทั้ง

การคุ้มครองการตรวจ การคุ้มครองการเข้ารับการรักษา ตามผลประโยชน์ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม (Field Hospital) และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) โดยล่าสุดได้ขยายความคุ้มครองการเข้ารับการรักษาพยาบาลแบบการดูแลตนเองที่บ้าน (Home Isolation) และการดูแลตนเองในระบบชุมชน(Community Isolation) ตามกฎเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ประกาศกำหนด ซึ่งเงื่อนไขและหลักปฏิบัติจะอ้างอิงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง โดยลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่​https://generali.co.th/services/covid-19-faq/ หรือติดต่อทางศูนย์ลูกค้า
สัมพันธ์ โทร 1394

"เจนเนอราลี่จะขอให้ความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าทุกคน ตามความมุ่งมั่นที่จะเป็น "Lifetime Partner" เพื่อส่งมอบความคุ้มครองดูแลให้แก่ลูกค้าในทุกช่องทาง
และพร้อมยืนหยัดดูแลลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิต และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้น
จากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 นี้ไปด้วยกัน" นายบัณฑิต กล่าวทิ้งท้าย

หมายเหตุ เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และตามประกาศ
ของกระทรวงสาธารณสุข
#3904
SSSLOTTO เว็ปแทงหวยออนไลน์ อันดับ 1 หวยรัฐบาลไทย หวยลาว หวยฮานอย หวยยี่กี หวยหุ้นทุกประเทศ ฝาก ถอน อัตโนมัติ เชื่อถือได้ 100% สมัครสมาชิกฟรี
สมัคร https://bit.ly/3lRp2jk

 
#3905
ราคา 4,500,000 บาท 
โทร 098.105.5779 นิรัน
แอดไลน์ 0981055779 ครับ

ขายทาวน์เฮ้าส์มือสองด่วน ทาวน์ อเวนิว พระราม 9 แสนสิริ โครงการคุณภาพ


Town Avenue Rama 9 ทาวน์เฮ้าส์ โครงการคุณภาพจาก บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 

ตั้งอยู่ใน ซอยกรุงเทพกรีฑา 7 (ซอยรามคำแหง 60) ถนนกรุงเทพกรีฑา (ถนนรามคำแหง) แขวงหัวหมาก เขตบางกระปิ กรุงเทพมหานคร 

ภายในโครงการประกอบด้วย 

ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ 20.40 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 162 ตารางเมตร 

3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องพักผ่อน แอร์ 4 ตัว และที่จอดรถ 2 คัน 

พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สวนส่วนกลาง ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง 

หน้าทางเข้าโครงการ มีตลาดมาร์เก็ตทูเดย์ เซเว่นอีเลฟเว่นโลตัส Express 

ใกล้ Airport Link หัวหมาก สถานีรถไฟฟ้า กรุงเทพกรีฑาตัดศรีนครินทร์

ราคา 4,500,000 บาท บ้านเลขที่ 22/116 หลังมุม เจ้าของขายเองไม่่ผ่านนายหน้า สนใจเข้าชมบ้านได้ตลอดครับติดต่อสอบถาม

โทร 0981055779 นิรัน
แอดไลน์ 0981055779 ครับ

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=75&t=7834136




















#3906


นาทีนี้เชื่อว่าชื่อ หนูนา - ยลภัทร แก้วกันเนตร คงติดหูคอเพลงลูกทุ่งบ้างแล้ว เมื่อเธอสามารถคว้าแชมป์ในรายการ ร้องต้องรอด ได้ติดต่อกันเป็นสมัยที่ 4 สะสมเงินรางวัลรวมสูงถึง 90,000 บาท!! และตำแหน่งแชมป์นี้ไม่ใช่ว่าจะได้มาแบบฟลุค ๆ เพราะทุกคนที่ได้ฟังเสียงของ หนูนา ต่างยอมรับว่าเธอนั้นเป็นนักร้องคุณภาพจริง ๆ ขนาดที่เหล่าคอมเมนเตเตอร์ยังบอกว่าคนที่จะมาโค่น หนูนา ลงได้ต้องสายแข็งมาก ซึ่งผู้ท้าชิงคนล่าสุดก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือตลกสุดจ๊าบ ปลาคราฟ เชิญยิ้ม ที่หลายคนมักจำเขาได้กับบทเพลง หน้าไม่ทันสมัย แม้ครั้งนี้จะไม่ได้ร้องเพลงประจำตัว แต่ก็สามารถฝ่าด่านระบบ AI ได้ฉลุย และเข้ามาลุยต่อในรอบชิงแชมป์

ซึ่ง ปลาคราฟ สู้เต็มที่แล้ว แต่ก็ต้านพลังเสียงของ หนูนา ไม่ไหว ต้องร่วงเวทีกลับบ้านไปก่อน เจ้าตัวบอกไม่เสียดายเลย เพราะแชมป์เก่งมาก ยินดีที่ได้มีโอกาสร้องเพลงด้วย



"วันนี้สนุกมากครับ ตอนแรกเห็นนุ้ย เชิญยิ้มมา ผมเลยอยากมาลองบ้าง พอเอาเข้าจริงเกร็งมากนะ ต้องวัดกับระบบ AI ซึ่งรอบแรกน้องต้องก็ร้องดีมาก แต่น้องเขาอาจจะเกร็งไปหน่อย ผมเลยผ่านเข้ามาได้ แต่พอมาเจอน้องหนูนา แค่เขาร้องท่อนแรกก็กระหึ่มเลย เขาร้องดีมาก ต้องยอมรับว่าเป็นนักร้องรุ่นใหม่ที่ร้องเพลงลูกทุ่งได้ดี ดีใจที่ได้มีโอกาสร้องเพลงบนเวทีเดียวกัน" ปลาคราฟ กล่าว


เมื่อถามถึงการดำเนินชีวิตช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากในปัจจุบัน ปลาคราฟ เล่าว่า "ช่วงนี้เปิดร้านส้มตำอยู่ที่เขาใหญ่ ชื่อร้านตะอำ ช่วงนี้ยังนั่งทานได้แต่ก็เว้นระยะห่างทำตามมาตรการเพื่อความปลอดภัย รายได้ก็พอประคองเลี้ยงตัวเองและลูกน้องในร้านได้ ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นก็น่าจะมีทิศทางที่ดี ผมอยากให้ทุกคนสู้นะครับ ตัวผมเองก็สู้ตลอด เมื่อต้องพักงานแสดง เราก็ผันตัวมาขายของ ต้องหาทางรอดให้ชีวิตต่อไป"



สุดท้าย ปลาคราฟ ฝากว่าสำหรับใครที่รู้ตัวว่าร้องเพลงดี ขอให้มีความมั่นใจ ฝึกฝนให้เยอะ แล้วมาสู้ในรายการนี้ ที่นี่มีโอกาสที่คุณจะคว้าเงินรางวัลกลับบ้านรออยู่ ทุกคนสามารถมา ร้องต้องรอด ได้เสมอ

โดยสามารถติดตามรายการได้ทุกวันจันทร์ - วันพุธ เวลา 18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 พร้อมติดตามข่าวสารได้ทาง Facebook : ร้องต้องรอด Standing Singer (https:// www.facebook.com/StandingSinger) และรับชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube : ZENSE Entertainment
#3907


เมื่อวันที่ 5 ส.ค.64  ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แจ้งว่า วันที่ 6 สิงหาคม 2564 เปิดยื่นความประสงค์ขอรับการจัดสรรวัคซีนตัวเลือก "ซิโนฟาร์ม" ระยะที่ 2 สำหรับองค์กร/นิติบุคคล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สำหรับองค์กร และนิติบุคคลที่ต้องการยื่นขอรับการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลได้ทุกประเภททั้งพนักงาน ครอบครัวพนักงาน แรงงานต่างชาติ ตั้งแต่ 100-3,000 คน

วิธีลงทะเบียน 

ลงทะเบียนจองวัคซีนโควิด "ซิโนฟาร์ม" ผ่านทาง http://vaccine.cra.ac.th
ตั้งแต่เวลา 08.08 น. (จำนวน 100,000 ราย)
เลือกเมนู "ยื่นความประสงค์ขอรับการจัดสรรวัคซีนสำหรับองค์กรและหน่วยงาน"
สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

1. เตรียมพร้อมข้อมูลสำหรับยื่นความประสงค์


ข้อมูลองค์กร/นิติบุคคล ประเภทการดำเนินธุรกิจ สถานที่ตั้งสถานประกอบการ
หนังสือจดทะเบียนบริษัท หุ้นส่วนจำกัด นิติบุคคล สมาคม มูลนิธิ
ข้อมูลผู้บริหารที่มีอำนาจลงนามสูงสูด สำเนาบัตรประชาชนพร้อมลงนามสำเนาถูกต้อง อีเมล*
ข้อมูลผู้ประสานงานโครงการ สำเนาบัตรประชาชนพร้อมลงนามสำเนาถูกต้อง อีเมล*
แจ้งจำนวนวัคซีนที่ต้องการขอรับจัดสรร
หมายเหตุ : อีเมลของผู้มีอำนาจลงนามสูงสุดและอีเมลของผู้ประสานงานต้องเป็นคนละอีเมล เพื่อการจัดส่งusername/password ในการเข้าระบบ

เตรียมพร้อม! จองวัคซีนโควิด 'ซิโนฟาร์ม' ระยะที่ 2 องค์กร/นิติบุคคล 8 โมงเช้า 6 ส.ค.นี้
เช็คสิทธิรับเงินเยียวยา 'ประกันสังคม' ม.33 โอนเข้า 'พร้อมเพย์' วันที่สาม
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยิ่งหนัก! พบเสียชีวิต 191 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 21,379 ราย
2. วัคซีนซิโนฟาร์ม อัตราสำหรับองค์กร/นิติบุคคล โดสละ 888 บาท

พร้อมร่วมช่วยเหลือสังคมด้วยการบริจาควัคซีนจำนวน 10% ของจำนวนวัคซีนที่ขอรับการจัดสรรให้กับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
#3908


ผลการจัดอันดับประจำปี 2021 ประกอบด้วยบริษัทจีน 143 แห่ง บริษัทสหรัฐ 122 แห่ง และบริษัทญี่ปุ่น 53 แห่ง Walmart ยังรักษาอันดับหนึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 8

นิวยอร์ก -- พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ในวันนี้ FORTUNE ได้ประกาศรายชื่อ FORTUNE Global 500 สำหรับปีงบการเงิน 2020 ซึ่งเป็นการจัดอันดับ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลกจากการประเมินรายได้ โดย Walmart คว้าอันดับหนึ่งเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน และเป็นครั้งที่ 16 นับตั้งแต่ปี 1995 ขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่ (รวมฮ่องกง) ยังคงมีบริษัทติดอันดับมากที่สุด ซึ่งเพิ่มขึ้น 11 บริษัทจากปีที่แล้วเป็น 135 บริษัท และเมื่อรวมไต้หวัน ทำให้มีบริษัทจากเกรทเทอร์ไชน่าติดอันดับรวมทั้งสิ้น 143 บริษัท ด้านสหรัฐติดโผเพิ่มขึ้น 1 บริษัทรวมจำนวนเป็น 122 บริษัท ส่วนญี่ปุ่นมีบริษัทติดอันดับคงที่เป็น 53 บริษัท ทั้งนี้ บริษัทในรายชื่อปี 2021 มาจาก 220 เมืองและ 31 ประเทศทั่วโลก และบริษัท FORTUNE Global 500 ปีนี้ มีซีอีโอหญิงรวม 23 คน เพิ่มขึ้น 9 คนจากปีที่ผ่านมา

บริษัทในทำเนียบ FORTUNE Global 500 ทำรายได้รวมกันมากกว่าหนึ่งในสามของจีดีพีโลก โดยทำรายได้ 31.7 ล้านล้านดอลลาร์ (ลดลง 5%) กำไร 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ (ลดลง 20%) และจ้างงาน 69.7 ล้านคนทั่วโลก

Apple (อันดับ 6) ทำกำไรได้ 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นบริษัทที่ทำกำไรสูงสุดในบรรดาบริษัท FORTUNE Global 500 ล้มแชมป์เก่า 2 สมัยอย่าง Saudi Aramco (อันดับที่ 14)

สก็อตต์ เดคาร์โล บรรณาธิการรายชื่ออันดับ FORTUNE 500 ประจำปี 2021 กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งเป็นผลพวงจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จะส่งผลในระยะยาวต่อธุรกิจทั่วโลก แต่หากหยิบภัยพิบัติดังกล่าวมาตัวเร่งปฏิกิริยา Global 500 ได้แสดงให้โลกเห็นถึงวิธีการปรับตัว วิวัฒนาการ และการสร้างตัวตนขึ้นใหม่ Global 500 เป็นภาพของโลกที่เราทิ้งไว้ข้างหลัง และเป็นแนวทางสำหรับสภาพแวดล้อมใหม่ที่กำลังก่อตัว"
บริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกในรายชื่อ FORTUNE GLOBAL 500 ได้แก่

Walmart (สหรัฐ)  
State Grid (จีน)
Amazon.com (สหรัฐ)
China National Petroleum (จีน)  
Sinopec (จีน) 
Apple (สหรัฐ)
CVS Health (สหรัฐ)
UnitedHealth Group (สหรัฐ) 
Toyota Motor (ญี่ปุ่น) 
Volkswagen (เยอรมนี) 

รายชื่อทั้งหมดได้ที่ https://fortune.com/global500/ หรือที่ www.fortunechina.com 

รับชมการนำเสนอภาพข้อมูลประวัติความเป็นมาของ Global 500 ได้ที่ https://qlik.fortune.com/global500/

ในบทบรรณาธิการของนิตยสาร FORTUNE ฉบับเดือนส.ค.-ก.ย. 2021 ไบรอัน โอคีฟี รักษาการบรรณาธิการบริหาร ได้เขียนไว้ว่า "การจัดอันดับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามรายได้ประจำปีของเรา ยังคงเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จของธุรกิจ แม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ แต่บริษัทที่อยู่ในรายชื่อเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ถึง 31.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา เทียบเท่ากับหนึ่งในสามของจีดีพีโลก นอกจากนี้ วิกฤตการณ์โควิด-19 ยังพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีบริษัทใหม่ 45 แห่งที่เข้าร่วมในรายชื่อปีนี้"

การจัดอันดับพิจารณาจากรายได้รวมประจำปีงบการเงินของแต่ละบริษัทซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่หรือก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2021 ทุกบริษัทที่อยู่ในรายชื่อต้องเปิดเผยรายงานและข้อมูลการเงินบางส่วนหรือทั้งหมดต่อหน่วยงานรัฐบาล โดยเป็นตัวเลขตามการรายงาน และเป็นการเปรียบเทียบกับตัวเลขของปีก่อนหน้าตามที่มีการรายงานเป็นครั้งแรกในปีนั้น
#3909



ผลการศึกษาระยะยาวโดยคณะนักวิทยาศาสตร์อิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน ร่วมกับบริษัทวิจัยตลาดอิปซอส เอ็มโออาร์ไอ ศึกษาการสว็อบ 98,233 ครั้งระหว่างวันที่ 24 มิ.ย.-12 ก.ค. พบว่า 160 ติดโควิด ด้วยอัตราความชุกที่ 1.21% สำหรับคนที่ไม่ฉีดวัคซีน และ 0.40% สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว

ผลการศึกษายังพบด้วยว่า คนที่ฉีดวัคซีนแล้วอาจส่งต่อไวไรัสไปให้คนอื่นน้อยกว่าคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนถึงสองเท่า


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่และนักวิทยาศาสตร์ในอังกฤษขอให้ประชาชนระมัดระวัง หลังรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดคุมโควิดทั้งหมดในอังกฤษเมื่อวันที่ 19 ก.ค. รวมถึงยกเลิกกฎหมายบังคับสวมหน้ากากในอาคารบางแห่ง

ขณะที่เอกสารรัฐบาลสหรัฐที่หลุดออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เตือนว่า การติดเชื้อในหมู่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่ได้เกิดขึ้นยากเหมือนเมื่อก่อน และเป็นการติดเชื้อที่ติดต่อกันได้ง่าย

นายพอล เอลเลียต อาจารย์วิทยาลัยสาธารณสุขของอิมพิเรียลและผู้อำนวยการโครงการสำรวจครั้งนี้กล่าวว่า ข้อค้นพบที่ได้ยืนยันข้อมูลก่อนหน้าที่ระบุว่า วัคซีนสองโดสให้ปกป้องการติดเชื้อได้ดี แต่ยังมีความเสี่ยงอยู่เพราะไม่มีวัคซีนตัวใดปกป้องได้ 100%

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจากกระทรวงสาธารณสุขลดลงนับตั้งแต่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุม ขณะที่ผลการสำรวจจากประชาชนชี้ว่า การติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นแต่ในอัตราช้าลง

เทรนด์นี้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ ที่คาดว่าการติดเชื้อใหม่ต้องพุ่งขึ้น การศึกษาของอิมพิเรียล-อิปซอสที่เก็บข้อมูลจนถึงวันที่ 12 ก.ค. พบว่า ช่วงนั้นผู้ติดเชื้อค่อยๆ เพิ่มขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า
#3910
ราคาขาย 35 ล้านบาท ราคาต่อรองได้ 
สนใจ ติดต่อ
เบอร์ 064.426.6359 (คุณเกียง) เจ้าของขายเอง
Line ID : LeeChieng

ขายด่วน โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น สไตล์โมเดิร์น พื้นที่กว้าง ทำเลดี บนถนนพระราม 3


​​บ้านเลขที่ 4 ซอย เจริญราษฎร์ 7 แยก 33 แขวง บางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120
  
ขายด่วน++ โฮมออฟฟิศมือหนึ่ง ติดโฮมโปร พระราม 3 
ปลูกใหม่บนพื้นที่เดิม สูง 4 ชั้น
บนพื้นที่ 44 ตร.ว. พร้อมพื้นที่รอบบ้าน

8 ห้องนอน  8 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 176 ตร.ม.
 
 
ชั้นที่ 1 : ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง + พื้นที่ส่วนกลาง + ห้องไฟ + ห้องนอนเเม่บ้าน + ห้องน้ำ 2 ห้อง (รวมด้านนอกอาคาร)
 ชั้นที่ 2 : ห้องพักอาศัย 2 ห้อง+  พร้อมห้องน้ำในตัว 2 ห้อง+ ระเบียงด้านนอก
 ชั้นที่ 3 : ห้องพักอาศัย 3 ห้อง + ห้อง น้ำ 2 ห้อง
 ชั้นที่ 4 : ห้องพักอาศัย 2 ห้อง+  พร้อมห้องน้ำในตัว 2 ห้อง + ระเบียงด้านนอก
 
ทุกห้องติดประตูกระจก เพิ่มความโปร่งสบาย รับแสง แต่แดดไม่ร้อน มีหลังคาบังด้านหน้า ใช้พื้นที่คุ้มทุกสัดส่วน ให้ทุกห้องดูกว้าง เหมาะทั้งทำงานและพักผ่อน
 
ตัวบ้านบิวท์อินทั้งหลัง บันไดออกแบบให้มีลักษณะทันสมัย ขึ้นลงขนย้ายข้าวของสะดวก ระเบียงทำองศารับเวลาฝนตก กันไม่ให้น้ำฝนเข้ามาในตัวบ้านและเอียงไหลลงท่อ
 
ติดตั้งหลอดไฟทุกห้องและตรงบันได
*ไม่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
 
ทางเข้าบ้านเป็นซอยใหญ่ เข้าได้จากทั้งเส้นเจริญราษฎร์หรือพระราม 3 ตั้งอยู่ในซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 33 (บ้านหลังที่สาม) ซอยนี้สงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน อยู่ใกล้โฮมโปรพระราม 3 และคอนโดสตาร์วิว
 
สามารถจอดรถภายในบ้านได้ 3- 4  คัน ประตูเปิดได้ทั้งซ้ายและขวา
 
ราคาขาย 35 ล้านบาท ราคาต่อรองได้ เจ้าของขายเอง
 
สนใจ ติดต่อ
เบอร์ 0644266359 (คุณเกียง) เจ้าของขายเอง
Line ID : LeeChieng

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=88&t=7832131
























#3911


ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโควิด-19 ยังแพร่ระบาดทั่วโลก แต่หลายประเทศเริ่มปรับตัวและรับมือเพื่อให้ภาคธุรกิจดำเนินต่อไปได้ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวได้สูงถึง 6% โดยได้อานิสงส์จากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อาทิ สหรัฐฯ จีน และบางประเทศในยุโรป โตมากกว่า 6% ซึ่งประเทศเหล่านี้มีสัดส่วนเกินกว่า 50% ของ GDP โลก เป็นผลจากความพร้อมในการผลิตวัคซีนเองและฉีดให้แก่ประชาชนของตนเองได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับความพร้อมของเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยต่อไปว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ โรงงานในบางพื้นที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากจนต้องหยุดการผลิต ท่ามกลางอุปสงค์ในประเทศที่ยังมีความเปราะบาง จนหน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญหลายแห่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวเพียงราว 1% ขณะที่การท่องเที่ยวยังรอวันฟื้น "การส่งออก" จะกลายเป็นพระเอกประคับประคองและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2564 ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวถึง 15.5% โดยได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาดี สินค้าไทยบางส่วนตอบรับกระแส New Normal ได้ดี และเงินบาทอ่อนค่า โดยคาดว่าในปี 2564 ภาคส่งออกจะขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 10% ขณะที่ปัจจัยลบที่ยังต้องจับตามองได้แก่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย การขาดแคลนวัตถุดิบและตู้คอนเทนเนอร์สำหรับธุรกิจส่งออก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดความชะงักงันของกิจการ Logistics ที่มีผู้ติดเชื้อและการตรวจสอบที่เข้มงวด จนทำให้จำนวนตู้คอนเทนเนอร์กลับเข้าสู่ภาวะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน

ดร.รักษ์ กล่าวว่า EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออกและการลงทุนระหว่างประเทศ ตลอดจนธุรกิจของผู้ประกอบการไทยที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ จึงขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง เร่งขับเคลื่อนการฟื้นตัวของภาคส่งออกและเศรษฐกิจไทยอย่างรวดเร็วตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการค้าระหว่างประเทศ โดย "พัฒนา 4 ปัจจัยสู้วิกฤตโควิด-19 ควบคู่กับการตอบโจทย์โลกวิถีใหม่" เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของภาคส่งออกและเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2564 ดังนี้



1. พัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ ตอบรับกระแส New Normal EXIM BANK จะเป็น Lead Bank สนับสนุนการลงทุนทั้งในและต่างประเทศในอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ พลังงานทดแทน พาณิชยนาวีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมสีเขียว ดิจิทัล และสุขภาพ (Green, Digital, Health : GDH)

2. พัฒนา SMEs ให้เป็นผู้ส่งออกรายใหม่เพิ่มมากขึ้น จากจำนวนผู้ส่งออก SMEs ของไทยในปัจจุบันมีไม่ถึง 1% ของ SMEs ทั้งประเทศซึ่งมีจำนวน 3.1 ล้านราย EXIM BANK พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำและอบรมบ่มเพาะผู้ประกอบการ SMEs ในทุกระดับ ผ่านกิจกรรมของศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของ EXIM BANK (EXIM Excellence Academy : EXAC) รวมทั้งให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะทำให้ SMEs เข้าสู่ธุรกิจส่งออกได้ทันที อาทิ สินเชื่อเครือข่ายครบวงจร (EXIM Supply Chain Financing Solution) เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ SMEs ที่เป็น Suppliers ของผู้ประกอบการรายใหญ่โดยไม่ต้องใช้หลักประกันเพิ่ม

3. พัฒนา Pavilion สำหรับการค้าออนไลน์ ภายใต้ชื่อ "EXIM Thailand Pavilion" เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยรายเล็กซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงช่องทางดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นวิธีการค้าขาย การโพสต์สินค้า ตลอดจนขีดจำกัดด้านเงินทุน มีโอกาสค้าขายกับคู่ค้าในต่างประเทศทางออนไลน์ได้อย่างประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับการสนับสนุนทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงินจาก EXIM BANK และหน่วยงานพันธมิตรควบคู่ไปด้วย

4. พัฒนาผลิตภัณฑ์ครบวงจรเพื่อเสริมสภาพคล่องและป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ไทย รวมทั้งมาตรการ "พักหนี้" และ "เติมทุน" เพื่อช่วยเหลือลูกค้าและผู้ประกอบธุรกิจส่งออกและเกี่ยวเนื่อง ผู้นำเข้า และนักลงทุนจากผลกระทบของโควิด-19 ตามนโยบายของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับนโยบาย Dual-track Policy ของ EXIM BANK ในการทำหน้าที่เป็น "ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank)" ขับเคลื่อนการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยให้ก้าวผ่านภาวะวิกฤตและมีโมเมนตัมการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว และยั่งยืน มุ่งสู่อุตสาหกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในโลกยุค ใหม่

ขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังทำหน้าที่เป็น
"ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs (One Stop Trading Facilitator for SMEs)" ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของภาคธุรกิจสามารถผันตัวเป็นผู้ส่งออกและขยายธุรกิจส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง มั่นคง และยั่งยืน โดย EXIM BANK จะเร่ง 'ซ่อม' ด้วยการช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่วิกฤตและกระตุ้นให้ตลาดกลับมาน่าสนใจ 'สร้าง' อุตสาหกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตและการดำเนินธุรกิจในโลกอนาคต 'เสริม' ความสมดุลของการค้าและการลงทุนในตลาดหลักควบคู่กับตลาด New Frontiers รวมทั้งบุกเบิกโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ ขณะเดียวกัน จะเป็นผู้ให้บริการครบวงจรร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรในการเติมความรู้ ทุน และศักยภาพ เพื่อช่วยให้ SMEs ค้าขายระหว่างประเทศได้อย่างประสบความสำเร็จและเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain ของผู้ส่งออกที่แข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างมั่นใจ

"EXIM BANK จะเร่งพัฒนาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะทำให้ภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทยเติบโตได้แม้ในภาวะวิกฤตและยั่งยืนต่อไปในอนาคต ซึ่ง EXIM BANK พร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและให้เครื่องมือทางการเงินสำหรับบริหารจัดการธุรกิจของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการนำเข้าเครื่องจักร และเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มมูลค่าสินค้า แม้ว่าผู้ส่งออกจะได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงในระยะสั้น แต่ภูมิคุ้มกันของผู้ส่งออกคือ ความแตกต่างอย่างโดดเด่นของสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในโลกยุคใหม่ภายใต้วิถีใหม่ในระยะข้างหน้าได้" ดร.รักษ์ กล่าว
#3912


แม้ความท้าทายในแวดวงสาธารณสุข จะเกิดขึ้นมายาวนานก่อนไวรัสโควิด-19 เห็นจากแนวโน้มด้านประชากรศาสตร์ เช่น โครงสร้างสังคมผู้สูงอายุทั่วโลก การเพิ่มขึ้นอย่างมากของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคอ้วน และเบาหวาน การขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุข 

องค์กรอนามัยโลก คาดการณ์ว่า โลกจะขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุขราว 13 ล้านคนภายในปี 2035 หรือค่าเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ความมั่นคงด้านการเงินของระบบสาธารณสุขเป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นเดียวกัน

"นครินทร์ เทียนประทีป" ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวในประเด็นนี้ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกกลายเป็น disruption อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่งผลให้ระบบบริการด้านสาธารณสุขทั่วโลกถูกทดสอบอย่างหนัก และโครงสร้างสังคมผู้สูงอายุทั่วโลกที่รวมถึงประเทศไทยที่ก้าวสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์แล้วในปี 2564 นี้ 

การเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีเข้าสู่ยุคดิจิทัล เช่น ระบบระเบียนสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EHR) การจัดการกับข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมหาศาลด้วย "เอไอ" หรือ "แมชชีน เลิร์นนิ่ง" เพื่อส่งมอบบริการที่ดีขึ้นให้คนไข้ หรือเพื่อประโยชน์ด้านวิจัยของวงการการแพทย์ จึงมีบทบาทสำคัญ ช่วยยกระดับขีดความสามารถบริการด้านสาธารณสุข ที่ก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างมหาศาลอีกต่อไป 

เพียงใช้เทคโนโลยีทุกอย่างภายใต้การบริการ หรือ Everything-as-a-service จะทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้บริการด้านสาธารณสุขเป็นไปอย่างราบรื่น

ระบบ EHR ตัวแปรเปลี่ยนผ่าน

ระบบระเบียนสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EHR (The Electronic Health Record) หนึ่งตัวแปรสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีของวงการสาธารณสุขเข้าสู่โลกของดิจิทัล เริ่มจากเก็บข้อมูลสุขภาพผู้ป่วย ข้อมูลตรวจวินิจฉัย และผลลัพธ์อื่นผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค อุปกรณ์ในห้องตรวจวินิจฉัยโรค หรืออุปกรณ์อื่นขึ้นสู่ระบบดิจิทัล เพื่อแพทย์และพยาบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของผู้เข้ารับการรักษาแค่เพียงปลายนิ้ว

ระบบ EHR รุ่นใหม่ ไม่ใช่แค่ปรับปรุงบริการด้านคลินิค การดำเนินงาน แต่ยังรวมถึงการส่งมอบประสบการณ์การสื่อสารที่ดีขึ้นระหว่างพยาบาล ผู้ป่วยคู่กับการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูง 

ยิ่งกว่านั้น ยังมีส่วนสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจาก การจ่ายเงินแลกบริการ (fee-for-service) เป็น ดูแลแบบเน้นคุณค่า (value-based care) เพื่อเชื่อมกระบวนการเบิกค่ารักษาพยาบาลที่สะดวกรวดเร็ว พัฒนาขีดความสามารถระบบ workflow ใช้ข้อมูลเพื่อให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มการตัดสินใจที่แม่นยำในการดูแลรักษาผู้ป่วยให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

แพลตฟอร์ม EHR มุ่งเน้นโครงสร้างจัดการแบบยืดหยุ่น ขยายผลสู่การให้บริการการสาธารณสุขทางไกล ที่มีการผลักดันอย่างมากก่อนการระบาดของโควิด-19 ต่างเห็นตรงกันว่า เป็นแพลตฟอร์มสำคัญต่อการพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยแบบยั่งยืน ทำงานผ่านแอพพลิเคชั่น ที่ประกอบด้วย รูปแบบบริการตนเองและเฝ้าติดตามสุขภาพแบบอัตโนมัติ การควบคุมเข้าถึงหรือเคลื่อนย้ายข้อมูลด้าน EHR ผ่านช่องทางหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อย่างปลอดภัย พร้อมการตอบรับความต้องการของผู้ป่วยด้านความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงบริการได้สมบูรณ์ในแพลตฟอร์มเดียว

ตอบโจทย์ข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น

เดิมการใช้คลาวด์สาธารณะน่าจะเป็นคำตอบสำหรับระบบจัดการข้อมูลด้านสาธารณสุขที่เต็มไปด้วย ด้วยปริมาณข้อมูลที่เติบโตชนิดคาดการณ์ไม่ได้ รวมถึงความซับซ้อนและหลากหลายของข้อมูล เช่น จากแผนกรังสีวิทยา แผนกโรคหัวใจ ภาพนิ่งจากศูนย์รักษาแผล (Wound Care Center) วิดีโอจากการศึกษาเรื่องการนอน การเดิน, ศัลยกรรม และอีกมากมาย แต่เรื่องความปลอดภัยของข้อมูล และข้อบังคับเรื่องความเป็นส่วนตัวในแต่ละประเทศ (jurisdictions) อาจทำให้การใช้คลาวด์สาธารณะเป็นเรื่องยุ่งยาก ยิ่งกว่านั้น อาจจะยิ่งผลักดันต้นทุนการเข้าถึงข้อมูลบนคลาวด์สาธารณะสูงตามไปอีกด้วย

ดังนั้น การสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยในองค์กร (on-premises storage) ซึ่งทางเทคนิคอาจหมายถึงการจัดเก็บในดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรเอง หรือจากการใช้บริการ co-location จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีกว่า ซึ่งการจัดหาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (storage) สามารถทำได้หลายระดับขึ้นอยู่กับความต้องการในการเข้าถึงข้อมูล หรือจากวิกฤตของความต้องการใช้งาน HPE Nimble Storage Adaptive Flash Arrays เป็นทางเลือกเริ่มต้นที่เข้มแข็ง เหมาะกับทั้งการทำงานในระดับ primary และ secondary และยิ่งร่วมกับความสามารถในการวิเคราะห์จาก HPE InfoSight แล้ว ก็จะยิ่งทำให้การคาดการณ์และป้องกันปัญหาทั้งระบบของการจัดเก็บข้อมูลเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้น ความสามารถอื่นเช่น intelligent deduplication ก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บในระดับที่หาตัวจับยาก และช่วยให้ใช้การจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเต็มความจุ

นอกจากนี้ ยังมีตัวแปรสำคัญอื่นที่ท้าทายต่อการลงทุน คือ ระยะเวลาที่ยาวนานของการจัดสรรงบประมาณและกระบวนการจัดซื้อ ทางออกปัญหาด้านงบประมาณ คือ การจ่ายค่าบริการตามการใช้งานจริง ซึ่งเริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์องค์กรในการก้าวข้ามผ่านความท้าทายเหล่านี้ หลีกเลี่ยงการลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้น ขณะเดียวกัน ยังได้ความคล่องตัวสร้างนวัตกรรมด้านดิจิทัล ด้วยค่าใช้จ่ายด้านไอทีที่น้อยลงเท่ากับปริมาณที่ใช้งานจริงเท่านั้น

ยิบอินซอย ยกตัวอย่างถึง ผลศึกษาฟอร์เรสเตอร์ระบุถึงการนำ HPE Green Lake บริการด้านฮาร์ดแวร์ โซลูชั่น และควบคุมค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนในรูปแบบของคลาวด์ตามการใช้งานจริง ไปปรับใช้ในองค์กรสาธารณสุข พบว่า มีผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มขึ้น 163% ประหยัดเวลาพัฒนาบริการสาธารณสุขเพื่อส่งต่อให้ลูกค้า คิดเป็นตัวเงินได้สูงถึง 2.5 ล้านดอลลาร์ 

ทั้งนี้ HPE GreenLake เป็นวิธีการให้บริการแบบ Everything-As-a-Service ช่วยให้ธุรกิจ และองค์กรทั่วโลกนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เสริมประสิทธิภาพดำเนินงานได้รวดเร็ว ง่าย และหลากหลาย ส่งต่อประสบการณ์ทำงานแบบคลาวด์ให้เกิดขึ้นได้ในองค์กร บริการดูแลจัดการชนิดเต็มรูปแบบ คิดค่าบริการตามการใช้งานจริง

 
#3913
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#3914


เผยรัฐประกาศเพิ่มล็อกดาวน์ 29 จังหวัดมีความจำเป็น ประมาณการความเสียหายอสังหาฯ ไตรมาส 3 กว่า 40,000 ล้านบาท พฤกษาฯ คาดลูกค้าเยี่ยมโครงการหาย 20% มั่นใจดิจิทัลมาร์เกตติ้ง-แคมเปญกระตุ้นลูกค้าตัดสินใจช่วยรักษารายได้ตามเป้า ชี้ปลดล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง หนุนรายได้ หลัง 7 คอนโดรอโอนปี 64 กลับมาก่อสร้างตามกำหนด ด้าน "ฟินิกซ์" ชี้ล็อกดาวน์เพิ่มไม่กระทบอสังหาฯ มากกว่าในปัจจุบัน แค่ตอกย้ำความเลวร้ายสถานการณ์โควิด-19

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า การล็อกดาวน์เพิ่มเป็น 29 จังหวัด เป็นสถานการณ์ที่จำเป็น แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยคาดว่าผลกระทบจากการประกาศล็อกดาวน์เพิ่มอีก 1 เดือน จะส่งผลต่อจีดีพีของไตรมาสที่ 3 ให้หดตัวค่อนข้างมาก ขณะที่ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในครั้งนี้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท ส่วนผลกระทบต่อพฤกษาฯ นั้น คาดว่าจะมีผลต่อยอดการเข้าเยี่ยมชมโครงการลดลงกว่า 20%

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาพฤกษาฯ มีการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ผลกระทบดังกล่าวไม่มีผลต่อยอดขายในไตรมาสนี้มากนัก ส่วนผลกระทบที่ค่อนข้างหนักในช่วงนี้ คือ การชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ซึ่งเป็นผลกระทบด้านจิตวิทยาที่มีต่อความเชื่อมั่น ทำให้มีการเลื่อนการตัดสินใจออกไปในระยะนี้ แต่อย่างไรก็ตาม พฤกษาฯ ได้มีการจัดแคมเปญกระตุ้นการตัดสินใจลูกค้าด้วยแคมเปญใหม่ๆ ซึ่งทำให้ลูกค้าที่มีความพร้อมตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น เพราะการซื้อในช่วงนี้จะได้บ้านในราคาที่ดี และช่วยพฤกษาฯ สามารถรักษาเป้ายอดขายได้

ส่วนกรณีการปลดล็อกดาวน์การปิดแคมป์คนงานก่อสร้างนั้นจะส่งผลดีต่อภาคการก่อสร้างของผู้ประกอบการโดยรวม ขณะที่พฤกษาฯ จะได้อานิสงส์จากการปลดล็อกดาวน์ ทำให้งานก่อสร้างกลับมาเดินหน้าตามกำหนด ซึ่งจะช่วยให้มีกระแสเงินสดจากการทยอยโอนห้องชุดจาก 7 โครงการ ซึ่งครอบคลุมทุกแบรนด์ ทุกเซกเมนต์ในตลาดคอนโดที่กำลังจะก่อสร้างเสร็จและทยอยส่งมอบในปี 64 นี้ โดยจะทำให้มีรายได้จากการโอนใน 7 โครงการดังกล่าว 5,000-6,000 ล้านบาท หรือกว่า 50% ของโครงการทั้งหมด

ขณะเดียวกัน ในกลุ่มสินค้าแนวราบซึ่งพฤกษาฯ มียอดขายล่วงหน้าไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาทนั้น จะสามารถกลับมาเร่งงานก่อสร้างเพื่อให้สามารถส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้ทันตามกำหนด ซึ่งจะช่วยให้พฤกษาฯ มีรายได้จากการโอนในกลุ่มสินค้าเข้ามาเพิ่มในไตรมาสนี้อีกส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การเร่งงานก่อสร้างนั้น พฤกษาฯ จะต้องดำเนินภายใต้การมาตรการ "บับเบิล แอนด์ ซีล" (bubble and seal) ซึ่งเป็นการควบคุมแรงงานก่อสร้าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดการติดเชื้อ โดยแรงงานต้องควบคุมการเดินทางระหว่างที่ทำงานกับที่พักอาศัยตามข้อกำหนดที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำหนดไว้

"เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในแคมป์คนงาน พฤกษาฯ ได้เตรียมวัคซีนไว้ฉีดให้แรงงานก่อสร้างกว่า 10,000 คน นอกจากนี้ ยังวางมาตรการควบคุมดูแลแรงงานก่อสร้างเพื่อให้สอดรับกับมาตรการภาครัฐด้วย"

ด้าน นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า การประกาศเพิ่มพื้นที่ล็อกดาวน์เพิ่มเป็น 29จังหวัดนั้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพราะตลาดในขณะนี้ค่อนข้างแย่อยู่แล้ว แต่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทำให้เกิดการชะลอตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้นเพราะเป็นการตอกย้ำว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้เลวร้ายจริงๆ และยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ อย่างหนักไม่ใช่เพียงแค่การวิตกมากเกินไปเหมือนกับช่วงปีก่อนหน้า

"กลุ่มคนที่กำลังจะซื้อที่อยู่อาศัยอาจจะชะลอซื้อไปไม่รีบร้อนซื้อที่อยู่อาศัยในขณะนี้ แต่กลุ่มที่ผ่านขั้นตอนขอสินเชื่อและได้รับการอนุมัติแล้วน่าจะไม่มีการยกเลิกการตัดสินใจซื้อ"

ส่วนการปลดล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างนั้นน่าจะส่งผลดีต่อโครงการที่มีแผนจะโอนในปีนี้ ซึ่งหลังการปลดล็อกดาวน์คาดว่าจะทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเร่งระดมแรงงานตามไซต์งานต่างๆ เร่งงานก่อสร้างโครงการที่จะส่งมอบหรือโอนในปีนี้เพื่อให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนดซึ่งจะทำให้ได้รับค่างวดงานก่อสร้างเข้ามาใช้เป็นกระแสเงินสดในการดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมาทำให้แรงงานก่อสร้างในระบบหายไปค่อนข้างมาก ดังนั้น แม้จะปลดล็อกดาวน์แล้ว สถานการณ์ขาดแคลนแรงงานในตลาดก็จะยังไม่ดีขึ้น

https:// m.mgronline.com/stockmarket/detail/9640000075602
#3915
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3916


ฟุต.ทีมชาติไทย อันดับฟีฟ่าร่วงมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก หล่นจาก 106 มาอยู่ที่ 123 ในการประกาศอันดับเดือน ส.ค.
จากผลพวงของการตกรอบ

ภายหลังการแข่งขันฟุต.โลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ทีมชาติไทย ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง จากผลงาน 3 นัดสุดท้าย ประกอบด้วย

- เสมอ อินโดนีเซีย 2-2
- แพ้ ยูเออี 1-3
- แพ้ มาเลเซีย 0-1

ซึ่งนอกจากจะอดเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ฟุต.โลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชียแล้ว ยังส่งผลต่ออันดับโลกล่าสุดด้วย ทั้งนี้แม้จะต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจาก "ฟีฟ่า" ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้

ทว่าจากการคิดคะแนนที่ทีมชาติไทย เสมอ อินโดนีเซีย และ แพ้ มาเลเซีย ซึ่งทั้งสองชาติล้วนมีอันดับต่ำกว่า ส่งผลให้ทีมชาติไทย จะมีอันดับลดฮวบฮาบ จากอันดับ 106 ลงมาอยูที่ 123 ของโลก อันดับลงลงถึง 17 อันดับ และยังมีอันดับตกลงมากที่สุดของโลกในรอบการจัดอันดับครั้งนี้อีกด้วย

ซึ่งแม้อันดับโลกจะรูดขนาดนี้ แต่ทีมชาติไทย ยังคงเป็นเบอร์ 2 ของอาเซียนอยู่ดี โดยมี เวียดนาม อยู่อันดับที่ 92 ของโลก เป็นเบอร์ 1 ของภูมิภาคเช่นเดิม
#3917


วันนี้ยังคงเกาะติดกระแสความสนใจของประชาชน กรณีการแจกเงินเยียวยา แรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ที่ประกาศ ล็อกดาวน์ โดยประกันสังคม เปิดลงทะเบียนผ่าน www.sso.go.th 

เช็คอัพเดทล่าสุด มีการสอบถามกันมากว่า ผู้ประกันตนตาม มาตรา 33 (ม.33) , มาตรา 39 (ม.39) และมาตรา 40 (ม.40) จะได้รับ "เงินเยียวยาโควิด" เมื่อไหร่ ตรวจสอบสิทธิรับเงินเยียวยา ผ่านออนไลน์ คลิก 

คำตอบจาก นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ ดังนี้


จ่ายเงินเยียวยา มาตรา 33 

วันที่ 4 - 6 สิงหาคมนี้ จะดำเนินการโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ ให้กับลูกจ้าง มาตรา 33 ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม 10 จังหวัดแรก ใน 9 กิจการ สำหรับลูกจ้าง มาตรา 33 ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้มอีก 3 จังหวัดที่ประกาศเพิ่มเติม จะดำเนินการโอนเงินในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ต่อไป 

ก่อนหน้านี้ รมว.แรงงาน เปิดเผยให้กลุ่มผู้ประกันตน ม.40 ว่า จะเริ่มต้นจาก สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประชุมร่วมกับคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ กับกระทรวงการคลัง จากนั้นจะมีการเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 10 ส.ค. 64 เมื่อผ่านการอนุมัติจากที่ประชุม ครม. ก็จะทำเรื่องส่งกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และโอนมาให้กระทรวงแรงงาน ก่อนจะทำการจ่ายเงินผ่าน "พร้อมเพย์" ที่ผูกกับบัตรประชาชน คาดว่าจะจ่ายได้ประมาณวันที่ 20 ส.ค. เป็นต้นไป

และล่าสุดได้รับคำตอบจาก "สำนักงานประกันสังคม" ว่า ตามประกาศล่าสุดวันที่ 24 ส.ค. 64


ทั้งนี้ ผู้ประกันตนทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33, มาตรา 39 หรือ มาตรา 40 ต่างก็สามารถ ตรวจสอบสถานะ การเป็นผู้ประกันตนด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ผ่านระบบ อีเซอร์วิส ของประกันสังคม ผ่านเว็บไซต์ของประกันสังคม  คลิกที่นี่

หากมีข้อสงสัยสอบถามสายด่วนประกันสังคม 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ คุณสมบัติของ "แรงงานอิสระ" หรือผู้ประกอบ "อาชีพอิสระ" ที่จะสมัครประกันสังคม มาตรา 40 ได้มีดังนี้ 

- มีสัญชาติไทย
- อายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
- แรงงานอิสระหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- ไม่เป็นลูกจ้างในบริษัท ห้างร้าน โรงงาน (ม.33)
- ไม่เป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ  (ม.39)
- ไม่เป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- ผู้ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยขึ้นต้นด้วยเลข 0,6,7 (ยกเว้นขึ้นต้นด้วย000)
- ผู้พิการที่รับรู้สิทธิก็สมัครได้

โดยผู้ประกันตน สามารถเลือกจ่ายเงินสมทบได้ 3 ทางเลือก ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ ที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

ทางเลือกที่ 1 จ่าย 70 บาท : เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต
ทางเลือกที่ 2 จ่าย 100 บาท : เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ
ทางเลือกที่ 3 จ่าย 300 บาท : เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ สงเคราะห์บุตร
ทั้งนี้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดหนัก และเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงได้สั่งการให้ลดการจ่ายเงินสมทบ จากเดิมการจ่ายเงินสมทบ สำหรับ ประกันสังคมมาตรา 40 มีด้วยกัน 3 ทางเลือก คือ  70 บาท, 100 บาท และ 300 บาท แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด ได้มีการปรับลดอัตราเงินสมทบ 40% เป็นเวลา 6 เดือน (1 ส.ค.64 - 31 ม.ค.65) เหลือเป็นเงินที่ต้องจ่ายสมทบ คือ 42 บาท, 60 บาท และ 180 บาท ตามลำดับ 

 สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แนะนำการผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน เพื่อรับเงินช่วยเหลือเยียวยา สำหรับผู้ประกันตนและนายจ้างบุคคลธรรมดา ใช้พร้อมเพย์บัตรประชาชนได้ทุกธนาคาร


ที่มา - สำนักงานประกันสังคม 
#3918


ANAN ยัน"คอนโดแอชตันอโศก" ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ประกาศ และคำสั่งของหน่วยงานรัฐที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยมีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ควบคุมและตรวจสอบทุกขั้นตอน เตรียมยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือ ANAN แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่าตามที่มีข่าวปรากฎในหนังสือพิมพ์หลายฉบับเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลางของโครงการ แอชตันอโศก ที่ดำเนินการโดยบริษัทอนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (บริษัท) ถือหุ้นในอัตราร้อยละ 51 นั้น


บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทไม่ได้เป็นผู้ถูกฟ้องคดีดังกล่าวโดยตรงและไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดตามคำพิพากษาแต่เป็นผู้ได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหายจากการแพ้คดีของหน่วยงานของรัฐที่ถูกฟ้อง

อีกทั้งบริษัทยังมีความเห็นที่แตกต่างจากคำพิพากษาในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่สำคัญ โดยบริษัทจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปไปยังศาลปกครองสูงสุด


ทั้งนี้คำพิพากษา ของศาลปกครองกลางซึ่งเป็นศาลชั้นต้นยังไม่มีผลบังคับจนกว่าจะมีคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด บริษัทได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ประกาศ และคำสั่งของหน่วยงานรัฐที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยมีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ควบคุมและตรวจสอบทุกขั้นตอน และบริษัทจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ต่อบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
#3919


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 ก.ค.2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอมะซอน.คอม หลังบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายจะชะลอการขยายตัว นอกจากนี้ ความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ เป็นปัจจัยถ่วงตลาดลงด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,935.47 จุด ลดลง 149.06 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,395.26 จุด ลดลง 23.89 จุด หรือ -0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,672.68 จุด ลดลง 105.59 จุด หรือ -0.71%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการที่รัฐบาลจีนคุมเข้มด้านกฎระเบียบกับภาคธุรกิจ ซึ่งได้บดบังความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 461.74 จุด ลดลง 2.10 จุด หรือ -0.45%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,612.76 จุด ลดลง 21.01 จุด หรือ -0.32%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,544.39 จุด ลดลง 96.08 จุด หรือ -0.61% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,032.30 จุด ลดลง 46.12 จุด หรือ -0.65%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ร่วงลง ท่ามกลางความวิตกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกอาจกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,032.30 จุด ลดลง 46.12 จุด หรือ -0.65%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันท่ามกลางการเปิดเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นก็ตาม

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 73.95 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเพิ่มขึ้น 2.6% ในรอบสัปดาห์นี้ และเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน ก.ค.

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 76.33 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเพิ่มขึ้น 3% ในรอบสัปดาห์นี้ และเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือน ก.ค.

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำออกมาเพื่อทำกำไร หลังจากราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 18.6 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ปิดที่ 1,817.2 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ปรับตัวขึ้นเกือบ 0.9% ในรอบสัปดาห์นี้ และเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือน ก.ค.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 23.5 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 25.547 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 19.2 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,048.4 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 13.10 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 2,656.20 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ขณะที่เงินยูโรและปอนด์อ่อนค่าลง

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.33% แตะที่ 92.1701 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.75 เยน จากระดับ 109.46 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9061 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9055 ดอลลาร์ และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2478 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2439 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1857 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1890 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3891 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3967 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7335 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7400 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 34,935.47 จุด ลดลง 149.06 จุด, -0.42%,

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,395.26 จุด ลดลง 23.89 จุด, -0.54%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,672.68 จุด ลดลง 105.59 จุด, -0.71%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,032.30 จุด ลดลง 46.12 จุด, -0.65%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,612.76 จุด ลดลง 21.01 จุด, -0.32%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,544.39 จุด ลดลง 96.08 จุด, -0.61%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 52,586.84 จุด ลดลง 66.23 จุด, 0.13%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,070.04 จุด ลดลง -50.69 จุด, -0.83%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,494.60 จุด ลดลง 8.33 จุด, -1.21%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,270.23 จุด ลดลง 226.30 จุด, -3.48%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,166.94 จุด ลดลง 13.67 จุด, -0.43%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 25,961.03 จุด ลดลง 354.29 จุด, -1.35%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,397.36 จุด ลดลง 14.37 จุด, -0.42%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,247.41 จุด ลดลง 155.40 จุด, -0.89%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,202.32 จุด ลดลง 40.33 จุด, -1.24%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,283.59 จุด ร่วงลง 498.83 จุด, -1.80%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,392.60 จุด ลดลง 24.80 จุด, -0.33%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,664.20 จุด ลดลง 31.00 จุด,-0.40%
#3920



นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการระบาดโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ตลาดโลกมีความต้องการสินค้าอาหารที่ปลอดภัย ได้คุณภาพ และมุ่งตอบโจทย์ข้อกังวลทางด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น เรื่องนี้นายจุรินทร์นทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เสนอการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารไทยให้กับผู้ซื้อและผู้บริโภคทั่วโลก ในรูปแบบหนังสือรับรอง COVID-19 Prevention Best Practice สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งออกสินค้าอาหารซึ่งเมื่อเดือนก.ย.2563 ที่ผ่านมานายจุรินทร์เป็นประธานสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของ 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย


ล่าสุดกรมประมงได้ออกหนังสือรับรองดังกล่าวให้แก่โรงงานอาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็ง และโรงงานผลิตอาหารทะเลกระป๋อง ให้กับโรงงานผู้ส่งออกแล้ว กว่า 237 โรงงานแล้ว สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขอหนังสือรับรองดังกล่าวเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ สามารถติดต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนส่งออกไปยังผู้นำเข้าในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้


นอกจากนี้นายจุรินทร์ยังติดตามการสร้างการตระหนักรับรู้ และตอกย้ำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าสินค้าอาหารไทยมีคุณภาพ และปลอดภัยในทุกๆ ขั้นการผลิตและการจัดส่งถือมือผู้บริโภคภายใต้แคมเปญ 'Thailand Delivers with Safety' ผ่านทูตพาณิชย์ที่เป็นเซลส์แมนประเทศ ซึ่งประจำการในประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย

สำหรับภาพรวมการส่งออกสินค้าอาหาร ไม่รวมน้ำตาล โดยในช่วงครึ่งปีแรกตั้งแต่ม.ค. – มิ.ย. 2564 มูลค่ากว่า 441,014 ล้านบาท  โดยมีสินค้าประเภทผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่เข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลสด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ไก่สดแช่แข็ง และแปรรูป และเครื่องดื่มทุกชนิด ที่ส่งออกมากที่สุดตามลำดับ

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952206