• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Shopd2

#3721


เมื่อวันที่ 14 ส.ค. แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าโรงพยาบาลสนามราชานุกูล เพื่อเด็กพิเศษและครอบครัวได้จัดตั้งภายในสถาบันราชานุกูลใช้พื้นที่บริเวณโรงเรียนราชานุกูล 2 อาคาร เบื้องต้นสามารถ รองรับผู้ป่วยได้จำนวน 100 เตียง ถือเป็นโรงพยาบาลสนามเฉพาะเด็กพิเศษ และครอบครัวแห่งแรกที่ติดเชื้อโควิดแต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยซึ่งจะให้การดูแลเด็กพิเศษอายุ 3-13 ปี พร้อมสมาชิกในครอบครัวที่อายุไม่เกิน 60 ปี

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดและการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยรอบที่ 3 มีเด็กและวัยรุ่น เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 14 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดในประเทศไทยสาเหตุมาจากรูปแบบการแพร่ระบาดเปลี่ยนจากคลัสเตอร์สถานบันเทิง คลัสเตอร์แรงงานมาเป็นการติดเชื้อภายในครอบครัวแทน

อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวย้ำว่าเด็กพิเศษเมื่อเจ็บป่วยต้องได้รับความรักและความใส่ใจจากคนใกล้ชิดร่วมกับทีมแพทย์ โรงพยาบาลสนามแห่งนี้จึงมีความพิเศษที่จัดรูปแบบการรักษาใกล้เคียงกับบ้านให้มากที่สุดทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและผู้ที่เด็กคุ้นเคย
ด้านแพทย์หญิงมธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กล่าวถึงความสำเร็จของการตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ ว่าเป็นการประสานความร่วมมือหลายภาคส่วนประกอบด้วยกรุงเทพมหานครสนับสนุนด้านอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมให้ได้ มาตรฐานบับเบิ้ลแอนด์ซีล (Bubble & Sealed) ภาคเอกชนสนับสนุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกระหว่าง รักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม อาทิโปรแกรมแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ระบบกรองเชื้อระบายอากาศ เครื่องฆ่าเชื้อยูวีซี ประจำห้องเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อและฆ่าเชื้อและโปรแกรมครอบครัวแห่งสติเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันทางใจ

ขณะที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทำหน้าที่ ในการประสานส่งต่อและให้ความช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการในระหว่างที่เด็กพิเศษและครอบครัวพักรักษาตัว อยู่ในโรงพยาบาลสนามรวมทั้งแผนการให้ความช่วยเหลือและติดตามภายหลังหายจากอาการป่วยและปลอดเชื้อโควิดเดินทาง กลับสู่ชุมชน

กระทรวงสาธารณสุขโดยสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิตเข้ามาดูแลผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กพิเศษร่วมกันกับสถาบันเด็ก แห่งชาติมหาราชินี และโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ที่ต้องการบริการแบบพิเศษด้วยการสนับสนุนทีมผู้ดูแลรักษามืออาชีพ ประกอบด้วย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กุมารแพทย์ อายุรแพทย์ พยาบาล ทีมสหวิชาชีพและเจ้าหน้าที่พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเหมาะกับเด็กพิเศษและติดตามภาพถ่าย เอกซเรย์ปอดอย่างต่อเนื่องเพื่อเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาที่พักรักษาตัวรวมทั้งวางแผนการส่งต่อกรณีฉุกเฉิน
โรงพยาบาลสนามราชานุกูลเพื่อเด็กพิเศษและครอบครัวพร้อมเปิดให้บริการในวันเสาร์ที่14 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

ครอบครัวที่มีเด็กพิเศษ (สติปัญญาบกพร่อง ออทิสติก สมาธิสั้น และบกพร่องการเรียนรู้) ที่ผลตรวจโควิดด้วย Antigen test kit เป็นบวกสามารถติดต่อสำหรับประสานส่งต่อเข้าโรงพยาบาลสนามฯ ได้ที่ 084-107-8129 , 065-885-0584 และ 097-078-0696
#3722


ยาหมาป่าแดง ของแท้ เม็ดสีแดงเข้ม สุดยอดไวอากร้า ส่งฟรี เก็บเงินปลายทาง ผลิตมาจากยาตัวเดียวกันกับ viagra บวกกับส่วนผสมของสมุนไพรจีนซึ่งเป็นสูตรลับของชาวจีนมาอย่างยาวนาน ออกฤทธิ์ภายใน 15 นาที อึด ถึง ทน ชัวร์ ต่อรอบได้เร็ว เราจำหน่ายเฉพาะของแท้เท่านั้น การันตี คืนเงิน 100%

ยาหมาป่าแดง ราคา
1 แผงมี 6 เม็ด
1 แผง ราคา แผงละ 200 บาท
2 แผง ราคา 380 บาท (แผงละ 190 บาท)
4 แผง ราคา 720 บาท (แผงละ 180 บาท)
10 แผง ราคา  1500 บาท (แผงละ 150 บาท)
20 แผง ราคา  2800 บาท (แผงละ 140 บาท)
40 แผง ราคา  4800 บาท (แผงละ 120 บาท)
 

สมุนไพรหมาป่าแดง ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศชาย และ บำรุงไตชะลอการหลั่งดีมาก สามารถเพิ่มในการมีเพศสัมพันธุ์ 2-5 รอบ ด้วยการทำงานของยา 1 เม็ด เท่านั้น !!!

หมาป่าแดง แข็งไวอึดทน 6 เม็ด
หมาป่าแดง ไวอากร้า RED WOLF หนึ่งแผงบรรจุ 6 เม็ด สมุนไพร หมาป่าแดง ผลิตจากตัวยา SILDENAFIL CITRATE อย่างเข้มข้นเป็นยาเม็ดสีแดง ขนาด 800 mg. เป็นสูตรลับเฉพาะ ของชาวจีนมาอย่างยาวนาน และยังไม่รับความนิยม อย่างต่อเนื่อง หมาป่าแดง ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศให้กับท่านชาย เพิ่มความแข็งแกร่งถึงขีดสุดผลิตจากตัวยา SILDENAFIL CITRATE (ซิลเด็นนาฟิล ไซเตรจ) เป็นยาตัวเดียวกันกับของบริษัท Pfizer ที่ผลิตไวอากร้าอันโด่งดังช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศให้กับฝ่ายชายบำรุงไตชะลอการหลั่ง ดีเยี่ยม ในราคาประหยัดแต่คุณภาพคุ้มค่าเกินราคาลูกค้าสั่งต่อเนื่องเพราะหมาป่าแดง(หมาแดง) ฤทธิ์แรงดีจริงๆค่ะ

วิธีรับประทาน ไวอากร้าหมาป่าแดง
กินก่อนหรือหลังอาการก็ได้ 1 เม็ดตัวยาออกฤทธิ์ภายใน 15 นาที
แต่ถ้าอยากให้เห็นผลต้องเคี้ยวให้ละเอียดจากนั้นก็ดื่มน้ำตามเข้าไป
ตัวยาหากทำให้เป็นผงจะออกฤทธ์ได้ภายใน 10 นาที
สามารถเพิ่มในการมีเพศสัมพันธุ์ 2-5 รอบ ด้วยยา 1 เม็ด เท่านั้น!!!
ข้อควรรู้
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ควรงดเว้น
ผู้ที่มีอัตราการเต้นหัวใจผิดปกติ ไม่สามารถควมคุมได้ ควรงดเว้น
ห้ามรับประทาน ร่วมกับยาอื่นที่มีส่วนประกอบ Nitrate เช่นยาขยายหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
ไม่แนะนำในเด็กและสตรี ตลอดจนห้ามให้กับผู้ป่วยที่แพ้ยานี้
ห้ามใช้ยานี้ ร่วมกับ nitric oxide doners หรือยาไนเตรทรูปแบบอื่นๆ
หมาป่าแดงของแท้
สีของเม็ดยาต้องแดงเข้ม ไม่อ่อน ไม่จืด
เม็ดยาต้องสีเดียวกัน เท่ากันหมดทั้งเม็ด
ขนาดของเม็ดยา จะเล็กกว่าแผงที่บรรจุเล็กน้อย
ผิวของเม็ดยา จะต้องเรียบเนียน
ด้านหลัง พิมพ์ตรา หมาป่าแดง ลายเส้นในการพิมพ์ต้องเข้มชัดเจน เส้นไม่บาง ไม่ขาดตอน

Tags :: ยาหมาป่าแดง,ยาหมาป่าแดงเก็บเงินปลายทาง,หมาป่าแดง,หมาป่าแดงเก็บเงินปลายทาง
#3723


วงการป้องกันภัยโจมตีไซเบอร์บ้านเรากำลังขยายตัวคึกคัก จากเดิมที่การตื่นตัวกระจุกอยู่ที่กลุ่มธนาคารไทยและองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น วันนี้องค์กรขนาดกลางหลายบริษัทกำลังเร่งมือทุ่มงบลงทุนกับระบบป้องกันภัยโจมตีไซเบอร์แบบครอบคลุมหลายชั้นในทุกจุดความเสี่ยง 

ในมุมมองของเทรนด์ไมโคร (Trend Micro) ซึ่งเป็นบริษัทที่พูดถึงการปกป้องซีเคียวริตี้หวยออนไลน์หลายชั้นมานาน พบว่าไทยเริ่มลงทุนทำซีเคียวริตี้หลายเลเยอร์มาตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว โดยช่วงก่อนปี 63 แต่ละตลาดมีความตื่นตัวไม่เท่ากัน เพราะธนาคารและองค์กรขนาดใหญ่ตื่นตัวมาก เรียกว่าหากคะแนนเต็ม 5 ธนาคารและองค์กรขนาดใหญ่ในไทยจะได้คะแนนความตื่นตัวไป 4.5-5 คะแนนทีเดียว

สถานการณ์นี้สวนทางกับองค์กรขนาดกลางหรือที่เทรนด์ไมโครเรียกเป็นมิดมาร์เก็ต (mid-market) หรือตลาด Commercial เทรนด์ไมโครมองว่าปีที่แล้ว กลุ่มนี้อาจได้แค่ 2 คะแนน แต่ปีนี้คะแนนความตื่นตัวพุ่งไปถึงระดับ 3.5 คะแนน

แปลว่าตลาด 'กันภัยไซเบอร์' ของประเทศไทยกำลังเบ่งบานขึ้นอีก โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี64 ที่มีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก เทรนด์ไมโครเปิดเผยว่าธุรกิจในไทยเติบโต15.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และฐานลูกค้ากลุ่มบริการซอฟต์แวร์ (SaaS) โตมากกว่า 623.4% และสินค้าเรือธงใหม่อย่างวิชั่นวัน (Vision One) นั้นเติบโต 555.9%

รูปการณ์นี้ทำให้ช่วงครึ่งหลังปีนี้ เทรนด์ไมโครวางแผนจับโฟกัสที่องค์กรขนาดกลางซึ่งต้องการ 'ก้าวให้เร็ว' หรือมีปัจจัยให้ต้องพัฒนาสู่ดิจิทัลอย่างเต็มตัว แผนนี้จะเดินคู่ไปกับลูกค้ากลุ่ม enterprise ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีแผนลงทุนอยู่แล้ว กลายเป็น 2 กลุ่มเป้าหมายที่เทรนด์ไมโครจะให้ความสำคัญในช่วงครึ่งหลังปี 64

***ซีเคียวริตี้คือแกนกลาง

นีเลช เจน รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย เทรนด์ไมโคร กล่าวว่าไทยเป็น 1 ใน 3 ตลาดหลักของอาเซียน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนการแฮกองค์กรในเอเชียที่ถูกโจมตีมากขึ้น นอกจากนี้กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และองค์กรขนาดใหญ่ยังทุ่มลงทุนเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นดิจิทัลสำหรับแข่งขันกับฟินเทค ทำให้ต้องขึ้นคลาวด์ และทำดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นอย่างจริงจัง ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการลงทุนไอทีในภาพรวมเกิน 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงปีที่แล้ว และจะเติบโตเกิน 7 พันล้านเหรียญได้ในไม่กี่ปีข้างหน้า ตัวเลขนี้แปลว่าทุกบริษัทที่ต้องการจะผันตัวไปเป็นบริการดิจิทัล ล้วนจำเป็นต้องมองซีเคียวริตี้เป็นแกนกลาง ทำให้เชื่อว่าจะเกิดการลงทุนมากมาย

'ประเทศไทยมีการลงทุนคลาวด์สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน เวียดนามและอินโดนีเซียนั้นมีอัตราเติบโตสูง แต่ก็ถือว่ายังช้า ประเทศที่มีการลงทุนคลาวด์มากคือสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีภาคการผลิตขนาดใหญ่ และบริษัทโทรคมนาคมมีการลงทุนสูง'


ปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่าบริษัทสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นชัดเจนในช่วงครึ่งปีแรก ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถดันธุรกิจในไทยจนเติบโต 15.5% (เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 63) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากบริการใหม่อย่าง Vision One ที่เติบโตเกิน 500%

'การเติบโต 500% มาจากลูกค้าหลายกลุ่ม อันดับแรกคือกลุ่มสตาร์ทอัปซึ่งมีบุคลากรไม่มากและจำเป็นต้องใช้บริการ software as a service มากขึ้น กลุ่มที่ 2 คือองค์กรใหญ่ที่ต้องไปคลาวด์ และกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มธนาคาร Banking และ SSI'
เทรนด์ไมโครเชื่อว่าการที่ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนองค์กรได้เร็ว ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นนั้น ทำให้ภัยโจมตีขยายพื้นที่ ทำให้องค์กรต้องปรับปรุงหรือ 'ทรานสฟอร์ม' ระบบซีเคียวริตี้ด้วยเหมือนกัน เนื่องจากวันนี้แฮกเกอร์เปลี่ยนพฤติกรรมและปรับเป้าหมาย เป็นการโจมตีที่รุนแรงขึ้นจากที่เคยฝังซอฟต์แวร์ร้ายเอาไว้ในเครือข่ายเดียว

นอกจากนี้ ภาวะที่องค์กรมีเครื่องมือดิจิทัลมากขึ้น ยังทำให้การเชื่อมต่อซับซ้อนจนอาจมีช่องโหว่ให้โจมตีได้ง่าย ดังนั้นสิ่งที่องค์กรควรมีก็คือความสามารถในการตรวจสอบ รวมถึงมุมมองที่ครอบคลุมจุดเสี่ยงได้มากขึ้น
การสำรวจของเทรนด์ไมโครพบว่าภัยไซเบอร์ปี 64 เปลี่ยนจากการฝังซอฟต์แวร์ร้ายในเครือข่ายเพื่อโจมตีเครือข่ายข้อมูลเดียว มาเป็นการวางเป้าหมายทั้ง OS หรือระบบปฏิบัติการ รวมถึงทุกอย่างที่เป็นช่องโหว่ หรือระบบแวดล้อมซึ่งจะทำความเสียหายวงกว้างกว่า

ความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นทั้งส่วนภัยไซเบอร์และองค์กร สิ่งที่เทรนด์ไมโครเห็นคือการโจมตีและเรียกค่าไถ่บนไซเบอร์ที่เรียกว่าแรนซัมแวร์นั้นเพิ่มขึ้นถึง 34% โดย Top 4 ของอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายการโจมตีในปี 63 ได้แก่ ภาครัฐบาล ธนาคาร อุตสาหกรรมการผลิต และเฮลธ์แคร์ แปลว่าองค์กรจะต้องเปลี่ยนเพื่อให้รู้ได้ตลอดเวลาว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบนเครือข่าย

***เสี่ยงมาก ถ้าไม่รู้จุดเสี่ยง

ในเมื่อมีความเสี่ยงสูงหากองค์กรไม่รู้จุดเสี่ยง เทรนด์ไมโครจึงเน้นที่การทำ 'มัลติเลเยอร์ซีเคียวริตี้' หรือการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง เทรนด์ไมโครไทยจะโฟกัสที่ระบบ Vision One มีกำหนดเปิดให้ลูกค้าไทยได้ใช้ในไตรมาสนี้จากที่เริ่มประกาศเปิดตัวตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว

'ตอนนี้เราเป็นเทคโนโลยีเวนเดอร์ แต่จากนี้เราจะมองให้ตัวเองเป็นแพลตฟอร์มเวนเดอร์ จะมีศูนย์ให้ลูกค้าจัดการทุกอย่างได้เอง ในมุมธุรกิจ เราเป็นผู้ค้ารายเดียวที่ทำได้ครบ ง่ายต่อการตอบสนองภัยคุกคามในอนาคต' ปิยธิดากล่าว 'ในมุมลูกค้า สิ่งที่ต้องคำนึงต่อก็คือ 1. การเห็นและเข้าถึงช่องโหว่ที่เป็นจุดเสี่ยงได้ 2. ต้องยืดหยุ่นและบริหารจัดการได้เร็ว และ 3. ต้องมีเครื่องมือที่เชื่อถือได้'

เทรนด์ไมโครไทยย้ำว่าบริษัทมีการลงทุนมากขึ้นในส่วนสนับสนุนพันธมิตรที่ลึกขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันที่มากขึ้น เบื้องต้นเชื่อว่าเศรษฐกิจจะยังเติบโต และธนาคารยังคงอัปเดทระบบตัวเอง มีการลงทุนที่ทำให้ไทยเป็นอีโคซิสเต็มขนาดใหญ่และสำคัญระดับภูมิภาค.
#3724


บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า  ในไตรมาส 2 ปี 2564 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ จำนวน 967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% จากไตรมาส 2 ปี 2563 หรือคิดเป็นอัตรากำไรที่ 19.4% ใกล้เคียงกับ 19.6% ในไตรมาส 2 ปี 2563

ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายการพิเศษ กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากไตรมาส 2 ปี 2563 นับว่าเป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทฯ ก่อตั้งมา โดยปัจจัยหลักของกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มสินค้าที่บริษัทส่งออกไปขายยังต่างประเทศจนทำให้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกขึ้นมาอยู่ที่ระดับ50% 

ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2564มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,995 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากไตรมาส 2 ปี2563 โดยมีสาเหตุจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากไตรมาส 2 ปี 2563 สาเหตุหลักจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ ดำเนินการผลิตด้วยตนเอง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนรายได้คิดเป็นสัดส่วน 79% ของรายได้จากการขายรวม

ฐานะการเงินรวมของบริษัทฯ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เมื่อเทียบกับสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 สินทรัพย์ ดังนี้ 

สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30มิถุนายน 2564 และ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 18,220 ล้านบาทและ 17,087 ล้านบาท ตามลำดับเพิ่มขึ้น 1.134 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น 898 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และจากที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 379 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมาเมื่อเดือนมิถุนายน

หนี้สิน บริษัทฯ มีหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 และ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 8,412 ล้านบาทและ 6,929 ล้านบาท ตามลำดับเพิ่มขึ้น 1,482 ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้สินหมุนเวียนจำนวน 7.074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,419 ล้านบาท และหนี้สินไม่หมุนเวียนจำนวน 1.338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64 ล้านบาท สาเหตุหลักที่หนี้สินเพิ่มขึ้นมาจากเงินกู้ยืมระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น 2,345ล้านบาท ในขณะที่หุ้นกู้ครบกำหนดชำระจึงลดลงไป 1,090 ล้านบาท

ส่วนของผู้ถือหุ้นชวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 และ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 9,809 ล้านบาทและ 10, 157 ล้านบาท ตามลำดับลดลง 349 ล้านบาท เนื่องจากทางบริษัทฯ มีจ่ายปันผลรวมมูลค่า 1,500 ล้านบาทให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 967 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2564
#3725


โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อประชาชนที่มีฐานะยากจน "ปทุมธานีโมเดล" เป็นโครงการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่เคยตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณริมคลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในอดีตคลองรังสิตเป็นคลองสายหลักในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี มีการขุดคลองนี้ขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2433 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้คลองรังสิตนี้ ทำหน้าที่ระบายน้ำจากแม่น้ำนครนายกกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆเพื่อเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของทุ่งรังสิต การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมาริมคลองนี้มีชุมชนเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่เป็นรูปแบบบ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชนที่บุกรุก โดยพบว่าชุมชนบุกรุกมีการก่อตั้งบ้านเรือนรุกล้ำเข้าไปในคลองต่างๆจำนวนมาก ทำให้ปัญหาเรื่องการระบายน้ำ การแก้ไขปัญหาการระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนในการรักษาความสะอาด รวมทั้งการรื้อถอนบ้านเรือนประชาชนที่รุกล้ำลำคลอง

ในปีพ.ศ.2559รัฐบาลได้มี นโยบายแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่สาธารณะริมคลอง สร้างโอกาสให้มีที่พักอย่างอาศัยที่มั่นคง ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่สาธารณะริมคลองหนึ่ง ใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้รับการจัดสรรพื้นที่ให้เป็นที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงในด้านที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการปทุมธานีโมเดล

นาย ธนัช นฤพรพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จของโครงการปทุมธานีโมเดล ว่า " ปทุมธานีโมเดล มุ่งแก้ไขพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณริมคลองในเขตปทุมธานี ในบริเวณ คลอง 1 ซึ่งมีชุมชนที่บุกรุก 16 ชุมชน 1000 กว่าครัวเรือน กระทรวงการพัฒนาชุมชน ร่วมกับผู้ว่าจังหวัดปทุมธานี ร่วมมือกัน จัดทำโครงการ "ปทุมธานีโมเดล" แก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและพัฒนาชุมชนไปพร้อมกัน โครงการปทุมธานีโมเดล มีการแก้ปัญหา 3รูปแบบ



รูปแบบที่ 1เป็นการร่วมมือของ 3 หน่วยงานคือ จังหวัดปทุมธานี กรมธนารักษ์ และ พ.อ.ช. กรมธนารักษ์จัดหาที่ราชพัสดุ ประมาณ 30 ไร่ ใกล้กับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ให้ชุมชนเช่าอยู่อาศัย โดยวางแผนจัดสร้างเป็นที่พักแบบอาคารชุด 6 อาคาร โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้ว 4 อาคาร และเริ่มมีเข้าผู้พักอาศัยแล้ว

รูปแบบที่ 2 ชุมชนรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ รวมกันซื้อที่ดินเองในการปลูกสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัย ได้ซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่เศษ ประชาชนประมาณ 100 กว่าครัวเรือน รื้อบ้านที่อยู่ริมคลอง มาอยู่ในที่ดินแห่งใหม่ โครงการก็เริ่มมาตั้งแต่ 2559 เหมือนกับโครงการรูปแบบที่ 1 และดำเนินการสร้างพักเสร็จปลายปี 2560 ประชาชนเข้ามาอยู่อาศัยได้ประมาณ 3 ปี แล้ว โครงการรูปแบบที่ 2 นี้ สำเร็จไปแล้วทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์

รูปแบบที่ 3 คืออยู่บริเวณเดียวกับรูปแบบที่ 1 ในพื้นที่ 30 ไร่ ของราชพัสดุ โดยเป็นชุมชนที่บุกรุกเดิมในพื้นที่ เปลี่ยนจากการบุกรุกมาสู่การสร้างที่พักอาศัยในบริเวณเดิมที่บุกรุกของจำนวน 34 ครัวเรือน

การคืบหน้าของโครงการทั้ง 3 รูปแบบ มีประชาชนที่เข้ามาพักอาศัยแล้ว 300 ครัวเรือน จากเป้าหมาย 1084ครัวเรือน เป็นพื้นที่รวม 16 กิโลเมตร ตั้งกระจายอยู่ตามเส้นทางตั้งแต่ ชุมชนริมคลอง 1 ถึงวัดคุณหญิงส้มจีน อีก 700 กว่าครัวเรือนจะเป็นระยะต่อไป ที่จะต้องพูดคุยกับชุมชน และหาที่ดินรองรับ ให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อเข้าสู่โครงการระยะต่อไป


จากความสำเร็จของโครงการที่คลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร และปทุมธานีโมเดลระยะที่ 1 ได้สร้างความสั่นคงในที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน นับเป็นความสำเร็จที่ ทำให้เกิดความเข้าใจและการตอบรับที่ดีจากชุมชน ในโครงการปทุมธานีโมเดล ระยะ ที่ 2

บ้านที่อยู่อาศัย นับเป็นปัจจัย 1 ใน 4 ในการดำเนินชีวิต เริ่มจากการมีบ้านที่มั่นคง มีสภาพแวดล้อมที่ดี และมีชุมชนที่เข็มแข็ง จะทำให้การเดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาน ทำได้อย่างเต็มที่และมรประสิทธิภาพ การแก้ปัญหาต่างๆก็ดีขึ้น เช่นปัญหาการป้องกันแพร่กระจายของโควิด – 19 ในชุมชนที่ได้รับการพัฒนาแล้ว จะทำได้ดีกว่าชุมชนเดิม ที่เป็นชุมชนแออัด เพราะในชุมชนมีพื้นที่ส่วนกลางของสหกรณ์ที่สามารถนำมาปรับให้เป็นพื้นที่พักคอยรอการส่งต่อ และในบ้านที่สร้างใหม่เป็นบ้านแฝด 2 ชั้น มีห้องพักที่สามารถให้ผู้ป่วยในระบบ Homeisolate ผู้ป่วยสามารถแยกกักตัวได้ การมีผู้นำชุมชนแบบเป็นทางการจากชุมชนใหม่ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความแข็งแรงของชุมชน สามารถดูแลสมาชิกในชุมชนได้ดีขึ้นเป็นระบบมากขึ้น การจัดทำโครงการบ้านมั่นคงในรูปแบบสหกรณ์เป็นกลไกลในการบริหารโครงการกรรมการสหกรณ์ก็สามารถเป็นกลไกลที่ช่วยเหลือสมาชิกในชุมชนได้ การดำเนินโครงการต้องมีอุปสรรคบ้างจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยปัญหาเหล่านี้ทาง พ.อ.ช เน้นเรื่องการพูดคุย สร้างความเข้าใจให้กับคนในชุมชนซึ่งส่วนใหญ่ เข้าใจและให้ความร่วมมือทำให้โครงการดำเนินต่อไปได้อย่างดี การพัฒนาที่อยู่อาศัยอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ ชาติ 20 ปี เป็นนโยบายที่รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะดำเนินการ โดยมีจุดมุ่งหมายว่าประชาชนทุกคนต้องมีบ้านที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีชุมชนที่เข็มแข็ง ทุกคนภายในปี 2579 พ.อ.ช.มุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายตามแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม มีสภาพแวดล้อมที่ดี สร้างชุมชนที่ดี สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทั่วประเทศ

นอกจากที่อยู่อาศัยที่มั่นคงอยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีแล้ว การมีอาชีพที่มั่นคงถือเป็นความสำคัญ ประชาชนมีรายได้เลี้ยงตนเอง สร้างความมั่นคงในทางเศรษฐกิจให้ตนเองและชุมชน ตัวอย่างเช่นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ ต.จอเบาะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส

อรุณี ยะโย ประธานวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ กล่าวถึงการรวมกลุ่มว่า "วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ เกิดจากการรวมกลุ่มของแม่บ้าน ที่มองเห็นถึงโอกาสในการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรแปรรูปให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ เมื่อเกิดการรวมกลุ่มแม่บ้าน ก็ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหลายหน่วยงาน เช่น พช.เข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนด้านเทคนิคการผลิต การให้ความรู้ สนับสนุนอุปกรณ์ ทำให้กลุ่มเข็มแข็งมากขึ้น การดำเนินของกลุ่มจะรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรเช่นลูกหยีและผลผลิตตามฤดูกาลเช่น ส้มแขก ทุเรียน แต่ผลผลิตหลักคือลูกหยี เพราะสามารถเก็บไปได้นาน การแปรรูปลูกหยีมีหลากหลายรสชาติ สามารถจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่ และยังต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวชุมชน ทำให้กลุ่มและชุมชน มีรายได้จากการท่องเที่ยวและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปเหล่านี้"

วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประสานกับการนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทางกลุ่ม ให้มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลูกหยีกวน ลูกหยีทรงเครื่อง หรือส้มแขกแช่อิ่ม โดยที่ผ่านมาทาง วิสาหกิจชุมชนแปรรูปทางการเกษตรบ้านนากอก็ได้รับการสนับสนุน จากหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ และมอบอุปกรณ์และพัฒนาระบบการผลิตให้มาตราฐาน

น.อ.วิชชา พรหมคีรี รอง ผอ.รมน.จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า " กอ.รมน.มีบทบาทในการประสานงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่และดูแลความสงบเรียบร้อย ช่วยเหลือประชาชน มีการส่งเสริมในการประกอบอาชีพต่าง วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ เป็นชุมชนที่มีความเข็มแข็ง ทั้งด้านการท่องเที่ยว และมีความสามารถ มีความคิดริเริ่มในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในท้องถิ่นให้เป็นสินค้า สามารถจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับกลุ่มและชุมชน และได้รับการส่งเสริมจากหลากหลายหน่วยงานในจังหวัดทำให้ชุมชนมีความเข็มแข็งมากขึ้น "

ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่นคงและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสมาชิกได้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางกลุ่มมีแนวคิดสร้างเครือข่ายชุมชนสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน โดยมีการหารือแนวทางในการร่วมกันบริหารจัดการและสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการขึ้นทะเบียน GMP เพื่อที่ช่วยยกระดับมาตรฐาน และสร้างความมั่นใจ

การสร้างโอกาสให้กับประชาชนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะคนทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อยู่อย่างเท่าเทียมกัน การสร้างโอกาสทางอาชีพที่เหมาะสมให้ผู้มีความบกพร่องทางร่างกายทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีอาชีพ สามารถหารายได้เพื่อเลี้ยงดูตัวเอง พร้อมเปิดโอกาสให้เขาได้ทำประโยชน์แก่สังคม

โครงการสร้างพลังคนพิการประกอบอาชีพและสร้างรายได้เครือข่ายกลุ่มคนพิการ มูลนิธิเพื่อพัฒนาคนพิการ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เป็นมูลนิธิที่ทำงานอยู่กับคนที่มีความผิดปกติหรือบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งอยู่ในชุมชนบัวใหญ่มาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี โดยงานหลักของมูลนิธิ นั่นคือการช่วยเหลือและสนับสนุนคนพิการให้มีอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองและความครัวได้ ผลจากข้อนี้ก็จะช่วยให้คนพิการเกิดการยอมรับจากคนในสังคมมากขึ้น เกิดเป็นความภาคภูมิใจในตัวเองและมีสุขภาพจิตที่ดี ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้เห็นความสำเร็จพร้อมๆ กับปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน จึงเกิดแนวคิดสร้างพลังคนพิการประกอบอาชีพ และสร้างรายได้เครือข่ายกลุ่มคนพิการเพื่อให้พวกเค้าเกิดเป็นองค์ความรู้สำหรับการต่อยอด และนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการพัฒนาร่วมกับคนพิการต่อไปในอนาคต

นางพัชราภรณ์ ชนภัณฑารักษ์ กล่าวถึงความเป็นมาของมูลนิธิว่า "จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ปัญหาของกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการเข้าถึงสิทธิ์ แต่เป็นปัญหาเรื่องการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสม ทางมูลนิธิได้นำงานวิจัยมาทอดบทเรียนได้ต้นแบบ 4 ต้นแบบ นำต้นแบบมาขยายผลสู่เยาวชน 40 คน เยาวชนกลุ่มนี้ได้เข้ารับการฝึกอบรมด้านอาชีพ และกลับมาเป็นแกนนำ ต่อจากนั้นทางมูลนิธิได้ขอทุนสนับสนุน จาก กศศ เพื่อใช้ในการพัฒนาและยกระดับ กลุ่มคนพิการ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนผู้มีบกพร่องทางร่างกาย ให้เข้าถึงสิทธิ์ต่างๆของทางภาครัฐและได้รับอุปกรณ์ ส่งเสริมให้มีอาชีพ มีรายได้ และสามารถพึ่งพิงตัวเองได้ครับ ทั้งนี้มูลนิธิเพื่อพัฒนาคนพิการ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ได้จัดโครงการสร้างพลังคนพิการประกอบอาชีพของเครือข่ายกลุ่มคนพิการขึ้น เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ ด้านภูมิปัญญางานหัตถกรรมพื้นบ้าน ที่ใช้สมองและงานฝีมือ ให้พวกเขามีอาชีพและสร้างรายได้ตามศักยภาพของตนเอง และวางแผนขยายช่องทางการตลาดผ่านระบบออนไลน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากการฝึกอบรมการขายแบบออนไลน์ให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ผลปรากฏว่ามียอดการสั่งจองสินค้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้พิการมีรายได้มากขึ้น"

นอกจากการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมแล้ว ยังมีการส่งเสริมอาชีพการทำการเกษตรให้กับคนพิการบางกลุ่มที่ไม่มีความถนัดในงานหัตกรรม การส่งเสริม การประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประกอบด้วยการเลี้ยงไก่ การปลูกผักอินทรีย์ โดยเน้นปลูกผักใช้น้ำน้อย สามารถดูแลได้ง่าย เพื่อให้รายได้ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ซึ่งเพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ และมูลนิธิยังคอยติดตามช่วยเหลือแนะนำ รวมทั้งรับซื้อผลผลิตของกลุ่มผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายด้วย โครงการสร้างพลังคนพิการประกอบอาชีพและสร้างรายได้เครือข่ายกลุ่มคนพิการของมูลนิธิเพื่อพัฒนาคนพิการ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สร้างพลังให้กลุ่มคนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย สร้างความภาคภูมิใจและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
#3726


รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (11) ว่าผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรัฐบาลไทย รัชดา ธนาดิเรก กล่าวผ่านแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (11) ว่า ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (National Center for Genetic Engineering and Biotechnology) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 แบบสเปรย์พ่นจมูกนั้นเตรียมที่จะเริ่มต้นการศึกษาวิจัยในคนได้ภายในสิ้นปีหลังจากที่ผลการวิจัยเบื้องต้นกับหนูก่อนหน้าชี้ไปให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพ

โดยในแถลงการณ์ระบุว่า สเปรย์พ่นจมูกต้านโควิด-19 นี้ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาจากองค์การอาหารและยาเพื่อขออนุญาตต่อไป

โฆษกรัฐบาลชี้ว่า การศึกษาจะรวมไปถึงการใช้เพื่อดูประสิทธิภาพในการปกป้องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยเฟสที่ 2 จะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคมปี 2022 และเป้าหมายของการผลิตสำหรับการใช้เป็นวงกว้างภายในช่วงกลางปีหน้าได้หากผลการวิจัยสัมฤทธิ

รอยเตอร์รายงานว่า ในเวลานี้นักวิจัยทั่วโลกต่างเริ่มพัฒนาสเปรย์พ่นจมูกเพื่อป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 โดยชี้ไปว่าจมูกถือเป็นช่องทางสำคัญของไวรัส

นอกเหนือจากนี้วัคซีนโควิด-19 เทคโนโลยี mRNA ของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์และวัคซีนเชื้อตายของมหาวิทยาลัยมหิดลกำลังจะเริ่มเฟส 2 ของการศึกษาในคนภายในเดือนสิงหาคมนี้

ที่ผ่านมาไทยนั้นพึ่งพาวัคซีนซิโนแวคและวัคซีนซิโนฟาร์มของจีน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่มีโรงงานผลิตในประเทศและวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคที่ได้รับการบริจาคจากสหรัฐฯ ใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้า

รัฐมนตรีสาธารณสุขไทยแถลงในวันพุธ (11) ว่า วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคจำนวน 32.5 ล้านโดสจะส่งมอบมาไทยภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลทำให้มีจำนวนการสั่งซื้อทั้งสิ้น 30 ล้านโดส และรวมกับจำนวนที่ได้รับการบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐฯ

ไทยแจกจ่ายวัคซีนไปแล้ว 6.8% ของประชากรทั้งหมด 66 ล้านคน
#3727


กระแสความสนใจของประชาชน วันนี้ กรณีการแจกเงินเยียวยา ให้แก่ประชาชนแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ที่ประกาศ ล็อกดาวน์ โดยประกันสังคม เปิดลงทะเบียนผ่าน www.sso.go.th สำหรับผู้ประกันตนตาม มาตรา 33 (ม.33) , มาตรา 39 (ม.39) และมาตรา 40 (ม.40) ดังนี้


ผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 9 ประเภทกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ คลิกตรวจสอบสิทธิ์

แรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงมีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการ "ล็อกดาวน์หวยออนไลน์" ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เพิ่มเติม จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา ครอบคลุม 9 ประเภทกิจการ นั้น ได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร นั้น

สำหรับความคืบหน้าการเยียวยากลุ่มนายจ้างมาตรา 33 จำนวน 3,000 บาท ต่อลูกจ้างไม่เกิน 200 คน นั้น ขณะนี้มีนายจ้างได้ทยอยยื่นขอรับเงินชดเชยเข้ามาในระบบ e -service โดยในพื้นที่ 13 จังหวัดนั้นมีนายจ้างทั้งหมดประมาณ 180,000 ราย

ทั้งนี้ รมว.แรงงาน ยังได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม เร่งประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนไปยังนายจ้างที่ยังไม่ได้ยื่นขอรับค่าชดเชยเยียวยาสามารถยื่นความประสงค์ขอรับเงินได้ที่ ระบบ e – service ของประกันสังคม จากนั้นปริ้นข้อมูลแบบรับการเยียวยาแล้วกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์ม ส่งกลับมาให้ประกันสังคมโดยถ้าเป็นนายจ้างที่เป็นนิติบุคคลต้องแนบเลขบัญชีธนาคารกลับมาด้วย แต่ถ้าเป็นนายจ้างบุคคลธรรมดาให้นายจ้างผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนเพื่อประกันสังคมจะได้โอนเงินให้โดยเร็ว


ผู้ประกันตนมาตรา 39 และผู้ประกันตนมาตรา 40 คลิกตรวจสอบสิทธิ์


เช้าวันนี้ ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ย้ำว่าผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ตรวจสิทธิรับเงินเยียวยาได้แล้ว ประกันสังคม เปิดให้ ผู้ประกันตน มาตรา 39 และ มาตรา 40 (29 จังหวัดแดงเข้ม 9 กลุ่มกิจการ) ตรวจสอบสิทธิ รับเงินเยียวยา รายละ 5,000 บาท ได้แล้ว คลิกตรวจสอบสิทธิ์


ทั้งนี้ การสมัครมาตรา 40 ไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิรักษาพยาบาลร่วมกับบัตรทอง (สปสช.) รวมทั้งสิทธิประโยชน์สวัสดิการแห่งรัฐต่างๆ แต่อย่างใด และสิทธิที่เคยได้รับยังเหมือนเดิม และมีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย หรือสิทธิประโยชน์กรณีเสียชีวิตจากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ส่วนสิทธิประโยชน์ของมาตรา 40 แต่ละทางเลือกขึ้นอยู่กับทางเลือกที่ผู้ประกันตนสมัคร

กระทรวงแรงงาน ย้ำยื่นก่อนได้ก่อน รับเงินเยียวยานายจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ
นายจ้างที่อยู่ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม และอยู่ใน 9 ประเภทกิจการที่ถูกควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
จะได้รับเงินเยียวยา 3,000 บาทต่อลูกจ้าง 1 คน (สูงสุดไม่เกิน 200 คน) สำนักงานประกันสังคมจะเริ่มโอนเงินเข้าบัญชี ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2564 นี้ เป็นต้นไป

ที่มา - สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
#3728


วันที่ 12 ส.ค.64 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ติดตามตัวเลขการลงทุนของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการพยุงเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไป โดยเฉพาะของรัฐวิสาหกิจที่จะต้องเป็นหลักในเวลานี้ เนื่องด้วยภาคเอกชนอาจมีการชะลอการลงทุนเหตุจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้รายงานว่า ช่วงหกเดือนแรกของปี 2564 เกิดเม็ดเงินจากการลงทุนในธุรกิจพลังงานแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่าง ๆ ภายใต้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่กำกับดูแลประกอบไปด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัทอื่น ๆ ในเครือ การลงทุนที่สำคัญ อาทิ โครงการสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งใหม่ จ.ระยอง โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 5 และโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าทั่วประเทศ ทั้งนี้ ตั้งเป้าการลงทุนของธุรกิจพลังงานของทั้งปี 2564 ไว้ที่ 2 แสนล้านบาท

สำหรับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) นางสาวรัชดา กล่าวว่า สคร. ได้รายงานการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม ของปีงบประมาณ 2564 ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ในภาพรวมเป็นไปตามแผนหรือสูงกว่าแผน โดยสามารถเบิกจ่ายได้ 1.91 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 101 ของแผนการเบิกจ่ายสะสม โครงการขนาดใหญ่ที่เบิกจ่ายได้สูงกว่าแผน เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ของ รฟท. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ของ รฟม.
 
"ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญกับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และเข้าใจดีว่าสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลายโครงการ/แผนงาน เนื่องจากบุคลากรไม่สามารถเข้าพื้นที่ที่อยู่ในเขตควบคุมเข้มข้นสูงสุดเพื่อก่อสร้างหรือตรวจรับงานได้ รวมทั้งปัญหาขาดแคลนแรงงาน จึงได้สั่งการให้ส่วนราชการทุกกระทรวงทำงานร่วมกับรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยผลักดันโครงการลงทุนให้ดำเนินการได้ตามเป้าหมาย นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจประเทศต่อไป" นางสาวรัชดา กล่าว


ที่มา รัฐบาลไทย
#3729


นางสาวโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวว่า "จุดประสงค์ของการเปิดตัวโฆษณารณรงค์ดังกล่าว เนื่องมาจากทุกวันนี้ในประเทศไทยมีช้างราวๆ 2,800 ตัวที่ถูกใช้ในกิจกรรมเพื่อความบันเทิง แต่เบื้องหลังที่นักท่องอาจไม่เคยรู้ คือ การพรากลูกช้างจากแม่ เพื่อนำมาฝึกตั้งแต่ยังเด็ก โดยช้างจะถูกบังคับ กักขัง ถูกขอสับซ้ำๆ ทั้งล่ามโช่ ทำร้าย ใช้งานหนัก เพื่อให้หวาดกลัวมนุษย์และเชื่องพอที่จะแสดงกิจกรรมที่ผิดธรรมชาติ การที่นักท่องเที่ยวร่วมชื่นชมการแสดงของช้างแสนรู้เป็นการสนับสนุนให้ช้างต้องถูกทรมานทางอ้อมโดยที่เราไม่รู้ตัว"

"องค์กรฯ มีเป้าหมายที่อยากเห็นช้างเลี้ยงรุ่นที่มีอยู่ในปัจจุบันได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และไม่มีการผสมพันธุ์เชิงพาณิชย์อีก อยากเห็นช้างที่เป็นสัตว์ป่า ได้รับการปกป้องในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของพวกเขา ถ้าคุณรักช้าง ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องพวกเขาให้ได้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ แต่หากอยากเที่ยวอยากชมช้างจริงๆ แนะนำให้ศึกษาช้างในแหล่งธรรมชาติอย่างอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้างซึ่งมีมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสูง""

โฆษณารณรงค์ชุดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเสียงสะท้อนสำหรับช้างเท่านั้น แต่ต้องการสร้างความตระหนักให้กับคนดูเห็นว่า เบื้องหลังของการแสดงช้างที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู จริงๆ แล้วคือช้างเหล่านี้ต้องผ่านการฝึกอย่างหนักและทารุณเพื่อยุติสัญชาตญาณของสัตว์ป่าเพื่อให้ช้างเชื่องและหวาดกลัวพอที่จะออกแสดงโชว์ได้ และถ้าหากเรายังไม่หยุดสนับสนุนกิจกรรมมีเบื้องหลังโหดร้าย วงจรแห่งความทารุณนี้ก็จะสร้างความบอบช้ำไม่รู้จบ เพียงเพื่อแลกกับความบันเทิงชั่วคราวของนักท่องเที่ยว



นายฉัตรณรงค์ เมืองวงษ์ ผู้จัดการแคมเปญสัตว์ป่า องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย เปิดเผยว่า "ช้างเป็นสัตว์ป่า สมควรได้อยู่ในป่า ผลสำรวจของเราพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวในไทยเริ่มรับไม่ได้กับกิจกรรมที่เป็นการทำร้ายสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ยิ่งทำให้เห็นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่สามารถเป็นที่พึ่งของช้างนี้ได้ เห็นได้จากข่าวเกี่ยวกับช้างตกงาน ถูกปล่อยกลับบ้าน และอดอยากมากมาย"

"เมื่อวิกฤติจากโควิด-19 บรรเทาลงแล้ว เรามองว่านี่เป็นโอกาสดีที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะหันมาปรับปรุงสวัสดิภาพช้างให้ดีขึ้น ให้สอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวที่มุ่งไปสู่การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ภาครัฐเองก็ควรจริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้นเช่นกัน ผ่านการออกกฎหมายและนโยบายที่ปกป้องสัตว์ป่าอย่างเป็นระบบ ถ้าทำได้จริง จะกลายเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคมโลกและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย"

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา องค์กรพิทักษ์สัตวแห่งโลก พร้อมภาคีเครือข่าย นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ได้ร่วมผลักดันร่างพระราชบัญญัติปกป้องและคุ้มครองช้างไทย พ.ศ.... ซึ่งเป็นร่างกฎหมายฉบับแรกที่จะปกป้องช้างจากการทารุณกรรมช้างในทุกรูปแบบ ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญอย่างการยุติผสมพันธุ์ช้างเชิงพาณิชย์ ยกระดับการจัดสวัสดิภาพช้าง ยุติการใช้กระบวนการฝึกช้างที่โหดร้ายทารุณ และไม่บังคับช้างให้แสดงพฤติกรรมที่ผิดธรรมชาติ เป็นต้น
#3730


นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเยว่า ในวันที่  13 ส.ค.นี้จะหารือกับผู้ประกอบการล้งลำไยในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อหารือและวางมาตรการรับมือ ถึงกรณีที่ จีนทำหนังสือให้แจ้งระงับล้งรวบรวมลำไยที่ตรวจพบเพลี้ยแป้ง ปนเปื้อนเกินกว่าข้อตกลงในพิธีการ ที่กำหนดการสุ่มตรวจที่ 3 %

โดยทางจีนได้แจ้งอย่างเป็นทางการถึงสถิติการส่งออกลำไย ตั้งแต่ปี 63 ถึงปัจจุบันพบว่าการสุ่มตรวจพบเพลี้ยแป้งปนเปื้อนลำไยของล้ง 60 แห่ง โดยขอให้กรมวิชาการเกษตรระงับไม่ให้ล้งเหล่านี้ส่งออกลำไยไปจีนตั้งแต่วันที่  14 ส.ค.นี้เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามการเนื่องจากปัจจุบันอยู่ลำไยอยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยวและเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก หรือช่วงพีคของปี ดังนั้นการสั่งระงับ จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมได้ ดังนั้นกรมวิชาการเกษตรจึงเจรจากับจีนผ่านระบบออนไลน์เพื่อผ่อนปรนมาตรการ โดยไทย จะเพิ่มความเข้มงวดการสุ่มตรวจของล้ง66 แห่งจาก 3 % เป็น 5-10 %  ซึ่งฝ่ายจีนไม่ยินยอม


ดังนั้นในวันที่ 13 ส.ค.นี้จึงจะหารือกับผู้ประกอบการล้งในเขตภาคเหนือก่อน คือจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน  37 แห่ง เพื่อวางมาตรการร่วมกัน   ซึ่งกรมวิชาการเกษตรจะต่อรอง ขอให้จีนอนุญาตเฉพาะล้งที่มีการตรวจพบการปนเปื้อนน้อย ส่งไปก่อน โดยกรมวิชาการเกษตรจะเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบให้มากขึ้น  ซึ่งในจ.เชียงใหม่ แยกเป็นล้งที่พบการปนเปื้อนมาก 10 แห่ง ที่เหลือ27 แห่งปนเปื้อนน้อย ส่วนล้งที่อยู่จ.จันทบุรี ปัจจุบันยังไม่เก็บเกี่ยวผลผลิต จึงสามารถบริหารจัดการได้

เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจน กรมวิชาการเกษตรจะเสนอให้จีนพิจารณาต่อไป แต่ทั้งนี้ ทั้งล้ง เกษตรกร ในห่วงโซ่ลำไยทั้งหมดต้องให้ความร่วมมือ คัดแยกลำไยอย่างมีคุณภาพ  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบในภาพรวม 


นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  กล่าวว่า ได้ทราบเรื่องที่จีนห้ามนำเข้าลำไยจากไทยเนื่องจากพบเพลียแป้ง จึงได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(ทูตพาณิชย์)ประสานทูตเกษตรให้เจรจากับทางการจีนผ่อนผันการบังคับใช้ไปก่อน เนื่องจากเป็นการดำเนินการอย่างกระทันหัน


อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหากการเจรจาไม่ได้ผลจะกระทบกับการส่งออกลำไยเพราะ การส่งออกลำไยไปจีนมีสัดส่วนถึง 70-80% ดังนั้น กรมได้เร่งปรับแผนการส่งออกผลไม้ ล่าสุดเตรียมจัดเจรจาการค้าออนไลน์กับเวียดนาม เพื่อหาตลาดทดแทนการส่งออกไปจีน นอกจากนี้ มีแผนจะจัดอินสโตร์โปรโมชั่น ที่กัมพูชา และอินเดีย

"ได้รับแจ้งว่าจีนจะมีการระงับการนำเข้าลำไยจากไทยเมื่อ 2 วันก่อน และได้สั่งการให้มีการเจรจากับทางการจีนก่อนเพื่อให้ผ่อนผัน และเพื่อไม่ให้มีผลต่อการส่งออกจึงปรับแผนส่งเสริมการส่งออกด้วยการหาตลาดในอาเซียนที่มีศักยภาพมารองรับเพิ่มแล้ว"
#3731


สหราชอาณาจักรไม่พบเคสใหม่ของภาวะลิ่มเลือดอุดตันรุนแรงหลังฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหลังประเทศแห่งนี้ตัดสินใจงดฉีดให้กับคนอายุต่ำกว่า 40 ปี จากการเปิดเผยของบรรดานักวิทยาศาสตร์แห่งราชอาณาจักรในวันพุธ(11ส.ค.)

ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ ถูกระบุว่าเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นน้อยมากๆของวัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัสเวคเตอร์ ที่ผลิตโดยแอสตร้าเซนเนก้าและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แต่ด้วยที่พบผลข้างเคียงลักษณะดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นในหมู่คนหนุ่มสาว ส่งผลให้หลายประเทศออกข้อกำหนดจำกัดอายุผู้ฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า

ผลการศึกษาพบว่าราว 85% ของคนที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในสหราชอาณาจักร เป็นบุคคลที่อายุต่ำกว่า 60 ปี แม้ส่วนใหญ่แล้ววัคซีนยี่ห้อนี้จะฉีดให้คนชราก็ตาม

ในผลการศึกษาพบว่าในบุคคลที่อายุต่ำกว่า 50 ปี อัตราอุบัติการณ์ของภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ 1 ต่อ 50,000 คน เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ก่อนหน้านี้ และพวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่าผลการศึกษาล่าสุดเป็นการเสริมความเข้าใจก่อนหน้านี้ว่าผลประโยชน์ของวัคซีนนั้นมีมากกว่าความเสี่ยง

ซู ปาวอร์ด นักโลหิตวิทยาที่ปรึกษาของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ผู้นำการวิจัย ระบุว่าเหตุการณ์นี้มักส่งผลกระทบกับคนหนุ่มสาวที่มีสุขภาพแข็งแรง และมีความอันตรายอย่างยิ่งหากว่ามันก่อเลือดออกในสมอง

อย่างไรก็ตามเธอเน้นว่าเคสผลข้างเคียงอาการดังกล่าวที่พุ่งสูงในระยะแรก เวลานี้ได้ลดน้อยลงไปแล้ว ผลจากการตัดสินใจของสหราชอาณาจักรที่มอบวัคซีนทางเลือกให้แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีแทน ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม

"เราไม่เห็นเคสใหม่ของภาวะลิ่มเลือดอุดตันในช่วง 4 สัปดาห์หลังสุด และมันคือความโล่งใจอย่างมหาศาล" เธอบอกกับผู้สื่อข่าว

โดยรวมแล้วอาการนี้มีอัตราการเสียชีวิตราว 23% แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 73% หากเกิดในสมอง หรือที่เรียกว่า ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำสมอง (cerebral venous sinus thrombosis - CVST) แต่วิธีการรักษาต่างๆนานา อย่างเช่นถ่ายพลาสมาเลือด ช่วยเพิ่มอัตรารอดชีวิตสำหรับเคสรุนแรงต่างๆเป็น 90%

พวกนักวิจัยแสดงความหวังว่าผลการศึกษาจะเป็นเครื่องดลใจสำหรับยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีน และเน้นย้ำความสำคัญของการเข้าฉีดวัคซีน

ทั้งนี้ผลการวิจัยดังกล่าวเผยแพร่อยู่ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์

(ที่มา:รอยเตอร์)
#3732


รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า หลังจากเปิดโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" รับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางเข้ามาเที่ยวภูเก็ตแบบไม่กักตัว พบว่าในช่วง 40 วันแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-9 ส.ค.2564 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการฯสะสม 18,654 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 18,602 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 52 คน เฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าโครงการฯวานนี้ (9 ส.ค.) มี 387 คนจากจำนวนเที่ยวบิน 4 เที่ยวบิน ไม่พบผู้ติดเชื้อ

ด้านยอดจองห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA+ พบว่าตลอดไตรมาส 3/2564 มีจำนวน 353,529 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 190,843 คืน เดือน ส.ค. 143,566 คืน และเดือน ก.ย. 19,120 คืน ส่วนยอดการจองในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 มีจำนวน 9,797 คืน

ขณะที่เช้าวันนี้ (10 ส.ค.2564) เวลา 11.00 น. สายการบิน "คาเธ่ย์ แปซิฟิค" เริ่มทำการบินเส้นทาง ฮ่องกง-ภูเก็ต ให้บริการไฟลต์ปฐมฤกษ์ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตวันนี้เป็นวันแรก โดยทำการบินทุกวันอังคาร และวันอาทิตย์ วันละหนึ่งเที่ยวบิน สำหรับไฟลต์ปฐมฤกษ์มีผู้โดยสารเดินทางมาทั้งสิ้น 134 คน มาจากตลาดฮ่องกง 56 คน นอกจากนั้นเป็นผู้โดยสารจากตลาดสหรัฐอเมริกา แคนาดา และจีน
#3733


ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยสีสันและฉากหลังที่เหมือนอยู่ในดินแดนแห่งความฝันทำให้"เกาะบาหลี"ดึงดูดความสนใจเหล่าผู้ผลิตภาพยนต์จากต่างประเทศให้ไปปักหลักถ่ายทำภาพยนต์ที่นั่นมานับไม่ถ้วน

ตั้งแต่ภาพยนต์เรื่อง "Legong, Dance of the Virgins"ภาพยนตร์เงียบแนวดรามาเกี่ยวกับการท่องเที่ยว สร้างเมื่อปี 2478 ภาพยนต์เรื่อง "Baraka" ภาพยนต์สารคดีแนวคัลท์ สร้างเมื่อปี 2535 ,ภาพยนต์เรื่อง"The Endless Summer II" สร้างปี 2537 และภาพยนต์ที่ดัดแปลงจากหนังสือบันทึกความจำที่ขายดีที่สุด "Eat, Pray, Love" มีจูเลีย โรเบิร์ตส นักแสดงชื่อดังของฮอลลีวู้ดนำแสดง

นอกจากถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์มาช้านาน บาหลียังเป็นโลเคชันสุดปรารถนาในการถ่ายทำขนาดเล็กกว่าการถ่ายทำภาพยนต์อย่างโฆษณาทางทีวีมากมายหลายชิ้น และตอนนี้ กลุ่มนักลงทุนต่างชาติและท้องถิ่นต้องการเป็นสะพานอุดรอยโหว่ระหว่างสตูดิโอผลิตภาพยนต์ระดับโลกของฮอลลีวู้ดและเหล่าครีเอทีฟชาวอินโดนีเซียด้วยการสร้างสตูดิโอผลิตภาพยนต์บนเกาะแห่งนี้

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซีย ระบุว่า "ยูไนเต็ด มีเดีย เอเชีย แอนด์ ครีเอทีฟ อาร์ทิส เอเจนซี" (ยูเอ็มเอ)ในสหรัฐ ได้เปิดเผยโครงการนี้ที่เทศกาลภาพยนต์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนที่แล้ว โดยมองเห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจของเกาะบาหลีที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักแม้ว่าเศรษฐกิจบนเกาะแห่งนี้จะหดตัวโดยเฉลี่ยปีละ 9.3%

"ภายใต้แผนการผลิตภาพยนต์นี้ ยูเอ็มเอจะว่าจ้างพนักงานในท้องถิ่นที่มีความรู้ความสามารถซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจบนเกาะบาหลี ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19 บาหลีเป็นโลเคชันในอุดมคติในการสร้างภาพยนต์"มิสซี เทวี โฆษกยูเอ็มเอ ระบุ

ดูเหมือนแผนการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลอินโดนีเซีย โดย"แซนดิอากา อูโน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นความพยายามของยูเอ็มเอที่จะสร้างและบ่มเพาะบาหลีให้เป็นศูนย์กลางการผลิตเนื้อหาระดับโลก

ยูเอ็มเอ ถูกก่อตั้งเมื่อปี 2561 โดย"Michy Gustavia"นักแสดงหญิงและโปรดิวเซอร์ชาวอินโดนีเซีย พร้อมการสนับสนุนด้านเงินทุน 20 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มบริษัทสื่อคอมพาส กรามีเดีย (Kompas Gramedia)โดยเน้นผลิตเนื้อหาให้แก่ผู้ชมในท้องถิ่น 270 ล้านคนในภาษาอินโดนีเซีย โดยอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรมากสุดอันดับ4ของโลก มีอายุผู้ชมโดยเฉลี่ยแค่ 29.7 ปีเทียบกับสหรัฐที่มีอายุผู้ชมโดยเฉลี่ย 38.1 ปี

หนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์ รายงานว่าช่วง5ปีที่ผ่านมา บ็อกซ์ ออฟฟิศในอินโดนีเซียขยายตัวปีละ 7% และชาวอินโดนีเซียเป็นผู้บริโภคที่ชื่นชอบการดูภาพยนต์ออน-ดีมานด์ผ่านแพลทฟอร์มต่างๆ อาทิ เน็ตฟลิกซ์ โดยคาดว่าจะมีชาวอินโดนีเซียเข้าไปใช้บริการในแพลทฟอร์มนี้มากถึง 18% หรือ 50 ล้านคนภายในปี 2568

"ตลาดบันเทิงของอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก ถ้าไม่นับจีนและยูเอ็มเอได้วางกลยุทธ์ รวมทั้งเพิ่มการลงทุนเพื่อผลิตเนื้อหาสำหรับผู้บริโภคในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น"เทวี ระบุ

แต่มีคำถามว่า บาหลี ที่ปัจจุบันยังคงมีปัญหาไฟฟ้าดับๆติดๆและน้ำท่วมฉับพลันในบางพื้นที่จะทำหน้าที่ศูนย์กลางการผลิตภาพยนต์ในระดับภูมิภาคได้หรือเมื่อเทียบกับโกลด์ โคสต์ของออสเตรเลีย หรือกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ซึ่ง"แอนดรี ดานันจายา"จากโคเปอร์นิก เอ็นจีโอ ซึ่งทำโปรเจคมากมายเกี่ยวกับการผลิตภาพยนต์สารคดีประเด็นสิทธิมนุษยชนเชื่อมั่นว่าบาหลีทำได้

"ตั้งแต่ดีไซเนอร์ด้านเสียงและด้านเสื้อผ้าไปจนถึงช่างภาพถ่ายทำภาพยนต์ ในบาหลีมีผู้มีความสามารถในด้านต่างๆเหล่านี้หลายพันคน หากสตูดิโอต้องการผลิตภาพยนต์ที่มีเนื้อหาต่างประเทศ สามารถเริ่มได้ทันที แม้สตูดิโอจะมีข้อจำกัด แต่ด้วยความที่บาหลีมีทัศนียภาพที่หลากหลาย โปรดิวเซอร์จึงสามารถเลือกที่จะถ่ายทำในโลเคชันที่เหมาะสมได้มากกว่าถ่ายทำในสตูดิโอ"ดานันจายา กล่าว

ดานันจายา กล่าวด้วยว่า ในสตูดิโอผลิตภาพยนต์ทุกแห่งต้องติดตั้งระบบสำรองไฟฟ้าไว้ เพราะฉะนั้นการจ่ายกระแสไฟฟ้าบนเกาะจึงไม่ใช่ปัญหา

ขณะที่"ลาโคทา มอยรา"บริษัทผลิตภาพยนต์สัญชาติสหรัฐที่มีฐานดำเนินงานอยู่บนเกาะบาหลี และเป็นผู้ผลิตภาพยนต์เรื่อง

"Pulau Plastik,"หรือ Rubbish Island สารคดีความยาวเท่าภาพยนต์ที่ตีแผ่ปัญหามลภาวะขากขยะในอินโดนีเซีย มีความเห็นต่อเรื่องนี้คล้ายๆกัน

"บนเกาะนี้มีคนมีความรู้ความสามารถมากมาย หากมีแพลทฟอร์มที่ช่วยกระจายผลงานไปยังกลุ่มผู้ฟังที่กว้างขวางขึ้นจะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจแก่เกาะแห่งนี้มากขึ้น"มอยรา กล่าว

ด้านโอมริ เบน-คานาอัน ชาวฝรั่งเศสจากบาหลีพร็อด โพรดักชั่นเฮาส์ที่ผลิตโฆษณาทางทีวีและเสนอการบริการสำหรับผู้ผลิตสารคดีในราคาตายตัวบนเกาะบาหลี บอกว่า กำลังคิดที่จะเปิดสตูดิโอผลิตภาพยนต์บนเกาะแห่งนี้

"ตั้งแต่เราเริ่มทำธุรกิจเมื่อ5ปีที่แล้ว ก็เจอคำถามมากมายว่าทำไมไม่เปิดสตูดิโอผลิตภาพยนต์ จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ผมก็ยังคิดว่าอินโดนีเซียมีความพร้อมและเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นแหล่งผลิตภาพยนต์" เบน-คานาอัน กล่าว
#3734


อาร์เดิร์น ได้รับการชื่นชมจากประชาคมโลกในฐานะที่ประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธต่างๆควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศอย่างได้ผล ซึ่งรวมถึงการการล็อกดาวน์และปิดพรมแดนระหว่างประเทศตั้งแต่เดือนมี.ค.ปี 2563 แต่กลยุทธดังกล่าวเริ่มมีปัญหาเพราะเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ต้องพึ่งพาแรงงานอพยพอย่างมาก เมื่อไม่มีแรงงานต่างชาติ ทำให้ต้นทุนในการผลิตในภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้นและผลผลิตทางด้านอุตสาหกรรมตกต่ำลง

ปัญหาขาดแคลนแรงงานในนิวซีแลนด์เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมทั้ง อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นม พืชสวน ที่อยู่อาศัย การบริการ สุขภาพ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกัับสาธารณ ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากผู้ประกอบการในทุกภาคอุตสาหกรรมขอให้รัฐบาลเปิดพรมแดนระหว่างประเทศอีกครั้ง

แรงกดดันเกี่ยวกับเรื่องนี้รุนแรงขึ้นเมื่อวันจันทร์(9ส.ค.)เมื่อพยาบาลผดุงครรภ์ประมาณ 1,500 คนผละงานประท้วงโดยให้เหตุผลว่าทำงานหนักเกินไปเพราะปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ ขณะที่พยาบาลจำนวนกว่า 30,000 คนชุมนุมประท้วงเป็นครั้งที่2ในเดือนนี้นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา เพื่อเรียกร้องให้ทางการปรับขึ้นเงินเดือนและปรับปรุงสวัสดิการให้ดีขึ้น

"เราพึ่งพาพยาบาลที่มีคุณสมบัติจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาช่วยเติมเต็มปัญหาขาดแคลนพยาบาลแต่ถ้าพรมแดนประเทศของเรายังคงปิดอยู่ เราก็ไม่สามารถรับสมัครพยาบาลจากต่างประเทศได้ เกลนดา อเล็กแซนเดอร์ ผู้จัดการแผนกการบริการด้านอุตสาหกรรมขององค์การพยาบาลแห่งนิวซีแลนด์ กล่าว

อเล็กแซนเดอร์ กล่าวเสริมว่า ชาวนิวซีแลนด์ไม่นิยมมาเป็นพยาบาลเพราะเห็นว่าเป็นงานหนักและได้ค่าเหนื่อยน้อย ประกอบกับวิตกกังวลว่าจะทำงานได้ไม่ดีหรือผิดพลาดจนส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย


เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลนิวซีแลนด์ยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ เกือบทั้งหมดที่เคยประกาศใช้เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ชาวนิวซีแลนด์ไม่ต้องทำตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และสามารถออกไปรวมตัวกันในที่สาธารณะได้โดยไม่มีข้อจำกัด แต่นิวซีแลนด์ก็ยังไม่เปิดด่านพรมแดนสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

นิวซีแลนด์กำหนดให้ชาวนิวซีแลนด์ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศต้องกักตัวหรือเข้ารับการควบคุมโรคเป็นเวลา 14 วัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาร์เดิร์น เปิดรับแรงงานตามฤดูกาลจากซามัว ทองกา และวานูอาตู ซึ่งประเทศเหล่านี้ไม่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมด้านการเกษตร

ขณะที่ทางการนิว ซีแลนด์ระบุว่ามีผู้ป่วยโรคโควิด-19สะสมประมาณ 2,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้จำนวน 26 ราย ถือเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในโลก

ปัญหาขาดแคลนแรงงานในนิวซีแลนด์กำลังเพิ่มต้นทุนทางธุรกิจแก่บรรดาผู้ประกอบการ เพราะต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานทำงานกับบริษัทต่อไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อรายปีของประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสสอง อยู่ที่ 3.3% สูงกว่าที่ธนาคารกลางของนิวซีแลนด์คาดการณ์ไว้

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่าแรงกดดันจากปัญหาขาดแคลนแรงงานจะบังคับให้ธนาคารกลางแห่งนิวซีแลนด์(อาร์บีเอ็นซี)ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดในสัปดาห์หน้าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศร้อนแรงเกินไป

อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลหลักของอาร์เดิร์นและบรรดาผู้กำหนดนโยบายคือการระบาดของโรคโควิด-19สายพันธุ์เดลตา ซึ่งขณะนี้กำลังสร้างปัญหาให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรเลียและประเทศอื่นๆทั่วโลก

การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทั่วออสเตรเลีย ทำให้เมื่อเดือนที่แล้ว อาร์เดิร์นตัดสินใจระงับโครงการ"ทราเวล บับเบิล"ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เดินทางไปมาระหว่างกันได้โดยไม่ต้องกักตัว

บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในนิวซีแลนด์จะส่งผลให้มีการล็อกดาวน์ยาวนานขึ้น เพราะขณะนี้ประชาชนในนิวซีแลนด์ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเพียง 21% เท่านั้น

"สายพันธุ์เดลตามีอันตรายกว่าโควิด-19สายพันธุ์อื่นๆ และโควิด-19สายพันธุ์นี้จะเปลี่ยนแปลงการคำนวณหรือประเมินความเสี่ยงในชีวิตของประชาชนทุกคนอย่างสิ้นเชิง"อาร์เดิร์น กล่าว
#3735


จากคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของศาลปกครองกลาง กรณีโครงการ "แอชตัน อโศก" ของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กลายเป็นประเด็นร้อนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะส่งผลกระทบกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ "ลูกบ้าน" จำนวน 578 ครอบครัว

ทันทีที่มีคำพิพากษาศาลออกมา วันศุกร์ที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา "ชานนท์ เรืองกฤตยา "ซีอีโอ อนันดา อัดคลิปวีดีโอ ชี้แจงลูกบ้าน หวังลดกระแสและความกังวลใจที่เกิดขึ้น จากนั้นวันจันทร์ที่ 2 ส.ค. บริษัทได้ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการถึง "แนวทางการแก้ปัญหา" พร้อมยืนยันจะอยู่เคียงข้างลูกบ้าน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้โครงการขายเกือบหมด มียอดโอนแล้ว 87% คิดเป็นมูลค่า 5,639 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 6,481 ล้านบาท โดยมี 578 ครอบครัว 666 ยูนิตที่ย้ายเข้าอยู่แล้ว ในจำนวนนี้ 438 ครอบครัว เป็นลูกค้าคนไทย และ 140 ครอบครัวเป็นชาวต่างชาติ

โดยผู้บริหาร อนันดาฯ ระบุว่า จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาคดีเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน และคาดว่ากระบวนการทางศาลจะใช้เวลา 3-5 ปี

จากนั้นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ส.ค. ตัวแทนท่านเจ้าของร่วมและผู้พักอาศัย แอชตัน อโศก ได้ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชนเพื่อเข้ารับฟังผลกระทบที่ลูกบ้านได้รับจากคำสั่งศาลปกครองกลาง ในวันอังคารที่ 10 ส.ค.นี้ ผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจ "ลูกบ้านแอชตันอโศกที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลาง" ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป โดยระบุด้วยว่า "ถึงแม้กระบวนการทางกฎหมายจะยังไม่สิ้นสุด แต่บัดนี้ทางลูกบ้านได้รับผลกระทบต่างๆ แล้ว"

นับเป็นการเปิดใจครั้งแรกของกลุ่มตัวแทนลูกบ้าน แอชตัน อโศก ที่กำลังเผชิญชะตากรรมและผลกระทบครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (9 ส.ค.) อนันดาฯ ได้ส่งจดหมายผ่านสื่อมวลชน แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงาน ว่า อนันดาฯ ในนามผู้บริหารโครงการ แอชตัน อโศกได้มีการประชุมหารือกับเจ้าของร่วมในการสร้างความเข้าใจและร่วมกันหาแนวทางในการแก้ปัญหาจากเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยในขั้นแรก เจ้าของร่วมได้ "จัดตั้งทีมกฎหมายและคณะทำงาน" ขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำงานกับบริษัทฯ ในการร่วมกันหาแนวทางในการเรียกคืนความยุติธรรม ให้กับโครงการแอชตัน อโศก

พร้อมระบุว่าบริษัทรับทราบถึงความเดือดร้อนของเจ้าของร่วมในด้านสินเชื่อ ซึ่งมีจำนวน 348 ครอบครัวที่ใช้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 9 สถาบันการเงิน มีมูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท บริษัทฯ จึงได้มีการหารือกับธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อดังกล่าว เพื่อเร่งออกมาตรการช่วยเหลือเจ้าของร่วมทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยมี 9 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน โดยมาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าที่จะทำการ Retention จะมีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

พร้อมย้ำว่า บริษัทในฐานะผู้บริหารโครงการ แอชตัน อโศก จะดำเนินการตามกฎหมายร่วมกันกับเจ้าของร่วมอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าและเจ้าของร่วมและจะแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ให้ทราบอย่างใกล้ชิดต่อไป และเจ้าของร่วมสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่โครงการ

อย่างไรก็ดี หนึ่งในลูกบ้านโครงการ "แอชตัน อโศก" กล่าวว่า ระหว่างที่รอกระบวนการทางศาล ลูกบ้านยังไม่ได้ข้อสรุปกันว่าต้องทำอย่างไร ให้รอไปอย่างนี้หรือ? เพราะยังต้องมีเรื่องของไฟแนนซ์ด้วย เพราะหากซื้อตอนนี้ธนาคารคงไม่ปล่อยสินเชื่อ (ปล่อยกู้) ให้ หรือแม้กระทั่งจะรีไฟแนนซ์ก็น่าจะไม่ได้แล้ว นอกจากนี้ ห้องที่ซื้อมาจะขายในราคาที่ซื้อมายังไม่ได้เลย ไม่มีคนกล้าซื้อ สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบที่ลูกบ้านแอชตัน อโศกได้รับจากคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของศาลปกครองกลาง

"จุดประสงค์ที่ลูกบ้านต้องออกมาชี้แจงผ่านสื่อเพื่อต้องการบอกเล่าถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกบ้านในโครงการแอชตัน อโศก มันคืออะไร และเราเป็นผู้ที่เดือนร้อนตัวจริง เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบว่า มีปัญหาจริงๆ ไม่ใช่เป็นข่าวแค่ช่วงเวลาหนึ่งเงียบหายไป สุดท้ายลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดจะไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือเยียวยา"

โดยวันนี้ (10 ส.ค.) จะมีตัวแทนลูกบ้าน 3-4 คนออกมาพูดคุยกับสื่อ ในช่องทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/saveourhomeashtonasoke/ เพื่อฉายภาพผลกระทบที่ได้รับในทิศทางเดียวกัน แทนที่จะต่างคนต่างพูด ส่วนของการอัพเดทข้อมูลของอนันดาฯ กับทางลูกบ้าน ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับทางลูกบ้านในหลายๆ เรื่อง

"ตอนนี้ลูกบ้านจ่ายเงินไปแล้ว คิดดูแล้วกันว่าอยู่ดีๆ คอนโดที่ซื้อจะถูกทุบหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะว่าผิดกฎหมาย แบบนี้จะรู้สึกเชื่อมั่นได้อย่างไร บางคนที่ผ่อนอยู่ไม่อยากอยู่ แล้วก็ขายไม่ได้ เพราะไม่มีใครกล้าคนซื้อโครงการที่มีปัญหา ทางเข้าออก หากกรณีที่วันหนึ่งไม่สามารถเข้าใช้พื้นที่ได้จากคำสั่งศาล ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร"
#3736


โฆษกรัฐบาล เผย ครม.ปรับโครงการเยียวยา ม.33 เพิ่มกรอบวงเงินจำนวนทั้งสิ้น 17,050 ล้านบาท ครอบคลุม 29 จังหวัดแดงเข้ม อนุมัติวงเงิน 33,471 ล้านบาท เยียวยาผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม

วันนี้ (10 ส.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม ปรับปรุงรายละเอียดสาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้

(1) เปลี่ยนชื่อโครงการ เป็น โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากเดิม โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง

(2) ขยายพื้นที่ดำเนินการจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดยเพิ่มเติม 16 จังหวัด (กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง)

(3) กรอบวงเงินโครงการ จากเดิม 15,027.6860 ล้านบาท เป็น 17,050.4145 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,022.7285 ล้านบาท
(4) ขยายระยะเวลาให้นายจ้างในพื้นที่ 3 จังหวัด (ข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 28) และ 16 จังหวัด (ข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 30) สามารถขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ได้ โดยสำนักงานประกันสังคมจะตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2564 นี้

นายอนุชา ยังเปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้เห็นชอบกรอบวงเงิน 33,471.0050 ล้านบาท เยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐตามข้อกำหนดฯ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 5,000 บาท รวมทั้งสิ้น 6,694,201 คน โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

1. พื้นที่ดำเนินการ 29 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี

2. กลุ่มเป้าหมายรวมประมาณ 6,694,201 คน ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จำนวน 1,436,171 คน และมาตรา 40 จำนวน 5,258,030 คน

3. คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่มีสัญชาติไทย สถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะ A (Active) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด) หรือ ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 16 จังหวัด) กรณีเป็นผู้สมัครเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะรอชำระเงิน W (Wait) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ต้องไม่เป็นข้าราชการหรือผู้รับบำนาญของกรมบัญชีกลาง

4. วิธีการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 จะโอนเงินให้กับผู้ประกันตนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) เฉพาะที่ผูกบัญชีกับเลขประจำตัวประชาชน

โฆษกรัฐบาลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.ยังให้กระทรวงแรงงาน เร่งตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือตามเป้าหมายเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน รวมทั้งขอให้โอนเงินให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนตาม ม.39 และ ม.40 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 10 จังหวัด ก่อนระยะเวลาที่กำหนด ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ที่มีสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงและได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ก่อนพื้นที่อื่นๆ อีกทั้งกำหนดให้ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเติมในพื้นที่ 10 จังหวัด ต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 และในพื้นที่ 19 จังหวัดต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564

นอกจากนี้ ได้ให้กระทรวงแรงงานจัดทำข้อเสนอขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายที่รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ 13 จังหวัดเพิ่มเติม อีกจำนวน 1 เดือน ซึ่งจะช่วยให้การให้ความช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
#3737


รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ รฟม.อยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมประกวดราคาจ้างบริหารจัดการอาคารจอดแล้วจร 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท แบ่งออกเป็น โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต มูลค่าราว 37 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม มูลค่า 120 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิรัชมงคล มูลค่าราว 61 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี รฟม.ได้กำหนดให้เอกชนผู้สนใจร่วมประกวดราคาในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต เตรียมยื่นข้อเสนอผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ ส่วนโครงการรถไฟฟ้ามหานครทั้ง 2 สายนั้น จะกำหนดภายหลัง เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนร่างเอกสารประกวดราคา แต่เบื้องต้นทุกโครงการจะต้องแล้วเสร็จ เพื่อจัดหาเอกชนเข้ามาบริหารตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้

"สัญญาจ้างบริหารอาคารจอดแล้วจรทั้ง 3 โครงการ มีอายุสัญญา 3 ปี โดยจะเริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 – 1 ต.ค. 2567 ซึ่งเอกชนจะต้องรับหน้าที่บริหารจัดเก็บค่าบริการจอดรถ การรักษาความสะอาด ตลอดจนจัดการจราจรและดูแลพื้นที่ของ รฟม.ให้เป็นระเบียบ เพื่อรองรับการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ"

สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนประกวดราคานั้น รฟม.กำหนดราคาที่ยื่นข้อเสนอ ให้น้ำหนักคำนวณคะแนนข้อเสนอด้านราคาเท่ากับ 30 คะแนน และข้อเสนอด้านเทคนิค คุณภาพและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อ รฟม. น้ำหนักเท่ากับ 70 คะแนน โดยผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 70 คะแนน รฟม.จึงจะพิจารณาข้อเสนอด้านราคา


ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค คุณภาพและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อ รฟม. 100 คะแนน แบ่งออกเป็น คะแนนผลงานของผู้ยื่นข้อเสนอ 60 คะแนน แผนการบริหารจัดการอาคารจอดแล้วจร 20 คะแนน ประสบการณ์การทำงานของผู้จัดการอาคารจอดแล้วจร 10 คะแนน และข้อเสนออื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการอีก 10 คะแนน

ทั้งนี้ รฟม.จะพิจารณาให้คะแนนผลงานและประสบการณ์ของผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 1 ผลงานในการบริหารจัดการอาคารหรือลานจอดรถที่ประกอบด้วยงานจัดเก็บค่าบริการจอดรถ โดยใช้เครื่องไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ งานรักษาความสะอาด และงานจัดการจราจรดูแลพื้นที่จอดรถ ซึ่งเป็นผลงานที่สิ้นสุดระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยหากมีผลงานบริการจอดรถ 1,501 ช่องจอดขึ้นไป จะได้คะแนนสูงสุดอยู่ที่ 60 คะแนน

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า อาคารจอดแล้วจรที่ รฟม.นำมาเปิดประกวดราคานี้ ถือเป็นอาคารที่อยู่ในส่วนของรถไฟฟ้าที่มีสถิติการเดินทางสูงต่อเนื่อง และถือเป็นอาคารจอดแล้วจรในย่านชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัย มีผู้เดินทางค่อนข้างมาก เช่น โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม มีอาคารจอดแล้วจรจุดใหญ่อย่าง สถานีรถไฟฟ้าคลองบางไผ่ ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ส่วนสายเฉลิมรัชมงคล มีลานจอดรถใจกลางเมือง อย่างสถานีลาดพร้าว รัชดาภิเษก พระราม 9 และสถานีสุขุมวิท เป็นต้น
#3739


นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หลังจากที่ ส.อ.ท. ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 10 ขึ้นบริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพียง 28 วัน ซึ่งปัจจุบันที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ได้พิจารณายกระดับให้ศูนย์แห่งนี้เป็นสถานที่รองรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 สีเหลืองเข้ม

โดยปรับรูปแบบจากโรงพยาบาลสนามเดิมให้ใกล้เคียงกับห้อง ICU มากที่สุด เพื่อรองรับผู้ป่วยในจังหวัดสมุทรสาครที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากเดิมโรงพยาบาลสนามสภาอุตสาหกรรมฯ มีเครื่องมือทางการแพทย์พร้อมสำหรับดูแลผู้ป่วยอยู่แล้วในระดับหนึ่ง อาทิ เครื่องเอ็กซเรย์ปอด เครื่องวัดค่าออกซิเจนในปอด ระบบบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงในการพบปะกับผู้ป่วย ซึ่งหุ่นยนต์ดังกล่าวยังสามารถให้แพทย์และผู้ป่วยพูดคุยกันได้ผ่าน Application อีกด้วย

จึงทำให้การปรับรูปแบบเป็น ICU ในครั้งนี้มีการปรังปรุงโครงสร้างเพิ่มเติมหลักๆ คือ การวางระบบจ่ายออกซิเจนทั้งอาคาร และติดตั้งถังออกซิเจนเหลว (Liquid Oxygen) ขนาด 5,000 ลิตร ซึ่งหากมีผู้ป่วย 200 คนรักษาตัวอยู่ จะสามารถใช้ถังออกซิเจนนี้ได้ 3-4 วันต่อถัง

การปรับปรุงในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากนายอุดม ไกรวัฒนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ที่มาให้บริการในโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ คือทีมจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วย แพทย์ 1 คน เภสัชกร 1 คน พยาบาล 12 คน และทีมพยาบาลจากจังหวัดกาญจนบุรี 3 คน รวมทั้งทีมหลักที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสาครมาร่วมปฏิบัติงานด้วย

นอกจากนี้ ส.อ.ท. ได้ส่งเสริมผู้ประกอบการและสมาชิกจัดทำมาตรการ Bubble and seal ในโรงงาน ที่มีพนักงานตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยไม่ต้องปิดโรงงาน พร้อมสนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในรูปแบบ Community Isolation ในโรงงาน ที่รับรองโดยสาธารณสุขจังหวัดและดูแลโดยโรงพยาบาลในสังกัดประกันสังคม ยกตัวอย่างในนิคมอุตสาหกรรมสินสาครในจังหวัดสมุทรสาครที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม (Factory Accommodation Isolation: FAI) ด้วยความร่วมมือจากสถานประกอบการภายในนิคมฯ มีจำนวนเตียงเพียงพอต่อการรองรับผู้ติดเชื้อไม่น้อยกว่า 10%

ซึ่งการทำ Factory Quarantine ในจังหวัดสมุทรสาคร แบ่งเป็น 2 กรณี คือ หากพบผู้ติดเชื้อในโรงงานน้อยกว่า 10% ให้ดำเนินการจัดทำ FAI แต่หากเกินกว่า 10% โรงงานจะต้องการ Bubble & Seal พร้อม FAI

โดยมี 6 ขั้นตอน ดังนี้ 1) จัดเตรียมสถานประกอบการให้พร้อมสำหรับการทำ FAI 2) ส่งข้อมูลการจัดทำ FAI ไปยังสำนักงานแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร 3) ส่งภาพการจัดทำ FAI ที่เรียบร้อยแล้วให้สำนักงานสาธาณสุขจังหวัดสมุทรสาคร

4) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครนัดหมายสถานประกอบการประเมินผ่านระบบ Video Conference โดยให้นำตรวจสถานที่แบบ Real Time ผ่านระบบ Video Conference 5) เมื่อผ่านการประเมิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครจะจัดทำใบรับรองส่งให้

และ 6) ดำเนินงานตามมาตรการ Bubble & Sealed กรณีที่โรงงานสุ่มตรวจและพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 10% ของจำนวนพนักงาน โดยการจัดการระบบดูแล ลดการกระจายเชื้อสู่ภายนอก จำนวน 28 วัน

ส.อ.ท. ยังได้จัดตั้ง "กองทุน ส.อ.ท. สู้ภัยโควิด-19" ภายใต้มูลนิธิพัฒนาอุตสาหกรรม เพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือ สิ่งของจำเป็น อาทิ ห้องความดันลบแบบประกอบเคลื่อนย้ายได้ (Modular Unit) , "ชุดจัดทำห้องความดันลบแบบติดตั้งถาวร (Non-Mobility), ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 (Antigen Test Kit), เมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจรและกล่องห่วงใยจากใจ ส.อ.ท.

ส่งมอบกับให้สถานพยาบาลนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 จึงขอเชิญร่วมบริจาคเงินได้ที่ชื่อบัญชี มูลนิธิพัฒนาอุตสาหกรรม เลขที่บัญชี 009-1-71583-0 ธนาคารกรุงไทยสาขาไทยเบฟควอเตอร์ (ใบบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 100%) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน ส.อ.ท. หมายเลข 1453 ทุกปัญหาอุตสาหกรรมมีคำตอบ
#3740


นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง EXIM BANK และ AMATA โดยมีนายอาสา สารสิน ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ ซิตี้ ระยอง จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์และแสดงความยินดีในความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยในนิคมอุตสาหกรรมกลุ่ม AMATA และพันธมิตรในเครือข่ายธุรกิจสามารถขยายการส่งออกและลงทุนภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพิ่มมากขึ้น ผ่านการประชุมออนไลน์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ภายใต้ MOU นี้ EXIM BANK จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมกลุ่ม AMATA และพันธมิตรในเครือข่ายธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนและโอกาสใหม่ ๆ ทางการค้าและการลงทุนภายในและระหว่างประเทศ โดยสอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ที่จะเร่ง "ซ่อม สร้าง เสริม" ผู้ประกอบการไทย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในภาวะวิกฤตโควิด-19 ภายใต้บทบาทที่มุ่งจะเป็น "ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย" กล่าวคือ EXIM BANK จะ 'ซ่อม' ภาคอุตสาหกรรมที่ประสบวิกฤต 'สร้าง' อุตสาหกรรมใหม่สู่อนาคต เช่น อุตสาหกรรมสีเขียว ดิจิทัล และสุขภาพ (Green, digital, health : GDH) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) และ 'เสริม' ความสมดุลของการส่งออกและการลงทุนของไทยในตลาดเดิมและตลาดใหม่ซึ่งรวมถึง CLMV เพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย เชื่อมโยงกับการส่งออกและการลงทุนของไทยทั้งในและต่างประเทศ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว


"ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับ AMATA ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการทุกระดับในนิคมอุตสาหกรรมกลุ่ม AMATA ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงรายกลางและรายใหญ่ตลอดทั้ง Supply Chain ให้มีความพร้อมที่จะยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาธุรกิจส่งออกและลงทุนให้มีความแข็งแกร่ง เชื่อมโยงการลงทุนภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมถึงโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาคและโลกโดยรวม"