• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - PostDD

#3321



ข้อมูลจากแถลงของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศบค.) ณ วันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมามีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมระลอกเมษายนถึง 549,512 ราย ยอดสะสมตั้งแต่เริ่มการระบาด 578,375 ราย มีผู้เสียชีวิตรวม 4,679 คน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้การคาดการณ์เหตุการณ์การระบาด รวมทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทำได้ยาก เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงแม้รัฐบาลจะใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อคุมการระบาดในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด และขยายเป็น 13 จังหวัดมานานกว่า 2 สัปดาห์ หากแต่การระบาดของโรคขณะนี้ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของการระบาดระลอกล่าสุด 

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในไทยสามารถเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 หมื่นคนต่อวันในช่วงกลางเดือน ก.ย.หากไม่มีมาตรการที่เข้มข้นเพียงพอ และถึงแม้มีมาตรการที่เข้มข้นกว่าที่ผู้ป่วยจะลดจำนวนลงก็ใช้เวลานานหลายเดือน 

ในสถานการณ์ที่การต่อสู้กับโรคระบาดทำได้อย่างยากลำบากช่วงเวลา 3 เดือนต่อจากนี้ (ส.ค. - ต.ค.) ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าเป็นห่วงทั้งในด้านความสามารถของระบบสาธารณสุขที่ตึงตัว ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจที่จะทรุดตัวลงจากการแพร่ระบาดที่ขยายออกไปในหลายพื้นที่ และลามไปยังภาคการผลิต และที่เป็นผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมาก็คือเรื่องของการตกงานของแรงงานจำนวนมากเป็นผลกระทบที่ตามมาต่อเนื่อง 

"กรุงเทพธุรกิจ" รวบรวมความเห็นของนักวิชาการ และนักเศรษฐศาสตร์ ที่ติดตามสถานการณ์และคาดการณ์ถึงภาพอนาคตระยะสั้นของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นภาายใน 3 เดือนข้างหน้าทั้งในเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาด ผลกระทบต่อเศรษฐกิจรวมทั้งข้อเสนอแนะที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการเพื่อแก้วิกฤติที่เกิดขึ้น ดังนี้ 



นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าเศรษฐกิจได้รับผลกระทบไปแล้วกว่า 9 แสนล้านบาท โดยเศรษฐกิจในปีนี้เมื่อเจอการแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อจะหวังให้เติบโตสัก 1% ก็ยากและเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจปีนี้จะไม่ขยายตัวเลย

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวมากคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 15% ของจีดีพี และมีการจ้างงานมากถึง 10 ล้านคน การที่ภาคการท่องเที่ยวปิดไปเกือบหมดนั้นหมายความว่าคนเกือบ 10 ล้านคนตกงานไม่มีรายได้ ซึ่งกระทบการใช้จ่ายของประชาชนมาก

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยในขณะนี้ถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วงเนื่องจากเราต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายพันธุ์มีการระบาดได้อย่างรวดเร็วคือสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งตัวอย่างที่มีการระบาดในหลายประเทศคือในอินเดีย และล่าสุดในอินโดนิเซียมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายใน 5 สัปดาห์จนมีผู้ป่วยรายใหม่หลายหมื่นคนต่อวัน 

"เมื่อสายพันธุ์ชนิดนี้ของโควิด-19 เข้ามาเป็นสายพันธุ์หลักในไทยทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยมีความเสี่ยงที่จะรับไม่ไหวเห็นได้จากสัญญาณว่าเริ่มมีการขาดแคลนถังออกซิเจน เริ่มมีการให้ผู้ป่วยออกมานอนนอกอาคารของโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์เริ่มติดโควิด-19 รวมทั้งต้องเอานักศึกษาแพทย์มาช่วยรักษาผู้ป่วยโควิด ส่วนเมรุที่เผาศพก็เผาศพต่อเนื่องกันจนบางที่พัง"

ทั้งนี้การประกาศล็อคดาวน์เพื่อต่อสู้กับโควิดของรัฐบาลถือว่ามีความจำเป็นและเป็นแนวทางที่หลายประเทศใช้ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ในระลอกต่อไป ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้นที่จะเตรียมตัว เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนจากสถานะประเทศที่รับมือกับโควิด-19 ไม่ได้เป็นประเทศที่สามารถรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ได้อีกครั้ง 

โดยมี 3 เรื่องที่รัฐบาลต้องทำคือ 1.เร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความพร้อมรับมือกับการกลายพันธุ์ของโควิด-19 

2.เร่งรัดการจัดหาและนำเข้าวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน โดยในเรื่องนี้รัฐบาลและเอกชนควรร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อจัดหาวัคซีนทางเลือกหลายๆยี่ห้อเข้ามาในประเทศไทย

และ3.การบริหารจัดการวัคซีนซึ่งจำเป็นที่จะต้องจัดสรรวัคซีนลงไปในพื้นที่ที่สำคัญ ในจุดพื้นที่อ่อนไหวต่อการแพร่ระบาด ในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ รวมทั้งพื้นที่ซึ่งมีการแออัดของผู้คนจำนวนมาก ที่มีความเสี่ยงที่จะติดต่อกันง่าย 

"โจทย์ใหญ่ของปีนี้คือการพยุงเศรษฐกิจให้ไปได้ก่อน ระยะเวลา 3 เดือนนี้สำคัญมากๆหัวใจของการฟื้นเศรษฐกิจอยู่ที่วัคซีน หากสามารถจัดการทั้ง 3 ส่วนนี้ได้ดี เมื่อเริ่มเปิดเมืองแล้ว ประเทศไทยจะอยู่ในฐานะที่สามารถรับมือกับการระบาดของโควิดได้อีกครั้ง"นายกอบศักดิ์ กล่าว 


นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันถือว่าวิกฤติมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีควรจะต้องตัดสินใจใช้ "ยาแรง" ในการแก้ไขปัญหา หมายถึงการล็อคดาวน์นั้นต้องทำจริงจัง กำหนดให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านแล้วให้มีระบบการส่งอาหาร ยา ให้ซึ่งสามารถที่จะใช้กำลังพลในกองทัพมาช่วยเหลือเรื่องนี้ได้เพราะนายกรัฐมนตรีเองก็เป็น รมว.กลาโหมซึ่งจะสามารถจัดการได้ 

ทั้งนี้การใช้มาตรการล็อคดาวน์แบบเข้มข้นต้องสื่อสารให้ประชาชน และภาคเอกชนเข้าใจตรงกันว่าเป้าหมายคือรัฐบาลต้องการควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ภายใน 3 เดือน ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ต้องกำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนและติดตามการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย โดยกำหนดไว้ที่เดือนละ 10 ล้านโดสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยการเร่งฉีดให้ประชาชนให้ได้อย่างน้อย 70% ของประชากรในประเทศ ซึ่งการที่จะฉีดได้รวดเร็วตามแผนดังกล่าวภายใน 3 เดือนนี้จะต้องกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่ต่างๆไม่ควรกระจุกการฉีดอยู่ที่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งเฉพาะ 

"ใน 3 เดือนนี้ต้องคุมโควิดให้อยู่ก่อน แม้จะต้องใช้ยาแรง แต่หากทำเพื่อให้โรคนี้มันจบลง เอกชน  กับประชาชนก็น่าจะเข้าใจเพราะไม่มีใครอยากให้การระบาดเกิดขึ้นเป็นระลอกๆ เมื่อคุมโควิดอยู่ได้หลังจากนั้นก็กลับมาฟื้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่าย ท่องเที่ยวในประเทศซึ่งหากสามารถทำได้เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายก็ยังสามารถที่จะขยายตัวได้" นายมนตรี กล่าว 

นายมนตรีกล่าวด้วยว่าในปี 2564 เศรษฐกิจของไทยอาจจะขยายตัวได้ประมาณ 1% หรือต่ำกว่า 1% ซึ่งการที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้มาจากภาคการส่งออกแต่ การส่งออกที่ขยายตัวได้มากก็มาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และการส่งออกที่ได้อานิสงค์จาการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก 

ซึ่งในขณะนี้หากรัฐบาลสามารถควบคุมโควิด-19 ได้ในระย 3 เดือน ก็จะยังคงมีช่วงเวลาที่สามารถจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งมาตรการที่สามารถทำได้คือการนำเอามาตรการการจูงใจการใช้จ่ายของผู้มีรายได้สูงซึ่งเป็นส่วนบนของ "ปิดรามิด" ที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ ได้แก่ มาตรการช็อปดีมีคืน ซึ่งสามารถเพิ่มวงเงินใช้จ่ายต่อรายได้ถึง 1แสนบาทต่อราย

หากมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 1 ล้านรายก็จะมีเงินหมุนเวียนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดเก็บรายได้เพิ่มจากภาษีได้ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาทนำมาใช้จ่ายในด้านต่างๆ ส่วนการคืนภาษีให้กับประชาชนก็จะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2565 

ขณะที่ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้กล่าวในการเสวนาทางคลับเฮาส์ : CEO โซเซ Just Say SO" จัดเสวนา "CEO โซเซ The Legend..สร้างตำนานผ่านวิกฤติ" จัดโดยฐานเศรษฐกิจและกรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2564 ว่าช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ หากรัฐบาลแก้ปัญหาโควิดไม่ได้อย่างทันจะลามสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยภาคการผลิตจะหยุดชะงักมากขึ้น และหากลามถึงการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวเดียวแล้วจะน่าห่วงมาก และหากผลิตไม่ได้เศรษฐกิจไม่โตคนขาดรายได้ คนไม่มีเงินไปจ่ายหนี้แบงก์ ผลกระทบจะลามถึงสถาบันการเงินในที่สุด

"เราอยู่ในสถานการณ์วิกฤติและวิกฤติยังแย่กว่านี้ได้ เพราะวิกฤติโควิดรอบนี้กระทบเศรษฐกิจจริง มีคนล้มตายและเจ็บป่วย ต่างจากวิกฤติปี 2540 ที่กระทบภาคการเงินและคนรวยเท่านั้น"

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเห็นเค้าพายุกำลังจะมา เพราะต้นปี 2564 นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ส่วนใหญ่ประเมินจีดีพี 3.5% แต่ผ่านมาครึ่งปีลด 3-4 ครั้งแล้ว จนเหลือ 1.5% หรือตอนนี้อาจเหลือไม่ถึง 1%

ส่วนการประเมินเศรษฐกิจระยะข้างหน้าทำได้ยาก เพราะไม่รู้จริงว่าสายพันธุ์เดลต้าระบาดแรงแค่ไหน รวมทั้งเรามีชุดตรวจไม่พอและสุดท้ายปัญหาแก้ไม่ทันจะลามไปกระทบสถาบันการเงิน รวมทั้งหากรัฐบาลยังทำเช่นนี้แล้วโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าระบาดแรงมากเหมือนต่างประเทศ จะทำให้ปัญหาใหญ่ขึ้น และมองว่าโควิด-19 ยังติดคนไทยได้อีก 50 ล้านคน เพราะคนฉีดวัคซีนครบ 2 โดส มีแค่ 3-4 ล้านคน สมมติคนติดเชื่อแต่ไม่รู้ว่าติดเชื้อก็นำเชื้อไปติดให้คนที่เหลืออีก 60 ล้านคนได้

ปัญหาในวิกฤติโควิด-19รอบนี้ เห็นด้วยว่า ปัญหาอยู่ที่การบริหารของรัฐบาล แต่ยังมีทางออกเพื่อแก้ไข 3 ปัญหา ตอนนี้ คือ

1.เมื่อวัคซีนไม่พอแล้วจะแบ่งให้ใครอันดับแรก ซึ่งต้องแบ่งให้บุคคลการด้านการแพทย์และสาธารณสุขก่อน ที่ผ่านมาฉีดแล้ว 7 แสนราย และต้องฉีดซ้ำ ทำให้ต้องใช้วัคซีนเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้วัคซีนขาดแคลนมากขึ้นไปอีก และตอนนี้รัฐบาลต้องถามตัวเองว่าจะฉีดให้ผู้สูงอายุที่ไม่อยู่ในภาคการผลิต หรือฉีดให้ผู้อยู่ภาคการผลิตคนวัยทำงานเพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อ

"เมื่อวัคซีนไม่พอแล้ว ทำให้รัฐบาลมาถึงจุดบีบบังคับ ให้ตัดสินใจแม้เป็นเรื่องที่ยากจะตัดสินใจ แต่ถ้าบอกประชาชนให้ชัดเจนได้ก็ดี ว่าจุดยืนของรัฐบาลอยู่ตรงไหนในเรื่องนี้ หากยังพูดกล้อมแกล้มแบบนี้ ในความกล้อมแกล้ม ยิ่งทำให้เราไม่รู้ทิศทาง"

2.ชุดตรวจยังไม่มากพอเพราะหากเลือกฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุก่อน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่าคนที่อายุน้อย 30-100 เท่า ดังนั้น รัฐบาลต้องพยายามแยกระหว่างคนติดเชื้อ กับคนไม่ติดเชื้อ เพื่อให้คนไม่ติดเชื้อยังสามารถเข้าไปทำงานได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะคนในภาคการผลิต ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

 สำหรับทางออกของปัญหานี้ เสนอว่า หากวัคซีนยังไม่พอแล้ว ก็ต้องตรวจให้มาก ทำชุดตรวจโควิด-19 ราคา 5-10 บาท หรือแจกฟรีได้หรือไม่ เพราะโรงงานที่มีแรงงานหลักพันคนจะได้ตรวจกันทุกวัน ต้องแจกชุดตรวจให้มากที่สุด

3.การเยียวยาทันหรือไม่ เพราะสุดท้ายหากยังเกิดปัญหาวัคซีนไม่พอ ชุดตรวจเชื้อยังทำช้าไปอีก คนทำงานไม่ได้ ไม่มีรายได้ ถ้าทุกคนเป็นหนี้แบงก์แล้ว สุดท้ายปัญหาที่สะสมทั้งหมด จะส่งผลกระทบกลับเป็นความเสี่ยงต่อธนาคาร ซึ่งต้องเร่งเยียวยาให้ทัน

"นโยบายการเงินถ้ามองแง่บวก เงินเฟ้อต่ำหนี้ต่างประเทศก็ไม่มี มองว่า ยังใช้นโยบายการเงินได้ พิมพ์เงินมาช่วยเหลือได้ แต่ต้องรู้ว่าจะทำเอาสิ่งนี้มาให้ทันท่วงที อย่าเป็นมาตรการที่ตามปัญหา เพราะตั้งแต่ต้นปีมานี้เราเห็นรัฐบาลมีแต่มาตรการตามปัญหา ไม่เคยมีมาตรการที่แก้ปัญหาก่อนที่จะเกิดเลย" นายศุภวุฒิกล่าว 
#3322



มีข่าวที่น่ายินดีจากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 44 ที่จีน เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 ที่ประกาศขึ้นทะเบียน กลุ่มป่าแก่งกระจาน ให้เป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ แห่งใหม่ของประเทศไทย หลังจากก่อนนี้มีห้วยขาแข้ง-ทุ่งใหญ่นเรศวร และกลุ่มป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนในปี พ.ศ.2548

หลังจากนั้น ทีมทำงานที่จะเสนอชื่อผืนป่า แก่งกระจาน ก็เตรียมความพร้อมทุกอย่างที่จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของเขา ปั้นแต่งพื้นที่มาเป็นเวลา 10 ปี พอปี พ.ศ. 2558 ก็เสนอครั้งแรก ผลคือตกไปไม่ได้รับพิจารณา พอปี 2558 -2559 ก็เสนอ และก่อนนี้ในปี 2562 ก็เสนออีก แต่ก็ตกไปทุกครั้ง ไม่ได้รับการอนุมัติ ทุกครั้งก็จะมีข้อให้กลับมาแก้ไข และเตรียมความพร้อม ปรับปรุงตามข้อแนะนำจนมาถึงการประชุมครั้งที่ 44 ที่จีนเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นการประชุมทางไกล ผืนป่า "แก่งกระจาน" จึงได้รับการพิจารณาให้ขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของไทย นับว่าความพยายามของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่เฝ้าเพียรพยายามมาถึง 16 ปี จนกระทั่งได้ขึ้นทะเบียนดังกล่าวนั้นไม่เสียเปล่า


น้ำตกผาไทร อช.กุยบุรี

พื้นที่ของกลุ่มผืนป่า "แก่งกระจาน" ที่ขึ้นทะเบียน "มรดกโลก" ในครั้งนี้ เป็นพื้นที่ป่าทางด้านตะวันตก ที่เชื่อมต่อติดกับป่าของประเทศเมียนมา กลายเป็นป่าผืนใหญ่ของภูมิภาค ประกอบไปด้วยพื้นที่จากล่างสุดของอุทยานแห่งชาติกุยบุรี (พื้นที่ 969 ตร.กม.) ในเขตอำเภอกุยบุรี และอำเภอหัวหิน แล้วต่อเชื่อมต่อกับ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ครอบคลุมพื้นที่มาตั้งแต่ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ เข้ามา อ.แก่งกระจาน และ อ.หนองหญ้าปล้อง ของ จ.เพชรบุรี (พื้นที่ 2,478 ตร.กม.) กระทั่งเข้ามาเขต อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ซึ่งมีอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน (พื้นที่ 349.59 ตร.กม.) และส่วนต่อเชื่อมระหว่าง อ.บ้านคา และ อ.สวนผึ้งของราชบุรีก็มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำภาชี (พื้นที่ 489.31 ตร.กม.) เมื่อดูในแผนที่แล้วจะเห็นว่า "มรดกโลก" แห่งใหม่กลุ่มป่า "แก่งกระจาน" นั้น ครอบคลุมพื้นที่เป็นแนวยาวทางตะวันตกขึ้นมานับร้อยกิโลเมตรทีเดียว จึงเป็นผืนป่าใหญ่ผืนหนึ่งของประเทศทีเดียว


ป่าที่เป็นผืนใหญ่ต่อเนื่องกันมันจะเป็นหลักประกันให้สัตว์ป่าได้อยู่กันอย่างมีความสุข อพยพโยกย้ายตามพฤติกรรม ได้อย่างมีอิสระเสรี สืบพันธุ์พงศ์เผ่าต่อไป ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ถึงกับได้สมญานามว่าเป็นซาฟารีเมืองไทย มีทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ ที่สัตว์ป่า ออกมาหากิน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำเงินเข้าสู่จังหวัดและประเทศอย่างมาก เพราะโปรแกรมปิดท้ายก่อนที่นักท่องเที่ยวที่มาหัวหินจะกลับที่พัก คือการมาดูสัตว์ที่อุทยานกุยบุรีนี่เอง แต่ละวัน จะมีช้าง วัวแดง กระทิง ออกมาให้เห็นทุกวัน


กิจกรรมดูสัตว์ป่า ของ อช.กุยบุรี ที่ได้รับความนิยม

มาที่ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" ที่นี่แทบไม่ต้องบรรยายมากเลยว่ามีคุณค่าอย่างไรในพื้นที่ ที่นี่มีจุดดูทะเลหมอกอันลือชื่อคือบนพะเนินทุ่งแคมป์ ซึ่งปี 2564 นี้น่าจะเปิดในช่วงปลายปีค่อนข้างแน่ และที่นี่เป็นที่ที่นักดูนกทั้งไทยและเทศ ต่างแวะเวียนกันมาดูนกทั้งปี ทั้งยังเป็นแหล่งดูผีเสื้อที่สำคัญอีกด้วย เรื่องราวของช้างป่าที่อยู่ร่วมกับคนที่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ นั่นก็เป็นความสมบูรณ์ของสัตว์ป่าใน "แก่งกระจาน" ไม่นับภาพข่าวที่เจอเสือดำ เสือดาว ในป่าแก่งกระจานหลายครั้งที่ผ่านมา และในบรรดาคนที่ชอบตั้งแคมป์พักแรม ดูเหมือนว่า "แก่งกระจาน" ได้รับความนิยมอย่างมากไม่เคยสร่างซา


น้ำพุร้อนโป่งกระทิง

ด้านเหนือของ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" จะต่อเชื่อมกับอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ซึ่งมีบ่อน้ำพุร้อนโป่งกระทิงเป็นที่รู้จักกัน ส่วนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำภาชีนั้น ด้วยความที่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ไม่ได้เน้นกิจกรรมท่องเที่ยวแต่เป็นที่อบรม เรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษามานาน แต่กระนั้นก็ยังมีคนที่ชอบความเงียบสงบไปตั้งแคมป์พักแรมอยู่บ้าง และพื้นที่ต่อเนื่องกันสองพื้นที่นี้ มีการพบสมเสร็จ ซึ่งเป็นสัตว์หายากในบ้านเรา ดำรงชีพอยู่ด้วยความสำราญใจ


ทะเลหมอกบนพะเนินทุ่งแคมป์ อช.แก่งกระจาน

อีกหน้าที่หนึ่งของป่าคือการเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ที่มาหล่อเลี้ยงทั้งผู้คนและสรรพสิ่ง ทุกผืนป่าทำหน้าที่เป็นป่าต้นน้ำได้เป็นอย่างดี เพียงแต่แม่น้ำที่เกิดจากป่าตะวันตกในย่านนี้ จะเป็นแม่น้ำสายสั้นๆ ที่เกิดจากป่าแล้วไหลลงทางตะวันออกสู่ทะเลอ่าวไทย แต่กระนั้นก็ทำหน้าที่สายชีวิตไม่บกพร่อง

กลุ่มป่า 'แก่งกระจาน' มรดกโลกแห่งใหม่ของไทย
เอกชนชงรัฐเร่งสกัดโควิด บูรณะแหล่งท่องเที่ยว"อีอีซี"
'ดูดวง' สิงหาคม 2564 ตามหลักโหราศาสตร์จีน กับซินแสนัตโตะ
อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีน้ำตกหลายแห่งมาก เพียงแต่ต้องเดินเท้าเข้าไปในป่าเป็นระยะทางค่อนข้างไกล อย่างน้ำตกผาหมาหอน น้ำตกห้วยดงมะไฟ น้ำตกด่านมะค่า น้ำตกผาสวรรค์ น้ำตกผาไทร น้ำตกแพรกตะคร้อ เป็นต้น


มาดูที่อุทยานฯ "แก่งกระจาน" ป่าที่นี่ให้กำเนิดแม่น้ำเพชรบุรี ที่ไหลลงเขื่อนแก่งกระจาน เป็นเส้นเลือดใหญ่ของเพชรบุรี ป่าผืนนี้จึงเป็นดั่งสายเลือดของคนเพชรบุรีเลยเทียว ในขณะที่น้ำตกคลองปราณ และน้ำตกป่าละอู ก็ไปหล่อเลี้ยงคนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนทางตอนเหนือ น้ำตกแม่กระดังลา ก็ไหลลงเขื่อนลิ้นช้าง ลงมาเป็นแม่น้ำเพชรบุรีเช่นกัน


น้ำตกป่าละอู อช.แก่งกระจาน

ขึ้นไปที่อุทยานฯเฉลิมพระเกียรติไทยประจันอุทยานฯนี้ แม้จะไม่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำตก แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นป่า ย่อมเป็นต้นน้ำอยู่ดี จึงมีลำห้วยไทยประจัน ไหลล่องลงมาเป็นลำห้วย เป็นแก่งน้ำต่างๆ ก่อนจะไหลลงปลายทางที่อ่างเก็บน้ำไทยประจัน ออกไปหล่อเลี้ยงคนในที่ราบลุ่มเขตจอมบึง หรือเขตฯลุ่มแม่น้ำภาชี ก็เป็นการรักษาป่าต้นน้ำของลุ่มแม่น้ำภาชี แม่น้ำสาขาของแควน้อยที่กำเนิดจากป่า แล้วไหลผ่านพื้นที่ของสวนผึ้ง จอมบึง แล้วลงแควน้อยที่ อ.เมือง กาญจนบุรีนั่นเอง


จุดชมวิวบางกะม่า อช.เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน


แม่น้ำเพชรบุรีก่อนลงสู่เขื่อนแก่งกระจาน

จะเห็นว่าทุกผืนป่าที่ดำรงคงอยู่ ล้วนแล้วเป็นต้นน้ำลำธาร เป็นหลักประกันในเรื่องน้ำ ว่าตราบใดที่เรามีป่า เราจะมีน้ำไว้ใช้ในชีวิต สัตว์ป่าพลอยจะได้ที่อยู่อาศัยอันมั่นคง

การได้ "มรดกโลก" จึงเป็นหลักประกันในสิ่งเหล่านี้ ขอแสดงความยินดีกับมรดกโลกทางธรรมชาติใหม่ของไทยอีกครั้ง แล้วเราคนไทยมาช่วยกันรักษาป่า "แก่งกระจาน" ผืนนี้ให้ยืนยาวต่อไป...
#3323



บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ  ถือเป็นไอพีโออีกหุ้นหนึ่งในปีนี้ที่ราคาเปิดเทรดวันแรก (11 พ.ค.) พุ่งแรง 135.48% อยู่ที่ 7.30 บาท จากราคาจอง 3.10 บาท ก่อนที่จะย่อตัวมาปิด 5.90 บาทเพิ่มขึ้นจากราคาจอง 90.32%

 ทั้งนี้ WINMED ได้มีการรายงานผลการจัดสรรหุ้นไอพีโอ  โดยพบ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอหลายคน โดยผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นมากสุด คือ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP), นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร  บมจ เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) และ นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) ได้รับจัดสรรคนละ 1 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 3.1 ล้านบาท

รองมาคือ นาย สุรเดช อุทัยรัตน์กรรมการ บมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) ได้รับจัดสรรหุ้น 8 แสนหุ้น มูลค่า 2.48 ล้านบาท, นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ได้รับจัดสรรหุ้น 5.5 แสนหุ้น มูลค่า 1.7 ล้านบาท, นายวรพจน์ จรรย์โกมล กรรมการ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) ได้รับจัดสรรหุ้น 5.2 แสนหุ้น มูลค่า 1.61 ล้านหุ้น

นายสมโภชน์ วัลยะเสวีประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ได้รับจัดสรรหุ้น 4 แสนหุ้น มูลค่า 1.24 ล้านบาท

นอกจากนี้นายสาระ ล่ำซำ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิตจำกัด (มหาชน) ได้รับจัดสรรหุ้นจำนวน 4 แสนหุ้น หรือคิดเป็น 1.24 ล้านบาท

รวมถึงพบตระกูลดังกล่าวได้รับจัดสรรหุ้น เช่น อภิชาติ จุฬางกูร ได้รับจัดสรร 4 แสนหุ้น มูลค่า 1.24 ล้านบาท นางสาวชดชนก ชิดชอบ ได้รับจัดสรร 4 แสนหุ้น มูลค่า 1.24 ล้านบาท นายมานิต มัสยวาณิช ได้รับจัดสรร 7 แสนหุ้น มูลค่า 2.17 ล้านบาท  นางนันทวัน มัสยวาณิช  ได้รับจัดสรร 6 แสนหุ้น มูลค่า 1.86 ล้านหุ้น


ทั้งนี้WINMEDดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่อง และชุดอุปกรณ์เพื่อการตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยและหรือบำบัดรักษาทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อการเก็บรักษาโลหิตและผลิตภัณฑ์ของโลหิต ซึ่งบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิต 23 บริษัท ใน 12 ประเทศ  และมีบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับสุขภาพและสุขอนามัย
#3324



นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัท อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม จากปัจจุบัน ได้ลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) กำลังการผลิต 8.63 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD) ไปแล้วเมื่อช่วงปลายเดือนธ.ค.ปี 2562 และปัจจุบันการดำเนินงานในโรงไฟฟ้าดังกล่าวก็เป็นไปด้วยดี และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีมาตรฐานยุโรป อีกทั้งยังสะอาด ไม่มีกลิ่น และบริษัท คาดหวังให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโชว์รูมต้นแบบที่ตั้งอยู่กลางนิคมฯ แล้วเป็นที่ยอมรับของชุมชนในพื้นที่

ดังนั้น หากภาครัฐมีนโยบายเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม บริษัทก็พร้อมที่จะขยายการลงทุน เนื่องจากมีความพร้อมด้านที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าเดิมที่ยังสามารถขยายเพื่อรองรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมประเภทโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กมาก หรือ VSPP ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ หรือ ไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ต่อแห่ง ซึ่งจะก่อสร้างได้อีกอย่างน้อย 4 แห่ง หรือ มีกำลังการผลิตรวมไม่เกิน 40 เมกะวัตต์

บริษัทมั่นใจว่า พื้นที่ตรงนี้มีความเหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม เพราะมีระบบสาธารณูปโภค มีสายส่ง และกระแสการตอบรับจากชุมชนก็ไม่มีปัญหา อีกทั้งโครงการที่ผ่านมาก็ทำได้ดี จึงคากว่าจะพัฒนาได้อีกหลายโครงการ



"เราเตรียมที่ไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอนโยบายรัฐบาลเปิดรับซื้อเพิ่ม อย่างน้อยพื้นที่รองรับได้อีก 4 โรงแต่จะเกิดได้จริงเท่าไหร่ ยังต้องรอดูนโยบายและปริมาณขยะในพื้นที่ด้วย"


นายนิพนธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ภาครัฐเตรียมทบทวนอัตราเงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (Feed-in-Tariff) หรือ FiT สำหรับเชื้อเพลิงขยะว่า ปัจจัยดังกล่าวก็จะต้องนำมาคำนวณความเป็นไปได้ในการลงทุนในอนาคตด้วย เพราะหากปรับลด FiT ลงแล้ว ต้นทุนค่าก่อสร้างเป็นอย่างไร มีความคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ ซึ่งในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะ ปกติแล้วจะมีรายได้จาก 2 ส่วน คือ รายได้จากการขายไฟฟ้า และรายได้จากค่ากำจัดขยะ โดยข้อมูลเหล่านี้ก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณาต่อไป


"จริงๆแล้วที่ผ่านมา การใช้ FiT ของภาครัฐ ก็คำนวณมาจากการลงทุนของภาคเอกชน เฉพาะหากรัฐจะปรับ FiT ลงก็มีความเป็นไปได้ เพราะต้นทุนเทคโนโลยีก็มีแนวโน้มลดลง แต่ก็เชื่อว่ารัฐจะพิจารณาอย่างรอบครอบ เพราะหาก FiT ต่ำไปก็จะไม่เอื้อให้เกิดการลงทุน"

สำหรับเม็ดเงินลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมนั้น ปัจจุบัน คาดว่า จะอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ซึ่งจะสูงกว่าการผลิตไฟฟ้าเชื้อเพลิงประเภทอื่น เพราะจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงเพื่อดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม


ทั้งนี้ ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) กำลังการผลิต 8.63 เมกะวัตต์ เป็นการลงทุนร่วมระหว่าง บริษัทดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) และ บริษัทสุเอซ (SUEZ) เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปลายปี 2560 กำลังการผลิตขนาด 8.63 เมกะวัตต์ ตามข้อตกลงการซื้อขายพลังงาน (power purchase agreement- PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าการลงทุนในโครงการนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท หรือประมาณ 57 ล้านดอลลาร์

ขณะที่ตามแผนพัฒนากาลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580. 12. ฉบับปรับปรุงครั้งที่1 (PDP2018 Revision 1) ทางกระทรวงพลังงาน กำหนดเป้าหมายจะรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม เพิ่มเติมอีก 44 เมกะวัตต์ จากแผน PDP เดิมมีการรับซื้อไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมไปแล้ว 31 เมกะวัตต์ หรือ รวมปลายแผนปี 2580 ประเทศไทยจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม รวมอยู่ที่ 75 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันนั้น ทางกระทรวงพลังงาน ยังไม่มีการประกาศนโยบายเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม
#3325



อย. ห่วงใย ไม่แนะนำให้ประชาชนใช้ปืนฉีดแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรค เสียเงินฟรีแถมได้รับอันตราย เพราะละอองฝอย ทำให้น้ำยาสัมผัสพื้นผิวไม่เพียงพอ ลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค แถมยังทำให้เชื้อโรคฟุ้งกระจาย หากเข้าตาหรือสูดดมอาจทำให้เคืองตา เวียนหัว คลื่นไส้ ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ เป็นอันตรายโดยเฉพาะในเด็กเล็ก หากใช้ปืนที่มีแสงยูวีฆ่าเชื้อโรคบนร่างกายโดยตรง อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังและเป็นอันตรายต่อดวงตาอีกด้วย

แนะวิธีฆ่าเชื้อโรคที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับอนุญาตจาก อย. เทราด หรือเช็ดบนพื้นผิวหรือวัสดุอุปกรณ์ที่ทำความสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ให้เปียกตามเวลาที่กำหนด และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก ก่อนซื้อตรวจสอบเลข อย. ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์

วันนี้ (29 ก.ค.) เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข และรักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้

ทำให้ปืนฉีดแอลกอฮอล์กำลังได้รับความนิยม เป็นที่ต้องการของประชาชนเป็นอย่างมาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ไม่แนะนำให้ซื้อปืนฉีดแอลกอฮอล์มาใช้เนื่องจากละอองฝอยที่ออกมาจากเครื่องมีขนาดเล็กมาก ทำให้ตัวน้ำยาสัมผัสพื้นผิวไม่เพียงพอซึ่งจะลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค แถมยังทำให้เชื้อโรคฟุ้งกระจาย หากเข้าตาหรือสูดดมอาจทำให้เคืองตา เวียนหัว คลื่นไส้ ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ เป็นอันตรายโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่สำคัญ หากใช้ปืนที่มีแสงยูวีฆ่าเชื้อโรคบนร่างกายโดยตรง อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังและเป็นอันตรายต่อดวงตา ดังนั้น ปืนฉีดแอลกอฮอล์นอกจากจะไม่มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อโรคแล้วยังเป็นอันตรายต่อสุภาพอีกด้วย วิธีการฆ่าเชื้อบนพื้นผิวและวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับอนุญาตจาก อย. เทราดหรือเช็ดบนพื้นผิวหรือวัสดุอุปกรณ์ที่ทำความสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ให้เปียกตามระยะเวลา ที่กำหนด และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก หากพื้นผิวที่สกปรกมากจะลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค ก่อนซื้อตรวจสอบเลข อย. ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้าย
#3326
ไอดินไทย เครื่องประดับดินปั้น ด้วยแรงบันดาลใจทำเครื่องประดับดินปั้นมาจากความชื่นชอบที่มีต่อละครมนต์รักลูกทุ่งและแฟชั่นการแต่งกายสมัยนั้น





ทำให้ท่านพัชร์ชิสา ไชยวีรวัฒน์ เกิดแนวคิดในการทำเครื่องประดับร่วมกับการเล่าเรียนปั้นดินไทยของชุมชนระแหง จังหวัดตาก กระทั่งเกิดเป็นเครื่องประดับดินปั้นที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วมากกว่า 10 ปี





ซึ่งตัววัสดุนั้นเป็นดินไทยที่ผสมกับดินท้องถิ่นของจังหวัดตาก มีความงดงามผสมความเป็นไทย สีสันสดใส ความเป็นธรรมชาติและก็นอกจากนี้ทุกผลิตภัณฑ์มีรอยนิ้วมือจากการปั้น โดยไม่ใช้เครื่องจักร แสดงถึงงานฝีมืออย่างแท้จริง


#3327



นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 ธนาคารสมาชิกได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ตามมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยในเดือนก.ค. 63 มีลูกค้าขอรับความช่วยเหลือสูงสุดจำนวน 6 ล้านบัญชี วงเงินความช่วยเหลือรวม 4.25 ล้านล้านบาท เป็นวงเงินสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ 8 แสนล้านบาท ลูกค้า SME 1.8 ล้านล้านบาท และลูกค้ารายย่อย 1.6 ล้านล้านบาท

ที่ผ่านมา มีลูกค้าบางส่วนได้ออกจากมาตรการเนื่องจากกลับมาชำระหนี้ได้ในช่วงที่สถานการณ์ดีขึ้น ล่าสุด ยังมีลูกค้าอยู่ภายใต้การให้ความช่วยเหลือรวม 1.89 ล้านบัญชี คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือกว่า 2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ 5.6 แสนล้านบาท ลูกค้า SME 8.2 แสนล้านบาท และลูกค้ารายย่อย 6.2 แสนล้านบาท

สำหรับมาตรการเสริมสภาพคล่อง เพื่อประคับประคองธุรกิจตามมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารสมาชิกได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเสริมสภาพคล่องกว่า 2.16 แสนล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ประมาณ 1.38 แสนล้านบาท และวงเงินสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจที่อนุมัติไปแล้วกว่า 7.8 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าหมาย 1 แสนล้านบาทในเดือนตุลาคมนี้

อย่างไรก็ตาม ทุกธนาคารยังคงเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าอย่างเต็มที่ โดยจะทยอยพิจารณาให้การช่วยเหลือผ่านวงเงินดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้หารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบต่อลูกค้าทุกกลุ่ม โดยพร้อมมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม หากสถานการณ์ยืดเยื้อกว่าที่ประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม ภาคธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 63

โดยในช่วงแรกออกมาตรการช่วยเหลือเป็นการทั่วไป เป็นมาตรการเร่งด่วน ทั้งการพักชำระเงินต้น ดอกเบี้ย และขยายระยะเวลาชำระหนี้ เพื่อลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้า เสริมสภาพคล่องด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) หลังจากนั้นได้ออกมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้ตรงจุด เช่น มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ และเมื่อมีการระบาดระลอกใหม่ทำให้เศรษฐกิจต้องใช้เวลานานขึ้นในการฟื้นตัว จึงมีมาตรการฟื้นฟูธุรกิจเพิ่มเติม ประกอบด้วย สินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจ วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ วงเงิน 1 แสนล้านบาท พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย ระยะที่ 3 และล่าสุดได้ออกมาตรการเร่งด่วนด้วยการพักชำระเงินต้น และดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้า SMEs และลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เป็นระยะเวลา 2 เดือน ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการ ในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ

"ธนาคารสมาชิกได้บริหารจัดการธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ว่าภาพรวมผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ในช่วงครึ่งปี 64 แสดงผลการดำเนินงานที่ยังเติบโตต่อเนื่อง แต่บางส่วนเป็นการบันทึกรายได้ดอกเบี้ยค้างรับของมาตรการช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งยังไม่ได้มีการชำระจริงและยังอาจกลายเป็นหนี้เสียได้ อย่างไรก็ตาม ภาพรวม NPL ในระบบแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย สะท้อนถึงการให้ความช่วยเหลือได้ทันการณ์ ซึ่งนอกจากการให้สินเชื่อผ่าน Soft Loan และสินเชื่อฟื้นฟูแล้ว ธนาคารพาณิชย์ยังปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ตามวงเงินที่มีอยู่เดิมเพิ่มขึ้น และยังคงให้ความสำคัญกับการกันสำรองอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต และต้องไม่เกิดผลกระทบกับเสถียรภาพและระบบสถาบันการเงินของประเทศ"นายผยง กล่าว

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 ระลอกใหม่ที่รุนแรงขึ้น สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกยังได้ยกระดับแผน Business Continuity Planning (BCP) เพื่อความต่อเนื่องในการให้บริการ โดยคำนึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานเป็นสำคัญ ทั้งนี้ แผน BCP ครอบคลุมทั้งการปฎิบัติตามมาตรการของทางการ ระบบการให้บริการ การจัดสรรพนักงาน และการสำรองเงินสดให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ลูกค้าทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง Mobile Application Internet Banking และ ตู้ ATM ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้หลากหลาย ทั้งฝาก-ถอนเงินสด โอนเงิน จ่ายบิล การยืนยันตัวตน รวมถึงบริการผูกบัญชีพร้อมเพย์ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา เพื่อความสะดวก และลดความเสี่ยง

ทั้งนี้ได้ติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิด ได้มีการปฏิบัติงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home ขั้นสูงสุด ส่วนพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานในสาขา ซึ่งถือว่าเป็นบุคลากรด่านหน้าและเป็นกลุ่มเสี่ยง ธนาคารสมาชิกก็พยายามเร่งจัดหาวัคซีนและกระจายฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด พร้อมจัดการระบบให้บริการที่สาขาให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข

นอกจากมาตรการช่วยเหลือลูกค้าแล้ว สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ยังสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อในปี 63 โดยบริจาคให้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันบำราศนราดูร และสภากาชาดไทย จำนวนเงิน 50 ล้านบาท

สำหรับในปี 2564 ธนาคารสมาชิกยังคงสนับสนุนการทำงานอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสนับสนุนทุนทรัพย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ ขณะเดียวกัน ยังเป็นกำลังสำคัญร่วมกับภาคีเครือข่าย สนับสนุน โครงการ "ไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัย" ซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างภาครัฐและเครือข่ายภาคีเอกชน ในการเร่งกระจายวัคซีนให้กับประชาชน โดยสนับสนุนศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลในโครงการไทยร่วมใจฯ 25 แห่ง ศูนย์ฉีดวัคซีนสำนักงานประกันสังคมเพื่อผู้ประกันตน ม.33 อีก 69 แห่ง รวมถึงจุดบริการฉีดวัคซีนของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงสุด โดยธนาคารสมาชิกได้ให้การสนับสนุนทั้งด้านสถานที่ บุคลากร และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือในการดำเนินงานอีกด้วย
#3328



นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ของภาครัฐที่เริ่มต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการนำร่องดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกลับมาที่เกาะภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีความสวยงามติดอันดับโลก ซึ่งนอกจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวแล้ว ยังจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในภาคอื่นๆ ในพื้นที่กลับมาฟื้นตัวได้เช่นกัน โดยพฤกษาได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมาแล้วหลายโครงการ เพื่อสนองนโยบายของภล่าสุดจัดแคมเปญ "ลด! ช็อคทั้งเกาะ น็อคทุกค่าย"สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านพร้อมอยู่ ในราคาเริ่มต้น 1.79 ล้าน รับลดสูงสุดถึง 700,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น อยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน, ฟรี!ทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอนฯ และฟรีบริการ Internet AIS Fibre 1 ปี

สำหรับโครงการพฤกษาวิลล์พร้อมเข้าอยู่ 2 ทำเล ได้แก่ โครงการพฤกษาวิลล์ ถลาง-เทพกระษัตรี ทาวน์โฮม 2 ชั้น 3 ห้องนอน สไตล์ Contemporary Modern สเปคเทียบเท่าบ้านเดี่ยว สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งาน Flexi – Multi Space ได้อย่างอิสระ โดดเด่นด้วยทำเลติดเมืองถลาง ห่างจากถนนเทพกระษัตรี เพียง 900 เมตร ใกล้สนามบิน โลตัส, แม็คโคร, โฮมโปร ถลาง เพียง 15 นาที อุ่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยเข้า-ออกโครงการ ด้วยระบบ Auto Access Card และระบบประตูล็อก 2 ชั้น Check Point สะดวก ปลอดภัย ด้วยระบบ Card Scan กล้องวงจรปิด CCTV ที่ทางเข้าหลัก พร้อมสวนส่วนกลางขนาดใหญ่

โครงการพฤกษาวิลล์ เจ้าฟ้า-เทพอนุสรณ์ ทาวน์โฮม 2 ชั้นสไตล์บาหลี รองรับการใช้ชีวิตของครอบครัวด้วยแบบบ้านใหม่ 4 ห้องนอน มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รวมถึงสวนส่วนกลางที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ระบบรักษาความปลอดภัยแบบประตูระบบล็อก 2 ชั้น CCTV ตลอดทางเข้าหลักของโครงการ พร้อมจุด Check Point ด้วยเครื่องสแกน และ Security Guard ตลอด 24 ชั่วโมง เดินทางสะดวกเข้าสู่ตัวอำเภอเมืองภูเก็ตเพียง 10 นาที ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอ่าวฉลอง หาดราไวย์ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง อาทิ คิงพาวเวอร์, เซ็นทรัลเฟสติวัล, อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์
#3329




นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาเข้าซื้อหุ้น  (Mergerand Partnership: M&P)ในต่างประเทศอีก 2 ดีล  โดยจะเข้าถือหุ้น 75%

ในบริษัท Intan Group ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกในประเทศอินโดนีเซีย และการเข้าถือหุ้น 85 ในบริษัท Deltalab, S.L ซึ่งประกอบธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์จดทะเบียนในสเปน คาดว่าจะปิดดีลสำเร็จในไตรมาส 3 ของปี 2564  และจะมาช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับในครึ่งแรกปี2564 บริษัทดำเนินการปิดดีลไปแล้ว 3 ดีล คือ การเข้าถือหุ้น 70% ในบริษัท Duy TanPlastics Man.cturingCorporation ผู้ผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปในเวียดนาม ,การเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท Go–Pak ผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารแถบสหราชอาณาจักรยุโรป และการถือซื้อหุ้น 94% ใน SOVI ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ใน. เวียดนาม 

ดังนั้น จากแผนการเข้าซื้อกิจการทั้ง 5 บริษัทดังกล่าว  คาดว่า จะช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทราว  18,000 ล้านบาทต่อปี  แบ่งเป็นรายได้จาก 3 บริษัท ได้แก่ Duy Tan, SOVI และ Go-Pak  ราว 12,000 ล้านบาทต่อปี และ 2 บริษัท  Deltalab กับIntan ราว 6,000 ล้านาบาท ต่อปี ซึ่งจะเริ่มเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ 


ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจM&P อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา  เชื่อว่า จะเป็นกลยุทธ์ที่สร้างฐานการเติบโตของบริษัทในระยะยาว แต่บริษัทจะพิจารณาการลงทุนอย่างระวัดระวัง ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะมีอีกกี่ดีล  แต่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 รุนแรงขึ้น  มองว่า ไม่กระทบกับการเจรจาการซื้อกิจการในต่างประเทศ  เนื่องจากสถานการณ์ในสหรัฐและยุโรปเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นสามารถเดินทางไปเจรจาทางธุรกิจได้และเมื่อเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในไทย น่าจะทำให้การเดินทางเจรจาทางธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ในกลยุทธ์ส่วนอื่นๆ เช่น โครงการขยายกำลังการผลิต ยังดำเนินการตามแผนที่วางไว้ต่อเนื่อง  ได้แก่ การขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารจากกระดาษเพิ่มขึ้นอีก 1,615 ล้านชิ้นต่อปี ที่ประเทศไทยและประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ รวมถึงการขยายกำลัง การผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในฟิลิปปินส์อีก 220,000 ตันต่อปี และการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์แบบอ่อนตัวในประเทศไทยอีก 53 ล้านตารางเมตรต่อปี ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปีนี้


นายวิชาญ กล่าวว่า  ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทยังคงรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายรายได้จากการขายรวมทั้งปีนี้ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท หรือเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก จากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 93,388.33 ล้านบาท   ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทสามารถทำรายได้รวมแล้วกว่า 57,148 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

 ในปีนี้บริษัทยังคงงบลงทุนไว้ที่ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้ทำดีล M&P ในส่วนของ 3 บริษัทก่อนหน้านี้ ได้แก่ Duy Tan ,SOVI และGo-Pak ราว 11,000 ล้านบาท และใช้ปรับปรุงเครื่องจักรและขยายกำลังการผลิตราว 4,000 ล้านบาท ส่วนครึ่งหลังปีนี้ใช้สำหรับดีล M&P Deltalab กับIntan ราว 5,000 ล้านบาทและกำไร หลังจากครึ่งปีแรกใช้งบลงทุนไปแล้วราว 6,300ล้านบาท 

 ขณะที่ฐานะการเงินบริษัทยังแข็งแกร่ง ด้วยกระแสเงินสดในปัจจุบันราว 30,000 ล้านบาท และด้วยหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำที่ 0.6 เท่า ทำให้ยังมีศักยภาพในการกู้เงินอีกมาก มีต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยที่ 2.5% รองรับการลงทุนในอนาคต หากบริษัทมีโครงการลงทุนที่ดีก็สามารถกู้เงินเพิ่มได้ หรือใช้จากกระแสเงินสดที่มีและการกู้เงินได้

"ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังเป็นปัจจัยที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจอยู่ แต่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ถือเป็นกลุ่มสำคัญต่อการบริโภค พบว่า ยอดขายในประเทศสหรัฐ เริ่มฟื้นตัวเกือบเท่ากับก่อนมีโควิด-19 แล้วและในยุโรป คาดจะฟื้นตัวตามมาได้เร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ อยู่ที่สภาพตลาด ยังต้องรอดูต่อไป แต่เชื่อมั่นว่ายังเติบโตได้ตามแผน"  
#3330



ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยแพร่ รายงานการลงทุนทางตรงในต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai ปี 2563 ว่า ณ สิ้นปี 2563 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ที่มีสถานะการลงทุนในต่างประเทศมีจำนวนรวม 278 บริษัท มีจำนวนเท่ากับปีก่อนหน้า และคิดเป็น 37% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในปี 2563

ทั้งนี้เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET จำนวน 251 บริษัท และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 27 บริษัท ในจำนวนดังกล่าวเป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการบริการ (Services) มากที่สุด และภูมิภาคที่มีจำนวนบริษัทที่มีสถานะการลงทุนต่างประเทศในภาพรวมสูงสุดคือภูมิภาคอาเซียน โดยลงทุนมากที่สุดในประเทศเวียดนาม สิงคโปร์ และเมียนมา ตามลำดับ

มูลค่าจากกิจกรรมการลงทุนทางตรงในต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ที่เกิดขึ้นในปี 2563 รวม 1.39 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 1.56 แสนล้านบาท หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 53 ในจำนวนนี้เป็นมูลค่าการลงทุนจากบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET รวม 1.37 แสนล้านบาท และเป็นมูลค่าการลงทุนจากบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai รวม 2 พันล้านบาท โดยรวมสัดส่วนการลงทุนทางตรงในต่างประเทศของทั้งสองตลาดคิดเป็นร้อยละ 9 ของมูลค่าเงินลงทุนของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในปี 2563

มูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศปี 2563 ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมการลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์ SET คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1.13 แสนล้านบาท และภูมิภาคที่เป็นเป้าหมายการลงทุนมากที่สุดคือกลุ่มประเทศอาเซียน คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1.32 แสนล้านบาท หรือราวร้อยละ 95 ของมูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศปี 2563 ซึ่งประเทศที่มีมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุดคือ อินโดนีเซีย จากธุรกรรมการเข้าซื้อกิจการ PT Bank Permata ด้วยมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท


รายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ปี 2563 มีมูลค่ารวม 2.96 ล้านล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าลดลงประมาณ 5 หมื่นล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.7 จากปีก่อนหน้า เมื่อเทียบกับมูลค่ารายได้โดยรวมของบริษัทจดทะเบียน สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นประมาณร้อยละ 26 โดยรายได้จากต่างประเทศส่วนใหญ่มากจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET มูลค่าประมาณ 2.94 ล้านล้านบาท

รายได้จากต่างประเทศในปี 2563 ของกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์ SET มีมูลค่า 2.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 67 ของรายได้จากต่างประเทศทั้งหมดในปี 2563 และเมื่อพิจารณาตามภูมิภาคที่มาของรายได้ พบว่าบริษัทกว่าครึ่งไม่ระบุที่มาของแหล่งรายได้ให้ชัดเจน ทำให้รายได้มูลค่าราว 1.85 ล้านล้านบาท หรือ ร้อยละ 60 ของรายได้รวม ไม่สามารถระบุภูมิหภาคหรือประเทศแหล่งที่มาของรายได้ได้

แต่หากพิจารณาราเฉพาะข้อมูลที่มีรายละเอียดแหล่งที่มาของรายได้ พบว่ากลุ่มประเทศอาเซียนเป็นภูมิภาคที่บริษัทมีรายได้มากที่สุด คิดเป็น 4.86 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3 จากปีก่อนหน้า โดยประเทศที่สร้างรายได้สูงสุดคือประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศสิงคโปร์ ตามลำดับ
#3331




อาเซียนนัดประชุมต้น ส.ค.นี้ ติดตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 พร้อมเดินหน้าเพิ่มบัญชีสินค้าจำเป็นที่ห้ามจำกัดส่งออก นอกเหนือจากยา และเวชภัณฑ์ ลุยเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างสภาพแวดล้อมด้านดิจิทัล และนัดคู่เจรจา 13 ประเทศ หารือเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ติดตามผลอัปเกรดเอฟทีเอ การทำเอฟทีเอกับแคนาดา

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า อาเซียนได้กำหนดจัดประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน หรือ SEOM ครั้งที่ 3/52 ในวันที่ 2-4 ส.ค. 2564 และการประชุมกับประเทศนอกภูมิภาค 13 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สหรัฐฯ แคนาดา อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 5, 11 และ 16 ส.ค. 2564 ผ่านระบบประชุมทางไกล เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEM ครั้งที่ 53 ในเดือน ก.ย. 2564

ทั้งนี้ การประชุม SEOM จะมีการติดตามการดำเนินงานสำคัญของอาเซียน โดยเฉพาะการเร่งฟื้นเศรษฐกิจภูมิภาคจากการระบาดของโควิด-19 การอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อรักษาและส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน โดยพิจารณาขยายบัญชีสินค้าจำเป็นที่อาเซียนจะไม่จำกัดการส่งออกในช่วงโควิดเพิ่มเติมจากยา และเวชภัณฑ์ เช่น อาหาร รวมถึงการเพิ่มบทบาทอาเซียนเชิงรุกในการพัฒนาภูมิภาคให้ตอบรับกับแนวโน้มของโลก ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การพัฒนาสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว เป็นต้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมจะติดตามเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงานด้านเศรษฐกิจที่บรูไนฯ ในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้อาเซียนดำเนินการให้สำเร็จในปี 2564 ภายใต้แนวคิด "We care, we prepare, we prosper" ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการฟื้นฟู ด้านการเป็นดิจิทัล และด้านความยั่งยืน รวม 13 ประเด็น เช่น การจัดทำเครื่องมือในการประเมินมาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ของประเทศสมาชิกอาเซียน การจัดทำแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการจัดทำกรอบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นต้น

สำหรับการประชุมอาเซียนกับประเทศนอกภูมิภาค 13 ประเทศ จะเน้นการหารือเพื่อเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน และมีประเด็นที่ต้องติดตาม เช่น การทบทวนความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย การเปิดเสรีสินค้าเพิ่มเติมภายใต้พิธีสารยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน และการเตรียมการเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณาความเป็นไปได้การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา เป็นต้น

ทางด้านการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในปี 2563 มีมูลค่า 94,623.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปอาเซียน 55,454.28 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน 39,169.54 ล้านเหรียญสหรัฐ เกินดุลการค้า 16,284.74 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 5 เดือนปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 45,267.41 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.44% โดยไทยส่งออกไปอาเซียน 26,224.69 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน 19,042.71 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์
#3332



สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในฐานะนักแสดงที่ก้าวไปสู่ระดับฮอลลีวู้ดอีกหนึ่งคน สำหรับ ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล พระเอกชื่อดังที่ก่อนหน้านี้ได้ไปสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ในประเทศจีน จนมีชื่อเสียงโด่งดังมาแล้ว


ล่าสุด ไมค์ พิรัชต์ มีโอกาสได้ร่วมเป็นหนึ่งในแสดงนำของภาพยนตร์ THE MISFITS พร้อมกระทบไหล่ดาราแถวหน้าอย่าง เพียร์ซ บรอสแนน หรือ เจมส์บอนด์ 007 ในตำนานที่คนไทยรู้จักกันดี วันนี้ ไมค์ เปิดใจกับทาง "ข่าวสดบันเทิงออนไลน์" ถึงเส้นทางและผลงานเรื่องแรกในระดับฮอลลีวู้ด พร้อมอัพเดตผลงานที่จีน และวางแผนเรื่องเงิน น้องแม็กซ์เวลล์ ในอนาคต

หนัง The Misfits เข้าฉายที่อเมริกามาได้หนึ่งเดือนกว่าๆ แล้ว ฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง? "ตอนนี้น้องสาวผมอยู่ที่อเมริกาก็ไปดูมา เขาก็บอกว่าฟีดแบ็กก็ค่อนข้างดี แล้วก็ที่ทีมงาน The Misfits ส่งมาก็มีบางที่ที่ตั๋วหมดแล้วคือจองเต็ม แล้วก็ตามพวก Video on Demand พวกอเมซอนอะไรพวกนี้ก็มีขึ้นอันดับหนึ่งด้วย"



โล่งใจหรือใจชื้นขึ้นมาเลยไหม? "จริงๆ ก็โล่งใจประมาณหนึ่ง ที่ตรงนั้นเขาเปิดได้ทันเวลาพอดี พอหนังเข้าปุ๊บคนเขาก็คงอาจจะไม่ได้ไปโรงหนังนานก็เลยเข้าไปดูกัน แต่คืออย่างของที่ไทยตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เข้าโรงฉายเมื่อไหร่ เพราะต้องดูสถานการณ์ต่อไปก่อน"

คาแร็กเตอร์ในภาพยนตร์เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร? "ตัวละครตัวนี้ชื่อว่า "วิค" เขาเป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้ เป็นคนประดิษฐ์ระเบิดและเขาก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรเกี่ยวกับระเบิด"



ส่วนตัวพอใจมากน้อยแค่ไหน? "ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ (ถ้าไม่ติดโควิด ต้องไปโปรโมตหนังที่อเมริกาด้วยไหม?) ที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเขาก็อยากให้ไป แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย แอบเสียดาย จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ"

ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเบิกทางที่สวยงามของตัวเองไหม? "ใช่ครับ เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆ ให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆ ของฮอลลีวู้ดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย"



เคยท้อบ้างไหม? "ท้อเป็นเรื่องปกติ แต่แค่ไม่ยอมแพ้เท่านั้นเอง มันท้อหลายๆ เรื่องอยู่แล้วครับ ทั้งเรื่องของตัวเองด้วย ทั้งเรื่องของการงาน ทั้งเรื่องของหลายๆ อย่าง แต่โดยส่วนตัวคิดว่าตราบใดที่เรายังไม่ยอมแพ้ยังไงมันก็ต้องมีวันหนึ่งที่มันเป็นวันของเรา"

ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้? "ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากคือเรื่องภาษานี่แหละ เพราะมันไม่ใช่ภาษาแม่ของเราด้วย เราอาจจะไม่ได้ชิ้นลิ้นเพราะเราไม่ได้เกิดหรือโตที่โน่น มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ"



นักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วย ตัวเราตื่นเต้นแค่ไหน? "ตื่นเต้นมากครับ ตอนที่ไปเจอครั้งแรกคือเหมือนเราได้เห็นนักแสดงอย่าง เพียร์ซ บรอสแนน เขาคือเจมส์ บอนด์007 ที่เราเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวู้ดคนนี้ด้วย พอได้ไปเจอเราก็ตื่นเต้น จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย"

ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง? "ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆ มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต"




ได้เข้าบทกับใครมากที่สุด? "เพียร์ซ บรอสแนน ครับ ในกองจะพูดคุยกันค่อนข้างเยอะ เพราะเราไปถ่ายกันที่ดูไบด้วย จะมีไปแฮงเอาต์กันด้วย ซึ่งในแต่ละวันค่อนข้างเร็ว เลยจะมีช่วงเวลาที่แต่ละคนสามารถไปแฮงเอาต์"

เพียร์ซมีทาบไมค์ร่วมงานในครั้งต่อไปไหม? "อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเขามาชวนก็ยินดีแน่นอน เพราะอย่างเรื่องนี้เขาก็เป็นเอ็กเซ็กคูทีฟ โปรดิวเซอร์ด้วย"



เก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจาก เพียร์ซ บรอสแนน มาบ้าง? "ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเขาค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เขาเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเขาอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น ทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น และเกร็งน้อยลง"

ไมค์คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวู้ดไว้อย่างไรบ้าง? "ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการกระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป"



เขินไหมเวลาที่คนเรียกเราว่าเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด? "โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน"

แล้วงานในประเทศจีนตอนนี้ยังมีอยู่ไหม? "จริงๆ มีอยู่เรื่อยๆ คือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆ แพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆ อย่างมันก็กลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆ ที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้"



วันเกิดแม็กซ์เวลล์ที่ผ่านมาเห็นโอนเงินไปให้น้องด้วยหลายคนชมคุณพ่อว่าน่ารัก? "คือผมแค่มองว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นแบบนี้มันไม่มีอะไรการันตีว่าในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าในอนาคตงานเราจะยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า คือมันจะยังดีแบบนี้อยู่หรือเปล่า หรือเราจะมีงานทำต่อหรือเปล่า"

"ผมเลยต้องการันตีด้วยตัวเองว่า ในอนาคตลูกผมเนี่ยจะต้องมีเงินตรงนี้ไว้สำหรับการศึกษาของเขา การใช้ชีวิตของเขา เนื่องในวันเกิดของเขาเนี่ยก็เลยเอาเงินฝากเข้าไปอยู่ในบัญชีที่ผมฝากประจำอยู่แล้วของแม็กซ์เวลล์ การันตีว่าในอนาคตเนี่ยต่อให้ผมไม่มีงานแล้ว ต่อให้ผมรายได้น้อยลงหรืออะไร เงินตรงนี้ยังเป็นเงินที่สามารถที่จะทำให้เขาไปต่อได้ในอนาคตครับผม"



หลายคนชื่นชมว่าในสถานการณ์ตอนนี้เราก็ไม่ได้มีรายได้เยอะ แต่เราก็ยังนึกถึงลูก? "คือจริงๆ ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนแทบไม่ค่อยใช้เงินกับเรื่องจุกจิกอยู่แล้วครับ ช็อปปิ้งก็ไม่ค่อยเรื่องกินก็นานๆ ทีถึงจะกินที่แพงๆ เลยคิดว่าเงินเราตอนนี้ก็คือนอกจากเงินบริษัทจ่ายทีมงานแล้วมันก็ไม่ได้ใช้ทำอะไรมากมาย เลยคิดว่าช่วยอะไรได้ก็ช่วยไป"

"เงินส่วนไหนที่เก็บได้เซฟได้เผื่ออนาคตก็เซฟไปครับ เงินส่วนลงทุนก็เป็นอีกก้อนหนึ่งก็ต้องแบ่งและบริหารเรื่องการเงินให้ดีๆ เพราะว่าเงินก็ไม่ได้หาง่ายๆ เราก็ยิ่งสถานการณ์แบบตอนนี้เรายิ่งควรต้องระมัดระวังในการใช้เงินด้วย ผมก็เลยต้องวางแผนในระยะยาวเอาไว้แบบนี้"



ฝากผลงาน? "ฝากหนังด้วยแล้วกันนะครับผมถ้ามันเข้าฉายก็ฝากด้วย เผื่อใครเครียดๆ ก็ไปดูหนังคลายเครียดได้ The Misfits ก็เป็นหนังที่ค่อนข้างตลกแล้วก็เอนเตอร์เทนใช้ได้พอสมควร ยังไงก็ฝากด้วยครับ"
#3333



คริสเตียโน โรนัลโด แนวรุกซูเปอร์สตาร์ ยูเวนตุส กลับมาฝึกซ้อมร่วมกับทีมเป็นครั้งแรกในช่วงพรีซีซั่น พร้อมแวะถ่ายรูป และแจกลายเซ็นแฟนๆที่มารอให้กำลังใจนอกสนาม

ก่อนหน้านี้ โรนัลโด มีข่าวเชื่อมโยงเรื่องการย้ายทีมอย่างหนักในตลาดนักเตะรอบนี้ หลังสัญญาของเจ้าตัวกำลังจะหมดลงในปี 2022 ทว่ายังไม่มีการขยายออกไป ท่ามกลางความสนใจจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และปารีส แซงต์ แชร์กแมง


อย่างไรก็ตาม พาเวล เนดเวด รองประธานสโมสร "ม้าลาย" ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าแข้งวัย 36 ปีจะอยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาลนี้ และเตรียมกลับมารายงานตัวกับ "เบียงโคเนรี" แล้ว

กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. โรนัลโด ได้เดินทางมาเพื่อฝึกซ้อมช่วงพรีซีซั่นกับทีมเป็นครั้งแรก ท่ามกลางแฟนๆที่มารอต้อนรับ ซึ่ง "ซีอาร์ เซเว่น" ก็แวะถ่ายรูป และแจกลายเซ็นให้กับแฟนๆเหล่านี้ด้วย
#3334



ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 ที่หนักขึ้นทุกวัน จนมีคำสั่งประกาศล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม 2564 อาจจะทำให้หลายๆคนกังวลถึงการหาซื้ออาหารรับประทานอย่างแน่นอน แม้เราจะออกไปซื้อทานไม่สะดวก แต่เดลิเวอรี่นั้นก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งทางออกที่จะทำให้คุณได้อร่อยกับเมนูสุดแซ่บ จาก 3 ร้านอาหารได้แก่ ไทยเทอเรส, อร่อยดี และส้มตำนัว รับรองว่าล็อกดาวน์ครั้งนี้ ก็ไม่มีอะไรมากั้นความแซ่บได้แน่นอน แม้เราจะห่างกันแต่ความอร่อยจะยังคงส่งตรงถึงบ้านคุณได้แน่นอน


เริ่มต้นกับร้านไทยเทอเรส ที่เสิร์ฟเมนูสุดร้อนแรงอร่อยจัดจ้านกับ "แกงคั่วปูใบชะพลู"  เมนูแกงคั่วดั้งเดิมของไทย ที่มีพระเอกเป็นเนื้อปูสดชิ้นโตและใบชะพลูซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยในเรื่องหวัดได้ดี น้ำพริกแกงคั่วเข้มข้นหอมสมุนไพร ให้รสชาติ เผ็ด เค็ม มัน หวาน รวมกันได้รสกลมกล่อม หอมกะทิ  อร่อยจัดจ้านรสชาติไทยแท้ ยิ่งรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆแล้ว รับรองว่าฟินสุดๆไปเลย และในช่วยระหว่างล็อกดาวน์นี้สาขาที่เปิดบริการให้ซื้อกับ มีทั้งหมด 3 สาขาได้แก่ สาขาโรงพยาบาลศิริราช, สาขาโรงพยาบาลพระราม 9 และสาขา โรงพยายาบาลวิภาวดี หรือหากไปซื้อด้วยตนเองที่ร้านไม่ได้ ก็สามารถกดสั่งเดลิเวอรี่ได้ทุกแอพพลิเคชั่นชั้นนำ ในราคา 395 บาท

มาต่อกันที่ร้านอร่อยดี  ส่งเมนูสุดแซ่บรับรองว่าจำไม่ลืม กับเมนู "ข้าวหฤโหดโคตรกะเพราหมูสับ" กะเพราสูตรดั้งเดิมโบราณ ผัดพริกแห้งผสมพริกสดกับกระเทียม,  เพิ่มความเผ็ดด้วยพริกขี้หนูแห้ง(จินดา) และพริกขี้หนูจินดาแดง ใช้วัตถุดิบหมูอย่างดี ผัดด้วยซอสสุดพิเศษ รสชาติกลมกล่อม ที่สำคัญเชฟและพนักงานของร้าน ใส่ใจความสะอาดได้มาตรฐานทุกขั้นตอน  ด้วยอาหารปรุงสุก สะอาด สดใหม่ ทุกออเดอร์ แซ่บสะใจจัดจ้านแน่นอน ในราคาเริ่มต้นเพียง 89 บาทเท่านั้น พร้อมให้บริการเดลิเวอรี่ได้ปกติทุกสาขา ใกล้สาขาไหน กดเข้าแอพพลิเคชั่น สังเลยสาขานั้น

ปิดท้ายความอร่อยแซ่บถึงใจกับร้านส้มตำนัว แค่พูดถึงชื่อร้านก็รู้ได้ถึงความแซ่บและความนัวของรสชาติ เอาใจสายแซ่บด้วยเมนู "ตำมั่ว" มะละกอกรอบๆ ใส่น้ำปลาร้าสูตรลับฉบับส้มตำนัว ตำคลุกเคล้าถั่วฝักยาว มะเขือเทศ และขนมจีน อร่อยเด็ดนัวสุดๆ ถือเป็นสุดยอดเมนู Signature ประจำร้าน ที่ไม่สั่งไม่ได้เลย ทานคู่กับเมนู "ไก่ทอด"  ปีกไก่คุณภาพ เมนูเด็ดประจำร้าน หมักด้วยน้ำหมักสูตรเฉพาะ ผ่านการทอดอย่างพิถีพิถัน กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน อร่อยเข้ากันแบบสุดๆ พร้อมให้บริการในช่วงล็อกดาวน์นี้ 2 สาขาได้แก่ สาขา สยามสแควร์ ซอย 5 และสาขา Grab Kitchen ลาดพร้าว 101 สามารถซื้อได้ทั้งบริการTake Away และ เดลิเวอรี่ ในราคาเริ่มต้นเพียง 110 บาทเท่านั้น
#3335
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#3336
เพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต พร้อมคู่มือ 399 บาท

ประโยชน์ของเพนดูลั่ม
ใช้สื่อสารกับเทพ เทวดาและถามในสิ่งที่เราไม่รู้ ใช้สำหรับตรวจประเมินสุขภาพ ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเรา ตรวจฮวงจุ้ย ตรวจเช็คพลัง วัตถุมงคล ตรวจหาของหาย ใช้ทำน้ำมนต์ ใช้ดึงพลังเข้าตัว
การตรวจเช็คพุทธคุณ พลังจากพระเครื่อง วัตถุมงคล ของทนสิทธิ์ ต่าง ๆ
โดยปกติจะทำได้เฉพาะผู้ทรงญาณสมาบัติ แต่วิธีง่าย ๆ โดยผู้ที่มีสมาธิเ้พียงขณิกสมาธิ (แนะนำให้ได้ถึงอุปจารสมาธิ) ก็สามารถทำได้ โดยการใช้เพนดูลั่มเป็นตัวตรวจเช็ค ซึ่งจะมีความถุูกต้องประมาณ 80-90 % โดยผู้ที่ตรวจจะต้อง
1. วางอุเบกขา ให้ได้ ไม่คิดไปก่อน หรือบังคับให้เพนดูลั่ม ทำตามสิ่งที่คิด
2. ต้องมีพื้นฐานความรู้เรื่องวัตถุมงคล เล็กน้อย เช่น รู้ว่า พระเครื่อง วัตถุมงคล จะมีความเด่น ด้านใดบ้าง ซึ่งก็จะมี เด่นด้าน
- เมตตามหานิยม คนรักคนชอบ เข้าหาลูกค้า เข้าหาเจ้านาย
- แคล้วคลาดปลอดภัย
- คงกระพันชาตรี
- มหาอุต ปืนแตก
- มหาลาภ เกี่ยวกับด้านโชค ลาภ
- ป้องกันคุณไสย
- กันสะท้อน คือป้องกันคุณไสย แล้วยังสะท้อนกลับไปยังผู้ที่ปล่อยคุณไสยนั้น โดยแรงสะท้อนกลับก็จะขึ้นกับผู้ที่ใส่วัตถุมงคลนั้น ๆ เช่น ผู้ที่ทรงศีลบริสุทธิ์แรงสะท้อนก็จะมากกว่ากว่าคนที่ศีลขาด คนที่มีศีล 8 ก็จะมากกว่า คนมีศีล 5 ....
- ทำน้ำมนต์ คือวัตถุมงคลนั้น ๆ สามารถนำไปทำน้ำมนต์รักษาโรค ได้
- อื่น ๆ
สำหรับวิธีการใช้เพนดูลั่มในการตรวจเช็ควัตถุมงคล
1. นำวัตถุมงคล พระเครื่อง เครื่องราง ของทนสิทธิ์ นั้น ๆ วาง ไว้บนพื้นโต๊ะ หรือบนภาชนะที่สูงกว่าพื้นธรรมดา หากอาจใช้หนังสือ ผ้ามารองก่อนว่า เพื่อมิให้เป็นการปรามาส
2. ขอขมาพระรัตนตรัย ก่อน เพื่อบอกกล่าว ว่าการตรวจเช็คนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะปรามาส แต่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจว่าวัตถุมงคลชิ้นนี้ได้ผ่านการปลุกเสก หรือพุทธาภิเศก มาแล้ว (วิธีการนี้ก็จะสามารถตรวจดูพระปลอม ที่เขาทำปลอม หรือทำเกินจำนวนแล้วไม่ได้เข้าพิธี แต่ก็มีบางกรณีที่มวลสารในการสร้างพระเป็นมวลสารที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ในกรณีนี้ก็ต้องยิ่งคำถามที่แตกประเด็นออกไป)
3. ใช้เพนดูลั่ม จ่อเหนือวัตถุมงคลนั้น ๆ ให้ห่างจากวัตถุมงคลประมาณ 1 น้ิว เป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันการกระทบด้วยแรงแหว่งซึ่งมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ
4. ดูทิศทางของแรงแหว่งที่ออกมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ ว่าไปตามทิศทางใดบาง ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ โดยทั่วไปถ้าพุทธคุณรอบด้าน จะทำให้เพนดูลั่มหมุนเป็นวงกลม ถ้าแรงแหว่งมีมากก็แสดงว่ามีพุทธคุณมากตาม บางองค์ แทบจะทำให้เพนดูลั่มหลุ่ดจากมือ
5. ตั้งคำถาม ถามเพนดูลั่ม ไปที่ละข้อ ตามความเด่นของวัตถุมงคล เช่น พระองค์นี้เด่นด้านมหาลาภ ด้านคงกระพันชาตรี ... ไปเรื่อย ๆ จนครบ แล้วก็จะทราบว่าพระองค์นี้เด่นด้าน....ครบทุกด้านหรือไม่
การใช้เพนดูลั่มตรวจพลังนี้สามารถตรวจพลังของหิน ได้ จึงเป็นที่นิยมของนักสะสมหิน จะมีเพนดูลั่มในการตรวจพลังหินไว้ติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1134792176-s2626624357...
#3337


พายุเจิมปากา ทำให้ฝนตกหนัก ชาวบ้านตำบลนากก อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร แห่ออกมาจับปลาขายสร้างรายได้

มุกดาหาร-ดีเปรสชั่น "เจิมปากา" ทำฝนตกหนักทั่วอีสาน ชาวบ้านนากก อ.นิคมคำสร้อย แห่ออกจับปลาขายในห้วยขี้เหล็ก เผยฝนตกหนักทำให้มีน้ำและพันธุ์ปลาจากเทือกเขาไหลลงอ่างเก็บน้ำจำนวนมาก ชาวบ้านยิ้มได้ทั้งอาหารและรายได้เสริมช่วงฝนตกหนัก

วันนี้ (26ก.ค.) ชาวบ้านตำบลนากก อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร และพื้นที่ใกล้เคียง ต่างนำอุปกรณ์ออกมาจับปลาบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก จำนวนมาก หลังจากสองวันที่ผ่านมาฝนตกติดต่อกันทำให้มีน้ำและปลาจากเทือกเขาไหลมารวมกัน จากการเปิดเผยของชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ทุกๆปีหากมีฝนตกหนักจะทำให้น้ำจากเทือกเขาไหลมารวมกัน ทำให้บริเวณลำห้วยต่างๆ ที่มีน้ำไหลลงจากภูเขาเต็มไปด้วยปลาชนิดต่างๆ ลงมากับกระแสน้ำ


ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลนากอก และชาวบ้านใกล้เคียง จึงพร้อมใจออกไปหว่านแหหาปลากันเป็นจำนวนมาก ใน 1 ปี จะมีปลาขึ้นมาให้จับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้าน ต่างนำแห มาหว่านและนำอุปกรณ์ดักปลาชนิดอื่น ทั้งตาข่ายดักปลา สะดุ้ง นำมาดักปลา ซึ่งชาวบ้านแต่ละคนได้ปลาคนละหลายกิโลกรัม บางส่วนนำไปปรุงเป็นอาหาร ส่วนที่เหลือนำไปขายสร้างรายได้คนละหลายร้อยบาทต่อวัน

นายสมหมาย ชาวบ้านนากอก บอกว่าวันนี้ออกมาตั้งแต่เช้า ตั้งใจว่าจะออกมาหาปลา เพื่อนำไปเป็นอาหารเลี้ยงครอบครัว เพราะช่วงนี้หยุดงานจากผลของโรงระบาด ซึ่งตนออกมาตั้งแต่ตี 5 วันนี้ได้ปลาพอประมาณแล้ว ก็เลยเลิก ส่วนปลาที่จับได้ก็มีหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นปลาตะเพียน ปลากดคัง ซึ่งปลากที่นี่มีหลากหลายชนิด


ทั้งนี้จากประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออเฉียงเหนือตอนล่าง แจ้งว่าพายุดีเปรสชั่น เจิมปากา ที่ปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดมุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
#3338

"เลอ ปารีเซียง" สื่อดังในประเทศฝรั่งเศส รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกลงเรื่องค่าตัวของ ราฟาแอล วาราน กับ รีล มาดริด ต้นสังกัดของนักเตะในศึกลา ลีกา ได้เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าน่าจะอยู่ที่ 38.5 ล้านปอนด์ และคาดว่าน่าจะมีการเปิดตัวดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้

สื่อดังแดนน้ำหอม รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในของสโมสรดังแดนผู้ดี โดยระบุว่าการเจรจาเรื่องค่าตัวของ วาราน ระหว่าง "ผีแดง" กับ "ราชันชุดขาว" รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบรรลุข้อตกลงกันได้เรียบร้อยแล้วที่ 38.5 ล้านปอนด์ ขณะที่เรื่องสัญญาส่วนตัวนั้น มีข่าวว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ตกลงกับกองหลังทีมชาติฝรั่งเศสได้ก่อนหน้านี้แล้ว และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการเปิดตัวเซ็นเตอร์ฮาล์ฟวัย 28 ปีเป็นนักเตะใหม่ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ภายในช่วงสัปดาห์นี้
#3339


ธอส.เผยผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 106,231 ล้านบาท 69,705 บัญชี เพิ่มขึ้น 5.20% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 สินเชื่อคงค้างรวม 1,375,663 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,441,928 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 4.31% ของยอดสินเชื่อรวม ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพื่อความมั่นคงและเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 104,390 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 176.13% พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากโควิด-19 ล่าสุด มีลูกค้าได้รับความช่วยเหลือผ่านทั้ง 18 มาตรการของ ธอส. ตั้งแต่ปี 63 ถึงปัจจุบันเป็นจำนวนรวมสูงสุดมากกว่า 925,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 796,500 ล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ว่า แม้ประเทศไทยจะยังคงอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และรายได้ของประชาชน แต่ ธอส. ยังคงสามารถทำหน้าที่ตามพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 106,231 ล้านบาท 69,705 บัญชี เพิ่มขึ้น 5.20% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 คิดเป็นเกือบ 50% ของเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2564 ที่ 215,641 ล้านบาท สินเชื่อ 6 เดือนแรกที่ปล่อยไปเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง จำนวน 50,183 บัญชี ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,375,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.17% สินทรัพย์รวม 1,441,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.46% เงินฝากรวม 1,205,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.81% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 59,268 ล้านบาท คิดเป็น 4.31% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปี 2563 ที่มี NPL อยู่ที่ 3.75% ของสินเชื่อรวม โดยมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 104,390 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 176.13% เพื่อความมั่นคงและเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต

โดยธนาคารยังคงมีกำไรสุทธิตามเป้าหมายตัวชี้วัดของธนาคารที่ 5,993 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ในระดับแข็งแกร่งที่ 15.63% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง คือ มาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคาร และการจัดโปรโมชันของผู้ประกอบการ ช่วยให้ประชาชนกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีบ้านเป็นของตนเองและครอบครัวได้ง่ายขึ้น โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อของ ธอส. ที่มีลูกค้าเลือกใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ



1.โครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 2.75% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสมสูงถึง 23,620 ล้านบาท รองลงมา คือ สินเชื่อบ้านลูกค้าสวัสดิการ ธอส. ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.60% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสม 11,998 ล้านบาท และ 3.โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก อัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.50% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสม 11,215 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ธอส. ยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านโครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ผ่าน 2 มาตรการเร่งด่วนล่าสุดที่บรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ลูกค้าทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในและนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ มาตรการที่ 15 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ และมาตรการ 16 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะ NPL หรืออยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ จะได้รับความช่วยเหลือโดยการพักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-31 ตุลาคม 2564 เปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564



ล่าสุด ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.00 น. มีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 15 จำนวนเงินต้นคงเหลือ 48,880 ล้านบาท และมาตรการที่ 16 จำนวน 2,485 ล้านบาท ทำให้นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ธอส. สามารถช่วยเหลือลูกค้าผ่าน 18 มาตรการ รวมเป็นจำนวนสูงสุดมากกว่า 925,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 796,500 ล้านบาท โดยมาตรการที่ 15 และ 16 ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Mobile Application : GHB ALL ได้ในวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30-15.00 น. (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2564

ส่วนลูกค้าที่ต้องการลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขอขยายระยะเวลาความช่วยเหลือตามมาตรการที่ 9, 10, 11 และ 11 New Entry : แบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดต้น ตัดดอก) มาตรการที่ 13 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน และมาตรการที่ 14 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน พร้อมลดดอกเบี้ย ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Mobile Application : GHB ALL ได้ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-15.00 น. (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564

นอกจากความช่วยเหลือในมาตรการด้านการเงิน ธอส. ยังคงให้ความช่วยเหลือสังคมไทยสู้ภัยโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณสนับสนุนรวมกว่า 5,000,000 บาท ให้หลายหน่วยงานทั้งสถานพยาบาล สถานศึกษา และสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีน เป็นต้น เพื่อนำไปดำเนินการในด้านต่างๆ ที่จำเป็น เช่น การจัดสร้างหอผู้ป่วยไอซียูความดันลบแบบห้องแยกที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยวิกฤตที่มีอาการรุนแรง การจัดซื้อเครื่องฮีโมเปอร์ฟิวชันใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 การจัดสร้างไอซียูสนาม การจัดหาเก้าอี้นั่งจุดพักคอย น้ำดื่มธนาคารกว่า 100,000 ขวด รวมถึงหน้ากากอนามัยพร้อมสายคล้อง ถุงยังชีพ และอาหารกล่อง สอดคล้องกับนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ด้วยความห่วงใยและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งเป็นการสร้างจิตสำนึกในการเป็นจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
#3340


สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ปรับแผนการจัดงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 หวังเพิ่มช่องทางการตลาดให้สมาชิกสมาคมฯ หลังได้เลื่อนการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" จากเดิมจะจัดในเดือนสิงหาคมไปเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี "วรวุฒิ กาญจนกูล" เผยผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภค 400 รายพบ 72% โควิด-19 กระทบต่อการตัดสินใจสร้างบ้าน และกว่า 60% ใช้เวลามากกว่า 6 เดือนขึ้นไปในการคิดและตัดสินใจจะปลูกสร้างบ้านพร้อมเข้าอยู่

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (สมาคมฯ) ได้ตัดสินใจเลื่อนการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" จากเดิมจะจัดในเดือนสิงหาคม ไปเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือสมาชิกสมาคมฯ จึงได้จัดงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 ในรูปแบบ Virtual Online Exhibition เน้นสร้าง Data Base ผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านกลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้นโดยจะกำหนดการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 6 กันยายน 2564 นี้ ขึ้นมาก่อน ซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นนี้จะกระตุ้นการตลาดและการขายก่อนการจัดงานในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวกต่อการเข้าชม ป้องกันการระบาดของโรคระบาด โดยเฉพาะโควิด-19 อีกทั้งยังสร้างมิติใหม่ช่วยให้ภาพลักษณ์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านต่างจังหวัด จะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาคมฯ ได้มากขึ้นเช่นกัน

การแทรกช่องว่างด้วยการจัดกิจกรรมผ่านงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 ก่อนการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" นั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการสำรวจและทำแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคจำนวนกว่า 400 ราย พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านมากถึง 72% ส่วนที่เหลือ 28% ไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้าน ข้อมูลดังกล่าวคาดว่าเป็นกลุ่มบ้านราคาแพงซึ่งตลาดยังพอไปได้ต่างจากบ้านขนาดเล็กหรือตลาดทั่วไป (Mass) ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านมาก ด้วยเหตุนี้อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านที่เดิมเน้นตลาดทั่วไป (Mass) ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ได้ขยับมาจับตลาดบ้านราคาแพงตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

 เมื่อถามว่าต้องการจะปลูกสร้างบ้านพร้อมเข้าอยู่ใช้เวลาในการปลูกสร้างกี่ปีนั้น พบว่าพร้อมปลูกสร้างไม่เกิน 6 เดือนคิดเป็นสัดส่วน  24% และใช้เวลามากกว่า 6 เดือนถึง 2 ปีคิดเป็นสัดส่วน 65% และ ใช้เวลา 2-3 ปี คิดเป็นสัดส่วน 11% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการสร้างบ้านส่วนใหญ่ จะไปสร้างบ้านในปี 2565- 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะคลายตัวลงแล้ว

ส่วนทำเลที่เลือกปลูกสร้างบ้านนั้น 3 ทำเลที่ต้องการปลูกสร้างมากสุดคือ อันดับหนึ่งยังเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วน 37% อันดับสองและอันดับสามคือ ภาคกลาง และภาคใต้ คิดเป็นสัดส่วน 18% จากสัดส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าความต้องการของลูกค้ากลุ่มรับสร้างบ้านกว่า 55% ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงภาคกลาง

พร้อมกันนี้นายวรวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า จากแบบสอบถามที่ได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านกับบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ถึง 84.2% นั้นสะท้อนภาพได้ว่าผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่น ดังนั้น สมาคมฯ จึงปรับปรุงช่องทางการเข้าถึงระหว่างสมาชิกกับผู้บริโภคผ่านทางเว็บไซต์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านคือ www.hba-th.org เพื่อให้เว็บไซต์ของสมาคมฯ เป็นศูนย์กลางให้กับผู้ที่สนใจจะสร้างบ้านได้เข้ามาหาข้อมูลและเข้าถึงแบบบ้านต่างๆ พร้อมโปรโมชั่นของสมาชิกของสมาคมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น อีกทั้งมีการโปรโมทเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกและผู้บริโภค

"ปี 2564 เป็นอีกปีที่ภาคธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้านทำให้บริษัทต่างๆ ต้องปรับตัวกัน แต่หากคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่อยู่ภาคธุรกิจคงเหนื่อยอีกยาว ส่วนผู้บริโภคที่เดิมคิดจะปลูกสร้างบ้านก็ต้องชะลอออกไป " นายวรวุฒิ กล่าวให้ความเห็นในตอนท้ายว่า ในเดือนกรกฎาคม 2564 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้น มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 หมื่นคนต่อวัน ทางสมาคมฯ คงต้องดูสถานการณ์การระบาด พร้อมกับมาตรการของรัฐบาลที่จะมีการประกาศออกมาแบบวันต่อวัน เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์ในการทำกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมต่อไป