• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Thetaiso

#2001


"โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ เปิดใจขอบคุณทุกคนที่อยู่เคียงข้างโดยเฉพาะพ่อ เพราะสิ่งนี้เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ปลดล็อคคว้าแชมป์ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการแรกได้สำเร็จในศึก "ไอเอสพีเอส ฮานดะ เวิลด์ อินวิเตชันแนล"

การแข่งขันกอล์ฟรายการไอเอสพีเอส ฮันดะ เวิลด์ อินวิเทชั่น ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านดอลลาร์หรือราว 46.5 ล้านบาท รายการร่วมของ แอลพีจีเอ ทัวร์ เลดี้ส์ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ และ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม-1 สิงหาคม 2564 โดยสองรอบแรกแข่งขันที่สนาม กัลกอร์ม คาสเซิ่ล กอล์ฟ คลับ พาร์ 73 และ สนามมาสเซอรีน กอล์ฟ คลับ พาร์ 72 หลังจากนั้นรอบ 3 และ 4 แข่งขันที่สนาม กัลกอร์ม คาสเซิ่ล กอล์ฟ คลับ ผ่านไปสามวันแรกนั้น "โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ นำร่วม

วันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่่ 1 สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่น ปาจรีย์ อนันต์นฤการ ออกสตาร์ทในฐานะผู้นำร่วม และทำสามเบอร์ดี้ใน 3 หลุมแรกนำร่วมที่สกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ แต่เธอไปพลาดออกทริปเปิ้ลโบกี้หลุม 6 พาร์ 4 เสียตำแหน่งผู้นำก่อนจะแก้กลับมาทำอีกเบอร์ดี้หลุม 8 และ 9 จากนั้นทำเบอร์ดี้หลุม 13 ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 ตามหลัง เจนนิเฟอร์ คุปโช โปรชาวอเมริกันผู้นำอยู่แค่สโตรกเดียว และทั้งคู่เสียโบกี้หลุม 16 คัพโช ยังคงนำเดี่ยว 16 อันเดอร์พาร์ ปาจรีย์ 15 อันเดอร์พาร์ เมื่อเหลือสองหลุมสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม ปาจรีย์ ขึ้นไปนำร่วมหลังทำเบอร์ดี้หลุม 17 พาร์ 4 สกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ โดยที่ คุปโช ทำพาร์ และเอ็มม่า ทัลเลย์ โปรชาวอเมริกันนำร่วมอีกคนเมื่อเธอทำเบอร์ดี้หลุมเดียวกัน และหลุม 18 คุปโช เสียโบกี้จบลงสกอร์ 2 อันเดอร์พาร์ 71 สกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 276 จบลงอันดับ 3

ในขณะที่ ปาจรีย์ และ ทัลเลย์ ทำพาร์ สกอร์จบลง 3 อันเดอร์พาร์ 70 เหมือนกันสกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ 275 เท่ากัน ต้องไปเล่นเพลย์ออฟตัดสินแชมป์

การเล่นเพลย์ออฟหลุมแรกใช้หลุม 18 พาร์ 5 ทั้งสองต่างก็ทำพาร์ต้องไปเล่นต่อหลุมที่สองก็ใช้หลุม 18 เหมือนเดิมโดยที่ปาจรีย์ ทำพาร์หลังจาก ทัลเลย์ ออกโบกี้ทำให้ปาจรีย์ ชนะคว้าแชมป์ไปครองนับเป็นแชมป์แรกในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ รับเงินรางวัลไป 225,000 ดอลลาร์หรือราว 7.2 ล้านบาท

โปรสาววัย 22 ปี เผยหลังการคว้าแชมป์รายการแรกในแอลพีจีเอ ทัวร์ ว่า"เมียวไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่อยากจะขอบคุณทุกๆคนที่สนับสนุนเมียวมาตลอด และเชื่อมั่นเมียวมาระยะเวลายาวนานมันจะคงจะไม่มีวันนี้ได้หากไม่มีพวกเขา เมียว มีพี่โม พี่เม เป็นแบบอย่างก็ตั้งใจเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งเมียวก็อยากจะเป็นคนไทยอีกคนหนึ่งที่คว้าแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ และเมียวจะทำหน้าที่ตัวเองให้ดีทีสุดเพื่อเป็นตัวแทนของประเทศเราด้วย"

และเธอ ยังได้กล่าวถึงคุณพ่อวีระพล ซึ่งเข้าไปแสดงความดีใจสุดหลังจากเธอคว้าแชมป์ว่า"คุณพ่ออยู่เคียงข้างฉันมาตั้งแต่เริ่มต้นการเล่นกอล์ฟของฉัน ดังนั้นฉันก็สามารถได้ร่วมแชร์ทุกสิ่งทุกอย่างทุกๆสิ่งที่พิเศษกับท่าน"

ปาจรีย์ กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 4 ที่คว้าแชมป์ในแอลพีจีเอ ทัวร์ปีนี้ ต่อจาก ปภังกร ธวัชธนกิจ โมรียา-เอรียา จุฑานุกาล และยังเป็นคนไทยคนที่ 5 ที่คว้าแชมป์อาชีพในแอลพีจีเอ ทัวร์ ต่อจาก "โปรเม" เอรียา(12) และ "โปรโม" โมรียา จุฑานุกาล(2) โปรจัสมิน สุวัณณะปุระ(2) และ"โปรเหมียว" ปภังกร ธนวัชธนกิจ(1) ทำให้ขณะนี้นักกอล์ฟไทยคว้าแชมป์ในแอลพีจีเอ ทัวร์ ไปแล้ว 18 แชมป์

ไม่เพียงแค่นั้น ปาจรีย์ กลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 5 ที่คว้าแชมป์อาชีพรายการแรกของตัวเองในแอลพีจีเอ ทัวร์ ปีนี้ ต่อจาก ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์เอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น(เมเจอร์) ซวี เว่ยหลิง จากจีนไทเปแชมป์เพียวร์ ซิลค์ แชมเปี้ยนชิพ ยูกะ ซาโสะ จากฟิลิปปินส์ แชมป์ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น(เมเจอร์) และมาทิลดา คาสเตรน จากฟินแลนด์แชมป์แอลพีจีเอ เมดีฮีล แชมเปี้ยนชิพ

และการคว้าแชมป์ของ ปาจรีย์ ในครั้งนี้จะให้เธอได้สิทธิ์เล่นในทัวร์ 2 ปี และได้สิทธิ์เล่นรายการไดมอนด์ส รีสอร์ท ทัวร์นาเมนส์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ รายการเปิดฤดูกาลของแอลพีเอ ทัวร์ฤดูกาล 2022 และ 2023

https:// m.mgronline.com/sport/detail/9640000075337
#2002
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#2003


หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของเกาหลีใต้ โดยคณะกรรมการบริการทางการเงิน หรือ FSC ได้ออกประกาศสั่งปิดเว็บกระดานเทรดสกุลเงินคริปโตในประเทศจำนวน 11 แห่ง เนื่องจากตรวจสอบพบว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย

จากการรายงานของ The Korea Herald ระบุถึงแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมคริปโตว่าการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในพื้นที่เกาหลีกำลังจะถูกปิดตัวลง เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของประเทศได้ตรวจพบกิจกรรมที่ผิดกฎหมายของพวกเขาเมื่อเร็วๆ นี้ และจะมีการบังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้

ตามแหล่งข่าวระบว่ากระดานเทรดจำนวน 11 แห่ง ที่ใช้บัญชีร่วมที่ฉ้อโกงจะต้องปิดตัวลงเนื่องจากคณะกรรมการบริการทางการเงินวางแผนที่จะหยุดการทำธุรกรรมและแจ้งกิจกรรมที่ผิดกฎหมายให้กับอัยการและตำรวจ อย่างไรก็ดีชื่อของกระดานเทรดเหล้านั้น ยังไม่ถูกเปิดเผย อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นความยากลำบากสำหรับกระดานเทรดเหล่านั้นที่จะได้รับการอนุมัติให้กลับมาดำเนินงานโดย FSC ได้ แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมกล่าว

ทั้งนี้ผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าการแลกเปลี่ยน crypto จะปิดตัวลงในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากการแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่ ยกเว้นบริษัท crypto ยักษ์ใหญ่อย่าง Upbit, Bithumb, Coinone และ Korbit

ซึ่งประเด็นมาจากกฏระเบียบข้อกำหนดในการเปิดบัญชีชื่อจริงสำหรับลูกค้า ซึ่งเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับ การดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทแลกเปลี่ยนขนาดกลางหลายแห่งได้ประกาศแผนการที่จะปิดบริการหรือธุรกิจของตน เนื่องจากนักเทรดไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยชื่อจริง

ขณะที่ Darlbit ได้ประกาศเลิกกิจการเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมาแล้ว หลังจากแจ้งลูกค้าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่าจะหยุดให้บริการฝากและถอนเงิน

ขณะที่ CPDAX ได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าจะปิดบริการในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่ง "ไม่ใช่มาตรการชั่วคราว แต่เป็นมาตรการถาวรในการปิดธุรกิจ สำหรับผู้ที่มี cryptocurrencies ในบัญชีจะต้องถอนออกก่อน 15:00 น. เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม" บริษัทกล่าว

ในส่วนของ Bitsonic ได้ประกาศผ่านช่องทางการส่งข้อความอย่างเป็นทางการของ Telegram เมื่อวันศุกร์ว่าจะหยุดให้บริการชั่วคราว โดยเตรียมที่จะมีการเจรจาเพื่อเสนอราคาในการต่ออายุระบบบริการ

"เมื่อเราต่ออายุเสร็จแล้ว เราคาดว่าจะบรรลุระบบการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล" บริษัทกล่าว

ในส่วนของ ISMS อยู่ในช่วงของการเตรียมขั้นตอนในการจัดการข้อมูลของลูกค้าโดยจำกัดการละเมิดความปลอดภัยในเชิงรุก เป็นข้อกำหนดเบื้องต้นอื่นที่จำเป็นสำหรับการแลกเปลี่ยนเพื่อดำเนินการในเกาหลี แต่คำถามยังคงอยู่ไม่ว่าจะเป็นมาตรการปิดชั่วคราวหรือไม่

ทั้งนี้กระดานเทรดที่ถูกขึ้นบัญชีดำทั้ง 11 กระดานเทรดนั้นจะต้องได้รับการอนุมัติจาก FSC ภายในวันที่ 24 กันยายนสำหรับการดำเนินธุรกิจ แต่บริษัทกล่าวว่าจะได้รับ ISMS หลังจากหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคมถึง 30 พฤศจิกายนเท่านั้น เนื่องจากไทม์ไลน์ไม่เพิ่มขึ้นและต้องใช้เวลามากในการบรรลุข้อตกลงด้านการจัดการ ISMS ขณะที่ในส่วนของ Bitsonic จะปิดตัวลงโดยพฤตินัย ตามข้อมูลภายในตลาด

ในขณะเดียวกัน โช เมียงฮี สมาชิกสภาคองเกรสของ People Power Party กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขยายระยะเวลาการรายงานกระดานเทรดในประเทศเกาหลีที่เปิดทำการจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านการเงินกล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าการบังคับใช้จะเป็นไปตามแผนเดิมที่จะเสร็จสิ้นกระบวนการภายในวันที่ 24 กันยายนนี้ หลังจากที่ให้ระยะเวลาผ่อนผันไปแล้ว 6 เดือนตั้งแต่เดือนมีนาคม

https:// m.mgronline.com/stockmarket/detail/9640000075282
#2004



จากการที่ศาลปกครองมีคำพิพากษา เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง โครงการ "แอชตัน อโศก" ที่ออกให้แก่ บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด เมื่อวันที่ 30 ก.ค.64 จนกลายเป็นประเด็นร้อน เพราะปัจจุบันโครงการ "แอชตัน อโศก" สร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์มาได้กว่า 2 ปีแล้ว แม้ว่าจะยังมียูนิตเหลือขายอยู่แต่ก็เพียงไม่กี่ยูนิตจากจำนวนทั้งหมด 783 ยูนิต

การเพิกถอนใบอนุญาตครั้งนี้ เท่ากับว่าโครงการนี้ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตมาตั้งแต่หลายปีที่แล้ว และขั้นตอนต่างๆ ที่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ต้นนั้นก็ผิดด้วยเช่นกัน 

การที่มีคำพิพากษาแบบนี้ออกมานั้นสร้างความวิตกกังวลให้กับคนที่มียูนิตอยู่ในโครงการนี้แน่นอน..

ล่าสุด วันที่ 31 ก.ค.64 ชานนท์ เรืองกฤติยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน ) ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊คเพจ Ananda Development  เพื่อชี้แจงถึงลูกบ้าน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า เตรียมจะยื่นอุทธรณ์ และมั่นใจว่าจะชนะ

     
เนื้อความทั้งหมด มีดังนี้..

สวัสดีครับ ท่านลูกค้าอนันดา ชาวแอชตัน อโศก ทุกท่าน ครับ

ผม ชานนท์ เรืองกฤติยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน ) ผมหวังว่า ท่านหลายๆคนมีสุขภาพที่แข็งแรงปลอดภัยจากโควิดช่วงนี้นะครับ สำหรับวันนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่จะบอกกล่าวท่านครับ เมื่อวานทางศาลปกครองก็ได้มีการพิพากษาในกรณีที่เกี่ยวข้องกับโครงการของเรานะครับ ท่านคงเห็นในสื่อและไม่สบายใจ

เป้าหมายวันนี้ ผมอยากบอกท่านว่า ผมมั่นใจว่าเราต้องสู้ชนะครับ ผมไม่ยอมนะครับ ผมและผู้บริหารอนันดาทุกท่านจะอยู่เคียงข้างท่าน สู้ต่อไปครับ เราจะยื่นอุทธรณ์ ที่ศาลปกครองสูงสุด เราเชื่อว่าในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องคุ้มครองผู้ประกอบการอย่างเราที่สุจริตและผลที่ออกมาน่าจะเป็นธรรมเพื่อดำรงให้สังคมเราอยู่อย่างสงบสุข

ผมขอยืนยันอีกหนึ่งครั้งนะครับว่าบริษัททำตามกฏหมายทุกประการประสานงานกับทุกหน่วยงานทุกต้องตามกฏหมาย ผมอยากให้ท่านสบายใจนะครับ


ในภาวะนี้ผมก็เห็นใจหลายๆ คนคงนอนไม่หลับเช่นเดียวกับผม ผมจะใช้ความสามารถสุดฝีมือของผมและทีมงานและประสานงานกับสำนักงานกฏหมาย เพื่อความยุติธรรม ให้พวกเราทั้งหมด เราอยู่รวมกัน เรือลำเดียวกัน เราต้องสามัคคีกันนะครับ

แล้วเราต้องแก้ไขปัญหาสังคมด้วยกันนะครับ ผมก็เห็นใจรัฐเช่นเดียวกันครับ กฏระเบียบของรัฐเองก็ซับซ้อน แต่เราต้องช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองเราต่อนะครับ ผมเป็นหนึ่งคนที่มีความหวังในประเทศไทยแต่เราต้องเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เอาใจเราใส่ใจเขาด้วยกันนะครับเพื่อประโยชน์ส่วนรวมทั้งหมดนะครับ

ผมเชื่อมั่นจริงๆนะครับว่า ระบบยุติธรรมจะมีมุมมองเพื่อสร้างความสงบให้พวกเราทั้งหมด หากท่านอยากติดต่อมา สามารถติดต่อได้ที่อนันดาคอลเซ็นเตอร์ 02-3162222 อนันดาเฟซบุ๊กหรืออีเมล์ของผม chanond@ananda.co.th/csc@ananda.co.thได้นะครับ

ผมหวังว่า แมสเสจนี้ก็จะทำให้ท่านสบายใจผมขอให้ท่านให้โอกาสอนันดาแก้ไขปัญหาต่อ

ขอขอบคุณครับ
#2005


https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/952144
วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดสูดดม หรือฉีดพ่นทางจมูก แบบใช้อะดิโนไวรัส เป็นตัวนำพาที่ผลิตในจีน แสดงผลปลอดภัย ในการทดลองทางคลินิก ระยะที่ 1

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบใช้อะดิโนไวรัส ไทป์ 5 เป็นตัวนำพา หรือแอดไฟว์ เอ็นโควี (Ad5-nCoV) ร่วมพัฒนาโดยสถาบันการแพทย์ทหาร โรงพยาบาลจงหนานแห่งมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น และสถาบันอื่นๆ ของจีน

การทดลองในสัตว์ก่อนหน้านี้ชี้ว่า วัคซีนแอดไฟว์ เอ็นโควี โดสเดียว สามารถป้องกันการแบ่งตัวของเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่กลายพันธุ์ในทางเดินหายใจส่วนบน โดยภูมิคุ้มกันเยื่อเมือกมีส่วนช่วยกระตุ้นเยื่อเมือกและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งสามารถป้องกันเชื้อไวรัสฯ บุกโจมตีผิวเยื่อเมือกได้

รายงานที่เผยแพร่ในวารสาร The Lancet Infectious Diseases ทางออนไลน์เมื่อเดือนกันยายน 2563  ระบุว่า มีอาสาสมัคร 130 คน เข้าร่วมการทดลองโดยสุ่มแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม เพื่อรับวัคซีนด้วยวิธีฉีดเข้ากล้ามเนื้อ วิธีสูดดม หรือทั้งสองวิธี

กลุ่มผู้เข้าร่วมทดลองด้วยวิธีสูดดม จำนวน 2 กลุ่ม ได้รับวัคซีนแอดไฟว์ เอ็นโควี ในปริมาณสูงหรือต่ำในวันแรก ตามด้วยวัคซีนโดสกระตุ้นชนิดเดิมในวันที่ 28 ของการทดลอง ขณะกลุ่มที่รับวัคซีนแบบผสมได้รับวัคซีนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อในวันแรก ตามด้วยวัคซีนโดสกระตุ้นชนิดสูดดมในวันที่ 28 ของการทดลอง ส่วนกลุ่มที่รับวัคซีนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้ออย่างเดียวได้รับวัคซีนแอดไฟว์ เอ็นโควี จำนวน 1 หรือ 2 โดสในวันแรก


ผลการทดลองพบว่าวัคซีนชนิดสูดดมนั้นมีความทนทานดี ใช้ปริมาณเพียง 1 ใน 5 ของวัคซีนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองที่แข็งแกร่ง ด้านวัคซีนโดสกระตุ้นชนิดสูดดมในวันที่ 28 ของการทดลอง หลังรับวัคซีนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อเป็นโดสแรก สามารถกระตุ้นการตอบสนองของแอนติบอดีได้อย่างแข็งแกร่ง

โฮ่วลี่หัว นักวิจัยจากสถาบันฯ กล่าวว่าแอดไฟว์ เอ็นโควี เป็นวัคซีนแบบไม่ต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อ จึงไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงใดๆ อาทิ ปวดแขนและบวม ซึ่งอาจช่วยให้ประชาชนเต็มใจเข้ารับวัคซีนกันมากขึ้น

ขณะเดียวกันปริมาณยาที่ใช้ในวัคซีนชนิดสูดดมอยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งเทียบเท่ากับว่าช่วยเพิ่มการผลิตวัคซีนโควิด-19 และแก้ปัญหาขยะทางการแพทย์ อาทิ เข็มฉีดวัคซีน

ปัจจุบันวัคซีนแอดไฟว์ เอ็นโควี กำลังอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก ระยะที่ 2

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952144
#2006



ผศ.ดร.ชัยพร ภู่ประเสริฐ รองอธิการบดีด้านการพัฒนานิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จุฬาฯ จะลดค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษาให้นิสิตไทยทุกคณะทุกระดับการศึกษาตามแนวทาง 50++ โดย ลดค่าเล่าเรียน ให้นิสิต 50% สำหรับค่าเล่าเรียน 50,000 บาทแรก       

ส่วนที่เกิน 50,000 บาทจะให้ส่วนลดเป็นขั้นบันไดคือ 30% สำหรับ ค่าเล่าเรียน ตั้งแต่ 50,001-100,000 บาท และลด 10% สำหรับค่าเล่าเรียนตั้งแต่ 100,001 บาทขึ้นไป


'ลดค่าเทอม'เพิ่มมาตรการช่วยเหลือนิสิตตามแนวทาง50 ++ 
นอกจากนี้ จุฬาฯ ยังมีมาตรการให้ความช่วยเหลือนิสิตเพิ่มเติมตามแนวทาง 50 ++ ประกอบด้วย 

- ให้ทุนสนับสนุนการศึกษา  ประกอบด้วย ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวนกว่า 2,000 ทุน ทุนนิสิตช่วยงาน โดยเน้นงานที่ทำออนไลน์ ค่าตอบแทนชั่วโมงละ 100 บาท ไม่เกิน 500 บาทต่อวัน

​- ให้ทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ประกอบด้วย ทุนสงเคราะห์สวัสดิภาพนิสิต หรือทุน COVID-19 เพื่อลดภาระด้านการเงินของนิสิตทั้งที่เคยได้รับแล้วและรายใหม่


เริ่มต้นให้การช่วยเหลือนิสิตรายละ 5,000 – 10,000 บาท รวมทั้งสวัสดิการนิสิตหอพัก เปิดให้ขอทุนยกเว้นหรือลดหย่อน ค่าธรรมเนียม หอพักให้กับนิสิตหอพักในช่วงมหาวิทยาลัยปิดทำการหรือนิสิตเรียนออนไลน์ที่บ้าน


จัดซิมอินเทอร์เน็ตให้ยืมอุปกรณ์ 'เรียนออนไลน์'
​- ซิมอินเทอร์เน็ตฟรี 3,000 ซิม เพื่อให้นิสิตสามารถ เรียนออนไลน์จากที่พักอาศัยได้อย่างสะดวก

- ให้บริการนิสิตยืม Laptop หรือ Tablet กลับไปใช้ที่บ้านได้

​- ทำประกัน COVID-19 สำหรับนิสิตทุกคน ทุกระดับการศึกษา มากกว่า 37,000 คน

นิสิตจุฬาฯ สามารถแจ้งความประสงค์ในการขอรับความช่วยเหลือเข้ามาได้ที่ฝ่ายกิจการนิสิตของแต่คณะ หรือผ่านระบบ CU NEX รวมถึงแจ้งผ่านเว็บไซต์ของสำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาฯ www.sa.chula.ac.th
#2007



บมจ. เอเอ็มอาร์ เอเซีย หรือ AMR คือผู้ประกอบการสัญชาติไทยรายแรกที่เบียดผู้ประกอบการต่างชาติ ในงานออกแบบ ติดตั้ง ระบบอาณัติสัญญาณ รถไฟฟ้าสายสีเขียว 2 สถานีแรก ช่วงสถานีตากสิน-วงเวียนใหญ่ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายแรกที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งธนบุรี ซึ่งบริษัทสามารถดำเนินการได้ นี่คือ ศักยภาพในการคว้าอีก 5 สถานี ในเส้นทางหมอชิต-คูคต , แบริ่ง-สมุทรปราการ

และในปี 2561 โอกาสทางธุรกิจครั้งใหม่คือ การออกแบบรถไฟฟ้าสายสีทอง ที่บริษัททำทั้งระบบตั้งแต่ระบบอาณัติสัญญาณ ไฟฟ้าสื่อสาร และการติดตั้งระบบประตูกับชานชลา 

และมูลค่างานโครงการขนาดใหญ่ของรัฐระดับ 'แสนล้านบาท' คือจังหวะและโอกาสสร้างการเติบโตมหาศาล !!

นี่คือ 'จุดเด่น' ของ 'เอเอ็มอาร์ เอเซีย' ผู้ประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรมออกแบบและเชื่อมต่อระบบไอทีโซลูชั่น กำลังจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 150 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 6.90 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ และเข้าซื้อขาย (เทรด) 2 ส.ค. นี้ 

ปัจจุบัน AMR มีผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทออกเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย 1. งานให้บริการวางระบบ ด้าน SI แบบครบวงจร ครอบคลุมงานวางระบบคมนาคมขนส่ง (Transportation Solution) ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ICT) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และความปลอดภัย และระบบโซลูชั่นเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมืองอัจฉริยะ (Smart City) 

2. งานให้บริการดูแลรักษาและซ่อมบำรุง ระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีต่างๆ ให้กับหน่วยงานต่างๆ โดยมีความสามารถในการให้บริการแบบครบวงจร ได้แก่ งานซ่อมบำรุงเชิงแก้ไข (CM) และงานซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (PM) เป็นต้น 

และ 3. การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ไอทีโซลูชั่น ทั้งในรูปแบบฮาร์ดแวร์ (Hardware) และซอฟต์แวร์ (Software) สำหรับลูกค้าที่ต้องการแพลตฟอร์มพื้นที่ทำงานดิจิทัลในการบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Workspace และการรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงแอบพลิเคชั่นที่จะช่วยให้พนักงานในองค์กรทำงานผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น 

'มารุต ศิริโก' กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอเอ็มอาร์ เอเซีย หรือ AMR แจกแจงสตอรี่สร้างการเติบโตให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek'] ว่า ด้วยธุรกิจของบริษัทมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก สะท้อนผ่านทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านโทรคมนาคม , ด้านพลังงาน , ด้านระบบไอทีและโซลูชั่นต่าง ๆ โดยมีทีมวิศวกรที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์การทำงานมากว่า 20 ปี และมีฝีมือเทียบเท่าบริษัทข้ามชาติ 

การขยับตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในครานี้ เขายอมรับว่า เมื่อต้องการ 'ปลดล็อก' การเติบโตของธุรกิจ เงินระดมทุนจำนวน 985.24 ล้านบาท เพื่อไปขยายธุรกิจและเพิ่มโอกาสการรับงานที่มีมูลค่าระดับมากกว่าพันล้านบาท และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรและคู่ค้า

สอดคล้องกับเป้าหมายของการเข้ามาระดมทุนครั้งนี้ คือ ลงทุนในการพัฒนาธุรกิจด้านระบบคมนาคมขนส่ง ด้านพลังงาน และเมืองอัจฉริยะ จำนวน 837.46 ล้านบาท ระยะเวลาใช้เงินปี 2564-2566 ลงทุนสำหรับการวิจัยและพัฒนาด้านการให้บริการและต่อยอดเทคโนโลยี จำนวน 49.26 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน จำนวน 98.52 ล้านบาท 

'การระดมทุนนอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเงินแล้ว ยังส่งเสริมความน่าเชื่อถือของบริษัท และเพิ่มความไว้วางใจให้กับลูกค้าและพันธมิตรต่างๆ เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้ารับงานจากหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชนได้ในอนาคต'

หากพิจารณาการเติบโตขององค์กรแห่งนี้จะพบว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561-2563) มีกำไรสุทธิเติบโตอยู่ที่ 140.99 ล้านบาท 27.39 ล้านบาท และ 247.55 ล้านบาท ขณะที่ รายได้อยู่ที่ 1,917.83 ล้านบาท 1,467.62 ล้านบาท และ 2,584.07 ล้านบาท ตามลำดับ ล่าสุด ไตรมาส 1 ปี 2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 29.47 ล้านบาท และรายได้ 337.66 ล้านบาท 

เขา บอกต่อว่า สำหรับแผนธุรกิจ 3-5 ปี (2564-2568) บริษัทมีเป้าหมายรับงานโครงการขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขยายธุรกิจในส่วนของภาคบริการเพื่อสร้างพอร์ต 'รายได้ประจำ' (Revenue Income) อย่าง ระบบคมนาคมขนส่งสายรอง (Feeder Line) และ ด้านพลังงาน อย่าง การพัฒนาสถานีชาร์จรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมทั้งเมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทซิตี้ 

โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้พอร์ตรายได้ประจำในอีก 5 ปีข้างหน้า อยู่ที่สัดส่วน 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10% และขยับเพิ่มเป็น 20-30% ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต 

'ที่ผ่านมา AMR ได้เข้าไปเป็นผู้ออกแบบติดตั้งที่ชาร์จแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งมีแผนขยายจากจุดเล็ก ๆ ไปสู่ระดับประเทศ คาดว่าภายใน 1-2 ปีข้างหน้า คนไทยจะได้มีโอกาสเห็น EV Charging Station มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ออกแบบโดย AMR อีกด้วย'

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตการดำเนินธุรกิจของ AMR มีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมากตามการขยายตัวด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศ ทั้งประเภทระบบเทคโนโลยีคมนาคมและการเดินรถไฟฟ้า พลังงานและระบบสื่อสาร โดยภาครัฐเตรียมเปิดประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ในมือแล้วประมาณ 1,451.20 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปี นับจากนี้


นอกจากนี้ในปี 2565 ภาครัฐมีแผนเตรียมเปิดประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าในเมือง รวมไปถึงรถไฟในต่างจังหวัด โดย 20-30% ของโครงการเกี่ยวข้องกับการวางระบบ ทำให้เห็นโอกาสการเติบโตได้อีกมากในช่วงหลาย 10 ปีข้างหน้าอีกมาก 

ท้ายสุด 'มารุต' บอกไว้ว่า ที่ผ่านมาอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการเป็นผู้ให้บริการงานออกแบบติดตั้งระบบวิศวกรรมไอทีโซลูชั่น ให้รัฐและเอกชนชั้นนำไม่ว่าเป็นระบบบริหารจัดการน้ำ และ กทม. และวางระบบเดินรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และรถไฟรางคู่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นงานระดับเมกะโปรเจคของประเทศ

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952000
#2008



น้ำตาล เป็นสารให้ความหวานที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้านการให้พลังงาน โดยเฉพาะน้ำตาลกลูโคสที่มีหน้าที่สำคัญในการให้พลังงานแก่สมอง ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมองทำให้รู้สึกสดชื่นและช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น จึงนิยมผสมน้ำตาลในเครื่องดื่ม น้ำผลไม้แทบทุกชนิด

เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มอีกชนิดที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ใช้พลังงานมากๆ เช่น นักกีฬา หรือผู้มีอาชีพที่ต้องใช้พลังในการทำงาน เครื่องดื่มชูกำลังมีส่วนผสมหลักๆ คือ คาเฟอีน ที่ทำหน้าที่ให้ความรู้สึกสดชื่น เพิ่มเรี่ยวแรงให้กับผู้ดื่ม และน้ำตาลที่ให้พลังงาน และความสดชื่นแก่สมอง

องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้คำแนะนำว่าใน 1 วัน เด็กและผู้ใหญ่ควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 25 กรัม หรือประมาณ 6 ช้อนชา ปริมาณเพียงเท่านี้ร่างกายจะนำไปใช้ประโยชน์ได้เพียงพอ และไม่ทำให้เกิดโทษ

ท่านที่ชื่นชอบการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง วันนี้สถาบันอาหารทำการสุ่มตัวอย่างเครื่องดื่มชูกำลังจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ยี่ห้อ เพื่อนำมาวิเคราะห์หาปริมาณน้ำตาลทั้งหมด ผลการวิเคราะห์พบว่า


ตัวอย่างเครื่องดื่มชูกำลังมีปริมาณน้ำตาลทั้งหมดอยู่ในช่วง 7.74-14.04 กรัม ต่อเครื่องดื่ม 100 มิลลิลิตร

หรือหากคิดต่อเครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวด พบมีปริมาณน้ำตาลทั้งหมดอยู่ในช่วง 7.74-23.87 กรัมต่อขวด

ก็สูงอยู่นะ อย่าลืมว่าใน 1 วัน เราทานอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ที่อาจมีส่วนผสมของน้ำตาล ในปริมาณมากน้อยต่างกันอยู่แล้ว ทำให้ใน 1 วัน เราอาจได้รับน้ำตาลเกินปริมาณที่ WHO แนะนำ หากร่างกายขับออกไม่หมดจะเกิดการสะสมในร่างกาย หากสะสมมากๆ เป็นเวลานานจะส่งผลเสียในระยะยาว และอาจทำให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคที่เกี่ยวกับเมตา.ิกอื่นๆได้

หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรลดการเติมน้ำตาลที่ใช้ปรุงอาหารที่ทำทานเอง การเลือกซื้อ เลือกทานอาหาร หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูปให้ดูปริมาณน้ำตาลที่ระบุไว้บนฉลากโภชนาการเป็นหลักว่ามีเท่าใด หรือเลือกซื้อสูตรที่ระบุว่าหวานน้อย เพื่อให้ร่างกายปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆ จะดีกว่า.

ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย
https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2135845
#2009



31 ก.ค.2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกคน  จึงได้สั่งการให้เร่งรัดขยับเวลาการจ่ายเงินเยียวยาประกันสังคม ให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ใน 9 ประเภทกิจการที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ

โดยจะเริ่มทยอยจ่ายตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมนี้  ซึ่งผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับเยียวยาจากรัฐบาลคนละ 2,500 บาท จะโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้วันละ 1 ล้านบัญชี  จากผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยามีจำนวน 2.87 ล้านคน ส่วนนายจ้างจะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล ตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุดลูกจ้างไม่เกิน 200 คน สำหรับนายจ้างบุคคลธรรมดา จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน และนายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคลนายจ้าง ทุกๆ วันศุกร์ จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564
             

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท
โฆษก ศบศ. ยังกล่าวถึงการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ที่เปิดให้ประชาชนใช้สิทธิล่าสุดไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 หลังผ่านมา 1 เดือน

ปรากฎว่ายอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการมีผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 36.89 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสม รวม 49,884.3 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 22.74 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 46,317.4 ล้านบาท

แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 23,455.6 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 22,861.8 ล้านบาท  2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 59,284 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 758.3 ล้านบาท  3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.26 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,644.8 ล้านบาท และ 4) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 826,684 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 163.8 ล้านบาท
             
นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้จากการประเมินพบว่าประชาชนทั่วประเทศ ยังมีการใช้จ่ายผ่านโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง มีการปรับปรุงรายละเอียดของบางโครงการ เช่น โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยขยายระยะเวลาการซื้อสินค้าหรือบริการที่จะได้รับ e-Voucher ถึงวันที่ 31 พฤศจิกายน 2564 เพิ่มวงเงินการใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณ e-Voucher สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อคนต่อวัน และปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ เป็น 1.4 ล้านสิทธิ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

และขณะนี้กระทรวงการคลังได้กำชับให้ธนาคารกรุงไทย เร่งดำเนินการปรับปรุงระบบการใช้จ่ายเงินในโครงการ "คนละครึ่ง" ให้สามารถเชื่อมกับระบบของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างถูกต้องและเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ

โดยคาดว่าจะดำเนินการเชื่อมระบบเสร็จสิ้นและพร้อมใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ เพื่อรองรับการใช้จ่ายหลังกระทรวงการคลังโอนเงิน "คนละครึ่ง" รอบ 2 อีก 1,500 บาทเข้าแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ถึงสิ้นปี 2564 ส่วนยอดการลงทะเบียนล่าสุดของวันที่ 30 ก.ค. 2564 โครงการคนละครึ่งมีการลงทะเบียนแล้ว 29.9 ล้านคน เหลืออีก 1.1 ล้านคน จะครบ 31 ล้านคน

และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่ปรับลดเหลือ 1.4 ล้านสิทธิ ขณะนี้เหลืออีก 937,338 สิทธิ โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนควบคู่ไปกับการดำเนินการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเต็มที่ตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี
#2010

  

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและ ท่าอากาศยานได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ -Drsamart Ratchapolsitte โดยมีเนื้อหาดังนี้... แม้ผมจะสนับสนุนผู้รับเหมาไทย แต่เมื่อ รฟม.เปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงินงานโยธา 78,720 ล้านบาท โดยใช้วิธี "การประกวดราคานานาชาติ" เพราะเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ผู้รับเหมาต่างชาติ ผมจึงต้องตามดูว่ามีการปฏิบัติต่อผู้รับเหมาต่างชาติเท่าเทียมกับผู้รับเหมาไทยหรือไม่? มีการกำหนดเงื่อนไขที่ขัดขวางการแข่งขันอย่างเป็นธรรมหรือไม่? ที่สำคัญ ผู้รับเหมาต่างชาติจะผ่านด่านสุดโหดได้หรือไม่? ติดตามได้จากบทความนี้

การประกวดราคานานาชาติมีเงื่อนไขอย่างไร?

การประกวดราคานานาชาติ (International Competitive Bidding) กรณีงานก่อสร้างที่มีวงเงินตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 และแนวทางปฏิบัติของกระทรวงการคลัง ที่ กค 0405.3/ว93 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2560 ระบุไว้ดังนี้

1. เป็นงานก่อสร้างที่มีรายละเอียดซับซ้อน
2. มีเทคนิคเฉพาะ
3. จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง
4. ต้องใช้บุคลากรในสาขาวิชาชีพการก่อสร้างชั้นสูงหรือช่างผู้มีฝีมือโดยเฉพาะ หรือมีความชำนาญเป็นพิเศษ เช่น ทางยกระดับ อุโมงค์ใต้ดิน ท่าเรือขนส่ง ท่าอากาศยาน เป็นต้น

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เห็นว่าการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) หรือที่เรียกกันว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เข้าเงื่อนไขดังกล่าว จึงตัดสินใจใช้การประกวดราคานานาชาติ

รฟม.อ้างว่าได้ปฏิบัติตาม พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบการทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาดูกันว่าข้อกำหนดของผู้ว่าจ้างหรือทีโออาร์ตรงกับเจตนารมณ์ของ พรบ.จัดซื้อฯ และระเบียบ ก.คลังฯ ดังกล่าวหรือไม่?

ผู้เข้าประมูลต้องมีผลงานอะไร?

ทีโออาร์กำหนดชัดว่าผู้เข้าประมูลจะต้องมีผลงานกับ "รัฐบาลไทย" ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ดังนี้

1. ก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินในสัญญาเดียวไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท และ
2. ก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหรือลอยฟ้าในสัญญาเดียวไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท และ
3. ออกแบบอุโมงค์ใต้ดินหรือสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหรือลอยฟ้าในสัญญาเดียวที่มีค่าก่อสร้างไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท

เมื่อทีโออาร์กำหนดผลงานไว้อย่างนี้ กล่าวคือต้องมีผลงานกับรัฐบาลไทยเท่านั้น ผลงานในต่างประเทศนำมาใช้ไม่ได้ ถามว่าผู้รับเหมาต่างชาติจะผ่านด่านทีโออาร์สุดโหดนี้ได้หรือ? สุดท้ายคงเหลือผู้รับเหมาไทยขนาดใหญ่เพียง 4-5 รายเท่านั้นที่สามารถผ่านด่านทีโออาร์นี้ได้ และคงได้งานครบทุกราย เนื่องจาก รฟม.แบ่งการประมูลงานโยธาออกเป็น 6 สัญญา
ทีโออาร์เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พรบ. จัดซื้อฯ และระเบียบ ก.คลังฯ หรือไม่?

พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 8(2) บัญญัติไว้ว่า "ต้องเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มีการปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทุกรายโดยเท่าเทียมกัน"
ระเบียบการทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 45 ระบุชัดไว้ว่า "ต้องไม่มีการกำหนดเงื่อนไขที่เป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม"
อ่านแล้ว พอจะบอกได้ใช่มั้ยครับว่าทีโออาร์ของ รฟม.ตรงตามเจตนารมณ์ของ พรบ.จัดซื้อฯ และระเบียบ ก.คลังฯ หรือไม่?

รฟม.ได้ตระหนักถึงเจตนารมณ์ของกระทรวงคมนาคมในการประกวดราคานานาชาติหรือไม่?

น่าเสียดายที่ รฟม.ไม่อ้างถึงหนังสือกระทรวงคมนาคม ที่ คค 0208/2840 ลงวันที่ 7 เมษายน 2560 ถึงอธิบดีกรมบัญชีกลาง มีใจความตอนหนึ่งว่า "งานก่อสร้างที่เป็นเทคนิคเฉพาะหรือต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ที่เป็นการดำเนินการในรูปแบบ Design and Build หรือ Turnkey หรือการซื้อหรือการจ้างที่เป็นเทคนิคเฉพาะ มีความเป็นไปได้ที่ผู้รับจ้างไทยที่มีคุณสมบัติจะมีจำนวนไม่มากนัก อาจไม่ทำให้เกิดการแข่งขัน ดังนั้น การประกวดราคานานาชาติจะทำให้มีการแข่งขันมากขึ้น และช่วยลดการสมยอมราคา ส่งผลดีต่อความโปร่งใสในระบบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ รวมทั้งเกิดการถ่ายทอดและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ จากต่างประเทศโดยตรง มีผลดีต่อการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศไทยในระยะยาว"

อ่านแล้วทำให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกระทรวงคมนาคมในการจัดให้มีการประกวดราคานานาชาติ ดังนี้

1. ให้มีการแข่งขันมากขึ้น

2. ลดการสมยอมราคา หรือ "ฮั้ว"

3. ให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี

รฟม.ซึ่งสังกัดกระทรวงคมนาคมได้ตระหนักถึงเจตนารมณ์ของกระทรวงเจ้าสังกัดในการจัดให้มีการประกวดราคานานาชาติขึ้นหรือไม่? ถ้าได้ตระหนัก แล้วทำไมจึงเขียนทีโออาร์ไว้อย่างนั้น?
สรุป

งานก่อสร้างที่ผู้รับเหมาไทยสามารถทำได้ ผมเห็นว่าควรใช้ผู้รับเหมาไทย ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้รับเหมาต่างชาติ เพื่อสนับสนุนผู้รับเหมาไทย แต่งานก่อสร้างที่จำเป็นต้องใช้ผู้รับเหมาต่างชาติ โดยใช้การประกวดราคานานาชาตินั้น เราจะต้องให้ความเป็นธรรมต่อทุกรายด้วยการปฏิบัติต่อผู้เข้าประมูลทุกรายโดยเท่าเทียมกัน

เป็นที่รู้กันในวงการประมูลว่าหากโครงการใดที่ผู้รับเหมาต่างชาติสามารถเข้าประมูลได้ เขาจะไม่ยอม "ฮั้ว" แต่จะสู้ด้วยฝีมือและราคาที่ต่ำกว่า เนื่องจากเขามีประสบการณ์สูง มีการใช้เทคโนโลยีที่
สามารถทำให้งานก่อสร้างเสร็จเร็ว ประหยัดค่าก่อสร้างได้ ทำให้เขาสามารถเสนอราคาได้ต่ำกว่า
ด้วยเหตุนี้ งานก่อสร้างที่จำเป็นต้องใช้ผู้รับเหมาต่างชาติ เราจะไปกีดกันเขาทำไม? เพราะเขาช่วยประหยัดค่าก่อสร้าง และช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เราได้ ไม่ใช่หรือ?
...................
ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง
#2011
บ้านถั่วลิสง The Peanut House  เรื่องถั่ว... พวกเราถนัด
สืบสานตำนานความอร่อยแล้วก็ส่งต่อภูมิปัญญาในการผลิตถั่วลิสงจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก


 โรงงานถั่วลิสง "ซินกวงน่าน" เป็นโรงงานทำถั่วลิสงเพียงที่เดียวในจังหวัดน่าน จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2521 จนปัจจุบันได้พัฒนาตัวเองสู่โรงงานแปรรูปถั่วลิสงครบวงจร ตั้งแต่เลือกสรรเมล็ดพันธ์ลงแปลงปลูกโดยเครือข่ายเกษตรกรของเรา เก็บเกี่ยวและก็ส่งถั่วลิสงไปสู่ขั้นตอนแปรรูปที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน จนมาเป็นผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงในแบบต่างๆที่พร้อมส่งต่อซินกวงน่านถึงมือคุณ


ความเป็นมาของเรารวมทั้งแกลลอรี่ถั่วลิสง Our History & Peanut Gallery
ชมประวัติความเป็นมาของโรงงานถั่วลิสงเก่าแก่เพียงแห่งเดียวของจังหวัดน่าน แผนภาพขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบและก็วิธีการแปรรูปสินค้าถั่วลิสง นอกเหนือจากนี้เชิญทำความรู้จักกับ "ต้นถั่วลิสง" จำลองขนาด 2.5 เมตรที่ออกแบบแล้วก็ผลิตขึ้นเพื่อให้ได้มองเห็นลำต้น ดอก ใบ และเมล็ดถั่วลิสงเสมือนจริงที่สุดตรงนี้ที่เดียวในประเทศไทย และคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากถั่วลิสง - ธัญพืชที่ให้โปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์แล้วก็ไขมันที่ร่างกายต้องการแต่ว่าไม่สามารถสร้างเองได้





 ผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงแล้วก็ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปจังหวัดน่าน Peanuts and many moreภายในร้านบ้านถั่วลิสง นอกเหนือจากที่มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วลิสงแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปของจังหวัดน่านที่มีคุณภาพมากมายหลากหลายให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝากจากจังหวัดน่านสำหรับคนรักรวมทั้งคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมัลเบอรี่ ลูกเดือย กาแฟ ข้าว ถั่ว งา รวมทั้งธัญพืชในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนสมุนไพรที่ถูกนำมาแปรรูปเป็นเครื่องแต่งหน้าและก็ยาด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านผสมกับนวัตกรรมสมัยใหม่ 





 กาแฟน่านและเบเกอรี่จากถั่วลิสง Nan Coffee and Peanut Bakery
กาแฟที่เสิร์ฟในร้านบ้านถั่วลิสงเป็นกาแฟอาราบิก้าผสมโรบัสต้าในสัดส่วนที่พอดี หอมอร่อย คั่วเข้ม โดยเลือกใช้เม็ดกาแฟเดอม้ง ซึ่งปลูกแล้วก็ผลิตโดยชุมชนบ้านมณีพฤกษ์ ต.งอบ อำเภอทุ่งช้าง จ.น่าน ซึ่งเป็นกาแฟที่ผ่านการคัดสรรสายพันธ์ที่ดีที่เหมาะกับการปลูกในความสูงจากระดับน้ำทะเล 1400-1600 เมตร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือให้พี่น้องชาวบ้านมณีพฤกษ์มีรายได้ยั่งยืน มีอาชีพที่มั่นคง รวมทั้งช่วยรักษาและก็ฟื้นฟูผืนป่าน่านให้อุดมสมบูรณ์ต่อไป  นอกเหนือจากนั้นยังมี "พีนัทซอฟท์เค้ก" แล้วก็ "พีนัทเบคชีสเค้ก" เบเกอรี่โฮมเมดที่มีส่วนผสมของเนยถั่วลิสงและก็นมถั่วลิสงที่แสนอร่อย หวานน้อย ครีมเบานุ่ม ไม่เลี่ยน  แล้วก็หอมกลิ่นเนยถั่วลิสง ซึ่งหาทานได้ที่บ้านถั่วลิสงเท่านั้น
 

นมถั่วลิสง Peanut Milk
ไฮไลต์ที่คุณไม่ควรพลาดบ้านถั่วลิสงชวนชิม "น้ำนมถั่วลิสง" Peanut Milk ที่ทำจากถั่วลิสง 100% ไม่มีครีมเทียม แล้วก็หัวนมผง และไม่ใส่สารแต่งสีแต่งกลิ่น เป็นน้ำนมจากถั่วลิสงตามธรรมชาติ ต้มสดทุกรุ่งเช้า หอม อร่อย ทานง่าย มีเสริฟทั้งแบบร้อน เย็น ปั่น ให้ทุกคนได้ทดลองตรงนี้ที่เดียวในน่าน นมถั่วลิสงให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้รักสุขภาพ คนที่แพ้นมจากสัตว์  


บ้านถั่วลิสงเปิดรับกรุ๊ปเยี่ยมชมศึกษางานกรรมวิธีการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับกรุ๊ปแม่บ้าน วิสาหกิจชุมชน นักศึกษา เด็กนักเรียน หรือกรุ๊ปท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์เพื่อเปิดประสบการณ์เกี่ยวกับการแปรรูปถั่วลิสง (รับเป็นคณะ 20 คนขึ้นไป และต้องติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น)



 
 
#2012




เมื่อวันที่ 29 ก.ค.64 นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงถึงกรณีคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 4202/2564 เรื่อง ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ที่ห้ามบุคคลและผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ทั้งทางบก (ด่านตรวจทำฉัตรไขย) ทางน้ำ (ท่าเรือ) ทุกท่าในภูเก็ต และช่องทางภายในประเทศ (ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต) ยกเว้นบางกรณีหรือผู้ที่มีความจำเป็นว่า คำสั่งดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการควบคุมการเดินทางเข้าออกพื้นที่ จ.ภูเก็ต ของคนไทยที่มาจากพื้นที่อื่นซึ่งอาจมีความเสี่ยงนำเชื้อเข้ามา ยืนยัน ไม่กระทบกับการโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางโดยเที่ยวบินตรงมาจากต่างประเทศ ไม่ได้มาโดยเที่ยวบินภายในประเทศ และปัจจุบันหลายสายการบินในประเทศก็ยุติให้บริการชั่วคราวอยู่แล้ว

นายนัทธี กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภูเก็ต มีมาตรการที่พร้อม สามารถควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี และชาวภูเก็ตก็รับความเสี่ยงตรงนี้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นกลับคืน โดยแนวโน้มในขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายนัทธี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะเป็นคนภูเก็ต อยากให้คนจากจังหวัดอื่นๆ อดใจรอที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวภูเก็ตช่วงนี้ไปก่อน ความสวยงามทางธรรมชาติของภูเก็ตยังอยู่อีกนาน ให้สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศดีขึ้นแล้วค่อยเดินทางมาท่องเที่ยวภายหลังก็ได้ เพราะถ้าเดินทางมาตอนนี้ก็อาจเกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ว่าจะมีการนำเชื้อมาแพร่ หรือติดเชื้อจากภูเก็ตกลับไปหรือไม่ จะสร้างความไม่สบายให้เกิดขึ้นและท่องเที่ยวอย่างไม่มีความสุข.
#2013



เมื่อวันที่ 29 ก.ค.64 นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า รฟม. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลการให้บริการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ได้ดำเนินการพัฒนาสถานีรถไฟฟ้า "MRT บางซื่อ" ให้เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน กับ "สถานีกลางบางซื่อ" เพื่อให้ประชาชนสามารถเปลี่ยนระบบการเดินทางได้อย่างต่อเนื่อง สะดวก รวดเร็ว อันเป็นการพัฒนาระบบราง เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมสร้างศักยภาพของสถานีกลางบางซื่อให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมที่สามารถเชื่อมโยงการเดินทางให้ต่อเนื่องทั้งระบบ

โดยก่อสร้างทางเดินเชื่อมต่อกับบริเวณทางเดินชั้นใต้ดินของสถานีกลางบางซื่อ จำนวน 2 จุด ซึ่งทางเดินเชื่อมต่อจุดที่ 1 จะอยู่บริเวณทางเดินผู้โดยสารของสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ และทางเดินเชื่อมต่อจุดที่ 2 จะอยู่บริเวณชั้นจำหน่าย บัตรโดยสารของสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ  

ปัจจุบัน รฟม. ได้เร่งรัดการก่อสร้างทางเดินเชื่อมต่อทั้ง 2 จุด ให้แล้วเสร็จเร็วกว่าที่แผนงานกำหนด และเตรียมเปิดให้บริการในวันที่ 2 สิงหาคม 2564 เพื่อรองรับการเปิดทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วง บางซื่อ – รังสิต และช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน และสถานีกลางบางซื่อ พร้อมทั้งจัดเตรียมมาตรการอำนวยความสะดวกภายในระบบรถไฟฟ้า MRT เพื่อรองรับการเดินทางเชื่อมต่อของผู้โดยสาร อาทิ การจัดเตรียมอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ เครื่องออกเหรียญโดยสารอัตโนมัติ (Automatic Ticket Vending Machine  หรือ TVM) ห้องออกบัตรโดยสาร (Ticket office) ประตูจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (Automatic Fare Collection Gate หรือ AFC GATE) ป้ายประชาสัมพันธ์/ป้ายบอกทางไปยังสถานีกลางบางซื่อ (ทางออกที่ 3) ลิฟต์ บันได บันไดเลื่อน เป็นต้น พร้อมทั้งเพิ่มจุดตรวจคัดกรองรักษาความปลอดภัย และติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยตลอดระยะเวลาให้บริการ 


ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเดินทางจากรถไฟฟ้าสายสีแดงไปยังรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินเพื่อเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน หรือเดินทางต่อไปยังรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง เพื่อเข้าสู่พื้นที่ปริมณฑล อันเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่รอบนอกและพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานครที่สะดวกสบาย บรรเทาปัญหาการจราจรและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ติดตามรายละเอียดและข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ รฟม. www.mrta.co.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ Call Center รฟม.  โทร.  0 2716 4044
#2014



สุดาพร สีสอนดี กำปั้นหญิงจอมฝีมือทีมชาติไทย โชว์ลีลาสอนเชิงคู่ต่อกรจากอินเดีย ก่อนชนะขาด 5-0 เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายศึกมวยโอลิมปิก เมื่อเช้าวันที่ 30 กรกฏาคม 2564

ศึกมวยสากลสมัครเล่น โตเกียว 2020 ที่สนามเรียวโกคุ โกกุกิกัง ประเทศญี่ปุ่น รุ่นน้ำหนัก 60 กก.หญิง มาถึงคิวของ สุดาพร สีสอนดี กำปั้นหญิงดีกรีเหรียญเงิน เอเชียน เกมส์ 2018 กลับขึ้นสังเวียนรอบ 16 คนสุดท้าย

รอบนี้ สุดาพร ขึ้นดวลหมัดกับ ซิมรานจิต คูร์ จากอินเดีย ยกแรก ซิมรานจิต เป็นฝ่ายเดินบุกประเคนหมัด แต่ สุดาพร อาศัยตั้งรับแล้วต่อยสวนเข้าเป้าหลายจังหวะ ยกสอง สุดาพร เป็นฝ่ายเปลี่ยนมาเดินบุกแทน แม้พลาดถูกต่อยบ้างแต่ก็ยังยิงหมัดโจมตีฝั่งตรงข้ามได้คะแนนขาด

สุดาพร ยังต่อยได้ยอดเยี่ยมเมื่อถึงยกตัดสิน ก่อนกรรมการจะกดคะแนนให้นักชกไทย ชนะขาดลอย 5-0 เสียง ฟอร์มอันสวยงามนี้ส่งให้ "เจ้าแต้ว" เข้ารอบ 8 คนสุดท้าย เจอกับ คาโรไลน์ ดูบัวส์ จากสหราชอาณาจักร โดยหากชนะได้อีกไฟต์ ก็จะตุนเหรียญทองแดงมาไว้ในมือเป็นอย่างน้อย
 
#2015



นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ลงนามออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดสรรเส้นทางบินให้กับผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือนในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564

โดยได้ทำการปลดล็อคเปิดโอกาสให้สายการบินสามารถขออนุญาตทำการบินเข้า-ออกสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา –ระยอง- พัทยา เพิ่มเติม จากเดิมที่กำหนดให้มีสายการบินให้บริการได้ไม่เกิน 3 ราย เพราะสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา -ระยอง -พัทยา เป็นเส้นทางสายย่อย ที่มีผู้โดยสารใช้บริการไม่ถึง 1 แสนคนต่อปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 ต.ค. 2564 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง


สำหรับการออกประกาศดังกล่าว เพื่อต้องการเพิ่มทางเลือกและบรรเทาปัญหาการเดินทางให้กับผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาและเพื่อประโยชน์สาธารณะ ในการส่งเสริมให้มีการใช้บริการขนส่งทางอากาศที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

รวมถึงช่วยบรรเทาผลกระทบของสายการบินให้สามารถดำรงสถานะทางการเงินและให้บริการประชาชนต่อไปได้ ในช่วงที่สายการบินไม่สามารถบินรับ-ส่งผู้โดยสาร เข้าหรือออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ซึ่งรัฐบาลประกาศควบคุมเที่ยวบินเข้าออก ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อยกระดับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค

นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้สายการบินใดสนใจที่จะทำการบินที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ก็สามารถยื่นขออนุญาตได้มากกว่า 3 สายการบิน โดยจะเป็นการอนุญาตให้บินแบบประจำ มีกำหนดเวลาการทำการบินรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งขณะนี้กำหนดให้บินจนถึงแค่วันที่ 30 ต.ค.2564


อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสายการบินนกแอร์ได้แจ้งขอเริ่มทำการบินที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยยื่นขอจำนวน 5 เส้นทาง คือ เชียงใหม่ สกลนคร อุดรธานี อุบลราชธานี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช อีกทั้งล่าสุดสายการบินไทยเวียตเจ็ท ได้แจ้งขอเปิดทำการบินเช่นกัน โดยจะเริ่มทำการบินเที่ยวแรก วันที่ 2 ส.ค. นี้ รวม 1 เส้นทาง คือ อู่ตะเภา-ภูเก็ต

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ท่าอากาศยานอู่ตะเภามีสายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ และบางกอกแอร์เวย์ส ทำการบินอยู่ก่อน และได้ยกเลิกการทำการบินชั่วคราวไปอย่างไม่มีแผนกำหนด ว่าจะกลับมาเปิดบินอีกครั้งเมื่อไหร่ ขณะที่สายการบินไทยสมายล์ ไม่สนใจที่จะเข้ามาทำการบินเนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีสถานีให้บริการภาคพื้นที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
#2016



นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือ  KKP แถลงผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 ในงานแถลงข่าวรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมว่า ภาพรวมธุรกิจของทั้งกลุ่มธุรกิจฯ เติบโตได้ดี ทั้งในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุน มีกำไรสุทธิ 2,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับปี 2563 ในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อขยายตัวขึ้นร้อยละ 6.6 จากเมื่อสิ้นปี 2563 โดยเฉพาะในกลุ่มของสินเชื่อที่มีหลักประกัน (collateralized) เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หรือสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับรายย่อย หรือสินเชื่อสำหรับบรรษัทกลุ่มที่มีเครดิตดี นับเป็นผลสำเร็จจากกลยุทธ์การเติบโตอย่างระมัดระวัง ซึ่งช่วยรักษาผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เช่นเดียวกัน ในส่วนของธุรกิจตลาดทุน มีผลประกอบการที่ดีในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ซึ่งยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งและได้รับผลดีจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและธุรกิจจัดการกองทุน ที่มีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำหรือการจัดการเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 และร้อยละ 12 ตามลำดับ ธุรกิจวาณิชธนกิจ ที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมของการดำเนินการธุรกรรมขนาดใหญ่ในครึ่งปีแรกเสร็จสิ้น และธุรกิจการลงทุนโดยตรงที่มีรายได้เบ็ดเสร็จกว่า 1,103 ล้านบาท

 "ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรโดยรวมมีความแข็งแรงจากแหล่งที่มารายได้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะธุรกิจตลาดทุนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากเท่าภาคส่วนอื่นๆ ของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นมาตรการเชิงป้องกันต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดซึ่งยังมีความไม่แน่นอนและอาจกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในอนาคต ธนาคารจึงยังคงตั้งสำรองอยู่ในระดับที่สูง โดยสำหรับไตรมาส 2/2564 เป็นจำนวน 1,378 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ได้มีการพิจารณาตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในระยะที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดว่าส่งผลกระทบไม่สม่ำเสมอกันสำหรับลูกค้าในแต่ละกลุ่ม กลุ่มธุรกิจฯ จึงยังตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อรวมแบบระมัดระวัง ในกลุ่มที่มีศักยภาพที่ร้อยละ 8-12 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสินเชื่อกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ อีกทั้งยังเตรียมพร้อมสำหรับการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่"

ด้านนายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (Mr.Philip Chen Chong Tan, President, Kiatnakin Phatra Bank Public Company Limited) ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ว่า "ในสถานการณ์โควิด-19 การรักษาการเติบโตในสินเชื่อกลุ่มที่มีคุณภาพและมีความสามารถที่จะชำระหนี้จะช่วยรักษาอัตราผลตอบแทนของพอร์ตสินเชื่อรวมให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ดังนั้น กลยุทธ์ด้านสินเชื่อของธนาคารคือการเติบโตแบบระมัดระวังในกลุ่มที่มีศักยภาพ ควบคู่ไปกับการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังสำหรับผลขาดทุนด้านเครดิต และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น สิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญอย่างมาก ก็คือการให้ความช่วยเหลือกับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ไม่ว่าสินเชื่อรายย่อย หรือสินเชื่อธุรกิจ โดยเฉพาะภายใต้สมมติฐานว่าสถานการณ์อาจดำเนินติดต่อไปเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้ ธนาคารได้ใช้ข้อมูลการชำระหนี้ของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาออกแบบมาตรการช่วยเหลือที่ตอบโจทย์ที่สุด โดยปัจจุบัน ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในทุกประเภทสินเชื่อคิดเป็นกว่าร้อยละ 40 ของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร"

นายปรีชา เตชรุ่งชัยกุล ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (Mr. Preecha Techarungchaikul, Head of Finance and Budgeting, Kiatnakin Phatra Bank Public Company Limited) ให้รายละเอียดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2564 ว่า "กลุ่มธุรกิจฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากครึ่งปีแรก 2563 โดยเป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน จำนวน 936 ล้านบาท ในส่วนของ ปริมาณการตั้งสำรองสำหรับปี 2564 มีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ร้อยละ 160.1 นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิรวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 7,624 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 3,726 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 จากครึ่งปีแรก 2563 และธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio)คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ร้อยละ 17.89 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1จะเท่ากับร้อยละ 13.51"
#2017



นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์   รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมทูตพาณิชย์ ทูตเกษตร และผู้ประกอบการส่งออกผลไม้  ผู้ประกอบการด้านขนส่งโลจิสติกส์ รวมทั้งภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาการขนส่งผลไม้ส่งออก ว่า  ขณะนี้การส่งออกมังคุดข้ามแดนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ประสบปัญหารถบรรทุกผลไม้ไทยติดค้างที่ด่านเวียดนามก่อนเข้าจีน ที่ด่านโหยวอี้กว่าน หลาย 100 คันเป็นเวลาหลายวัน จึงมีผลกระทบต่อการส่งออกมังคุดไปยังประเทศจีน ขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วหลังจากทูตเกษตร-ทูตพาณิชย์ได้เจรจากับทางการจีนและร่วมกันแก้ปัญหาทำให้การจราจรเริ่มดีขึ้น

ทั้งนี้ผู้ส่งออกส่วนใหญ่ส่งออกผ่าน"ด่านโหยวอี้กว่าน "  ซึ่งด่านนี้มีศักยภาพจำกัดเพราะมีช่องทางผ่านเต็มที่แค่ 67 ช่องทาง ทางการจีนประสงค์ให้ไทยไปใช้บริการที่ด่านตงซิงและด่านรถไฟผิงเสียงมากขึ้น หากไปใช้อีก 2 ด่านมากขึ้นจะได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำการอำนวยความสะดวกให้ เพราะ"ด่านตงซิง"ซึ่งเป็นด่านรถบรรทุกมีรถของไทยไปใช้บริการแค่วันละ 10-20 คัน ยังมีศักยภาพรองรับอีกเป็นจำนวนมาก  ตนจึงได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์คุยกับสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทยและผู้เกี่ยวข้องในการหาลู่ทางใช้"ด่านตงซิง"กับ"ด่านรถไฟผิงเสียง"มากขึ้น

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  ส่วนปัญหาเรื่องล้งรับซื้อผลไม้กับแรงงานที่ไปกับล้ง  เนื่องจากล้งส่วนใหญ่รับซื้อผลไม้อยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ขณะนี้หมดฤดูแล้วซึ่งจำหน่ายได้ราคาดีมากถึงกิโลกรัมละ 100-200 บาท แต่ช่วงเวลานี้มังคุดภาคใต้ออกเยอะกว่าหลายปีที่ผ่านมากับเกิดการล็อกดาวน์จากปัญหาโควิด ล้งจากจังหวัดจันทบุรีพร้อมแรงงานติดปัญหาในการเคลื่อนย้ายไปที่นครศรีธรรมราชและชุมพรไม่ได้ จึงได้หารือร่วมกันกับผู้ว่าจังหวัดจันทบุรี จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดชุมพร พร้อมกันผ่านทางโทรศัพท์ (Phon in)  โดยทั้ง 3 จังหวัดได้รับทราบปัญหาแล้ว และได้มีการดำเนินการอนุญาตให้ล้งและแรงงานจากจันทบุรีสามารถเคลื่อนย้ายไปรับซื้อมังคุดที่นครศรีธรรมราชและจังหวัดชุมพรจังหวัดอื่นๆที่ต้องการได้โดยมอบหมายให้ จัดหางานจังหวัดและสาธารณสุขจังหวัดร่วมกันดำเนินการซึ่งภาคเอกชนพอใจมากและตัวแทนล้งรวมทั้งสมาคมล้งแจ้งให้ทราบว่าหลังการประชุมจะรีบประชุมล้งในการรีบเคลื่อนย้ายล้งไปเพิ่มจากปัจจุบันที่มีประมาณ 100 ล้ง

ส่วนมาตรการอื่น ๆก็ได้มีการสนับสนุนให้ล้งที่ไปรับซื้อหรือกลุ่มเกษตรกรที่รวบรวมมังคุดกิโลกรัมละ 3 บาท และสำหรับผู้รวบรวมส่งออกกิโลกรัมละ 5  จัดทำกล่องบรรจุมังคุด 200,000  กล่องไปให้ไปรษณีย์กับกลุ่มเกษตรกรที่ต้องการ และจะร่วมรณรงค์ให้คนไทยบริโภคมังคุดมากขึ้น พร้อมประสานงานกับห้างโมเดิร์นเทรด เช่น แม็คโคร บิ๊กซีเทสโก้ รวมทั้งปั๊มปตท.และบางจากเปิดพื้นที่รับมังคุดจากเกษตรกรมาจำหน่าย   ใช้เกษตรพันธสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้ผู้ส่งออกหรือผู้ค้ามังคุดทำสัญญากับเกษตรกรล่วงหน้ามีเป้าหมาย 20,000 ตันขณะนี้ทำสัญญาล่วงหน้าแล้ว 17,600 ตัน นอกจากนี้ยังได้ประสานกับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก หรือ ททบ. 5 รณรงค์ขายมังคุด ผ่านแพลตฟอร์ม Ohlala shopping  และให้เซลล์แมนจังหวัดระบายมังคุดไปยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งมีการระบายแล้วทั้งพิษณุโลก เชียงใหม่ เชียงราย และจังหวัดอื่นๆ ช่วงที่ผ่านมาถึง 200 ตันและมาตรการสุดท้าย ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสินิตย์ เลิศไกร นำคณะเดินทางไปในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับจังหวัดร่วมกับกลุ่มเกษตรกรช่วยคลี่คลายปัญหา
#2019


นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2564 โดยมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 11,250,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 45,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท

จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 113,538,062 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่เป็นจำนวน 124,788,062 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 499,152,248 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท


นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 45,000,000 หุ้นเพื่อเสนอขายในคราวเดียวกันหรือต่างคราวกันให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 72/2558 เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทจดทะเบียนเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจำกัด ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.30 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวม 148,500,000 บาท ได้แก่

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 15,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ บริษัท ไท่เว่ ไบโอเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 18,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นางละออ ตั้งคารวคุณ

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 6,000,000 หุ้น มูลค่ที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นายวิชัย ด่านรัตน

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 6,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นางนธีรา บริรักษ์คูเจริญ

โดยวัตถุประสงค์ของการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน และเพื่อรองรับกับความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และรองรับการขยายกิจการในอนาคต โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ในการขยายธุรกิจหลักของบริษัทและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นตามแผนการลงทุนของบริษัท และเพื่อเสริมสภาพคล่องและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนในไตรมาส 4 ของปี 2564 เป็นต้นไป

ในการนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 13 ก.ย.2564 เวลา 10.00 - 12.00 น. ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยถ่ายทอดสด ณ ห้องประชุม สำนักงานใหญ่ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 56/9-10 ซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 12/ ณนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 16 ส.ค.2564 (Record Date)
#2020



ลิเวอร์พูล เผยว่า เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังคนสำคัญว่าจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเกมอุ่นเครื่องกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน วันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้

แนวรับชาวดัตช์ ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าอย่างหนักตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว ทำให้เขาต้องพักยาวตลอดทั้งฤดูกาล แม้กลับมาซ้อมได้พักใหญ่แต่ก็ยังไม่ได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องสามเกมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามล่าสุด ลิเวอร์พูล ยืนยันผ่านเว็บไซต์สโมสร ระบุว่า ฟาน ไดจ์ค มีสภาพร่างกายที่ดีพอจะกลับคืนสนามในเกมอุ่นเครื่องพบ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน วันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่ โจ โกเมซ กองหลังอีกคนที่พักยาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ก็ใกล้ที่จะกลับคืนสนามได้แล้วเช่นกัน

ลิเวอร์พูล ลงอุ่นเครื่องมาแล้ว 3 นัด เสมอ วัคเกอร์ อินน์สบรู๊ค และสตุ๊ตการ์ท 1-1 ซึ่งเป็นรูปแบบมินิเกม 30 นาที เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม ต่อด้วยเกมปกติ 90 นาที เอาชนะ ไมนซ์ 1-0 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และจะเล่นเกมต่อไปเจอกับ แฮร์ธ่า ที่ติโวลี่ สตาดิโอน ติโรล วันที่ 29 กรกฏาคมนี้