• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Fern751

#3761


รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ก.ล.ต.ได้รับรายงานการได้มา หุ้นของ บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR โดย นางสาว ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2564 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 18.3781% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 18.3781% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา ของกลุ่มคิดเป็น 18.3781% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา ของกลุ่มคิดเป็น 18.3781% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ทั้งนี้เป็นการทำธุรกรรมผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นการซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) จากนายศึกษิต เพชรอำไพ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 และยื่นแบบรายงานต่อ ก.ล.ต.ในวันที่ 2 ส.ค. ราคาเฉลี่ย 1.40 บาทต่อหุ้น จำนวนหลักทรัพย์ 100 ล้านหุ้น

นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังได้รับรายงานการจำหน่ายหุ้น SOLAR โดย นายศรีศักร เดชกิจวิกรม ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ซึ่งเป็นการจำหน่ายในวันเดียวกัน จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 6.944% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 3.7704% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

''ธุรกิจประกันชีวิต' ลั่นเงินกองทุนแกร่ง 329% พร้อมรับยอดเคลมโควิดพุ่ง
ขณะที่จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 6.944% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 3.7704% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ทั้งนี้เป็นการทำธุรกรรมผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน จำกัด (มหาชน) และยื่นแบบรายงานต่อ ก.ล.ต.ในวันที่ 3 ส.ค. จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย 37,784,200 หุ้น หรือ 6.9440% ส่งผลให้ นายศรีศักร เหลือถือหุ้น SOLAR จำนวน 20,515,800 หุ้น หรือ 3.7704%
#3762


โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวนด์ทะลุด่าน 1,550 เล็งกำไร บจ.ขับเคลื่อน ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ยังหนัก ส่วนเงินบาทยังอ่อนค่า

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวนด์ต่อทดสอบแนว 1,550 จุด แต่หากยังไม่ผ่านอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรสลับออกมา โดยมีกำไรของบริษัทจดทะเบียนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ท่ามกลางแรงกดดันจากโควิด-19 ยังหนักวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 20,000 รายทำนิวไฮ ขณะที่เงินบาทยังอ่อนค่า

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เพราะยังเผชิญกับโควิด-19 ที่ยังระบาดหนักเช่นกัน ทำให้เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนคงจะยังอยู่ทางฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป

ทิศทางตลาดบ้านเราคงจะแกว่งแคบจนกว่าจะมีสัญญาณชัดเจน คาดว่านักลงทุนจะเลือกลงทุนเฉพาะตัว เน้นกลุ่มกำไรดี อย่างกลุ่มส่งออก ขนส่ง เดินเรือ ซึ่งได้รับประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าด้วย

วันนี้ยังต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) การทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯ ตลาดเชื่อว่าจะออกมาลดลง

พร้อมให้แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550-1,560 จุด
#3763


ดิ เอเชียน แบงเกอร์ (The Asian Banker) ยกย่อง "บัณฑูร ล่ำซำ" เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดช่วงการดำรงตำแหน่ง สามารถขับเคลื่อนองค์กรให้ผ่านพ้นวิกฤติ มุ่งดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง เป็นองค์กรที่ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ริเริ่มขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นหนึ่งในธนาคารแห่งความยั่งยืนระดับโลก จนประสบความสำเร็จตลอด 40 ปีที่ได้บริหารธนาคารกสิกรไทย

ดิ เอเชียน แบงเกอร์ วารสารเศรษฐกิจการเงินชั้นนำของเอเชีย ได้ประกาศเกียรติคุณมอบรางวัล The Asian Banker Leadership Achievement Awards 2021 for Lifetime Achievement in Leadership in the Financial Services Industry ให้แก่นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ (Chairman Emeritus) ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะผู้นำที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดช่วงดำรงตำแหน่งในธนาคาร นับเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลเกียรติยศนี้

ทั้งนี้ รางวัลนี้นับได้ว่าเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดรางวัลหนึ่ง เนื่องจากเป็นการให้การยอมรับต่อบุคคลที่ได้ก้าวล้ำหน้าไปในแวดวงของตนเอง และดำรงความมีชื่อเสียง ความสามารถและความสำเร็จอย่างโดดเด่นตลอดมา เป็นการสร้างเกณฑ์มาตรฐานสำหรับวัดถึงผลสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้ ผู้ที่เคยได้รับรางวัลดังกล่าวในอดีตต่างเป็นผู้ที่ได้มีส่วนสำคัญในการก่อร่างสร้างองค์กรที่เข้มแข็ง และในบางกรณีก็เป็นบุคคลที่ได้สร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นในประเทศของตน

วารสาร The Asian Banker มอบรางวัลนี้ให้แก่บุคคลที่ไม่เพียงแต่ปฏิรูปองค์กรที่ตนเองทำงานอยู่เท่านั้น แต่ยังได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญให้แก่อุตสาหกรรมการให้บริการทางการเงินในประเทศและภูมิภาคด้วย ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านผลงานและภาวะผู้นำ อีกทั้งบุคคลที่ได้รับรางวัลนี้ยังมีคุณลักษณะที่ประกอบด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ความซื่อสัตย์สุจริต ความสำเร็จที่น่าประทับใจและเชาว์ปัญญาที่เฉียบแหลม ซึ่งกำลังถูกมองข้ามไปในวงการธุรกิจปัจจุบัน ผลงานความสำเร็จได้รับการยอมรับทั้งจากพันธมิตรและคู่แข่งในตลาด

ในช่วงที่ผ่านมา บุคคลที่เคยได้รับรางวัลนี้ล้วนเป็นผู้นำในแวดวงการเงินของแต่ละประเทศในเอเชีย อาทิ ดร.โจว เสี่ยวชวน อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศจีน (Dr. Zhou Xiaochuan, former Governor of People's Bank of China), ดร.เซติ อัคตาร์ อาซิซ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศมาเลเซีย (Dr. Zeti Akhtar Aziz, former Governor of Bank Negara Malaysia), มร.อแมนโด้ เอ็ม. เตตังโก้ จูเนียร์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศฟิลิปปินส์ (Mr. Amando M. Tetangco Jr, former Governor of Bangko Sentral ng. Pilipinas), มร.หลิว หมิงคัง อดีตประธานคณะกรรมการกำกับธนาคารแห่งประเทศจีน (Mr. Liu Mingkang, former Chairman of China Banking Regulatory Commission)

ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้พิจารณารางวัลมีความเห็นว่า วิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำเชิงยุทธศาสตร์ของนายบัณฑูร ตลอด 40 ปีที่ได้บริหารงานในธนาคารกสิกรไทย ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของไทย ได้ปรับเปลี่ยนให้ธนาคารกสิกรไทยกลายเป็นองค์กรตัวอย่าง ซึ่งได้รับการยกย่องและยอมรับอย่างกว้างขวาง ตลอดช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดในธนาคาร และยังสามารถขับเคลื่อนองค์กรให้ผ่านพ้นวิกฤติและความท้าทายนานัปการ ทำให้ธนาคารสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง ทั้งยังเป็นองค์กรที่ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ดำเนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ริเริ่มขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นหนึ่งในธนาคารแห่งความยั่งยืนระดับโลก

https:// m.mgronline.com/stockmarket/detail/9640000075745
#3764


ผ่านไปแล้วสำหรับศึกที่คนไทยตั้งตารอคอย ONE: BATTLEGROUND ซึ่งจัดขึ้นที่ สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา จบลงด้วยการสถาปนาแชมป์โลก ONE ชาวไทยคนใหม่คนที่ 9 ชื่อ "พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม"

คู่เอกชูโรงของศึกนี้เป็นการเผชิญหน้าของสองนักมวยฝีมือระดับพระกาฬต่างยุค "สามเอ ไก่ย่างห้าดาว" ราชา ONE สองบัลลังก์ ปะทะดาวรุ่งพุ่งแรงรุ่นน้องอายุห่างกัน 11 ปีที่หาตัวจับยากอย่าง"พระจันทร์ฉาย
พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม" โดยมีตำแหน่งแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต (52.3-56.7 กก.) ของ สามเอ เป็น. โดยทั้งคู่พบกันในกติกามวยไทย 5 ยก สวมนวม MMA

ยกแรก ตะวันฉาย เป็นฝ่ายเดินบุก โชว์เทคนิคการใช้หมัดชุดยอดเยี่ยม ถึงกับทะลวงการ์ดปาดเข้าเต็มคาง สามเอ จนได้นับไปก่อน ยก 2-3 พระจันทร์ฉาย ยังคงออกอาวุธหมัดอย่างเข้าเป้า ด้าน สามเอ มีแข้งซ้ายหนักหน่วง แต่นักมวยรุ่นน้องชิงความไวและหลบหลีกคล่องตัว รูปเกมสองยกหลัง สามเอ เร่งเครื่องทำแต้มคืน พละกำลังยังมีเหลือ ได้ลูกกวาดและทุ่ม พระจันทร์ฉาย ลงพื้นหลายที แถมเข้าแลกวงใน ใช้อาวุธหมัดและแข้งซ้ายหนักจัดการรุ่นน้องที่เริ่มอ่อนล้าลงอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตามเมื่อรวมคะแนนครบ 5 ยก กรรมการชูมือให้ "พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม" ชนะคะแนนเสียงข้างมาก (ชนะ 2 เสมอ 1) สถาปนาเป็นแชมป์โลก ONE คนที่ 9 ในประวัติศาสตร์

ด้านคู่รอง ฮีโรชาวเมียนมา "ออง ลา เอ็น ซาง" กลับมากู้ศรัทธาเพื่อไต่อันดับกลับสู่บัลลังก์ รุ่นมิดเดิลเวต (84.0 - 93.0 กก.) โดยต้องเผชิญหน้ากับ "ลีอันโดร อาตาอิส" นักสู้จอมแกร่งจากแดนแซมบ้า ในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน 3 ยก หลังเปิดเกมยกแรกทั้งคู่แลกหมัดเตะกันทันที ลีอันโดร ได้จังหวะเทกดาวน์ ออง ลา ลงพื้น แต่ฮีโรเมียนมาก็ฝืนขึ้นมาอยู่ในเกมยืนที่ถนัดได้ ก่อนจะรุกหนักจัดวงในกระทุ้งเข่าและถลุงหมัดจนอีกฝ่ายถึงกับร่วง คว้าชัยน็อกเอาต์ในนาทีที่ 3.45 ของยกแรก

สรุปผลการแข่งขัน

พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ชนะคะแนนเสียงข้างมาก สามเอ ไก่ย่างห้าดาว (ชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต)

ออง ลา เอ็น ซาง ชนะน็อก ลีอันโดร อาตาอิส นาทีที่ 3:45 ของยกแรก (การต่อสู้แบบผสมผสาน แคตช์เวต 95.8 กก.)

กุสตาโว บาลาร์ต ชนะคะแนน เรียวโตะ ซาวาดะ (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นสตรอว์เวต)

ริตู โฟกาต ชนะคะแนน หลิน เฮอจิน (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นอะตอมเวต)

เจเรมี ปาคาทิว ชนะคะแนน เฉิน เร่ย (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นแบนตัมเวต)

วิกตอเรีย ลี ชนะซับมิชชัน (Armbar) หวัง ลู ปิง นาทีที่ 3:22 ของยกแรก (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นอะตอมเวต)
#3765


ความคืบหน้าล่าสุด มาตรการเยียวยา "ประกันสังคม มาตรา 40" สำหรับผู้มี "อาชีพอิสระ" ตามมติ ครม. ที่จะให้การเยียวยาแรงงานนอกระบบ หรือ อาชีพอิสระ ที่อยู่ใน 9 กลุ่มอาชีพ 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นเงิน 5,000 บาท โดยมีเงื่อนไข คือ จะต้องเข้าระบบประกันสังคม เป็น "ผู้ประกันตน ม.40" เสียก่อนนั้น 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ก.ค.64 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้ให้สัมภาษณ์กับ "เนชั่นทีวี" โดยเปิดเผยถึงความจำเป็นที่จะต้องมาสมัครเข้าระบบประกันสังคมก่อน ก็เพื่อยืนยันตัวถึงพื้นที่ที่ประกอบอาชีพอยู่ เนื่องจากการเยียวยาครั้งนี้ เฉพาะกลุ่มแรงงานที่ประกอบอาชีพใน 13 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

"การสมัครเข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อจะได้มีข้อมูล เช่น คนมีบ้านอยู่ จ.อุดรธานี แต่มาขับรถในกทม. ก็ต้องสมัครที่ กทม. หรือทำงานในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม เพื่อเราจะได้รู้" รมว.แรงงาน กล่าว

พร้อมกันนี้ได้แจ้งว่า การสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 จะสมบูรณ์ตามกฎหมายได้คือต้องชำระเงิน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายกำหนด ต้องเสียค่าสมัครเพื่อให้เป็นผู้ประกันตนสมบูรณ์แบบ จึงขอให้ผู้ที่สมัครผ่าน www.sso.go.th อย่าลืมไปชำระเงิน เพื่อไม่พลาดการรับสิทธิ์


ขณะเดียวกัน ก็ได้อัพเดทความคืบหน้าของการจ่ายเงินเยียวยา แก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 40 ว่า นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้สมัครวันที่ 14 ก.ค. จนถึง 31 ก.ค. 64 รวมแล้วกว่า 2.8 ล้านคน โดยแม้จะตัดยอดรายชื่อที่จะได้รับเงินเยียวยาแล้ว แต่ได้ "ขยายเวลาการชำระเงิน" ที่ผู้สมัครจะต้องไปจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพื่อยืนยันการเป็นผู้ประกันตนออกไป เพื่อให้ผู้สมัครใหม่มีเวลาไปจ่ายเงินได้ทัน ก่อนจะทำการรวมยอดและประมวลผลในวันที่ 2 ส.ค. 64

ทั้งนี้ นายสุชาติ ได้เปิดเผยถึงลำดับเวลา "ไทม์ไลน์การจ่ายเงินเยียวยา" ให้กลุ่มผู้ประกันตน ม.40 ว่า จะเริ่มต้นจากการที่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประชุมร่วมกับคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ กับกระทรวงการคลัง จากนั้นจะมีการเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมครม. ในวันอังคารที่ 10 ส.ค. 64

เมื่อผ่านการอนุมัติจากที่ประชุม ครม. ก็จะทำเรื่องส่งกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และโอนมาให้กระทรวงแรงงาน ก่อนจะทำการจ่ายเงินผ่าน "พร้อมเพย์" ที่ผูกกับบัตรประชาชน ซึ่งคาดว่าจะจ่ายได้ประมาณวันที่ 20 ส.ค. เป็นต้นไป

สำหรับ "แรงงานอิสระ" ที่เพิ่งสมัครเข้าระบบประกันสังคม ม.40 รายใหม่ และอยากทราบว่า ชื่อของตนเอง เข้าสู่ระบบประกันสังคมหรือยังนั้น 

สำนักงานประกันสังคม ให้ข้อมูลว่า การสมัครเป็น "ผู้ประกันตนตาม มาตรา 40" จะมีสถานะความเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมาย เมื่อจ่ายเงินสมทบงวดแรกแล้ว เท่านั้น

โดยผู้ประกันตนทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33,39 หรือ มาตรา 40 ต่างก็สามารถ ตรวจสอบสถานะ การเป็นผู้ประกันตนด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ผ่านระบบ อีเซอร์วิส ของประกันสังคม ผ่านเว็บไซต์ของประกันสังคม  คลิกที่นี่

หากมีข้อสงสัยสอบถามสายด่วนประกันสังคม 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ คุณสมบัติของ "แรงงานอิสระ" หรือผู้ประกอบ "อาชีพอิสระ" ที่จะสมัครประกันสังคม มาตรา 40 ได้มีดังนี้ 

- มีสัญชาติไทย
- อายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
- แรงงานอิสระหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- ไม่เป็นลูกจ้างในบริษัท ห้างร้าน โรงงาน (ม.33)
- ไม่เป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ  (ม.39)
- ไม่เป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- ผู้ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยขึ้นต้นด้วยเลข 0,6,7 (ยกเว้นขึ้นต้นด้วย000)
- ผู้พิการที่รับรู้สิทธิก็สมัครได้

โดยผู้ประกันตน สามารถเลือกจ่ายเงินสมทบได้ 3 ทางเลือก ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ ที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

ทางเลือกที่ 1 จ่าย 70 บาท : เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต
ทางเลือกที่ 2 จ่าย 100 บาท : เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ
ทางเลือกที่ 3 จ่าย 300 บาท : เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ สงเคราะห์บุตร
ทั้งนี้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดหนัก และเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงได้สั่งการให้ลดการจ่ายเงินสมทบ จากเดิมการจ่ายเงินสมทบ สำหรับ ประกันสังคมมาตรา 40 มีด้วยกัน 3 ทางเลือก คือ  70 บาท, 100 บาท และ 300 บาท แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด ได้มีการปรับลดอัตราเงินสมทบ 40% เป็นเวลา 6 เดือน (1 ส.ค.64 - 31 ม.ค.65) เหลือเป็นเงินที่ต้องจ่ายสมทบ คือ 42 บาท, 60 บาท และ 180 บาท ตามลำดับ 

   

ที่มา : สำนักงานประกันสังคม
#3766


"โรบินฮู้ด" แพลตฟอร์มฟูดเดลิเวอรีสัญชาติไทย มุ่งมั่นช่วยเหลือ "คนตัวเล็ก" อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ส่งแคมเปญใหม่ "เหมาจ่ายค่าส่งอัตราพิเศษ 5 กิโลเมตรแรก 10 บาท" เป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 3-16 สิงหาคม 2564 เพิ่มเติมจากนโยบายหลักของโรบินฮู้ดที่ไม่เก็บ GP ร้านค้า หวังช่วยต่อลมหายใจร้านเล็กให้มีออเดอร์ มีรายได้พยุงธุรกิจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพิ่มโอกาสในการสร้างงานสร้างรายได้ให้ไรเดอร์

นายสีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ผู้พัฒนาและให้บริการ "โรบินฮู้ด" แพลตฟอร์มฟูดเดลิเวอรีสัญชาติไทย กล่าวว่า จากมาตรการพิเศษส่งฟรีทุกออเดอร์ในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ช่วยกันสั่งอาหารจากร้านค้าโดยเฉพาะร้านเล็กๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เราสามารถช่วยร้านที่ไม่เคยมีออเดอร์มาก่อนและร้านที่เพิ่งสมัครเข้ามาใหม่ได้ถึง 18,000 ร้าน นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ผู้ที่สนใจด้วยการรับไรเดอร์ใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 10,000 คน และเมื่อรวมค่าอาหารที่ลูกค้าสั่งและค่ารอบที่ไรเดอร์ได้รับตลอดระยะเวลามาตรการ ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 600 ล้านบาท

"แม้ว่ามาตรการพิเศษที่ผ่านมาโรบินฮู้ดจะสามารถช่วยเหลือคนตัวเล็กได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังให้บริการลูกค้าได้ไม่ดีพอ ซึ่งทีมงานได้นำเอา feedback ที่ได้จากร้านค้า ลูกค้า และไรเดอร์มาปรับปรุงและพัฒนาเพื่อให้การบริการดีขึ้นทั่วถึงขึ้น จนเป็นแคมเปญล่าสุด "เหมาจ่ายค่าส่งอัตราพิเศษ 5 กิโลเมตรแรก 10 บาท" เป็นระยะเวลา 14 วัน เพิ่มเติมจากนโยบายหลักของโรบินฮู้ดที่ไม่เก็บ GP ร้านค้า มุ่งเน้นช่วยเหลือร้านเล็กใกล้บ้าน รวมถึงช่วยไรเดอร์ให้มีงานมีรายได้จากการส่งอาหารอย่างต่อเนื่อง เราหวังว่าทุกออเดอร์จากแคมเปญนี้จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ลูกค้าได้มีส่วนช่วยกันสนับสนุนร้านเล็กให้รอดไปด้วยกัน" นายสีหนาท กล่าวทิ้งท้าย
#3767


นายณัฎฐา คหาปนะ รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสำนักงานไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ค่อนข้างไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงยังคงมีความต้องการอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจ แต่กำลังซื้อของคนกลุ่มนี้ไม่ลดลง ทำให้บางโครงการสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลาไม่นาน เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการลงทุนพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง


" แม้ทิศทางของตลาดบ้านจะมียอดขายดี แต่การที่มีอุปทานใหม่เข้ามาเพิ่มเกินความต้องการอาจจะทำให้ตลาดชะลอตัวได้ เนื่องจากตลาดบ้านหรูยังเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเล็กและอุปสงค์ของตลาดกลุ่มนี้ยังคงมีเพียงจำกัด "


อุปทานบ้านในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ที่ได้รับการอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดิน (ทั้งโครงการ) พบว่าการอนุญาตจัดสรรที่ดินสำหรับกลุ่มบ้านที่มีระดับราคาขาย 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่ปี 2560 ถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2564 มีอยู่ในช่วงปีละตั้งแต่ 1,489 หน่วย จนถึง 2,278 หน่วย โดยจำนวนใบอนุญาตจัดสรรในปี 2561 มีจำนวนสูงสุด คือ 2,669 หน่วย ส่วนในระยะเวลา 5 เดือนของปีนี้พบว่ามีใบอนุญาตจัดสรรที่ดินในกลุ่มบ้านที่มีระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป อยู่ที่ 578 หน่วย


จำนวนหน่วยเหลือขายของโครงการบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ณ ครึ่งปีแรกของปี 2564 มีทั้งสิ้น 224 โครงการ มีหน่วยสะสมจำนวนทั้งสิ้น 20,018 หน่วย และขายไปได้ทั้งสิ้น 13,276 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 66 โดยอัตราการขายเพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งมีอัตราการขายอยู่ที่ร้อยละ 30 และปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการขายเพิ่มมาอยู่ที่ร้อยละ 66 ในครึ่งปีแรกของปี 2564

นายณัฎฐา ระบุ จำนวนหน่วยขายได้ใหม่ในครึ่งปีแรก 2654 พบว่ามีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ทั้งสิ้น 1,610 หน่วย ซึ่งเป็นหน่วยขายได้ที่มีจำนวนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่เฉลี่ยประมาณ 2,500 หน่วยต่อปีเท่านั้น และคาดว่าในครึ่งปีหลังของปี 2564 นี้ จำนวนหน่วยขายได้ใหม่จะเพิ่มสูงขึ้นเกือบประมาณ 3,000 หน่วย

บ้านที่มีระดับราคาขายระหว่าง 10-20 ล้านบาท มีอุปสงค์สูงสุดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7,218 หน่วย รองลงมาคือบ้านที่มีระดับราคาขายระหว่าง 21 – 30 ล้านบาท และ 31 – 40 ล้านบาท มีอุปสงค์อยู่ที่ 2,612 หน่วย และ 1,871 หน่วยตามลำดับ ในส่วนของอัตราการขายที่สูงสุด คือ บ้านระดับราคาสูงกว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากอุปทานที่มีอยู่จำกัด ทำให้อัตราการขายสูงที่สุด ซึ่งมีอัตราการขายอยู่ในอัตราร้อยละ 83 รองลงมาได้แก่ บ้านระดับราคาระหว่าง 21 – 30ล้านบาท และ ระดับราคา 51 – 60 ล้านบาท มีอัตราการขายอยู่ในอัตราร้อยละ 77 และ 74 ตามลำดับ ส่วนบ้านระดับราคา 61 – 70 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่มีอุปสงค์ต่ำที่สุดและอัตราการขายต่ำที่สุด

แนวโน้มสถานการณ์ตลาดบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ในครึ่งปีหลัง 2564 ยังมีสัญญาณที่ดีเมื่อเทียบกับตลาดอสังหาฯ ประเภทอื่น เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อบ้านในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจหดตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบจากการเข้มงวดสินเชื่อของธนาคาร เพราะเป็นกลุ่มที่มีความมั่งคั่งทางการเงินที่ยังสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ตามปกติและส่วนใหญ่จะซื้อด้วยเงินสดมากกว่าการขอสินเชื่อ แม้ในช่วงนี้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงก็ตาม


โดยในครึ่งปีหลังผู้ประกอบการรายใหญ่ค่อนข้างที่จะระมัดระวังการเปิดตัวโครงการใหม่และขยับขยายการพัฒนาโครงการแนวราบไปในบริเวณชานเมืองมากขึ้น เช่น โซนเหนือและตะวันตกของกรุงเทพฯ เพราะยังมีพื้นที่ให้เหลือพัฒนา อีกทั้งราคาที่ดินยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับในตัวเมือง เพราะพื้นที่ย่านชานเมืองมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากการพัฒนาถนน รถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ๆ การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ประเภทมิกซ์ยูส ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีการพัฒนาและกระจายออกไปยังพื้นที่บริเวณชานเมืองมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ซื้อสามารถเลือกทำเลที่อยู่อาศัยได้ตามความต้องการ

นอกจากรูปแบบบ้าน ทำเล คุณภาพที่มีผลต่อการตัดสินใจ สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง คือ สภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการรวมไปถึงสภาพแวดล้อมหน้าโครงการ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อได้เห็นถึงความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆ เป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยในการตัดสินใจของผู้ซื้อได้เร็วยิ่งขึ้น

"จากจำนวนผู้ประกอบที่มีการพัฒนาโครงการแนวราบและเปิดตัวโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แนวโน้มอุปทานของตลาดบ้านเพิ่มขึ้นและมีมากกว่าอุปสงค์ ทำให้เกิดภาวะการแข่งขันสูงเพราะตัวเลือกที่หลากหลายไม่สอดคล้องกับผู้ซื้อที่ค่อนข้างมีจำกัด อย่างไรก็ดีหากแต่สามารถพัฒนาโครงการที่มีจุดเด่น ออกแบบโครงการได้ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการต่อผู้อยู่อาศัยโครงการก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน"
#3768



พาส่องสถิติหวยออกวันที่ 1 ส.ค. ย้อนหลัง 10 ปี นักเสี่ยงโชคยิ้มหวาน พบ "เลขเด็ด" 82 ออกซ้ำ 2 รอบ ขณะที่ "เลขดัง" กับ "เลขมงคล" โผล่เพียบ

งวดวันที่ 1 ส.ค. 63
ข่าวแนะนำ
รางวัลที่ 1 คือ 569391
เลขท้าย 2 ตัว 92
เลขหน้า 3 ตัว 931, 575
เลขท้าย 3 ตัว 578, 809

งวดวันที่ 1 ส.ค. 62
รางวัลที่ 1 คือ 387006
เลขท้าย 2 ตัว 58
เลขหน้า 3 ตัว 983, 135
เลขท้าย 3 ตัว 795, 562

งวดวันที่ 1 ส.ค. 61
รางวัลที่ 1 คือ 386602
เลขท้าย 2 ตัว 78
เลขหน้า 3 ตัว 903, 832
เลขท้าย 3 ตัว 549, 726

งวดวันที่ 1 ส.ค. 60
รางวัลที่ 1 คือ 756519
เลขท้าย 2 ตัว 36
เลขหน้า 3 ตัว 061, 386
เลขท้าย 3 ตัว 787, 989

งวดวันที่ 1 ส.ค. 59
รางวัลที่ 1 คือ 272932
เลขท้าย 2 ตัว 57
เลขหน้า 3 ตัว 538, 983
เลขท้าย 3 ตัว 871, 472

งวดวันที่ 1 ส.ค. 58
รางวัลที่ 1 คือ 518677
เลขท้าย 2 ตัว 53
เลขท้าย 3 ตัว 333, 598, 648, 889

งวดวันที่ 1 ส.ค. 57
รางวัลที่ 1 คือ 766391
เลขท้าย 2 ตัว 82
เลขท้าย 3 ตัว 349, 576, 623, 637

งวดวันที่ 1 ส.ค. 56
รางวัลที่ 1 คือ 356435
เลขท้าย 2 ตัว 82
เลขท้าย 3 ตัว 880, 451, 718, 329

งวดวันที่ 1 ส.ค. 55
รางวัลที่ 1 คือ 895590
เลขท้าย 2 ตัว 50
เลขท้าย 3 ตัว 820, 599, 796, 745

งวดวันที่ 1 ส.ค. 54
รางวัลที่ 1 คือ 218756
เลขท้าย 2 ตัว 12
เลขท้าย 3 ตัว 703, 583, 660, 221.
#3769



สมาคมประกันวินาศภัยไทยเดินหน้าปรับเกณฑ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทน COVID-19 เพื่อเพิ่มผลประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัย

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยเปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน ซึ่งได้ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ภาครัฐต้องดำเนินการเพิ่มช่องทางการนำผู้ติดเชื้อ COVID-19 เข้าสู่ระบบการดูแลในรูปแบบของการดูแลผู้ติดเชื้อที่บ้าน (Home Isolation) และการดูแลผู้ติดเชื้อด้วยระบบชุมชน (Community Isolation) เพิ่มจากเดิมที่กำหนดให้เป็นการเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เท่านั้น

สมาคมฯ ได้มีการหารือกับสำนักงาน คปภ. และบริษัทสมาชิก ในการพิจารณาปรับเกณฑ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทน COVID-19 ให้เหมาะสมกับรูปแบบการดูแลผู้ติดเชื้อมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มผลประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัย ดังต่อไปนี้
1. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยหรือตรวจพบเชื้อ COVID-19 (แบบ เจอ จ่าย จบ) เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยแบบเจอ จ่าย จบ ได้กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อ COVID-19 ต้องแสดงหลักฐานใบรับรองแพทย์ประกอบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน อย่างไรก็ตาม ระบบการดูแลผู้ติดเชื้อในรูปแบบ Home Isolation และ Community Isolation ทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถขอใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลได้ และอาจทำให้การดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไม่ได้รับความสะดวกในสถานการณ์ปัจจุบัน
สมาคมฯ จึงได้ขอความร่วมมือจากบริษัทสมาชิกในการอนุโลมไม่ต้องเรียกเอกสารใบรับรองแพทย์จากผู้เอาประกันภัยในช่วงเวลานี้ โดยขอให้ใช้เพียงเอกสารการตรวจพบเชื้อ COVID-19 แบบ RT-PCR ของผู้เอาประกันภัย จากหน่วยงานตรวจหาเชื้อ COVID-19 ที่มีมาตรฐานและผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้สามารถยืนยันตัวตนของผู้ที่รับการตรวจหาเชื้อได้และผลการตรวจมีความน่าเชื่อถือ

2. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองกรณีการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย และ/หรือ ภาวะโคม่า และ/หรือ ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว จากโรค COVID-19 เป็นเหตุให้เสียชีวิต

เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองดังกล่าว กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย และ/หรือ ภาวะโคม่า และ/หรือ ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต แต่ในกรณีที่มีการเสียชีวิตด้วยโรค COVID-19 นอกสถานพยาบาล เช่น ที่บ้าน หรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งไม่มีการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในภาวะดังกล่าวก่อนเสียชีวิต บริษัทประกันวินาศภัยจะอนุโลมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย

3. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากโรค COVID-19เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล จะให้ความคุ้มครองเฉพาะการรักษาตัวแบบผู้ป่วยในในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เท่านั้น บริษัทประกันวินาศภัยจึงได้ขยายความคุ้มครองถึงค่ารักษาพยาบาลระหว่างการรักษาตัวในรูปแบบ Home Isolation และ Community Isolation โดยบริษัทประกันวินาศภัยจะอนุโลมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกันภัยตามความจำเป็นทางการแพทย์ที่ได้จ่ายจริงในขอบเขตการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก แต่ไม่เกินวงเงินคุ้มครองที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
4. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้จากโรค COVID-19
เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้ จะให้ความคุ้มครองสำหรับการรักษาตัวแบบผู้ป่วยในในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เท่านั้น บริษัทประกันวินาศภัยจึงได้อนุโลมจ่ายค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้ให้กับผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ต้องเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน แต่ไม่สามารถหาสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel รองรับได้ จึงต้องเข้ารักษาตัวในรูปแบบ Home Isolation หรือ Community Isolation

ทั้งนี้ บริษัทประกันวินาศภัยจะจ่ายค่าชดเชยให้เฉพาะกลุ่มผู้ป่วย COVID-19 ที่มีความเสี่ยงสูงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เช่น ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีภาวะอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 30 หรือน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม) หรือ ผู้มีโรคประจำตัวได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD Stage 3,4) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ โดยบริษัทประกันวินาศภัยจะจ่ายค่าชดเชยให้ไม่เกิน 14 วันนับแต่วันที่ปรากฏหลักฐานการติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวได้อ้างอิงตามระยะเวลาการดำเนินโรค COVID-19

นายอานนท์ วังวสุ ได้กล่าวปิดท้ายว่า "สมาคมประกันวินาศภัยไทยและภาคธุรกิจประกันวินาศภัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการผ่อนผันและผลประโยชน์ต่างๆ ที่ได้กำหนดเพิ่มเติมนั้น จะช่วยเหลือและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นลูกค้าของเราได้เหมาะสมกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ธุรกิจประกันวินาศภัยได้ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับประชาชนและสังคมได้อย่างแท้จริง และมีส่วนร่วมในการนำพาประเทศก้าวข้ามผ่านวิกฤติในครั้งนี้"
#3770



ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (27, 29-30 ก.ค.) มีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 2.37 แสนล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า (19-23 ก.ค.) ที่มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 3.62 แสนล้านบาท เนื่องจากเปิดทำการเพียงแค่ 3 วัน

โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปิดการซื้อขายปลายสัปดาห์ที่ 1,521.92 จุด ปรับตัวลดลง 1.50% จากระดับปิดของสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 1,545.10 จุด

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพียงกลุ่มเดียว 2,841.74 ล้านบาท ส่วนที่เหลือพร้อมใจซื้อ โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,389.84 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 635.29 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 816.60 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาการซื้อขายของบัญชี "เอ็นวีดีอาร์" (NVDR) ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศในการซื้อหุ้นไทย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ค. พบว่า

10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสูงสุด ได้แก่

KBANK มูลค่าซื้อสุทธิ 543.11 ล้านบาท

TRUE มูลค่าซื้อสุทธิ 341.02 ล้านบาท

ADVANC มูลค่าซื้อสุทธิ 336.23 ล้านบาท

CBG มูลค่าซื้อสุทธิ 321.78 ล้านบาท

CPALL มูลค่าซื้อสุทธิ 251.39 ล้านบาท     

RCL มูลค่าซื้อสุทธิ 214.30 ล้านบาท           

IVL มูลค่าซื้อสุทธิ 206.84 ล้านบาท           

SCC มูลค่าซื้อสุทธิ 203.47 ล้านบาท

PTT มูลค่าซื้อสุทธิ 172.50 ล้านบาท

AOT มูลค่าซื้อสุทธิ 165.76 ล้านบาท

และ 10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติขายสูงสุด ได้แก่

TOP มูลค่าขายสุทธิ 539.02 ล้านบาท   

PTTEP มูลค่าขายสุทธิ 316.17 ล้านบาท   

PTTGC มูลค่าขายสุทธิ 196.51 ล้านบาท   

KGI มูลค่าขายสุทธิ 73.65 ล้านบาท   

GULF มูลค่าขายสุทธิ 66.75 ล้านบาท   

BJC มูลค่าขายสุทธิ 56.52 ล้านบาท   

AS มูลค่าขายสุทธิ 54.45 ล้านบาท   

ASP มูลค่าขายสุทธิ 53.17 ล้านบาท   

IRPC มูลค่าขายสุทธิ 50.01 ล้านบาท   

WICE มูลค่าขายสุทธิ 48.84 ล้านบาท   

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952178
#3771
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#3772



ซัมซุงแนะนำ Galaxy Tab S7 FE แท็บเล็ตรุ่นใหม่ ที่รวมฟีเจอร์สุดโปรดของเหล่าแฟนๆ จากแท็บเล็ตรุ่นแฟลกชิปไว้ในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ปากกา S Pen ในกล่อง "ไม่ต้องซื้อเพิ่ม" และ "ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรีให้เสียเวลา"


S Pen เพื่อชีวิต Multi-Tasking
S Pen เพิ่มความสะดวกในการเรียนออนไลน์ ทำโปรเจค เอกสาร ด้วยฟีเจอร์ Samsung Notes ที่ช่วยเปลี่ยนการจดด้วยลายมือให้กลายเป็นข้อความตัวพิมพ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแบบเรียลไทม์

ทั้งนี้ สามารถจัดระเบียบบันทึกต่างๆ ด้วยแท็กอัตโนมัติ และการค้นหาอัจฉริยะเพื่อการใช้งานโน้ตที่ต้องการได้ทันที รวมถึงฟีเจอร์ Multi-Active Window เพื่อการใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน และฟีเจอร์ Multi instance เพื่อจับคู่แอพพลิเคชั่นและสร้าง Shortcut ให้สามารถทำงานพร้อมกันได้ถึงสามแอพพลิเคชั่นในหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะท่องอินเทอร์เน็ต จดโน้ต หรือแม้แต่การรับชมวีดิโอสตรีมมิ่งในเวลาเดียวกัน

พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้น ด้วยการเปลี่ยนให้ Galaxy Tab S7 FE เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนตัวผ่าน Samsung DeX ที่ทำงานร่วมกับ Tab S7 FE Keyboard Coverทำให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้น พร้อมการแชร์ไฟล์ผ่าน Quick Share ตลอดจนการคัดลอกและวางข้อความหรือรูปภาพจากสมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่สู่ Galaxy Tab S7 FE

เต็มที่ทั้งเรื่อง เล่น เรียน ทำงาน

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าตำแหน่งตรงกลางจอความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และระบบเสียงอันคมชัดจาก Dolby Atmos พร้อมไมโครโฟนสามตำแหน่ง ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เหมาะกับการ VDO Conference เพื่อการเรียนหรือทำงานออนไลน์

รุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว พร้อมขอบจอบางเฉียบให้ภาพที่ละเอียดคมชัดเต็มตา พร้อมใช้งานได้ยาวนานตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 10,090 mAh ที่ให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอได้ต่อเนื่องถึง 13 ชั่วโมงรวมถึงการรองรับระบบ Super-Fast Charging สูงสุด 45W

ด้วย Galaxy Ecosystem เมื่อใช้งานผ่านหูฟัง Galaxy Buds Pro ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจากซัมซุงได้ง่ายดายและลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการตั้งค่าใดๆ โดยมีฟีเจอร์ Auto Switch ทำหน้าที่ช่วยหยุดวีดิโอชั่วคราว แล้วสลับไปรับสายโทรศัพท์ผ่าน Galaxy Buds Pro ให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อวางสาย ก็จะสลับกลับมาเล่นวีดิโอบนแท็บเล็ตได้อย่างต่อเนื่อง


-ใช้งาน Clip Studio Paint แอพพลิเคชั่นวาดภาพระดับโปร ฟรี 6 เดือน
-ใช้งาน Canva Pro แอพพลิเคชั่นออกแบบงานกราฟฟิกและสื่อต่างๆ ฟรี 30 วัน
-ใช้งาน Noteshelf แอพพลิเคชั่นเพิ่มประสิทธิภาพการจดโน้ต ฟรี
-รับสิทธิ์ YouTube Premium ดูวีดิโอแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 4 เดือน
-รับสิทธิ์ Galaxy Butler Silver บริการช่วยเหลือหลังการขายแบบพิเศษสำหรับอุปกรณ์กาแลคซี่ อาทิ ฟรีบริการเครื่องสำรองหลังซ่อม ผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง ฯลฯ


Galaxy Tab S7 FE มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ประกอบด้วย Mystic Green, Mystic Pink, Mystic Silver, และ Mystic Black โดย Galaxy Tab S7 FE LTE วางจำหน่ายใน ราคา 19,990 บาท
#3773



นายวัฒนศักย์  เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผย ว่ากรณีที่มีกระแสข่าวว่าราคาไข่ไก่ในจังหวัดพิจิตรมีการปรับราคาสูงขึ้นเนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายมีการกักตุน และฉวยโอกาสขึ้นราคา ในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดพิจิตรลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ปริมาณ และราคาไข่ไก่  ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า ปัจจุบันปริมาณไข่ไก่ในห้างค้าปลีกค้าส่งยังคงมีจำหน่าย แต่ในตลาดสดมีปริมาณลดลง แต่หากมีความจำเป็นก็จะประสานแหล่งผลิตเข้ามาเสริม โดยปัจจุบันราคาจำหน่าย ณ ห้างสรรพสินค้า ไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 30 ฟอง อยู่ที่ 98 บาทต่อแผง ไข่ไก่ เบอร์ 2 ห้างค้าปลีกราคาจำหน่ายอยู่ที่ 101-106 บาทต่อแผง

 

นอกจากนี้ พาณิชย์จังหวัดพิจิตรยังได้จัดรถโมบาย จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น จำนวน    70 รายการ ภายใต้โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยจำหน่ายไข่ไก่ในราคา แผงละ 93 บาทหรือ 3.10 บาทต่อฟอง และในระหว่างวันที่ 2-3 ส.ค. 2564 จะนำไข่ไก่ราคาประหยัดมาจำหน่ายหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร ในราคาเบอร์ 3 แผงละ 93 บาท อย่างไรก็ตามได้ให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบว่ามีการกักตุนหรือไม่ และกรณีพบว่ามีผู้ประกอบการรายใดฉวยโอกาสขึ้นราคาก็ให้ดำเนินคดีตามมาตรา 29 และมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542

ทั้ง 2 กรณีหากพบว่ามีการกระทำผิดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับทั้ง 2 กรณี ในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัด      ทุกจังหวัดเข้มงวดตรวจสอบไม่ให้มีการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ ทั้งนี้หากพบเห็นการกักตุนหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา แจ้งได้ที่สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569
#3774



หลังจากจังหวัดภูเก็ตได้ประกาศออกคำสั่งล่าสุด 3 ฉบับเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่ 1.ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีผลตั้งแต่วันที่ 3-16 ส.ค.นี้ 2.มาตรการควบคุมการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.-12 ส.ค.2564

และ 3.การปิดสถานที่หรืองดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง โดยมีมาตรการปิดสถานที่จัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด หรือโต๊ะพูล, ร้านเกมคอมพิวเตอร์ เกมออนไลน์, โรงเรียนสอนมวย และโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ทุกประเภท รวมถึงสระว่ายน้ำที่เปิดให้บริการประชาชนเป็นการทั่วไปทั้งในส่วนของราชการและเอกชน ส่วนมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ สถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค โดยสนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกายกลางแจ้ง สวนสาธารณะ ลาน พื้นที่กิจกรรมสาธารณะโล่งแจ้ง สามารถเปิดให้บริการได้ไม่เกิน 21.00 น. จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการตามขนาดของพื้นที่ และผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว

วันนี้ (30 ก.ค.) นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่านช่องทางออนไลน์ระบบ ZOOM ว่า ทางจังหวัดฯขอยืนยันว่าการออกมาตรการดังกล่าว "ไม่มีผลกระทบ" ต่อการดำเนินโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวภายในภูเก็ตอย่างน้อย 14 คืน จึงจะสามารถออกไปท่องเที่ยวพื้นที่อื่นภายในประเทศไทยได้

"จุดประสงค์ของการออกคำสั่งภูเก็ตล่าสุดนี้คือต้องการเซฟภูเก็ต เซฟภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และเซฟประเทศไทย ด้วยการยกระดับมาตรการเริ่มจากเบาไปหนัก เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้ และสามารถเดินหน้าเศรษฐกิจได้ด้วย"

สำหรับหนึ่งในหลักเกณฑ์ของแผนเผชิญเหตุโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์คือจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯเมื่อพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ใน จ.ภูเก็ต มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ โดยหลังจากเริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าสัปดาห์ที่ 1 (1-7 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 25 ราย, สัปดาห์ที่ 2 (8-14 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 48 ราย, สัปดาห์ที่ 3 (15-21 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 69 ราย และสัปดาห์ที่ 4 (22-28 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 185 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในจังหวัด 148 ราย ผู้ติดเชื้อที่คัดกรองพบจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 6 ราย ผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัด 19 ราย และโครงการรับคนกลับบ้านอีก 11 ราย

"ในช่วงวันที่ 22-28 ก.ค.ที่ผ่านมา พบจำนวนผู้ติดเชื้อ 185 รายต่อสัปดาห์ เมื่อเกิน 90 รายต่อสัปดาห์ตามหลักเกณฑ์ จึงได้ประกาศมาตรการ 3 ฉบับล่าสุดเพื่อลดการเดินทางเข้าภูเก็ต ลดและงดการจัดกิจกรรมเพื่อควบคุมโรค อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาหลักเกณฑ์อื่นร่วมแล้ว เช่น อัตราการครองเตียงซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 249 เตียง คิดเป็น 36% ของจำนวนทั้งหมด 694 เตียงในภูเก็ต ยังอยู่ในภาวะที่รับมือและดูแลได้ จึงพิจารณาไม่ปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์"

ทั้งนี้ในช่วง 4 สัปดาห์แรกของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พบว่ามีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางเข้าโครงการฯ พบว่าเมื่อวันที่ 29 ก.ค.มีจำนวนรวม 12,599 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อจากในกลุ่มนี้ 30 คนเท่านั้น คิดเป็นสัดส่วนน้อยมากที่ 0.2% และเป็นการติดเชื้อมาจากนอกประเทศอยู่แล้ว โดยมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 400 กว่าคนต่อวัน จำนวนการจองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ช่วงไตรมาส 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.นี้อยู่ที่ 298,858 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 192,403 คืน เดือน ส.ค. 98,735 คืน เดือน ก.ย. 7,720 คืน และเมื่อรวมจำนวนการจองห้องพักในช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 อีก 6,586 คืน จะมีจำนวนการจองห้องพักโรงแรมของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ 305,444 คืน

"คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มากขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป ในช่วงนี้จึงถือเป็นการทดสอบระบบของโครงการฯ เมื่อมีการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ย่อมมีแรงงานเข้ามาทำงาน และอาจนำเชื้อเข้ามา ทางจังหวัดจึงยกระดับมาตรการเพื่อควบคุมโรค เพราะภาพที่เราอยากเห็นคือสามารถควบคุมโรคได้ด้วย และเดินหน้าเศรษฐกิจได้ด้วย ไม่อยากเห็นการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้วต้องมาปิดภายหลัง" นายณรงค์กล่าว

ด้านนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ยอดจองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตช่วง 3 วันที่ผ่านมาหลังพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น พบการชะลอตัวจากก่อนหน้านี้เติบโต 15% ต่อวัน เหลือเติบโตที่ 10% ต่อวัน

นับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ประเมินว่านักท่องเที่ยวใช้จ่ายคนละ 60,000 บาทต่อทริป ทำให้ภูเก็ตมีรายได้ด้านการท่องเที่ยวกว่า 800 ล้านบาทแล้ว โดย ททท.ต้องประชาสัมพันธ์เชิงรุกในต่างประเทศต่อไปเพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะนี้มีเอเย่นต์ทัวร์ของอังกฤษเริ่มขายแพ็คเกจเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้ว

ส่วนข้อจำกัดด้านการเดินทางภายในประเทศขณะนี้ ภายหลังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) มีคำสั่งระงับเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารเข้าออกจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการช่วยจัดหารถบริการพิเศษรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนที่ต้องการเดินทางออกจากภูเก็ตเพื่อมาขึ้นเครื่องบินกลับที่สนามบินสุวรรณภูมิ

นายสุนทร ศักดาสาวิตร รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเขตการบิน ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวเสริมว่า  ตามคำสั่งของจังหวัดภูเก็ตล่าสุด ส่งผลให้สายการบินนกแอร์จำเป็นต้องหยุดให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-อู่ตะเภา ส่วนสายการบินบางกอกแอร์เวย์สต้องหยุดให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-สมุย ซึ่งมีเป้าหมายเชื่อมการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ไว้ก่อนเช่นกัน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 3-16 ส.ค.นี้

นายศิริปกรณ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การหยุดให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-สมุย ไม่ใช่เพราะเรื่องของระเบียบข้อบังคับที่ทางจังหวัดภูเก็ตเพิ่งประกาศ หรือเพราะดีมานด์ของนักท่องเที่ยว แต่เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุยเป็นหลัก ซึ่งอาจจะมีจำนวนเตียงรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 บนเกาะสมุยไม่เพียงพอ
#3775


หลังจากประเทศไทยปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด และอนุญาตให้นำไปใช้ในทางการแพทย์ "น้ำมันกัญชา" ได้กลายเป็นรูปแบบยาประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากมีประโยชน์และสรรพคุณที่ช่วยรักษาโรคบางชนิดได้ แต่การจะใช้น้ำมันชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัย ก็ควรศึกษาข้อมูลและวิธีใช้ที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ

ทำความรู้จัก "น้ำมันกัญชา" คืออะไร?
ไลฟ์สไตล์ติดตาม
31 ก.ค. 64
วิธีทำข้าวคลุกกะปิ สูตรอร่อยเด็ด อิ่มอร่อยแบบง่ายๆ

30 ก.ค. 64
ข้อสอบใบขับขี่ 2564 สำหรับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์

30 ก.ค. 64
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย เหนียวนุ่มน่ากิน ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

ดูทั้งหมด 
น้ำมันกัญชา คือ สารสกัดเข้มข้นจากต้นกัญชา ที่นำมาทำให้เจือจางเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในรูปแบบยาทางการแพทย์ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลิตเป็นยารักษาโรค มีการนำไปผสมกับส่วนผสมต่างๆ ให้เหมาะแก่การรักษาในแต่ละประเภท เช่น นำไปหยดใต้ลิ้น นำไปทาบนผิวหนัง เป็นต้น

ทั้งนี้ น้ำมันกัญชาทุกรูปแบบที่นำไปรักษาโรคและเกี่ยวข้องกับการรักษาสุขภาพ จะต้องผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง อยู่ภายใต้การดูแลและได้รับคำแนะนำถึงวิธีการใช้อย่างปลอดภัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งบางคนอาจมีความเชื่อว่าน้ำมันกัญชาคือ "ยาสารพัดโรค" ทำให้มีการนำไปใช้รักษาอาการต่างๆ เอง ยกตัวอย่างเช่น

น้ำมันกัญชา สำหรับหยอดหู หยอดตา
แน่นอนว่าหากจะใช้น้ำมันชนิดนี้ไปหยอดหูเพื่อรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับหู หรือนำไปหยอดตา ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้หมายความว่าน้ำมันกัญชาทุกประเภทจะใช้งานเหมือนกัน โดยเฉพาะการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อหิน เป็นการรักษาที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ หรือแม้กระทั่งหยอดตาเพื่อลดความดันลูกตา ก็ถือเป็นวิธีที่อันตรายและไม่ควรทำด้วยตนเอง

น้ำมันกัญชา สำหรับรักษาสิว
แม้ว่าน้ำมันกัญชาจะสามารถใช้รักษาโรคทางผิวหนังบางชนิดได้ ทำให้หลายคนนำไปใช้รักษาสิว หรือผิวหน้าที่มีผื่นแดง แต่ทั้งนี้ต้องศึกษาด้วยว่าน้ำมันกัญชามีส่วนผสมใดบ้าง และสิวนั้นเป็นสิวประเภทใด เพราะไม่เช่นนั้นแทนที่จะช่วยลดอาการอักเสบ อาจทำให้มีอาการผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทุกกระบวนการใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาอาการต่างๆ นั้น จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้เสมอ


สรรพคุณน้ำมันกัญชาในทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
ประโยชน์และสรรพคุณของน้ำมันกัญชาถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อรักษาอาการและโรคบางชนิด เช่น ใช้บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง บำรุงสุขภาพ รวมถึงคลายอาการวิตกกังวล แต่อย่างไรก็ตามหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป หรือผู้ใช้มีอาการแพ้น้ำมันกัญชาก็อาจส่งผลเสีย ทำให้มีผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย ท้องเสีย เป็นต้น

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุถึงคุณสมบัติของน้ำมันกัญชา 3 ประเภท ที่ได้รับการยอมรับในฐานะสารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ ประกอบไปด้วยกลุ่มสารแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) ที่พบในพืชกัญชา ได้แก่ 

1. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

2. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร CBD
ใช้รักษาผู้ป่วยโรคลมชักที่รักษายาก หรือดื้อต่อการรักษา ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

3. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC : CBD 
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง


ใครสามารถปลูกกัญชา และปรุงยาจากกัญชาได้บ้าง?
แม้ประเทศไทยจะปลดล็อกกัญชาแล้ว แต่ในปัจจุบันก็เปิดให้ยื่นขออนุญาตปลูกกัญชาได้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยเท่านั้น ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ระบุว่า ผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ มีดังนี้

หน่ายงานของรัฐ
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่มีการสอน วิจัย ทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์
ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น สหกรณ์การเกษตร, วิสาหกิจชุมชน, วิสาหกิจสังคม ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานของรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (เภสัชกรรม ทันตกรรม การแพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้านตามกฎหมาย) 
การขออนุญาตปลูกกัญชา
สำหรับผู้ที่ต้องการจะขออนุญาตเพื่อปลูกกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องประกอบไปด้วย 3 ข้อ ได้แก่
1. มีคุณสมบัติเป็นผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 หรือมีสถานะเป็นวิสาหกิจชุมชน และไปร่วมกับหน่วยงานของรัฐ
2. มีแผนโครงการ แผนกระบวนการผลิต และรายละเอียดการใช้ประโยชน์อย่างชัดเจน 
3. มีสถานที่ปลูกกัญชา ที่มีเอกสารสิทธิครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย


ผู้ที่สามารถปรุงยากัญชาได้
สำหรับผู้ที่จะนำกัญชาไปปรุงยาได้นั้น จะต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือผ่านการอบรมหลักสูตรการใช้ตำรับยาที่มีกัญชาผสม จากหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุข

ส่วนการจำหน่าย หรือสั่งจ่ายยา ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้สถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนก็ได้ แต่ต้องเป็นตำรับยาที่ได้รับการยอมรับแล้วเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามเรื่องกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันกัญชาได้ที่ info@medcannabis.go.th

ที่มา : คณะกรรมการขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
#3776



ผักติ้วคือไม้ยืนต้นพื้นบ้านที่นิยมเด็ดยอดอ่อน และใบมาทำอาหาร มีชื่อเรียกว่า "ผักติ้ว" "ผักแต้ว" ยางและใบใช้เป็นยาสมุนไพร และเปลือกไม้ใช้เป็นสีย้อมผ้า และใช้ทำเป็นถ่าน

ต้นผักติ้ว คืออะไร
ผักติ้วมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cratoxylum formosum. เว็บไซต์องค์การสวนพฤกษศาสตร์ แสดงข้อมูล "ติ้วขน" อยู่ในวงศ์ CLUSIACEAE สูง 10-20 ม. ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-4.5 ซม. ยาว 7-10 ซม. ผิวใบด้านล่างมีสีนวล มีขนทั้งสองด้าน ดอกเดี่ยว หรือเป็นกลุ่ม ออกที่ซอกใบหรือตามกิ่ง กลีบดอกสีชมพูอ่อน ขอบกลีบมีขนชายครุย ร่วงง่าย เกสรเพศผู้มี 3 มัด แต่ละมัดปลายแยกคล้ายพู่ ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ ถึงมิถุนายน

ผักติ้วพบได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย, เมียนมา, กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ดอกของผักติ้วมีกลีบดอก 5 กลีบ เกสรตัวเมียติดกัน 3 ก้าน และมีเกสรตัวผู้สั้นๆ ล้อมรอบ เมื่อติดผลจะมีลักษณะผลเป็นแคปซูลสีน้ำตาล หรือสีดำ เรียวยาวประมาณ 1.3 - 1.8 เซนติเมตร เมื่อผลแตกออกจะเป็น 3 แฉก มีเมล็ดสีน้ำตาล

สรรพคุณของผักติ้วทางสมุนไพร
ภาพจากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (qsbg.org)
ภาพจากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (qsbg.org)
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้บรรยายสรรพคุณของผักติ้วไว้ตามตำรับยาไทย ดังนี้

ราก ผสมกับหัวแห้วหมู และรากปลาไหลเผือก ต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง เพื่อขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด
น้ำยาง ใช้ทาแก้รอยแตกของส้นเท้า
รากและใบ ใช้แก้ปวดท้อง
ต้น ยางจากเปลือกต้น ยาทาแก้คัน
น้ำต้มเปลือกต้น กินแก้ธาตุพิการ
เปลือกและใบ ตำผสมกับน้ำมันมะพร้าว ทาแก้โรคผิวหนังบางชนิด
สรรพคุณของผักติ้วด้านโภชนาการ
ผักติ้ว 100 กรัม ให้พลังงาน 58 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย

- แคลเซียม 67 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 19 มิลลิกรัม
- เหล็ก 2.5 มิลลิกรัม
- เบตาแคโรทีน 4,500 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 750 ไมโครกรัมของเรตินอล
- วิตามินบีหนึ่ง 0.04 มิลลิกรัม
- วิตามินบีสอง 0.67 มิลลิกรัม
- ไนอาซิน 3.1 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 58 มิลลิกรัม
- เส้นใย 1.5

ผักติ้วกินอย่างไร

ส่วนประกอบของผักติ้วที่นำมาใช้ประกอบอาหาร คือ ช่อดอกสด ยอดอ่อน ใบ ใบอ่อน เพราะมีรสชาติเปรี้ยว ซึ่งให้คุณประโยชน์ด้านเส้นใยอาหาร และวิตามิน ดังนี้

ใช้เป็นผักแกล้ม ยอดอ่อนสดๆ นำมากินแกล้มกับเมนู ลาบ ก้อย น้ำตก แจ่ว เมนูน้ำพริก ทางเวียดนามใช้กินในเมนูแหนมเนือง

ใช้ต้มแกง ผักติ้วมีรสเปรี้ยว ใช้แทนมะนาวในบางเมนู เช่น แกงเห็ด

ใช้ผัด ใส่กับไข่เจียว หรือผัดกับผักอื่นๆ เพิ่มรสชาติ

ผักติ้วกับใบชะมวงใช่ต้นเดียวกันหรือไม่
ต้นผักติ้วขนกับชะมวงจัดอยู่ในวงศ์เดียวกับมังคุด CLUSIACEAE เหมือนกัน ลักษณะใบต้นผักติ้วกับใบชะมวงนั้นต่างกันตรงที่ ใบอ่อนของชะมวงจะมีสีน้ำตาลอมม่วงที่เข้มกว่า และลักษณะโคนใบจะสอบเข้าหากัน ขอบใบเรียบ ผู้ที่เคยลิ้มลองชิมใบอ่อนของทั้งสองต้นนี้มักจะเล่าว่าใบชะมวงมีรสฝาดกว่าเล็กน้อย ประโยชน์ของใบผักติ้วกับใบชะมวงให้ใยอาหารสูง
#3777



"แทมมี่ ดักเวิร์ธ" ส.ว.สหรัฐฯ ลูกครึ่งไทย เผย สหรัฐอเมริกาวางแผนส่งวัคซีนโควิด-19 ช่วยไทย เพิ่มเป็น 2.5 ล้านโดส โดยล็อตแรก 1.54 ล้านโดส จะส่งถึงประเทศไทยวันศุกร์นี้

เมื่อวันอังคารที่ 27 ก.ค.ตามเวลาท้องถิ่น พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ นักการเมืองหญิงอเมริกันเชื้อสายไทย จากพรรคเดโมแครต เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาวางแผนที่จะจัดหาวัคซีนโควิด-19 ทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดส ให้กับประเทศไทย

ดักเวิร์ธ กล่าวระหว่างพิธีการเปิดงานเสวนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ "U.S. and Thailand Perspectives on Geostrategic Landscape and Regional Architecture" จัดโดยสถาบัน East-West Center ในกรุงวอชิงตัน และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน หัวข้อ "โอกาสใหม่สำหรับสหรัฐฯ-ไทย ในฐานะพันธมิตรอินโด-แปซิฟิก" เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2564 ว่า แผนดังกล่าวเป็นตามคำมั่นของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่จะจัดหาวัคซีนให้กับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งประเทศไทยจะได้รับทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดส

ดักเวิร์ธ ระบุอีกว่า สหรัฐฯได้ส่งวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ 1.54 ล้านโดส ไปยังประเทศไทยแล้ว โดยวัคซีนดังกล่าวมีกำหนดจัดส่งถึงกรุงเทพฯ ในวันศุกร์นี้ (30 ก.ค.) หลังจากล่าช้าไปมากกว่าหนึ่งเดือน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. วุฒิสมาชิกแทมมี่เคยประกาศแสดงความยินดีเรื่องสหรัฐฯ มอบวัคซีนให้แก่ไทย โดยดักเวิร์ธ ระบุในแถลงการณ์เมื่อครั้งนั้น ว่า ดิฉันรู้สึกยินดีที่จะประกาศวันนี้ ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นเพื่อส่งมอบวัคซีนอย่างน้อย 1.5 ล้านชุด ให้ประเทศไทย เพื่อช่วยให้ประชาชนชาวไทยเอาชนะปัญหาโควิด-19 ขณะที่การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตากำลังเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก โดยการบริจาควัคซีนของสหรัฐฯ ซึ่งมีประสิทธิผลสูงนี้ ไม่มีเงื่อนไขข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น แต่มีขึ้นด้วยความเข้าใจว่าจะไม่มีประเทศใดที่ปลอดภัยจากโควิด-19 ได้อย่างสมบูรณ์จนกว่าทุกประเทศจะปลอดภัย
#3778



วันที่ 29 ก.ค. ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกทม. กล่าวในตอนหนึ่งของการแถลงข่าวสรุปการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ผ่านระบบ Cisco Webex Meetings ถึงกรณี กทม.และกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีปัญหากันหรือไม่นั้น โดยยืนยันว่า กทม.และ กระทรวงสธ.ทำงานร่วมกันมาตลอด ส่วนที่มีกระแสข่าวทะเลาะกับ สธ.นั้น ทาง กทม.ได้ชี้แจงไปแล้วว่า กทม.ได้รับวัคซีนจำนวนเท่าไร โดย กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในระบบหมอพร้อม 1,220,000 โดสเป็นกระบวนการที่ทำร่วมกับ สธ.ดังนั้น จะมียอดลงทะเบียนของทั้งสองหน่วยงานในจำนวนนี้กว่า 30,000โดส ใช้ในการฉีดผู้ป่วยติดเตียง ติดบ้าน และได้รับวัคซีนจากโครงการไทยร่วมใจเพียง 680,000 โดส และใน 1-2 วันนี้จะมีการตัดวัคซีนไปฉีดผู้ป่วยในชุมชนอีกประมาณ 30,000 โดส ตรงนี้เป็นตัวเลขทั้งหมดที่ได้รับ

"ส่วนจำนวน 700,000 โดส คืออะไร ก็ต้องบอกว่าถ้าเอาตัวเลขเป๊ะๆ ที่ได้รับจากโครงการไทยร่วมใจอยู่ที่ 680,000 โดส ซึ่งทุกครั้งที่จะนำวัคซีนจากโครงการไทยร่วมใจไปใช้จะต้องมีการขอมติจาก ศบค.ด้วยว่าจะให้ฉีดเท่าไรอย่างไร"ร.ต.อ.พงศกร ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ กทม.จะจัดซื้อวัคซีนเอง ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกวัคซีนที่รัฐจัดหา และกลุ่มสองวัคซีนทางเลือก ซึ่งกทม.มีความพร้อมและได้จัดซื้อวัคซีนทางเลือกแล้วบางส่วน อาทิ ซิโนฟาร์ม ใช้ในการฉีดในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง และอยู่ระหว่างการพูดคุยในเรื่องการจัดซื้อโมเดอร์นาในลำดับถัดไป ส่วนการกระจายวัคซีนคงไม่มีการปรับแผน โดย กทม.ทำตามนโยบายมาตลอด เพื่อเร่งฉีดกลุ่มผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรคและผู้ที่มีความเสี่ยง โดยมีเป้าหมายฉีดให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ซึ่งศักยภาพของศูนย์ฉีดได้ 7-8 หมื่นต่อวัน หากได้วัคซีนเพิ่มเราก็มีศักยภาพที่จะฉีดเพิ่มได้

โฆษก กทม. กล่าวด้วยว่า ส่วนกลุ่มที่ไปรอฉีดสถานีกลางบางซื่อจำนวนมากจนเกิดภาพความแออัด กทม.เป็นแค่หนึ่งคณะกรรมการกระจายวัคซีน ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจว่าใครจะได้รับวัคซีนเท่าไร แต่ กทม.พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในการฉีดวัคซีนในสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีภาพความแออัด และอาจจะมีความเสี่ยงต่อการระบาด แต่อยู่กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดในการควบคุมการระบาด เพราะรู้ว่าการกระจายวัคซีนและการบริหารจัดการควรเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาด กทม.คงไปสั่งแทนไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ แต่ กทม.พร้อมเข้าไปช่วย


ด้านพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กทม.ยังคงให้บริการวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นการฉีดโดยหลายหน่วยงานอาทิ จุดฉีดสถานีกลางบางซื่อโดยกระทรวงสาธารณสุข จุดฉีดศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงโดยกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งได้ร่วมกันจัดหน่วยฉีดให้บริการประชาชนในกรุงเทพฯ รวมจำนวนสะสม 5,668,720 โดส แบ่งผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม แล้วจำนวน 1,025,493 ราย หรือ 2,050,986 โดส ส่วนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 3,617,734  ราย

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า ในส่วนของ กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า รวมจำนวนทั้งสิ้น 680,000 โดส โดยได้ฉีดให้แก่ประชาชนผ่านโครงการไทยร่วมใจ ที่จุดฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล โดยความร่วมมือระหว่าง กทม.และหอการค้าไทยทั้ง 25 แห่ง โดยในเดือน มิ.ย.มีจำนวน 200,000 โดส และในเดือน ก.ค. ได้ฉีดให้แก่ผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งผู้ที่ลงทะเบียนผ่านโครงการไทยร่วมใจและได้รับแจ้งให้เลื่อนคิว รวมจำนวน 480,000 โดส ซึ่งคาดว่าจะให้บริการวัคซีนได้ครบภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้

สำหรับการให้บริการวัคซีน ที่จุดบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล "หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร - หอการค้าไทย"  ขณะนี้ได้ให้บริการวัคซีนแก่ประชาชน 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

1.กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนผ่านโครงการ "ไทยร่วมใจ" ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือเว็บไซต์ www.ไทยร่วมใจ.com หรือร้านค้าสะดวกซื้อ ได้แก่ เซเว่น อีเลฟเว่น แฟมิลี่มาร์ท ท็อปส์ เดลี่ และมินิบิ๊กซี ทั้งนี้รวมถึงผู้ที่เคยลงทะเบียนแล้ว และผู้ที่ลงทะเบียนใหม่

2.กลุ่มผู้ที่ตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป สามารถ Walk-in เข้ารับวัคซีนได้ที่ศูนย์ฉีดโดยแสดงหลักฐานใบฝากครรภ์หรือใบรับรองการตั้งครรภ์จากแพทย์พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดง และ 3.กลุ่มผู้ที่มีอายุ 18 – 59 ปี ที่มีคิวฉีดวัคซีนเดิมซึ่งได้ลงทะเบียนไว้เมื่อวันที่ 26 – 30 มิ.ย. โดยคิวเดิมวันที่ 30 มิ.ย. สามารถมารับบริการได้ในวันที่ 30 ก.ค. ในส่วนของผู้ที่มีคิวนัดกับโครงการไทยร่วมใจตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป จะแจ้งคิวฉีดวัคซีนใหม่ให้ทราบทันที เมื่อ กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม


ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า ขณะที้สถานการณ์การการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในกรุงเทพฯ จากข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) สำนักการแพทย์ กทม. จากยอดวันที่ 28 ก.ค.64 เวลา 23.59 น. มีจำนวนผู้ป่วยซึ่งยังคงรักษาตัวโรงพยาบาลทุกสังกัด ทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 26,969 ราย โดยเป็นผู้ป่วยโควิดซึ่งยังคงพักรักษาตัวโรงพยาบาลสังกัด กทม. รวมทั้งโรงพยาบาลสนาม และ Hospitel ในความดูแลของสำนักการแพทย์ รวมจำนวนทั้งสิ้น 3,587 ราย โดย 146 ราย มีอาการรุนแรง

สำหรับจำนวนเตียงโรงพยาบาลสังกัด กทม. รวมทั้งโรงพยาบาลสนาม และ Hospitel ในความดูแลของสำนักการแพทย์ จำนวนทั้งสิ้น3,632 เตียง ใช้ไปแล้ว 3,597 เตียง คิดเป็นร้อยละ 98.76 ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เปิดให้บริการแล้ว จำนวน 26 ศูนย์ จำนวนเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วย ได้ 3,499 เตียง ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 2,439 เตียง ทั้งนี้ ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ ฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตอยู่ระหว่างการนำส่งผู้ป่วยเพื่อเข้าสู่สถานพยาบาลและศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อทุกแห่งให้ครบเต็มจำนวน

อย่างไรก็ตามการบริหารจัดการผู้ป่วยในศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ สำนักการแพทย์ กทม. ได้ดำเนินการคัดแยกกลุ่มผู้ป่วยที่มีผลเป็นบวกจากชุดตรวจ ATK แยกกักตัวกับกลุ่มผู้ป่วยที่ทำการตรวจด้วย RT-PCR โดยจะทำการตรวจ RT-PCR ซ้ำ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงหากผลบวกจากชุดตรวจ ATK เป็นผลบวกที่คลาดเคลื่อน เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยสูงสุด

นอกจากนี้ สำนักอนามัย กทม.ได้สรุปจำนวนผู้ที่อยู่ระหว่างการแยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation จากข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ค.64 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,364 ราย โดยเขตที่มีผู้ได้รับการแยกกักตัวที่บ้าน สูงสุด ตามลำดับ คือ เขตธนบุรี (208 ราย) บางซื่อและบางกอกใหญ่(เขตละ 130 ราย) ทุ่งครุ (120 ราย) และสายไหม (99 ราย)
#3779



ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์หนึ่งในปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุที่ต้องเผชิญ คือ โรคในช่องปากส่งผลให้ผู้ป่วยสูงวัยที่มีภาวะโรคดังกล่าวมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดี นักวิจัยมหิดล จึงพัฒนา ชุดตรวขคัดกรองโรคในปากขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก วช.

ศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิง วรานันท์ บัวจีบ หัวหน้าโครงการวิจัยนวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคในปาก จึงได้เริ่มการศึกษาโรคดังกล่าวในประชากรสูงวัย เพื่อนำข้อมูลที่สำคัญมาวิเคราะห์เตรียมความพร้อมให้ผู้สูงวัยมีบั้นปลายชีวิตที่เป็นสุข

ทั้งนี้ศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิง วรานันท์ บัวจีบ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จำรัส พร้อมมาศ ดร.เบญจพร เลิศอนันตวงศ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รองศาสตราจารย์ ดร.พัชรี เจียรนัยกูร คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)


ในแผนงานทุนท้าทายไทย เพื่อรองรับสังคมสูงวัย ในการคิดค้นนวัตกรรม ชุดตรวจคัดกรองโรคในปาก ของผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว เพื่อพัฒนาชุดตรวจให้มีประสิทธิภาพ รู้ผลได้เร็ว เนื่องจากผู้ป่วยมะเร็งช่องปากในระยะแรก มักไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวด ทำให้มักจะมาพบทันตแพทย์เมื่อโรคลุกลามมาก การป้องกัน และเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งช่องปากจึงมีความสำคัญ และจำเป็น จากข้อมูลในปัจจุบันพบว่ามะเร็งช่องปากมีความสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ได้แก่การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การเคี้ยวหมาก รวมทั้งการติดเชื้อไวรัส HPV

ทีมผู้วิจัยตระหนักถึงความเสี่ยงของการติดเชื้อ HPV ในช่องปาก ที่อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติของเซลล์จนกลายเป็นมะเร็งของเยื่อเมือกช่องปาก จึงพยายามพัฒนาให้มีวิธีการคัดกรองไวรัส HPV ในช่องปากเบื้องต้น ที่ทำได้รวดเร็ว เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์และการตรวจสอบหารอยโรคที่เสี่ยงสูงต่อการกลายเป็นมะเร็งทั้งนี้ในผู้สูงอายุมักพบรอยโรคที่เสี่ยงสูงต่อการกลายเป็นมะเร็งของเยื่อเมือกในช่องปากที่สำคัญ ได้แก่ รอยโรคลิวโคเพลเคียและรอยโรคไลเคน แพลนัส การมีไวรัส HPV ในรอยโรคดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการกลายเป็นมะเร็งช่องปาก

นวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคในปาก ได้ถูกนำมาตรวจคัดกรอง HPV ในรอยโรคลิวโคเพลเคียและรอยโรคไลเคน แพลนัส โดยการใช้แปรงขนนิ่มขนาดเล็กขูดเซลล์ที่รอยโรคดังกล่าวไปตรวจหาไวรัส จัดว่าเป็นวิธีที่สะดวก ทำได้ง่าย ไม่ก่อให้เกิดแผลหรือความเจ็บปวด และยังช่วยในการเฝ้าระวังและติดตามโรค รวมถึงให้การรักษาที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว อันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สูงอายุ


โดยขั้นตอนของการตรวจ หลังจากการทำปฏิกิริยาที่ใช้เพิ่มปริมาณดีเอ็นเอ เพื่อเพิ่มปริมาณไวรัสที่จะตรวจแล้วจะใช้วิธีตรวจที่พัฒนาขึ้นนี้ทดแทนการรันเจลที่ใช้เวลานานกว่า เพื่อตรวจสอบผลการคัดกรองมะเร็งจากเชื้อไวรัสด้วยเทคนิคเคมีไฟฟ้า โดยการผสมสีที่เมื่อแตกตัวแล้วส่งสัญญานไฟฟ้าได้ สีดังกล่าวจะมีการเตรียมให้จำเพาะต่อดีเอ็นเอของไวรัสที่เกี่ยวข้องกับการคัดกรองมะเร็ง ดังนั้นหากพบดีเอ็นเอของเชื้อไวรัส สีดังกล่าวจะเข้าจับ และเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น ซึ่งปริมาณของกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นขึ้นอยู่กับปริมาณหรือจำนวนของเชื้อไวรัส


การทดสอบขั้นตอนนี้ทำได้ง่ายด้วยการหยดดีเอ็นเอที่ติดสีดังกล่าวเพียงหยดเดียวลงบน strip test ที่ทางโครงการวิจัยได้พัฒนาขึ้น แล้วใช้เครื่องอ่านผลปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าแบบพกพาขนาดเล็กที่มีการใช้อยู่แล้ว โดยเชื่อมต่อสัญญาณกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้ทราบผลการวัดในเวลารวดเร็ว


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. สนับสนุนงานวิจัยด้านผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้อายุให้ได้รับการบริการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยการนำองค์ความรู้ต่างๆ ขับเคลื่อนผลงานวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยี ไปสู่การขยายผลต่อกลุ่มเป้าหมายและผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งนวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคในปาก เป็นชุดตรวจที่สะดวก ทำได้ง่าย ไม่ก่อให้เกิดแผลและสามารถลดระยะเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างดี
#3780




หลังจากที่เน็ตไอดอลชื่อดัง "พิมฐา" หรือ "พิม ฐานิดามานะเลิศเรืองกุล" โดนโซเชียลถล่มเละ เหตุมาจากพื้นที่สีแดง แต่ไม่กักตัว ตระเวนไปทั่ว ต่อมาเจ้าตัวพบว่าติดโควิด-19 ทำเอาวุ่นไปทั้งเชียงใหม่ ล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) เจ้าตัวก็รักษาอาการโควิดจนหายเป็นปกติแล้ว

พิมฐาได้โพสต์ไอจี ว่าได้เดินทางไปมอบเงินเยียวยา ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด จากกระทำของเธอและเพื่อนสนิท "แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์" ที่ไม่สามารถเดินทางมาได้ด้วยตนเองเรียบร้อยแล้ว

โดยสาวพิมฐาและครอบครัว ได้แสดงความรับผิดชอบ ที่ทำให้นักศึกษาหลายคน ต้องปรับเปลี่ยนการเรียน เป็นระบบออนไลน์ ด้วยการเข้าพบสมาคมนักศึกษา เพื่อขอโทษและมอบทุนการศึกษาให้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หวังช่วยบรรเทาความเดือนร้อนไม่มากก็น้อย

"วันนี้พิมได้มีโอกาสเข้าไปพบประธานสมาคมนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่หลังจากได้ทราบข่าวของนักศึกษาหลายท่านที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid 19 และต้องเข้าเรียนในระบบออนไลน์

พิมและครอบครัวรวมถึง ต้องขอขอบคุณทางฝ่ายตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ยอมรับและเข้าใจ และให้โอกาสเราในการร่วมสมทบทุนบริจาคโครงการทุนการศึกษารวม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดสรรเป็นทุนปี การศึกษา2564

และเราทราบดีว่าเราไม่สามารถทดแทนและเยียวยาผลกระทบในวงกว้างได้ทั้งหมดแต่หวังว่าจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่นักศึกษาหลายท่านต้องเผชิญอยู่ไม่มากก็น้อย ขอบพระคุณค่ะ "

ส่วนร้านอาหารและค่าเฟ่ ที่ได้รับผลกระทบ ตามรายชื่อที่ปรากฎอยู่ในไทม์ไลน์ เจ้าตัวก็ได้เดินทางไปขอโทษ พร้อมมอบเงินเยียวยาให้ครบหมดทุกร้าน

"หลังจากที่พิมได้รักษาตัวจนหายจากโรค covid19 และได้กักตัวตามที่แพทย์แนะนำจนครบแล้ว พิมและครอบครัวได้แวะไปตามร้านต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบและมอบค่าเยียวยาที่พิมและ @bank_thiti ตั้งใจมอบให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากพวกเราในครั้งนี้

เราทราบดีว่าไม่อาจเยียวยาในความเสียหายทั้งหมดได้ แต่เราหวังว่าจะช่วยเยียวยาได้ไม่มากก็น้อย

พิมอยากขอบคุณร้านค้าทุกๆ ร้านที่เข้าใจและยอมรับการขอโทษในความผิดพลาดครั้งนี้ของเรา ทางพิมและแบงค์อยากขอโทษอีกครั้ง และพวกเราขอน้อมรับคำติทั้งหมด และสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกค่ะ "

ซึ่งงานนี้หนึ่งในร้านอาหารได้รับการเยียวยา ก็ได้ออกกล่าวถึงพิมฐาและแบงค์ โดยบอกว่าคิดอยู่นาน ว่าจะออกมาโพสต์ดีไหม แต่ตั้งแต่ที่ทราบว่าติดโควิด ครอบครัวของพิมฐา ก็ได้ติดต่อมาช่วยเหลือทุกทาง และขอโทษนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ได้ขอบคุณทั้งสองคนในฐานะคนดัง แต่อยากขอบคุณในฐานะผู้ป่วยรายที่ 4254 ที่พยายามแสดงความรับผิดชอบ เป็นครั้งแรกที่มีคนมองเห็นและได้ยินเสียงเล็กๆ จำนวนเงินที่มอบให้ทางร้านและพนักงานทุกคน มีค่ามาก เหมือนเป็นการต่อลมหายใจ