• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chigaru

#2721
เจริญอุตสาหกรรม ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 160 ล้านหุ้น-เข้า SET ปรับปรุงรง.-สร้างคลังสินค้า

บมจ.เจริญอุตสาหกรรม (CH) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญออกใหม่ตอ่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

บริษัทมีวัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนเพื่อ ลงทุนปรับปรุงโรงงานผลิตสินค้า และก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ในช่วงปี 65-66

CH หรือชื่อเดิมคือ จิ้นฮ่วย และบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ (1) ผลไม้อบแห้ง (2) ปลากระป๋อง และ (3) ขนมเพื่อสุขภาพ บริษัทเน้นส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น เมียนมา จีน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน อิตาลี ฝรั่งเศส คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น ในช่วงปี 62-64 บริษัทมีสัดส่วนการขายสินค้าไปยังต่างประเทศ เท่ากับ 71-74% ของรายได้จากการขายรวม

บริษัทมีรูปแบบการจำหน่ายสินค้าแบบรับจ้างการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (OEM) จำหน่ายสินค้าเป็นแพ็คใหญ่ (Bulk Pack) ให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและกลุ่มลูกค้าธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ และจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อาทิ EROS ซูมาโก้ เรือรบ Meble และ ChinHuay เป็นต้น ให้กับกลุ่มลูกค้าร้านค้าทั่วไป

บริษัทมีบริษัทย่อย 3 แห่ง ประกอบด้วย

1) Chin Huay (Cambodia) Company Limited (CHC) เพื่อขยายฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งในกัมพูชา ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบมะม่วงสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับการทำมะม่วงอบแห้งแบบ Soft-Dried และมีราคาถูกกว่าเพาะปลูกในประเทศไทย ประกอบกับมีอัตราค่าแรงงานที่ต่ำกว่า อีกทั้งเพื่อรองรับการขยายตลาดลูกค้าต่างประเทศ

2) Chin Huay Holding (Singapore) Pte. Ltd. (CHHS) ประกอบธุรกิจลงทุนในกิจการของบริษัทที่จะจัดตั้งหรือร่วมทุนกับพันธมิตรในต่างประเทศ

3) Chin Huay Trading (Singapore) Pte. Ltd. (CHTS) ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ CHC ไปต่างประเทศ และเป็นตัวแทนจัดซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศให้แก่ CHC โดย CHHS ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียน CHTS

ปัจจุบันบริษัทและบริษัทย่อยมีโรงงานผลิต รวม 2 แห่ง ได้แก่ โรงงาน CH ในท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ผลิตผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ และ (2) โรงงาน CHC ในประเทศกัมพูชา ผลิตผลไม้อบแห้ง

ณ วันที่ 30 ก.ย.64 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนเรียกชำระแล้ว 320 ล้านบาท หรือคิดเป็น 640 ล้านหุ้น และภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะมีทุนชำระแล้วเต็มจำนวน

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรก ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 ได้แก่ บริษัท ซีเอช แฟมิลี่ จำกัด ถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วน 38.13% ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 30.50% นายประวิทย์ ศรีแสงนาม ถือหุ้น 5.01% จะลดลงเหลือ 4.01% กลุ่มนายประทีป ศรีสกาวกุล ถือหุ้น 4.07% จะลดลงเหลือ 3.26% นายณรงค์ คงคาวนา ถือหุ้น 3.76% จะลดลงเหลือ 3.01% นายสุเมธ คุโณภาสวรกุล ถือหุ้น 2.87% จะลดลงเหลือ 2.29% โดยมี นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม อดีตรมว.สาธารณสุข เป็นประธานกรรมการบริษัท

ผลประกอบการในปี 62-64 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,656.76 ล้านบาท, 1,634.47 ล้านบาท และ 1,442.28 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายภายใต้ตราสินค้าอื่นในรูปแบบสั่งผลิตหรือสินค้า OEM และในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่หรือสินค้าขายส่ง (Bulk Pack) เพื่อลูกค้านำไปบรรจุใหม่เป็นบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก (Re-pack) สำหรับจำหน่ายต่อ คิดเป็นสัดส่วนรายได้เฉลี่ย 3 ปีเท่ากับ 93.3% ของรายได้ ในขณะสัดส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าบริษัทเฉลี่ย 3 ปีเท่ากับ 6.7%

ด้านกำไรสุทธิ อยู่ที่ 7.90 ล้านบาท, 67.29 ล้านบาท และ 67.07 ล้านบาท ตามลำดับ อัตรากำไรขั้นต้น 13.07%, 19.85% และ 18.01% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิ 0.47%, 4.09% และ 4.49% ตามลำดับ ทั้งนี้ ในปี 62 บริษัทมีกำไรสุทธิ และอัตรากำไรสุทธิต่ำกว่าระดับปกติ สาเหตุหลักมาจากระดับอัตรากำไรขั้นต้นกลุ่มผลไม้อบแห้งที่ต่ำกว่าระดับปกติ เนื่องจากราคาวัตถุดิบเฉลี่ยทั้งปีที่สูงขึ้นจากภาวะภัยแล้ง

ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,700.51 ล้านบาท หนี้สินรวม 881.40 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 819.11 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ (งบการเงินเฉพาะบริษัท) หลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ
#2722
D คาดปีนี้รายได้คลินิกทันตกรรมสไมล์ซิกเนเจอร์โต 30% หลังโควิดคลี่คลาย
 
นายพรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดนทัลคอร์ปอเรชั่น (D) กล่าวว่า บริษัทคาดงานด้านคลินิกทันตกรรมสไมล์ซิกเนเจอร์ปีนี้จะเติบโตกว่าปี 64 ถึง 30% จากปีที่ผ่านมามีรายได้จากส่วนดังกล่าว 125 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาคลินิกทันตกรรมสไมล์ ซิกเนเจอร์ทั้ง 9 สาขามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ลูกค้าได้เข้ามารับบริการในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับในปีก่อน เนื่องจากมาตรการต่างๆ จากสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งการเข้าถึงวัคซีน การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ รวมทั้งที่ผ่านมามีผู้ต้องการใช้บริการด้านทันตกรรมเป็นจำนวนมาก แต่จากสถานการณ์โรคระบาดทำให้มีการจำกัดการเข้าถึงของการใช้บริการ

"คลินิกทันตกรรมสไมล์ ซิกเนเจอร์ เป็นกลุ่มธุรกิจในเครือ D ที่ให้บริการทางทันตกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีทั้งหมด 9 สาขา เปิดให้บริการมานานกว่า 15 ปีเรามีบุคลากรความเชี่ยวชาญให้บริการทางด้านทันตกรรมตกแต่งครบวงจร เช่น จัดฟันแบบโลหะ จัดฟันแบบใส (Invisalign) รากฟันเทียม วีเนียร์ ครอบฟัน สะพานฟัน ที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีผู้เข้ามาใช้บริการหนาแน่นและต่อเนื่อง" นายพรศักดิ์ กล่าว
แม้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง แต่บริษัทยังให้ความสำคัญกับมาตรการการรักษาความปลอดภัย การให้บริการลูกค้าของคลินิกทันตกรรมสไมล์ ซิกเนเจอร์ มีมาตรการการรักษาความสะอาด และความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งส่วนของภายในคลินิกทันตกรรม และเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ให้บริการ ซึ่งมีระบบการฆ่าเชื้อที่มีมาตรฐาน มีขบวนการตรวจเช็คอยู่ตลอด เพื่อให้บริการได้อย่างปลอดจากการติดเชื้อ และให้ผู้เข้ามารับบริการมีความมั่นใจคลายความกังวล

 
#2723
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex เปิดบวก ก่อนปรับตัวลงสู่แดนลบ

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดตลาดในแดนบวก ก่อนที่จะปรับตัวลดลงสู่แดนลบหลังเปิดการซื้อขายได้ไม่นาน โดยได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวลง

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดตลาดวันนี้ที่ 57,297.57 จุด เพิ่มขึ้น 5.08 จุด หรือ +0.01%

หุ้น Nestle India ปรับตัวลง 2.54%, หุ้น Dr. Reddys ลดลง 0.23% และหุ้น Hindustan Unilever ลดลง 3.94%

ดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยน หลังปธ.เฟดส่งสัญญาณเร่งขึ้นดบ.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะระดับ 120 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปีในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อ

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ณ เวลา 11:30 น. ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 119.88-119.89 เยน เทียบกับ 119.43-119.53 เยนที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อเวลา 17.00 น. ของเมื่อวานนี้

ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.0994-1.0995 ดอลลาร์และ 131.80-131.82 เยนเทียบกับ 1.1010-1.1020 ดอลลาร์และ 131.57-131.67 เยนที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อช่วงบ่ายวานนี้
#2725
TPOLY คว้างานก่อสร้างโครงการจัดหาน้ำดิบฯ มูลค่า 1,251.69 ล้านบาท ดัน Backlog ทะยานกว่า 5,200 ล้านบาท

TPOLY คว้างานก่อสร้างโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อภาคการผลิตพื้นที่จังหวัดระยอง รองรับ EEC เฟส 2 ของบริษัท วาย.เอส.เอส.พี. แอกกริเกต จำกัด มูลค่า 1,251.69 ล้านบาท ฟากบิ๊กบอส "ปฐมพล สาวทรัพย์" ระบุ การได้งานครั้งนี้ส่งผลให้ Backlog ทะยานกว่า 5,200 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง เน้นงานก่อสร้างด้านสาธารณูปโภค หนุนผลงานปีนี้เติบโตเข้าเป้า

นายปฐมพล สาวทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับงานก่อสร้างใหม่ "โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อภาคการผลิตพื้นที่จังหวัดระยอง (รองรับ EEC)" เฟส 2 เป็นงานจ้างเหมาก่อสร้างอาคารสถานีสูบน้ำดิบ สถานีจ่ายน้ำดิบ อาคารควบคุม และงานวางท่อส่งน้ำดิบ ซึ่งเป็นโครงการของบริษัท วาย.เอส.เอส.พี. แอกกริเกต จำกัด มูลค่าโครงการ 1,251,694,132.00 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาก่อสร้าง 306 วัน

"การที่บริษัทฯ ได้รับงานใหม่ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่น และความไว้วางใจของคู่ค้าที่มีให้กับบริษัท ส่งผลให้ TPOLY มีมูลค่างานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) พุ่งแตะกว่า 5,200 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป และมั่นใจว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ผลงานปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPOLY กล่าวอีกว่า ในปี 2565 บริษัทฯ เดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจะเน้นงานก่อสร้างด้านสาธารณูปโภคของเอกชนมากขึ้น เนื่องจากเป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง โดยตั้งเป้าหมายการมีสัดส่วนรายได้จากงานก่อสร้างของเอกชน 60% และภาครัฐ 40%
#2726
หุ้นกู้ดิจิทัล MINT E-Bond ผ่าน "เป๋าตัง" ตอบรับคึกคัก ปิดยอดจอง 2,000 ล้าน ตอกย้ำลงทุนทั่วถึง-เท่าเทียมและยั่งยืน

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ประสบความสำเร็จปิดการขายหุ้นกู้ MINT e-Bond ชุดที่ 3 ผ่าน "เป๋าตัง" มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย หลังนักลงทุนรายย่อยตอบรับดี ตอกย้ำความเชื่อมั่นในบริษัทฯ มั่นใจแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 65 กลับมาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัว รวมถึงสหรัฐฯ และยุโรปทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการควบคุม COVID-19 หลังประชาชนจำนวนมากได้รับวัคซีนแล้ว

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในการเสนอขายหุ้นกู้ 'MINT e-Bond' ให้แก่นักลงทุนรายย่อย ชุดที่ 3 (หุ้นกู้ดิจิทัล) อายุ 4 ปี 4 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.30% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ในแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 21 - 23 มีนาคม 2565

การเสนอขายหุ้นกู้ 'MINT e-Bond' นับเป็นครั้งแรกของบริษัทเอกชนในประเทศไทยที่เสนอขายหุ้นกู้แบบไร้ใบหุ้นกู้ (Scripless) 100%แก่นักลงทุนทั่วไป เพื่อลดการใช้กระดาษสอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลก พร้อมทั้งสนับสนุนนวัตกรรมตลาดทุนในยุคดิจิทัล อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนที่ต้องการเปลี่ยนเป็นใบหุ้นกู้สามารถแจ้งกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เปิดพอร์ตหรือนายทะเบียนหุ้นกู้ได้ (มีค่าธรรมเนียม) นอกจากนี้ ยังเปิดมิติใหม่ของการเสนอขายหุ้นกู้ โดยเป็นครั้งแรกที่มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับส่วนลด 10% จากราคาปกติ (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) เมื่อใช้บริการร้านอาหารในเครือของบริษัทฯ ที่ร่วมรายการ 6 แบรนด์ ได้แก่ เดอะพิซซ่า คอมปะนี, บอนชอน, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เล่อร์, เบอร์เกอร์คิงส์ และเดอะ คอฟฟี่ คลับ (ยกเว้นสาขาในสนามบิน) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไปตลอดอายุหุ้นกู้ที่ลงทุนโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง

"ผลตอบรับจากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ จึงตัดสินใจเข้าลงทุนในหุ้นกู้ MINT e-Bond เพื่อรับผลตอบแทนจากการจ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอและมีความมั่นคง โดยบริษัทฯ เตรียมนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดบางส่วน ในเดือนมีนาคม 2565 และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงช่วยให้บริษัทฯ บริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายชัยพัฒน์ กล่าว

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมรูปแบบใหม่มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ให้ตอบโจทย์ลูกค้าและประชาชนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง บนช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก และปลอดภัย พร้อมสนับสนุนให้คนไทยวางแผนการออมและการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคง โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) ให้เป็น Thailand Open Digital Platform เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทุกกลุ่มใช้บริการได้ แม้ไม่มีบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย พร้อมเปิดกว้างร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับศักยภาพของแพลตฟอร์มให้สามารถบริการครอบคลุมกิจกรรมในชีวิตของลูกค้าและประชาชนอย่างทั่วถึง ทั้งบริการทางการเงิน สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการออมและการลงทุน

ล่าสุด ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จำหน่ายหุ้นกู้ MINT e-Bond ชุดที่ 3 ผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นกู้ดิจิทัล MINT E-Bond อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม กระจายตัวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40.6% และต่างจังหวัด 59.4% เป็นนักลงทุนผู้หญิงสูงถึง 63.7% กระจายตัวทุกช่วงอายุระหว่าง 20-90 ปี โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน (Office Worker) 20-40 ปี สัดส่วนสูงถึง 30.35% และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป 18.03% ตอกย้ำการเข้าถึงการลงทุนได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเสมอภาค สามารถซื้อขายได้สะดวก รวดเร็ว แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับหุ้นกู้และได้รับเงินทันที พร้อมทั้งแสดงข้อมูลการถือครองหุ้นกู้ ราคาซื้อขาย ครบจบในที่เดียว ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้

"ความร่วมมือกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการปฎิวัติการลงทุนหุ้นกู้ภาคเอกชนในธุรกิจอาหาร โรงแรมและไลฟ์สไตล์ และนับเป็นโอกาสในการขยายศักยภาพของแอปฯ เป๋าตัง ให้ตอบโจทย์เรื่องการออมและการลงทุนไปอีกขั้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้าและประชาชนอย่างยั่งยืนในอนาคต ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG) ในหลายๆด้าน ทั้งด้านการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนายกระดับตลาดทุนไทย นำเสนอบริการที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์แบบ Scripless ไม่ต้องใช้เอกสาร ลดการเดินทางไปที่สาขา โดยทำรายการบนแอปฯ เป๋าตังได้ทันที ซึ่งเป็นช่องทางที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคน และเป็นไปตามแนวทางเศรษฐกิจแบ่งปัน หรือ Sharing Economy ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตราสารหนี้ของประเทศอีกด้วย" นายรวินทร์ กล่าว
#2727
โตโยต้าขยายเวลาระงับการผลิตต่ออีก 2 วันหลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เผยว่า บริษัทจะระงับการดำเนินงานในสายงานประกอบรถยนต์ 8 สายที่ญี่ปุ่น ต่อไปอีก 2 วัน เนื่องจากมีปัญหาในการจัดหาชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ ซึ่งได้รับผลกระทบหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.4 แมกนิจูดนอกชายฝั่งจังหวัดฟุกุชิมะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อคืนวันพุธ (16 มี.ค.) ที่ผ่านมา

การระงับการดำเนินงานดังกล่าวจะครอบคลุมโรงงาน 6 แห่งตั้งแต่วันที่ 24-25 มี.ค.นี้ หลังจากที่โตโยต้าประกาศก่อนหน้านี้ว่า สายการผลิต 18 สายในโรงงาน 11 แห่ง จะหยุดดำเนินงานเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธ

โตโยต้าคาดการณ์ว่า การระงับการผลิตในครั้งนี้จะส่งผลให้สูญเสียกำลังการผลิตรถยนต์ไปประมาณ 30,000 คัน เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน 10,000 คัน ซึ่งประเมินจากผลกระทบของการปิดโรงงานสองแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นการชั่วคราว หลังเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าว

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สายการผลิตทั้ง 19 สายในโรงงาน 12 แห่งของโตโยต้า ครอบคลุมการผลิตรถยนต์รุ่น RAV4, Land Cruiser และแบรนด์หรูอย่าง Lexus ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานเนื่องจากแผ่นดินไหวด้วย
#2728
การบินพลเรือนจีนจี้ตรวจสอบความปลอดภัย หลังโบอิ้ง 737 ตกในจีน

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) เรียกร้องให้มีการตรวจสอบความเสี่ยงที่อาจแฝงอยู่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน หลังเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737 ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ตกในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.)

CAAC ระบุว่า ควรกำหนดมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบอันตรายที่อาจแฝงอยู่ในส่วนของการซ่อมบำรุงเครื่องบิน, การตรวจสอบสภาพอากาศเพื่อขึ้นบิน รวมถึงคุณสมบัติและทักษะการปฏิบัติงานของพนักงาน

ทั้งนี้ CAAC ได้ให้คำมั่นสนับสนุนโครงการส่งเสริมความปลอดภัยระยะเวลา 3 ปี รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการความปลอดภัยการบินพลเรือนให้มีมาตรการที่รัดกุม นอกจากนี้ ยังได้ขอให้เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศรายงานพยากรณ์อากาศ รวมถึงแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ และสภาพอากาศเลวร้ายให้ทันต่อเวลา

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เครื่องบินลำดังกล่าวตกจนเกิดไฟลุกไหม้ในหุบเขาใกล้กับหมู่บ้านโม่ล่าง อำเภอเถิงเซี่ยน เมืองอู๋โจว เมื่อเวลา 14.38 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยเป็นเที่ยวบิน MU5735 ที่เดินทางออกจากเมืองคุนหมิงเมื่อเวลา 13.11 น.ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ และมีกำหนดเดินทางถึงเมืองกวางโจวภายในเวลา 2 ชั่วโมง
#2729
 ติดตั้งผ้าม่านวังทองหลางติดผ้าม่านกับเรา ช่วยคุณปะยืด
 ติดตั้งผ้าม่านวังทองหลางรายจ่าย ผลงานออกมางาม 
เราคือคณะทำงานจัดตั้งมือโปร 
 ติดตั้งผ้าม่านวังทองหลางด้วยประสบการณ์อันนาน เรา
ได้รับความเชื่อใจ
 ติดตั้งผ้าม่านวังทองหลางจากลูกค้า ในงานตกแต่งภายใน ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว 
โครงการหมู่บ้าน หรือคอนโด โทรมาถามไถ่
 ติดตั้งผ้าม่านวังทองหลางข้อมูลบริการได้


https://bit.ly/3IwLn0p
#2730
 ติดตั้งผ้าม่านปทุมวันติดม่านกับพวกเรา ช่วยคุณปะหยัด
 ติดตั้งผ้าม่านปทุมวันรายจ่าย ผลงานออกมางาม 
พวกเราคือทีมงานจัดตั้งมืออาชีพ 
 ติดตั้งผ้าม่านปทุมวันด้วยประสบการณ์อันยาวนาน พวกเรา
ได้รับความเชื่อถือ
 ติดตั้งผ้าม่านปทุมวันจากลูกค้า ในงานตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว 
โครงการหมู่บ้าน หรือคอนโด โทรมาถาม
 ติดตั้งผ้าม่านปทุมวันข้อมูลบริการได้


https://bit.ly/3JyICgj
#2731


เครื่องกรองน้ำโคเวย์ เครื่องกรองน้ำดื่มระบบอาร์โอ แบรนด์อันดับ 1 จากเกาหลี กว่า 33 ปี ของความมั่นคง

เครื่องกรองน้ำ RO Coway โคเวย์...น้ำดื่มเพื่อสุขภาพ ให้ท่านสัมผัสได้ถึงนวัตกรรมใหม่ และรูปลักษณ์ดีไซน์สวยงามทันสมัย  ที่จะทำให้ท่านลืมเครื่องกรองน้ำแบบเดิมๆ "กับการให้บริการ coway subscribe เครื่องกรองน้ำ RO คุ้มค่าจัดเต็มดูแลยาวนานถึง 5 ปีเต็ม...ฟรี
 
เครื่องกรองน้ำ Ro Coway คือเครื่องกรองน้ำดื่มที่มีเทคโนโยลีการทำงานที่ทันสมัย และยังสามารถกรองได้ทั้งน้ำเค็ม น้ำบาดาลได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน  เครื่องกรองน้ำ RO Coway มีรุ่นให้เลือกหลากหลาย  พร้อมดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน มาในระบบ Subscribe เพื่อความสะดวกสบายมากกว่าที่เคย

บริการรูปแบบใหม่ "Coway Subscribe" 1 เดียวในประเทศ กับสุดยอดสินค้าคุณภาพ Coway 
 
* ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน
* เพียงชำระรายเดือน เริ่มต้นหลักร้อยพร้อมติดตั้ง ฟรี
* เข้าบริการตรวจเช็คทำความสะอาดเครื่องทุกๆ 2 เดือน ฟรี
* เปลี่ยนไส้กรองให้ฟรีทุกๆ 4 เดือน ฟรี
* เสียซ่อมฟรี! การันตีตลอด 5 ปีคุณได้ดื่มน้ำสะอาดไม่ขาดตอน

เครื่องกรองน้ำดื่มอาร์โอ โคเวย์
 
65/117 ซอยไมตรีจิต3 แขวงสามวาตะวันออก
 
เขตคลองสามวา กรุงเทพ 10510
Tel: 02-153-6332

Tel: 084-903-5666
 
E-mail: thanawat.jaim@gmail.com


Tags :: เครื่องกรองน้ำอาร์โอ, เครื่องกรองน้ำดื่มอาร์โอ
#2732
ฟิลิปปินส์แก้กฎหมายให้ต่างชาติถือครองกิจการต่าง ๆ ในประเทศได้ 100%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายโรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ลงนามในกฎหมายที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการสื่อสารโทรคมนาคม, สายการบิน, สื่อสารมวลชน, ทางด่วน, โทลล์เวย์ และอื่น ๆ ได้โดยสมบูรณ์

ปธน.ดูเตอร์เตลงนามในกฎหมายพระราชบัญญัติสาธารณรัฐ 11659 (Republic Act 11659) เพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติบริการสาธารณะ (PSA) ที่จัดประเภทภาคธุรกิจที่กล่าวมาให้เป็นบริการสาธารณะ โดยยกเลิกข้อจำกัดที่ให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของได้เพียง 40% ภายใต้รัฐธรรมนูญ

ปธน.ดูเตอร์เตกล่าวว่า การแก้ไข PSA "จะช่วยฟิลิปปินส์ในการเป็นผู้นำเส้นทางสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางการระบาดของโควิด-19"

"ข้าพเจ้าเชื่อว่าด้วยกฎหมายนี้ การผ่อนคลายข้อจำกัดการถือหุ้นโดยชาวต่างชาติจะช่วยดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกมากขึ้น ตลอดจนปรับปรุงบริการสาธารณะในหลายภาคส่วนให้ทันสมัย และยกระดับการส่งมอบบริการที่จำเป็น" ปธน.ดูเตอร์เตกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างพิธีลงนาม

ทั้งนี้ ปธน.ดูเตอร์เตคาดหวังว่า การบังคับใช้ PSA รวมทั้งแก้ไขพระราชบัญญัติการลงทุนจากต่างประเทศ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะธุรกิจในท้องถิ่น

อย่างไรก็ดี กฎหมายใหม่ฉบับนี้ยังคงห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในระบบสายส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า, ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม, ระบบท่อส่งน้ำมัน, ระบบท่อส่งน้ำประปาและระบบท่อน้ำเสีย รวมถึงระบบท่อน้ำทิ้ง, ท่าเรือ และรถสาธารณะที่ยังคงจัดอยู่ในประเภทสาธารณูปโภค
#2733


บริษัท นิวม่า ซิสเต็มส์ จํากัด จำหน่าย Air Cylinder แบรนด์ SMC แบบมาตรฐาน


กระบอกสูบแบบคอมแพ็ค (Compact Cylinder) กระบอกสูบนิวเมติก กระบอกสูบทางเดียว กระบอกสูบ 2 ทาง กระบอกสูบไฟฟ้า กระบอกสูบไฮดรอลิก smc และอีกหลากหลายชนิด หลากหลายรูปแบบ

บริษัท นิวม่า ซิสเต็มส์ จํากัด จำหน่าย Air Cylinder แบรนด์ SMC ไม่ว่าจะเป็น แบบมาตรฐาน (Standard Cylinder) กระบอกสูบแบบคอมแพ็ค (Compact Cylinder) กระบอกสูบนิวเมติก กระบอกสูบทางเดียว กระบอกสูบ 2 ทาง กระบอกสูบไฟฟ้า กระบอกสูบไฮดรอลิก smc และอีกหลากหลายชนิด หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม, อุตสาหกรรมรถยนต์, อุตสาหกรรมการผลิต เครื่องจักร, อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และเครื่องสำอางค์ เป็นต้น บริษัท เอส.เอ็ม.ซี. (ประเทศไทย) จำกัด ให้บริษัทการด้านผลิตภัณฑ์นิวแมติกส์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้านลมอัด

บริษัท นิวม่า ซิสเต็มส์ จํากัด

119 ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19

ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เขตลาดพร้าว

กรุงเทพมหานคร 10230

Tel: 02-932-0368,

Tel: 02-538-2853,

Tel: 02-935-9715

Fax: 02-932-0370

E-mail: pneuma168@gmail.com


Tags :: กระบอกสูบ, กระบอกสูบ smc, ขายกระบอกสูบ smc
#2734
'ทีซีแอล' เผยโรดแมปปี 65 ดัน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ชิงส่วนแบ่งตลาดคอนซูมเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ชูจุดเด่น ทนทาน คุ้มค่า พร้อมนวัตกรรมและฟังก์ชันอัดแน่น

บริษัท ทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เดินเกมรุกปี 2565 เสริมความแข็งแกร่งกลุ่มลูกค้าตลาดอิเล็กทรอนิกส์ในไทย ชูกลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศา พร้อมส่ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ บุกตลาดปี 65 เต็มกำลัง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ที่มาพร้อมจุดเด่นด้านความทนทาน เทคโนโลยีและฟังก์ชันการทำงานที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงจุดแข็งด้านการรับประกันคุณภาพสินค้าที่ยาวนาน และการบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการจัดแคมเปญ โปรโมชันส่งเสริมการขาย ตลอดจนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป รวมถึงบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซต่าง ๆ ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของทีซีแอลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำระดับโลกที่มีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ทุกประเภทการใช้งาน โดยตั้งเป้าสัดส่วนทางการตลาด สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า แยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ ไว้ที่ 10% ภายใน 3 ปี

นายเกา จื้อกัง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ทีซีแอล (TCL) เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติจีนที่ก่อตั้งยาวนานถึง 41 ปี และเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยเป็นระยะเวลากว่า 18 ปี โดยทำธุรกิจทั้งการวิจัยและพัฒนา ผลิต รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตอบโจทย์สมาร์ทโฮม โดยจุดแข็งคือการมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง ทำให้ทีซีแอลมีศักยภาพสูงในแง่การผลิตและพัฒนาสินค้า รวมถึงการควบคุมต้นทุน จึงเชื่อมั่นว่าในระยะยาวทีซีแอลจะผลิตสินค้าได้ครอบคลุมทุกประเภทและจำหน่ายสินค้าในราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้แน่นอน สำหรับทิศทางการทำตลาดของทีซีแอลในประเทศไทยปี 2565 เน้นการสร้างแบรนด์ทีซีแอลให้เป็นที่รับรู้แก่ผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น ในฐานะแบรนด์ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำระดับโลกที่มีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ทุกประเภทการใช้งานผ่านแผนการสื่อสารการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์อย่างเข้มข้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี อาทิ การโฆษณาบนรถไฟฟ้าบีทีเอส การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ฯลฯ เป็นต้น แม้สัดส่วนการตลาดของทีซีแอลที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ยังพบว่าตลาดมีการเติบโตต่อเนื่องในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ในขณะที่เครื่องซักผ้าและตู้เย็นมีแนวโน้มการเติบโตเป็นที่น่าสนใจเช่นกัน เป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่ต้องอยู่บ้านมากขึ้นทำให้มีความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกสบายในภายในบ้านเพิ่มมากขึ้นไปด้วย

"กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจปี 2565 นอกจากการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่งต่อผู้บริโภคแล้ว ทีซีแอลยังพร้อมเดินหน้าชิงส่วนแบ่งตลาดใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันการทำงานหลากหลายที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะฟังก์ชันการเชื่อมต่อถึงกันอย่างอัจฉริยะบนแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นในการทำงาน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ

ควบคุม และเชื่อมต่อการใช้งานระหว่างแต่ละผลิตภัณฑ์ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้งานและความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับ ควบคู่ไปกับจุดแข็งด้านการรับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ยาวนาน และบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันของทีซีแอลคอยให้บริการ ตลอดจนการจัดแคมเปญ โปรโมชันส่งเสริมการขายต่าง ๆ ตามแต่ละช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งหมดนี้เชื่อมั่นว่าจะทำให้ทีซีแอลเดินหน้าอย่างมั่นคงสู่การเป็นแบรนด์ผู้นำสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในไทยได้อย่างแน่นอน" นายเกา กล่าวสรุป

นายจีรชัย ศักดิ์สง่าวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายสินค้าเครื่องปรับอากาศ บริษัท ทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องปรับอากาศในไทยมีการแข่งขันค่อนข้างสูง โดยพบว่าขนาดตลาดเครื่องปรับอากาศมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 22,000 ล้านบาท แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถือว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ปัจจุบันทีซีแอลได้นำผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องปรับอากาศเข้ามาทำตลาดในไทยมากกว่า 7 ปี มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกครอบคลุมตามประเภทการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรับอากาศแบบติดผนัง แบบเคลื่อนที่ แบบตู้ตั้ง หรือแบบฝังเพดาน ซึ่งทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์มาพร้อมความคุ้มค่าในด้านราคาและความทนทานในการใช้งาน รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยผสานกับฟังก์ชันการใช้งานที่โดดเด่นตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ผสานกับบริการหลังการขายที่ได้มาตราฐาน รวมไปถึงการจัดทำโปรโมชันส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศผ่านตัวแทนจำหน่ายในทุก ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เทรดดิชันนอลเทรดทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ร่วมกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซต่าง ๆ ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ทำให้ทีซีแอลตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศในไทยระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ไว้ที่ 10%

สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศแบบติดผนังของทีซีแอล มาพร้อมจุดเด่นด้านเทคโนโลยี ฟังก์ชันใช้งาน และการจัดการที่ชาญฉลาด อาทิ ทีซีแอล ไททัน โกลด์ ฟิน เอกสิทธิ์เฉพาะของทีซีแอล ชูคุณสมบัติช่วยระบายน้ำของเครื่องปรับอากาศได้เร็ว มีความทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น รวมถึงใช้เทคโนโลยีนาโนที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อไวรัสทำให้ไร้กลิ่นอับ ฟังก์ชัน ทีซีแอล ซุปเปอร์ เทอร์โบ สตาร์ท ที่ช่วยให้อากาศเย็นเร็วภายใน 30 วินาที ในขณะที่ความทนทานต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบได้สูงถึง 60 องศาเซลเซียส ทั้งยังมีระบบตรวจจับความสะอาดแผ่นกรองเพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อถึงรอบที่ต้องทำความสะอาด ที่สำคัญมาพร้อมโหมด Leakage Detection แจ้งเตือนเมื่อเกิดรอยรั่วของสารทำความเย็นหรือหรือเครื่องปรับอากาศทำงานผิดปกติ ระบบจะหยุดการทำงานอัตโนมัติและขึ้นจอแสดงผลแจ้งเตือนส่วนที่เกิดปัญหาทันที ทำให้มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้และสะดวกต่อการซ่อมบำรุง

พร้อมกันนี้เครื่องปรับอากาศทีซีแอลยังมี ระบบ AI Inverter อินเวอร์เตอร์อัจฉริยะ ที่ช่วยในเรื่องความทนทาน ประหยัดเงิน และประหยัดพลังงาน รวมถึงนวัตกรรม Smart Gentle Cool Wind ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทีซีแอลช่วยสร้างกระแสลมที่นุ่มนวล หลีกเลี่ยงลมปะทะตัวจากกระแสลมที่เย็นจัดและรุนแรง เพื่อให้รู้สึกถึงความเย็นสบายที่ลงตัวมากขึ้น ในขณะที่ด้านดีไซน์ของเครื่องปรับอากาศทีซีแอลทุกรุ่นยังมีความเรียบง่ายสวยงาม รวมถึงการออกแบบให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานและทีมช่างภายใต้คอนเซ็ปต์ 3E Design ได้แก่ Easy Clean, Easy Maintenance และ Easy Install สามารถถอดทำความสะอาดเองได้ไม่ง้อช่าง รวมถึงการออกแบบเพื่อรองรับกับการทำงานของช่างในเรื่องการติดตั้งและการถอดชิ้นส่วนเพื่อซ่อมบำรุง ทำให้สะดวกและประหยัดเวลาไปได้มาก

ความพิเศษของเครื่องปรับอากาศทีซีแอล ยังมาในรุ่น T-Pro ที่จะเพิ่มเติมฟังก์ชัน เทคโนโลยีสมาร์ทไวไฟ (Smart-WIFI) ที่จะช่วยตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย โดยทีซีแอลได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับกับการเป็น Internet of Thing (IOT) ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการทำงานได้ผ่านการเชื่อมโยงของอุปกรณ์อัจฉริยะผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสั่งการได้ อย่างง่ายดาย ทั้งการตั้งเวลาเปิด-ปิด ปรับอุณหภูมิ เปลี่ยนโหมดการทำงานได้ เป็นต้น อีกทั้งเครื่องปรับอากาศของทีซีแอลทุกรุ่นยังชูจุดเด่นด้านการประหยัดพลังงานที่ได้รับการรับรองฉลากเบอร์ 5 โดยเฉพาะรุ่น T-Pro Premium การันตีประหยัดพลังงานสูงสุดเบอร์ 5 ระดับ 2 ดาว ตลอดจนยังมีการรับประกันคุณภาพสินค้าที่ยาวนาน ด้วยการรับประกันตัวเครื่อง 5 ปี และรับประกันคอมเพรสเซอร์นานถึง 10 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากขึ้นอีกด้วย นายจีรชัย กล่าว

ด้าน นายเอกชัย ชื่นศิริกุลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายขายสินค้าตู้เย็น เครื่องซักผ้า บริษัท ทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เผยว่า สำหรับตลาดในไทยของกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็นมีมูลค่าราว 16,800 ล้านบาท โดยในปี 2563 และ 2564 พบว่าตลาดมีการเติบโตประมาณ 12.6% และ 2.8% ตามลำดับ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องซักผ้ามีมูลค่าราว 14,400 ล้านบาท เติบโต 2.5% และ 2% แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตามในสองกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ทีซีแอลได้ตัดสินใจเข้ามาทำการตลาดอย่างจริงจังเมื่อ ช่วงไตรมาสมาสที่ 4 ของปี 2564 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะมีส่วนทางการตลาดผลิตภัณฑ์เครื่อง ซักผ้า และตู้เย็น ในประเทศไทยอย่างน้อย 10% ในแต่ละหมวดสินค้า ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยจะชูผลิตภัณฑ์ที่จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคทั้งด้านความคุ้มค่าราคา ความทนทาน รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานที่โดดเด่น และสอดคล้องกับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM2.5 หรือ Covid-19

โดยผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าฝาหน้าเน้นชูฟังก์ชันสุขภาพ Heat Sterilization ที่สามารถกำจัดเชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Smart Inverter Motor มอเตอร์อินเวอร์เตอร์ประสิทธิภาพสูง ทำงานเงียบ นิ่ง และประหยัดพลังงาน มีรอบปั่นหมาดสูงถึง 1,400 รอบต่อนาที ในทุกรุ่นทุกขนาด นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน และโปรแกรมซักที่หลากหลายตามชนิดของผ้าให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้งาน ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ตู้เย็นก็ยังมุ่งเน้นไปที่ฟังก์ชันสุขภาพ ความสะดวกสบายในการใช้งาน และความทนทาน ซึ่งจะชูเทคโนโลยี AAT (Auto Anion Technology) ที่สามารถปล่อยประจุลบสำหรับกำจัดเชื้อโรคแบคทีเรีย และกลิ่นในตู้เย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ Smart Inverter Compressor คอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์ประสิทธิภาพสูง ที่ทำงานเงียบ ทนทาน และประหยัดพลังงาน ระบบกระจายลมเย็นหลายทิศทาง (Multi Airflow) จุดปล่อยลมเย็นหลายจุด เย็นเร็ว รวมไปถึงดีไซน์ที่สวยงาม หรูหราที่ช่วยยกระดับครัวของผู้บริโภคได้อย่างมีระดับอีกด้วย

ทั้งนี้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าของทีซีแอล นอกจากจะตอบโจทย์ผู้บริโภคด้านความคุ้มค่า และฟังก์ชันการใช้งานแล้ว ทีซีแอลยังคำนึงถึงผู้บริโภค โดยขยายระยะเวลารับประกันสินค้ารวมถึงอะไหล่ เป็นระยะเวลา 3 ปี มอเตอร์เครื่องซักผ้าทุกประเภท 12 ปี คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นทุกประเภท 10 ปี และบริการหลังการขายที่ได้มาตราฐานมากกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ รวมไปถึงการจัดทำโปรโมชันส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องทั้ง TCL Nationwide Campaign หรือแคมเปญร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในทุก ๆ ช่องทางอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นช่องทางทั้งบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป รวมถึงช่องทางออนไลน์ร่วมกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และผลักดันสินค้าเครื่องซักผ้าและตู้เย็นของทีซีแอลเข้าสู่ตลาดให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายส่วนแบ่งทางการตลาด 10% ในอีก 3 ปีข้างหน้าจากนี้ นายเอกชัย กล่าวทิ้งท้าย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ บริษัท ทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด โทรศัพท์ 02-026-6286 เว็บไซต์ www.tcl.com/th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมอื่น ๆ ได้ที่เฟซบุ๊ก https://web.facebook. om/TCLThailand
#2735
ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.66 อ่อนค่ารับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ให้กรอบวันนี้ 33.55-33.80

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.66 บาท/ดอลลาร์ อ่อน ค่าจากปิดตลาดช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.51 บาท

เงินบาทเช้านี้ยังอ่อนค่า เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าจากการที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับดอกเบี้ยเร็วขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังมีข่าวกลุ่มสหภาพยุโรป เตรียมคว่ำบาตรรัสเซียเรื่องการนำเข้าน้ำมัน

"บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ไปมาก เนื่องจากมีแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ส่วนปัจจัยในประเทศตอนนี้ยังไม่มีอะไร ใหม่" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.55 - 33.80 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (21 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.52537% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.61782%

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.94 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 119.22 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0989 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1059 ดอลลาร์/ยูโร
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.461 บาท/
ดอลลาร์
ผู้อำนวยการและผู้บริหารกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์ตลาดเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินแนวโน้มตลาดเงินใน
สัปดาห์นี้ คาดสินทรัพย์เสี่ยงอาจเข้าสู่ช่วงพักฐาน เนื่องจากตลาดได้ซึมซับข่าวเชิงบวกไปค่อนข้างมาก เช่น คำมั่นของรัฐบาลจีนต่อ
การสนับสนุนและรักษาเสถียรภาพของตลาดทุน รวมถึงความหวังเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน และนโยบาย
ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่เข้าสู่การคุมเข้มชัดเจน
ก.ล.ต.หารือ ผู้ประกอบการ ออกเกณฑ์คุมยูทีลิตี้โทเคนพร้อมใช้ที่เข้าเทรดในศูนย์ซื้อขาย หวังคุ้มครองผู้ลงทุนให้มี
ข้อมูลเพียงพอ พร้อมผุดเกณฑ์ยื่นไฟลิ่งแบบ "ฟาสต์แทรค" ช่วยลดต้นทุน เตรียมเปิดเฮียริ่งเกณฑ์ภายใน เม.ย.65
"พาณิชย์" ถกด่วนแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าและสั่งอาหารออนไลน์ เบรกปรับขึ้นค่าบริการขนส่ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อ
ค่าครองชีพของประชาชน พร้อมย้ำแสดงราคาค่าสินค้าและบริการให้ชัดเจน
"คณิศ" ชี้ถึงเวลารัฐปรับนโยบายเศรษฐกิจ ช่วยคนส่วนใหญ่ของประเทศให้มีอาชีพได้อีกครั้ง หลัง 2 ปีที่ผ่านมา
รายได้คนกลุ่มนี้หายไป 1 ล้านล้านบาท ลั่น "คนละครึ่ง" ดี แต่รัฐช่วยให้กินข้าวได้แค่ครึ่งชาม ต้องช่วยให้สร้างรายได้ด้วยตัวเอง
ด้าน "อีอีซี" จับมือแบงก์รัฐทำ "แซนด์บ็อกซ์" สร้างอาชีพให้คนในพื้นที่
ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ โดยส่งสัญญาณ
ว่า เฟดอาจจะคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อ
ผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นทั่วโลก รวมทั้งสงครามและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในต่างประเทศและจะยิ่งทำให้ห่วงโซ่อุปทานตกอยู่ในภาวะชะงักงันมากขึ้นอีก ซึ่ง สถานการณ์ดังกล่าวจะลุกลามบานปลายมาถึงเศรษฐกิจสหรัฐด้วย

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์
(21 มี.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอยู่ในระดับที่สูง
เกินไป และเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันจันทร์ (21 มี.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล
ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับ
สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.จาก
มาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย
(pending home sales) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
#2736
 
     เล่น betflik ได้เงิน  ทุกเพศ ทุกวัย  ปัจจุบันนี้จังหวะเข้ามาหาเราจำนวนมาก พวกเราควรเปิดโอกาสให้ตัวเราได้มองหาขั้นตอนการกาเงินได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ  ไม่จำเป็นที่ต้องออกไปขายสินค้า  ไม่จำเป็นที่ต้องไปซื้ออะไรมาขายลงทุนมากมายล้นหลาม  แต่...พวกเรามี betflik ได้เงิน จริง  พวกเราต้องเล่นเกมให้ได้ตามเป้าของเกม ถ้าหากเล่นเกมชนะหรือเก็บคะแนน เก็บสะสมใดๆ เมื่อถึงเวลาครบก็นำไปปรับเงินให้เพิ่มขึ้น หรือแลกรางวัล แลกเงินออกมาเป็นเงินสดได้ เกมนั้นมีมาก แล้วก็ หลายแบบ ก็เลยจำเป็นต้องมองหาแล้วล่ะว่าจะเล่น betflik ได้เงิน แบบไหน ถูกใจการหาเงินในลักษณะของเกมไหน  จะใช้เวลาว่างเรียกเกมว่าเป็นงานออนไลน์ก็ย่อมได้ เนื่องจากว่าเกมพวกนี้ก็เป็นที่รู้จักกันในโลก  online โดยการโฆษณาต่างๆตามเว็บ Website ที่มีทั้งรูปภาพ บทความ รวมทั้งข่าวข้อมูลที่มาพร้อมไว้ให้คำแนะนำ

     

     จะยกตัวอย่าง betflik ได้เงิน แบบทั่วๆไป  อย่างเช่นการเก็บเลเวลในเกม  การขายไอเท็มในเกม ฯลฯ เห็นมะว่าเกมแต่ละเกมก็มีดีรวมทั้งมีประโยชน์ สร้างรายได้จากเกมที่เล่น การเก็บเลเวลให้ผู้แสดงสูงๆแล้วเอานักแสดงนั้นไปขายหรือรับจ้างเล่นว่านอนสอนง่ายๆ  แนวทางการขายไอเท็มในเกม อันนี้ก็จะต้องลุ้นนิดหน่อยเวลาได้ไอเทมมา ยิ่งถ้าเป็นไอเทมที่หายาก นานๆจะออกมาซะครั้ง  ก็จะขายได้ราคาสูงกันเลยทีเดียว อาวุธแต่ละเกมก็มีความยากง่ายที่แตกต่างกัน เกมทุกเกมมีการค้าขายส่งต่อกัน ก็ถือว่าเป็นการสร้างรายได้อย่างหนึ่ง แต่เกมพวกนี้ก็ต้องมีการลงทุนเหมือนกัน ซื้อมาขายไปค้ากำไร

     

     ไม่ยากเลย จะยากก็ตรงที่ยังเล่นเกมไม่เป็นนี่แหละ เพราะฉะนั้นก็จำเป็นต้องฝึกหัดเล่นรวมทั้งฝึกมือให้เก่ง เกมกลุ่มนี้ก็จำเป็นต้องอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว หรือคนใดกันจะเล่นบนคอมพิวเตอร์ก็ก็แล้วแต่ความสบายของแต่ละคน  คนใดกันพูดว่าเกมเป็นเรื่องเลวร้าย ไม่จริงเลย เกมเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นได้จริง หากมองหาช่องทางจากเกมให้ได้แล้วจะมีเงินเพิ่มพูนเป็นผลกำไรให้กับตนเอง เมื่อได้กำไรแล้วหลังจากนั้นก็รู้จักเก็บ รู้จักใช้ แบ่งรูปร่างออกให้พอดีกับการลงทุนต่อทุกๆครั้ง เนื่องจากคือสิ่งสำคัญแล้วก็สำคัญ ไม่ใช่ว่าเล่นได้เท่าไหร่ ก็ลงหมด แล้วมันจะเกิดผลดีอะไรจากที่ลงทุนไป รายได้เสริมมองหาได้อย่างง่ายๆ ถ้าเกิดพวกเราคิดจะทำมัน เพียงแค่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็หาเงินได้ แค่มีอินเทอร์เน็ตก็หาเงินได้ เกมทุกเกมมันมีข้อดีและข้อเสียของมัน ต้องมีสติต่อตัวเองให้มากมายๆสำหรับการเล่นไม่อย่างนั้นอาจหัวเสียกลายเป็นพังทลายได้ ควรมองหา betflik ได้เงิน  
#2737
Asia Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียประจำวันที่ 21 มีนาคม 2565

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางจีนมีมติคงอัตราดอกเบี้ยยังสร้างความผิดหวังให้กับตลาด

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 7,278.50 จุด ลดลง 15.90 จุด หรือ -0.22% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 7,558.90 จุด ลดลง 12.30 จุด หรือ -0.16%

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดแดนลบวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไร นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย รวมถึงนโยบายการเงินของสหรัฐหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดวันนี้ที่ 2,686.05 จุด ลดลง 20.97 จุด หรือ -0.77% โดยมีปริมาณซื้อขายปานกลางที่ 495 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 8.6 ล้านล้านวอน (7.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในสัดส่วน 454 ต่อ 394 ตัว

-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกเล็กน้อยในวันนี้ หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี และ 5 ปี

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,253.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.61 จุด หรือ +0.080%

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการเทขายทำกำไรของนักลงทุน หลังจากที่ตลาดเปิดบวกกว่า 400 จุด ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (18 มี.ค.)

ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 21,221.34 จุด ลดลง 191.06 จุด หรือ -0.89%

-- ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (21 มี.ค.) เนื่องในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
#2738
พรินซิเพิล สบช่องออกกอง PRINCIPAL GMA รับมือช่วงตลาดผันผวน ขาย IPO 21-29 มี.ค.

นายศุภกร ตุลยธัญ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. พรินซิเพิล เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดผันผวนจากปัจจัยสำคัญต่างๆ ในปัจจุบัน ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากแรงกดดันของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นสูงจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครน จึงมีโอกาสเห็นการปรับเพิ่มตัวเลขการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ (inflation expectation) ได้เช่นกัน ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ มีความจำเป็นที่จะต้องใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว โดยคาดว่าจะหยุดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) ในช่วงไตรมาสแรกของปี และเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายทันทีในเดือนมีนาคม 2565 โดยอาจเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ถึง 6 ครั้งในปีนี้

ดังนั้นมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังเผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามประเมินภาพรวมผลตอบแทนของตลาดหุ้นในปี 2565 จะยังคงเป็นบวกได้อยู่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีความน่าสนใจ ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 18.10% ต่อปี เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดเกิดใหม่, ตลาดหุ้นจีน, ตลาดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วยกเว้นสหรัฐอเมริกาและตลาดหุ้นอังกฤษ ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 10.50%, 9.30%, 8.40% และ 4.20% ตามลำดับ (Source: Bloomberg, FactSet, Principal Global Asset Allocation ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) อย่างไรก็ตามสภาวะตลาดที่ผันผวนสูงจะทำให้การจับจังหวะลงทุนนั้นมีความลำบาก จึงเป็นสภาวะที่เหมาะสมกับกองทุนที่มีการจัดสรรสินทรัพย์เพื่อลดความผันผวนระดับสูงจากสินทรัพย์เสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนบางส่วนไปที่ตราสารหนี้

ส่วนทิศทางการลงทุนในตราสารหนี้ประเภท Core fixed income ที่ส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้คุณภาพสูงนั้น จะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อต่อสู้กับความกดดันทางด้านเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่กดดันผลตอบแทนของกลุ่ม Core fixed income ทำให้ตราสารหนี้ประเภท Global High yield และ Global Preferred Securities จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้

ทั้งนี้ บลจ. พรินซิเพิล แนะนำว่าจากสถานการณ์ปัจจุบัน ควรให้ความสำคัญกับกลยุทธ์กระจายการลงทุนที่หลากหลาย และเน้นลงทุนต่อเนื่องในระยะยาว จึงได้เพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการรับมือกับความผันผวน โดยเปิดตัว "กองทุนเปิด พรินซิเพิล โกล. มัลติ แอสเซท" หรือ Principal Global Multi Asset Fund (PRINCIPAL GMA) มีทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท (Greenshoe 15%) เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 21 - 29 มีนาคม 2565 สั่งซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท โดยเป็นกองทุนผสมและกองทุนรวมหน่วยลงทุน Fund of Funds ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม และ/หรือกองทุน Exchange Traded Fund (ETF) ต่างประเทศ สามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลาย ทั้งตราสารทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และหน่วยลงทุนของกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสัดส่วนการลงทุนดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี

จุดเด่นของกองทุนเปิด PRINCIPAL GMA คือการดำเนินงานภายใต้ปรัชญาการลงทุนแบบ Principal Global Asset Allocation โดย บลจ. พรินซิเพิล ผู้บริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การลงทุนแบบ Asset Allocation ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 17 ปี และบริหารพอร์ตการลงทุนผ่านสินทรัพย์หลากหลายประเภทเป็นมูลค่าถึง 1.649 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกระบวนการลงทุนของ Principal Global Asset Allocation ประกอบด้วยกระบวนการ 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1) Strategic Asset Allocation ใช้หลักการลงทุนระยะยาววิเคราะห์สินทรัพย์เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เหมาะสม 2) Tactical Asset Allocation ใช้กลยุทธ์ Tactical ปรับพอร์ตตามสถานการณ์ระยะสั้น สร้างผลตอบแทนจากปัจจัยเศรษฐกิจและความไร้ประสิทธิภาพของตลาด (Market Inefficiency) และ 3) Active Implementation วิเคราะห์กองทุนที่จะเข้าไปถือครองเป็นรายตัวเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพอร์ตลงทุน

ขณะเดียวกันยังใช้กลยุทธ์กระจายการลงทุนเชิงรุกที่พร้อมปรับเปลี่ยนอยู่เสมอหรือ Dynamic Asset Allocation โดยเน้นการลงทุนในกองทุนรวมและ ETF ทั่วโลก ทำให้มีกรอบการลงทุนที่ครอบคลุมทุกสินทรัพย์เพื่อโอกาสสร้างผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าดัชนีอ้างอิง (Benchmark) และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง (Risk adjusted) พร้อมทั้งบริหารพอร์ตแบบมีเป้าหมายผสมผสานทั้งมุ่งหวังมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นในระยะยาว และสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ
#2739
งานประชุมใหญ่ไทยประกันชีวิต ประจำปี 2565 ชาติเสือไม่สิ้นลาย
 
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (Thai Life Insurance : TLI) จัด "งานประชุมใหญ่ ประจำปี 2565" ภายใต้แนวคิด ชาติเสือไม่สิ้นลาย เพื่อปลุกพลังของชาวไทยประกันชีวิตทุกคน ในการขับเคลื่อนองค์กร พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เพื่อมุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงิน หรือ Life Solutions Provider พร้อมประกาศเป้าหมายการดำเนินงานแก่บุคลากรฝ่ายขายทั่วประเทศ

งาน "ประชุมใหญ่ ประจำปี 2565" จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในรูปแบบ Virtual Conference เพื่อให้สอดรับกับวิถีใหม่ โดยมีบุคลากรทั้งสำนักงานใหญ่ สาขา และฝ่ายขาย ร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง พิธีเปิดงานเริ่มต้นด้วยการปลุกบรรยากาศให้ฮึกเหิมด้วยการแสดงกลองสุดยิ่งใหญ่ พร้อมกล่าวเปิดงานโดย คุณฮิเดกิ นากาชิมะ ประธานบริหาร บริษัท เมจิยาสุดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด

จากนั้นเป็นการแถลงนโยบายและมอบเป้าหมายการทำงาน โดยคุณไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล (Personalize) ในทุกช่วงชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Stage) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle)

และเพื่อแสดงพลังความพร้อมเพรียงเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายในงานยังมีการแสดงจากผู้บริหารฝ่ายขายทั้ง 14 โซน พร้อมโชว์ปลุกพลังจากศิลปิน คิว วงฟลัวร์ ในบทเพลงชาตินี้ไม่เสียชาติเกิด ต่อด้วยการแสดงที่ส่งต่อพลังของความมุ่งมั่นด้วยบทเพลง Unstoppable จากน้องเฟี้ยท - ประภาพร ศรีเมือง ดีวาแห่งวงการเปิดหมวก

ปิดท้ายด้วยการแสดงชุดผนึกกำลังแกร่ง ไม่ชนะ ไม่เลิกรา โดยบุคลากรฝ่ายขายจากทั่วประเทศร่วมการแสดงผ่านระบบ Zoom ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังอันแข็งแกร่ง พลังความมุ่งมั่น หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และยังร่วมส่งต่อพลังให้แก่กันละกัน เพื่อก้าวผ่านทุกอุปสรรค และผลักดันให้บรรลุสู่เป้าหมายของปี 2565 ร่วมกัน
#2740
'MFC' ชวนคว้าโอกาสการลงทุนในเวียดนาม จับกระแสดาวรุ่งแห่งยุคกับกองทุน "MVIET" IPO: 21 - 30 มีนาคม 

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศจากการลงทุนทั่วทุกมุมโลก ชวนคว้าโอกาสการลงทุนในเวียดนาม ประเทศดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และที่มีปัจจัยขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ทำให้สกุลเงินเวียดนาม (VND) มีเสถียรภาพมากที่สุดในภูมิภาค ด้วยจำนวนประชากรราว 100 ล้านคน ที่มีอายุเฉลี่ยเพียง 32.5 ปี ซึ่งอายุน้อยที่สุดในเอเชีย ทำให้มีการพัฒนาด้านแรงงานและช่วยหนุนการบริโภคในประเทศให้เติบโต รวมถึงการเปิดเศรษฐกิจและกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งหลังจากปิดพรมแดนเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 มาเป็นเวลา 2 ปีเต็ม ดังนั้น MFC จึงเตรียมจัดตั้ง กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เวียดนาม ออพพอร์ทูนิตี้ หรือ "MVIET" เพื่อลงทุนในประเทศเวียดนาม

คุณธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจ และแนวโน้มตลาดหุ้นเวียดนาม ถูกขับเคลื่อนด้วยสี่ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมเมือง (Urbanization) ด้วยประชากรส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาวมากกว่า 60 ล้านคน ซึ่งมีอายุเฉลี่ยประมาณ 32 ปี มีการพัฒนาด้านแรงงาน และช่วยหนุนการบริโภคในประเทศให้เติบโต 2) กระแสการลงทุนของบริษัทต่างชาติ (FDI) ในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำ และด้วยข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศที่หลากหลายกับกลุ่มการค้าโลก ทั้ง EVFTA, ASEAN, US และ RCEP โดยคาดการณ์ว่า FDI ในปี 2022 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสูงสุดในภูมิภาค ทำให้เวียดนามได้ชื่อว่าเป็นว่าที่ฐานการผลิตสินค้าแห่งใหม่ของโลก 3) การลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขนาดใหญ่ของรัฐบาลเวียดนาม เช่น การปรับปรุงทางด่วน สนามบิน และท่าเรือทั่วประเทศ และการลงทุนในพลังงานทดแทน 4) ตลาดหุ้นเวียดนามที่ยังคงดึงดูดนักลงทุน จากหุ้นที่มีราคาไม่แพง เทียบกับศักยภาพในการเติบโต รวมถึงแนวโน้มการยกระดับเข้าสู่ MSCI Emerging Markets Index ในช่วง 2 - 3 ปีข้างหน้า

กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เวียดนาม ออพพอร์ทูนิตี้ หรือ "MVIET" เน้นลงทุนแบบผสมผสานในหุ้นที่มีขนาดตลาด (market capitalization) ทุกขนาด ทั้ง ใหญ่ กลาง เล็ก ในหลากหลายอุตสาหกรรมเช่น Banks, Real Estate, Technology ที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจและปัจจัยขับเคลื่อนดังกล่าว โดยเน้นลงทุนในกองทุนเวียดนามชั้นนำ 2 กองทุน ด้วยการลงทุนสไตล์ Active บริหารโดยทีมลงทุนที่เชี่ยวชาญและใกล้ชิดกับตลาด ได้แก่ Lumen Vietnam Fund ที่คัดเลือกหุ้นโดยใช้การวิเคราะห์แบบ Bottom-up และปัจจัยพื้นฐาน พร้อมพิจารณาด้าน ESG เพื่อมุ่งหวังให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน จับจังหวะการซื้อขายด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิค Dragon Capital - Vietnam Equity UCITS Fund ที่เน้นลงทุนในหุ้น Large cap ของบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับประเทศเวียดนามที่คัดสรรแล้วว่ามีศักยภาพในการเติบโตสูงในราคาที่สมเหตุผล โดยใช้ประเมินมูลค่าหุ้นที่แท้จริงจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน กองทุน MVIET เน้นลงทุนใน 4 ธีมการลงทุนหลักได้แก่ 1.) Industrialization ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการค้าระหว่างประเทศ, ระบบการจัดส่งสินค้า, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2.) การบริโภคภายในประเทศ เช่น การค้าปลีก, สินค้าและบริการ เพื่อการอุปโภคบริโภค 3.) Urbanization การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, พัฒนาพลังงานสะอาด และน้ำ และ 4.) อุตสาหกรรมการเงิน ในกลุ่มของธนาคาร รวมถึงสถาบันการเงิน

"MVIET" เป็นกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ ประเภท Fund of Funds เงินทุนโครงการ 2,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศเวียดนาม หรือที่ผู้ออกตราสารมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนาม ซึ่งเชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโต และ/หรือมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคต โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ความเสี่ยงกองทุนอยู่ระดับ 6 เปิดขาย IPO ระหว่างวันที่ 21 - 30 มีนาคม 2565

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) จะจัดงานสัมมนาในรูปแบบออนไลน์ "โอกาสการลงทุนในเวียดนาม จับกระแสดาวรุ่งแห่งยุคกับ MVIET" ในวันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 - 15.00 น. นำโดย ดร.ชาญวุฒิ รุ่งแสงมนูญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กองทุนต่างประเทศ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า และดำเนินรายการโดยคุณศิรัถยา อิศรภักดี สามารถเข้าชมได้ผ่านช่องทาง Facebook page: mfcfunds หรือช่อง Youtube: MFC ASSET Management

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง หรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน อาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร. 0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324 - 25 หรือที่ www.mfcfund .com