• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chigaru

#3661


นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า งาน Thailand Focus ในปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 15 ภายใต้แนวคิด "Thriving in the Next Normal" โดยนำเสนอศักยภาพ ความแข็งแกร่ง และความพร้อมของตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยภายใต้วิถีธุรกิจยุคใหม่
แม้ขณะนี้ทั่วโลกยังเผชิญกับการแพร่ระบาดของCOVID-19แต่ตลาดทุนไทยยังเดินหน้าก้าวผ่านสถานการณ์ความไม่แน่นอน โดยมีพัฒนาการทั้งด้านธุรกิจใหม่และอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่เข้ามาจดทะเบียนเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ไทยยังมีมูลค่าระดมทุนจากหลักทรัพย์เข้าใหม่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียนต่อเนื่องตั้งแต่ปี2562ขณะที่ภาพรวมภาวะหลักทรัพย์ยังคงสูงขึ้นกว่าเมื่อต้นปี ตอกย้ำการที่ตลาดทุนไทยยังเป็นแหล่งระดมทุนสำคัญในภาวะวิกฤตและเป็นแหล่งสร้างผลตอบแทนและเป้าหมายการลงทุนที่น่าสนใจ การจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะนำเสนอข้อมูลและโอกาสการลงทุนแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก
งาน Thailand Focus 2021 ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "Shaping Thailand's Readiness forPost COVID-19 EconomicOpportunities" ให้มุมมองทิศทางและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ สนับสนุนการฟื้นตัว และเตรียมความพร้อมสู่การเติบโต ย้ำยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนตามโมเดลเศรษฐกิจยั่งยืนรองรับการเติบโตระยะยาว
นอกจากนี้ เชิญผู้แทนภาครัฐและเอกชนร่วมสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก โดยนำเสนอศักยภาพของประเทศไทย การปรับตัวรับสถานการณ์ของ บจ. โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานสู่โอกาสการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงการถอดบทเรียนในภาวะวิกฤตเพื่อเป็นแนวทางดำเนินธุรกิจในอนาคต
สำหรับการจัดงาน Thailand Focus ในปีนี้ เป็นการจัดในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับการประชุมในช่วงสถานการณ์ปกติให้ได้มากที่สุด อาทิเช่น จำนวนบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจากการจัดงานปีที่แล้ว1เท่าตัว พร้อมทั้งเพิ่มการประชุมในรูปแบบ one-on-oneเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสถาบันได้มีโอกาสซักถามกับบริษัทจดทะเบียนนอกเหนือจากการจัดในรูปแบบ virtual private group meeting ในปีที่ผ่านมา ซึ่งการจัดในรูปแบบดังกล่าว มีผู้ลงทุนสถาบันรายใหญ่สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารระดับสูงของ บจ. กว่า 100 บริษัทจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมร่วมประชุมให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก โดยเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโต และอยู่ในเทรนด์การลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งธุรกิจที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG)ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ลงทุนโลกให้ความสำคัญ" นายภากรกล่าว
งาน "Thailand Focus 2021:Thriving in the Next Normal" จัดขึ้นระหว่างวันที่25-27สิงหาคม2564ในรูปแบบvirtual conferenceเป็นการเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันจากทั่วโลก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่www.set.or.th/thailandfocus
#3662


เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2564 พ.ต.ท.เจษฎา ว่องไว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจาก นายภูริพัฒน์ วันทอง อายุ 35 ปี ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 ส.ค. 2564 หมายเลข 046750 จำนวน 2 ใบ 12 ล้านบาท พร้อมกับนำลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลมาลงบันทึกประจำวัน

นายภูริพัฒน์ เผยว่า ตนทำฟาร์มหมู ยังเป็นโสด โดยซื้อลอตเตอรี่หมายเลขทะเบียนรถเก๋ง ฮอนด้า CRV สีขาว หมายเลขที่ กอ 7250 อุดรธานี ของตัวเองมาตลอด 2 ปี แต่ไม่เคยถูกรางวัลใหญ่ แต่จะถูกเลขท้าย 2 ตัว หรือเลขท้าย 3 ตัว มาตลอด เมื่อหลายวันก่อนตนเข้ามาทำธุระในเมืองอุดรธานี และได้ไปซื้อลอตเตอรี่ที่แผงขายภายในห้างโลตัส สาขาศูนย์การค้ายูดีทาวน์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยไปถามซื้อหวย 50 และที่แผงมีเลข 750 จำนวน 2 ใบ จึงซื้อเก็บไว้

กระทั่ง ตนได้เอาโทรศัพท์มาซ่อม และไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง คนที่นั่งโต๊ะใกล้กันบอกว่าหวยออก 750 ตนจึงนำลอตเตอรี่มาตรวจดู ก็พบว่าถูกรางวัลที่ 1 ดีใจจนคิดอะไรไม่ออก โดยไม่คาดคิดว่าจะถูกรางวัลที่ 1 ตื่นเต้น รู้แต่ว่าตัวเองหมดหนี้ ไม่คิดในชีวิตนี้จะมีโอกาสถูก


จากนี้ จะนำเงินไปใช้หนี้ที่กู้แบงก์มาสร้างฟาร์มหมู 4 ล้าน หลังจากนั้นจะปรึกษาพี่สาวในการบริหารเงินที่เหลือว่าจะนำไปใช้อะไรบ้าง ส่วนสาเหตุที่ถูกคงเพราะช่วยเหลือคนอื่นที่เดือดร้อนตลอด และผู้ที่เดือดร้อนเรื่องโควิด ไม่เคยคิดอิจฉาริษยาใคร และชอบทำบุญ โดยหวังว่าวันหนึ่งจะมีกิจการช่วยเหลือครอบครัวได้.
#3663
อพาร์ทเม้นท์รามคำแหง1รายเดือน ห้องพัก-หอพัก-อพาร์ทเม้นท์รายเดือนรามคำแหง1

อพาร์ทเม้นท์รามคำแหง1รายเดือน "หอพัก ห้องพัก ที่พักรายเดือน ย่านรามคำเเหง" ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1 บอกเลยว่าที่นี่ดีจริง อยู่ติดถนนใหญ่ อพาร์ทเม้นท์รามคำแหงรายเดือนตรงข้ามมหาลัยรามคำเเหง1

อพาร์ทเม้นท์รามคำแหง1รายเดือน ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1 ใกล้รถไฟฟ้าAirport Link, อพาร์ทเม้นท์รายเดือนตรงข้ามมหาลัยรามคำเเหง1
อพาร์ทเม้นท์รามคำเเหง อพาร์ทเม้นท์รายเดือนตรงข้ามมหาลัยรามคำเเหง1 Natnicha Place อพาร์ทเม้นท์รามคำเเหง ใครกำลังหา "หอพัก ห้องพัก ที่พัก ย่านรามคำเเหง" บอกเลยว่าที่นี่ดีจริง อยู่ติดถนนใหญ่
อพาร์ทเม้นท์ ติดท่าเรือรามคำเเหง 29ไม่ต้องเข้าซอยลึก ติด Big C Huamark Supercenter เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า Airport Link เพียงเเค่ 10 นาที (6 km) ติดท่าเรือรามคำเเหง 29 อยู่ตรงข้ามม.รามคำเเหง 1

อพาร์ทเม้นท์รามคำแหงรายเดือน ใครกำลังหา "หอพัก ห้องพัก ที่พัก ย่านรามคำเเหง" บอกเลยว่าที่นี่ดีจริง อยู่ติดถนนใหญ่
อพาร์ทเม้นท์รายเดือนรามคำเเหง1 ลักษณะที่พัก หอพักร่มรื่น ล้อมรอบด้วยต้นไม้ มีที่จอดรถยนต์ เเละรถมอเตอร์ไซค์ ห้องพักสตูดิโอขนาด 25-34 ตรม. มีระเบียง

ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1 อพาร์ทเม้นท์รายเดือนรามคำแหง1 ติด Big C Huamark Supercenter เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า Airport Link ติดท่าเรือรามคำเเหง 29
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง
– ห้องนอน 1 ห้อง ขนาดเริ่มต้นที่ 25-34 ตรม.
– ห้องน้ำภายในห้อง มีเครื่องทำน้ำอุ่น
– มีเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน
– เครื่องปรับอากาศทุกห้อง
– โต้ะทำงาน
– อินเตอร์เนตไร้สาย
– บริการทำความสะอาด/ เครื่องดูดกำจัดไรฝุ่น/ ฉีดพ่นฆ่าเชื้อ
– เช่าทีวี/ตู้เย็นได้

ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1
สิ่งอำนวยความสะดวกภายนอกห้อง
– ลิฟต์ + เครื่องกรองอากาศในลิฟต์โดยสาร
– รถเข็นโรงเเรมสำหรับขนของ
– บริการขนย้ายสัมภาระ
– บริการเรียกรถ Taxi
– ที่จอดรถ
– บริการรับ-ฝากพัสดุ
– เครื่องซักผ้า
– ตู้กดน้ำ
– ร้านค้าภายในอาคาร (ร้านกาเเฟ, ร้านอาหารตามสั่ง, ร้านเย็บผ้า, ร้านซักรีด, ร้านดอกไม้, ร้านกิฟช็อป, ร้านนวดเเผนไทย, ร้านสักคิ้ว, ร้านรองเท้า, ฯลฯ)

ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1
หมายเหตุ ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามา เเละห้ามสูบบุหรี่ภายในห้อง

รายละเอียดการเข้าพัก
รายเดือน : สัญญาขั้นต่ำ 3 เดือน + เงินประกัน 4,000 บาท
– ห้องมาตราฐาน : 5,900 บาท
– ห้องริม/ ห้องมุม : 6,300 บาท
– ห้องใหญ่ : 8,300 บาท
1 ห้อง สามารถพักได้สูงสุด 3 ท่าน


ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1
โปรโมชั่น วันแม่

เเทนคำว่ารัก มอบที่พักดีๆให้กับคนพิเศษ อยู่เเล้วอบอุ่นใจ??
จากการสำรวจ คุณเเม่ของผู้พักอาศัยหลายๆท่านค่อนข้างมั่นใจเเละวางใจที่จะให้บุตรหลานพักอาศัยอยู่กับ Natnicha Place...เพราะที่นี่เดินทางสะดวก สะอาด ปลอดภัย พนักงานอัธยาศัยดี เเละ หลายๆท่านก็จองห้องพักอยู่ด้วยกันกับคุณเเม่เช่นกันค่ะ
ตอนนี้ทางอาคารฯ มีจัดโปรโมชั่นวันเเม่อยู่นะคะ รีบจองเลย! รับสิทธิพิเศษก่อนใคร ก่อนหมดโปร ??

ระยะเวลาโปรโมชั่น : วันนี้ – 31 ส.ค. 64 เท่านั้น

*ของขวัญมีจำนวนจำกัดนะคะ


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://hawpak.com/อพาร์ทเม้นท์รามคำแหงรา/

คำค้น
อพาร์ทเม้นท์รามคำแหงรายเดือน ,หอพักอพาร์ทเม้นท์รายเดือนใกล้รถไฟฟ้าAirport Link, อพาร์ทเม้นท์รายเดือนติดท่าเรือรามคำเเหง29, อพาร์ทเม้นท์รายเดือนตรงข้ามมหาลัยรามคำเเหง1


 
#3664


นายอาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นทั้งไทยและต่างประเทศรวม 7 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนหุ้นไทย 4 กองทุน กองทุน Super Savings (ชนิดเพื่อการออมพิเศษ) จำนวน 1 กองทุน และกองทุนหุ้นต่างประเทศ 2 กองทุน รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท แบ่งเป็นงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ส.ค. 2563 ถึงวันที่ 31 ก.ค. 2564 โดยกำหนดจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 19 ส.ค. 2564 มีจำนวน 5 กองทุน ได้แก่

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBSE) จ่ายปันผลในอัตรา 0.7500 บาทต่อหน่วย โดยมีการจ่ายระหว่างกาลแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2564 และวันที่ 20 พ.ค. 2564 ครั้งละ 0.2500 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.2500 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 20 รวมจ่ายปันผล 8.2100 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2554) กองทุนมีกลยุทธ์การลงทุนด้วยวิธี Active Approach ด้วยการคัดเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด และสอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนในขณะนั้น ซึ่งจะใส่น้ำหนักการลงทุนมากน้อยตามความน่าสนใจของหุ้นนั้นโดยลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 ตัว นอกจากนี้ กองทุนนี้จัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท Thailand Fund Equity Large-Cap ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ค. 2564)

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET ENERGY SECTOR INDEX (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBENERGY) จ่ายปันผลในอัตรา 0.1500 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 10 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 3.5700 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 28 มิถุนายน 2554) กองทุนมีนโยบายการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหมวดพลังงานและสาธารณูปโภคของตลาดหุ้นไทยมากที่สุด กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET BANKING SECTOR INDEX (SCBBANKING)  จ่ายปันผลในอัตรา 0.200 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 8 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 3.9500 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 28 มิ.ย.2554) กองทุนมีนโยบายการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหมวดธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของตลาดหุ้นไทยมากที่สุด

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBPIND) จ่ายปันผลในอัตรา 0.1354 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 6 รวมจ่ายปันผลแล้ว 0.9111 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2561) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (ชนิดเพื่อการออม) จ่ายปันผลในอัตรา 0.1414 บาทต่อหน่วย โดยทั้งสองกองทุนมีนโยบายการลงทุนโดยเน้นการคัดสรรหลักทรัพย์รายตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานในไทยและสิงคโปร์ นอกจากนี้ การกระจายวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรมากขึ้น จะส่งผลให้กองทุนได้รับประโยชน์ในระยะกลางถึงระยะยาว

สำหรับกองทุนหุ้นต่างประเทศอีก 2 กองทุน งวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2564 – 31 ก.ค. 2564 โดยกำหนดจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 23 ส.ค. 2564 ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBEUEQ) จ่ายปันผลในอัตรา 0.2122 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 11 รวมจ่ายปันผลแล้ว 2.0017 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 26 ก.พ. 2557) กองทุนมีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ iShares STOXX Europe 600 (DE) โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี STOXX Europe 600 เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX Europe 600 และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกล. อิควิตี้ (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBGEQ) จ่ายปันผลในอัตรา 0.3573 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 14 รวมจ่ายปันผลแล้วจำนวน 3.3618 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 14 ก.พ. 2556) กองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ กองทุน Veritas Global Focus (กองทุนหลัก) ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลก

นายอาชวิณ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าในช่วงแรกความกังวลต่อการระบาดของ COVID-19 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าจะมีอิทธิพลต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังคงทรงตัวในระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดการปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการติดเชื้อของประชากรที่เพิ่มขึ้นจนระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้ ในขณะที่การกระจายการฉีดวัคซีนยังคงล่าช้าทำให้โอกาสการกลับมาเปิดประเทศในช่วงปลายปียังมีความท้าทายอยู่มาก โดยคงคาดการณ์ว่าการฉีดวัคซีนตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไปจะเร่งตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 และคาดว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในเรื่องการลดวงเงินอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ สงครามทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และเสถียรภาพของรัฐบาลจากการชุมนุมประท้วงที่เพิ่มขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับภาพการลงทุนต่อตลาดหุ้นทั่วโลกมองว่ายังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง นำโดยประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และจีน ที่การกระจายวัคซีนมีความคืบหน้าอย่างมาก และประเมินว่าจะครอบคลุมในระดับที่มีภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐที่นำนโยบายขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล โดยสหรัฐฯ มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สูงกว่าช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ในส่วนยุโรปเองก็กำลังจะเริ่มงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ระหว่าง 0.5-1.5% ต่อปีต่อเนื่องไปอีก 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ยังต้องจับตาได้แก่ การส่งสัญญาณปรับลดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งอาจจะลดการฉีดสภาพคล่องเข้าระบบในปี 2022 และเริ่มทำการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2023 นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ
#3665


นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีมติอนุมัติโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ภายใต้ชื่อนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานกับ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด พื้นที่โครงการอยู่ในตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ประมาณ 1,181 ไร่ มูลค่าการลงทุนโครงการ  4,856 ล้านบาท

โดยพื้นที่โครงการอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 44 กิโลเมตร ท่าเรือแหลมฉบัง ประมาณ 60 กิโลเมตร และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 119 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่และระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี ทั้งนี้ เมื่อเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 33,200 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 8,300 คน

มุ่งเน้นรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและสมัยใหม่ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าประจุสูง รวมถึงกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ด้วย


โครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ตอบสนองต่อนโยบายการพัฒนาอีอีซีของรัฐบาล โดย กนอ. ได้รับมอบหมายให้จัดเตรียมพื้นที่รองรับนักลงทุน ซึ่ง กนอ.พิจารณาข้อเสนอของโครงการฯ แล้วเห็นว่าบริษัทฯมีความพร้อมในการพัฒนาโครงการฯ

รวมถึงโครงการฯ มีศักยภาพด้านทำเลที่ตั้ง มีเครือข่ายการคมนาคมที่มีศักยภาพเอื้อต่อการลงทุน คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

อีกทั้ง โครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แบ่งเป็นพื้นที่ประกอบกิจการประมาณ 70% และเป็นพื้นที่สาธารณูปโภคและพื้นที่สีเขียวรวมประมาณ 30% โดยได้นำแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ การจัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการฯ การจัดสรรพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรม ไม่น้อยกว่า 10% และการนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาปรับปรุงคุณภาพ ก่อนนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ภายในโครงการ

ทั้งนี้ เมื่อเปิดดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แล้ว คาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในประเทศอีกประมาณ 33,200 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8,300 คน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากนี้ โครงการฯมีความเป็นไปได้ทางการตลาดสูง เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่เป้าหมายคือ พื้นที่อีอีซี ที่ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดภายใต้มาตรการส่งเสริมของอีอีซี ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่มีประจุสูง ยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ความสนใจพื้นที่โครงการแล้ว โดยคาดว่าจะขายพื้นที่และให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปี
#3666


"ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) NDR เผยรายได้ Q2/64 อยู่ที่ 202.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังยอดขายเพิ่ม-คุมต้นทุนดี

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) NDR ผู้ผลิตและจำหน่ายยางในและยางนอกรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ N.D.Rubber กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 202.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 158.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.86 ล้านบาท

โดยสาเหตุที่ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากยอดขายในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนขายในไตรมาส 2/2564 ขยับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาด ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการเพื่อรักษาสมดุลระหว่างราคาและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับดีได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงจับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาวัตถุดิบอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับตัวให้ทันกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

"แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2/2564 และเริ่มมีการปิดประเทศของประเทศกัมพูชา สปป. ลาว และประเทศมาเลเซีย ในช่วงปลายไตรมาส 2/2564 รวมถึงมีการปิดกิจการหลายประเภทในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงสามารถรักษายอดขายไว้ได้ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2564 ที่ทำได้ 200.91 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน" นายชัยสิทธิ์ กล่าว
#3667


อีกหนึ่งศิษย์เก่า จิตอาสา ที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับศูนย์วัคซีนเพื่อประชาชน มหาวิทยาลัยรังสิต ในการเป็นจิตอาสาให้บริการ ฉีดวัคซีนโควิด-19 นั่นคือ ทันตแพทย์รตน รัตนติกุล หรือ เตี๊ยบ ศิษย์เก่าคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รุ่นที่ 7 ซึ่งปัจจุบันทำธุรกิจขายเครื่องมือทันตแพทย์ที่เป็นธุรกิจต่อจากครอบครัว และเข้าร่วมเป็น ทันตแพทย์จิตอาสา ในวิกฤติครั้งนี้ด้วย


ทันตแพทย์รตน เล่าว่า ก่อนหน้านี้ผมได้เห็นข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊กของ มหาวิทยาลัยรังสิต มีการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนฯ ขึ้นมาประกอบกับอาจารย์ได้ตามหาจิตอาสาทางกลุ่มไลน์ จึงได้มีโอกาสมาเป็นส่วนหนึ่งในการให้บริการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกประทับใจและดีใจมากที่ได้กลับมาช่วยมหาวิทยาลัย


"ต้องขอขอบคุณทางมหาวิทยาลัยที่ได้จัดตั้ง ศูนย์ฉีดวัคซีนฯ แห่งนี้ขึ้นมา ทำให้เราได้ช่วยเหลือประชาชนด้วย สำหรับสิ่งที่ประทับใจมากๆ คือการจัดการของศูนย์ให้บริการวัคซีนที่นี่ ตั้งแต่จุดแรกที่คนไข้เริ่มลงทะเบียนจนมาถึงจุดที่หมอได้ฉีดวัคซีนให้กับคนไข้นั้นใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาที ซึ่งแต่ละจุดจะมีการเว้นระยะห่างและมีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการ"


"นอกจากนี้ การเปิดให้บริการของศูนย์วัคซีนฯ ยังมีนักศึกษาจากหลากหลายคณะที่มาร่วมเป็นจิตอาสา  ในฐานะศิษย์เก่าก็อยากจะฝากถึงน้องๆ ด้วยว่า ประสบการณ์นอกห้องเรียนนั้นเยอะมาก แต่สิ่งเราจะได้จริงคือประสบการณ์ในห้องเรียนที่อาจารย์ท่านได้สอนเรา อยากให้น้องๆ ตั้งใจเรียนเพราะว่าบทเรียนที่อาจารย์สอนเรา สามารถนำไปใช้กับประสบการณ์นอกห้องเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหา การดำเนินชีวิตต่างๆ

"สุดท้ายอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาฉีดวัคซีน ซึ่งจะเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยลดการติดเชื้อ เพราะหากเราติดเชื้อแล้วจะต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์มาดูแลเราอีกหลายท่านครับ แต่ถ้าเรารักษาสุขภาพดี หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงฉีดวัคซีน เมื่อเราแข็งแรงก็จะช่วยลดจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องช่วยเหลือเรา ไปช่วยเหลือคนที่ติดโควิด ก็อยากจะให้ทุกคนช่วยมาฉีดวัคซีนเพื่อให้ร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันและแข็งแรงมากขึ้นครับ" ทันตแพทย์รตน กล่าว
#3668


ริมถนนนักลงทุน เสิร์ฟความเคลื่อนไหวแวดวงตลาดหุ้น หนึ่งความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ยกให้ 'หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล' ที่หลายตัวประกาศงบไตรมาส 2 ปี 64 ออกมา 'โดดเด่น' หลังได้รับผลกระทบเชิงบวกจากโควิด-19 ตัวเลขติดเชื้อพุ่ง

๐ หากดูงบไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ทยอยออกมา หนึ่งในธุรกิจที่มีผลดำเนินงานเติบโต 'โดดเด่น' ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 คงต้องยกให้ 'ธุรกิจโรงพยาบาล' สะท้อนผ่านกำไรสุทธิสองโรงพยาบาลขนาดใหญ่ อย่าง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS โชว์กำไรสุทธิ 1,452.16 ล้านบาท เติบโต 217% จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 457.82 ล้านบาท 

๐ ขณะที่ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล หรือ BCH คาดมีโอกาสกำไรไตรมาส 2 ปี 2564 จะออกมาดีกว่าคาด 180% จากไตรมาสก่อน และ 225% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังหลายโรงพยาบาลที่ประกาศออกมาแล้วดีกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญจากรายได้เกี่ยวเนื่องกับ COVID-19 ที่พุ่งขึ้น ฟาก 'กูรู' เชื่อว่ากลุ่มโรงพยาบาลยังคงได้รับผลกระทบเชิงบวกจากภาวะ COVID-19 ที่ยังคงรุนแรง และยังคงคำแนะนำ 'ซื้อ' ทุกบริษัท 

๐ หุ้น ไซแมท เทคโนโลยี หรือ SIMAT มีเสน่ห์อะไร ? ถึงดึงดูด 'นักธุรกิจ-นักลงทุน' อย่าง 'สุระ คณิตทวีกุล' ครอบครองหุ้น SIMAT จำนวน 15,466,000 หุ้น คิดเป็น 2.38% แต่ที่ชัวร์คือธุรกิจของ SIMAT กำลังเทิร์นอะราวด์อย่างสวยงาม สะท้อนผ่านผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 17.08 ล้านบาท !! ส่วนรายได้อยู่ที่ 257.40 ล้านบาท

๐ และล่าสุดคว้า 'ธีรวุฒิ กานต์นิภากุล' อดีตรองผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Equity Derivative บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เข้ามารับตำแหน่ง 'ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน' ของ SIMAT เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรแห่งนี้ใหม่และแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็น New S-Curve เหมือนอย่างที่ 3 ปีก่อน ที่บริษัทซื้อกิจการ บริษัท ฮินซิซึ (ประเทศไทย) หรือ HST ถือหุ้น 70% ซึ่งในปัจจุบันกำลังสร้างกำไรให้เป็นกอบเป็นกำ !!




๐ ผลดำเนินงานเติบโตยังไม่แผ่ว 'ตัน ภาสกรนที' นายใหญ่ บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI หลังแจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 กำไรสุทธิ 164.3 ล้านบาท และรายได้ 1,492.7ล้านบาท งานนี้ 'เฮียตัน' บอกว่า รายได้-กำไรสุทธิเติบโตจากการปรับกลยุทธ์สู้โควิด-19 ส่งผลิตภัณฑ์เจาะตลาดค้าปลีกรายย่อย และกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเจาะตลาดต่อเนื่อง มุ่งขยายฐานลูกค้า พร้อมจัดทัพสินค้าสุขภาพบุกตลาดในครึ่งปีหลัง เตรียมรับข่าวดีจาก 'ธุรกิจรับจ้างผลิต' (OEM) ที่จะปิดดีลเพิ่มภายในปีนี้

๐ ผลงานไตรมาส 2 ปี 2564 ยังสวยงามต่อเนื่อง ล่าสุด 'กลุ่มเจมาร์ท' โชว์กำไรสุทธิ 232.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,648.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% งานนี้ 'อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา' เจ้าของอาณาจักร บมจ. เจ มาร์ท หรือ JMART การันตีการเติบโตนั้นมาจากธุรกิจด้านการเงินที่เป็นหัวหอกในการส่ง "กำไร" เข้ามาต่อเนื่อง พร้อมมองผลงานครึ่งปีหลังยัง 'ร้อนแรง' ต่อเนื่องอีก 



๐ แม้สถานการณ์โควิด-19 รุนแรง แต่ 'อดิศักดิ์' ณ กลุ่มเจมาร์ท ไม่หวั่น !! หลังบริษัทปรับกลยุทธ์ใหม่ นำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขับเคลื่อนในธุรกิจยุคดิสรัปฯ หนุนโอกาสโตกระโดดจากความพร้อมในการ Synergy การพัฒนาเทคโนโลยีและฟินเทคที่เริ่มเห็นภาพชัดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ขณะที่แผนจับมือพันธมิตรจะเริ่มเห็นความคืบหน้าในเร็วๆ นี้แล้ว 

๐ ข่าวร้ายของคนรัก 'ทองคำ' หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงหลุด 2 แนวรับสำคัญ 1,790 และ 1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เหตุตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด ส่งผลดอลลาร์สหรัฐเริ่มแข็งค่าสวนทางทองคำ คาดอาจเป็นสัญญาณให้เฟดลดการทำ QE ภายในสิ้นปีนี้ และนี่อาจจะกำลังส่งสัญญาณราคาทองคำเข้าสู่ 'ขาลง' ชัดเจนหรือเปล่า... 'ฐิภา นววัฒนทรัพย์' หญิงเก่ง บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) แนะนำสำหรับคนที่ต้องการขายเพื่อลดความเสี่ยง มองว่าสามารถขายได้ที่แนวต้าน 1,751-1,755 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 27,700 บาท จุดนี้ถือเป็นแนวต้านระยะสั้นสำคัญ
#3669


นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 1,250.88 ล้านบาท  กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.08 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี กำไรสุทธิรวม 1,052.57 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.75 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 198.31 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้น 18.84%

​โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บมจ.ทิพยประกันภัย สามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 13,338.12 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2563 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 11,615.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,722.58 ล้านบาท หรือ 14.83% ประกอบด้วย เบี้ยประกันอัคคีภัย 1,119.90 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 245.37 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 2,718.98 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 9,253.87 ล้านบาท

นายสมพร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทิพยประกันภัย ได้ประกาศนโยบายสำคัญจะก้าวเป็นผู้นำตลาดประกันภัยในยุคดิจิทัล (TIP Digital Insurance) ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา จะเห็นได้จากเมื่อเกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทฯ สามารถปรับแผนการดำเนินงาน ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคภายใต้รูปแบบวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯในการช่วยเหลือสังคมและอยู่เคียงข้างคนไทยไม่ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ใด ๆ ก็ตาม

​นอกจากนี้ บมจ.ทิพยประกันภัย ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางมากขึ้น อาทิ การร่วมกับ "ทรูบิสิเนส" จัดแพคเกจสนับสนุน "SMEs ไทย สู้วิกฤตโควิด-19" ภายใต้แคมเปญ SMEs Go Online ด้วยแผนประกันภัยไซเบอร์ เสริมความมั่นใจให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับความคุ้มครองการถูกโจรกรรมเงินจากบัญชีส่วนตัวผ่านช่องทางออนไลน์ และการถูกฉ้อโกงจากการซื้อสินค้าออนไลน์ หรือการร่วมกับ ShopeePay มอบประกันภัยแพ้วัคซีนป้องกันโควิด-19 คุ้มครองลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ฟรี เป็นต้น

อีกทั้ง การสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นับเป็นภารกิจสำคัญหนึ่งของ "ทิพยประกันภัย" จึงได้จัดโครงการ "TIP ห่วงไทย สู้ภัยโควิด" เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนรับสิทธิฟรี เพื่อรับความคุ้มครองกรณีเกิดผลข้างเคียง ภาวะรุนแรงจากการแพ้วัคซีนป้องกันโควิด-19 สูงสุดถึง 1แสนบาท ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม มีผู้มาลงทะเบียนรับสิทธิกว่า 2,600,000 คน


​สำหรับความคืบหน้าแผนการปรับโครงสร้างการบริหารงานในฐานะบริษัทโฮลดิ้งส์ นั้น นายสมพร กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดตั้งบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการจัดทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) ทั้งหมดของ TIP ด้วยการแลกหุ้นในอัตราส่วน หุ้น TIP 1 หุ้น ต่อ TIPH 1 หุ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2564 รวม 45 วันทำการ หลังจากนั้นจะนำหุ้นสามัญของ TIPH เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนหุ้นสามัญของ TIP ที่จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันเดียวกัน โดยคาดว่าจะเสร็จเรียบร้อย ภายในเดือนกันยายน 2564 นี้

​"หลังจาก บมจ.ทิพยประกันภัย ปรับโครงสร้าง และยกฐานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ภายใต้ชื่อบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) คณะผู้บริหารของบริษัทฯ ก็พร้อมจะเดินหน้านโยบายสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานที่มีความยืดหยุ่นและกว้างขวางมากขึ้น รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งและก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน"
#3670


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เดินหน้าพัฒนางานบริการข้อมูล เสริมศักยภาพผู้ลงทุน เปิดตัว "SMART Marketplace" แพลตฟอร์มให้บริการข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจการลงทุน โดยรับข้อมูลผ่าน API (Application Programming Interface) เพื่อเข้าถึงข้อมูลหลักทรัพย์และอนุพันธ์ อาทิ ข้อมูลการซื้อขายระหว่างวัน (Tick Data) รายละเอียดหลักทรัพย์ (Reference Data) และ Corporate Action เพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้ผู้ใช้บริการสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้ง่ายขึ้น

นายถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในยุคที่โลกกำลังขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ทำให้มีความต้องการข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และสามารถนำไปวิเคราะห์ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์การลงทุนที่มีความหลากหลาย ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงมุ่งมั่นพัฒนางานบริการข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯได้อย่างรวดเร็ว โดยได้พัฒนา "SMART Marketplace" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการให้บริการข้อมูลออนไลน์ สามารถรับข้อมูลผ่าน API เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทสมาชิก ผู้ให้บริการข้อมูล ผู้ลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผู้ลงทุนบุคคลเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและนำข้อมูลไปใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยง ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ

โดยข้อมูลที่ให้บริการผ่าน SMART Marketplace ได้แก่ 1) ข้อมูลการซื้อขายระหว่างวัน (Tick Data) ของ SET และ TFEX ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดข้อมูลย้อนหลัง และข้อมูลรายวัน ณ สิ้นวันทำการได้ 2) ข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์และอนุพันธ์ (Reference Data) ซึ่งรวมถึงข้อมูล ISIN และข้อมูลการใช้สิทธิ์ของใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) และ 3) ข้อมูล Corporate Action ของบริษัทจดทะเบียนเช่น ข้อมูลสิทธิประโยชน์ การจ่ายเงินปันผล การเพิ่มทุน หรือการขึ้นเครื่องหมายต่างๆ โดยในอนาคต SMART Marketplace มีแผนจะให้บริการข้อมูลเพิ่มเติมเช่น ข้อมูลด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) และข้อมูลงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ ประมวลผล และตัดสินใจลงทุนได้ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้สนใจใช้บริการ SMART Marketplace ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครใช้บริการโดยเลือกแบบเป็นรายครั้ง หรือเป็นสมาชิกรายเดือน ได้ที่ www.set.or.th/smartmarketplace
#3671


บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น แจ้งผลงานไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 220.6ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 35.5 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.4% จากไตรมาสที่แล้ว โดยไตรมาสนี้มีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดที่เติบโตตามความต้องการของตลาด เบี้ยประกันภัย COVID-19 ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ทำยอดขายได้ตามเป้า 25,000 ล้านบาท ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ พร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้


ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 ว่า บริษัท ฯ มีกำไรสุทธิ 220.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่าบริการ จำนวน 835.7 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดทั้งจากการต่ออายุและที่เติบโตตามความต้องการของตลาดที่ในไตรมาสนี้มีความตื่นตัวของการทำประกันภัยโควิดในวงกว้าง เบี้ยประกันภัยโควิด ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท โดยช่องทางหลักยังเป็นช่องทางออนไลน์ ทำให้บริษัทมีฐานลูกค้าสะสมกว่า 2 ล้านราย

ขณะเดียวกัน บริษัท ฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการคิดเป็น 45.7% ของรายได้รวม หรือลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 48.4.% ของรายได้รวม ส่งผลให้บริษัท ฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 53.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 188 ล้านบาท คิดเป็น 21.9% ของรายได้รวม

ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการเติบโตในครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าสามารถปิดยอดขายตามเป้า 25,000 ล้านบาท ทั้งนี้มั่นใจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ประกันภัยยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภค เพราะเมื่อเกิดเหตุประกันจะมาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็เห็นความสำคัญของประกันสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการตื่นตัวในการทำประกันโควิดซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ผู้บริโภคสัมผัสได้จริงว่าประกันสามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้

ขณะเดียวกันบริษัท ฯ ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันให้เหมาะสมกับ Lifestyle ของผู้บริโภค และครอบคลุมได้ทุก Segment เต็มรูปแบบ โดยบริษัทพร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ช่องทางเทเลที่ทางหลักของบริษัทก็ได้มีการวางระบบการทำงานแบบ Work from home ไว้รองรับตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้สามารถขายประกันได้ไม่หยุดชะงัก รวมทั้งงานบริการก็ยังสามารถให้บริการลูกค้าได้เต็มรูปแบบ ขณะที่ช่องทางออนไลน์บริษัทมีฐานลูกค้ากว่า 2 ล้านราย ซึ่งบริษัทสามารถต่อยอดจากฐานลูกค้าได้ โดยเฉพาะประกันสุขภาพที่เป็นผู้บริโภคให้ความสนใจกันมากยิ่งขึ้น ดร.อัญชลิน กล่าว
#3672


ลุยฟ้องแหลก สำหรับ "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" ที่เคยคุยกับ "หมอของขวัญ" ในรายการ "โหน กะ แฉ" ที่ช่วงบ่ายวันที่ 13 ส.ค. ได้เดินทางไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นเรื่องดำเนินคดีต่อ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าศูนย์บริหารงานโควิด-19 ในมาตรา 157 โดยเจ้าตัวเผยถึงสาเหตุที่มาฟ้องว่า เป็นเพราะนายกฯ ปล่อยปละละเลย ทำให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง พร้อมชักชวนญาติผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ให้มาร่วมฟ้องด้วย

"ฟ้องท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา ในมาตรา 157 คือปล่อยปละละเลยในหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวผมค่อนข้างชัดเจน เพราะผมก็เพิ่งเป็นโควิด และต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง แล้วตั้งแต่เริ่มต้นจนป่านนี้ ชีวิตก็เลือกอะไรไม่ได้สักอย่าง จนตอนนี้ไม่เคยได้ฉีดวัคซีนเลย เคยร้องขอวัคซีนตั้งแต่การประกวดมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ขอกับท่านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ โทรขอทุกอย่างเพราะมีนางงามติดโควิดอยู่ในกอง นั่นคือนางงามสองประเทศ เรารักษาเขาจนหาย เราก็ค่อนข้างเสี่ยง ไม่ได้รับการอนุญาตในวัคซีน ต้องไปขออนุญาตกทม.ก็ไม่ได้

จนในที่สุดมีการลงทะเบียน ก็มีการเททิ้งกันไป ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ ผมเป็นประชาชนชาวไทยเสียภาษีถูกต้องทุกอย่างและเสียภาษีเยอะมาก แต่ผมต้องจองโมเดอร์น่า 161 โดสกับรพ.ลาดพร้าว จ่ายเงินสด 2 แสนกว่าให้พนักงานผมทุกคน รวมถึงให้ตัวผมในการวางแผน จนป่านนี้ไม่รู้โมเดอร์น่าจะมาเมื่อไหร่ สอบถามก่อนมาที่นี่ รพ.บอกว่าขึ้นอยู่กับรัฐบาล เพราะไม่มีกำหนดการที่แน่นอน เราต้องถูกการกระทำย่ำยีในสิทธิ์ที่เราควรมี เราเป็นประชาชนชาวไทย แต่ไม่เคยได้รับการดูแลเลย จะบอกว่าการมีรัฐบาลหรือนายกฯ เราไม่เคยได้รับข้อมูลหรือไดเร็กชั่นที่ชัดเจนว่าชีวิตเราจะปลอดภัย

ฉะนั้นผมเองเป็นคนนึงที่กระทบ วัคซีนก็ต้องซื้อเอง สว็อปตัวเอง จ่ายครั้งละ 3 พันกว่าบาท การันตีว่าไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งเพราะอยู่ในวงการบันเทิง ผมก็จ่ายเงินเอง หน้ากาก เจลล้างมือก็ซื้อเอง การเจ็บไข้ได้ป่วยครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง แต่โชคดีที่ผมซื้อประกัน ประกันก็รับผิดชอบให้ส่วนหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันไม่หมด เพราะผมหนีออกจากรพ. การรักษาก็ถูกละเมิดจากแพทย์ที่มีรสนิยมทางการเมืองไม่เหมือนกันอัดคลิปเสียงผมไปปล่อย มีประจักษ์หลักฐานแต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ไหนจะกล้องวงจรปิดอีก มันไม่มีความปลอดภัยในชีวิตผม วันนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป

ผมตัดสินใจลาออกจากการทำงานในวงการบันเทิง 25 ปี ด้วยรายรับต่อปี ต่อเดือนมหาศาล หลายล้านบาท ก็มีผลมาจากท่านประยุทธ์ จันทร์โอชาโดยตรง ที่ทำให้ผมต้องหมดอาชีพการเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ที่ผมตัดสินใจ ขณะอยู่บนเตียง ผมคิดว่ายังไงรักษาชีวิตดีกว่า เราต้องรักตัวเอง ผมยอมเสียสละตัวเองแล้ว เพื่อให้ท่านดูแลเรามากกว่านี้ แต่ผมไม่เห็นว่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ ถ้าเป็นไปได้ทุกวันนี้คงไม่มีคนตายข้างถนน ยอดผู้ตายผู้ติดเชื้อคงไม่เพิ่มขึ้นทุกวันแบบนี้ วันนี้เลยตัดสินใจเป็นทางการ มาฟ้องท่านอย่างเป็นทางการ มาตรา 157 ปล่อยปละละเลย ซึ่งทำให้เกิดผลเสียหายต่อตัวผมครับ

ตัดสินใจไม่นาน เพราะเรามีเวลาอยู่รพ.ค่อนข้างเยอะ เกือบเดือน ผมก็คิดอยู่แล้ว ถ้าเป็นประเทศอื่นเขาดูแลอยู่แล้วถ้าอยู่ในระบอบประชาธิปไตย โดยมีระบบที่ชัดเจน แต่ประเทศเรา เราก็ยอมรับว่าเราพึ่งพาอาศัยกันได้ แต่ถ้าไม่รู้ทิศทางเลยเราก็ลำบากใจ แล้วเรามี 157 ก็เป็นสิทธิ์ของเราสามารถใช้ความยุติธรรมที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ เรียกร้องในสิ่งที่เราเห็น เป็นประจักษ์ และเกิดขึ้นกับตัวผมเอง ได้ปรึกษาท่านนายกสมาคมทนายความ ท่านก็ให้ความรู้ เอาเป็นว่าผมเองได้ยื่นเรียบร้อยแล้ว แต่ปลายเดือน วันที่ 30 จะนัดมาดูผลอีกที

ถามว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไปไหม ไม่มีคำว่าคุ้มค่าเป็นตัวเงิน แต่มันเป็นบรรทัดฐานของสังคมประชาธิปไตย อย่าลืมว่าคำว่ารับผิดชอบประเทศไทย คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ ระบอบนี้เจ้าของประเทศคือผู้เสียภาษี ย่อมสามารถรู้ได้ว่าเราจะปลอดภัยได้อย่างไร แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุด โควิดเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของสังคมโลกและสังคมไทยแต่ทำไมผู้ดูแลโปรเจกต์ถึงเป็นอย่างที่ผ่านมา และเราต้องมาเผชิญ ต้องคอยรองรับสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง อยากสร้างบรรทัดฐาน ไม่ว่าคุณจะอยู่ตำแหน่งใดก็ตาม ความรับผิดชอบคุณต้องมี เมื่อคุณอาสามารับตำแหน่งนี้คุณต้องรับผิดชอบได้ ถ้ารับผิดไม่ได้รับฟังบ้างก็ยังดี แต่พูดตรงๆ ณ วันนี้ท่านก็ทำตามสไตล์ท่านไป ก็ไม่รู้จะไปทางไหน ผมฟ้องในนามส่วนตัว

สำหรับรัฐบาลวันนี้คู่กรณีไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว คนไทยเกือบทั้งประเทศ ผมว่าไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ผมภาวนาให้ญาติผู้เสียชีวิตมาแจ้งความทั้งหมด อย่างวันนี้ข่าวหมอแอ้ม ผมว่าแย่มาก ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ ห่างกันสัปดาห์นึงก็เป็นตัวเขา น้องเขาควรมาแจ้ง ใครเป็นเหมือนรอความตาย คนไม่เป็นโควิดไม่มีวันรู้ มันพลิกได้ภายในค่ำคืน ใครไม่เป็นก็รักษาตัวเอง ถ้าแดงจัดเมื่อไหร่ คุณจะเพี้ยนไปเลย อาการพลิกไปเลยคนละเรื่อง มันหลุดไปอีกโลกนึง มันอันตรายมาก คนมีญาติผู้เสียชีวิต อย่าลืมมา 157 ช่วยคุณได้ ไม่ได้อะไรแต่ก็ได้บรรทัดฐาน ตอนนี้ไม่รู้แสงสว่างปลายอุโมงค์เลย

คดีนี้แรงนะ ผมยอมรับว่าตอนจั่วหัวมาก็แรง เพราะคู่กรณีคือนายกฯ แต่ถ้าเราไม่ทำมันก็ไม่เริ่ม มันต้องทำ เราทำในสิ่งที่เหมาะสม ท่านเป็นคนดูแลเรา ท่านเป็นลูกจ้างเรา เราไม่สนใจว่าท่านจะมาแบบไหนก็แล้วแต่ จะเหาะมา หรืออะไรมา แต่ในเมื่อท่านมาแล้ว ท่านมาก็ต้องรับผิดชอบถ้าจะเอาแต่ชอบ ผิดไม่รับไม่ได้ ต้องสอนให้ทุกคนไม่ว่าแก่แค่ไหนก็ตาม ตรงนี้ไม่ใช่ที่เสวยสุข ไม่ใช่ที่มาเล่นๆ มันเป็นความเป็นความตาย ไม่อยากให้เลยเถิด เพราะถ้าไม่จบ บอกเลยนะ เศรษฐกิจจะพังกว่านี้อีกเยอะ จะพินาศเลย แล้วจะไปทางไหน โอเค ทุกคนเครียดม็อบก็ออก เครียดเพราะเขาไม่มีทางไป ไม่มีคำตอบ ถ้าสังคมกินอิ่มนอนหลับมีเงินใช้ใครจะออกมา ตอนนี้ดูไม่ได้แล้วสภาพประเทศไทย"

ขณะที่ทนายเผยว่า ขั้นตอนการฟ้องร้อง มีตัวโจทก์เป็นผู้ดำเนินการ พร้อมรายชื่อประชาชน 7 แสนชื่อที่ได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ในนามพรรคไทยสร้างไทย มาเป็นประเด็นประกอบ ในความล้มเหลวในการบริหารจัดการของนายกฯ ณวัฒน์พูดละเอียดมาก ณวัฒน์และประชาชน 7 แสนคนได้รับผลกระทบ เมื่อศาลรับฟ้องไปแล้ว ศาลจะนัดมาฟังคำสั่งอีกครั้ง ว่ารับเป็นคดีเพื่อพิจารณาต่อไปไหม วันที่ 30 ส.ค.เวลา 09.00 น. หลังจากนั้นถ้ารับก็ไต่สวนมูลฟ้องโดยนำพยานประชาชนทั้งหมด ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลว มาสืบพยานในศาลต่อไปจนกว่าจะครบถ้วน และศาลมีคำสั่งว่าจะรับคดีนี้ไว้ มีมูลหรือไม่อย่างไร ขั้นตอนจะเยอะหน่อยเพราะไม่ใช่ศาลอาญาปกติ

สิ่งต่างๆ ที่ได้รับจากประชาชน เป็นผลกระทบอย่างไรก็อยู่ในสำนวนที่นำเรียนศาลอาญาทุจริตฯ ไปหมดแล้ว อยู่ที่ศาลจะใช้ดุลยพินิจในการประกอบรับสำนวนหรือไม่อย่างไร เราคงต้องรอวันที่ 30 ส.ค. จากนั้นจะมีรายละเอียดเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้า ณวัฒน์ได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท "นายกฤษณ์พงศ์ เกียรติศักดิ์" หรือ "อาจารย์กบ" พิธีกรรายการฟ้าวันใหม่นิวส์ เป็นจำเลยที่ 1 และบริษัท บลู สกาย แชนแนลจำกัด ในฐานะเข้าของสถานีโทรทัศน์ช่องฟ้าวันใหม่ เป็นจำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 หลังจากที่นายกฤษณ์พงศ์ ได้จัดรายการฟ้าวันใหม่นิวส์เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ละเมิดและหมิ่นประมาทอย่างชัดเจน คือบอกว่าณวัฒน์ไม่ได้ป่วยจริง จัดฉาก สร้างดรามา โจมตีรัฐบาล รวมทั้งได้กล่าวหาว่าเป็นโรคไบโพลาร์ อารมณ์สองขั้ว ส่วนที่ทำให้รู้สึกย่ำแย่มากคือการที่นายกฤษณ์พงศ์พูดว่าตนเป็นโรคสัญชาติชั่ว จึงฟ้องเป็นตัวอย่าง เพื่อไม่อยากให้หลาย คน สนุกกับการพูดไม่จริง ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 15 พ.ย. นี้
#3673


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 15.53 จุด ปิดที่ 35,515.38 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 0.16% ปิดที่ 4,468.00 จุดและดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 0.04% ปิดที่ 14,822.90 จุด


ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มการชะลอตัวของภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ

หุ้นดิสนีย์พุ่งขึ้นกว่า 3% ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด

ผลการสำรวจของนักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี500 มีแนวโน้มที่จะรายงานตัวเลขกำไรพุ่งขึ้น 92.9% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และบรรดาบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว พบว่า 88% มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

ทั้งนี้ คาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมดังกล่าว

การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ จะเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว เฟดต้องจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางเข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ไทม์ไลน์ของเฟดว่า เฟดจะเริ่มปรับลดคิวอีในเดือนม.ค.2565 โดยจะปรับลดวงเงินคิวอี เดือนละ 20,000 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่เฟดทำคิวอีวงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะทำให้เฟดใช้เวลา 6 เดือนในการปรับลดคิวอีจนเหลือ 0 หมายความว่าเฟดจะยุติการทำคิวอีโดยสิ้นเชิงในช่วงกลางปี 2565 และเฟดจะพักการดำเนินการเป็นเวลา 1 ปีเพื่อให้ตลาดปรับตัว ก่อนที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
#3674
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#3675


พลพรรคนักเตะของ อาร์เซนอล พุ่งชนคำว่าพ่ายแพ้ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล หลังบุกไปโดน เบรนต์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่ยิงดับ 2-0 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คู่เปิดสนาม เมื่อคืนวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เบรนต์ฟอร์ด 2-0อาร์เซนอล

เกมเปิดซีซัน อาร์เซนอล ยกพลเยือน เบรนต์ฟอร์ด น้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้น เกมนี้เจ้าบ้านใช้ อิวาน โทนี กับ ไบรอัน เอ็มบูโม่ เป็นคู่หน้า ส่วน "ปืนโต" ใช้ โฟลาริน บาโลกัน, นิโคลัส เปเป้ และ เอมิล สมิธ โรว เป็นตัวบุก

เริ่มเกม 2 นาที อาร์เซนอล ทักทาย นิโคลัส เปเป้ จ่ายต่อให้ คีแรน เทียร์นี ลองซัดไกลแต่ติดเซฟ เดวิด รายา ถัดมา นาที 12 เบรนต์ฟอร์ด เกือบทำได้ อิวาน โทนี ดีดออกขวาให้ ไบรอัน เอ็มบูโม่ ลากขึ้นไปยิงแต่ชนเสา

และแล้ว นาที 22 เบรนต์ฟอร์ด ยิงจนได้ อีธาน พินน็อก โหม่งตั้งให้ เซร์จี กานอส ลากหาช่องแล้วซัดเปรี้ยง 1-0 ต่อมา นาที 41 อาร์เซนอล จะตีเสมอ คีแรน เทียร์นี เปิดมาแล้ว โฟลาริน บาโลกัน โหม่งแต่ออกหลัง หมดครึ่งแรก ปืนโต เป็นฝ่ายตามหลัง

ครึ่งหลัง อาร์เซนอล จะทวงคืน นาที 65 นิโคลัส เปเป้ เปิดลูกเตะมุมให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี โหม่งจ่อๆ แต่ออกหลัง ทว่า นาที 73 กองเชียร์ เบรนต์ฟอร์ด เฮลั่น .ลอยโด่งกลางอากาศแล้ว คริสเตียน นอร์การ์ด โหม่งทิ้งห่าง 2-0

ท้ายเกม นาที 80 เบรนต์ฟอร์ด เกือบได้เม็ดสาม เซร์จี กานอส เปิดย้อยเข้ากบาล คริสเตียน นอร์การ์ด โขกแต่ออกหลัง สุดท้ายไม่มีประตูแล้ว จบเกม เบรนต์ฟอร์ด ทำเซอร์ไพรส์ดับทีมยักษ์เปิดซีซันอย่างเร้าใจ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบรนต์ฟอร์ด- เดวิด รายา, พอนตัส แยนเซน, อีธาน พินน็อก, คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์, วิตาลี เจเนต็ต, แฟรงค์ ออนเยก้า, คริสเตียน นอร์การ์ด, ริโก เฮนรี, เซร์จี กานอส, อิวาน โทนี, ไบรอัน เอ็มบูโน่
อาร์เซนอล - แบรนด์ เลโน, พาโบล มารี, เบน ไวท์, คีแรน เทียร์นี, คาลัม แชมเบอร์ส, เอมิล สมิธ โรว, กรานิต ชาก้า, อัลเบิร์ต ลากองก้า, โฟลาริน บาโลกัน, กาเบรียล มาร์ติเนลลี, นิโคลัส เปเป้
#3676


การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่มีสายป่านสั้น ซึ่งปัจจุบันมีเอสเอ็มอีรวม 3.1 ล้านราย มีการจ้างงาน 12.7 ล้านคน โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการ 5.55 ล้านคน รองลงมาภาคการค้า 4.24 ล้านคน ภาคการผลิต 2.85 ล้านคน แลถธุรกิจเกษตร 63,402 คน

ในขณะที่สถานการณ์เอสเอ็มอีล่าสุดในช่วง 5 เดือน แรกของปี 2564 สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รายงานว่ามีการจัดธุรกิจใหม่ของเอสเอ็มอี 27,607 ราย เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 6.35% และมีการเลิกกิจการ 3,882 ราย ลดลง 20.63%

นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้มีรายได้น้อยและเอสเอ็มอี ซึ่งพึ่งพาการบริโภคและการใช้จ่ายของประชาชนภายในประเทศ ซึ่งในกลุ่มนี้จะแตกต่างจากกลุ่มธุรกิจส่งออกที่ธุรกิจยังไปได้ดีจากการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก


หวังลดปัญหาปลดคนงาน

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าที่คาด และที่ในระบบเศรษฐกิจมีบางส่วนที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้จากการระบาดของโควิด-19 ที่มีความรุนแรง และมีผลกระทบต่อเนื่องทำให้มาตรการการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนจากภาครัฐยังคงมีส่วนสำคัญซึ่งนอกจากมาตรการการแจกเงินให้กับประชาชนการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านมาตรการการเยียวยาต่างๆ ที่มีการทำไปก่อนหน้านี้ มาตรการที่ภาครัฐควรดำเนินการ คือ การเร่งมาตรการพยุงการจ้างงานให้กับภาคเอสเอ็มอี เพื่อลดผลกระทบที่นายจ้างจะเลิกกิจการหรือปลดคนงาน 

ปัจจุบันเอสเอ็มอีของไทยมีผู้ประกอบการ 3.1 ล้านราย มีการจ้างงานประมาณ 13 ล้านคน ซึ่งการให้การช่วยเหลือพยุงการจ้างงานให้กับเอสเอ็มอีนั้น ภาครัฐสามารถให้ความช่วยเหลือเป็นรายธุรกิจหรืออาจช่วยเหลือทั้งระบบก็ได้ 

นอกจากนี้ หากช่วยเหลือทั้งระบบโดยการอุดหนุนเงินเป็นรายหัวลูกจ้างรายละ 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งหากช่วยทั้งระบบประมาณ 13 ล้านคน จะใช้เงินเดือนละ 4.8 หมื่นล้านบาท หากช่วยเหลือเป็นระยะเวลา 3 เดือน ก็จะใช้เงิน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งนำเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท มาใช้ได้ 


วางเงื่อนไขอุ้มจ้างงาน

สำหรับเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือพยุงการจ้างงาน ในต่างประเทศมีการวางเงื่อนไขที่จำเป็น ได้แก่ 

1.เงื่อนไขห้ามเลิกจ้างพนักงาน หรือจ้างได้ไม่เกิน 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด 

2.กำหนดเงื่อนไขให้นายจ้างมีการอบรมเพิ่มทักษะที่จำเป็นสำหรับสำหรับพนักงานในอนาคต เช่น ทักษะดิจิทัล หรือทักษะงานใหม่ๆที่จำเป็นสำหรับ "โลกหลังโควิด" โดยภาครัฐอาจสนับสนุนค่าฝึกอบรมเพิ่มทักษะเป็นรายหัวให้กับพนักงานเหล่านี้คนละ 1,000 บาท เป็นต้น ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถใช้งบประมาณเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆได้โดยไม่ต้องใช้เงินกู้ก็ได้ 

"การให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีในช่วงนี้ถือว่ามีความจำเป็น เพราะหากช่วยเหลือให้ยังดำเนินกิจการต่อได้ ยังมีกำลังในการจ้างงานได้ ก็จะลดปัญหาการว่างงานลงได้ หากปล่อยให้เอสเอ็มอีต้องปิดกิจการ มีคนงานตกงานจำนวนมากแล้วค่อยมาช่วยเหลือจะแก้ปัญหานี้ได้ยากกว่า" นางสาวกิริฎา กล่าวว่า

แนะอุดหนุนงบอบรมเสริมทักษะ

ดังนั้น ในช่วงที่ภาคส่วนเศรษฐกิจต่างๆ ยังคงไม่ฟื้นตัวได้เต็มที่การแจกเงินเยียวยาประชาชนยังมีความจำเป็น แต่ต้องมีมาตรการที่จะช่วยเหลือพยุงการจ้างงานของเอสเอ็มอี โดยการอุดหนุนงบให้กับเอสเอ็มอีเพื่อใช้ในการฝึกทักษะอาชีพเพื่อให้แรงงานมีทักษะและความสามารถพร้อมที่จะปรับตัวได้หลังโควิด-19 ก็มีความจำเป็น

นางสาวกิริฎา กล่าวว่า ภาคส่วนของเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวกลับมาช้าหลังจากวิกฤติโควิิด-19 คือ ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งกว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทย 39 ล้านคน เหมือนกับก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 จะต้องใช้เวลาอีกหลายปี คาดว่าอาจจะเป็นในปี 2567 เนื่องจากประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายการดึงดูดการท่องเที่ยวของไทยหลายประเทศทั้งในประเทศจีน อินเดีย และในอาเซียจะยังไม่เดินทางท่องเที่ยวมากนัก 

อย่างกรณีของประเทศจีนยังไม่อนุญาตให้คนเดินทางออกนอกประเทศ เพราะกังวลการติดเชื้อจากภายนอกเข้าไปในประเทศ โดยจีนกำลังจะออกวัคซีนตัวใหม่ปลายปีนี้ใช้เทคโนโลยีคล้ายกับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าแล้วจะเริ่มระดมฉีดให้กับคนในประเทศซึ่งคาดว่าอย่างเร็วกว่าที่จีนจะให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศได้อย่างเร็วคือช่วงกลางปี 2565 

แนะรัฐขยายเพดานหนี้

ส่วนประเด็นที่การออกมาตรการเพิ่มเติมและให้การช่วยเหลือเอสเอ็มอีในวงกว้างอาจทำได้ไม่มากนักเนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องของงบประมาณที่มีอยู่ และวงเงินกู้ที่มีอยู่จำกัด นางสาวกิริฎา ให้ความเห็นว่ารัฐบาลเองสามารถที่จะขยายเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นได้หากมีความจำเป็นเพราะในระดับปัจจุบันหนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็อยู่ที่ระดับ 59% ต่อจีดีพีแล้ว 

ทั้งนี้ หากมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นแล้วนำมาใช้ในรายการใช้จ่ายที่มีความจำเป็น เช่น เรื่องของการซื้อวัคซีน การซื้อเครื่องมือแพทย์ รวมทั้งการเยียวยาช่วยเหลือภาคเอสเอ็มอีเพื่อรักษาการจ้างงานก็ถือว่าเป็นสิ่งที่รัฐสามารถที่จะทำได้ตามความเหมาะสมเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้ในระยะต่อไป 

ใช้เงินกู้ซื้อวัคซีนให้เพียงพอ

นางสาวกิริฎา กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ยังคงมีความจำเป็น โดยในการล็อกดาวน์แบบในปัจจุบันไม่ใช่การล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเหมือนกับช่วงเดือน เม.ย.ปีก่อน ซึ่งได้ทำให้ในช่วงนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายอย่างยังขับเคลื่อนไปได้

ทั้งนี้โมเดลการล็อกดาวน์ของไทยที่ยังให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินหน้าไปได้แตกต่างจากโมเดลของจีนที่ใช้การล็อกดาวน์แบบเข้มข้นมีการปิดเมืองและห้ามคนออกจากที่อยู่อาศัย ส่วนในยุโรปและสหรัฐที่เริ่มมีการเปิดเมืองเพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเต็มที่ได้มาจากการที่ประเทศเหล่านั้นมีการระดมฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่แม้จะมีผู้ป่วยต่อวันเพิ่มมากขึ้นแต่อัตราผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ

ในขณะที่กรณีประเทศไทยหากต้องการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ได้ต้องเร่งการนำเข้าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และการระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในอัตราที่เพิ่มขึ้นเร็วที่สุด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อให้กลับมาเปิดเศรษฐกิจได้

นางสาวกิริฎา กล่าวว่า ในการจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพิ่มเติมอยากเสนอให้รัฐบาลวางแผนไปถึงปี 2565 โดยนำเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ไปวางเงินจองวัคซีน 100 ล้านโดส ซึ่งต้องใช้เงินประมาณโดสละ 1,000 บาท รวมเป็นวงเงิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพเข้ามาแล้วสามารถฉีดได้รวดเร็วก็จะทำให้กลับมาเปิดเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น


นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า มาตรการการช่วยเหลือเอสเอ็มอีจำเป็นจะต้องมีความหลากหลายและครอบคลุมหลายมาตรการ โดยนอกจากข้อเสนอให้มีการช่วยเหลือการจ้างงานงานให้กับเอสเอ็มอีรายละ 3,000 บาท เป็นระยะเวลา 3-6 เดือน ภาครัฐควรมีมาตรการเร่งช่วยเหลือ คือ การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยการไม่คิดดอกเบี้ยนั้นหมายถึงว่าภาคธนาคารจะต้องหยุดคิดดอกเบี้ยในส่วนของเงินต้นด้วย เพราะในลักษณะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้หยุดคิดดอกเบี้ยในส่วนที่เป็นดอกเบี้ยก็จริงแต่ดอกเบี้ยจากเงินต้นยังคงเดินอยู่ทำให้ภาระของผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอียังมีอยู่มาก

นายแสงชัย กล่าวว่า จากมาตรการการล็อกดาวน์ที่ประกาศในพื้นที่ 29 จังหวัด ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบมาก เพราะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจมีขนาดจีดีพีรวมกันกว่า 70-80% ของจีดีพีประเทศ ทำให้กิจการจำนวนมากขาดสภาพคล่องหนักขึ้น และหากไม่มีมาตรการเพิ่มเติมจะกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการเข้าข่ายกลุ่มเฝ้าระวังเป็นเอ็นพีแอล (กลุ่มสีเหลือง) จำนวนมาก มีหนี้รวม 4.3 แสนล้านบาท หากปล่อยไว้อีกไม่กี่เดือนจะเป็นเอ็นพีแอลได้ถ้าไม่มีมาตรการพักชำระหนี้และดอกเบี้ย

"ขณะนี้ปัญหาการขาดสภาพคล่องมีธุรกิจถึง 13% ที่จะอยู่ไม่รอดภายใน 3 เดือน และอีก 40% ที่อาจอยู่ไม่รอดภายใน 6 เดือน และส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี ซึ่งนอกจากมาตรการเฉพาะหน้าก็ต้องมีมาตรการที่ช่วยเหลืออย่างครอบคลุม โดยมาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกนั้น ต้องการให้แบงก์ชาติ และสมาคมธนาคารไทยเข้ามาเป็นเจ้าภาพ มีการลงทะเบียน และติดตามให้ความช่วยเหลือจริงจัง เพื่อประคองกิจการให้ผ่านช่วงนี้ไปได้" นายแสงชัย กล่าว
#3677


หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยข้อมูลทิศทางราคาน้ำมันดิบระยะสั้นปรับลด หลังกังวลความต้องการใช้น้ำมันอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ จากผลกระทบของโควิด-19 โดยมีปัจจัยที่ส่งผมมาจาก ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเล็กน้อย หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในหลายประเทศ อาทิเช่น จีน ส่งผลให้ IEA หวยออนไลน์ ปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในครึ่งปีหลังลง 0.55 ล้านบาร์เรลต่อวันจากการคาดการณ์ในรายงานฉบับก่อนหน้า โดยทั้งปี 2564 ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นราว 5.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวันจากรายงานฉบับก่อนหน้า

รวมถึง สหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในระยะยาวเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเพื่อเป็นการควบคุมราคาน้ำมันเบนซินในประเทศสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ย.



นอกจากนี้ ในรายงานประจำเดือน ส.ค. กลุ่มโอเปกคาดความต้องการใช้น้ำมันในปี 2564 จะเพิ่มขึ้นที่ระดับเดิมที่ 5.94 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเพิ่มขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

โดยปิดตลาดเมื่อวันที่ 12 ส.ค.2564 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อยู่ที่ 69.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 71.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 70.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกจากเอเชียเหนือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากตลาดน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงกว่า 1.1 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกจากเอเชียเหนือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปสงค์ชะลอตัวลงตามฤดูกาล นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์

โดยปิดตลาดเมื่อวันที่ 12 ส.ค.2564 ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ 83.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 74.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
#3678


ทวิตเตอร์ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น #WhatsHappening และสิ่งที่ผู้คนกำลังพูดถึง ในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทวิตเตอร์ได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญของข่าวสารและข้อมูลล่าสุดที่มาจากแหล่งข่าวน่าเชื่อถือ ในช่วงเวลานี้ที่ #StayAtHome และ #WorkFromHome กลายเป็นเรื่องปกติของใครหลายๆ คน ทำให้

ไลฟ์สไตล์และรูปแบบของการบริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับหวยออนไลน์การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ของผู้บริโภคในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทวิตเตอร์จึงได้วิจัยบทสนทนาที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคบนทวิตเตอร์ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 - 31 พฤษภาคม 2021 พบว่าในช่วงการแพร่ระบาด

ของโควิด-19 มีบทสนทนาเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้ถูกพูดถึง 5 อันดับแรก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป, เครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม, ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว และผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน

ผลการวิจัยพบว่า ในประเทศไทยมี 3 เทรนด์ที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่

1.การเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซ

ช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 อีคอมเมิร์ซเป็นเพียงเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง แต่ปัจจุบันนี้อีคอมเมิร์ซและการ
ส่งของออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย ตลาดนัดขายของแบบเดิมถูกดิสรัปต์ และ
ทวิตเตอร์ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้บริโภคจะเข้ามาค้นหาข้อมูลและสั่งซื้อสินค้าในปัจจุบัน

2. การล็อกดาวน์บางส่วนไม่ได้เป็นแค่แรงขับเคลื่อนเดียวที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในประเทศไทย

ถึงแม้ว่าการล็อกดาวน์บางส่วนและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคจะมีความเกี่ยวพันกันอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป จากการวิจัยของทวิตเตอร์พบว่าแม้จะอยู่ในช่วงที่มีการผ่อนปรนมาตรการการลงเพื่อให้ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารเปิดให้ผู้คนเข้ามาใช้บริการได้ แต่บทสนทนาบนทวิตเตอร์ยังคงพูดถึงเรื่องของการ
ซื้อของที่สะดวกสบาย ซึ่งอีคอมเมิร์ซคือตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ของผู้บริโภคไทยที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องในอนาคต

3. แม้ว่าโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายของสินค้าอุปโภคบริโภคแต่ละกลุ่มจะมีความแตกต่างกัน แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่ในบางเรื่อง

ผู้หญิงจะมีอิทธิพลในบทสนทนายอดนิยม 5 อันดับแรกทั้งหมดที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป, เครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม, ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว และผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เท่ากันทั้งหมดในทุกบทสนทนา แต่จากการวิจัยพบว่าผู้หญิงจะทวีตข้อความเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคมากกว่าผู้ชาย อีกทั้งยังพบว่านอกเหนือไปจากบทสนทนาที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค 5 อันดับแรก กลุ่มเป้าหมายก็ยังมีความคล้ายคลึงกันใน

บทสนทนาหัวข้ออื่นๆ อย่างเช่นโปรไฟล์ของกลุ่มเป้าหมายในเรื่องของ "ความสนใจอื่นๆ" โดย 2 อันดับแรกที่เหมือนกัน ได้แก่ ดนตรีและศิลปะ

ชานดาน ดีฟ หัวหน้าแผนก Emerging Business ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า "ไม่แปลกใจเลยที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิถีการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนในปัจจุบัน รวมไปถึงผู้คนบนทวิตเตอร์ในประเทศไทย เราเห็นว่าเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคได้กลายมาเป็น บทสนทนาที่สำคัญ และคนไทยอยากจะเป็นคนแรกที่ได้ซื้อ ลองใช้ และแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าใหม่ชนิดนั้นอย่างไร แบรนด์เองก็รู้สึกตื่นเต้นที่กลุ่มเป้าหมายขยับใกล้เข้ามามากยิ่งขึ้นและเลือกใช้ทวิตเตอร์ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพนับล้านคนบนทวิตเตอร์"

บทสนทนาเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค 5 อันดับยอดนิยมบนทวิตเตอร์ประเทศไทย ได้แก่

1. ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป (Packaged Food)

บทสนทนาที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปบนทวิตเตอร์ประเทศไทยเกิดขึ้นทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และยังเป็นอันดับหนึ่งจากทั้ง 5 อันดับในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งมีการเติบโตขึ้นถึง 22% นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของ ปี 2020 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2021 ซึ่งมีแรงประสานร่วมกันที่ชัดเจนระหว่างการเติบโตของบทสนทนาบนทวิตเตอร์และการล็อกดาวน์บางส่วน

เนื่องจากคนไทยที่ใช้งานทวิตเตอร์ชอบพูดคุยกันในเรื่องของอาหารตั้งแต่สินค้า ผลิตภัณฑ์อาหาร ร้านอาหาร ไปจนถึงตัวเลือกในการช้อปปิ้งอาหารผ่านออนไลน์ อีกทั้ง นวัตกรรมสินค้ารสชาติใหม่ๆ ขนมรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น และการเปิดตัวสินค้าบนทวิตเตอร์ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากคนไทยบนทวิตเตอร์ต้องการเป็นคนแรกที่ได้ซื้อและได้ลอง

ในขณะที่ บทสนทนาเกี่ยวกับการทำอาหารและการทำขนมเป็นหัวข้อยอดนิยมมาตั้งแต่ก่อนจะเกิดโควิด-19 แล้ว แต่ในไตรมาสแรกของปี 2021 บทสนทนาบนทวิตเตอร์ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับความสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะความนิยมเกี่ยวกับขนมขบเคี้ยว ของกินเล่น ความชื่นชอบในการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปจากร้านสะดวกซื้อและร้านค้าปลีกที่เป็นอีคอมเมิร์ซ

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/NanJeera/status/1370003555654934528

2. เครื่องดื่ม (Beverages)

ช่วงโควิด-19 มีบทสนทนาเกี่ยวกับเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบทสนทนาเกี่ยวกับเครื่องดื่มมักมีความเชื่อมโยงกับอาหารและได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมาก จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ และการดึงเหล่าเซเลบริตี้ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ อาทิ เป๊ก ผลิตโชค (@peckpalit) วงแบล็กพิงก์ (@BLACKPINK) และดาราไทยจากซีรีส์ F4 ซึ่งช่วยขับเคลื่อนบทสนทนาและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

เครดิตทวีต: https:// twitter.com/winnieboy_2102/status/1409496936739004416

เทรนด์ของบทสนทนาเกี่ยวกับเครื่องดื่มในไตรมาสแรกของปี 2021 จะเป็นพวกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ช่วยในเรื่องของความงามและผิวพรรณ และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน

3. ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Hair Care)

บทสนทนาที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศที่มีจำนวนมากที่สุดในช่วงที่มีการแพร่ระบาด คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมโดยมีวัฒนธรรมป็อบเป็นตัวหลักในการจุดกระแสของบทสนทนาหัวข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นสีผมหรือสไตล์ทรงผมล่าสุดของศิลปินดารา K-pop และไอดอลไทยที่ทำให้แฟนๆ เข้ามาพูดคุยและตอบรับกับกระแสอย่างต่อเนื่อง

บนทวิตเตอร์ บทสทนาที่กำลังมาแรงนี้มีวิวัฒนาการตั้งแต่การขายสินค้าและการรีวิวสินค้าในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 มาจนถึงการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะในไตรมาสแรกของปี 2021 เนื่องจากคนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มากขึ้นและมีการแชร์เคล็ดลับรวมถึงการแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/eri_pmpm/status/1365135239983423489


เนื่องจากความอยากที่เป็นผู้นำเทรนด์ล่าสุด คนไทยบนทวิตเตอร์จึงเป็นคนกลุ่มแรกที่อยากซื้อและทดลองใช้สินค้าหรือสไตล์ใหม่ๆ ล่าสุด นอกจากนี้ยังกระตือรือร้นที่จะแชร์คำแนะนำต่อให้กับคนอื่นๆ ทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นตลาดในการขายสินค้าและเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ล่าสุดของเทรนด์ในการดูแลเส้นผมอีกด้วย

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/Hamkdy_/status/1421072145329709066

4. ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว (Personal and Skin Care)

บทสนทนาที่เกี่ยวกับความงามบนทวิตเตอร์ประเทศไทยยังคงได้รับความนิยมและแทบไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าบทสนทนาหัวข้อนี้ได้รับความนิยมมากสุดในกลุ่มผู้หญิง 62% แต่การทวีตข้อความที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิวก็ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชายมากถึง 38%

กลุ่มเป้าหมายชาวไทยบนทวิตเตอร์เปิดใจรับกับผลิตภัณฑ์ความงาม ทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นสถานที่สำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการเปิดตัวสินค้าดูแลและบำรุงผิวตัวใหม่ล่าสุด และด้วยความอยากลองใช้สินค้าตัวใหม่ล่าสุด คนไทยบน ทวิตเตอร์จึงรีบไปซื้อสินค้ามาลองใช้เพื่อแชร์ประสบการณ์ในการใช้งาน

นอกจากนี้คนส่วนใหญ่ยังชอบแนะนำและ ขายต่อ ทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมสำหรับผลิตภัณฑ์ความงามและแบรนด์ต่างๆ เพราะว่าคนไทยยังคงมองหาสินค้าที่จะมาใช้ในกิจวัตรการดูแลความงามของตัวเองอย่างต่อเนื่องในช่วงโควิด

ซึ่งบทสนทนาในหัวข้อนี้ก็ไม่ได้ขับเคลื่อนเฉพาะแค่เรื่องความปรารถนาที่จะดูดีเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องของสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งบทสนทนาที่สำคัญเนื่องจากผู้คนหันมาใช้ทวิตเตอร์ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพผิว ตั้งแต่เรื่องสิว ไปจนถึงเรื่องของการมีผิวกระจ่างใสและขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณ

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/FKYz_/status/1420332191708454912

5. ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน (Home Care)

การแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงแรกผู้คนต่างมุ่งความสนใจไปในเรื่องการฆ่าเชื้อโรคในบ้านทำให้บทสนทนาที่เกี่ยวกับการดูแลบ้านเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ติดอยู่ใน 5 อันดับบทสนทนาที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค แม้ว่าบทสนทนาใน
หัวข้อนี้จะลดน้อยลงไปในระดับหนึ่ง แต่การดูแลบ้านยังคงเป็นหัวข้อบทสนทนาที่มีความสำคัญอยู่บนทวิตเตอร์ประเทศไทย

ชาวทวิตภพมักทวีตเกี่ยวกับการดูแลรักษาและการป้องกันบ้านที่อยู่ของพวกเขา และจากการสนทนาเกี่ยวกับการดูแลรักษาที่อยู่อาศัย มาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2021 เทรนด์การสนทนาได้เปลี่ยนมาเป็นเรื่องของความงามและสุนทรียศาสตร์แทนเนื่องจากคนส่วนใหญ่หันมาโชว์บ้านหรือห้องของตัวเองที่ดูสะอาดสะอ้านสบายตาและการตกแต่งที่ดูดีมีสไตล์ทำให้บทสนทนาในหัวข้อนี้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องบนทวิตเตอร์ประเทศไทย

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/JorOrYor/status/1416250284364369920

คลิกที่นี่ครบจบ เช็คสิทธิ 'ประกันสังคม' www.sso.go.th ม.33 ม.39 ม.40
ยึดทรัพย์​กว่า 100 ล้าน ปธ.สโมสรฟุต.ดังเมืองเหนือ น้องใหม่ไทยลีก 2 คดีค้ายาเสพติด
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยิ่งหนัก! พบติดเชื้อเพิ่ม 23,418 ราย เสียชีวิต 184 ราย ไม่รวม ATK อีก 1,523 ราย
การเปลี่ยนแปลงเทรนด์ของผู้บริโภคสร้างโอกาสใหม่ให้กับแบรนด์

การวิจัยของทวิตเตอร์แสดงให้เห็นว่าเทรนด์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ความ
ชื่นชอบที่เกิดจากความพึงพอใจในทันทีผ่านการซื้อของออนไลน์และการช้อปปิ้งที่ร้านสะดวกซื้อทำให้เทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆ

และหากมองจากมุมมองของแบรนด์ ทวิตเตอร์ ถือเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งที่แบรนด์สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ โดยผู้ใช้งาน 71% ให้คะแนนในการโต้ตอบกับแบรนด์ว่า "ดี / ดีเยี่ยม" (มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ) นอกจากนี้ทวิตเตอร์ยังเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการเปิดตัวสินค้าอุปโภคบริโภคใหม่ๆ

โดยผู้ใช้งาน 77% ให้คะแนนในเรื่องของการที่ทวิตเตอร์แสดงให้เห็นถึงเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกอยู่ในขณะนั้นว่า "ดีมาก / ดีที่สุด" (มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ) ดังนั้นแบรนด์ที่ชาญฉลาดจะใช้ประโยชน์จากทวิตเตอร์ในการทำความเข้าใจเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต ขณะเดียวกันยังเป็นการเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพผ่านการใช้เครื่องมือโฆษณาสร้างสรรค์ของทวิตเตอร์และใช้พลังของการสนทนาบนทวิตเตอร์ได้อีกด้วย
#3679


เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชิคาโก สหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี(12ส.ค.) รายงานพบเคสผู้ติดเชื้อ 203 รายเกี่ยวข้องกับเทศกาลดนตรีประจำปี "ลอลลาพาลูซา" แต่ระบุไม่เกินความคาดหมาย และยังไม่พบความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรพยาบาลหรือเสียชีวิต

"ไม่มีอะไรที่เกินความคาดหมาย" แพทย์หญิงแอลลิสัน อาร์วาดี คณะกรรมการกรมสุขภาพชิคาโกกล่าวระหว่างแถลงข่าว "ไม่มีสัญญาณว่ามันเป็นกิจกรรมซูเปอร์สเปรดเดอร์" เธอระบุ "แต่ชัดเจนว่าด้วยที่มีประชาชนหลายแสนคนเข้าร่วมลอลลาพาลูซา เราจึงคาดหมายว่าคงมีเคสติดเชื้อโควิด-19 อยู่บ้าง"

เทศกาลดนตรีประจำปี 4 วัน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อราวๆ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ดึงดูดผู้คนราวๆ 385,000 คนมายังสวนสาธารณะริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง กระตุ้นให้ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ตั้งคำถามว่าทำไมถึงจัดกิจกรรมในช่วงเวลาเกิดโรคระบาดใหญ่เช่นนี้ ทั้งที่ปีที่แล้วได้ยกเลิกไปสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ภาพวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นฝูงชนอัดแน่นตามเวทีคอนเสิร์ตและระบบคนขนส่งสาธารณะ ระหว่างนั้นพบเห็นผูุ้คนสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 แค่ประปราย

อย่างไรก็ตามลอรี ไลท์ฟูต นายกเทศมนตรีและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ปกป้องการตัดสินใจอนุญาตให้จัดกิจกรรม ระบุว่ามีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงผู้เข้าร่วมต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนหรือมรผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ และทางเจ้าหน้าที่เผยว่ามีราวๆ 90% ที่ฉีดวัคซีนแล้ว



อาร์วาดี ระบุว่าในบรรดาเคสผู้ติดเชื้อนั้น มีทั้งบุคคลที่มีผลตรวจเป็นบวกหลังหรือระหว่างร่วมเทศกาลลอลลาพาลูซา ซึ่งอาจสรุปได้ว่าหลายคนที่เดินทางมาร่วมเทศกาลดนตรีติดเชื้อตั้งแต่ก่อนมาถึง

เธอบอกว่าทางเมืองยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนเคสต่างๆ แต่คาดหมายว่ามันคงไม่ส่งผลกระทบสำคัญๆใดๆต่ออัตราการติดเชื้อโควิด-19

ในบรรดาผู้มีที่ผลตรวจเชื้อเป็นบวกนั้น เจ้าหน้าที่เมืองระบุว่ามี 138 คน มาจากเมืองอื่นๆในรัฐอิลลินอยส์ 58 คนเป็นพลเมืองของเมืองชิคาโก และ 7 คนมาจากรัฐอื่น ทั้งนี้เกือบ 80% ที่มีผลตรวจเป็นบวกมีอายุต่ำกว่า 30 ปี และราว 62% เป็นคนผิวขาว

(ที่มา:เอพี)
#3680


หลายคนอาจมองว่า การทำความดีนั้นเป็นเรื่องยาก การทำไม่ดีนั้นดูเหมือนจะง่ายกว่า แต่ความจริงแล้วการทำความดี เป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนสามารถทำได้ นอกจากจะเกิดผลดีกับตนเองแล้ว อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้อีกมากมาย แล้วจะดีแค่ไหน ถ้ามีช่องทางให้เราได้ส่งต่อความดีแบบง่าย ๆ เพียงแค่ปลายนิ้วคลิก

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง องค์กรสาธารณกุศล ที่มุ่งมั่นบรรเทาทุกข์ และบำรุงสุขให้แก่เพื่อนมนุษย์ ภายใต้ปณิธาน "ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต" อยู่เคียงคู่ชีวิตคนไทยมายาวนาน 110 ปี ได้จัดทำต้นไม้แห่งความดี ในรูปแบบดิจิตอล "110 ปี ล้านความดี ป่อเต็กตึ๊ง" เพื่อให้คนไทยได้ร่วมกันสืบสานความดีให้ครบ 1,100,000 ความดี ในโอกาสครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ผู้ที่ต้องการเข้าไปร่วมส่งต่อปณิธานความดี สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงคลิกเข้าไปที่ www.ต้นไม้แห่งความดี.com เมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นโลโก้ "110ปี ล้านความดี ป่อเต็กตึ๊ง" ถัดลงมาจะมีฟีเจอร์ 3 ปุ่มด้านล่างให้คลิก ได้แก่ เรื่องราวความดี สะสมความดี สร้างบัญชี สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกใหม่ เริ่มต้นตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

•คลิกที่ปุ่มสร้างบัญชี กรอกรายละเอียดและข้อมูลพร้อมตั้งรหัสผ่าน เพื่อเข้าสู่การสะสมความดี หรือเลื่อนลงมาที่แถบล่างก็สามารถกดลิงก์เพื่อเชื่อมการลงทะเบียนผ่าน Facebook หรือ Gmail ได้อีกทางหนึ่ง

•เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วระบบจะเข้าสู่หน้าหลัก และคลิกไปที่ปุ่มสะสมความดี เพื่อทำการสะสมความดีผ่านช่องทางที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้ว และสามารถเลือกหมวดสะสมความดี "11 รากแก้วแห่งความดี" ที่มีอยู่ทั้งหมด 11 หมวด

•จากนั้นพิมพ์ชื่อและความดีที่ทำลงในใบโพธิ์ไม่เกิน 150 ตัวอักษร โดยขั้นตอนนี้สามารถบันทึกภาพลงในมือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ และยังสามารถส่งต่อความดีในหน้า Facebook ของเราได้อีกด้วย

มาร่วมกันส่งต่อปณิธานความดี จะเป็นสิ่งใดก็ได้ที่ทำด้วยความตั้งใจ ความดีจาก 1 ใบโพธิ์เล็ก ๆ จะผลิใบเจริญงอกงาม กลายเป็นต้นโพธิ์ใหญ่แผ่ร่มเงา เปรียบเสมือนหลายล้านความดีรวมกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยต่อไป