• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Shopd2

#3681
ฝากขายบ้าน ฝากปล่อยเช่าบ้าน ฟรี! 
รับฝากขายบ้าน ฝากปล่อยเช่าบ้านระยะสั้น และยาว : มืออาชีพ ปล่อยเร็ว





ทำไมต้องฝากขายบ้าน ฝากปล่อยเช่าบ้าน?
ฝากขายบ้าน : ปล่อยบ้านไว ทีมงานพาชมบ้าน พร้อมทำสัญญา และพาโอนกรรมสิทธิ์
ฝากปล่อยเช่าบ้าน : หาผู้เช่าได้เร็ว ทีมงานพาชมบ้าน พร้อมทำสัญญา และดูแลตลอดสัญญา





ขั้นตอนการฝากขายบ้าน 
1.จัดเตรียมข้อมูล รายละเอียดบ้าน
2.ถ่ายรูปบ้าน และตกแต่งบ้านให้สวยงาม
3.จัดเตรียมเบอร์โทร, Line และอีเมล์ เจ้าของบ้านที่ติดต่อได้สะดวก (สำคัญ)
4.ลงข้อมูลบ้านด้วยตนเอง หรือ ฝากทีมงานลงข้อมูลฝากขายบ้าน
5.หลังลูกค้าสนใจ ทีมงานติดต่อเจ้าของบ้าน
6.นัดหมายเข้าชมบ้าน พร้อมทำสัญญา
7.ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์บ้าน





 จุดเด่นของการ ฝากขายบ้าน ฝากปล่อยเช่าบ้าน กับ Propso.com 

ปัจจุบัน การสื่อสารได้มีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จาก 2G สู่ 3G มาถึง 4G และกำลังขยับเข้าสู่ 5G ซึ่งรูปแบบการฝากขายบ้าน ฝากปล่อยเช่าบ้าน นั้นสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น ประกาศขายบ้านผ่านช่องทางส่วนตัว ประกาศปล่อยเช่าบ้านผ่านนายหน้า ประกาศขายบ้านในเวปไซต์ หรือ ประกาศเช่าบ้านผ่าน Social Media ต่างๆ ซึ่งในแต่ละรูปแบบก็จะมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันไป ถ้ามองในมุมมองของลูกค้าที่ต้องการขายบ้าน หรือ ต้องการเช่าบ้านแล้ว ช่องทางไหนที่สะดวก หรือ มีบ้านเช่าที่ถูกใจ ตรงกับงบประมาณ รูปสวย ชัดเจนทุกมุม จะช่วยให้การฝากขายบ้าน ฝากปล่อยเช่าบ้าน ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว 

Propso.com เข้าใจและทราบถึงความยุ่งยากของฝากเจ้าของบ้าน ในการให้ข้อมูลการฝากขายบ้าน ฝากปล่อยเช่าบ้าน ต้องสามารถทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และที่สำคัญคือต้องปล่อยขายบ้านให้ได้ไว ด้วยการตลาดในรูปแบบ Referral Marketing โดยให้ทีม Co-Agent ของ Propso หรือ Partner ของ Propsoช่วยหาลูกค้า ทำให้บรรดาเจ้าของบ้านเช่าทั้งหลายต่างไว้วางใจ Propso เป็นอย่างมาก 

ในมุมของลูกค้า สิ่งที่ต้องการมากที่สุด คือ ฝากขายบ้าน ฝากปล่อยเช่าบ้าน ต้องเป็นรูปจริง ข้อมูลอัพเดท และมีราคาที่เหมาะสม รวมถึงถ้าได้รับการแนะนำจากคนที่เราไว้ใจอย่าง Co-Agent ของ Propso หรือ Partner ของ Propso แล้ว ยิ่งสร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้น 

ดังนั้น จึงไม่แปลกเลยว่า ด้วยแผนการตลาดของ Propso นี้จึงทำให้เจ้าของบ้านหลายท่านมั่นใจ และยินดีที่จะ ฝากขายบ้าน ฝากปล่อยเช่าบ้าน กับทางเรา นอกจากปล่อยขายบ้าน/ปล่อยเช่าบ้านได้เร็วแล้ว ยังมีบริการเสริมต่างๆ อีกมากมายเช่น บริการทวงถามค่าเช่าบ้าน, บริการ Call Center ทุกวัน 9:00-22:00 น., บริการตรวจบ้าน และประเมินความเสียหายหลังสิ้นสุดสัญญา เป็นต้นYoutube : https://youtu.be/QGzLKZP-MUs 

สนใจบริการ Propso : ฝากขายบ้าน | ฝากขายคอนโด | ฝากขายทาวน์โฮม | ฝากขายอาคารพาณิชย์ | ฝากขายโฮมออฟฟิศ
#3682


แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เก่า พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ยื่นข้อเสนอ 2 ปี แก่ คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังโปรตุกีส หลังชวด แฮร์รี เคน ศูนย์หน้า ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ช่วงซัมเมอร์นี้

เคน วัย 28 ปี ตกเป็นเป้าหมายของ 'เรือใบสีฟ้า' ตลอดการซื้อ-ขายฤดูร้อน ทว่า กัปตันทีมชาติอังกฤษ ยืนยันชัดเจน จะอยู่รับใช้ 'ไก่เดือยทอง' ต่อไป เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (25 ส.ค.)

เท่ากับว่า 'เดอะ ซิตีเซ็นส์' จะเหลือ กาเบรียล เฆซุส เป็นกองหน้าอาชีพที่ฝากความหวังได้, เฟร์ราน ตอร์เรส ในบทบาท 'ฟอลส์ ไนน์ (กองหน้าตัวหลอก)' และ เลียม ดีแล็ป ดาวรุ่ง หลังปล่อย เซร์คิโอ อกูเอโร หัวหอกอาร์เจนไตน์ ย้ายไป บาร์เซโลนา แบบไม่มีค่าตัว

ขณะเดียวกันเว็บไซต์ 'Gianlucadimarzio.com' ตีข่าว ซิตี เสนอสัญญาแก่ โรนัลโด 2 ปี มูลค่า 230,000 ปอนด์ (ประมาณ 10.4 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ โดยปฏิเสธจ่ายค่าตัวแก่ ยูเวนตุส

ตามรายงาน ระบุ 'ม้าลาย' ตั้งราคา เจ้าของรางวัล 'บัลลง ดอร์' 5 สมัย ไว้ 25 ล้านปอนด์ (ราว 1,125 ล้านบาท) เพื่อนำเงินไปหมุนหาตัวแทน ช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดนักเตะ

ทั้งนี้ 'เบียงโคเนรี' ยังปิ๊งไอเดียขอ เฆซุส หัวหอกบราซิเลียน เพื่อแลกตัว แต่ถูก เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือชาวสเปน ปฏิเสธ

กระแสข่าวทั่วยุโรป เผยว่า ปีกจอมถล่มประตู วัย 36 ปี ต้องการความท้าทายใหม่ๆ ของอาชีพ และถูก ฮอร์เก เมนเดส เอเยนต์ส่วนตัว เสนอให้ แมนฯ ซิตี ราคา 25 ล้านปอนด์ (1.125 ล้านบาท)

โรนัลโด ถูกจับนั่งสำรอง เกมเปิดซีซันของ 'ยูเว' พบ อูดิเนเซ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 ส.ค.) กระทั่งเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคต ที่อัลลิอันซ์ สเตเดียม

ด้าน ปารีส แซงต์ แชร์แมง สโมสรเงินถุงเงินถังแห่ง ลีก เอิง ฝรั่งเศส แสดงความสนใจ โรนัลโด อยู่เช่นกัน หลัง คีเลียน เอ็มบัปเป กองหน้า ไม่ยอมต่อสัญญา และอาจขายให้ รีล มาดริด ค่าตัว 137 ล้านปอนด์ (ราว 6.200 ล้านบาท)
#3683


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 25 ส.ค. 2564

-- -ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มผู้ผลิตชิป ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,405.50 จุด เพิ่มขึ้น 39.24 จุด หรือ +0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,496.19 จุด เพิ่มขึ้น 9.96 จุด หรือ +0.22% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,041.86 จุด เพิ่มขึ้น 22.06 จุด หรือ +0.15%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเดินทางที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ตลาดทั่วโลกปรับตัวในช่วงแคบๆ ก่อนการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่งในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 471.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด หรือ +0.01%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,676.48 จุด เพิ่มขึ้น 12.17 จุด หรือ +0.18%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,860.66 จุด ลดลง 45.19 จุด หรือ -0.28% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,150.12 จุด เพิ่มขึ้น 24.34 จุด หรือ +0.34%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเดินทาง ขณะที่นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายหุ้น หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วโลก และการขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอลง

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,150.12 จุด เพิ่มขึ้น 24.34 จุด หรือ +0.34%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) ขานรับตัวเลขชสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 68.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.2564

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 72.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.2564

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 17.5 ดอลลาร์ หรือ 0.97% ปิดที่ 1,791 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 11.9 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 23.775 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 16.6 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 993.5 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 11.80 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 2,430.70 ดอลลาร์/ออนซ์

--ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์เทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการที่ประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 92.8255 เมื่อคืนนี้

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1771 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1754 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3761 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3730 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7279 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.97 เยน จากระดับ 109.68 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์ ที่ระดับ 0.9135 ฟรังก์ จากระดับ 0.9126 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2598 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2594 ดอลลาร์แคนาดา

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,405.50 จุด เพิ่มขึ้น 39.24 จุด, +0.11%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,496.19 จุด เพิ่มขึ้น 9.96 จุด, +0.22%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,041.86 จุด เพิ่มขึ้น 22.06 จุด, +0.15%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,150.12 จุด เพิ่มขึ้น 24.34 จุด, +0.34%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,676.48 จุด เพิ่มขึ้น 12.17 จุด, +0.18%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,860.66 จุด ลดลง 45.19 จุด, -0.28%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 55,944.21 จุด ลดลง 14.77 จุด, -0.03%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,113.24 จุด เพิ่มขึ้น 23.74 จุด, +0.39%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,569.80 จุด เพิ่มขึ้น 16.43 จุด, +1.06%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,822.15 จุด เพิ่มขึ้น 143.33 จุด, +2.15%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,107.49 จุด ลดลง 0.13 จุด, -0.00%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 25,693.95 จุด ลดลง 33.97 จุด, -0.13%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,540.38 จุด เพิ่มขึ้น 25.91 จุด, +0.74%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,045.86 จุด เพิ่มขึ้น 227.13 จุด, +1.35%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,146.81 จุด เพิ่มขึ้น 8.51 จุด, +0.27%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,724.80 จุด ลดลง 7.30 จุด, -0.026%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,531.90 จุด เพิ่มขึ้น 28.90 จุด, +0.39%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,809.60 จุด เพิ่มขึ้น 35.90 จุด, +0.46%
#3684


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และนายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นสักขีพยานพิธีประกาศความตกลง ซื้อขายผลไม้ล่วงหน้า (MOP) ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ผลไม้ไทยถือเป็นสินค้าเป้าหมายสำคัญในการส่งออกเพื่อทำรายได้ให้กับประเทศ 7 เดือนแรกปีนี้ยอดการส่งออกผลไม้สดและผลไม้แปรรูปมีมูลค่าสูงถึง 131,166 ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 48.31 และเป้าหมายในปีนี้ทั้งปีตั้งเป้าหมายว่าจะส่งออกผลไม้เพื่อทำรายได้เข้าประเทศให้ได้ไม่ต่ำกว่า 180,000 ล้านบาท ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 โดยงานสำคัญในการส่งเสริมการส่งออกผลไม้เพื่อทำรายได้เข้าประเทศประกอบด้วย 4 งานใหญ่1.กิจกรรมจัดคู่เจรจาทางการค้าออนไลน์ OBM หรือ Online Business Matching 2.กิจกรรมการส่งเสริมการขายการบริโภคผลไม้ในห้างสรรพสินค้าและตลาดสำคัญในต่างประเทศ 3.กิจกรรมการจัด Thai Fruits Golden Months หรือเดือนทองของการบริโภคผลไม้ไทยในประเทศต่างๆ 4.กิจกรรมขายผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆโดยเฉพาะแพลตฟอร์มสำคัญในระดับโลกเช่น bigbasket.com ของอินเดีย Tmall ของจีน เป็นต้น

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าต่อว่า ตัวอย่างของความสำเร็จ เช่น การจัด Thai Fruits Golden Months ในประเทศจีนซึ่งช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาได้จัดไปแล้วใน 8 เมือง ประกอบด้วย หนานหนิง ไห่หนาน ฉงชิ่ง ชิงต่าว เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู ต้าเหลียน และฝอซาน สามารถทำได้ถึง 15,466 ล้านบาท และยังมีแผนงานที่เหลืออีก 5 เมืองคือ เซี่ยเหมิน หนานชาง คุนหมิง อู่ฮั่น และหนานหนิง ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท รวมแล้วเฉพาะการจัด Thai Fruits Golden Monthsในจีน 13 เมืองทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท



สำหรับ 1 ใน 4 งานหรือกิจกรรมคือ OBM จับคู่เจรจาทางการค้าซื้อขายผลไม้ เราดำเนินการ 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งการส่งเสริมการจับคู่ซื้อขายผลไม้ของภาคตะวันออกของประเทศไทยมีการจัดกิจกรรมจับคู่ไปแล้วเมื่อวันที่ 24-25 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ส่งออกไทยทั้งสิ้น 39 บริษัทผู้นำเข้าจากต่างประเทศ 179 บริษัทจาก 37 ประเทศ สามารถเจรจาซื้อขายได้ถือ 392 คู่ 2,276 ล้านบาท ประเทศนำเข้าสำคัญที่จับคู่นำเข้าผลไม้กับไทยประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ฮังการี อินเดีย รัสเซียและสหรัฐอเมริกา เป็นต้นโดยผลไม้ Top 5 ที่ได้เจรจาจนประสบความสำเร็จประกอบด้วย ทุเรียน มะม่วง มะพร้าว สับปะรดและมังคุด

ช่วงต่อมา จับคู่เจรจาซื้อขายผลไม้ในภาคใต้กับภาคเหนือ วันที่ 22-23 กรกฎาคมมีผู้ส่งออกไทย 65 บริษัทผู้นำเข้า 72 บริษัทจาก 20 ประเทศสามารถเจรจาประสบความสำเร็จ 257 คู่ มูลค่า 1,865 ล้านบาท
ผู้นำเข้าประกอบด้วยจีน เมียนมา อินเดีย ฮ่องกงและกัมพูชา ผลไม้สำคัญประกอบด้วยมะพร้าว สับปะรด มะม่วง ลำไย



ในการเจรจาจับคู่ซื้อขายผลไม้ 2 ครั้งทั้งภาคตะวันออก ภาคใต้และภาคเหนือสามารถทำยอดได้ถึง 4,141 ล้านบาท และกิจกรรมในวันนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งจากการเจรจาทั้ง 2 ครั้งโดยมีการประกาศการจับคู่ที่กำหนดการส่งมอบที่เป็นรูปธรรมแล้วจำนวน 21 คู่ เป็นเงินซื้อขายจริงที่จะชำระ 2,394 ล้านบาทคือความตกลงซื้อขายผลไม้ส่งออก หรือ Memorandum of Purchasing : MOP เป็นผู้ส่งออกของไทย 21 บริษัทผู้นำเข้า 21 บริษัทจาก 16 ประเทศประกอบด้วยอินเดีย ลาว เมียนมา สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สเปน เกาหลี ไต้หวัน อินโดนีเซีย อาร์เจนตินา กัมพูชา ยูเออีและมาเลเซีย ผลไม้สำคัญประกอบด้วย ทุเรียน มะม่วง ลำไย มังคุดและมะพร้าว เป็นต้น

"และขอมอบนโยบายพาณิชย์จังหวัด และ ทูตพาณิชย์ ที่เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์วันนี้ช่วยเจรจาจับคู่เพื่อระบายผลไม้ที่ยังเหลืออยู่ในขณะนี้โดยเฉพาะลำไยภาคเหนือและลองกองที่กำลังจะออกตามมา จับคู่กันระหว่างเซลล์แมนจังหวัด และขอให้ทีมเซลล์แมนประเทศประจำสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมให้เร่งหาตลาดระบายพลไม้เพิ่มเติม และให้วางแผนล่วงหน้าเชิงรุก ให้ทีมเซลล์แมนจังหวัดกับทีมเซลล์แมนประเทศประสานงานกัน ทางไทยให้เตรียมการผลิตผลไม้คุณภาพและทีมเซลล์แมนในต่างประเทศให้นำออกไปขายให้ทั่วถึง คือนอกจากจังหวัดต่อจังหวัดแล้วยังให้เป็นภารกิจจังหวัดกับโลกต่อไปด้วย" นายจุรินทร์ กล่าว
#3685


วันนี้ (26 ส.ค. 64) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 18,501 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศและมาจากต่างประเทศ 18,362 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 139 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 1,120,872 ราย 

มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 229 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 มียอดผู้เสียชีวิตสะสมสูงถึง 10,220 ราย ขณะที่ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 10,314 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 186,934 ราย กลุ่มคนไข้อาการหนัก 5,174 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจอีก 1,090 ราย ผู้ป่วยหายป่วยกลับบ้านวันนี้ 20,606 ราย สะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 มี 896,195 ราย มีผลบวก ATK อีก 2,339 ราย 

10 อันดับ ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 

อัตราป่วยไทย 16,012 ต่อล้านประชากร
สำหรับสถานการณ์ในทวีปเอเชีย พบว่าประเทศที่มีผู้ป่วยต่อเนื่อง ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน ญี่ปุ่น บังคลาเทศ และไทย โดยอัตราป่วยของไทย 16,012 ต่อล้านประชากร ขณะที่อัตราตาย 147 ต่อล้านประชากร




เด็ก 12 ขวบ เสียชีวิต 1 ราย 
สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิต 229 ราย เป็นเพศชาย 127 ราย หญิง 102 ราย ค่ากลางอายุ 65 ปี (12 - 97 ปี) ค่ากลางเวลาทราบผลติดเชื้อจนเสียชีวิต 10 วัน นานสุด 93 วัน โดยยังคงเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 151 ราย คิดเป็น 66% มีโรคเรื้อรัง 57 ราย คิดเป็น 25% รวม 2 กลุ่มคิดเป็น 91% โดยมีเด็ก 12 ปี เสียชีวิต 1 ราย จ.ชลบุรี มีโรคประจำตัว ได้แก่ มะเร็งต่อมไพเนียล


แนวทาง ดูแลเมื่อ "เด็กติดโควิด-19" 
แนวทางการดูแลเมื่อพบว่าลูกน้อยติดเชื้อโควิด19 โดย สถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ กรมอนามัย เผยแพร่ในเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19  มีดังนี้

1. กรณีต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล


1.1 กรณีเด็กและผู้ปกครองเป็นผู้ติดเชื้อ ให้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลร่วมกันกับผู้ปกครอง โดยเน้นให้จัดอยู่เป็นกลุ่มครอบครัว ไม่ควรแยกเด็กเล็กออกจากผู้ปกครอง


1.2 กรณีเด็กเป็นผู้ติดเชื้อแต่ผู้ปกครองไม่เป็นผู้ติดเชื้อ ให้เด็กเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลโดยมีผู้ดูแลที่ไม่มีโรคประจำตัว และอายุไม่เกิน 60 ปีเข้าดูแลเด็กด้วย หากเป็นโรงพยาบาลสนาม ควรขอจัดพื้นที่ให้เด็กและผู้ปกครองเป็นการเฉพาะ โดยแยกจากผู้ติดเชื้ออื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะสัมผัสเชื้อโรคได้

2. กรณีเฝ้าสังเกตอาการที่บ้าน (Home Isolation)


อุปกรณ์เพื่อใช้ติดตามอาการ และบรรเทาอาการเด็กที่บ้าน

ปรอทวัดไข้
ที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว
อุปกรณ์ที่สามารถถ่ายภาพ หรือ คลิปวิดีโออาการของเด็กได้
ยาสามัญประจำบ้านเพื่อบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก เกลือแร่
สังเกตอาการโดยรวมของเด็กอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยระดับอาการของเด็กแบ่งเป็น 2 แบบ

อาการในระดับที่สามารถเฝ้าสังเกตอาการที่บ้านต่อไปได้ คือ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก มีอาการไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลว ยังคงกินอาหาร หรือนมได้ปกติ ไม่ซึม
อาการในระดับที่ผู้ปกครองควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเด็กส่งโรงพยาบาล คือ ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจมาก อกบุ๋ม ปีกจมูกบานตอนหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95% ซึมลง งอแง ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร
เบอร์ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเด็กส่งโรงพยาบาล

- ติดต่อที่เบอร์สายด่วน โทร 1668 / 1669 หรือ 1330

- ติดต่อสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ทาง Line ด้วยการเพิ่มเพื่อน COVID QSNICH ที่ Line id : @080hcijL

- ลงทะเบียนข้อมูลให้ครบถ้วน หลังจากนั้นให้รอเจ้าหน้าที่ของสถาบันติดต่อกลับภายใน 24 ชม. หรือโทรสอบถามที่เบอร์ 1415
#3686


แฮร์รี เคน กองหน้าหมายเลข 1 ของอังกฤษ ออกมาสยบทุกข่าวลือเรื่องการย้ายทีมที่เป็นประเด็นร้อนมายาวนาน โดยยืนยันหนักแน่นจะอยู่รับใช้ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ต้นสังกัดของตัวเอง 100% ในฤดูกาลนี้

หัวหอกวัย 28 ปี มีข่าวพัวพันกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี อย่างหนักตลอดช่วงเวลาซื้อขายซัมเมอร์ และหลายฝ่ายต่างเฝ้ามองว่ากัปตันทีมชาติอังกฤษ จะเป็นซูเปอร์สตาร์อีกรายที่โยกย้ายก่อนตลาดปิดตัว วันที่ 31 สิงหาคมนี้

แต่แล้วทุกอย่างก็กระจ่างชัดเมื่อ เคน ระบุชัดแจ้งผ่าน โซเชียล มีเดีย ทุกช่องทางว่าแฟน. 'ไก่เดือยทอง' จะได้เห็นตัวเองลงสนามพังประตูกับทีมต่อไปเหมือนเดิม แม้ก่อนนี้จะเคยเปรยว่าต้องการย้ายทีมเพื่อแสวงหาถ้วยแชมป์เพื่อความสำเร็จ

เคน เผยว่า 'เหลือเชื่อมากที่ได้เห็นการต้อนรับของแฟน. สเปอร์ส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และผมก็ได้อ่านข้อความให้กำลังใจที่ส่งมาให้ตลอดในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา'

'ผมจะอยู่กับ ท็อตแนม ในซัมเมอร์นี้ และจะมุ่งมั่นเต็ม 100% ในการช่วยพาทีมไปสู่การประสบความสำเร็จ' กัปตันทีมชาติอังกฤษ ระบุ

สำหรับ เคน มีสัญญาล่าตาข่ายในถิ่น ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ สเตเดียม จนถึงปี 2024 โดยเกม พรีเมียร์ ลีก นัดล่าสุดที่บุกชนะ วูล์ฟแฮมตัน 1-0 เจ้าตัวก็ได้ลงสนามในฐานะตัวสำรอง เรียกเสียงเชียร์จากแฟน.อย่างกึกก้อง
#3687


'เดลี เมล' หนังสือพิมพ์ของอังกฤษ รายงานตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา (25 ส.ค.) เคน จะปักหลักถิ่น ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม ฤดูกาลนี้ ก่อนนักเตะออกมายืนยันด้วยตัวเองทาง โซเชียล มีเดีย

ขณะที่ 'เดอะ ไทม์ส' ตีข่าว กัปตันทีมชาติอังกฤษ ยอมรับความจริงว่า ซิตี ไม่สามารถทุ่มเงินถึง 150 ล้านปอนด์ (ราว 6,750 ล้านบาท) ตามที่ แดเนียล เลวี ประธานสโมสร ตั้งไว้ แต่ต้องการค่าแรงซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญต่อ 'ไก่เดือยทอง' ซึ่งน่าจะกลายเป็นสถิติสูงสุดของ พรีเมียร์ ลีก

ปัจจุบัน เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพ แมนฯ ซิตี เป็นเจ้าของสถิติ 385,000 ปอนด์ (ประมาณ 17.3 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ รองลงมาคือ ดาบิด เด เคอา นายทวาร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 375,000 ปอนด์ (16.9 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์

เข้าใจว่า เคน ได้รับการปรับค่าแรงขึ้น หลัง ท็อตแนมฯ ปฏิเสธขายออกจากทีม ช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว โดยสัญญาฉบับปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 300,000 ปอนด์ (13.5 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์

รายงานข่าวระบุ ทีมจากย่านลอนดอนเหนือ จะขึ้นค่าจ้าง จอมถล่มประตูวัย 28 ปี หากสอดคล้องกับเงื่อนไขจ่ายโบนัสต่างๆ รวมยิงประตู

'เดลี เมล' ตีข่าวสัปดาห์ที่แล้ว อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิด ขุนพล 'สิงโตคำราม' ชุดรองแชมป์ ยูโร 2020 ยังคงทุ่มเทเต็มร้อย ถึงแม้รู้สึกว่าสโมสรไม่สามารถตอบสนองความทะเยอทะยานของตัวเองได้

ฝ่าย ดาวซัลโวสูงสุด พรีเมียร์ ลีก 2020-21 ยืนยันมีการทำข้อตกลงไว้ว่า เคน จะได้รับอนุญาตให้ย้ายสังกัด หาก สเปอร์ส จบซีซันแบบมือเปล่า และไม่ผ่านควอลิฟาย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก
#3688


พร้อมเขย่าวงการซีรีส์ไทยให้ฮือฮาด้วยการสร้างซีรีส์ในรูปแบบ O2O (ออนไลน์ ทู อ๊อฟไลน์) กับปรากฎการณ์ของซีรีส์กินได้ครั้งแรกของเมืองไทยในซีรีส์วาย "ส่งร้อนเสิร์ฟรัก BITEME Drama-Addict" ซีรีส์กินได้กับเรื่องราวความผูกพันระหว่าง "เอก" ไรเดอร์ส่งอาหารที่มีความฝันอยากเป็นเชฟ และ "เชฟเอื้อ" จากร้าน "อิ่มเอื้อ".... ซีรีส์ที่พร้อมจะพาคนดูได้มีประสบการณ์ร่วมจริงกับการสั่งอาหารจากร้านอิ่มเอื้อมาชิมได้จริงหน้าจอในรูปแบบ คลาวด์ คิทเช่น (Cloud Kitchen) เรียกว่า อิ่มจริง ฟินจริง เป็นครั้งแรก ซึ่งถูกสร้างโดยบริษัท เดอะ ดรีม แอนด์ เดสทินี จำกัด (THE DND) บริษัทคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ (Content creator)  ภายใต้การบริหารของ "นิธิวัฒน์ เจนเจษฎา"  และ "สมสมร ด่วนดี" ที่พร้อมเสิร์ฟความฟินจากเมนูอาหารสูตรเฉพาะของร้านอิ่มเอื้อให้แฟนๆที่รอชมได้กดสั่งมากินและฟินพร้อมกันในตอนแรกที่จะเริ่ม วันอาทิตย์ที่ 29 ส.ค. นี้ เวลา 22.15 น. ทางช่อง ONE31

ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายของ SAMMON กำกับโดย "เดวิด บีแกนเดอร์"  ภายใต้เรื่องราว เมื่อ "เอก" (มาร์ค-ศิวัช จำลองกุล) เด็กเหนือในวัย 21 ปี เติบและโตที่จังหวัดน่าน มีโอกาสได้เข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่จังหวัดกรุงเทพ คณะบัญชี  หาเงินส่งตัวเองเรียนหนังสือด้วยการส่งไลน์แมน มีความฝันอยากเป็นเชฟระดับโลก  ส่วน "เชฟเอื้อ" (ซุง-กิดาการ ฉัตรแก้วมณี)   เชฟวัย 30 ปี เจ้าของร้านอาหาร "อิ่มเอื้อ" ที่เปิดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเอง เพราะสิ่งที่เชฟเอื้อขาด ไม่สามารถมีอะไรมาเติมเต็มได้นอกจาก  'พรสวรรค์'   โดยเชฟเอื้อไม่เคยคาดคิดเลยว่าสิ่งที่เขาขาดหายไปจะถูกค้นพบในตัวของ 'เอก' เด็กส่งอาหาร   เมื่อหนึ่งคนผู้มีความฝันแต่ขาดโอกาส กับ หนึ่งคนผู้มือความเชี่ยวชาญและความสามารถแต่ขาดรสมือ     เมื่อทั้งสองคนมาพบกัน ... ความมหัศจรรย์ของ 'อาหาร' ชวนให้ 'ท้อง' หิว จึงเริ่มขึ้น ...

 โดยสองผู้บริหารเผยถึงแรงบันดาลใจในการสร้างซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมาว่า "ที่เราหยิบเรื่องร้านอาหารขึ้นมาทำใน ส่งร้อนเสิร์ฟรักBITEME นั้น  เพราะอาหารไทยเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย มีซอฟท์พาวเวอร์ (soft power) ที่สามารถส่งไปสู่ตลาดโลกได้ เราจึงทุ่มเททุกขั้นตอนไม่ว่าจะโปรดั่กชั่นการผลิตที่จริงจังมาก และการเอาแกนของการทำอาหารมาสร้างนั้นแน่นอนจะเกี่ยวข้องกับอาชีพ เชฟ ซึ่งถือเป็นสเปเชียลลิสต์เข้ามาเป็นตัวละครหลักของเรื่อง เราจึงส่งนักแสดงทั้งหมดไปเวิร์คช็อปทำอาหารกว่า 50 ชั่วโมง และ เวิร์คช็อปการแสดงกับผู้กำกับกว่า 5 เดือนเพื่อให้ทุกมิติการเล่นเป็นเชฟสมจริงที่สุด พร้อมทั้งยังมีเชฟตัวจริงคือ เชฟปิง - สุรกิจ เข็มแก้ว มาร่วมแสดงและเป็น ฟู๊ด ไดเร็คเตอร์ ที่มาดีไซน์เมนูอาหารในร้าน อิ่มเอื้อ และคิดสูตรพิเศษเฉพาะร้านอีกด้วย ซึ่งจะแตกต่างจากซีรีส์วายเรื่องอื่นที่นำเอกลักษณ์ของอาหารไทยมาเป็นแกนนำของเรื่อง จึงเกิดเป็นกลยุทธ์   กินจริง อิ่มจริง ฟินจริง เพื่อให้แฟนซีรีส์สามารถกดสั่งอาหารจากร้าน อิ่มเอื้อ มากินได้จริงระหว่างชมซีรีส์เรื่องนี้"

สำหรับซีรีส์กินได้ "ส่งร้อนเสิร์ฟรัก BITEME"   นำแสดงโดย  "ซุง" กิดาการ ฉัตรแก้วมณี รับบท เชฟเอื้อ,  "มาร์ค" ศิวัช จำลองกุล รับบท "เอก"  พร้อมด้วย "แป๊ม" เสฏฐนันท์ มนุญปิจุ , "ตูน" อติรุจ แสงเทียน , "มีนา" ริณา ฉัตรอมรชัย, "ตี๋" วิวิศน์ บวรกีรติขจร , "ซานิ" นิภาภรณ์ ฐิติธนการ, "บอย" ตรัย ภูมิรัตน, "เปรม" ธนอรรณพ ป่าตุ้ม, "นุ่น" สุทธิภา คงแนวดี, "ปิง" สุรกิจ เข็มแก้ว , "ต๊งเหน่ง" รัดเกล้า อามาระดิษ และ คาร่า พลสิทธิ์ เป็นต้น

  เตรียมเป็นกำลังใจให้ความสัมพันธ์ระหว่าง  "เอก" และ "เชฟเอื้อ" พร้อมฟินกับเมนูเด็ดจากร้าน "อิ่มเอื้อ" สั่งจริง ส่งจริง อิ่มจริง  ฟินไปกับซีรีส์กินได้  "ส่งร้อนเสิร์ฟรัก BITEME" ได้ผ่านเพจร้าน "อิ่มเอื้อ" และทางไลน์แมน  ประเดิมตอนแรก วันอาทิตย์  29 สิงหาคม นี้ เวลา 22.15 น. ทางช่อง ONE31 และทาง Viu ได้วันเดียวกันเวลา 23.15 น. พร้อมกับผู้ชมจากทั่วโลก 162 ประเทศ  ผ่านทางสตรีมมิ่งแพลทฟอร์มต่างๆ ... ติดตามความเคลื่อนไหวของซีรีส์กินได้ที่  FB ; Twitter ; IG ; Youtube ;Tiktok ; Weibo  ของ THEDNDTH  และสำหรับ ร้านอิ่มเอื้อ ได้ที่  FB ; IG imaue.eatery , Twitter : ImaueE   #BITEMETHESERIES  #ส่งร้อนเสิร์ฟรักBITEME
 
#3689


อ่างทอง - วัดดังสร้าง พระราหูเหยียบโควิด แนวคิดทางวัด อยากให้เป็นสิ่งเตือนใจให้ ระลึกถึง ในช่วง ปี 2563-2564 ได้เกิดเหตุการณ์มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และเตือนสติให้ลูกหลาน

เป็นที่พูดถึงกันมาก สำหรับ วัดโล่สุทธาวาส ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทอง ได้มีการสร้าง พระราหูเหยียบโควิด ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัด บริเวณหน้าพระอุโบสถ 2 ชั้น ลักษณะพระ ราหูอยู่ในท่ายืนและเท้าทั้ง 2 ข้างเหยียบไวรัสโควิด-19 สูง ประมาณ 2 เมตร 50 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร 20 เซนติเมตร

โดยทางนายสิทธิพร สิทธิพงษ์พานิช ไวยาวัจกร วัดโล่ห์สุทธาวาส เปิดเผยว่า เหตุแรงจูงใจ ที่มีการสร้างรูปปั้นราหู เหยียบโควิด ได้มาจากแนวคิดที่ ทางวัดอันดับแรก อยากให้เป็นสิ่งเตือนใจให้ประชาชนทั่วไป ระลึกถึง คำนึงถึง ว่า ในช่วง ปี 2563-2564 ได้เกิดเหตุการณ์มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และเตือนสติให้ลูกหลานและแม้แต่ ประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน อย่าประมาทในการใช้ชีวิต อย่าทำลายธรรมชาติ

และในความเชื่อ เมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาความวุ่นวาย การเปลี่ยนแปลง ความวุ่นวายอุปสรรค ไม่ว่าจะด้านภัยพิบัติ หรือโรคภัย ดาวราหู ก็มักจะถูกพาดพิงถึง พระราหูเป็นเทวดา จึงมีแนวคิดสร้างพระราหูในลักษณะ ที่มีเท้าทั้ง 2 ข้างเหยียบโควิดไว้ เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด สร้างความเสียหายและฆ่าชีวิตผู้คนเจ็บป่วย ล้มตายเป็นจำนวนมาก ประชาชนทั่วไปที่มีความเชื่อ ต่างแวะเวียนมากราบขอพร อย่างน้อย เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ เหมือนกับการขอพรจากพระ ให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ไม่เจ็บไม่ป่วยจากโรคร้ายนี้
#3690


สำหรับหลายคนที่ตอนนี้ไม่ได้นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ ความคิดที่จะออกแบบห้องว่างให้เป็นพื้นที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอาจเป็นเรื่องน่าหนักใจ และมีคำถามตามมา เช่น เราจะต้องอัพเกรดแบนด์วิดธ์หรือไม่ เรื่องนี้อาจเป็นความกังวลพื้นฐานเมื่อทุกคนในครอบครัวต้องทำงานที่บ้านในตอนนี้ (พร้อมกับทุกคนที่อยู่ในละแวกบ้านเช่นกัน) และใช้เน็ตไปกับการดูวิดีโอผ่านยูทูบ เล่นเกมออนไลน์ และฟังเพลง ซึ่งประเด็นคือคุณจะออกแบบพื้นที่ใหม่ยังไงไม่ให้เกิดเสียงรบกวนและปัจจัยที่ทำลายสมาธิในการทำงานเหล่านี้ บริษัทคุณจะออกค่าใช้จ่ายเหล่านี้หรือไม่ และบางทีคุณอาจจบลงด้วยการประชุมผ่านซูมแบบติดๆ ขัดๆ เพราะสัญญาณเน็ตอ่อนแรงแถมยังแทรกด้วยเสียงสุนัขเห่า

ดาต้าเซ็นเตอร์ก็เช่นเดียวกัน แม้มืออาชีพส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าการจะได้ประสิทธิภาพที่โดดเด่นสามารถทำได้ ด้วยการปรับปรุงระบบโครงสร้างของดาต้าเซ็นเตอร์ให้มีความทันสมัย แต่ความล่าช้าที่เกิดขึ้นกับโครงการเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป ซึ่งอาจเป็นความท้าทายในการให้เหตุผลกับผู้บริหารระดับอาวุโสเพื่อดำเนินการในเรื่องต่างๆ เช่นการเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เปลี่ยนหรืออัพเดตระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้มายาวนานและไม่อยู่ในประกัน หรือย้ายไปใช้ซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการดาต้าเซ็นเตอร์รุ่นใหม่ ดังนั้น หลายคนจึงก้าวไปอย่างช้าๆ พร้อมกับหวังว่าจะไม่มีอะไรเสียหรือเปลี่ยนแปลง ซึ่งนั่นคือธุรกิจที่ตั้งอยู่บนความเสี่ยง

เครื่องมือช่วยสนับสนุนข้อมูลเพื่อสร้างเหตุและผลที่เป็นไปได้ทางธุรกิจ

เห็นได้ชัดว่า เหตุและผลที่ดีเพื่อความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ต้องสามารถวิเคราะห์การคืนทุนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น การประเมินหรือบอกคุณค่าของการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยอาจเป็นเรื่องท้าทายแน่ๆ อย่างไรก็ตาม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้พัฒนาเครื่องมือฟรีที่ใช้งานง่ายเพื่อช่วยในเรื่องดังกล่าว โดยพื้นฐานแล้วระบบงานใหม่ๆ ในส่วนโครงสร้างพื้นฐาน จะให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานมากขึ้น และค่อนข้างจะมีขนาดที่เล็กลง เบาขึ้น ให้ความน่าเชี่อถือมากขึ้น นำมาปรับใช้งานและขยายขีดความสามารถได้เร็วขึ้น อีกทั้งบริหารจัดการและบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีแนวโน้มที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งนี้ การคำนวณคุณค่าจากการปรับปรุงเรื่องเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น (ในธุรกิจของคุณ) คือเคล็ดลับในการให้เหตุและผลทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และคุณค่าของประโยชน์ที่ได้ในแต่ละส่วนก็เห็นได้ชัดว่ามาจากกลยุทธ์และการจัดลำดับความสำคัญขององค์กรคุณ


ระบบพลังงานและการทำความเย็นที่ออกมาในช่วงต้นของปี 2000 ไม่ได้ให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานเหมือนระบบปัจจุบัน การรู้จักตัวแปรง่ายๆ บางประการ ก็จะทำให้คุณคำนวณการประหยัดพลังงานที่สามารถนำมาใช้เป็นเหตุผลสำหรับค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดระบบได้ ตัวอย่างเช่น ตัวคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่ทันสมัยสำหรับยูพีเอส 3 เฟส ของเรา สามารถเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของยูพีเอสของชไนเดอร์ อิเล็คทริค 1 ตัวกับยูพีเอสตัวอื่นภายในระยะเวลา 10 ปี เพื่อดูว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายการดำเนินการส่วนใดบ้าง โดยครอบคลุมเรื่องการใช้พลังงาน ค่าอะไหล่ การบำรุงรักษา และการเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายมาใช้เป็นเหตุและผลทางธุรกิจ เพื่อหักลบกับค่าใช้จ่ายตั้งต้นสำหรับการซื้อยูพีเอสตัวใหม่ ซึ่งเรายังได้นำเสนอตัวคำนวณประสิทธิภาพยูพีเอสแบบเฟสเดียว และตัวคำนวณประสิทธิภาพยูพีเอสแบบ 3 เฟส ซึ่งจะให้ผลกระทบในแง่ของประสิทธิภาพการใช้พลังงานของยูพีเอส รวมถึงคาร์บอนฟุตปรินท์ อีกทั้งช่วยในการสร้างเหตุผลสำหรับความเป็นไปได้ทางธุรกิจเพื่อปรับปรุงระบบให้ทันสมัย และสำหรับยูพีเอสที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เราแนะนำให้พิจารณาการเปลี่ยนจากระบบควบคุมวาวล์แบบเดิมที่เป็นตะกั่วกรด (VRLA) ไปใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ที่เล็กและเบากว่า อีกทั้งยังให้อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า โดยตัวคำนวณต้นทุนในการเป็นเจ้าของยูพีเอส แบตเตอรี่แบบ VRLA เทียบกับลิเธียมไออน จะช่วยประเมินการประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนต้นทุนการเป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี

ปัจจัยหลักอื่นๆ ในการปรับปรุงดาต้าเซ็นเตอร์ให้ทันสมัย

ผู้จำหน่ายอย่าง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ได้นำเสนอบริการอื่นๆ ในการปรับปรุงระบบงานให้ทันสมัย นอกเหนือจากการขายอุปกรณ์ใหม่ในราคาที่ให้ส่วนลด ซึ่งหลายระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบโมดูลจะมาพร้อมองค์ประกอบที่สามารถอัพเกรดและให้บริการได้ โดยเมื่อผนวกเข้ากับการขยายการประกันและข้อเสนอในการส่งมอบการบริการ ก็จะสามารถยืดอายุการใช้ระบบงานเดิมที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงของระบบล่ม หรือทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักเนื่องจากผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานที่นานเกินไป ทั้งนี้ในเวลาที่คุณพัฒนาแผนงานด้านการปรับปรุงระบบงานให้ทันสมัยรวมถึงความเป็นไปได้ทางธุรกิจ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจทางเลือกทั้งหมดที่มีอยู่ ทั้งนี้ White Paper ในเรื่อง แนวทางในการจัดการกับยูพีเอสรุ่นเก่า (Guidance on What to Do with an Older UPS) จะให้กรอบการทำงานเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรจะอัพเกรดอุปกรณ์ หรือเปลี่ยนใหม่ หรือไม่ต้องทำอะไรและปล่อยไปจนกว่าจะใช้งานไม่ได้ แม้ว่าเรื่องนี้จะมุ่งเน้นที่ยูพีเอสของดาต้าเซ็นเตอร์ แต่กรอบการทำงานเพื่อช่วยในการตัดสินใจในลักษณะเดียวกันก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ได้เช่นกัน

สิ่งที่ต้องคำนึงในการสร้างเหตุและผลของความเป็นไปได้ทางธุรกิจคือ คุณต้องมีระบบโครงสร้างพื้นฐานมากแค่ไหนสำหรับปัจจุบัน และแค่ไหนที่จำเป็นสำหรับอนาคต ซึ่งเป็นไปได้ที่ดาต้าเซ็นเตอร์จะถูกสร้างขึ้นมามากเกินความจำเป็นจากจุดยืนเรื่องของศักยภาพด้านพลังงานและการทำความเย็น ซึ่งทั้งเวอร์ชวลไลเซชันและการควบรวมระบบอาจช่วยลดพื้นที่ในการประมวลผลได้มากขึ้น โดยบางแอปพลิเคชันและการบริการซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่อยู่บนคลาวด์ หรือกระจายอยู่ตามโคโลเคชันของดาต้าเซ็นเตอร์ ประเด็นคือ ความต้องการด้านพลังงานและการทำความเย็นในปัจจุบันอาจจะน้อยกว่าศักยภาพของโครงสร้างระบบของเดิมที่ติดตั้งใช้งานอยู่ ดังนั้นการประหยัดจึงควรเป็นหนึ่งในเหตุผลสำหรับความเป็นไปได้ทางธุรกิจ คุณอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายมากเท่ากับที่คิดไว้ในตอนแรกว่าจะอัพเกรดไปใช้อุปกรณ์ใหม่ และต้องมั่นใจว่าคุณรู้แผนงานอนาคตในการเอาท์ซอร์สระบบไอทีขององค์กร ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ได้ตามต้องการในส่วนของระบบโครงสร้างด้านพลังงานและการทำความเย็นอย่างชัดเจนเช่นกัน และอย่าลืมรวมเรื่องคุณค่าของการมีพื้นที่ที่สร้างรายได้เพิ่มหากระบบโครงสร้างของคุณใช้พื้นที่ขนาดเล็กลง และจะนำพื้นที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นได้อย่างไร จะใส่คุณค่าอะไรไปในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งต้องแน่ใจว่ามีการพิจารณาเรื่องนี้รวมไว้ในเหตุผลสำหรับความเป็นไปได้ในธุรกิจของคุณ



อีกสิ่งที่พิจารณาได้ยากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของผลกระทบทางการเงิน นั่นคือค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดาวน์ไทม์ เมื่อโครงสร้างระบบมีอายุการใช้งานมาก ก็จะมีความเสี่ยงจากการอุปกรณ์ล้มเหลวได้มากขึ้น ความเสี่ยงจากอุปกรณ์ล้มเหลวที่เป็นสาเหตุทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้มากแค่ไหนอาจเป็นเรื่องที่รู้ได้ยาก เพราะขึ้นอยู่กับรายละเอียดของการออกแบบระบบพลังงานและการทำความเย็น และการออกแบบนั้นช่วยให้บริหารจัดการและบำรุงรักษาได้ดีแค่ไหนเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม การคำนวณจะช่วยได้มากในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในหลักนาทีหรือชั่วโมงหากแอปพลิเคชัน หรือฟังก์ชั่นของระบบไอทีนั้นๆ (ที่ขับเคลื่อนและทำความเย็นด้วยระบบโครงสร้าง) หยุดทำงาน หากคุณไม่สามารถประมวลผลการจ่ายเงินได้ภายใน 30 นาที จะทำให้ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่? หากระบบออโตเมชั่นของโรงงานหยุดทำงานระหว่างช่วงเวลาการทำงาน จะทำให้ธุรกิจเสียอะไรไปบ้าง? บางครั้งตัวเลขประเภทนี้เพียงอย่างเดียวอาจช่วยโน้มน้าวผู้บริหารระดับสูงว่าไม่คุ้มค่าความเสี่ยงหากไม่ปรับปรุงระบบให้ทันสมัย

พิจารณากลยุทธ์ด้านการปรับปรุงความทันสมัยให้กับธุรกิจ

แม้เครื่องมือ TradeOff ใหม่ของเราจะใช้ได้กับยูพีเอสแบบ single phase รุ่น UPSs 20kVA หรือต่ำกว่านั้น แต่ตัวคำนวณเปรียบเทียบการบริหารจัดการ Edge UPS Fleet น่าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยให้คุณรับทราบถึงความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายด้านสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในการใช้ UPS ที่มีอายุใช้งานนาน ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการคำนวณคือการช่วยให้ประเมินได้ว่าควรบริหารจัดการ UPS แบบกระจายศูนย์ด้วยตัวเอง หรือให้ผู้จำหน่ายที่เป็นบุคคลที่สามดูแลให้ ค่าใช้จ่ายจะแยกย่อยออกเป็นค่าขนส่งและค่าอะไหล่ ค่าพนักงาน การดาวน์ไทม์ และบริการจากพันธมิตร/ผู้จำหน่าย

ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเป็นแบบไหน ก็ควรพิจารณาเรื่องการปรับปรุงอายุการใช้งานของระบบไอทีและอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณสร้างกรณีธุรกิจที่จำเป็นสำหรับการปรับปรุงระบบงานให้ทันสมัย
#3691
อเนกประสงค์ หลายคนคงกำลังคิดว่ามันคือ โต๊ะที่หน้าตาเป็นแบบอย่าง ในความเป็นจริงแล้วมันก็คือโต๊ะธรรมดาที่เรารู้จัก แต่ความพิเศษของมันนั้นอาจจะดัดแปลงได้หลายอย่าง หรือสามารถที่จะใช้งานได้หลายประโยชน์โดยเฉพาะในส่วนของ โต๊ะพับ การใช้งานที่สะดวกสบายของอุปกรณ์ชนิดนี้เราควรจะเลือกใช้งานในแบบที่มีความหลากหลายและความหลากหลายนั้นจะต้องแบ่งแยกได้หลายชนิดมันคือ

1 ต้องใช้งานได้กับทุกประเภท

การเลือกซื้อหรือมี โต๊ะอเนกประสงค์ ไว้กับตัวเราเองนั้นจะต้องใช้งานได้หลายประเภทอย่างเช่นสามารถวางของร้อนได้ เราเคยเจอพื้นผิวในลักษณะที่พอเจอของร้อน ก็ทำให้ตัวของโต๊ะนั้นมีการเปลี่ยนรูปทรงเปี่ยมสีสันไปในทันที เราจึงควรเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถทนทานต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี

2 เลือกที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง

เราจะต้องเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักเบา แต่แข็งแรงซึ่งปัจจุบันนี้มีการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพมากขึ้นทนต่อความร้อนทนต่อแรงขีดข่วน และมีความแข็งแรงในตัวมันค่อนข้างดีไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวของ โต๊ะ หรือในส่วนของขาตั้งต้องมีน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่จะต้องทำการเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก

3 ราคาเหมาะสม

เรื่องของราคานั้นถือว่าเป็นปัจจัยหลักสำหรับการเลือกซื้อโต๊ะอเนกประสงค์ หรือการเลือกซื้อโต๊ะพับ ในความเป็นจริงแล้ว บางครั้งบางทีเราอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องมีจำนวนมากเกินเหตุหรือซื้อไว้เพื่อ เป็นการเก็บรักษามากกว่าการใช้งาน ถ้าสินค้ามีราคาที่แพงเกินไป การใช้งานแต่ละครั้งก็คงจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่แล้วสินค้าแพงเรามักจะไม่กล้าใช้งานมากนักเพราะกลัวจะเสียหายหรือกลัวจะเป็นรอย แต่ถ้าเราเลือกราคาที่ไม่สูงเกินไปการใช้งานสะดวกสบายก็ดูเหมือนว่าคุ้มต่อการใช้งานที่เราลงทุนไปเป็นอย่างมาก การเลือกอุปกรณ์หลายอย่างการเลือกสินค้าหลายชนิดราคาจึงเป็นตัวตัดสินใจให้เรานั้นซื้อได้ยากหรือซื้อได้ง่ายด้วยเช่นกัน

โต๊ะพับ หรือ โต๊ะอเนกประสงค์ ถือว่าแต่ละบ้านนั้นควรจะมีติดบ้านไว้อย่างน้อย 1-2 ตัวไว้สำหรับการใช้งานนอกสถานที่หรือการใช้งานในความจำเป็นแต่ละอย่าง ลองเลือกให้เหมาะสมกับตัวเราเอง เชื่อว่าประโยชน์จะเกิดขึ้นเยอะ
#3692


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 24 ส.ค. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,366.26 จุด เพิ่มขึ้น 30.55 จุด หรือ +0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,486.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด หรือ +0.15% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,019.80 จุด เพิ่มขึ้น 77.15 จุด หรือ +0.52%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้นล็อตใหญ่ก่อนการประชุมธนาคารกลางทั่วโลกประจำปีซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิ่งของสหรัฐในวันพรุ่งนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 471.79 จุด ลดลง 0.09 จุด หรือ -0.02%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,664.31 จุด ลดลง 18.79 จุด หรือ -0.28% แต่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,905.85 จุด เพิ่มขึ้น 53.06 จุด หรือ +0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,125.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด หรือ +0.24%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มเวชภัณฑ์ แต่ความวิตกเกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางต่างๆ นั้นทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,125.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด หรือ +0.24%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นหลังมีรายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทพีเม็กซ์ในเม็กซิโกประสบเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งส่งผลให้การผลิตน้ำมันของบริษัทดังกล่าวปรับตัวลดลง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 67.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.30 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 71.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 1,808.5 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 23.8 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 23.894 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ 1,010.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 57.40 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 2,442.50 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval)

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 92.8941 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.68 เยน ขณะเดียวกันดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2594 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2645 ดอลลาร์แคนาดา แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9126 ฟรังก์ จากระดับ 0.9124 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1754 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1748 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3730 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3729 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7256 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7216 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,366.26 จุด เพิ่มขึ้น 30.55 จุด, +0.09%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,486.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด, +0.15%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,019.80 จุด เพิ่มขึ้น 77.15 จุด, +0.52%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,125.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด, +0.24%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,664.31 จุด ลดลง 18.79 จุด, -0.28%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,905.85 จุด เพิ่มขึ้น 53.06 จุด, +0.33%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 55,958.98 จุด เพิ่มขึ้น 403.19 จุด, +0.73%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,089.50 จุด ลดลง 20.33 จุด, -0.33%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,553.37 จุด เพิ่มขึ้น 30.94 จุด, +2.03%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,678.82 จุด เพิ่มขึ้น 87.15 จุด, +1.32%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,107.62 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด, +0.65%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 25,727.92 จุด เพิ่มขึ้น 618.33 จุด, +2.46%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,514.47 จุด เพิ่มขึ้น 37.34 จุด, +1.07%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 16,818.73 จุด เพิ่มขึ้น 76.89 จุด, +0.46%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,138.30 จุด เพิ่มขึ้น 48.09 จุด, +1.56%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,732.10 จุด เพิ่มขึ้น 237.86 จุด, +0.87%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,503.00 จุด เพิ่มขึ้น 13.10 จุด, +0.17%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,773.70 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด, +0.16%
#3693


ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปี 2564 การส่งออกถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่สุดที่จะช่วยเศรษฐกิจไทยปี 2564 ขยายตัวได้และไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยการส่งออกปีนี้ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การผ่อนคลายมาตรการการล็อกดาวน์ในประเทศคู่ค้า และการเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจของหลายประเทศคู่ค้าสำคัญ

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานข้อมูลภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 2564 การส่งออกสินค้ามีมูลค่า 67,761 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 36.2% (สูงสุดรอบ 44 ไตรมาส) โดย สศช.คาดว่าการส่งออกปีนี้ มูลค่าในรูปดอลลาร์จะขยายตัวถึง 13.3% สอดคล้องการปรับเพิ่มสมมติฐานการขยายตัวของเศรษฐกิจและปริมาณ การค้าโลกและเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงการเกิดคลัสเตอร์ในโรงงานจำนวนมาก ทำให้หลายฝ่ายกังวลกระทบกับภาคการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกจึงต้องมีมาตรการรับมือส่วนนี้ 

ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2564 โดยต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมการแพร่ระบาดพื้นที่ฐานการผลิตสำคัญด้วยการมีมาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ "Bubble and seal" รวมทั้งตรวจเชิงรุกเพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ไม่ป่วยในโรงงาน เพื่อลดอัตราการแพร่เชื้อในโรงงาน รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อจำกัดและอุปสรรคในการขนส่งสินค้า การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคการผลิต รวมถึงการสร้างตลาดส่งออกใหม่กับคู่ค้าใหม่ด้วยเพื่อให้ไทยมีตลาดการส่งออกเพิ่มขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) สั่งการให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัด การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) โดยเร็ว และสถานประกอบการหรือโรงงานไม่พร้อมให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลการตรวจหาเชื้อ การจัดหาสถานที่กักตัว ยารักษาโรค ตลอดจนวัคซีนให้แรงงาน


โครงการ Factory Sandbox เป็นแนวคิดการจัดการโครงสร้างและกระบวนการในลักษณะ "เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข" ที่มุ่งดำเนินการควบคู่ระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ โดยใน Sandbox จะมุ่งเป้าที่โรงงานภาคการผลิตส่งออกขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นกลไกหลักของประเทศในปัจจุบัน มีมูลค่าการส่งออกรวมถึง 7 แสนล้านบาท และจ้างงานถึง 3 ล้านตำแหน่ง ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ 1.ยานยนต์ 2.ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 3.อาหาร 4.อุปกรณ์การแพทย์ 

สำหรับการดำเนินการจะป้องกันคลัสเตอร์โรงงานจากการติดเชื้อ รวมทั้งสร้างสมดุลระหว่างมาตรการทางด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนไทยและชาวต่างชาติในช่วงเวลาที่ซัพพลายเชนของประเทศคู่แข่งกำลังปิดตัวลง โดยโครงการนี้แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 

ระยะที่ 1 ดำเนินการ 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานีและสมุทรสาคร มีสถานประกอบการเข้าร่วม 60 แห่ง มีลูกจ้าง 138,795 คน 

ระยะที่ 2 ดำเนินการ 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา และสมุทรปราการ 

ทั้งนี้ มีขั้นตอนหลัก ได้แก่ การตรวจ การรักษา การดูแลและการควบคุม เพื่อให้บริหารทรัพยากรที่มีจำกัดได้ตรงเป้าหมาย โดยโรงงานที่มีลูกจ้าง 500 คนขึ้นไป ต้องตั้งโรงพยาบาลสนามในสถานประกอบการไม่ต่ำกว่า 5% ของพนักงาน ดำเนินการ Bubble and Seal โดยกำหนดให้ลูกจ้างเดินทางกลับที่พักแบบไม่แวะระหว่างทาง และอยู่แต่ในเคหสถานเท่านั้น 

รวมทั้งตรวจหาเชื้อแบบ PCR 1 ครั้ง ให้ลูกจ้างทั้งหมด และตรวจแบบ Self ATK ทุก 7 วัน ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ลูกจ้างทุกคน ยกเว้นคนที่ติดเชื้อให้รักษาในส่วนค่าบริการฉีดวัคชีน สถานประกอบการต้องเป็นผู้จ่ายให้สถานพยาบาล และสถานประกอบการทำหนังสือยินยอมดำเนินการตามแนวทางกระทรวงแรงงานและจังหวัด



สำหรับแผน Bubble and Seal จะป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อในพื้นที่และไม่ให้ระบาดไปสู่ชุมชน รวมถึงป้องกันการเสียชีวิตและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมจากการหยุดดำเนินกิจการ โดยมีหลักการสำคัญ

1.การป้องกันโรค โดยดำเนินการก่อนเกิดการระบาด และการควบคุมโรคเมื่อเกิดการระบาด 

2.การให้ทำกิจกรรม กลุ่มกิจกรรมหรือทำงานได้ รวมทั้งเดินทางเคลื่อนย้ายระหว่างที่พักและที่ทำงาน โดยการควบคุมกำกับ 

3.การบริหารจัดการทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข และการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกเครื่องอุปโภคบริโภค โดยมีมาตรการป้องกันควบคุมโรค มาตรการด้านสังคม มาตรการกำกับและประเมินผล รวมทั้งมีการบูรณาการจากหลายภาคส่วน 

ในขณะที่ขั้นตอนการดำเนินงาน Bubble & Seal ดังนี้

1.ผู้ประกอบการทำความเข้าใจหลักการจัดทำมาตรการรวมทั้งสื่อสารสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วมของพนักงานและชุมชนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

2.ผู้ประกอบการจัดทำแผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยยึดตามหลักการ แต่ทำแนวปฏิบัติขึ้นกับลักษณะแรงงาน ที่พัก การเดินทางและชุมชน ซึ่งสถานประกอบการออกแบบเองได้

3.ผู้ประกอบการควรกำหนดผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานและกำกับติดตามให้ชัดเจน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอและถอดบทเรียน เพื่อปรับมาตรการให้เหมาะสมในระยะยาวเหมาะสมกับสถานการณ์ 

4.กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันกำหนดกลไกการสื่อสารเพื่อให้เกิดการปฏิบัติและการกำกับติดตามการดำเนินงานต่อเนื่อง

ส่วนกลไกการดำเนินงาน Bubble & Seal ประกอบไปด้วย 1.กลไกด้านการสื่อสารทำความเข้าใจ ได้แก่ จัดทำคู่มือที่ประกอบด้วย หลักการ แนวคิด มาตรการการป้องกัน มาตรการควบคุมโรค การตรวจด้วย ATK และ การดูแลด้านสุขภาพจิต มีการจัดทำแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) สำหรับทีมผู้ประเมินกำกับมาตรการระดับจังหวัด และจัดทำวีดีโอประชาสัมพันธ์มาตรการ Bubble & Seal ตั้งแต่ก่อนการระบาดและเมื่อเกิดระบาด

2.กลไกด้านการให้คำแนะนำและระบบพี่เลี้ยง/ที่ปรึกษา (Coaching) ได้แก่ ทีมส่วนกลางประกอบด้วย กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทีมระดับเขต

ประกอบด้วย สำนักงานป้องกันควบคุมโรค ศูนย์อนามัย ศูนย์สุขภาพจิต และทีมระดับจังหวัด ประกอบด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) อุตสาหกรรมจังหวัด สวัสดิการแรงงานจังหวัด สำนักงานประกันสังคม จังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัด กระทรวงมหาดไทยหรือหน่วยงานอื่นภายใต้คำสั่งแต่งตั้งและมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยกลไกด้านกำกับประเมินผล แบ่งเป็น3 ทีม ได้แก่ ทีมส่วนกลาง ทีมเขต และทีมบูรณาการ ระดับจังหวัด
#3694


ซัมซุง เปิดให้สั่งซื้อ Galaxy Z Fold3 | Filp3 5G ล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้ ด้วยข้อเสนอจากโอเปอเรเตอร์ เริ่มต้นเดือนละ 1,790 บาท พร้อมรับคูปองเงินสดมูลค่าสูงสุด 6,000 บาท เมื่อจองผ่านเว็บไซต์ซัมซุง และร้านค้าที่ร่วมรายการเพื่อใช้เป็นส่วนลดซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม

โดย Galaxy Z Fold3 5G สมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ครั้งแรกที่รองรับ S Pen ทำให้สามารถจดโน้ตขณะที่วิดีโอคอลได้ในเวลาเดียวกัน บนหน้าจอขนาดใหญ่ 7.6 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีกล้องซ่อนใต้จอ ทำให้ดูคอนเทนต์ได้เต็มอิ่มไม่มีจุดรบกวนสายตา

รวมถึงยังตอบโจทย์คนที่ชอบทำหลายอย่างในเวลาเดียวกับการเปิดใช้งาน 3 แอปได้พร้อมกัน โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาในดีไซน์ที่บางและเบาลง ถือใช้งานมือเดียวได้สะดวกขึ้น พร้อมมาใน 3 สีคลาสสิค อย่าง สีดำ Phantom Black สีเขียว Phantom Green และ สีเงิน Phantom Silver ในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 57,900 บาท 
ส่วน Galaxy Z Flip3 5G สมาร์ทโฟนที่รวมฟังก์ชันและแฟชันมาไว้ในเครื่องเดียว มีให้เลือกถึง 4 สี ครีม ดำ เขียว ม่วง เมื่อพับแล้วมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาใส่กระเป๋าได้สะดวก และยังมาพร้อมจอด้านนอกที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 4 เท่า ทำให้เช็คข้อความต่างๆ ได้ง่ายโดยไม่ต้องกางเครื่องออก พร้อมตั้งถ่ายภาพทั้งเซลฟี่และกรุ๊ปช็อตได้แบบแฮนด์ฟรี เหมือนมีขาตั้งกล้องส่วนตัว โดยมาในราคาเริ่มต้น 34,900 บาท

ผู้ที่ซื้อผ่าน Samsung.com นอกจากจะได้คูปองเงินสดแล้ว ยังสามารถเลือกผ่อนชำระ ในอัตราดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 15 เดือน เริ่มต้นเพียง 2,327 บาทต่อเดือน และยังได้รับ Samsung Care+ มูลค่า 7,089 บาท รวมประกันความเสียหายต่อตัวเครื่องอันเกิดจากอุบัติเหตุ (ประกันหน้าจอแตก เครื่องตกแตก และความเสียหายจากน้ำ) ภายใน 1 ปี นับจากวันที่ได้รับเครื่องรวมถึงบริการส่งช่างเทคนิคถึงบ้าน ทำให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ

พิเศษ กับแคมเปญเก่าแลกใหม่ นำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่ามาประเมินราคาซื้อคืนได้ ในราคาเกรด A แม้สภาพไม่สมบูรณ์ ที่samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ พร้อมรับส่วนลดเพิ่ม 2,000 บาท จากราคาเครื่องเก่าปกติ เมื่อนำรุ่นที่ร่วมรายการมาแลก และยังนำเครื่องเก่ามาขายรวมกันสูงสุดได้ถึง 3 เครื่อง
#3695
ปลูกข้าวอินทรีย์  ข้าวออร์แกนิคส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวสุขภาพมะลินิล คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคคือ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวปะกาอำปึลเพื่อสุขภาพ  เลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงสุขภาพ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิก แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22cs9b8acu9b9a7a3hub5cc1c.life/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวหอมมะลิสุขภาพ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์
3.  ขายข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ออร์แกนิคสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 
 
#3696


วันนี้ (23 ส.ค.) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมเคียงข้างสังคมไทยในวิกฤตโควิด-19 ขับเคลื่อนโครงการ "คนไทยไม่ทิ้งกัน" อย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ "ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19" ตามเจตนารมณ์ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้ส่งมอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์ น้ำดื่ม สิ่งของที่จำเป็นให้โรงพยาบาลไปแล้วกว่า 50 แห่ง อีกทั้งยังร่วมมือผ่านมหาเถรสมาคมเข้าไปดูแลสุขภาพ สวัสดิภาพของภิกษุสามเณร ตลอดจนกลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาสที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด

ล่าสุด บริษัท ออลล์ เวลเนส จำกัด ในกลุ่มซีพี ออลล์ ร่วมกับ เอ็กซ์ต้า พลัส ร้านยาใกล้บ้านเพื่อชุมชน สนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการต่อสู้กับโควิด-19 ได้แก่ หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่ม ให้กองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของวิทยุ จส.100 เพื่อส่งมอบต่อไปยังบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพประชาชน โดยมี ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการหน่วยงาน eXta Health & Wellness บมจ. ซีพี ออลล์ เป็นผู้แทนส่งมอบให้กับ นางสาวกฤษณา กันจินะ Business Development & Digital Marketing Manager บริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้แทนรับมอบของ จส.100

ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ซีพี ออลล์ ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม พร้อมอยู่เคียงข้าง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชนและสังคม ตามปณิธานร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากขณะนี้ บริษัทถือค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร เป็นแนวทางอย่างแน่วแน่ จึงถือเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีเจตนารมณ์เดียวกันอย่าง จส.100 ที่ต้องการให้ประเทศไทยกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

"เรารู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีที่ได้ร่วมกับ จส.100 ซึ่งมีความมุ่งมั่นเดียวกันในการดูแลพี่น้องประชาชนไทยประหนึ่งคนในครอบครัวเสมอมา และทราบดีว่าสถานการณ์ที่ประเทศเรากำลังเผชิญตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าสำคัญในการดูแลคนไทย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักโดยไม่ย่อท้อ ซีพี ออลล์ ก็ขอขอบคุณ และขอส่งแรงใจให้ทุกท่าน ตลอดจนคนไทยทุกคนให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน" ดร.อนุรักษ์ กล่าว
ด้าน นางสาวกฤษณา กันจินะ Business Development & Digital Marketing Manager บริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า 30 ปี จส.100 ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ร่วมสมทบทุนเข้ากองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 นำสิ่งของต่างๆ ไปส่งมอบให้กับบุคลากรทางแพทย์และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการหน่วยงาน eXta Health & Wellness บมจ. ซีพี ออลล์ นำสิ่งของต่าง ๆ ได้แก่ น้ำดื่ม หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ มาส่งมอบให้กับทาง จส.100 ร่วมสร้างกำลังใจส่งต่อสิ่งดีๆ ให้แก่กัน

"ทาง จส.100 ต้องขอขอบคุณ บมจ. ซีพี ออลล์ ที่ได้เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นในการดูแลสังคมไทยร่วมกัน และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการผนึกกำลังร่วมกับ ซีพี ออลล์ ในการดูแลประชาชน สิ่งของต่างๆ เหล่านี้จะได้รับการจัดสรรไปยังพื้นที่ต่างๆ อย่างเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้เราเชื่อว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การส่งกำลังใจและสิ่งที่จำเป็นในยามนี้ จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการก้าวข้ามสถานการณ์ที่เลวร้าย และพาสังคมไทยกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง"

นอกจากนี้ บมจ. ซีพี ออลล์ และ จส.100 ยังขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสมทบทุนเข้ากองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee ซึ่งเป็นแอปพลิเคชัน ให้บริการคำปรึกษาโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งทุกๆ การดาวน์โหลดที่มีการใส่รหัส "JS100" ซีพี ออลล์ จะร่วมสมทบ 10 บาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ผ่านกองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee ในระบบ IOS ได้ที่ http://l.ead.me/bcGZ0p
และระบบ Android ได้ที่ https://l.ead.me/bcGZ14 ตั้งแต่วันนี้ถึง 22 ต.ค. 2564
#3697


อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ นักหวดชาวเยอรมัน ต้อน อังเดรย์ รูเบลฟ 2 เซตรวด ผงาดซิวแชมป์ที่ซินซินเนติ ไปครองได้สำเร็จ คว้าแชมป์รายการที่ 17 ในชีวิต

ศึกเทนนิส เอทีพี ทัวร์ มาสเตอร์ส 1000 รายการ เวสเทิร์น แอนด์ เซาเทิร์น โอเพ่น 2021 ที่เมืองซินซินเนติ สหรัฐอเมริกา ชิงเงินรางวัลรวม 5,404,435 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 180 ล้านบาท วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ

ประเภทชายเดี่ยว อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ นักหวดมือ 5 ของโลกชาวเยอรมัน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ อังเดร รูเบลฟ มือ 7 ของโลกจากประเทศรัสเซีย 2-0 เซต 6-2, 6-3 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้เป็นสมัยแรก รับเงินรางวัลไป 391,240 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13 ล้านบาท

โดย อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ กลายเป็นนักเทนนิสจากเยอรมนี คนที่ 2 ต่อจาก บอริส เบ็คเกอร์ เมื่อปี 1985 ที่คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้สำเร็จ ถือเป็นแชมป์ที่ 17 ในชีวิตของเจ้าตัว และเป็นแชมป์รายการที่ 2 ในปฏิทินปี 2021 ต่อจาก "มาดริด โอเพ่น" เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

"ต้องขอชื่นชม รูเบลฟ ที่เล่นดีมาตลอดทั้งอาทิตย์ ถึงแม้เขาจะยิ้มอยู่ตอนนี้แต่เขาคงรู้สึกผิดหวัง เพื่อนคนนี้เป็นยอดฝืมือ ผมรู้จักเขามาตั้งแต่อายุ 11 ปี เขามีศักยภาพที่ดีพอที่จะคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้แน่ๆ ในอนาคต"

"นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณพ่อของผม และพี่ชายของผม ที่สนับสนุนผมมาตลอด ที่สำคัญคือการได้เห็นแฟนๆ เข้ามาเชียร์ในสนาม ผมหวังมาตลอดว่าแฟนๆ จะกลับเข้าสู่สนามได้แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ขอบคุณฝ่ายจัด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน" ซเวเรฟ กล่าว
#3698


สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส2ปี 2564ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ส่วนใหญ่ประกาศออกมาแล้ว ซึ่งรอตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ประกาศอย่างเป็นทางการ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทิสโก้ เผย กำไรไตรมาส2/64ของ บจ. (จำนวน 626 บริษัทจากทั้งหมด 650 บริษัทใน SET) อยู่ที่ 2.75 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 118% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น3% เมื่อเทียบกับไตรมาส1ปี2564 

ทั้งนี้หลายกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรเติบโตสูง เพราะ ฐานกำไรไตรมาส 2 ของปีที่แล้วที่ต่ำมาก เพราะเจอการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ แต่กลุ่มที่ยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่คือ กลุ่ม TOURISM เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์   

สำหรับบจ.ที่มีกำไรสูงสุด 10 อันดับแรก "กรุงเทพธุรกิจ"ได้รวบรวมข้อมูลดังนี้

1.บมจ.พีทีที โกล. เคมิคอล(PTTGC) มีกำไรสุทธิ 25,034.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,398% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,670.74 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 61% อยูที่ 111,793 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี69,271 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาขายของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง รวมทั้กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และฟีนอล จากอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ตามสภาพเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นและราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับเพิ่มขึ้น รับรู้กำไรสต็อกน้ำมัน และรายการพิเศษขายหุ้น บมจ. โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC)

2.บมจ.ปตท.(PTT) มีกำไรสุทธิ 24,578.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.91%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12,053.29 ล้านบาท เนื่องจากปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA เพิ่มขึ้น 58,958 ล้านบาทหรือมากกว่าร้อยละ 100 โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมีที่มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวสูงขึ้นและธุรกิจการกลั่น ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจน้ำมัน มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

3.บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) มีกำไรสุทธิ 17,136.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.61% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,383.86 ล้านบาท สาเหตุหลักจากส่วนต่าง ราคาสินค้าเคมีภัณฑ์และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้น 39% สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์และเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ขณะที่มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 39% สาเหตุหลักจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น


4.บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส(IVL) มีกำไรสุทธิ 8,339.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,332.62% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 153.51 ล้านบาท ซึ่ง ในไตรมาส 2/64 บริษัทมี Core EBITDA เท่ากับ 477 ล้านดอลลาร์ (ผลการดำเนินงานของ IVOL 18 ล้านดอลลาร์ถูกปรับปรุงไปยังรายการพิเศษ) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการกระจายตัวทั่วโลกขนาดและการเป็นผู้นำของบริษัท ในทั้งสามกลุ่มธุรกิจ รายได้จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทุกภูมิภาค โดย Core EBITDA ของทวีปอเมริกาและยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) เพิ่มขึ้น 59% ในครึ่งแรกของปี 64 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี2563 ในขณะที่ทวีปเอเชียเพิ่มขึ้น 15%.ในปี2563 ธุรกิจของบริษัทได้ผ่านบททดสอบความยืดหย่นต่อสถานการณ์ต่างๆ และในครึ่งปีแรกได้แสดงให้เห็นการสร้างมูลค่าจากแพลตฟอร์มของบริษัท


5.บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) มีกำไรสุทธิ 7,280.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 590.5% จากช่วงเดียวกันที่มีกำไรสุทธิ 1,054.35 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 164.7% มาอยู่ที่ 12,967.7 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 4,899.7 ล้านบาท 

6.บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) มีกำไรสุทธิ 7,139.60 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  4,322.86 ล้านบาท  เนื่องจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 164.7% มาอยู่ที่ 12,967.7 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 4,899.7 ล้านบาท เพราะริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 36%ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 21%


7.บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) มีกำไรสุทธิ 7,040.82 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 0.6%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิ 7,001.11 ล้านบาท   จากรายได้รวมเพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่ต้นทุนการดำนเนินงานเพิ่มขึ้น 4.4%

8.บมจ.การบินไทย (THAI) มีกำไรสุทธิ 5,562.50 ล้านบาท

9. บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) มีกำไรสุทธิ 5,043.71 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 361%  จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  1,093.70 ล้านบาท  จากทั้งราคาขายและปริมาณการขายที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจโลกและความต้องการในการบริโภคจากผู้ผลิตยางล้อ 

10. บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) มีกำไรสุทธิ 4,737.30 ล้านบาท  ลดลง21% จากช่วงเดียวปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,028.51 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากการเปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมของบริษัท chia Tai Investment Co.,Ltd.(CTI) เมื่อเดือนธ.ค.2563 ทั้งนี้ หากไม่นับผลกระทบจากรายการดังกล่าว รายได้จากการขายในไตรมาส2ปี 2564 เพิ่มขึ้น 14% จากการขยยงานและราคาผลิตภัณฑ์ในหลายประเทศที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รวมถึง ประเทศฟิลิปปินส์ กัมพูชา และรัสเซีย เป็นต้น
#3699
อ่างล้างหน้าของคริสตินา มีมากมายหลายรูปแบบที่ช่วยตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน ใช้ในโฮเต็ลระดับ 5 ดาว





มีทั้งอ่างล้างหน้าราคาไม่แพงไปจนถึงระดับพรีเมี่ยม ด้วยรูปทรง วัสดุรวมทั้งสี ไปจนกระทั่งพื้นผิวและก็สไตล์ ซึ่งถูกออกแบบให้ครอบคลุม ความหลากหลายของสไตล์ข้างในห้องน้ำ สามารถปรับ Custom ได้ทุกพื้นที่ ติดตั้งและก็ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย





นอกเหนือจากการออกแบบที่เรียบหรู ดูแพงแล้ว อ่างล้างหน้าคริสตินายังมีหลากหลายวัสดุ ไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างหน้าเซรามิค อ่างล้างหน้าหิน อ่างล้างหน้าอะคริลิค แล้วก็อ่างล้างหน้าคริสตัล (วัสดุพิเศษ) ฯลฯ ตอบโจทย์การใช้งาน อีกทั้งรองรับกับสรีระและก็พฤติกรรมของผู้ใช้งาน โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับสูง ทำให้เชื่อมั่นได้ในคุณภาพ
Call Center 02-693-4046


#3700


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 225.96 จุดหรือ 0.65% ปิดที่ 35,120.08 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 35.87 จุดหรือ 0.81% ปิดที่ 4,441.67 จุด และดัชนีแนสแด็กบวก 172.88 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 14,714.66 จุด

ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ แต่เมื่อพิจารณาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ดาวโจนส์ดิ่งลง 1.1% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลบ 0.8% และดัชนีแนสแด็กร่วงลง 1.2%

ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่า เฟดจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากที่รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีในปีนี้

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว


ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางเข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

สำหรับหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ "Monetary Policy Framework Review" โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวสุนทรพจน์ในประเด็น "แนวโน้มเศรษฐกิจ"

ด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า เขากำลังจับตาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่จะมีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเขาอาจปรับเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับนโยบายของเขา หากเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลงอย่างมาก

"ขณะนี้ เดลตายังไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกิจกรรมของผู้บริโภค เช่น การออกไปรับประทานอาหาร แต่กำลังส่งผลกระทบทำให้การกลับเข้าทำงานในสำนักงานต้องล่าช้าออกไป และกระทบความสามารถในการจ้างพนักงานเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อ รวมทั้งอาจกระทบต่อภาคการผลิต" นายแคปแลนกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายแคปแลนกล่าวว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินคิวอีและเริ่มทำการปรับลด คิวอีในเดือนต.ค.

"ผมมีมุมมองว่า หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่ผมคาดการณ์ไว้ ผมก็จะสนับสนุนการประกาศแผนปรับลดคิวอีในการประชุมของเฟดในเดือนก.ย. และเริ่มลดคิวอีในเดือนต.ค." นายแคปแลนกล่าว

นอกจากนี้ นายแคปแลน ยังระบุว่า เขาต้องการให้การปรับลดคิวอีดำเนินไปโดยใช้เวลาราว 8 เดือน ซึ่งหากเฟดยิ่งเริ่มปรับลดคิวอีได้เร็วเท่าใด ก็จะยิ่งช่วยให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย