• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Fern751

#11326
กล่องไหมขัดฟัน พกพาสะดวก พร้อมไหมขัดฟันจากเส้นไหมแท้ 10 ชิ้น
#11327



สมาคมประกันวินาศภัยไทยเดินหน้าปรับเกณฑ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทน COVID-19 เพื่อเพิ่มผลประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัย

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยเปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน ซึ่งได้ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ภาครัฐต้องดำเนินการเพิ่มช่องทางการนำผู้ติดเชื้อ COVID-19 เข้าสู่ระบบการดูแลในรูปแบบของการดูแลผู้ติดเชื้อที่บ้าน (Home Isolation) และการดูแลผู้ติดเชื้อด้วยระบบชุมชน (Community Isolation) เพิ่มจากเดิมที่กำหนดให้เป็นการเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เท่านั้น

สมาคมฯ ได้มีการหารือกับสำนักงาน คปภ. และบริษัทสมาชิก ในการพิจารณาปรับเกณฑ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทน COVID-19 ให้เหมาะสมกับรูปแบบการดูแลผู้ติดเชื้อมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มผลประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัย ดังต่อไปนี้
1. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยหรือตรวจพบเชื้อ COVID-19 (แบบ เจอ จ่าย จบ) เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยแบบเจอ จ่าย จบ ได้กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อ COVID-19 ต้องแสดงหลักฐานใบรับรองแพทย์ประกอบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน อย่างไรก็ตาม ระบบการดูแลผู้ติดเชื้อในรูปแบบ Home Isolation และ Community Isolation ทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถขอใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลได้ และอาจทำให้การดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไม่ได้รับความสะดวกในสถานการณ์ปัจจุบัน
สมาคมฯ จึงได้ขอความร่วมมือจากบริษัทสมาชิกในการอนุโลมไม่ต้องเรียกเอกสารใบรับรองแพทย์จากผู้เอาประกันภัยในช่วงเวลานี้ โดยขอให้ใช้เพียงเอกสารการตรวจพบเชื้อ COVID-19 แบบ RT-PCR ของผู้เอาประกันภัย จากหน่วยงานตรวจหาเชื้อ COVID-19 ที่มีมาตรฐานและผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้สามารถยืนยันตัวตนของผู้ที่รับการตรวจหาเชื้อได้และผลการตรวจมีความน่าเชื่อถือ

2. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองกรณีการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย และ/หรือ ภาวะโคม่า และ/หรือ ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว จากโรค COVID-19 เป็นเหตุให้เสียชีวิต

เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองดังกล่าว กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย และ/หรือ ภาวะโคม่า และ/หรือ ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต แต่ในกรณีที่มีการเสียชีวิตด้วยโรค COVID-19 นอกสถานพยาบาล เช่น ที่บ้าน หรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งไม่มีการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในภาวะดังกล่าวก่อนเสียชีวิต บริษัทประกันวินาศภัยจะอนุโลมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย

3. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากโรค COVID-19เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล จะให้ความคุ้มครองเฉพาะการรักษาตัวแบบผู้ป่วยในในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เท่านั้น บริษัทประกันวินาศภัยจึงได้ขยายความคุ้มครองถึงค่ารักษาพยาบาลระหว่างการรักษาตัวในรูปแบบ Home Isolation และ Community Isolation โดยบริษัทประกันวินาศภัยจะอนุโลมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกันภัยตามความจำเป็นทางการแพทย์ที่ได้จ่ายจริงในขอบเขตการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก แต่ไม่เกินวงเงินคุ้มครองที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
4. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้จากโรค COVID-19
เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้ จะให้ความคุ้มครองสำหรับการรักษาตัวแบบผู้ป่วยในในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เท่านั้น บริษัทประกันวินาศภัยจึงได้อนุโลมจ่ายค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้ให้กับผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ต้องเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน แต่ไม่สามารถหาสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel รองรับได้ จึงต้องเข้ารักษาตัวในรูปแบบ Home Isolation หรือ Community Isolation

ทั้งนี้ บริษัทประกันวินาศภัยจะจ่ายค่าชดเชยให้เฉพาะกลุ่มผู้ป่วย COVID-19 ที่มีความเสี่ยงสูงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เช่น ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีภาวะอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 30 หรือน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม) หรือ ผู้มีโรคประจำตัวได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD Stage 3,4) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ โดยบริษัทประกันวินาศภัยจะจ่ายค่าชดเชยให้ไม่เกิน 14 วันนับแต่วันที่ปรากฏหลักฐานการติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวได้อ้างอิงตามระยะเวลาการดำเนินโรค COVID-19

นายอานนท์ วังวสุ ได้กล่าวปิดท้ายว่า "สมาคมประกันวินาศภัยไทยและภาคธุรกิจประกันวินาศภัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการผ่อนผันและผลประโยชน์ต่างๆ ที่ได้กำหนดเพิ่มเติมนั้น จะช่วยเหลือและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นลูกค้าของเราได้เหมาะสมกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ธุรกิจประกันวินาศภัยได้ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับประชาชนและสังคมได้อย่างแท้จริง และมีส่วนร่วมในการนำพาประเทศก้าวข้ามผ่านวิกฤติในครั้งนี้"
#11328



ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (27, 29-30 ก.ค.) มีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 2.37 แสนล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า (19-23 ก.ค.) ที่มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 3.62 แสนล้านบาท เนื่องจากเปิดทำการเพียงแค่ 3 วัน

โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปิดการซื้อขายปลายสัปดาห์ที่ 1,521.92 จุด ปรับตัวลดลง 1.50% จากระดับปิดของสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 1,545.10 จุด

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพียงกลุ่มเดียว 2,841.74 ล้านบาท ส่วนที่เหลือพร้อมใจซื้อ โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,389.84 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 635.29 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 816.60 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาการซื้อขายของบัญชี "เอ็นวีดีอาร์" (NVDR) ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศในการซื้อหุ้นไทย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ค. พบว่า

10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสูงสุด ได้แก่

KBANK มูลค่าซื้อสุทธิ 543.11 ล้านบาท

TRUE มูลค่าซื้อสุทธิ 341.02 ล้านบาท

ADVANC มูลค่าซื้อสุทธิ 336.23 ล้านบาท

CBG มูลค่าซื้อสุทธิ 321.78 ล้านบาท

CPALL มูลค่าซื้อสุทธิ 251.39 ล้านบาท     

RCL มูลค่าซื้อสุทธิ 214.30 ล้านบาท           

IVL มูลค่าซื้อสุทธิ 206.84 ล้านบาท           

SCC มูลค่าซื้อสุทธิ 203.47 ล้านบาท

PTT มูลค่าซื้อสุทธิ 172.50 ล้านบาท

AOT มูลค่าซื้อสุทธิ 165.76 ล้านบาท

และ 10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติขายสูงสุด ได้แก่

TOP มูลค่าขายสุทธิ 539.02 ล้านบาท   

PTTEP มูลค่าขายสุทธิ 316.17 ล้านบาท   

PTTGC มูลค่าขายสุทธิ 196.51 ล้านบาท   

KGI มูลค่าขายสุทธิ 73.65 ล้านบาท   

GULF มูลค่าขายสุทธิ 66.75 ล้านบาท   

BJC มูลค่าขายสุทธิ 56.52 ล้านบาท   

AS มูลค่าขายสุทธิ 54.45 ล้านบาท   

ASP มูลค่าขายสุทธิ 53.17 ล้านบาท   

IRPC มูลค่าขายสุทธิ 50.01 ล้านบาท   

WICE มูลค่าขายสุทธิ 48.84 ล้านบาท   

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952178
#11329
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#11331



ซัมซุงแนะนำ Galaxy Tab S7 FE แท็บเล็ตรุ่นใหม่ ที่รวมฟีเจอร์สุดโปรดของเหล่าแฟนๆ จากแท็บเล็ตรุ่นแฟลกชิปไว้ในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ปากกา S Pen ในกล่อง "ไม่ต้องซื้อเพิ่ม" และ "ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรีให้เสียเวลา"


S Pen เพื่อชีวิต Multi-Tasking
S Pen เพิ่มความสะดวกในการเรียนออนไลน์ ทำโปรเจค เอกสาร ด้วยฟีเจอร์ Samsung Notes ที่ช่วยเปลี่ยนการจดด้วยลายมือให้กลายเป็นข้อความตัวพิมพ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแบบเรียลไทม์

ทั้งนี้ สามารถจัดระเบียบบันทึกต่างๆ ด้วยแท็กอัตโนมัติ และการค้นหาอัจฉริยะเพื่อการใช้งานโน้ตที่ต้องการได้ทันที รวมถึงฟีเจอร์ Multi-Active Window เพื่อการใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน และฟีเจอร์ Multi instance เพื่อจับคู่แอพพลิเคชั่นและสร้าง Shortcut ให้สามารถทำงานพร้อมกันได้ถึงสามแอพพลิเคชั่นในหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะท่องอินเทอร์เน็ต จดโน้ต หรือแม้แต่การรับชมวีดิโอสตรีมมิ่งในเวลาเดียวกัน

พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้น ด้วยการเปลี่ยนให้ Galaxy Tab S7 FE เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนตัวผ่าน Samsung DeX ที่ทำงานร่วมกับ Tab S7 FE Keyboard Coverทำให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้น พร้อมการแชร์ไฟล์ผ่าน Quick Share ตลอดจนการคัดลอกและวางข้อความหรือรูปภาพจากสมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่สู่ Galaxy Tab S7 FE

เต็มที่ทั้งเรื่อง เล่น เรียน ทำงาน

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าตำแหน่งตรงกลางจอความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และระบบเสียงอันคมชัดจาก Dolby Atmos พร้อมไมโครโฟนสามตำแหน่ง ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เหมาะกับการ VDO Conference เพื่อการเรียนหรือทำงานออนไลน์

รุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว พร้อมขอบจอบางเฉียบให้ภาพที่ละเอียดคมชัดเต็มตา พร้อมใช้งานได้ยาวนานตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 10,090 mAh ที่ให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอได้ต่อเนื่องถึง 13 ชั่วโมงรวมถึงการรองรับระบบ Super-Fast Charging สูงสุด 45W

ด้วย Galaxy Ecosystem เมื่อใช้งานผ่านหูฟัง Galaxy Buds Pro ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจากซัมซุงได้ง่ายดายและลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการตั้งค่าใดๆ โดยมีฟีเจอร์ Auto Switch ทำหน้าที่ช่วยหยุดวีดิโอชั่วคราว แล้วสลับไปรับสายโทรศัพท์ผ่าน Galaxy Buds Pro ให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อวางสาย ก็จะสลับกลับมาเล่นวีดิโอบนแท็บเล็ตได้อย่างต่อเนื่อง


-ใช้งาน Clip Studio Paint แอพพลิเคชั่นวาดภาพระดับโปร ฟรี 6 เดือน
-ใช้งาน Canva Pro แอพพลิเคชั่นออกแบบงานกราฟฟิกและสื่อต่างๆ ฟรี 30 วัน
-ใช้งาน Noteshelf แอพพลิเคชั่นเพิ่มประสิทธิภาพการจดโน้ต ฟรี
-รับสิทธิ์ YouTube Premium ดูวีดิโอแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 4 เดือน
-รับสิทธิ์ Galaxy Butler Silver บริการช่วยเหลือหลังการขายแบบพิเศษสำหรับอุปกรณ์กาแลคซี่ อาทิ ฟรีบริการเครื่องสำรองหลังซ่อม ผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง ฯลฯ


Galaxy Tab S7 FE มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ประกอบด้วย Mystic Green, Mystic Pink, Mystic Silver, และ Mystic Black โดย Galaxy Tab S7 FE LTE วางจำหน่ายใน ราคา 19,990 บาท
#11333



นายวัฒนศักย์  เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผย ว่ากรณีที่มีกระแสข่าวว่าราคาไข่ไก่ในจังหวัดพิจิตรมีการปรับราคาสูงขึ้นเนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายมีการกักตุน และฉวยโอกาสขึ้นราคา ในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดพิจิตรลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ปริมาณ และราคาไข่ไก่  ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า ปัจจุบันปริมาณไข่ไก่ในห้างค้าปลีกค้าส่งยังคงมีจำหน่าย แต่ในตลาดสดมีปริมาณลดลง แต่หากมีความจำเป็นก็จะประสานแหล่งผลิตเข้ามาเสริม โดยปัจจุบันราคาจำหน่าย ณ ห้างสรรพสินค้า ไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 30 ฟอง อยู่ที่ 98 บาทต่อแผง ไข่ไก่ เบอร์ 2 ห้างค้าปลีกราคาจำหน่ายอยู่ที่ 101-106 บาทต่อแผง

 

นอกจากนี้ พาณิชย์จังหวัดพิจิตรยังได้จัดรถโมบาย จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น จำนวน    70 รายการ ภายใต้โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยจำหน่ายไข่ไก่ในราคา แผงละ 93 บาทหรือ 3.10 บาทต่อฟอง และในระหว่างวันที่ 2-3 ส.ค. 2564 จะนำไข่ไก่ราคาประหยัดมาจำหน่ายหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร ในราคาเบอร์ 3 แผงละ 93 บาท อย่างไรก็ตามได้ให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบว่ามีการกักตุนหรือไม่ และกรณีพบว่ามีผู้ประกอบการรายใดฉวยโอกาสขึ้นราคาก็ให้ดำเนินคดีตามมาตรา 29 และมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542

ทั้ง 2 กรณีหากพบว่ามีการกระทำผิดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับทั้ง 2 กรณี ในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัด      ทุกจังหวัดเข้มงวดตรวจสอบไม่ให้มีการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ ทั้งนี้หากพบเห็นการกักตุนหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา แจ้งได้ที่สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569
#11334



หลังจากจังหวัดภูเก็ตได้ประกาศออกคำสั่งล่าสุด 3 ฉบับเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่ 1.ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีผลตั้งแต่วันที่ 3-16 ส.ค.นี้ 2.มาตรการควบคุมการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.-12 ส.ค.2564

และ 3.การปิดสถานที่หรืองดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง โดยมีมาตรการปิดสถานที่จัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด หรือโต๊ะพูล, ร้านเกมคอมพิวเตอร์ เกมออนไลน์, โรงเรียนสอนมวย และโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ทุกประเภท รวมถึงสระว่ายน้ำที่เปิดให้บริการประชาชนเป็นการทั่วไปทั้งในส่วนของราชการและเอกชน ส่วนมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ สถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค โดยสนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกายกลางแจ้ง สวนสาธารณะ ลาน พื้นที่กิจกรรมสาธารณะโล่งแจ้ง สามารถเปิดให้บริการได้ไม่เกิน 21.00 น. จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการตามขนาดของพื้นที่ และผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว

วันนี้ (30 ก.ค.) นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่านช่องทางออนไลน์ระบบ ZOOM ว่า ทางจังหวัดฯขอยืนยันว่าการออกมาตรการดังกล่าว "ไม่มีผลกระทบ" ต่อการดำเนินโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวภายในภูเก็ตอย่างน้อย 14 คืน จึงจะสามารถออกไปท่องเที่ยวพื้นที่อื่นภายในประเทศไทยได้

"จุดประสงค์ของการออกคำสั่งภูเก็ตล่าสุดนี้คือต้องการเซฟภูเก็ต เซฟภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และเซฟประเทศไทย ด้วยการยกระดับมาตรการเริ่มจากเบาไปหนัก เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้ และสามารถเดินหน้าเศรษฐกิจได้ด้วย"

สำหรับหนึ่งในหลักเกณฑ์ของแผนเผชิญเหตุโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์คือจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯเมื่อพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ใน จ.ภูเก็ต มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ โดยหลังจากเริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าสัปดาห์ที่ 1 (1-7 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 25 ราย, สัปดาห์ที่ 2 (8-14 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 48 ราย, สัปดาห์ที่ 3 (15-21 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 69 ราย และสัปดาห์ที่ 4 (22-28 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 185 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในจังหวัด 148 ราย ผู้ติดเชื้อที่คัดกรองพบจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 6 ราย ผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัด 19 ราย และโครงการรับคนกลับบ้านอีก 11 ราย

"ในช่วงวันที่ 22-28 ก.ค.ที่ผ่านมา พบจำนวนผู้ติดเชื้อ 185 รายต่อสัปดาห์ เมื่อเกิน 90 รายต่อสัปดาห์ตามหลักเกณฑ์ จึงได้ประกาศมาตรการ 3 ฉบับล่าสุดเพื่อลดการเดินทางเข้าภูเก็ต ลดและงดการจัดกิจกรรมเพื่อควบคุมโรค อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาหลักเกณฑ์อื่นร่วมแล้ว เช่น อัตราการครองเตียงซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 249 เตียง คิดเป็น 36% ของจำนวนทั้งหมด 694 เตียงในภูเก็ต ยังอยู่ในภาวะที่รับมือและดูแลได้ จึงพิจารณาไม่ปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์"

ทั้งนี้ในช่วง 4 สัปดาห์แรกของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พบว่ามีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางเข้าโครงการฯ พบว่าเมื่อวันที่ 29 ก.ค.มีจำนวนรวม 12,599 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อจากในกลุ่มนี้ 30 คนเท่านั้น คิดเป็นสัดส่วนน้อยมากที่ 0.2% และเป็นการติดเชื้อมาจากนอกประเทศอยู่แล้ว โดยมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 400 กว่าคนต่อวัน จำนวนการจองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ช่วงไตรมาส 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.นี้อยู่ที่ 298,858 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 192,403 คืน เดือน ส.ค. 98,735 คืน เดือน ก.ย. 7,720 คืน และเมื่อรวมจำนวนการจองห้องพักในช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 อีก 6,586 คืน จะมีจำนวนการจองห้องพักโรงแรมของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ 305,444 คืน

"คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มากขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป ในช่วงนี้จึงถือเป็นการทดสอบระบบของโครงการฯ เมื่อมีการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ย่อมมีแรงงานเข้ามาทำงาน และอาจนำเชื้อเข้ามา ทางจังหวัดจึงยกระดับมาตรการเพื่อควบคุมโรค เพราะภาพที่เราอยากเห็นคือสามารถควบคุมโรคได้ด้วย และเดินหน้าเศรษฐกิจได้ด้วย ไม่อยากเห็นการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้วต้องมาปิดภายหลัง" นายณรงค์กล่าว

ด้านนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ยอดจองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตช่วง 3 วันที่ผ่านมาหลังพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น พบการชะลอตัวจากก่อนหน้านี้เติบโต 15% ต่อวัน เหลือเติบโตที่ 10% ต่อวัน

นับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ประเมินว่านักท่องเที่ยวใช้จ่ายคนละ 60,000 บาทต่อทริป ทำให้ภูเก็ตมีรายได้ด้านการท่องเที่ยวกว่า 800 ล้านบาทแล้ว โดย ททท.ต้องประชาสัมพันธ์เชิงรุกในต่างประเทศต่อไปเพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะนี้มีเอเย่นต์ทัวร์ของอังกฤษเริ่มขายแพ็คเกจเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้ว

ส่วนข้อจำกัดด้านการเดินทางภายในประเทศขณะนี้ ภายหลังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) มีคำสั่งระงับเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารเข้าออกจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการช่วยจัดหารถบริการพิเศษรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนที่ต้องการเดินทางออกจากภูเก็ตเพื่อมาขึ้นเครื่องบินกลับที่สนามบินสุวรรณภูมิ

นายสุนทร ศักดาสาวิตร รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเขตการบิน ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวเสริมว่า  ตามคำสั่งของจังหวัดภูเก็ตล่าสุด ส่งผลให้สายการบินนกแอร์จำเป็นต้องหยุดให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-อู่ตะเภา ส่วนสายการบินบางกอกแอร์เวย์สต้องหยุดให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-สมุย ซึ่งมีเป้าหมายเชื่อมการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ไว้ก่อนเช่นกัน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 3-16 ส.ค.นี้

นายศิริปกรณ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การหยุดให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-สมุย ไม่ใช่เพราะเรื่องของระเบียบข้อบังคับที่ทางจังหวัดภูเก็ตเพิ่งประกาศ หรือเพราะดีมานด์ของนักท่องเที่ยว แต่เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุยเป็นหลัก ซึ่งอาจจะมีจำนวนเตียงรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 บนเกาะสมุยไม่เพียงพอ
#11335
กล่องไหมขัดฟัน พกพาสะดวก พร้อมไหมขัดฟันจากเส้นไหมแท้ 10 ชิ้น
#11336
สำนักงานบัญชี เอทีเอส บริการบัญชีและภาษี
1158/14  ซอยจันทน์ 37/1  ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 
สนใจติดต่อคุณสมบูรณ์ 089-793-5707 , 02-212-3064
Email : ats_audit@hotmail.com

สำนักงานบัญชี , รับทำบัญชีถนนจันทน์ , รับทำบัญชีบางคอแหลม , รับทำบัญชียานนาวา , รับทำบัญชีพระราม 3 , รับทำบัญชีสาทร , รับทำบัญชีบางรัก ,รับทำบัญชีทุ่งมหาเมฆ , รับทำบัญชีสีลม , รับทำบัญชีศาลาแดง , รับทำบัญชีพระราม1 , รับทำบัญชีสยาม , รับทำบัญชีเพลินจิต , รับทำบัญชีชิดลม , รับทำบัญชีปทุมวัน , รับทำบัญชีเซ็นหลุยส์ , รับทำบัญชีสาธุประดิษฐ์ , รับทำบัญชี , รับทำบัญชีรายเดือน , รับทำบัญชีรายปี , ตรวจสอบบัญชี , ตรวจสอบบัญชีบริษัทจำกัด , ตรวจสอบบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด
#11338


หลังจากประเทศไทยปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด และอนุญาตให้นำไปใช้ในทางการแพทย์ "น้ำมันกัญชา" ได้กลายเป็นรูปแบบยาประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากมีประโยชน์และสรรพคุณที่ช่วยรักษาโรคบางชนิดได้ แต่การจะใช้น้ำมันชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัย ก็ควรศึกษาข้อมูลและวิธีใช้ที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ

ทำความรู้จัก "น้ำมันกัญชา" คืออะไร?
ไลฟ์สไตล์ติดตาม
31 ก.ค. 64
วิธีทำข้าวคลุกกะปิ สูตรอร่อยเด็ด อิ่มอร่อยแบบง่ายๆ

30 ก.ค. 64
ข้อสอบใบขับขี่ 2564 สำหรับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์

30 ก.ค. 64
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย เหนียวนุ่มน่ากิน ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

ดูทั้งหมด 
น้ำมันกัญชา คือ สารสกัดเข้มข้นจากต้นกัญชา ที่นำมาทำให้เจือจางเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในรูปแบบยาทางการแพทย์ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลิตเป็นยารักษาโรค มีการนำไปผสมกับส่วนผสมต่างๆ ให้เหมาะแก่การรักษาในแต่ละประเภท เช่น นำไปหยดใต้ลิ้น นำไปทาบนผิวหนัง เป็นต้น

ทั้งนี้ น้ำมันกัญชาทุกรูปแบบที่นำไปรักษาโรคและเกี่ยวข้องกับการรักษาสุขภาพ จะต้องผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง อยู่ภายใต้การดูแลและได้รับคำแนะนำถึงวิธีการใช้อย่างปลอดภัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งบางคนอาจมีความเชื่อว่าน้ำมันกัญชาคือ "ยาสารพัดโรค" ทำให้มีการนำไปใช้รักษาอาการต่างๆ เอง ยกตัวอย่างเช่น

น้ำมันกัญชา สำหรับหยอดหู หยอดตา
แน่นอนว่าหากจะใช้น้ำมันชนิดนี้ไปหยอดหูเพื่อรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับหู หรือนำไปหยอดตา ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้หมายความว่าน้ำมันกัญชาทุกประเภทจะใช้งานเหมือนกัน โดยเฉพาะการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อหิน เป็นการรักษาที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ หรือแม้กระทั่งหยอดตาเพื่อลดความดันลูกตา ก็ถือเป็นวิธีที่อันตรายและไม่ควรทำด้วยตนเอง

น้ำมันกัญชา สำหรับรักษาสิว
แม้ว่าน้ำมันกัญชาจะสามารถใช้รักษาโรคทางผิวหนังบางชนิดได้ ทำให้หลายคนนำไปใช้รักษาสิว หรือผิวหน้าที่มีผื่นแดง แต่ทั้งนี้ต้องศึกษาด้วยว่าน้ำมันกัญชามีส่วนผสมใดบ้าง และสิวนั้นเป็นสิวประเภทใด เพราะไม่เช่นนั้นแทนที่จะช่วยลดอาการอักเสบ อาจทำให้มีอาการผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทุกกระบวนการใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาอาการต่างๆ นั้น จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้เสมอ


สรรพคุณน้ำมันกัญชาในทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
ประโยชน์และสรรพคุณของน้ำมันกัญชาถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อรักษาอาการและโรคบางชนิด เช่น ใช้บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง บำรุงสุขภาพ รวมถึงคลายอาการวิตกกังวล แต่อย่างไรก็ตามหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป หรือผู้ใช้มีอาการแพ้น้ำมันกัญชาก็อาจส่งผลเสีย ทำให้มีผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย ท้องเสีย เป็นต้น

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุถึงคุณสมบัติของน้ำมันกัญชา 3 ประเภท ที่ได้รับการยอมรับในฐานะสารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ ประกอบไปด้วยกลุ่มสารแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) ที่พบในพืชกัญชา ได้แก่ 

1. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

2. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร CBD
ใช้รักษาผู้ป่วยโรคลมชักที่รักษายาก หรือดื้อต่อการรักษา ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

3. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC : CBD 
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง


ใครสามารถปลูกกัญชา และปรุงยาจากกัญชาได้บ้าง?
แม้ประเทศไทยจะปลดล็อกกัญชาแล้ว แต่ในปัจจุบันก็เปิดให้ยื่นขออนุญาตปลูกกัญชาได้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยเท่านั้น ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ระบุว่า ผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ มีดังนี้

หน่ายงานของรัฐ
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่มีการสอน วิจัย ทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์
ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น สหกรณ์การเกษตร, วิสาหกิจชุมชน, วิสาหกิจสังคม ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานของรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (เภสัชกรรม ทันตกรรม การแพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้านตามกฎหมาย) 
การขออนุญาตปลูกกัญชา
สำหรับผู้ที่ต้องการจะขออนุญาตเพื่อปลูกกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องประกอบไปด้วย 3 ข้อ ได้แก่
1. มีคุณสมบัติเป็นผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 หรือมีสถานะเป็นวิสาหกิจชุมชน และไปร่วมกับหน่วยงานของรัฐ
2. มีแผนโครงการ แผนกระบวนการผลิต และรายละเอียดการใช้ประโยชน์อย่างชัดเจน 
3. มีสถานที่ปลูกกัญชา ที่มีเอกสารสิทธิครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย


ผู้ที่สามารถปรุงยากัญชาได้
สำหรับผู้ที่จะนำกัญชาไปปรุงยาได้นั้น จะต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือผ่านการอบรมหลักสูตรการใช้ตำรับยาที่มีกัญชาผสม จากหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุข

ส่วนการจำหน่าย หรือสั่งจ่ายยา ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้สถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนก็ได้ แต่ต้องเป็นตำรับยาที่ได้รับการยอมรับแล้วเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามเรื่องกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันกัญชาได้ที่ info@medcannabis.go.th

ที่มา : คณะกรรมการขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
#11339
เรื่องงานดิน ให้เป็นหน้าที่เรา บริการครบวงจร ยินดีให้คำปรึกษา โทร 080-022-3804 หรือ www.mmee2000.com
#11340



ผักติ้วคือไม้ยืนต้นพื้นบ้านที่นิยมเด็ดยอดอ่อน และใบมาทำอาหาร มีชื่อเรียกว่า "ผักติ้ว" "ผักแต้ว" ยางและใบใช้เป็นยาสมุนไพร และเปลือกไม้ใช้เป็นสีย้อมผ้า และใช้ทำเป็นถ่าน

ต้นผักติ้ว คืออะไร
ผักติ้วมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cratoxylum formosum. เว็บไซต์องค์การสวนพฤกษศาสตร์ แสดงข้อมูล "ติ้วขน" อยู่ในวงศ์ CLUSIACEAE สูง 10-20 ม. ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-4.5 ซม. ยาว 7-10 ซม. ผิวใบด้านล่างมีสีนวล มีขนทั้งสองด้าน ดอกเดี่ยว หรือเป็นกลุ่ม ออกที่ซอกใบหรือตามกิ่ง กลีบดอกสีชมพูอ่อน ขอบกลีบมีขนชายครุย ร่วงง่าย เกสรเพศผู้มี 3 มัด แต่ละมัดปลายแยกคล้ายพู่ ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ ถึงมิถุนายน

ผักติ้วพบได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย, เมียนมา, กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ดอกของผักติ้วมีกลีบดอก 5 กลีบ เกสรตัวเมียติดกัน 3 ก้าน และมีเกสรตัวผู้สั้นๆ ล้อมรอบ เมื่อติดผลจะมีลักษณะผลเป็นแคปซูลสีน้ำตาล หรือสีดำ เรียวยาวประมาณ 1.3 - 1.8 เซนติเมตร เมื่อผลแตกออกจะเป็น 3 แฉก มีเมล็ดสีน้ำตาล

สรรพคุณของผักติ้วทางสมุนไพร
ภาพจากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (qsbg.org)
ภาพจากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (qsbg.org)
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้บรรยายสรรพคุณของผักติ้วไว้ตามตำรับยาไทย ดังนี้

ราก ผสมกับหัวแห้วหมู และรากปลาไหลเผือก ต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง เพื่อขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด
น้ำยาง ใช้ทาแก้รอยแตกของส้นเท้า
รากและใบ ใช้แก้ปวดท้อง
ต้น ยางจากเปลือกต้น ยาทาแก้คัน
น้ำต้มเปลือกต้น กินแก้ธาตุพิการ
เปลือกและใบ ตำผสมกับน้ำมันมะพร้าว ทาแก้โรคผิวหนังบางชนิด
สรรพคุณของผักติ้วด้านโภชนาการ
ผักติ้ว 100 กรัม ให้พลังงาน 58 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย

- แคลเซียม 67 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 19 มิลลิกรัม
- เหล็ก 2.5 มิลลิกรัม
- เบตาแคโรทีน 4,500 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 750 ไมโครกรัมของเรตินอล
- วิตามินบีหนึ่ง 0.04 มิลลิกรัม
- วิตามินบีสอง 0.67 มิลลิกรัม
- ไนอาซิน 3.1 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 58 มิลลิกรัม
- เส้นใย 1.5

ผักติ้วกินอย่างไร

ส่วนประกอบของผักติ้วที่นำมาใช้ประกอบอาหาร คือ ช่อดอกสด ยอดอ่อน ใบ ใบอ่อน เพราะมีรสชาติเปรี้ยว ซึ่งให้คุณประโยชน์ด้านเส้นใยอาหาร และวิตามิน ดังนี้

ใช้เป็นผักแกล้ม ยอดอ่อนสดๆ นำมากินแกล้มกับเมนู ลาบ ก้อย น้ำตก แจ่ว เมนูน้ำพริก ทางเวียดนามใช้กินในเมนูแหนมเนือง

ใช้ต้มแกง ผักติ้วมีรสเปรี้ยว ใช้แทนมะนาวในบางเมนู เช่น แกงเห็ด

ใช้ผัด ใส่กับไข่เจียว หรือผัดกับผักอื่นๆ เพิ่มรสชาติ

ผักติ้วกับใบชะมวงใช่ต้นเดียวกันหรือไม่
ต้นผักติ้วขนกับชะมวงจัดอยู่ในวงศ์เดียวกับมังคุด CLUSIACEAE เหมือนกัน ลักษณะใบต้นผักติ้วกับใบชะมวงนั้นต่างกันตรงที่ ใบอ่อนของชะมวงจะมีสีน้ำตาลอมม่วงที่เข้มกว่า และลักษณะโคนใบจะสอบเข้าหากัน ขอบใบเรียบ ผู้ที่เคยลิ้มลองชิมใบอ่อนของทั้งสองต้นนี้มักจะเล่าว่าใบชะมวงมีรสฝาดกว่าเล็กน้อย ประโยชน์ของใบผักติ้วกับใบชะมวงให้ใยอาหารสูง