• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chanapot

#10171
รับถมดิน ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804  หรือ www.mmee2000.com
#10172



นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบโควิด-19 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ใน 9 ประเภทกิจการได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ สาขาข้อมูลข่าวสาร และการสื่อสาร

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมมีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้สั่งการให้ รมว.แรงงานเร่งรัดขยับเวลาการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนไม่ให้เกินวันที่ 6 สิงหาคม โดยจะเริ่มทยอยจ่ายตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมนี้ ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะระบบการโอนผ่านพร้อมเพย์สามารถดำเนินการได้วันละ 1 ล้านบัญชีเท่านั้น โดยผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยามีจำนวน 2.87 ล้านคน จะต้องใช้เวลาถึง 3 วันจึงได้สามารถโอนได้ครบภายในกำหนดเวลาวันที่ 6 สิงหาคม ตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี และจะทยอยโอนครั้งต่อไปให้กับนายจ้าง และผู้ประกันตนมาตรา 33 ทุกๆวันศุกร์จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564

น.ส.ลัดดา แซ่ลี้ รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า วิธีการจ่ายเงินเยียวยาสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับเยียวยาจากรัฐบาลคนละ 2,500 บาท จะโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น ส่วนนายจ้างจะได้รับการเยียวยา จากรัฐบาล ตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุดลูกจ้างไม่เกิน 200 คน โดยนายจ้างบุคคลธรรมดา จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน และนายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามที่แจ้งไว้กับสำนักงานประกันสังคม

สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และนายจ้างที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 3 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา นั้น สำนักงานประกันสังคมจะประชาสัมพันธ์วันจ่ายเงินให้ทราบในภายหลัง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง
#10174




ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วง เมื่อนักร้องหนุ่ม เอ๊ะ จิรากร สมพิทักษ์ ศิลปินค่าย Me Records โด่งดังจากการเป็น "หน้ากากอีกาดำ" ในรายการ The Mask Singer ซีซั่น 1 โพสต์แจ้งข่าวว่าตัวเองติดโควิด-19 อีกทั้ง ชมพู่ วรัญญา บุญล้ำ ภรรยา ก็ติดโควิดด้วย โดยไปตรวจโควิดที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนจะทราบผลว่าเป็นบวก ซึ่งคาดว่าน่าจะติดจากคุณย่าของภรรยา ที่ได้ตรวจเบื้องต้นที่บ้านและผลออกมาเป็นบวกเช่นกัน

โดย เอ๊ะ จิรากร ได้โพสต์ภาพผลการตรวจโควิดเป็นบวก พร้อมทั้งโพสต์ภาพข้อความที่ชี้แจงถึงเรื่องนี้ไว้ว่า "ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ แม้จะพยายามป้องกันและดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ที่บ้านผมมีทั้งเด็กและคนแก่ ผมจึงออกไปนอกสถานที่แค่เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

*** ภรรยาของผมป่วยมาได้ 3 วัน วันที่ 28 จึงพาไปตรวจที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง (ทั้งผมและภรรยาไม่มีการพบและสัมผัสกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด) แต่อาการของภรรยาผมเข้าข่าย ทาง รพ. จึงแนะนำให้นัดตรวจ covid รวมทั้งผมไปด้วยพร้อมกัน แล้วเมื่อช่วงค่ำ ทาง รพ. โทรมาแจ้งผลว่าเป็น Positive ทั้งคู่

ผมขอชี้แจงเป็นส่วนๆ นะครับ
- ผมทำงานผ่านทางช่องทางออนไลน์ จึงไม่มีการรวมกลุ่มใดๆ ในช่วงระยะเวลาอันใกล้ที่ผ่านมา
- สำหรับค่ายเพลง เทปที่ออนแอร์เป็นการถ่ายทำไว้ล่วงหน้า 1 เดือนแล้ว

Timeline
22-24 ก.ค. ผมอยู่ที่บ้าน
25 ก.ค. นำอาหารไปมอบให้เจ้าหน้าที่ที่สถานีกลางบางซื่อ
26 ก.ค. ขนของย้ายเข้าบ้านใหม่ด้วยรถส่วนตัว มีแค่เพียงคนในครอบครัวช่วยขนย้าย ไม่มีคนนอกหรือใครมาพบ มาสัมผัส ย้ายของเข้าบ้าน ไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมใดๆ นอกเขตรั้วบ้านตัวเอง
27-28 ก.ค. จัดของอยู่ในบ้าน
29 ก.ค. ไปตรวจ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งตามคิวที่ได้ลงไว้ล่วงหน้า ทราบผลตอน 19.00 น.ว่า positive ทั้งคู่

** หมายเหตุ จากการเรียบเรียง timeline แม้ไม่ได้พบเจอกลุ่มเสี่ยงเลย แต่คาดว่าน่าจะได้รับเชื้อมาจากคุณย่าของภรรยา ที่มีอาการเป็นไข้มาก่อนคนแรก ซึ่งนับจากวันที่เป็นจนถึงตอนนี้อาการคุณย่าปกติมากๆ ทุกอย่าง มีแค่ไข้ขึ้นใน 2 วันแรกเท่านั้น พอได้พูดคุยสอบถามคุณย่า ซึ่งพักที่บ้านอีกหลัง แต่จะมาหาหลานๆ ทุกวัน คุณย่าก็แจ้งว่า ท่านไปแค่ตลาดสดหน้า มบ. แค่เพียงที่เดียวเท่านั้น หลังจากที่ทราบผล ก็ทำการตรวจเบื้องต้นเองที่บ้านด้วยวิธี swab ให้คุณย่า ผลคุณย่าก็เป็น positive

** ตอนนี้คุณย่ากับลูกๆ อีก 3 คน และคนอื่นๆ ในครอบครัว กำลังรอคิวที่จะได้รับการเข้าตรวจอย่างเป็นทางการ

** ส่วนผมและภรรยา ได้ทำการกักตัวและรอคิวเพื่อเข้ารับการรักษาจาก รพ. ต่อไป

** ผมและภรรยากราบขออภัยทุกๆ คนมา ณ ที่นี้ด้วยครับ".
#10177



รายการโหนกระแสวันที่ 29 ก.ค. 64 "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ "นพ.พิเชฐ บัญญัติ" รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอดีตนายกสภาการแพทย์แผนไทย หลังประชาชนเรียกร้องเรื่องสมุนไพร นอกจากกระชายขาว ฟ้าทะลายโจร อีกหนึ่งอย่างที่กำลังพูดกันคือ พลูคาว ตรีผลา คืออะไร

ก่อนหน้านี้มีคนกินฟ้าทะลายโจร กระชายขาวสร้างภูมิตัวเอง กินต่อเนื่องยาวเป็นเดือนๆ แต่พออาจารย์บอกไม่ได้ ต้องมีระยะของมัน ทุกคนก็เข้าใจ และมีเรื่องคนกินยาวๆ แล้วมีปัญหาเรื่องของตับเหมือนกัน อาจารย์มองเรื่องนี้ยังไง?

นพ.พิเชฐ : อะไรที่มันมากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี มันต้องพอดี ผมเองมีพรรคเพื่อนที่เป็นหมอ ดูแลคนไข้ ก็บ่นมาเหมือนกันว่าเจอคนไข้ค่าตับไม่ดี ตับมีปัญหา ถามไปว่าโอ้โห กินสารพัดสมุนไพร กินป้องกันเพราะความกลัว บางคนกินทั้งฟ้าทะลายโจร กระชายขาว ตรีผลา จันทลีลา พอป่วยไปถึงหมอ หมอจะให้ยารักษาฆ่าเชื้อไวรัส ให้ไม่ได้ ตรวจแล้วค่าตับผิดปกติ เสียเวลาต้องรอ เพราะไม่กล้าให้ เพราะยาแต่ละตัวถ้าตับไม่ดีต้องระวัง มันสะท้อนว่ามีคนไม่เข้าใจ ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เหมือนสงคราม ใครว่าอะไรดีคว้าไว้ก่อน แบบนี้ไม่ดี มันมีโอกาสมากเกินไป บางอย่างถ้าเราจะใช้สมุนไพรเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ต้องกินเป็นอาหาร กินตามหลักการปรุงอาหารแบบไทยๆ จะได้มีประโยชน์ไม่มีโทษ แต่ถ้ากินแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต้องมีระยะเวลา ปริมาณที่เหมาะสม ถ้ากินเป็นยาต้องกินให้ครบสูตรครบขนานของยา มันถึงจะได้ผล ถ้าจะกินฟ้าทะลายโจรยับยั้งไวรัสโควิด ก็ต้องกินให้ได้ปริมาณสารที่กำหนดตามที่เขาวิจัยไว้



กินฟ้าทะลายโจรไม่ใช่ว่าจะไม่ติดโควิดนะ?
นพ. พิเชฐ : ใช่ครับ เพราะมันป้องกันการติดโควิดไม่ได้ ผลการวิจัยในหลอดทดลอง มันป้องกันไม่ได้ ชัดเจนว่าเก็บไว้กินตอนรับเชื้อ ถ้ากิน 3 วันแล้วโอเค ไม่มีอาการ ดีขึ้น ก็กินต่อให้ครบ 5 วัน พอ 5 วันเชื้อจะออกจากร่างกายไปหมด เชื้อจะค่อยๆ ขับออก ปกติถ้าเราไม่กินยา เป็นชนิดไม่มีอาการ ไม่รุนแรง 5 วันอาการจะลดลงเพราะร่างกายสู้มันได้ภูมิคุ้มกันจะกัดมัน 7-10 วันส่วนใหญ่จะหมด แต่ถ้าอาการเยอะจะกำจัดช้าหน่อย เป็นซากเชื้อ

ยาแผนปัจจุบันก็ทิ้งไม่ได้?
นพ.พิเชฐ : โดยแนวทางตอนนี้ไม่ให้กินฟ้าทะลายโจร ควบกับยาต้านไวรัสปัจจุบัน ทั้งฟาวิพิราเวียร์ หรือบางท่านได้เรมเดซิเวียร์ ก็แล้วแต่ ไม่กินคู่กัน ถ้าดีก็กินฟ้าทะลายโจรให้ครบ ถ้าไม่ดีต้องหยุดให้หมอประเมินอาการว่าเชื้อลงปอดมั้ย ต้องปรับยาอะไรมั้ย แต่กินเพื่อป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ แต่ถ้ากินเพื่อรักษาต้องกินให้ปริมาณเพียงพอ ถ้าไม่ปริมาณเพียงพอเราก็ไม่การันตีได้ว่ามันจะเอาอยู่



ตรีผลา ขิง พลูคาว กระตุ้นภูมิคุ้มร่างกายได้จริงหรือเปล่า?
นพ.พิเชฐ : จากการศึกษาวิจัยในสัตว์และหลอดทดลอง ทั้งสามตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่ภูมิคุ้มกันมีหลายแบบภูมิคุ้มกันทั่วไปหรือที่เรามีติดตัว พวกนี้กระตุ้นได้โดยการกิน อาหาร การออกกำลังกาย แต่ภูมิคุ้มกันเฉพาะเชื้อ เฉพาะชนิดจะได้จากการฉีดวัคซีน ถึงจะเกิดภูมิคุ้มกันเฉพาะโควิดโดยตรง แต่การกินสมุนไพรที่มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ไปช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่กำจัดเชื้อโรคได้ด้วย มันก็จะเสริมกับภูมิที่ขึ้นจากการฉีดวัคซีน อันนี้มีการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลองแล้ว แต่การกินต้องกินให้ถูกต้อง หนึ่งถ้ากินอะไรติดต่อกันยาวๆ เกิน 10 วัน อย่างพารา กินเกิน 10 วัน วันละเม็ดก็มีโอกาสที่ตับมีปัญหา ต้องหยุด ต้องเว้น อาจมีผลได้ถ้ากินทุกวัน ถึงกินเม็ดเดียวก็ควรหยุด การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จากตรีผลา ในตำราแพทย์แผนไทย ประกอบไปด้วย สมอพิเภก สมอไทย มะขามป้อม สามอย่างนี้เรียกว่าตรีผลา ตรีแปลว่าสาม ผลาคือผล ผลไม้สามอย่าง ถ้าทำเป็นยาใช้แบบแห้งก็ได้ แต่ถ้าทำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ใช้แบบสดต้มได้



สัดส่วนปริมาณเป็นยังไง?
นพ.พิเชฐ : มีสองแบบ ถ้าเราใช้เพื่อการรักษาโรค เขาจะใช้สัดส่วนไม่เท่ากันตามสาเหตุของโรคเรา แต่ถ้าใช้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันปกติ ใช้หนึ่งต่อหนึ่งต่อหนึ่ง อย่างละเท่าๆ กันก็ได้ อาจเติมพวกน้ำตาลกรวด น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำผึ้ง ให้รสชาติดีขึ้น



ต้องใช้สัดส่วนยังไงต่อน้ำเท่าไหร่?
นพ.พิเชฐ : บางทีสูตรพวกนี้อาจแตกต่างกันได้ไม่ตายตัว แต่เราเน้นว่าสารแต่ละอย่างให้ท่ากัน เช่นใช้สองขีดก็ใช้สองขีดๆ เท่ากัน ไปต้มในน้ำสักลิตรนึง เติมน้ำตาลให้รสชาติดีหน่อย หรือเติมเกลือสักนิดหน่อย ต้มให้มันสุก แล้วกรองเอาน้ำมา เรียกว่าพิกัดตรีผลา ใช้สำหรับคนที่ไม่ป่วย แต่ถ้าคนป่วยต้องใช้หมอวินิจฉัย ว่าโรคเกี่ยวกับธาตุไฟ เราจะใช้อีกสูตรนึง ตัวยาไม่เท่ากัน เป็น 8-4-10 แต่ถ้ามีเสมหะเยอะ มีไอ ไข้ไม่เยอะ ก็ปรับไปอีก 10-8-4 ซึ่งตัวเลขนี้เป็นน้ำหนักสัดส่วนของที่ใช้ ถ้าแก้สาเหตุจากเสมหะ ใช้สมอพิเภก 8 ส่วน สมอไทย 4 ส่วน มะขามป้อม 12 ส่วน เพราะตัวมะขามป้อมลดเปรี้ยวฝาดขมกัดเสมหะ ละลายเสมหะได้ดี ทำให้เสมหะแห้งได้ แต่ถ้าไข้ ตัวร้อนเยอะ ไปทางหวัด น้ำมูกอาจไม่เด่น ก็ปรับเป็น 12-8-4 สมอพิเภก 12 สมอไทย 8 มะขามป้อม 4 แต่ถ้าไข้ไม่ค่อยมี เสมหะในคอนิดหน่อย น้ำมูกไม่ค่อยเยอะ แต่ครั่นเนื้อครั่นตัว เพลียๆ สาเหตุจากวาตะ ลมผิดปกติ อันนี้ปรับเป็นสมอพิเภก 4 ส่วน สมอไทย 12 ส่วน มะขามป้อม 8 ส่วน ซึ่งสามสูตรหลังเรียกมหาพิกัดตรีผลา สูตรแรกสำหรับเราไม่ป่วย แข็งแรงดี ใช้สัดส่วน 1-1-1 ถ้ากินยากก็เพิ่งมะขามป้อมเยอะหน่อย เป็นหนึ่งต่อสาม สูตรไม่ตายตัว

ขิงช่วยมั้ย?
นพ.พิเชฐ : ขิงเป็นสมุนไพรรสร้อน มันก็ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว ในทางการแพทย์แผนไทย

เพื่อนต่างประเทศหลายคน อยู่อังกฤษ อเมริกา เขาบอกว่าเพื่อนๆ คนไทยที่เป็นโควิด เขาต้มน้ำขิงกินแล้วรู้สึกดีขึ้น?
นพ.พิเชฐ : สมุนไพรรสร้อนจะกระตุ้นธาตุไฟ ซึ่งธาตุไฟคือเรื่องภูมิคุ้มกันอยู่แล้วในการแพทย์แผนไทย ฉะนั้นการกินน้ำขิงก็ได้ประโยชน์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขิง ข่า กระชาย รสร้อนหมด ก็กระตุ้นภูมิคุ้มกัน เขาถึงเอาไปทำเครื่องแกง แต่การกินอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆ ติดกันตลอด อาจเสียสมดุลร่างกาย ผมคิดว่าเรากินสลับกันได้มั้ย หรือเพิ่มสัดส่วนเข้าไป อย่างกระชาย ภูมิปัญญาไทยไม่มีกินดิบนะ ต้องกินต้มสุก ถ้าคนอยากกินกระชาย บางสูตรบอก กระชายสัก 2 ขีด เพิ่มขิงไปหน่อยนึง 1 ใน 4 สัก 50 กรัม แล้วไปเพิ่มน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลกรวด ซึ่งน้ำตาลกรวดเป็นสมุนไพรอย่างนึง สมุนไพรไม่ใช่เฉพาะพืชนะ เป็นได้ทั้งพืชและสัตว์ และแร่ธาตุแบบนี้ จริงๆ ใช้น้ำตาปี๊บก็ได้ หรือไม่มีก็ใช้น้ำผึ้ง ถ้าไม่อยากให้หวานเยอะ อันนี้ก็ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เหมือนกัน มีประโยชน์มากกว่ากินกระชายตัวเดียว กระชายตัวเดียวก็จะหนักอย่างใดอย่างนึง ผมคิดว่าสิ่งที่น่าจะกินได้นานหน่อย ควรใช้กระชาย อาจเพิ่มใบเตย เพราะมีรสเย็นมาตัดตัวรสร้อน ต้มแล้วเอาใบเตยใส่ไปตัดรสร้อนกระชายใส่น้ำตาลกรวดไปด้วย แล้วแต่ความหวานคนชอบ พอใส่ไปก็เป็นรสเย็นก็จะชุ่มชื่น ใส่เกลือไปนิดหน่อย แก้น้ำเหลืองเสียได้ด้วย

พลูคาวนี่ไม่ค่อยได้ยินถึง แต่อาจารย์จะบอกว่าเป็นสมุนไพรที่ดีเหมือนกัน?
นพ.พิเชฐ : ครับ มีวิจัยเยอะมากเลยนะ มีการจดลิขสิทธิ์การศึกษาวิจัยไว้เยอะ ทั้งประเทศไทยและในโลก พลูคาวคือผักคาวตองที่เขากินแกล้มลาบ ทางเหนือ กลิ่นใบจะคล้ายๆ ใบพลู กลิ่นคาวคล้ายคาวปลา เขาเลยเรียกพลูคาว หรือผักคาวตอง เวลาเราไปทางเหนือเขาทำเป็นลาบมาจะแกล้มตรงนี้ พืชตัวนี้มีกระจายใช้กันหลายประเทศ ชื่อแตกต่างกัน มีหลายพันธุ์ ในภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ใบเป็นรสร้อน ก็แก้กามโรค แก้น้ำเหลืองเสีย แก้กามโรคเข้าข้อ เกิดโรคอื่นๆ ด้วย แต่พอดูในตำรับยาไทยหนังสือเวชศึกษา ของพระยาพิศณุประสาทเวช บอกว่ามีตั้งแต่แก้น้ำมูก แก้ซาง ยาแก้ตาล และยานึงน่าสนใจ ยามหาระงับพิษ คือพิษอะไรมาก็สู้ได้ ยาแก้ไข นี่แพทย์แผนไทย ทีนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการศึกษาวิจัย เราก็วิจัยและทำหนังสือมาเล่มนึง หนังสือผักคาวตอง ผมสรุปว่าผักคาวทองพอไปศึกษาทางเคมี มีสารเยอะมาก มีสารกลุ่มน้ำมันหอมระเหย ตั้ง 30 กว่าชนิด มีผลมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย สารกลุ่มพวกฟลาโวนอยด์ , เคอร์ซีติน , รูติน และพวกสารอัลคาลอยด์ พบกว่า 15 ชนิด

และพวกกรดไขมันที่สำคัญสองตัว เราต้องกินเข้าไป เราสร้างเองไม่ได้ มีสารเยอะมาก และมีการทดลองในทางเภสัชวิทยามีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ด้วย ที่พูดนี่ยังไม่มีการทดลองในคนนะ แต่มีทดลองในสัตว์ทดลอง และหลอดทดลอง อย่างต้านมะเร็งเขาไปทดลองกับมะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มันต้านได้ ฤทธิ์ต้านไวรัสได้หลายตัว สารเคอร์ซิติน จะออกฤทธิ์ ยับยั้งเชื้อไวรัสหลายตัว ตัวนึงที่กล่าวถึงในงานวิจัย คือไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในหลอดทดลองและในสัตว์ ใช้ได้ดีกว่า แต่ไม่มีใครเอามาทำวิจัยเป็นยาจริงๆ จัง ๆ และต้านอักเสบได้ด้วย ที่สำคัญกระตุ้นภูมิคุ้มกันก็มีการวิจัยหลายอัน ทั้งต่างประเทศและไทย สารจากน้ำสกัดแบบต้มของใบพลูคาวกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวเม็ดเลือดขาวชนิดที่จับไวรัสกิน นี่เป็นการทดลองก่อน ถ้าจะกิน ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบอาหาร เป็นใบสด แต่ถ้าจะแปลงมาเป็นของที่เรากิน อาจใช้ต้ม เพราะการทดลองส่วนใหญ่ใช้น้ำสกัดจากต้มทั้งนั้น แต่เพราะกลิ่นคาว อาจไม่มีใครทำเป็นต้มกินเหมือนน้ำกระชาย น้ำขิง

ผักคาวตอง หรือพลูคาว เขาบอกองค์ประกอบเคมี กับภูมิคุ้มกัน เขามีบอกหมดเลย มีข้อมูลที่มีการวิจัยมาหมดแล้ว ในจีนก็มีเอาไปวิจัย ตอนนี้อยู่ในสายกับ "ผศ.ดร.เอกสิทธิ์ จงเจริญรักษ์" คณะอุตสาหกรรมเกษตรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อาจารย์เป็นคนหนึ่งที่วิจัยเรื่องพลูคาว?

ดร.เอกสิทธิ์ : ใช่ครับ ตัวผมเองและทีมงานวิจัย เราทำงานวิจัยด้านการทดสอบ สกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เราทำวิจัยตัวพลูคาวมา 10 กว่าปี เนื่องจากตัวสมุนไพรพลูคาว เป็นสมุนไพรชนิดนึงทางภาคเหนือของไทย ตัวเขาเองมีลักษณะกลิ่นรสเฉพาะ ถ้าบี้ใบดูจะเป็นเมือกลื่น ทำให้เราสนใจ จากการวิเคราะห์เบื้องต้นในห้องปฏิบัติการ พบว่ามีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญ ที่เคยทำสารที่มีเมืองลื่นเมื่อผ่านกระบวนการย่อยเฉพาะ เราพบว่าหนึ่งในฤทธิ์นั้นคือกระตุ้นภูมิคุ้มกันในห้องทดลองได้เป็นอย่างดี และจากที่สืบค้นงานวิจัยย้อนหลัง ในงานวิจัยเยอะแยะบอกถึงฤทธิ์ ศักยภาพใบพลูคาว มีงานวิจัยชิ้นนึง ที่น่าสนใจ คือการออกฤทธิ์ยับยั้งซาโควี 1 โคโรนาไวรัสเวอร์ชั่นแรก ที่ระบาดในปี 46 เป็นตัวที่ทำให้เราเห็นศักยภาพที่จะนำมาพัฒนาต่อ ทางทีมวิจัยก็วิจัยอย่างต่อเอง การทานบริโภคต่อไปต้องมีงานวิจัยที่นำมาสนับสนุนซัปพอร์ตต่อไปว่าจะนำมาใช้ได้อย่างไร



ถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์?
ดร.เอกสิทธิ์ : ใช่ครับ มีศักยภาพสูงที่จะนำมาพัฒนาได้ต่อไป

มองยังไง เดี๋ยวพูดไปราคาแพงอีก คราวที่แล้วทั้งฟ้าทะลายโจร กระชายขาวเอาไปขายโก่งราคากัน?
พิเชฐ : ทั้งหมดเป็นการทดลองในสัตว์ทดลอง ถ้าจะเอามาใช้ ต้องใช้เป็นอาหาร เช่น เอามากินแบบใบสด ถ้าใบสดจะดีตรงที่ได้สารน้ำมันหอมระเหยได้ด้วย ซึ่งช่วยกำจัดไวรัสได้ด้วย แต่ถ้าเราจะกินแบบสุกก็ต้องกินแบบต้ม ตอนนี้ภูมิปัญญาเรามีประมาณนี้ ส่วนการพัฒนารูปแบบเป็นยาฆ่าฆ่าไวรัสยังไม่ได้มีการศึกษา

ข้อเสีย คือกินอะไรอย่าให้มากเกินไป ไม่ว่าพลูคาว ตีผลา หรือสูตรขิงกับกระชาย?
พิเชฐ : ครับ เรียนว่าผมก็ไม่มีข้อมูลชัดเจน ว่ากินติดต่อกันนานเกินเท่าไหร่ แต่โดยหลักภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยเราจะไม่กินสมุนไพรตัวเดียวหรืออย่างเดียวติดต่อกันนานๆ แต่วิจัยบอกไม่ควรเกิน 7-10 วันอย่างเดียว การกินรูปแบบที่ไม่ใช่อาหารโดยตรงต้องระวัง เพราะอาจมีสารสกัดเข้มข้นบางตัวเปลี่ยนไปจากธรรมชาติที่อยู่ในอาหาร การกินต้องระมัดระวังเหมือนกินยา ผลการวิจัยในหลอดทดลอง มันยังขาดบางส่วนที่ยังบอกไม่ได้ คือหนึ่ง เวลากินเข้าไปฤทธิ์ทางยามันไปทำอะไรกับเรากับตัวเรามันยังบอกไม่ชัด เขาเรียกว่าเภสัชพลาศาสตร์ กินไปตัวเราไปทำอะไรกับยา ทำปฏิกิริยาอะไรกับมัน สองอันมีความสำคัญก่อนเปลี่ยนเป็นยารักษาโรค ดีที่สุดตอนนี้คือกินเป็นอาหารตามภูมิปัญญาที่เราใช้อยู่ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ปรับเป็นเครื่องดื่ม อาจเอามาต้มน้ำ ปรุงโน่นนี่ ผมว่าแบบนี้มีประโยชน์



ถ้าจะมองว่าฟ้าทะลายโจรเป็นดาบสู้ไวรัสได้มั้ย?
พิเชฐ : ถ้าเป็นยาที่มาจากสมุนไพรก็ต้องเปรียบแบบนั้น คือเอาไว้ฆ่าไวรัส เป็บดาบฟาดฟันไวรัส กระชายขาวถ้ากระชายทั้งอันโดนรวม ไม่แยกเอาสารตัวใดตัวนึงก็เป็นโล่ได้ พลูคาวก็คล้ายๆ กัน ไปเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง แต่ต้องให้พอดี
#10178



นายธีระธัช รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วิลล่า ฟอเรสต์ กล่าวว่า ได้เปิดตัวเฟสแรก คือ "โรงเรียน ที่ซึ่งสะท้อนถึงการเรียนรู้รอบด้านควบคู่คุณธรรม" เพราะการศึกษามีความสำคัญ เป็นรากฐานของชีวิต จึงได้ร่วมกับ Wells International School, Chonburi Campus สานพลังเสริมสร้างจินตนาการการเรียนรู้วิถีใหม่ เพื่อพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้คู่คุณธรรม



ทั้งนี้มีข้อเป้าหมายร่วมกันที่จะเพื่อบ่มเพาะกล้าพันธุ์ให้เติบใหญ่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้เป็นโรงเรียนวิถีใหม่ มีศูนย์การเรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ ที่เด็กๆ จะได้มาเรียนรู้ มีที่นาให้เด็กๆ เอาเท้าสัมผัสดินสัมผัสหญ้า และมีแปลงผักให้ทดลองปลูกผักเก็บผัก และทำกิจกรรมร่วมกันที่จะสร้างสรรค์จินตนาการให้เด็กๆ เก่งและดี มีความสุข และมีความอ่อนน้อม โดยนำเอาวัฒนธรรม Globalization มาผสมผสานกับ Localizaion เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลง



ดร.เรย์ เดอ ลา เพนญ่า ครูใหญ่ โรงเรียนนานาชาติ เวลส์, แคมปัสอ่อนนุช กล่าวว่า คุณพ่อเคยมาทำงานในเมืองไทย ตั้งแต่ปี 1960 ทำทางด้านโครงการในพระราชดำริฯ ร.9 ทำให้ได้รับรู้และซึมซับในเรื่องราว 'เศรษฐกิจพอเพียง' มีความประทับใจมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เลยตัดสินใจมาอยู่เมืองไทย และประกอบอาชีพ 'ครู' ด้วยความเชื่อว่า "Changing the World, One student at a time"

"โรงเรียนนานาชาติ เวลส์ อยู่ในกรุงเทพฯ อ่อนนุช ทองหล่อ และบางนา มีประสบการณ์มา 20 ปีแล้วในการจัดการเรียนการสอนที่ทำให้นักเรียนที่จบทุกๆ ปีสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยดังๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย จึงมีความตั้งใจจะขยายสาขาอีก แล้วมาเจอที่ชลบุรี โครงการวิลล่า ฟอเรสต์ รู้สึกหลงใหลไปกับธรรมชาติต้นไม้หลากพันธุ์ และที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งและศูนย์รวมที่นำเอาหลักคิดวิถีพอเพียงมาใช้"



ดังนั้นจึงอยากจะสร้างโรงเรียนแห่งนี้ในพื้นที่ 24 ไร่ ให้เป็นแคมปัสที่สามารถจะพัฒนาได้อย่างยั่งยืนสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตั้งแต่ในห้องเรียนไปจนถึงนอกห้องเรียน โดยจะสร้างพื้นการเรียนการสอนให้มีคุณภาพเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ซึ่งไม่ใช่เก่งแค่วิชาการ แต่สามารถพัฒนาต่อยอดสู่ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เพราะบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติต้นไม้ จะทำให้โล่ง หายใจสะดวก ทำให้สนุกในการเรียนรู้ เกิดการเรียนรู้ที่ดี เกิดจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และนี่คือหัวใจแห่งการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบ



ด้วยบรรยากาศที่สร้างกระบวนการเรียนรู้ได้ดีนั้น สามารถรองรับนักเรียนมัธยมที่จะทำ Diploma หรือ ประกาศนียบัตร ได้ตามความสนใจ สำหรับเด็กประถมจะทำให้เด็กๆ เกิดกระบวนการเรียนรู้ได้ดีขึ้น เพราะมีพื้นที่ได้ทำกิจกรรม มีแปลงผักปลูกต้นไม้ หรือจะนำสิ่งแวดล้อมธรรมชาติมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำงานศิลปะได้ด้วย

"สิ่งสำคัญที่สุดในแคมปัสแห่งนี้ สามารถรองรับกลุ่มคนที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อย่างดี เด็กตื่นมาไปเรียนได้เลย ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องจราจร รถติด เหมือนกรุงเทพฯ ทั้งคนในครอบครัวก็จะอยู่ด้วยกันมากขึ้น พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ-แม่-ลูก เด็กๆ ไม่ต้องรอพ่อแม่นาน แล้วก็ได้ไม่นอนดึก ทำให้เกิดความสุข สุขภาพดี การเรียนรู้ยิ่งดี"

โครงการต้นแบบชีวิตวิถีใหม่แห่งนี้ ยังมีแนวคิดแห่ง 'บ-ว-ร' ในส่วนของ 'บ-บ้าน' ที่ให้มากว่าคำว่าบ้าน และ 'ว-วัด' ที่มาของการพัฒนาจิตใจของทุกชาติและศาสนา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจ และมีให้ติดตามกันในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.085 399 4030
#10179
รับถมดิน ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804  หรือ www.mmee2000.com
#10180
ต้องการถมดิน ถมที่ นึกถึงเรา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ใช่นายหน้า ติดต่อ 080-022-3804
รับทุกขนาดพื้นที่ ฟรีตรวจสอบพื้นที่ประมาณ ราคา
#10181
ยุคออนไลน์สื่อสิ่งพิมพ์จำเป็นหรือไม่https://www.chatstickmarket.com/single-post/intheonlineera-isprintmedianecessary

#10182



สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยผู้แทนภาคเอกชน บริษัท ซินเจนทา ครอปโปรเทคชั่น จำกัด หรือ ซินเจนทา จัดเสวนาออนไลน์ "เราจะฝ่าวิกฤต อ้อย และน้ำตาลไทยได้อย่างไร"

ทางออก เอกชนและเกษตรกรผลิตตามมาตรฐานสากล เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการผลิต เน้นประสานความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างภาครัฐ โรงงานน้ำตาล และเกษตรกร รวมทั้ง นำนวัตกรรมเสริมศักยภาพเพื่อให้ผลผลิตสูงสุด อันนำไปสู่การเติบโตของอุตสาหกรรมอ้อยละน้ำตาลอย่างยั่งยืน

ดร. กิตติ ชุณหวงศ์ นายกสมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ข้อมูลล่าสุดปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงเกษตรสหรัฐ (United States Department of Agriculture : USDA) พบว่า ภาพรวมคลังน้ำตาลในตลาดโลกมีปริมาณเพิ่มขึ้น 3 ล้านตัน จากเดิม 42.8 ล้านตัน เป็น 45.8 ล้านตัน เนื่องจากปริมาณการบริโภคลดลง มีการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้น และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ยกเว้นบางประเทศที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น อาทิ สหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซีย รวมทั้ง ราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา


จากสถานการณ์ดังกล่าว เป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมน้ำตาลและอ้อยของไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในตลาดโลก ภาคเอกชนและเกษตรกรจะต้องนำมาตรฐานสากลต่าง ๆ เช่น Bonsucro หรือ Fairtrade International และ Organic เข้ามาปรับใช้ตลอดกระบวนการ ให้สอดคล้องกับความต้องการแต่ละตลาด ตลอดจน จะต้องพัฒนาระบบบริหารการจัดการ เทคโนโลยีในการผลิต เก็บเกี่ยวและขนส่งให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูง ต้นทุนลดลงแต่กำไรเพิ่มมากขึ้น


ดร. ธวัช หะหมาน หัวหน้ากลุ่มพัฒนาด้านอ้อย น้าตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้าตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบัน วิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบต่อการส่งออกและการบริโภค ร่วมกับปัญหาสภาพภูมิอากาศและฤดูกาลแปรปรวน ส่งผลต่อการผลิตของชาวไร่อ้อย จะเป็นปัญหาหลักแล้ว แต่ยังมีวิกฤตอื่นที่เกษตรกรยังไม่สามารถจัดการได้ อาทิ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขาดเสถียรภาพและความมั่นคงในการส่งอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาล ขาดแหล่งทุน ขาดแรงงาน และการเผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยวทำให้เกิดมลพิษ ฝุ่น PM 2.5

ดังนั้น สอน. จึงแสวงหาหนทางก้าวข้ามวิกฤตต่าง ๆ โดยขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาแบบองค์รวม (BCG) ใน 3 มิติ ได้แก่ ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ปรับแก้ไขกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สนับสนุนอุตสาหกรรมโดยไม่ขัดแย้งกับข้อบังคับความร่วมมือในระดับนานาชาติ จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เครื่องจักร เพื่อส่งเสริมการผลิต พัฒนาความรู้ สร้างเครือข่าย และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ รวมทั้ง สร้างกลไก และสนับสนุนให้โรงงานน้ำตาลรับซื้อเศษซากใบ และยอดอ้อย และผลักดันธุรกิจที่ต้องการเชื้อเพลิงได้ใช้ เศษซากใบและยอดอ้อย อย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นประสานความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างภาครัฐ โรงงานน้ำตาล และเกษตรกร


นาย ผดุงพงศ์ เสริญไธสง ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการ ซินเจนทา กล่าวว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลมีบทบาทสำคัญต่อประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งในด้านการบริโภคน้ำตาลในประเทศแต่ละปี และส่งออก หัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน คือ การพัฒนาภาคการผลิตให้มีศักยภาพ

เพื่อให้ผลผลิตสูงสุด สอดล้องกับเป้าหมายของซินเจนทา ในการนำนวัตกรรมมาช่วยเหลือกระบวนการผลิต เพื่อลดความสูญเสีย ดูแล และกระตุ้นให้เกิดผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการจัดการกับวัชพืช ที่เป็นศัตรูอ้อยที่สำคัญ หากไม่มีการจัดการที่ดีจะทำให้ผลผลิตอ้อยลดลงทันที 

 

 ประกอบกับปัจจุบัน เกษตรกรประสบปัญหาวัชพืชต้านทานสารกำจัดวัชพืชเดิม ทำให้ต้องผสมสารฯ หลายชนิดเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นวัตกรรมล่าสุดของซินเจนทา จึงได้แนะนำ "คาลารีส (Calaris)" ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์แคโรทีนอยด์และการสังเคราะห์แสงของวัชพืช มีประสิทธิภาพคุมวัชพืชได้นาน ไม่เป็นพิษต่ออ้อย นวัตกรรม "คาลารีส (Calaris)" จะช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนด้านแรงงาน ไม่ต้องกำจัดวัชพืชบ่อยครั้ง เหมาะกับสภาวะปัจจุบันและอนาคตที่แรงงานในภาคเกษตรขาดแคลนจึงต้องนำนวัตกรรมมาใช้ และยังตอบโจทย์เพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลต่างๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ ซินเจนทา กำลังวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่เพิ่มเติม ชื่อ โมดดัส (MODDUS) ซึ่งจะมาช่วยให้ผลผลิตดีขึ้นด้วยการเพิ่มค่าโพล หรือ น้ำตาลซูโครสในอ้อย (Pol) ทำให้ผลผลิตอ้อยมีค่าน้ำตาลเพิ่มขึ้น หรือ ร่นระยะเวลาเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น อันจะส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ ทุก ๆ 1 ซีซีเอส (C.C.S.) หรือ ค่าร้อยละของน้ำตาลซูโครส จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 50 บาทต่อ 1 ตันอ้อย หรือคิดเฉลี่ยต่อไร่ จะได้เพิ่ม 500 บาท


"ทั้งหมดนี้ เป็นความมุ่งมั่นของ สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย ที่จะส่งเสริมและผลักดันให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมอบรมให้ความรู้ เพื่อให้ภาคเอกชนและเกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการไร่อ้อยได้ดี มีผลผลิตที่คุ้มค่า โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง"
#10184



นายธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการหัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยถึงกรณีที่ ประเทศจีน ได้ออกมาตรการควบคุมกิจการของบริษัท Consumer Technology มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 2563 ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นเทคฯจีนโดยรวม จากความกังวลเรื่องนโยบายของภาครัฐว่า จะเพ่งเล็งธุรกิจใดต่อไป

โดยผู้จัดการกองทุน ประเมินว่ารัฐบาลกลางมี 2 เป้าหมายสำคัญในการออกมาตรการควบคุมกลุ่ม Consumer Technology เรื่องแรกคือการสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพและลดความเหลื่อมล้ำของระบบเศรษฐกิจของประเทศจีน และเรื่องที่สองคือความมั่นคงทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยมาตรการต่าง ๆ ที่ทยอยออกมาต่างมุ่งเน้นไปสู่ 4 เสาหลักแห่งความมั่นคง (four pillars of stability) กล่าวคือ 1) เสถียรภาพทางด้านการเงิน 2) การแข่งขันอย่างเสมอภาคและป้องกันการกีดกันทางการค้า 3) การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการนำข้อมูลไปใช้อย่างเป็นธรรม และ 4) การสร้างความเท่าเทียมกันทางสังคม

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา การพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหญ่ขึ้น จนนำมาสู่การผูกขาดทางการค้า การนำข้อมูลของผู้บริโภคมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและเอาเปรียบผู้บริโภค การให้ผลตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง ซึ่งหากปล่อยปัญหาทิ้งไว้นานอาจทำให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะต่อไป ตัวอย่างเช่น บริษัท Alibaba ใช้ฐานข้อมูลที่มี และพยายามเสนอเงินกู้เกินความจำเป็นแก่ผู้บริโภค โดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลด้านเสถียรภาพจากภาครัฐ หรือบริษัท Meituan ที่ใช้อำนาจผูกขาดในธุรกิจจนเกิดการจ้างพนักงานในอัตราที่ไม่เป็นธรรม


กลุ่ม China Consumer Tech กำลังเข้าสู่ new growth regime ที่อาจจะถูกปรับฐานเพื่อสะท้อนการเติบโตที่ลดลง เชื่อว่าทางการจีนจะยังคงมีนโยบายในเชิงควบคุมกลุ่ม Consumer Tech ออกมาอีกเป็นระยะ ๆ แต่การพัฒนานวัตกรรมยังมีความจำอย่างยิ่งสำหรับประเทศจีน เพื่อนำไปสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกภายใต้แผนแม่บทในการพัฒนาประเทศ

ดังนั้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เราเรียกว่า China Non-consumer Tech อาทิเช่น เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Clean Energy กลุ่ม Biotech ที่เป็นฐานการผลิตของโลก และกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการอุตสาหกรรม จะยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้น จากการที่ราคาปรับลงมาจากปัจจัยแวดล้อมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง และจากนโยบายสนับสนุนต่อเนื่องจากภาครัฐจึงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าว


นายธนาวุฒิ กล่าวว่า  เราประเมินว่าหุ้นกลุ่ม China Consumer Tech ยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีในระยะยาว แต่จะมีการปรับฐานเพื่อสะท้อน new growth regime ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ตามมาตรการควบคุมต่างๆสำหรับ 4 เสาหลักแห่งความมั่นคงของจีนทยอยกันมีความชัดเจนขึ้น ดังนั้นเราแนะนำโยก จากกลุ่ม China Consumer Tech ไปสู่กลุ่ม Non-consumer Tech ซึ่งราคาย่อตัวลงบางส่วนจาก sentiment ลบของหุ้นกลุ่ม china consumer tech" 

สำหรับ กอง BCAP-XHEALTH และ BCAP-CLEAN เป็นตัวเลือกสองกองทุนของ BCAP ที่มีสัดส่วนการลงทุนใน China Non-consumer Technology ที่ว่านี้อย่างมีนัยยะ และมีการกระจายกลุ่มอุตสาหกรรมและภูมิภาคทั่วโลกที่สมดุลซึ่งจะช่วยบริหารความเสี่ยงของความผันผวนของราคาได้ดีขึ้นในช่วงนี้และที่สำคัญหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสุขภาพและพลังงานสะอาดไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายป้องกันการผูกขาดทั้งฝั่งสหรัฐฯและจีน
#10185



เบอร์เกอร์คิง บราซิลเล็งเกาะกระแสความดังของเหรียญมีมหน้าชิบะอินุช่วยกระตุ้นยอดขายออนไลน์ เสนอเมนูใหม่ "Dogepper" บิสกิตรสเนื้อสำหรับน้องหมาที่รับชำระด้วยโดชคอยน์และจัดส่งถึงหน้าบ้านลูกค้า โดยบริษัทจะยกรายได้ทั้งหมดให้โครงการสวัสดิภาพสัตว์

วันจันทร์ที่ผ่านมา (26) เป็นวันแรกที่แฟรนไชส์เบอร์เกอร์คิงในบราซิลนำเสนอเมนูใหม่ที่นอกจากหยิบยืมชื่อ "วอปเปอร์" เบอร์เกอร์ยอดฮิตของบริษัทมาดัดแปลงแล้ว ยังหวังใช้ประโยชน์จากความดังของโดชคอยน์เพื่อโปรโมทเมนูเฉพาะกิจนี้

เป้าหมายของโปรโมชั่นนี้คือ เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขกับคริปโตเคอร์เรนซีที่มีสัญลักษณ์รูปน้องหมาชิบะอินุ โดยเบอร์เกอร์คิง บราซิลโฆษณาว่า "วิธีไหนจะดีไปกว่าจ่ายค่าของน้องหมาด้วยโดชคอยน์" และสำทับว่า Dogepper จะช่วยให้น้องหมาไม่ต้องลนลานน้ำลายหก ตอนที่เจ้าของนั่งกินวอปเปอร์ตรงหน้า

ลูกค้าที่สนใจต้องเข้าไปเช็คบนเว็บไซต์ว่า สาขาที่ต้องการซื้อมี Dogepper หรือไม่ จากนั้นเลือกจำนวนที่ต้องการ ซึ่งเบอร์เกอร์คิงจำกัดจำนวนสูงสุด 5 ชิ้นต่อหนึ่งออร์เดอร์ เนื่องจากเปิดขายในปริมาณและระยะเวลาจำกัดเท่านั้น

ราคาบิสกิตรสเนื้อย่างบนเปลวไฟที่เป็นซิกเนเจอร์ของเบอร์เกอร์คิงอยู่ที่ 3 โดชคอยน์ หรือประมาณ 3 เรียลบราซิล ขั้นตอนต่อไปคือกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน และโอนโดชคอยน์เข้าวอลเล็ตของเบอร์เกอร์คิง บราซิล แล้วรอรับสินค้าที่จะจัดส่งให้ถึงบ้าน สำหรับลูกค้าที่ไม่มีโดชคอยน์สามารถจ่ายด้วยเรียลบราซิลได้

โปรโมชั่นนี้ถือเป็นแผนการกระตุ้นยอดขายออนไลน์ภายใต้วัตถุประสงค์ชัดเจน และจะไม่อนุญาตให้ลูกค้าชำระค่าเมนูอื่นๆ ด้วยโดชคอยน์ทั้งทางออนไลน์และที่ร้าน

รายงานระบุว่า แคมเปญนี้น่าจะกินเวลาเพียงสัปดาห์เดียว และเบอร์เกอร์คิง บราซิลจะนำรายได้ทั้งหมดจาก Dogepper ไปมอบให้องค์กรภาคเอกชนหรือ NGO ที่รณรงค์ด้านสวัสดิภาพสัตว์ผ่าน "เพ็ตเลิฟ"

ว่าที่จริง Dogepper ไม่ใช่เมนูใหม่เอี่ยม แต่เบอร์เกอร์คิงเคยเปิดตัวมาแล้วที่อาร์เจนตินาเมื่อสองปีก่อน เพื่อให้ลูกค้ามีของอร่อยแบ่งเพื่อนสี่ขาเวลาเบอร์เกอร์ไปส่งที่บ้าน

นอกจากโปรโมชั่นใหม่ในบราซิลแล้ว บัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเบอร์เกอร์คิงยังทวิตเกี่ยวกับสินทรัพย์โดชคอยน์อยู่เป็นประจำ

อนึ่ง จากข้อมูลของคอยน์มาร์เก็ตแคป โดชคอยน์ถือเป็นคริปโตที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 8 ของโลก โดยมีมูลค่าตลาดราว 27,000 ล้านดอลลาร์ และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่บริษัทต่างๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่นเมื่อไม่นานมานี้ แอ็กซ์ บริษัทผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายผู้ชายชื่อดังได้ออกบอดี้สเปรย์ "โดชแคน" ล่าสุดปลายสัปดาห์ที่แล้ว แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซอย่างเป็นทางการของคอยน์เบสประกาศยอมรับการชำระเงินด้วยเหรียญมีมน้องหมาชิบะนี้