• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Naprapats

#3781


ช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน เรามีทริคในการขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงหน้าฝนจาก BMW Motorrad Experience Program มาฝาก

1. ลดความเร็ว เมื่อถนนลื่นอย่าประมาท อย่าลืมว่าไม่ว่ายางจะดีแค่ไหนการลื่นไถลก็เกิดขึ้นได้เสมอ

2. เพิ่มระยะห่าง ช่วงฝนตกวิสัยทัศน์มักจะไม่ดี ห่างกันไว้ปลอดภัยกว่า

3. เผื่อระยะเบรก เมื่อมีทั้งน้ำทั้งโคลนบนท้องถนน ระยะการเบรกจะยาวขึ้นกว่าปกติ



4. งดแซง การเร่งความเร็วอาจทำให้รถเสียการควบคุมได้ง่าย เลี่ยงการแซงไว้ดีที่สุด

5. ใช้เบรกหน้าและเบรคหลังพร้อมกัน ช่วยกระจายแรงเบรกทำให้รถไม่เสียหลัก

6. เปิดไฟต่ำ เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นเราได้ง่ายขึ้น ควรเปิดไฟต่ำไว้เพื่อความปลอดภัย

7. ไม่ไหวอย่าฝืน หากฝนตกหนักจอดพักดีกว่า เพราะการควบคุมรถทำได้ยาก



ไม่ว่าจะขี่ทางใกล้หรือทางไกล ต้องปลอดภัยเสมอ สำหรับคนที่สนใจฝึกสกิลการขี่มอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ เพิ่มทักษะการควบคุมรถในสถานการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ปกติไปจนถึงสถานการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน รวมถึงออฟโรด สามารถอัปเดทการจัดกิจกรรม On-Road Training และ Off-Road Training ได้ทาง LINE @bmwmotorradowners ( https://lin.ee/9xpben5 )



คอร์สเทรนนิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ BMW Motorrad Experience Program ซึ่งมีกิจกรรมขี่มอเตอร์ไซค์หลากหลายประเภท ทั้งการอบรมการขับขี่ Rider Training และการออกเดินทางกันเป็นกลุ่มทั้งระยะไกลระยะใกล้ เช่น Tour Experience และ Morning Ride



และไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราดให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 อย่างโปรแกรมทริป BMW Motorrad Tour Experience ทางบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราดจัดเต็มทั้งรถเซอร์วิสและมาร์แชล ที่ได้รับการรับรองจาก BMW Motorrad International Tour Guide Academy ส่วนการเทรนนิ่ง ก็จัดโดยผู้ฝึกสอนที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน BMW Motorrad International Instructor Academy (IIA)



ยิ่งกว่านั้น ทางบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราดยังอุดหนุดค่าใช้จ่ายบางส่วนให้ผู้เป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูสำหรับการเข้าร่วม BMW Motorrad Experience Program ด้วย ตัวอย่างเช่น กิจกรรมเทรนนิ่งที่ให้ส่วนลดมากถึง 50% ในการเข้าร่วมกิจกรรมและค่าเช่ารถราคาพิเศษ

ยังมีคลิป Tips and Tricks เทคนิคการขี่มอเตอร์ไซค์ดี ๆ ให้ดูอีกมากมาย ติดตามได้ที่ Youtube Playlist : Tips and Tricks



และสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู รวมถึงความเคลื่อนไหวของโปรแกรม BMW Motorrad Experience Program สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ BMW Motorrad Thailand , Facebook : BMW Motorrad Thailand และ Youtube : BMW Motorrad Thailand

#BMW #BMWMotorrad #BMWMotorradTH #BMWMotorradExperienceProgram #BMWMotorradOwners #MakeLifeARideTH
#3782


MacroScope โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ จากการยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ SEC ถึงบริษัทธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Morgan Stanley ถือหุ้นหลายตัวใน Grayscale Bitcoin Trust (GBTC)

bitcoinist ระบุถึงรายละเอียดดังกล่าวว่า ก.ล.ต. กล่าวฟ้องว่ากองทุนมอร์แกนสแตนลีย์กว่า 30 กองทุนถือหุ้น GBTC จำนวนมาก ที่ใหญ่ที่สุดความว่าน่าจะเป็นกองทุน Insight ของ Morgan ที่มีมูลค่ามากกว่า 928,051 มูลค่าประมาณ 36 ล้านดอลลาร์หรือมากกว่า 700 Bitcoin (BTC)

อย่างไรก็ตาม Morgan Stanley Institutional Fund Inc, Morgan Stanley Institutional Trust, Morgan Stanley Variable Insurance Fund และอื่นๆ ดูเหมือนจะมีจำนวนมากเช่นกัน

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2021 เมื่อ Bitcoin ยังคงซื้อขายในระดับต่ำสุดที่ $30,000 มอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยตำแหน่งใหญ่ใน GBTC ผ่านกองทุนโอกาสแห่งยุโรป

อย่างไรก็ดีตามที่รายงานโดย Bitcoinist ธนาคารเป็นเจ้าของหุ้นจำนวน 28,298 หุ้น ในการลงทุนที่มีมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับการยื่นเอกสารในวันนี้ โดยเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ยักษ์ใหญ่ด้านการธนาคารกลายเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่นำเสนอลูกค้าเกี่ยวกับกองทุน Bitcoin ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยธนาคารได้เพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโตเป็นสองเท่าในช่วงเวลานั้น

นอกเหนือจากเข้าลงทุนอย่างมหาศาลใน Grayscale Bitcoin Trust แล้ว Morgan Stanley ยังได้ลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจคริปโตอื่น ๆ อีก โดยในเดือนเมษายน ธนาคารได้เพิ่มคำแนะนำในการลงทุน Bitcoin หรือ BTC เพิ่มเติมผ่านเครื่องมือการลงทุน 12 แบบ

นอกจากนี้ ธนาคารยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในบริษัทคริปโตที่ได้รับการสนับสนุนจาก Coinbase ซึ่ง Morgan Stanley เป็นผู้นำในการระดมทุน Series B มูลค่า 48 ล้านดอลลาร์จากแพลตฟอร์ม Securitize ที่ใช้บล็อคเชน

ขณะที่ Wells Fargo, JP Morgan, Goldman Sachs และธนาคารรายใหญ่ทุกแห่งในสหรัฐฯ ได้มีการขยายงานด้านการลงทุนใน Bitcoin ในลักษณะที่การลงทุนที่แตกต่างกัน โดยการแลกเปลี่ยน crypto จัดเป็นการลงทุนยอดนิยมอันดับต้นๆ ซึ่ง Coinbase ได้รับประโยชน์จากเทรนการลงทุนนี้ เนื่องจาก JP Morgan และผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ ซื้อหุ้นจำนวนมาก
#3783
ขายที่ดินแปลงใกล้ทะเลป่าคลอกภูเก็ต 219 ตรว. ซอยท่าหลา ห่างจะอนุสาวรีย์ 6 กิโล

 ขายที่ดินซอยท่าหลาป่าคลอกภูเก็ต  219 ตรว. ซอยท่าหลา ห่างจะอนุสาวรีย์ 6 กิโล เหมาะสำหรับสร้างบ้านพัก,หอพัก,โฮมเสตย์,
ขายที่ดินใกล้ทะเลภูเก็ต 219 ตรว. ซอยท่าหลา ห่างจะอนุสาวรีย์ 6 กิโล เหมาะสำหรับสร้างบ้านพัก,หอพัก,โฮมเสตย์, ร้านหอาหาร, คาเฟ่,อพาร์ทเม้นท์,ห้องพัก, ตึกแถว ขายถูกกว่าใกล้เคียง 3,590,000 บาท
ขายที่ดินแปลงใกล้ทะเลป่าคลอกภูเก็ต   เนื้อที่ 219 ตรว. ซอยท่าหลา ห่างจะอนุสาวรีย์ 6 กิโล อ.ป่าคลอก จ.ภูเก็ต ที่ดินด้านหน้าติดถนน ด้านข้างมีทางสาธารณะ ห่างชายทะเล แค่ 400 เมตร ปากซอยมี7-11 ถนน 4เลนเตรียมตัดผ่านหน้าซอย เหมาะสำหรับสร้างบ้า
นพัก,คาเฟ่,ห้องพัก ตึกแถว

สนใจที่ดินใกล้ทะเลภูเก็ต
สอบถาม ได้ที่ คุณ ศุภโชค 085-8206618
Id line: suppachok18 เจ้าของขายเอง ราคาพิเศษ 3,590,000 บาท


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.banforum.com/?p=14676


คำค้น
ขายที่ดินแปลงใกล้ทะเลป่าคลอกภูเก็ต, ขายที่ดินซอยท่าหลาป่าคลอกภูเก็ต, ขายที่ดินใกล้ทะเลป่าคลอกภูเก็ตเหมาะสำหรับสร้างบ้านพักหอพัก, ขายที่ดินใกล้ทะเลภูเก็ต
#3784


การแข่งขันกีฬา "พาราลิมปิก โตเกียว 2020" ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งเป็นการชิงชัยวันสองของมหกรรม ไฮไลต์ของทัพนักกีฬาไทยอยู่ที่การล่าเหรียญทองของ "แวว" สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบสาวไทยวัย 47 ปีชาว จ.เชียงใหม่ ลงแข่งขันประเภทที่สองของตัวเองในวีลแชร์ฟันดาบ ประเภทดาบเอเป้ บุคคลหญิง ซึ่งสายสุนีย์ มีดีกรีเคยคว้าเหรียญทองมาแล้ว 2 สมัย ในพาราลิมปิก 2004 และ 2012 ส่วนเมื่อ 5 ปีที่แล้วที่ประเทศบราซิล สายสุนีย์ คว้าเหรียญเงิน ในประเภทนี้มาครอง

รอบแรก สายสุนีย์ ที่มีดีกรีเป็นถึงนักวีลแชร์ฟันดาบหญิงเบอร์ 1 ของโลกประเภทเอเป้ คลาสบี ลงแข่งแบบพบกันหมดในกลุ่ม 6 แมตช์ 

แมตช์แรก สายสุนีย์ เผชิญหน้ากับ กีออนกี ดานี่ จากฮังการี่ ปรากฏว่า นักดาบสาวไทยเอาชนะสบาย 5-0 คะแนน ต่อด้วยแมตช์ที่สอง สายสุนีย์ เอาชนะ เอลเลน เก็ตเดส จากสหรัฐฯ 5-0 คะแนน 

แมตช์ที่สาม นักฟันดาบเบอร์ 1 โลกชาวไทย เอาชนะ โอเลน่า เฟโดต้า วัย 35 ปีจากยูเครน ปรากฏว่า 5-2 คะแนน แมตช์ที่สี่ สายสุนีย์ เอาชนะ โรซาน่า พาสคิวโน่ วัย 38 ปีจากอิตาลี 5-3 คะแนน

แมตช์ที่ห้า สายสุนีย์ เจอกับ เทียน ซู เหม่ย จากจีน ที่เอาชนะสายสุนีย์ มาในประเภทเซเบอร์ รอบ 8 คนสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา และเป็นนักดาบสาวจีน ย้ำแค้นเอาชนะ สายสุนีย์ไป 5-1 คะแนน แมตช์สุดท้ายรอบแรกแบบพบกันหมด สายสุนีย์ พบกับ วาซิเลว่า ลูดมิล่า นักกีฬาทีมผู้อพยพชาวรัสเซีย ผลปรากฏว่า สายสุนีย์ พ่ายไป 4-5 คะแนน

สรุปการลงสนามรอบแรกแบบพบกันหมด ของสายสุนีย์ แข่ง 6 แมตช์ ชนะ 4 แมตช์ แพ้ 2 แมตช์ ผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้ายต่อไป ซึ่งสายสุนีย์ ทำผลงานดีในรอบแรกทำให้ได้บายในรอบ 16 คนสุดท้าย เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายทันที โดย สายสุนีย์ จะพบกับ อเลสเซีย มาคริซสกาย่า วัย 35 ปีจากเบลารุส ในเวลา 13.10 น. ตามเวลาเมืองไทย

ร่วมส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาพาราลิมปิกทีมชาติไทยสู้ศึก "พาราลิมปิกเกมส์ 2020" ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม- 5 กันยายน 2564 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผ่าน AIS PLAY และสถานีทีวีกีฬา ทีสปอร์ต (T-SPORTS CHANNEL) ช่องทีวีดิจิตอลหมายเลข7
#3785


กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุเมื่อเช้าวันนี้ (26 ส.ค.) ว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนหลายแห่งรายงานว่าพบสิ่งแปลกปลอมในขวดวัคซีนโมเดอร์นา จึงสั่งระงับใช้วัคซีนในล็อตที่พบปัญหาและอีก 2 ล็อตที่อยู่ติดกันเพื่อความปลอดภัยสูงสุด แต่วัคซีนในล็อตอื่น ๆ จะยังใช้ได้ตามปกติ โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

วัคซีนโมเดอร์นาที่ผลิตโดยบริษัทสหรัฐได้รับการร้องเรียนหลายกรณีว่าพบสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กในขวดวัคซีนที่จัดส่งให้ญี่ปุ่น ทางบริษัทระบุว่า คาดว่าสิ่งแปลกปลอมที่พบอาจเป็นปัญหาจากการผลิตในโรงงานที่สเปน แต่ยังไม่พบว่ามีปัญหาเรื่องความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน

โฆษกของโมเดอร์นากล่าวกับสื่อญี่ปุ่นว่า จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและจะทำงานอย่างโปร่งใสและรวดเร็วร่วมกับบริษัททาเกดะ ฟาร์มาซูติคอล ซึ่งเป็นผู้กระจายวัคซีนโมเดอร์นาในญี่ปุ่น รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาความกังวลต่าง ๆ เกี่ยวกับวัคซีน



"โมเดอร์นา" ได้รับอนุมัติใช้แบบฉุกเฉินในญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่จำนวนการใช้งานยังน้อยกว่าวัคซีน "ไฟเซอร์" อย่างมาก โมเดอร์นาใช้ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนของกองกำลังป้องกันตนเองและศูนย์ฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ในพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนการฉีดวัคซีนที่ดำเนินการโดยทางการท้องถิ่นต่างๆ ใช้ไฟเซอร์เกือบทั้งหมด

ข้อมูลจนถึงวันที่ 24 ส.ค. ในประเทศญี่ปุ่นฉีดวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว 6,992,910 โดส ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ฉีดไปแล้ว 50,913,514 โดส

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุว่า จะปรับการกระจายวัคซีนเพื่อให้ไม่ได้รับผลกระทบ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาญี่ปุ่นทำสถิติฉีดวัคซีนได้มากกว่าวันละ 2 ล้านเข็ม มีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 42.6% ของประชากรทั้งประเทศ.
#3786


นายแพทย์ กุลธนิต วนรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้พืชสมุนไพรหลายชนิดได้รับความสนใจจากประชาชนมากขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะ ฟ้าทะลายโจร ที่งานวิจัยพบว่าสารสำคัญ แอนโดรกราโฟไลด์ ((ANDROGRAPHOLIDE) สามารถต้านการอักเสบของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

"หลักฐานงานวิจัย ระบุว่า ฤทธิ์หลักๆ ของฟ้าทะลายโจร คือการต้านการอักเสบ สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และสามารถต้านไวรัสขนาดกว้างได้ และการจากการศึกษาในเนื้อเยื้อ พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อโควิด-19 ไม่ให้แบ่งตัวมากขึ้น และไม่ให้ไวรัสออกจากเซลล์ไปติดเซลล์อื่นมากขึ้น" นายแพทย์ กุลธนิต วนรัตน์ กล่าว



แต่การกินสมุนไพรฟ้าทะลายโจร หากผู้บริโภคกินไม่ถูกหลัก อาจส่งให้กระทบต่อร่างกายได้ โดยข้อห้ามสำคัญ นายแพทย์ กุลธนิต ระบุว่า ผู้ที่เคยกินฟ้าทะลายโตรแล้วแพ้ หญิงตั้งครรภ์ และ หญิงที่ให้นมบุตร ต้องห้ามใช้เด็ดขาด ส่วนกลุ่มที่ต้องระวังการใช้สมุนชนิดนี้คือ คนไข้ที่มีโรคประจำตัวและได้รับยาในกลุ่ม 7 โรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็งและ โรคเบาหวาน ต้องระมัดระวังในการใช้เพราะยาอาจจะไปต้านฤทธิกันได้ ดังนั้น การใช้ฟ้าทะลายโจร ต้องปรึกษาแพทย์ผู้รักษาอย่างเคร่งครัด

ด้าน นางชม้อย ทองลือ ผู้อำนวยการสำนักงานสาขากรุงเทพ บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย ให้ข้อมูลตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องข้อกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสารสกัดฟ้าทะลายโจรผง กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องมีสารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์ (ANDROGRAPHOLIDE) อยู่ในผลิตภัณฑ์ไม่น้อยกว่า 6 % โดยมวลของสารสกัด จึงจะถือว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ที่สำคัญต้องไม่มีสารพิษ 14-ดีออกซี-11,12ไดดีโฮโดรแอนโดรกราโฟไลด์ (14-DEOXY-11 , 12-DIDEHYDROANDROGRAPHOLIDE) ไม่มากกว่า 15% เพราะอาจทำให้เกิดโทษกับร่างกายได้ ซึ่งการจะรู้ว่าสารดังกล่าวมีปริมาณต่ำหรือสูงกว่าที่มาตรฐานกำหนดหรือไม่นั้น จำเป็นต้องส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคจะนำไปใช้ไม่เกิดโทษ และได้ประโยชน์สูงสุด



"ปัจจุบันพบว่ามีการผลิตภัณฑ์สมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่วางขายในตลาดบางผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด และยังพบว่ามีการปลอมแปลงเลขสารระบบ อย. ซึ่งการตรวจสอบความถูกต้องอาจทำได้ยาก ทั้งนี้ หากผู้ประกอบรวมถึงคนที่ไม่มั่นใจสามารถนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาตรวจหาค่าสารสำคัญ แอนโดรกราโฟไลด์ (ANDROGRAPHOLIDE)ตามที่ระบุไว้ในฉลากกับทางเซ็นทรัลแล็บไทยได้" นางชม้อย ทองลือ กล่าว

นอกจากนี้อันตรายที่จะเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเสี่ยงต่อการได้รับการปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกาย เช่น ยาฆ่าแมลง สารพิษตกค้าง สารปรอท โลหะหนัก เป็นต้น เนื่องจากสารพิษเหล่านี้จะปลอมปนได้ทุกขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ เตรียมแปลงปลูก การผลิตสินค้า จนถึงกระบวนการบรรจุเป็นผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ เซ็นทรัลแล็บไทย ยังสามารถตรวจวิเคราะห์หาสารสำคัญในพืชสมุนไพรอีกหลายชนิด อาทิ กระชายขาว และขมิ้นชัน ดังนั้น ขอให้ผู้บริโภคใส่ใจกับการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่านการตรวจสอบจากห้องแล็บ



ผู้อำนวยการสำนักวิจัยการแพทย์แผนไทย ยังแนะนำหลักการกินฟ้าทะลายโจร เพื่อต่อต้านเชื้อโควิด-19 ว่ามีหลัก 3 ถูก 1 คือ ถูกต้อง ถูกขนาด และ ถูกเวลา โดย 1. ถูกต้อง คือต้องกินสมุนไพรหลังจากได้รับการยืนยันว่ามีเชื้อแล้ว ไม่ว่าจะมีอาการ หรือไม่มีอาการรุนแรง 2. ถูกขนาด จากงานวิจัยพบว่า สารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์ (ANDROGRAPHOLIDE) ที่จะสามารถยับยั้งเชื้อโควิด-19 ได้ ต้องได้รับเข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวน 180 มิลลิกรัม ต่อวัน เป็นระยะเวลานาน 5 วัน โดยแบ่งออกเป็น 3 เวลา ห่างกัน 8 ชั่วโมง และ 3 ถูกเวลา โดยวิธีการกินฟ้าทะลายโจรที่ได้ผลดีคือกินให้เร็วที่สุดเมื่อเริ่มมีอาการภายใน 24 ชั่วโมง เพราะสารสำคัญจะเข้าไปช่วยลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส หากได้รับสมุนไพรเร็วเท่าใดยิ่งช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสได้มากขึ้น
#3787


วันนี้ (25 ส.ค.) นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายพันธุ์เดลตา (Delta) ประชาชนทุกคนจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังและป้องกันอย่างเข้มงวด เนื่องจากเชื้อชนิดนี้ติดต่อกันง่าย และมีความรุนแรงกว่าชนิดอื่น ที่น่าห่วงคือกลุ่มของผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งขณะนี้ทั่วประเทศมีจำนวนกว่า 3 ล้านคน นับเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญหากติดเชื้อโควิด-19 จะเกิดอาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนทั่วไป และยิ่งเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานที่คุมระดับน้ำตาลไม่ได้ ซึ่งมีประมาณ 2.1 ล้านคน หรือ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด จะมีโอกาสติดเชื้อง่ายขึ้นไปอีก

"มีผลการศึกษาพบว่า ระดับน้ำตาลที่สูงจะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง และเชื้อไวรัสโควิดจะเจริญเติบโตได้ดี และเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงขอให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานทุกคน เคร่งครัดปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานยาให้ครบอย่างสม่ำเสมอ อย่าขาดยาอย่างเด็ดขาด ดูแลสุขภาพแข็งแรง ไม่เครียด และให้รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ฟรี ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว และไปรับการฉีดให้ครบ 2 เข็มตามนัดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งวัคซีนจะลดความรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตได้" นายแพทย์ปรีชา กล่าว

ทางด้าน นายแพทย์กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการวิเคราะห์ในกลุ่มที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ซึ่งมีจำนวนสะสม 7,126 ราย พบว่า โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุแทรกซ้อนอยูในอันดับต้นๆ จากข้อมูลการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยเบาหวานที่ติดเชื้อโควิด 19 พบว่า ฤทธิ์ของไวรัส จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนและควบคุมได้ยาก และเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าคนที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานถึง 2 เท่าตัว และยังมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า 3 เท่าตัว เมื่อผู้ป่วยเบาหวานได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หลังฉีดอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นชั่วคราวได้ ไม่ต้องตกใจ หรือเป็นกังวล เนื่องจากเป็นกลไกการทำงานของภูมิต้านทานโรคโดยทั่วไป

ประการสำคัญ การปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 สำหรับผู้ป่วยเบาหวานนับว่ามีความสำคัญและมีความจำเป็นในการใช้ชีวิตอยู่กับสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัย จึงขอให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานทุกคน ดูแลป้องกันตนเอง ดังนี้ 1. สวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ 2. หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านหรือเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 3. รับประทานยารักษาเบาหวานภายใต้การดูแลของแพทย์ 4. หากมีอาการไข้สูง ไอ จาม หรือหายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์ และ 5. หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
#3788


วานนี้ (24 ส.ค.) เฟซบุ๊กเพจ Miss Universe Laos เผยแพร่แถลงการณ์ของกองประกวดมิสยูนิเวิร์สลาว ซึ่งระบุว่า ในปีนี้ลาวไม่สามารถจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สลาวประจำปี 2021 เพื่อเฟ้นหาสาวงามเข้าร่วมประกวดในเวทีมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 70 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองเอลัท ประเทศอิสราเอล ในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ได้

กองประกวดมิสยูนิเวิร์สลาวให้เหตุผลว่า เนื่องจากขณะนี้ได้เกิดการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าอยู่ในลาวและอีกหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ต้องมีมาตรการจำกัดการเดินทาง ทั้งภายใประเทศและระหว่างประเทศ อีกทั้งมีความไม่สะดวกในการขอวีซ่าเข้าประเทศอิสราเอล ทำให้กองประกวดได้ตัดสินใจจะงดจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สลาวในปีนี้

กองประกวดหวังว่าจะได้เข้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์สที่จะจัดขึ้นในรอบหน้า และจะทำให้ดีขึ้นกว่าปีนี้ และขออวยพรให้สาวงามที่เป็นตัวแทนของประเทศต่าง ๆ ซึ่งจะเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 70 ที่เมืองเอลัท ในเดือนธันวาคมนี้ จงประสพกับความโชคดี

ข่าวการงดจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สลาว 2021 ที่ถูกเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ในลาววันนี้ (ภาพจากเพจ Lao Youth Radio FM 90.0 Mhz)
ข่าวการงดจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สลาว 2021 ที่ถูกเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ในลาววันนี้ (ภาพจากเพจ Lao Youth Radio FM 90.0 Mhz)

ลาวเพิ่งเริ่มจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สลาวครั้งแรกเมื่อปี 2560 จนถึงปัจจุบัน มีมิสยูนิเวิร์สลาวแล้ว 4 คน ได้แก่ นุ้ย-สุพาพอน สมวิจิด(2560) ,ออน-ออนอานง หอมสมบัด(2561) ,เม-วิจิดพา พอนวิไล(2562)

แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มิสยูนิเวิร์สลาวคนล่าสุด(2563) คือ คริสติน่า ลาซะสิมมา ลูกครึ่งลาว-เบลารุส เพิ่งถูกประกาศชื่อเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ให้เป็นตัวแทนสาวงามจากลาวเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 69 ที่ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ถือเป็นสาวงานตัวแทนจากลาวคนแรกที่เป็นลูกครึ่ง

อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จสิ้นการประกวดที่สหรัฐอเมริกา ได้เกิดความขัดแย้งภายในกองประกวดมิสยูนิเวิร์ส ลาว จนกลายเป็นดราม่า ข้ามเป็นข่าวมาถึงในประเทศไทย และทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลที่เป็น National Director รวมถึงผู้ที่มีบทบาทสำหรับจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ลาวประจำปี 2021 อีกบางคน จนล่าสุด มีแถลงการณ์เรื่องการงดจัดถูกเผยแพร่ออกมาในครั้งนี้
#3789


ฝากไว้ให้คิด และติดตามกัน  สำหรับ ลวง ฆ่า ล่า รัก  ที่จะเสนอเป็นตอนแรก  พุธที่ 25 สิงหาคมนี้  ผลงานคุณภาพ โดยผู้จัด น้ำฝน กุลณัฐ  ปรียาวัฒน์  นำแสดงโดย พิ้งกี้ สาวิกา , อาร์ต พศุตม์ , คารีสา , ณัฐ ศักดาทร ร่วมด้วยนักแสดงมืออาชีพอีกมากมาย ซึ่งฉากเปิดตัวยิ่งใหญ่  เปิดปมเรื่องราวต่าง ๆ   เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมอย่างไม่คาดคิดกับ พิ้งกี้ สาวิกา (เพียงจันทร์)  ภรรยาสาวของ อาร์ต พศุตม์ (แทนพล) เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำทีมโดย คารีสา (ทะเล) และ ณัฐ ศักดาทร (สิบทิศ)  รวมถึง  ดาว พิมพ์ทอง (จิตใส) นักข่าวสาว   จึงเข้ามาทำข่าวในที่เกิดเหตุ    คดีนี้ตำรวจจึงต้องตามสืบหาฆาตกร รวมถึงผู้คนที่รายล้อมพิ้งกี้ ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยกันทั้งหมด  รวมถึงตัว อาร์ต พศุตม์ด้วย เพราะก่อนหน้าที่พิ้งกี้จะถูกฆาตกรรม สองผัวเมียก็มีปากเสียง  ทะเลาะเบาะแว้งกันตลอด

เรียกว่าเป็นฉากเปิดตัวอันชวนลุ้นระทึกของ พิ้งกี้ สาวิกา ที่จะต้องถูกคนร้ายฆาตกรรม   โดยเจ้าตัวนั้น ก็ตั้งอกตั้งใจในการทำงานเป็นอย่างดี เพราะการถ่ายทำ เป็นเหตุการณ์ในตอนกลางคืน กว่าจะถ่ายทำกันเสร็จสิ้น ก็กินเวลาหลายชั่วโมง แต่เจ้าตัวก็ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีปริปากบ่นเลยสักคำ และใครจะเป็นฆาตกร   ต้องจับตาดูกันให้ดี ซึ่งเหตุการณ์ยังคงต่อเนื่องกันไป ถึงการถ่ายทำในช่วงเช้า ซึ่งจะมี คารีสา ,ณัฐ ,  รวมทั้ง ดาว พิมพ์ทองมาเข้าฉากด้วยกัน  งานนี้ยิ่งใหญ่จัดเต็ม เพราะมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายฝ่ายมาเข้าฉาก   นอกจากคารีสา กับณัฐ  จะสวมบทบาทของตำรวจได้อย่างสมจริง   พูดบทได้อย่างแคล่วคล่อง ว่องไว   ด้านดาว พิมพ์ทอง ก็ไม่ยอมน้อยหน้า  งานนี้สวมบทบาทเป็นนักข่าวสาว สายอาชญากรรมได้อย่างสมจริงกันสุด ๆ ไปเลย  เรียกว่าเป็นการรวมตัวของนักแสดงมากฝีมือ    ติดตามชม พร้อมร่วมลุ้นไปด้วยกัน ว่าตำรวจ จะตามล่า หาฆาตกรได้หรือไม่

ออกอากาศ วันพุธที่ 25 สิงหาคม เวลา 21.30 น. ทางพีพีทีวี ช่อง 36
#3790


จากการที่รัฐบาลได้มีนโยบายผลักดัน "สมาร์ทซิตี้" หรือ เมืองอัจฉริยะ โดยกำหนดพื้นที่นำร่อง 14 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจ ต.กะรน จ.ภูเก็ต จะเป็นต้นแบบจังหวัดอัจฉริยะที่ยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโมเดลธุรกิจ

ภายใต้การร่วมมือ คิดและออกแบบขององค์กรในท้องถิ่นและเอกชน ผ่านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและการสื่อสารโทรคมนาคมเสาอัจฉริยะ เปลี่ยนจากเสาไฟธรรมดาเป็นเสาอัจฉริยะ

ดึงสมาร์ทโพลลงอันดามัน

เรือเอกเจด็จ วิชรศรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ต กล่าวระหว่างการเสวนาเรื่อง "การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน Lucky Pole เพื่อการเชื่อมโยงและพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสู่เมืองสมาร์ทซิตี้" ว่า เทศบาลตำบลกะรนเตรียมการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ โดยการบูรณาการข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนบริการต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาส่วนรวม รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นและอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันมุ่งหวังผลก่อให้เกิดผลผลิตมากขึ้น

"เรามองเรื่องการพัฒนาเมืองตำบลกะรน ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ด้วยความเป็นอยู่ที่ดี และเศรษฐกิจของเมืองซึ่งอิงกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การท่องเที่ยว รถให้บริการสาธารณะ อาหารทะเล ตลอดจนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เมืองมีภูมิทัศน์ที่สวยงามขึ้น จึงได้มีแนวคิดที่จะยกระดับตำบลกะรน ให้เป็นต้นแบบของสมาร์ทซิตี้ ด้วยการดำเนินการต่างๆ อาทิ การวางโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารโทรคมนาคม เสาอัจฉริยะ การจัดระเบียบสายไฟฟ้า และสายสื่อสารลงดิน การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ อุปกรณ์และเทคโนโลยไอโอที (IoT) เพื่อให้มีการจัดการแบบรวมศูนย์ และผลักดันให้พื้นที่ตำบลกะรนสู่เมืองอัจฉริยะ"
#3791


ซิสโก้ควงบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป สำรวจกลยุทธ์การปรับใช้คลาวด์ และความจำเป็นขององค์กรในการใช้คลาวด์ที่หลากหลาย พบองค์กรในเอเชียแปซิฟิกกำลังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยใช้เทคโนโลยี "คลาวด์แห่งอนาคต" โดยแต่ละองค์กรมีการกำหนด Cloud Journey ที่แตกต่างเพื่อสร้างมูลค่าทางธุรกิจ

นาวีน เมนอน ประธานประจำภูมิภาคอาเซียนของซิสโก้ กล่าวว่าซิสโก้นำเสนอโซลูชั่นที่ใช้ได้กับทุกระบบคลาวด์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทคโนโลยีคลาวด์ ด้วยระบบการตรวจสอบที่ครบถ้วนสมบูรณ์ของซิสโก้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบและจัดการโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชันได้อย่างครบวงจร เชื่อมต่ออย่างปลอดภัย พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันสำหรับในอนาคต

"การลงทุนด้านคลาวด์จะยังคงเป็นวาระสำคัญที่ต้องพิจารณาในการประชุมของผู้บริหารองค์กร ขณะที่องค์กรต่างๆ ดำเนินการออกแบบและพัฒนาระบบคลาวด์เพื่อรองรับอนาคต"

รายงานเกี่ยวกับอนาคตของคลาวด์ในเอเชีย-แปซิฟิก (The Future of Cloud in Asia Pacific) ของซิสโก้และบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (Boston Consulting Group - BCG) ชี้ว่าองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้ความสนใจในนวัตกรรมคลาวด์เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้องค์กรเพิ่มความรวดเร็ว ความคล่องตัว และประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างฉับไว

รายงานนี้สอดคล้องกับตัวเลขการใช้จ่ายงบประมาณโดยรวมสำหรับเทคโนโลยีคลาวด์ในภูมิภาคนี้ที่คาดว่าจะสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2567 ตามข้อมูลจากการ์ทเนอร์ โดยการลงทุนในระบบคลาวด์มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยกว่า 20% ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นหนึ่งในสามประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกที่มียอดใช้จ่ายด้านไอทีโดยรวมสูงสุด โดยครอบคลุมทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม โครงสร้างพื้นฐาน และบริการ ในส่วนของภูมิภาคอาเซียน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จัดอยู่ในกลุ่มผู้นำในแง่การเติบโตของการใช้จ่ายด้านคลาวด์ โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 25% ต่อปีภายในปี 2567

ข้อมูลจากรายงานดังกล่าวยังระบุถึงแนวทางที่องค์กรต่างๆ ในภูมิภาคนี้ใช้ประโยชน์จากพับบลิคคลาวด์ ไพรเวทคลาวด์ และไฮบริดคลาวด์ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้สอดรับกับความต้องการด้านธุรกิจ การดำเนินงาน และดิจิทัล รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น กฎระเบียบ ความเสี่ยง การขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอื่นๆ และความต้องการด้านข้อมูล ทั้งนี้ ความท้าทายที่สำคัญสำหรับองค์กรในยุคดิจิทัลปัจจุบันก็คือ 'ความเข้าใจในการจัดการการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์ในลักษณะที่ราบรื่น ไร้รอยต่อ และปลอดภัย'

พราซานนา สันฐานาม กรรมการผู้จัดการและหุ้นส่วนของบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป, สิงคโปร์ กล่าวว่าไม่มีโซลูชั่นแบบ one-size-fits-all สำหรับโรดแมปของคลาวด์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจและไอทีจำเป็นที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับนวัตกรรมคลาวด์ที่หลากหลายและซับซ้อน รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ความท้าทายและความเสี่ยงของแต่ละแนวทางทั้งในระยะกลางและระยะยาว

"ขณะที่องค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับการพลิกฟื้นธุรกิจให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในโลกวิถีใหม่ นวัตกรรมคลาวด์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการสร้างแผนธุรกิจที่ต่อเนื่องและยั่งยืน"



รายงานฉบับนี้จำแนกประเภทขององค์กร 5 ประเภท ตามระดับของ Cloud Journey ได้แก่ Digital Native, Cloud Optimizer, Cloud Pragmatist, Cautious Adopter และ Cloud Onlooker พร้อมระบุถึงคุณลักษณะขององค์กรแต่ละประเภท รวมถึงข้อมูลวิเคราะห์ และบริบทที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ด้านคลาวด์ขององค์กรเหล่านี้ โดย Digital Native คือองค์กรที่เกิดขึ้นมาในยุคของเทคโนโลยีคลาวด์ และถูกสร้างขึ้นจากระบบคลาวด์ตั้งแต่แรกเริ่ม เทคโนโลยีคลาวด์ถูกผสานรวมเข้ากับธุรกิจอย่างกลมกลืน ขณะที่ธุรกิจถูกขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นดิจิทัล และระบบคลาวด์เป็นหลัก พับบลิคคลาวด์คือตัวเลือกหลักสำหรับองค์กรเหล่านี้ และเทคโนโลยีคลาวด์ทำให้องค์กรสามารถตอบสนองได้อย่างฉับไวต่อสถานการณ์ทางด้านธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และมีความคล่องตัวในการดำเนินงานในระดับที่ดีเยี่ยม

สำหรับ Cloud Optimizer องค์กรเหล่านี้จัดอยู่ในระดับแถวหน้าในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยมีการเปลี่ยนย้ายจากระบบรุ่นเก่าที่ล้าสมัยไปสู่ระบบคลาวด์ องค์กรประเภทนี้มีระบบคลาวด์ที่ทันสมัย และมักปรับใช้แนวทางที่มุ่งเน้นระบบคลาวด์สาธารณะ หรือพับบลิคคลาวด์เป็นหลัก

ขณะที่ Cloud Pragmatist เป็นองค์กรที่มีการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ แต่โดยทั่วไปแล้วจะเลือกใช้ระบบคลาวด์ภายในองค์กรหรือไพรเวทคลาวด์มากกว่าระบบคลาวด์สาธารณะหรือพับบลิคคลาวด์ เนื่องจากมีข้อกังวลใจเรื่องข้อมูลและเวิร์กโหลด นอกจากนี้ เนื่องจากองค์กรให้ความสำคัญต่อการควบคุมข้อมูล ความเสี่ยง และค่าใช้จ่าย ดังนั้นระบบคลาวด์สาธารณะหรือพับบลิคคลาวด์จึงถูกใช้งานในขอบเขตที่จำกัดสำหรับเวิร์กโหลดที่ไม่ค่อยมีความสำคัญต่อธุรกิจ ขณะที่ระบบคลาวด์ภายในองค์กรหรือไพรเวทคลาวด์รองรับเวิร์กโหลดสำคัญๆ

ด้าน Cautious Adopter เป็นองค์กรที่สวนทางกับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น เพราะองค์กรเหล่านี้ยังคงปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพียงแค่ในระดับของโครงการเท่านั้น และไม่ได้กำหนดกลยุทธ์สำหรับการใช้งานระบบคลาวด์ทั่วทั้งองค์กร ผู้บริหารยังขาดความเข้าใจในเรื่องประโยชน์ของเทคโนโลยีคลาวด์ ดังนั้นจึงไม่มีการกำหนดทิศทางที่ชัดเจนในเรื่องการพัฒนาสู่ระบบคลาวด์

สุดท้ายคือ Cloud Onlooker องค์กรเหล่านี้ไม่ได้พิจารณาถึงการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อรองรับเป้าหมายทางธุรกิจ แต่มองว่าเป็นเพียงแค่รูปแบบหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และไม่มีแผนงานที่เป็นรูปธรรมสำหรับการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโมเดลธุรกิจและกลยุทธ์การดำเนินงาน แต่ผู้บริหารอาจริเริ่มการใช้งานโซลูชั่นคลาวด์แบบแยกส่วน หากเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับ

จากข้อมูลการจำแนกประเภทขององค์กรตามที่ระบุข้างต้น รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้บริหารองค์กรธุรกิจกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับ cloud journey ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นคือขั้นเริ่มต้นที่อาจมีการปรับใช้ในลักษณะเฉพาะกิจ ขั้นทดลองที่จะมีการใช้ประโยชน์จากระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขั้นขยายขอบเขตที่เริ่มมีการใช้ระบบคลาวด์ที่บูรณาการเข้ากับระบบหลักของธุรกิจ และขั้นที่ 4 คือดำเนินการในขอบเขตที่กว้างขวาง
#3792


ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า TQM ได้เซ็นสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด และ บริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด เพื่อทำการขยายตลาดประกันภัยและประกันชีวิต ช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัท TQM ได้ในอนาคต พร้อมดันเบี้ยขายรวมปี 2564 ให้โตตามเป้าที่ 25,000 ล้านบาท และทยานสู่ 50,000 ล้านบาทในปี 2569 โดย TQM ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 51% ของทั้ง 2 บริษัท

สำหรับบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด เป็นบริษัทนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลที่มีฐานลูกค้ารายย่อยมากกว่า 500,000 ราย มีเบี้ยขายประกันชีวิตเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย TQM ได้เข้าร่วมลงทุนในมูลค่า 250 ล้านบาท เบี้ยขายประกันชีวิตในปี 2564 คาดว่าโต กว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่ารายได้รวมมากกว่า 120 ล้านบาท กำไรมากกว่า 40%

ขณะที่บริษัท ทรู เอกซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด เป็นบริษัทประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยประเภทค้ำประกันบุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งมีผู้เอาประกันรวมกว่า 30,000 ราย โดย TQM ได้เข้าร่วมลงทุนในมูลค่า 16 ล้านบาท เบี้ยขายประกันประกันภัยในปี 2564 คาดการกว่า 100 ล้านบาท คาดการรายได้รวมมากกว่า 10 ล้านบาท กำไรกว่า 30%

ด้านนายสิทธิบัญญ์ บุญสาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมลงทุนจาก TQM ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะในการนำนวัตกรรม InsurTech ที่ TQM เป็นโบรคเกอร์ที่เชี่ยวชาญมาปรับใช้ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการนำเสนอแบบประกันต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ให้แก่สมาชิกทรูไลฟ์ที่ปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 5 แสนราย และจะเดินหน้าขยายตลาดสู่ลูกค้าประกันภัยในอนาคต

ด้านนายศิวพงศ์ วัชระกิติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า นับเป็นโอกาสอันดีมากสำหรับทั้ง 3 บริษัท ที่จะสามารถรวมกันเพื่อเอาทรัพยากรและจุดแข็งของแต่ละแห่งที่มีอยู่มาสนับสนุนและต่อยอดในอนาคตได้ต่อไป อีกทั้งจากประสบการณ์ด้านประกันภัยกว่า 68 ปีของ TQM โดยเฉพาะในด้านนวตกรรมซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะมาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของทรู เอ็กซ์ตร้า ด้วยความเข้าใจผู้บริโภคประกันภัยเป็นอย่างดีในการคัดสรรสินค้าประกันภัยให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม

ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าร่วมทุนของ TQM กับทั้ง 2 บริษัท จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มลูกค้าองค์กร ช่วยเสริมให้ธุรกิจของ TQM โดยเฉพาะด้านโบรคเกอร์ประกันชีวิตมีการขยายตัวและเติบโตต่อไป
#3793


สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อตลาดโรงแรมระดับลักชัวรีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า ภาพรวมอุปทาน ณ สิ้นครึ่งแรกปี 2564 ยังคงอยู่ที่ประมาณ 12,943 ห้องพัก ไม่พบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรีเปิดบริการใหม่ในช่วงที่ผ่านมา มีเพียงแค่โรงแรมระดับอัปสเกลและมิดสเกลเปิดบริการใหม่จำนวน 2 โรงแรม รวมทั้งสิ้น 371 ห้องพัก คือ โรงแรมมายเทรียณ์ พระราม 9 กรุงเทพฯ-เอ ชาเทรียม คอลเลคชั่น เปิดบริการในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 230 ห้องพัก และโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ สีลม บาย ยูเอชจี พัฒนาโดย เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 141 ห้องพัก และมีอีกหนึ่งโรงแรมคือ โอ๊ควู๊ด โฮเทล แอนด์ เรสซิเด้นท์ แบงค็อก เป็นการรีโนเวตมาจากโรงแรมแอสเทรา สาทร และเปิดบริการใหม่ จำนวนห้องพัก 142 ห้องพัก

'เราพบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดบริการในช่วงครึ่งหลังปี 64 อีกประมาณ 4 แห่ง ประมาณ 726 ห้องพัก และในปีถัดไปอีกประมาณ 600 ห้องพัก และพบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรีในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 2 โครงการ 423 ห้องพัก ยังคงเลื่อนการเปิดตัวออกไปจากในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา และอาจมีการปรับแผนและทบทวนการเปิดตัวใหม่อีกครั้งหากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกและในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง' นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย จำกัด กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลดำเนินการจัดหาวัคซีน และขับเคลื่อนแผนการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น และสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 4 ในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว สามารถผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้ธุรกิจต่างๆ กลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติในระยะเวลาที่รวดเร็ว อาจส่งผลให้ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการบางรายที่ปิดกิจการชั่วคราวในช่วงก่อนหน้าอาจสามารถกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้งตามแผนของผู้ประกอบการที่วางไว้

นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้การสนับสนุนค่าจ้างแรงงานคนละครึ่งร่วมกับผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรม (โค-เปย์) ฝั่งละ 7,500 บาทต่อเดือน (หรือประมาณ 3,375 ล้านบาท) สำหรับค่าจ้างแรงงานไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน จากพนักงานโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องที่มีทั้งหมดราว 4.5 แสนคน พิจารณาลดจำนวนวันที่นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเดินทางออกจากการกักตัวได้จาก 14 วันเหลือ 7 วัน และที่สำคัญที่สุด ควรเร่งการฉีดวัคซีนในพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศซึ่งถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศให้กลับมาฟื้นตัวในระยะเวลที่รวดเร็ว

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลดลงอย่างมาก ซึ่งจากเดิมคาดการณ์ในปี 64 ไว้ประมาณ 10 ล้านคน แต่ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์สฯ มองว่า คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้อาจเหลือเพียงแค่ประมาณ 100,000 คนเท่านั้น ซึ่งจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาเข้ามาในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ 40,447 คน ปรับตัวลดลงร้อยละ 99.40 เทียบประมาณ 6,691,574 คน ในช่วงเดียวกันปี 63 ซึ่งในแต่ละเดือนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน คือประมาณ 5,741-8,529 คนต่อเดือน ส่วนใหญ่มาจากยุโรป ร้อยละ 42.30 ประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออก ร้อยละ 29.88 ประเทศในกลุ่มอเมริการ้อยละ 16.3 และจากประเทศจีนมีเพียงร้อยละ7.39

โรงแรมแบกค่าใช้จ่ายไม่ไหว ปิดกิจการถาวร-ขายทิ้ง

สำหรับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ในครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 18.00 ปรับตัวลดลงร้อยละ 10.00 โดยพบว่าอัตราเข้าพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยในเดือนมกราคม อยู่ที่ร้อยละ 10.64 และปรับตัวดีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ตามแนวโน้มของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ18.74 และเดือนมีนาคมที่ร้อยละ 23.21 และเริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งเมื่อเกิดการระบาดระลอกใหม่ในเดือนเมษายน ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 16.22 ในเดือนเมษายน และยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคมที่ร้อยละ 6.97 และเดือนมิถุนายนที่ร้อยละ 7.89

'คาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ และโรงงแรมทุกระดับในประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปีจะยังคงใกล้เคียงกับในช่วงครึ่งแรกของปีหรือปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหญ่ประจำวันมากกว่า 10,000 คน และตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คนต่อวัน เป็นผลให้รัฐบาลขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 เดือน ทุกเขตพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2564 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมเป็นอย่างมาก'

ขณะที่ราคาเฉลี่ยห้องพักรายวัน (ADR) ของโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ในครึ่งปีแรก ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมมาอยู่ที่ประมาณ 3,264 บาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 15.00 จากในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลกระทบจากการมอบส่วนลดให้แก่ลูกค้าภายในประเทศ เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมบางรายปรับลดราคาห้องพัก-อาหารลงกว่าร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม จากมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาลที่ยังมีความยืดหยุ่น ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหลายรายจึงหันมาปรับตัวด้วยการบริการด้านอาหารให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้อีกช่องทางในภาวะที่อัตราการเข้าพักตกต่ำ

กว่า 234 โรงแรมเข้าร่วมฮอสพิเทล เพิ่มยอดอัตราเข้าพัก

แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้อัตราการจองโรงแรมลดลงและอีกกว่าร้อยละ 50 มีการยกเลิกห้องพัก เนื่องจากมองว่าการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมาอาจไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ขณะที่การกระจายวัคซีนยังคงล่าช้า ซึ่งกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยมีตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียงร้อยละ 16.16 ต่อสัดส่วนประชากรทั้งประเทศเท่านั้น

'อัตราการเข้าพักและราคาเฉลี่ยรายวันคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี 2564 มีเพียงโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นฮอสพิเทลเท่านั้นที่มีอัตราการเข้าพักที่ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 30.00 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเข้าพักที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นฮอสพิเทลรวมกว่า 234 แห่ง ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมจำนวนมากเลือกที่จะปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่มีความหวังว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้'
#3794


(ภูเก็ต ประเทศไทย) เผยโฉมสุดยอดโครงการรักษ์โลก "จำปา" ร้านอาหารแนวคิดใหม่ที่ผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับอาหารและเครื่องดื่ม สร้างสรรค์เมนูรสเลิศจากวัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่น เน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ พร้อมยึดหลัก Zero Waste ไม่สร้างขยะให้แก่โลก ณ ตรีวนันดา คอมมูนิตี้เพื่อสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมกลางเกาะภูเก็ต ภายใต้การดูแลของ มนทาระ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ที่เคยคว้ามาหลายรางวัลระดับโลก ได้แก่ "พรุ" ร้านอาหารรางวัลมิชลิน สตาร์ 1 ดาว แห่งเดียวนอกเขตกรุงเทพฯ "ซีฟู้ด แอท ตรีสรา" ร้านอาหารแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รางวัลมิชลิน กรีน สตาร์ และ "พระยา ไดนิ่ง" ที่ได้รับมิชลิน เพลท อันทรงเกียรติ เปิดปฐมฤกษ์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป 

"จำปา เป็นโครงการที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเราให้ความสำคัญกับวัตถุดิบจากท้องถิ่น ใช้ไฟฟืน ยึดแนวคิดการปรุงอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดขยะ ถือเป็นบทบาทหลักของ ตรีวนันดา คอมมูนิตี้ เฮ้าส์" เควนทิน ฟูเกอรูซ์ (Quentin Fougeroux) ผู้อำนวยการ ด้านอาหารและเครื่องดื่มกล่าว "เนื่องจากเป็นศูนย์กลางคอมมูนิตี้ ที่นี่จึงเป็นพื้นที่เพื่อการแบ่งปัน เรียนรู้ และให้ความสำคัญกับชีวิตที่ดี รวมไปถึงยึดหลักการความเป็นอยู่แบบพึ่งพาตนเอง นับว่าเป็นสถานที่ซึ่งผสานอาหารและงานฝีมือเข้าด้วยกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด" 

ชื่อ "จำปา" (JAMPA) มาจากชื่อของดอกแมกนิโอเลีย จัมพากา (Magniolia Champaka) ซึ่งเป็นดอกไม้เฉพาะถิ่นที่มีกลิ่นหอมพบได้ทั่วไปในภูเก็ต และมาจากชื่อของหมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของฟาร์มของกรุ๊ป ที่เรียกกันว่า "พรุจำปา" ครึ่งแรกของชื่อหมู่บ้านได้นำมาตั้งเป็นชื่อร้านอาหาร "พรุ" ร้านชนะรางวัลมิชลินของมนทาระ และใช้ชื่อครึ่งหลังสำหรับคอนเซปต์ใหม่นี้
ทีมอาหารของจำปามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ร้านอาหารแห่งนี้ก้าวไปสู่แถวหน้าของนวัตกรรมอาหารในเกาะภูเก็ต โดยการใช้ไฟจากฟืนเท่านั้น ในการรังสรรค์วัตถุดิบท้องถิ่นให้กลายเป็นอาหารอันน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมเน้นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ สร้างความสมดุลให้ร่างกาย ซึ่งส่งผลดีงามต่อจิตใจ 

ทีมจำปามี เชฟริค ดิงเกน (Chef Rick Dingen) เป็นหัวหน้าทีม เขาเคยประจำอยู่ที่ร้านอาหารเมดิสัน ในกรุงเทพฯ และยังผ่านการทำงานในร้านอาหารระดับมิชลิน สตาร์ ในประเทศไทยและเนเธอร์แลนด์บ้านเกิดของเขา ซึ่งรวมถึงร้านอินเตอร์ สกาลเดส ร้านระดับมิชลิน สตาร์ 3 ดาว และร้านอาหาร เดอ คาส ที่ขึ้นชื่อเรื่องนำของสดจากฟาร์มมาปรุงอาหาร เชฟทุ่มเทให้กับการเลือกสรรวัตถุดิบสดใหม่ที่เก็บเกี่ยวได้ในวันนั้น ใช้วิธีปรุงอาหารด้วยไฟจากฟืน เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ทางธรรมชาติของวัตถุดิบแต่ละชนิด 

"สำหรับเราแล้ว เป็นเรื่องสำคัญมากในการเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและอยู่ในฤดูกาลมาปรุงด้วยวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้" เชฟริคกล่าว "การทำอาหารคืองานฝีมือ ประกอบกับบริการและบรรยากาศของสถานที่ นับเป็นหนึ่งในศิลปะที่สวยงามที่สุด เราต้องการให้แขกของเราได้สัมผัสถึงอารมณ์ของเชฟ ได้รับรู้ว่าทำไมเราจึงคัดสรรวัตถุดิบเหล่านี้ ทำไมเราจึงเลือกวิธีปรุงอาหารแบบนี้ และอยากให้ได้ร่วมเรียนรู้จากเรา ที่ร้านไฮด์อะเวย์ บาย จำปา ร้านป๊อปอัพของเรา ทุกสัปดาห์เรามักจะทำอาหารกลางแจ้งด้วยไฟฟืน ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้วัตถุดิบใหม่ ๆ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เราทดลองหลาย ๆ สิ่ง เราหัวเราะมีความสุขกับมัน เป็นประสบการณ์ที่แขกของเราสามารถมีส่วนร่วมได้เช่นกัน" 

ร้านอาหารจะตั้งอยู่ที่ ตรีวนันดา คอมมูนิตี้ เฮ้าส์ เป็นอาคารแสนสวยที่ออกแบบโดย ฮาบิตา อาร์คิเท็คท์ บริษัทออกแบบมือรางวัลและสถาบันศิลปะอาศรมศิลป์ ออกแบบตกแต่งภายในโดย อาฟโรโค่ ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในบริษัทออกแบบที่ล้ำสมัยที่สุดในวงการ ล้อมรอบไปด้วยเนินทรายและภูมิทัศน์ที่สวยงาม อาคารคอมมูนิตี้ เฮ้าส์ แห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของ ตรีวนันดา เวลเนส คอมมูนิตี้ ที่ซึ่งผู้พักอาศัยสามารถมาพบปะแลกเปลี่ยนมุมมองกัน ทั้งผู้พักประจำและผู้มาเยือนจะสามารถร่วมพลังกันในโครงการต่าง ๆ ของชุมชนที่เน้นเรื่องความยั่งยืน เรื่องโภชนาการ และความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำโดยทีมของตรีวนันดา 

ร้านอาหารได้รับการกล่าวถึงในหัวข้อ "ร้านเปิดใหม่ล่าสุด" ของเวปไซต์ "Top 25 Restaurants Phuket" โดย อเมซิ่ง ไทยแลนด์ ยังมีบาร์ที่ทันสมัยนำเสนอเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ร่างกาย และจิตใจ เสิร์ฟมาในรูปแบบที่คุ้นเคยของนักดื่ม รวมทั้งมีแนวคิด zero waste ลดขยะเป็นศูนย์ นำเสนอของสดเก็บใหม่ในวันนั้น ขนมปังอบใหม่ และอาหารชั้นดีชนิดอื่น ๆ ให้กับผู้พักอาศัยและแขกผู้มาเยือน 

สำหรับแนวคิดลดขยะเป็นศูนย์ (The Zero Waste) สิ่งสำคัญของคอมมูนิตี้นี้ คือ อาหารและข้าวของต่าง ๆ จะไม่ใช้พลาสติก ผู้พักอาศัยและแขกสามารถเลือกสรรสินค้าโฮมเมด ผลไม้ ผัก และสมุนไพร ที่เก็บมาสด ๆ ขนมปังอบใหม่ที่ยังอุ่น ๆ จากเตาฟืน ชีสท้องถิ่น ชีสวีแกน และสินค้าอื่น ๆ ในรีฟิล สเตชั่น ยิ่งไปกว่านั้น เชฟทุกคนพร้อมให้คำแนะนำหรือเกร็ดความรู้ในการใช้ประโยชน์จากผลิตผลนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ร้านอาหารก็มุ่งมั่นที่จะเป็นร้านแรกบนเกาะภูเก็ตที่ปรุงอาหารตามแนวคิดลดขยะเป็นศูนย์เช่นเดียวกัน "เราต้องการลดผลกระทบต่อโลกให้มากที่สุดและเราแยกขยะในครัวของเราทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เหลือสิ่งใดกลับไปสู่พื้นดิน" เควนทิน กล่าว "เราจะแยกขยะ โดยอาหารที่เหลือจะนำไปเป็นอาหารสัตว์หรือทำเป็นปุ๋ยใช้ในฟาร์มของเรา ขยะและของที่ย่อยสลายได้จะถูกนำมาใช้เป็นปุ๋ยปลูกผักเพื่อทำให้วงจรของชีวิตสมบูรณ์" 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ +66 76 310 100 หรือเยี่ยมชมที่ jamparestaurant.com
Facebook : https:// www.facebook.com/JampaRestaurant/
Instagram : https:// www.instagram.com/jamparestaurant/?hl=en
Line : @jamparestaurant ​
#3795



บจก.เล็ทส์โกฟอร์อิท จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม ชั้นหนึ่ง ไม่มีเกรดบีมาจำหน่าย เนื่องจากว่าพวกเราเน้นการใช้งานหนักในอุตสาหกรรม





สินค้าของพวกเรามี ลังพลาสติกกระจายสินค้า ลังพลาสติกพับได้ ลังพลาสติกขนาดใหญ่ ลังพลาสติกซ้อนได้สวมได้ ลังพลาสติกซ้อนอย่างเดียว ลังพลาสติกใช้เป็นชุด กล่องพลาสติกใส่อะไหล่ ถังขยะพลาสติก พาเลทพลาสติก ถังหล่อพลาสติก กระเช้าช็อปปิ้งพลาสติก ถังน้ำพลาสติก ลังพลาสติกโปรงใส ถาดพลาสติก ถังเคมี





สนใจ กล่องอะไหล่พลาสติก พาเลทพลาสติก พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม
ติดต่อและสอบถาม
Call : 029548292-5, 0863354801
LineID : 0863354801
Email : jumbo.nopparat@gmail.com
#3796
 ข้าวกล้องออแกนิค  ข้าวอินทรีย์กรมการข้าวส่งทั่วไทย    ข้าวกล้องออแกนิค ปรับเปลี่ยนปลูกข้าวปลอดสาร    สถานการณ์ข้าวปลอดสารไทย   นาข้าวปลอดสาร  ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน "ข้าวกล้อง" เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร


การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค ( การปลูกข้าวอินทรีย์ )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( การตรวจสอบข้าวออร์แกนิค
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม  ปลูกข้าวออร์แกนิค กันมั้ย  
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์ เส้นทางผลิตข้าวออร์แกนิคสุรินทร์  

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน


ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ส่งออกข้าวอินทรีย์

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique คนทำนาข้าวอินทรีย์

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์   ขายข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์

 

 

 

 

 
 
#3797


ศึกฟุต.บุนเดสลีกา เยอรมนี ฤดูกาล 2021/22 วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 เกมที่น่าสนใจ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยกพลไปเยือน ไฟร์บวร์ก

พลพรรค "เสือเหลือง" ภายใต้การคุมทีมของ มาร์โก โรเซ่ เกมที่แล้วทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเปิดบ้านถล่ม ไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต 5-2 แต่เมื่อกลางสัปดาห์พ่ายให้กับ บาเยิร์น มิวนิก ในศึกเดเอฟเบ ซูเปอร์คัพ 1-3 เกมนี้ยังนำทัพมาโดย เออร์ลิง ฮาแลนด์, มาร์โก รอยส์, ดอนเยลล์ มาเลน

ปรากฏว่า เกมนี้เป็นเจ้าถิ่น ไฟร์บวร์ก ที่อาศัยเกมรับอันเหนียวแน่น และรอจังหวะสวนกลับเล่นงาน ดอร์ทมุนด์ ได้ 2 ประตูขึ้นนำ 2-0 จาก วินเชนโซ่ กริโฟ น.6 และ โรแลนด์ ซัลไล น.53

ส่วน "เสือเหลือง" ได้ประตูตีไข่แตก จากการทำเข้าประตูตัวเองของ ยานนิค คีเทล ในนาทีที่ 59 แต่ก็ไล่ไม่ทัน หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ บุกพ่าย ไฟร์บวร์ก 1-2

จากผลการแข่งขันดังกล่าวทำให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังมี 3 คะแนนเท่าเดิม จากการลงสนาม 2 นัด ส่วน ไฟร์บวรก์ มี 4 คะแนน จากการลงสนาม 2 นัดเช่นกัน

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
กรีกอร์ โคเบล (GK), เฟลิกซ์ พาสแล็กซ์, อาเซล วิตเซล, มานูเอล อาคานยี, นิโก ชูลซ์, มาห์มูด ดาฮูด์, จู๊ด เบลลิงแฮม, จิโอวานนี เรย์นา, มาร์โก รอยส์, ดอนเยลล์ มาเลน, เออร์ลิง ฮาแลนด์


ผลฟุต.บุนเดสลีกา เยอรมนี วันที่ 21 สิงหาคม 2564 คู่อื่นๆ
โบคุม 2-0 ไมนซ์
ไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต 0-0 เอาก์สบวร์ก
กรอยเธอร์ เฟือธ 1-1 อาร์เมเนีย บีเลเฟลด์
แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 1-2 โวล์ฟบวร์ก
#3798


นายวิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ทำให้สภาพตลาดประกันยังมีสภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขจากสมาคมประกันชีวิตไทย ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดประกันชีวิตมีการขยายตัวเพียง 3% สำหรับช่องทางตัวแทนของอลิอันซ์ อยุธยา ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยตัวเลข 7 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยปีแรก (ANP) 1,271 ล้านบาท  เติบโตถึง 9 % ความสำเร็จที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เกิดจากการดำเนินกลยุทธ์ที่ถูกต้อง โดยปีนี้ เรามุ่งเน้นไปที่รูปแบบเฟรนไชส์ นำโมเดลที่ประสบความสำเร็จไปใช้พัฒนาตัวแทนกลุ่มอื่นๆ รวมถึงการมุ่งแบ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้ง ยังมีการกระตุ้นการสร้างยอดด้วยกิจกรรมและการแข่งขันให้ตัวแทนพิชิตเป้าหมายซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเสมอ 


ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายดันเบี้ยปีแรกช่องทางตัวแทนแตะ 3,100 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้    ล่าสุด บริษัทได้จัดงาน  AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรก มีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานกว่า 1500 คน มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดการสัมมนาให้มีความ Interactive มากขึ้น ทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน Activ 21 ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับความรู้จาก podcast ตอบquiz เพื่อเก็บคะแนนสะสมล่วงหน้าก่อนงานเป็นเวลา 1 เดือน ส่วนในวันงาน เน้นหลักสูตรเพื่อการบริหารทีมงาน จุดประกายให้เห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีม การส่งเสริมทัศนะคติเชิงบวก มองถึงโอกาสดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

รวมถึงการให้ความสำคัญกับตัวแทนรุ่นใหม่ในการเติบโตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า" โดย คุณก๊อต จิรายุ ตันตระกูล ดารานักแสดง นักคิดที่มีมุมมองการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน สัมภาษณ์เจาะลึก โดย คุณสง่า พิชฌังกูร โค้ชผู้เปลี่ยนแปลงชีวิต งานครั้งนี้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากตัวแทน ได้รับคะแนนความพอใจจากผู้เข้าร่วมงานในระดับ 5 ดาว ถึง 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการประกาศการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือ CAO Trip Challenge เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างผลงานของตัวแทนในทุกระดับ โดยการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันด้วยระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือนเต็ม (ตั้งแต่ ส.ค. – ธ.ค. 64) โดยผู้พิชิตคุณวุฒิในการแข่งขันนี้ จะได้เดินทางร่วมทริปไปซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยบริษัทตั้งเป้าการเดินทางในปีหน้า ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นการสร้างผลงานแล้วเพื่อพิชิตเป้าในปีนี้แล้ว ยังเป็นกำลังใจให้ทุกคนมองถึงอนาคตที่กำลังจะมีสิ่งดีดีเกิดขึ้น เมื่อวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไป โดยรับชม VDO งานAL Seminar สัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรกได้ทางยูทูบ 
#3799


นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรงขึ้น การฟื้นตัวจะช้าออกไปและไม่เท่าเทียมกันในแต่ละภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนัก รายได้และการจ้างงานที่ลดลงส่งผลซ้ำเติมฐานะการเงินที่เปราะบางของธุรกิจและครัวเรือน

ดังนั้น เพื่อให้มาตรการทางการเงินช่วยบรรเทาผลกระทบได้มากขึ้นในระหว่างที่ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 จึงมีมติอนุมัติมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ดังนี้

1. การรักษาสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้กับลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เพื่อให้สามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและเพียงพอต่อการดำรงชีวิต

(1) ปรับปรุงหลักเกณฑ์สินเชื่อฟื้นฟูสำหรับลูกหนี้ SMEs ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ธปท. อนุมัติสินเชื่อฟื้นฟูไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 92,316 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายร่วมระหว่าง ธปท. กับสถาบันการเงินที่ 1 แสนล้านบาทได้ก่อนเดือน ตุลาคม 2564 โดยสินเชื่อกระจายตัวได้ดีและครอบคลุมลูกหนี้จำนวน 30,194 ราย เฉลี่ยรายละ 3.1 ล้านบาท

ซึ่งเป็นลูกหนี้ธุรกิจขนาดเล็ก (ร้อยละ 42.6) ประกอบธุรกิจการพาณิชย์และบริการ (ร้อยละ 67.5) และเป็นลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด นอกเขตกรุงเทพและปริมณฑล (ร้อยละ 68.5) อย่างไรก็ดี ธปท. ประเมินว่าภาคธุรกิจยังมีความต้องการสินเชื่อฟื้นฟูเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะข้างหน้า


ที่ผ่านมา ธปท. ได้หารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบธุรกิจผ่านสมาคมต่าง ๆ เช่น หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดต่าง ๆ ของมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และเห็นควรให้ขยายวงเงินสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีวงเงินสินเชื่อเดิมต่ำหรือไม่เคยมีวงเงินมาก่อน ที่เดิมอาจไม่ต้องพึ่งพาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน รวมถึงเพิ่มการค้ำประกันให้กับลูกหนี้กลุ่มเสี่ยง เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางได้มากขึ้น


(2) ผ่อนปรนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสินเชื่อลูกหนี้รายย่อย ในส่วนของบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ และสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล เพื่อบรรเทาภาระการจ่ายชำระหนี้ ตลอดจนเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้เป็นการชั่วคราว โดย (1) ขยายเพดานวงเงินสำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท (2) คงอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตที่เคยผ่อนคลายไว้ก่อนหน้า

และ (3) ขยายเพดานวงเงินและระยะเวลาชำระหนี้ของสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล ทั้งนี้ การผ่อนปรนเกณฑ์ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อในระบบและลดความจำเป็นของลูกหนี้ที่อาจถูกผลักไปใช้สินเชื่อนอกระบบในระยะต่อไป


2. การแก้ไขหนี้เดิมให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันและช่วยเหลือลูกหนี้ได้จริง ที่ผ่านมา สถานการณ์การระบาดมีความไม่แน่นอนสูง เดิมคาดว่าจะควบคุมได้และคลี่คลายในเวลาไม่นาน ทำให้เน้นการแก้ปัญหาแบบระยะสั้น เช่น การพักชำระหนี้เป็นครั้งคราว หรือปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะสั้นเป็นหลัก แต่สถานการณ์มีแนวโน้มยืดเยื้อกว่าที่คาดมาก การแก้ปัญหาแบบเดิมจึงไม่ตอบโจทย์ และไม่ได้ทำให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้พูดคุยเพื่อประเมินสถานการณ์ หรือหาทางแก้ไขที่จะช่วยให้ภาระของลูกหนี้ลดลงจริง

ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ธปท. จึงส่งเสริมให้เกิดการแก้ไขหนี้เดิมอย่างยั่งยืน โดยเน้นให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบระยะยาว และคำนึงถึงหลักการดังต่อไปนี้ (1) มองสถานการณ์ระยะยาว โดยกำหนดการจ่ายคืนหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ปัจจุบันที่ลดลงมากและทยอยจ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อรายได้กลับมา (2) สามารถช่วยลูกหนี้จำนวนมากได้เร็ว (3) ตรงจุดให้เหมาะกับ ปัญหาของลูกหนี้แต่ละรายที่มีปัญหาและการฟื้นตัวต่างกัน

(4) เป็นธรรมกับทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายผ่านความยากลำบากไปด้วยกัน นอกจากนี้ ต้องไม่สร้างแรงจูงใจที่ไม่เหมาะสม (moral hazard) ให้กับลูกหนี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ความช่วยเหลือไปสู่กลุ่มลูกหนี้ที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงอย่างได้ผล และรักษาสมดุลและเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินโดยรวม

เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์การส่งผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้ในภาวะวิกฤต ธปท. จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ดังนี้


2.1  สถาบันการเงินสามารถคงการจัดชั้นสำหรับลูกหนี้รายย่อย และ SMEs (ตามนิยามของสถาบันการเงิน) ที่เข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว ได้จนถึง 31 มีนาคม 2565 เพื่อเอื้อให้สถาบันการเงินและลูกหนี้มีเวลาเพียงพอในการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิผลในระยะยาว

2.2  การใช้หลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรองอย่างยืดหยุ่นไปจนถึงสิ้นปี 2566 เพื่อลดภาระต้นทุนสำหรับสถาบันการเงินที่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างยั่งยืน ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยวิธีที่นอกเหนือไปจากการขยายเวลาการชำระหนี้เพียงอย่างเดียว เช่น การเปลี่ยนโครงสร้างสินเชื่อจากระยะสั้นเป็นระยะยาวร่วมกับการปรับโครงสร้างหนี้วิธีอื่น ๆ การปรับโครงสร้างหนี้ที่มีการให้สินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ รวมถึงการลดภาระการผ่อนชำระให้ลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้เกิดการส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ

2.3  การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือร้อยละ 0.23 จากร้อยละ 0.46 ต่อปี ที่จะสิ้นสุดสิ้นปี 2564 นี้ ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงไปในการบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ที่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง

การขับเคลื่อนให้มาตรการสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบได้จริงและรวดเร็วทันสถานการณ์เป็นหัวใจสำคัญ ที่ผ่านมา ธปท. ได้หารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อรับทราบอุปสรรค ข้อจำกัด และข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากลูกหนี้ทั้งรายย่อยและธุรกิจ รวมถึงสถาบันการเงินที่เป็นกลไกหลัก และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อปรับปรุงมาตรการให้ตอบโจทย์และตรงจุดยิ่งขึ้น

ซึ่ง ธปท. จะยังติดตามและวิเคราะห์แนวทางต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะทางเลือกในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะจัดทำขึ้นเพื่อรองรับลูกหนี้แต่ละกลุ่ม (product program) รวมทั้งเร่งผลักดันให้สถาบันการเงินมีแนวทางดูแลลูกหนี้ที่ชัดเจนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศในภาพรวม
#3800


นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า นักลงทุนไทยมีโอกาสที่ในปีนี้จะเข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากลดการคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท อาจทำให้มีเงินลงทุนบางส่วนถูกโยกมาพักไว้ที่ทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย และไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ โดยจากต้นปีถึงปัจจุบันพบว่ามีนักลงทุนมาเปิดบัญชีซื้อขายทองคำกับวายแอลจีเพิ่มขึ้นในทุกประเภททั้งทองคำแท่ง ออมทอง รวมไปถึงการลงทุนตลาดอนุพันธ์

ขณะที่แนวโน้มราคาทองคำมองว่า หลังการปรับลดค่อนข้างมากในสัปดาห์ก่อน แต่ในระยะสั้นเริ่มมีการดีดกลับ แต่ก็ยังมีแรงขายเมื่อปรับตัวขึ้นไปถึงแนวต้านทำให้การเคลื่อนไหวในช่วงนี้จะยังเป็นการแกว่งตัวในกรอบ อย่างไรก็ดีสาเหตุที่ราคาทองคำไม่ได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็วเช่นสัปดาห์ก่อน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน การที่จีนคุมเข้มกฎระเบียบในบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี และการระบาดของ โควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงจากแรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ตลาดทองคำยังคงปรับตัวลดลงอย่างจำกัด

ทั้งนี้เมื่อต้นสัปดาห์ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่เป็นแนวโน้มการปรับขึ้นในระยะสั้น แม้ต้นสัปดาห์จะปรับขึ้นมาค่อนข้างดี แต่เมื่อทองคำเข้าใกล้แนวต้านจะมีแรงขายออกมา แต่แรงขายก็ไม่ได้ทำให้ทองคำปรับลงมามาก ดังนั้นในระยะนี้นักลงทุนต้องจับตาว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวไปแบบไหน เพราะแม้จะมีสัญญาณบวกในระยะสั้นแต่ระยะกลางยังเป็นสัญญาณอ่อนตัว โดยเฉพาะราคาทองคำในประเทศที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าช่วงสั้นๆ


อย่างไรก็ตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้มีทั้งปัจจัยลบและปัจจัยบวก โดยในด้านปัจจัยลบนั้นมาจากกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำกลับมามีสัญญาณชะลอตัว หรือ ขยับขึ้นอย่างจำกัด รวมถึงปัจจัยของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ต้องจับตามอง

ส่วนปัจจัยบวกทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ถูกกดดันจากผลกระทบการระบาดของโควิด -19 และกรณีที่จีนมีนโยบายป้องปรามการขยายตัวของธุรกิจเทคโนโลยี ห้ามการผูกขาด ห้ามแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทำให้หุ้นในจีนปรับฐานและอ่อนตัวลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีของจีนนั้นจดทะเบียนทั้งในตลาดหุ้นจีนและสหรัฐจึงอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง ประเด็นนี้จึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่พยุงทองคำให้ไม่ปรับตัวลดลงไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับปัจจัยทางเทคนิค หากทองคำมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องและขึ้นไปยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะทำให้มีโอกาสปรับตัวได้อีกแม้ว่าทิศทางทองคำระยะกลางยังเป็นลักษณะอ่อนตัวลง แต่หากราคาไม่มีระดับต่ำสุดใหม่และมีปัจจัยบวกมาหนุนจากการไหลเข้าของเงินทุนที่ไหลออกจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นก็มีโอกาสปรับขึ้นได้ โดยมองแนวต้านระยะสั้นที่ 1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 28,350 บาท หากผ่านได้มีโอกาสทดสอบ 1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 28,650 บาท ด้านแนวรับ 1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 27,900 บาทโดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,751 หรือ 27,650 บาท