• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jenny937

#3821
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zip lock ซิปล๊อค  ควบคุมน้ำหนัก กล่องละ 590 บาท เท่านั้น ของแท้ 100 %


การรับประทานอาหาร ในปริมาณที่มากเกินไปมักไม่ได้เกิดจากความหิว แต่เกิดจาก..."ความอยากอาหาร และการติดในรสชาติ"ส่งผลให้เกิดการรับประทานแบบไม่เลือกทั้งอาหารที่มีแป้งและไขมันสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่ปัญหา "น้ำหนักเกิน"  ไปจนกระทั่งการเป็น "โรคอ้วน"ด้วยความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเหล่านี้จึงเป็นที่มาของงานวิจัยทางคลินิคที่ได้ค้นพบสารสกัดเอกสิทธิ์ นวัตกรรมนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้" Yeast Extract Hydrolysate "ช่วย รูดซิป..ล็อคความอยากอาหาร ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่รับประทานพร้อมด้วยสารสกัดที่เป็นสูตรเฉพาะ 15 ชนิดซึ่งทำหน้าที่ "บล็อก" การดูดซึมของแป้งและไขมันเข้าสู่ร่างกาย พร้อมส่งเสริมการเผาผลาญและสลายไขมันส่วนเกินรูปร่างดีได้...โดยไม่ต้องอดปิดซิปความอยากอาหารเปิดซิปกระตุ้นการเผาผลาญเต็มรูปแบบ" Zip you fat...Zip you body "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zipผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยาขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-5-0083 สารสกัดจากส้มแดง 100 มกสารสกัดจากส้มซิตรัส ออรานเทียม 100 มกสารสกัดจากยีสต์ 80 มกแอล-ฟีนิลอะลามีน 50 มกผงน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 30 มกแอล-คาร์นิทีน 50 มกสารสกัดจากเจียวกู้หลาน 30 มกสารสกัดจากส้มแขก 30 มกL l-tyrosine 20 มกสารสกัดจากพริก 20 มกสารสกัดจากถั่วขาว 20 มกสารสกัดจากชาเขียว 20 มกสารสกัดจากพริกไทยดำ 12 มกสารสกัดจากเมล็ดกาแฟไม่คั่ว 7 มกโครเมียม พิโคลิเนต 1 มก

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อ
 ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

website  คลิก  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zip lock ซิปล๊อค


     ***รับสมัครตัวแทนจำหน่าย***#รับตัวแทนไม่ต้องสต็อกสินค้า#สินค้าขายดี #zipyourfatzipyourbody #ziplock #zipwheyplus #zipwheyplus #zipwhey #theicongroup #ลดน้ำหนักแบบปลอดภัย #ลดไขมัน
#3822



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ว่านพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐ ( เอ็นไอเอช ) กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 ก.ค.) เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ ที่จำนวนผู้ป่วยยืนยันรายวันกลับมา "เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด" ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ "เดลตา" ว่า "เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น" เมื่อพบว่า ผู้ติดเชื้อในระยะหลังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน นพ.เฟาซีกล่าวถึงการปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติ เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ ว่าหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาทบทวน "อย่างจริงจัง" หลังเทศบาลหลายแห่ง รวมถึงเทศบาลนครลอสแอนเจลิส มีคำสั่งให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้วหรือไม่

เกี่ยวกับประเด็นการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม หรือ "บูสเตอร์" เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นพ.เฟาซีกล่าวว่า "ยังคงเป็นเรื่องที่กำลังศึกษา" แต่หากได้ข้อสรุปชัดเจนกว่านี้ บูสเตอร์ "มีความจำเป็นจริง" กลุ่มที่สมควรได้รับวัคซีนเข็มที่สามก่อน ควรรวมถึง ผู้ป่วยที่เข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในกระบวนการเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตัวเอง และผู้ที่ต้องรับประทานยากดภูมิต้านทาน เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอและไม่เป็นปกติ
#3823



นายบรรยง​ วิทยวีรศักดิ์​ อดีตนายกสมาคมตัวแทนและที่ปรึกษาการเงิน(Thaifa)​ และอดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (APFinSA) ได้โพสต์บนเพจเฟสบุ๊คส่วนตัว"เปิดเบื้องลึก ทำไมผู้ป่วยโควิดที่มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย จึงหาเตียงได้ง่ายกว่า" อย่างน่าสนใจว่า

ทุกคนเรียกร้องความเท่าเทียมกัน แต่ในโลกของความเป็นจริง มันมักจะโหดร้าย ไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอ

บิล เกต เจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ เคยกล่าวไว้ว่า "ชีวิตมักจะไม่แฟร์ ทำความคุ้นเคยกับมันซะ" เช่นเดียวกับการหาเตียงในโรงพยาบาลเมื่อติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ ต้องบอกว่าหายากมากๆ และมีความเหลื่อมล้ำในการหาเตียงครับ

เมื่อผู้ป่วยมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะที่จำนวนเตียงมีจำกัด ทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล รัฐบาลพยายามจัดให้มีโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลเอกชนใช้ hospitel มาช่วยขยายเตียง แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการ

จนล่าสุด รัฐบาลต้องประกาศให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่มาก ให้กักตัวและพักรักษาตัวที่บ้าน เป็น home isolation

แต่ถามจริงๆ ใครอยากรักษาตัวที่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อจะลงปอดเมื่อไร กว่าจะรู้ ปอดก็เป็นฝ้าขาว สุ่มเสี่ยงต่อการที่เนื้อเยื่อปอดจะถูกทำลายแล้ว

โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากเชื้อลงปอด โอกาสรอดก็น้อยลงจนน่าตกใจ หลายๆคนที่เคยรู้จัก โดยเฉพาะเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในเยาวราชนับสิบคน ต่างจากไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ยังแข็งแรง ทำงานได้ปกติ

เมื่อเราป่วย ทุกคนล้วนอยากเข้ารพ.เอกชน เพราะดูแลดีกว่า ห้องกว้างขวาง สะดวกสบาย อุปกรณ์ใช้สอยครบครัน แต่ต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลเอกชนตั้งขึ้นมาเพื่อหากำไร ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทำเงินของเขา

ตามปกติ ค่ารักษาในรพ.เอกชนมักจะแพงกว่ารพ.ของรัฐ 1-3 เท่าตัว ช่วงแรก คนทั่วไปมักไม่กล้าไปใช้บริการที่รพ.เอกชน คงมีแต่คนรวยหรือคนที่เบิกประกันสุขภาพได้ไปใช้บริการ

จนเมื่อทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศรับผิดชอบค่าตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั้งหมด โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งยังสั่งให้โรงพยาบาลห้ามเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่ารถส่งต่อ ค่าตรวจแล็บ หรือห้องความดันลบ

ปัญหาคือ ราคาที่ สปสช.จ่ายนั้นต่ำกว่าราคาเต็ม ที่โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บจากลูกค้าหรือบริษัทประกันชีวิตแบบครึ่งต่อครึ่ง ดังนั้น รพ.เอกชนจึงไม่เต็มใจรับลูกค้าที่มาใช้สิทธิบัตรทองหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่รพ.รัฐรับกัน

ยิ่งรัฐบาลออกกฎว่า ตรวจเจอโควิด 19 ที่รพ.ไหน ให้แอดมิต(เข้ารักษา)ที่นั่น เท่ากับมัดมือชก ให้รพ.เอกชนต้องรับรักษาผู้ป่วยโควิดในราคาถูก รพ.เอกชนจึงหาทางออกด้วยการอ้างว่า อุปกรณ์ตรวจเชื้อโควิดหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง

แต่จากข่าววงในจะทราบว่า รพ.เอกชนยังมีการสำรองเตียงให้คนมีฐานะ ด้วยการแจ้งคนที่ต้องการเข้ารักษาว่า ถ้าสามารถโอนเงินมาให้โรงพยาบาลก่อน 300,000 บาท หรือ 500,000 บาท รถพยาบาลจะวิ่งไปรับผู้ป่วยถึงที่เลย ตรงนี้แสดงให้เห็นชัดถึงความเหลื่อมล้ำ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะรพ.เอกชนก็สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับคนมีฐานะอยู่แล้ว

แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวว่ารพ.เอกชนโดนเท โดนลูกค้าหักหลัง กล่าวคือ ลูกค้าที่โอนเงินไปก่อนเมื่อรักษาหายแล้ว ก็ไปร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุขว่าถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงิน ขอให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย กระทรวงสาธารณสุขต้องโทรไปสั่งให้โรงพยาบาลเอกชนคืนเงินให้กับลูกค้า แล้วให้ไปเก็บเงินกับ สปสช.แทน

แต่ในราคาที่หายไปกว่าครึ่ง แถมกว่าจะได้รับเงิน ต้องรอ 3-6 เดือน

รพ.เอกชนเริ่มเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น จึงเปลี่ยนนโยบายมารับลูกค้าที่มีประกันสุขภาพแทน เนื่องจากได้ราคาและวางบิล 2 สัปดาห์ก็ได้เงิน เพียงแต่เขาระบุชัดเจนไปเลยว่า ต้องมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่เบิกได้ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป

เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคโควิดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150,000 บาท จึงต้องมั่นใจว่าลูกค้ามีปัญญาจ่ายแน่ ไม่อย่างนั้น จะกลับไปปัญหาเดิม คือลูกค้าต้องออกเงินส่วนเกิน และไปร้องขอคืนจากกระทรวงสาธารณสุขอีก

ความจริงค่าใช้จ่าย 150,000 บาทนี้ เฉพาะกรณีลูกค้าผู้ป่วยสีเขียวหรือสีเหลืองที่ไม่มีอาการหนักมาก เพียงแค่พักฟื้น 14 วันก็หายได้เอง โดยไม่มีเชื้อลงปอด เพราะถ้ามีอาการหนักหรือมีโรคแทรกซ้อน ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5 ล้านบาททีเดียว

จึงไม่แปลกใจที่ระยะหลัง จะได้ยินข่าวว่า เมื่อเราติดต่อรพ.เอกชนเพื่อหาเตียงให้คนไข้โควิด รพ.จะแจ้งสเปกลูกค้าที่เขาต้องการว่า

1. เป็นผู้ป่วยอายุไม่เกิน 60 ปี
2. มีประกันสุขภาพเหมาจ่ายวงเงิน 5 แสนบาทขึ้นไป
3. น้ำหนักตัวไม่เกิน 100 กก.
4. เป็นผู้ป่วยสีเขียว

พอจะเข้าใจได้ว่า ชั่วโมงนี้ รพ.เอกชนเป็นคนเลือกลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าเลือกโรงพยาบาล เคยได้ข่าวว่า ผู้ป่วยบางคนเริ่มจากการเลือกรพ.เกรด A เมื่อไม่ได้ เปลี่ยนมาเป็นเกรด B ครั้นยังไม่ได้ ก็ขอเปลี่ยนเป็น hospitel ก็ยังหาเตียงไม่ได้ สุดท้ายอาจจะต้องไปจบที่โรงพยาบาลภาคสนาม หรือไม่ก็ต้องกักตัวที่บ้าน ชั่วโมงนี้เลือกไม่ได้จริงๆครับ

มาถึงวันนี้ เมื่อคนป่วยล้นจริงๆ บางคนมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายก็อาจจะยังไม่สามารถหาห้องได้เลย แต่ถ้ามีห้องว่างเมื่อไหร่ ผู้ป่วยที่มีประกันเหมาจ่ายมักจะได้รับการเลือกจากรพ.เอกชนก่อนเสมอ

คำถามคือ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

หาคำตอบยากใช่ไหมครับ สิ่งที่ทำได้ และอยากแนะนำให้ทุกท่านทำคือ

1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
2. ใส่แมส เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ
3. ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนก็ได้ให้เร็วที่สุด
4. มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย

นาทีนี้ อะไรที่ช่วยรักษาชีวิตให้รอดได้ ต้องเลือกเอาไว้ก่อนครับ
#3824


บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองแบบโฮมยูส ล็อตแรกจำนวน 150,000 กล่อง หรือ 750,000 ชุด ได้รับการจัดส่งถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว พร้อมเร่งกระจายส่งร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็ว หวังช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศลงได้ ซึ่งชุดตรวจแบบโฮมยูสนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าสู่กระบวนการแยกกักตัวตนเองจากครอบครัว และผู้ใกล้ชิดได้อย่างทันท่วงที ก่อนเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ต่อไป
 
 
นายพิเชษฐพงษ์ ศรีสุวรรณกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าขณะนี้ บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติการขึ้นทะเบียน ชุดตรวจโควิด 19 ด้วยตัวเองแบบโฮมยูส (Home Use) จาก อย. ไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มจัดจำหน่ายในประเทศในร้านขายยาและสถานพยาบาล ได้ราวต้นเดือนสิงหาคม นอกจากนี้  ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมีชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดแบบแรพิด  แอนติเจน เทสต์ (Professional Use) ซึ่งผ่านการขึ้นทะเบียน อย. ภายในประเทศ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 แล้วเช่นกัน และอนุญาตให้ใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพ และบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น 
 

"ขณะนี้ เราได้วางแผนการนำเข้าชุดตรวจโควิด 19 ด้วยตัวเองเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล็อตแรก ที่จัดส่งถึงประเทศไทยแล้วมีจำนวน 150,000 กล่อง หรือ 750,000 ชุดตรวจ โดยในหนึ่งกล่องจะประกอบไปด้วยเทสต์ตรวจ 5 ชุด สำหรับให้แต่ละครอบครัวสามารถใช้ตรวจกันเองได้ คาดว่าน่าจะมีวางจำหน่ายในร้านขายยา และสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตเร็วที่สุดคือต้นสัปดาห์หน้า หรือช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2564 นี้แน่นอน และจะมีการนำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ทั้งนี้ แนะนำให้ผู้ใช้งานศึกษารายละเอียดการใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด ซึ่งที่กล่องชุดตรวจโควิด 19 แบบโฮมยูส จะมีฉลากภาษาไทยติดกำกับพร้อม QR Code สำหรับชมวิธีการใช้อย่างชัดเจน"
#3825


สรุปผลการมอนิเตอร์ข่าวปลอมรอบสัปดาห์ พบมีข้อความที่ต้องคัดกรอง 8.2 ล้านข้อความ เปิด 3 อันดับข่าวคนสนใจมากสุด พบโควิดยังยึดพื้นที่เฟคนิวส์

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมตลอดช่วงสัปดาห์นี้ (18-22 ก.ค. 64) โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม มีข้อความที่ต้องคัดกรองทั้งสิ้น 8,246,481 ข้อความ ในจำนวนนี้พบข้อความที่เข้าเกณฑ์ต้องดำเนินการตรวจสอบ 145 ข้อความ เป็นจำนวนเรื่องที่ต้องตรวจสอบทั้งหมด 79 เรื่อง โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับโควิด-19 มากถึง 50 เรื่อง

ทั้งนี้ เมื่อดูจากปริมาณข้อความเบาะแสข่าวปลอม พบข้อสังเกตน่าสนใจว่า ประชาชนจะเผชิญกับเนื้อหาบนโซเชียล/โลกออนไลน์ที่มีแนวโน้มอยู่ในกลุ่มข่าวปลอม/ข่าวบิดเบือน เฉลี่ยวันละมากกว่า 1 ล้านข้อความต่อวัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลฯ จะมุ่งทำงานเชิงรุกในการบูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งประสานงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องสู่ประชาชนและสังคมอย่างรวดเร็ว ลดความตื่นตระหนกและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ทันการณ์

สำหรับข่าวปลอมที่มีคนสนใจสูงสุด 3 อันดับแรกตลอดช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1. เตือนเฝ้าระวังใน 24 ชม. จะเกิดแผ่นดินไหว ดินถล่ม น้ำท่วม และน้ำป่า 2. เครื่องตรวจวัดออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้ว ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้ และ 3.กองทัพบก ประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้า ก่อนประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ กทม.

นางสาวนพวรรณ กล่าวว่า อยากขอความร่วมมือประชาชน เมื่อได้รับข่าวสารข้อมูลผ่านโซเชียล ควรตรวจสอบให้รอบด้าน เลือกเชื่อ เลือกแชร์ และสามารถติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ดังนี้ ไลน์ @antifakenewscenter  เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 เพื่อหลีกเลี่ยงจากการเป็นเหยื่อข่าวปลอมหรือ ข่าวบิดเบือน
#3826


เกาหลีใต้เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่บุคคลอายุระหว่าง 55-59 ปีในวันจันทร์ (26 ก.ค.) เพื่อเร่งรัดโครงการฉีดวัคซีนประชาชน สกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้กำลังดิ้นรนต่อสู้กับการแพร่ระบาดระลอก 4

การฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนอายุ 50 ปีขึ้นไป ประสบปัญหาติดขัดนานกว่า 1 สัปดาห์ในเดือนนี้ หลังเคสผู้ติดเชื้อใหม่ที่พุ่งสูงสุดเป็นสถิติใหม่ กระตุ้นประชาชนแห่แหนเข้ารับวัคซีน ทำให้อุปทานร่อยหรอและเว็บไซต์จองคิวฉีดวีคซีนล่ม

มีราว 6.17 ล้านคน หรือ 84% ของบุคคลที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ลงชื่อจองคิวฉีดวัคซีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคแทนโมเดอร์นา ในประชาชนบางกลุ่ม สืบเนื่องจากกำหนดการส่งมอบวัคซีนที่ไม่แน่นอน

ทางการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อภาวะอุปทานวัคซีนไม่เพียงพอและกรณีเปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย ขยายกรอบเวลาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ระหว่างเข็มแรกกับเข็มสองเป็น 4 สัปดาห์ เป็นการชั่วคราว จากเดิมที่กำหนดไว้ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นกรอบเวลาเดียวกับวัคซีนโมเดอร์นา

เกาหลีใต้วางเป้าหมายฉีดวัคซีนแก่คนชรา กลุ่มคนอ่อนแอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแถวหน้าเป็นลำดับแรก เวลานี้พวกเขาฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างน้อย 1 เข็มไปแล้ว 33% จากประชากรทั้งหมด 52 ล้านคน และฉีดครบแล้ว 13%

สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 1,318 คนในวันอาทิตย์ (25 ก.ค.) ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 190,166 ราย และเสียชีวิต 2,077 คน

มาตรการตรวจเชื้อหมู่และติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด ช่วยให้จนถึงตอนนี้เกาหลีใต้มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดระลอกใหม่กระตุ้นให้รัฐบาลเมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ค.) ยกระดับความเข้มข้นของกฎระเบียบเว้นระยะห่างทางสังคมทั่วประเทศในสัปดาห์นี้ เพื่อสกัดการแพร่กระจายเชื้อในช่วงฤดูร้อน

(ที่มา : รอยเตอร์)
#3827


ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ เผย พยกลุ่มแรงงานต่างด้าว บ.สหฟาร์ม พบติดเชื้อโควิด เร่งควบคุมโรคในพื้นที่ควบเฉพาะแบบมีส่วนร่วม 'บับเบิล แอนด์ ซีล'

รายงานข่าวจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์ ระบุว่า กรณีการตรวจพบแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ของ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) จ.เพชรบูรณ์ ติดเชื้อโควิด-19 ได้รับการเปิดเผยจาก นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ระบุว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ตรวจพบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด–19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ของ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) ซึ่งพบผู้ติดเชื้อ จำนวน 2 ราย เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2564

จากนั้น จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงได้แจ้งสั่งการให้พนักงานควบคุมโรคอำเภอบึงสามพัน ร่วมกับบริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาตามหลักการบริหารจัดการควบคุมโรคในพื้นที่ควบเฉพาะแบบมีส่วนร่วม (Bubble and Seal) และดำเนินการตามมาตรการจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีคำสั่งจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ 1649/2564 ให้ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) หยุดกระบวนการผลิตในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 – 26 กรกฎาคม 2564 เพื่อคัดกรองกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และดำเนินการดำเนินการบริหารจัดการควบคุมโรคในพื้นที่ควบเฉพาะแบบมีส่วนร่วม (Bubble and Seal)และระหว่างการดำเนินการควบคุมโรค พนักงานควบคุมโรคอำเภอบึงสามพัน ได้แจ้งให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มแรงงานดังกล่าวที่อยู่ในชุมชน หมู่บ้านแยกกักตัว เป็นเวลา 14 วัน และให้พนักงานควบคุมโรคในพื้นที่ได้เร่งดำเนินการสุ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกเพิ่มเติม ด้วยวิธี antigen test kit ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ซึ่งมีจำนวนแรงงานทั้งหมด 7,500 ราย ได้ดำเนินการสุ่มตรวจไปแล้ว จำนวน 2,950 ราย พบผู้ติดเชื้อ (ผลบวก) จำนวน 1,068 ราย และอยู่ในระหว่างตรวจค้นหาเชิงรุกอีก 4,250 ราย ซึ่งจะเร่งดำเนินการตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 เพื่อคัดแยกกลุ่มผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน หลังจากนั้นก็จะนำผู้ป่วยที่พบเชื้อเข้าแยกกักในโรงพยาบาลสนามที่จัดเตรียมไว้แล้ว 1,292 เตียง และได้วางแผนขยายจำนวนเตียงได้อีกประมาณ 2,000 เตียง และหากตรวจพบผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ของ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) ได้รับการฉีดวัคซีน ครบ 2 เข็มไปแล้ว จำนวน 3,000 ราย และได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้ว 1,500 ราย และบริษัทได้กำหนดแผนการฉีดวัคซีนให้กับแรงงานต่างด้าวและพนักงานของบริษัทให้ครอบคลุม 100% ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2564

ด้านนายสมพงษ์ ทองหนูนุ้ย นายอำเภอบึงสามพัน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง งัดมาตรการเข้ม ตั้งด่านสกัด คัดกรอง และห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการแพร่ระบาดเพิ่ม พร้อมเตรียมสั่งปิด 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 2 บ้านเขาเกตุ บ้านหนองปล้อง หมู่ 4 บ้านลำตะคล้อ และ หมู่ 15 บ้านลำตะคล้อใต้ ต.กันจุ อ.บึงสามพัน

ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์และผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองเข้มงวดในพื้นที่ควบคุมบริเวณชุมชนโดยรอบบริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) จำนวน 7 จุดตรวจ เพื่อลดและจำกัดเคลื่อนย้ายการเดินทางเข้าออกพื้นที่อย่างเข้มงวดไม่ให้มีคนเข้าออกพื้นที่พื้นที่โดยรอบ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) เพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อโควิด 19

ส่วนเรื่องไก่สดที่ส่งออกมาจำหน่ายนั้น จะมีการตรวจเชื้อจากทางสำนักงานสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัย
#3828
 
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ https://web.facebook.com/porntaywa
เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  
#3829
อยากให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็วๆ จังเลย  
"The Art of Freewriting" เวิร์คช็อป ออนไลน์ผ่าน Zoom Webinar by 1-TO-ALL ที่จะสร้างนักเล่าเรื่องผ่านการเขียน ที่จัดโดย Creative Talk งานนี้ค่อนข้างจะ exclusive สักหน่อยนะครับ เพราะจัดให้เฉพาะผู้ถือบัตร CTC 2021 เท่านั้น 
ความน่าสนใจก็ตรง ผู้พูด ครับ ส่งตรงมาจาก Readery ทั้ง คุณโจ้ อนุรุจน์ และ คุณเน็ต นัฎฐกร ผมว่าหลายๆคนคุ้นเคยครับ เพราะเวิร์คช็อปนี้ " Rewrite by Readery " ถูกขนานนามไว้แล้วว่าเป็น เวิร์คช็อปยอดนิยมตลอดกาล ใครที่ได้เข้ามาร่วม จะได้เรียนเทคนิคในการเขียนที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกแท้จริงข้างใน ผ่าน Freewriting การเขียนโดยไม่หยุดมือและไม่หยุดคิด เหมาะสำหรับคนทำงานสายเขียน คอนเทนต์ครีเอเตอร์ และผู้ที่สนใจอยากเป็นนักประพันธ์ ต้องห้ามพลาดครับ งานนี้ zoom by 1-TO-ALL รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่เป็นส่วนหนึ่งในการให้การสนับสนุนการจัดเวิร์คช็อปในครั้งนี้ ผ่าน Zoom Webinar 



ใครมีบัตรพบกันครับ พรุ่งนี้ บ่ายโมงตรง 
ติดตามข่าวสารจาก Zoom Thailand
https://linktr.ee/zoomthailand
 
#3830


ร้านอาหารเป็นธุรกิจประเภทหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อย่างหนักหนาสาหัส แม้เป็นสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตมากเพียงใดก็ตาม

หากอยากทราบว่าครึ่งปีที่ผ่านมาธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ใหญ่ๆ เป็นอย่างไรกันบ้าง เอาตัวรอดกันด้วยกระบวนท่าไหน เจ้าหนึ่งที่น่าพูดคุยก็คือ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ 'ไมเนอร์ ฟู้ด' ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารทั้งคาวและหวานที่คนไทยคุ้นเคยและผูกพันหลายแบรนด์ ทั้ง The Pizza Company, Sizzler, Burger King, Swensen's, Dairy Queen, Bonchon, The Coffee Club และ Benihana ซึ่งรวมๆ แล้วแบรนด์เหล่านี้มีร้านในเมืองไทยเกือบ 1,600 สาขา และในต่างประเทศอีกเกือบ 800 สาขา


ปี 2563 โควิด-19 เล่นงานชาวโลกตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี นับเป็นปีที่ยากลำบากมากๆ ปีหนึ่งของธุรกิจร้านอาหาร แต่ไมเนอร์ ฟู้ด เป็นบริษัทที่โดดเด่น และทำผลงานได้ดี สามารถทำกำไรสุทธิได้ 1,500 ล้านบาท

สำหรับปี 2564 นี้ สถานการณ์ยากขึ้น แต่ไมเนอร์ ฟู้ด ทำยอดขายในไตรมาสแรกได้ 5,123 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 160 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าไตรมาส 1 ของปีที่แล้วที่ขาดทุน 97 ล้านบาท ส่วนไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นระลอกที่หนักที่สุดตั้งแต่เกิดการระบาดขึ้นในประเทศไทย ยังไม่ทราบว่าตัวเลขจะออกมาเป็นอย่างไร

ไทยรัฐออนไลน์ชวน ประพัฒน์ เสียงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มาพูดคุย ถาม-ตอบ รีวิวครึ่งแรกของปี 2564 ว่ายากลำบากขนาดไหนสำหรับธุรกิจอาหาร ไมเนอร์ ฟู้ด สู้ด้วยอาวุธอะไร ผ่านมาในสภาพแบบไหน และชวนมองไปยังครึ่งปีที่เหลือว่าพอจะมองเห็นแสงสว่างหรือไม่ อย่างไร จะเดินต่อด้วยท่าทีและกลยุทธ์แบบไหน

ปี 2564 ครึ่งปีแรกของไมเนอร์ ฟู้ด เป็นอย่างไร
เป็นครึ่งปีที่เร็วที่สุดในชีวิต ผ่านไปครึ่งปีอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีเวลาหยุดคิดเลย เสร็จเรื่องนี้ต่อเรื่องนี้ เรื่องนี้จบต่อเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ผลประกอบการครึ่งปีแรก ถือว่าเป็นผลประกอบการที่เซอร์ไพรส์มาก เพราะว่าเราไม่ได้แพลน และไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้ว่าจะมีการระบาดระลอกที่ 3 เราจัดทำงบประมาณของปี 2564 โดยคิดว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปถึงสิ้นปี 2564 ทุกอย่างควรจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่มันไม่เป็นไปตามนั้น เนื่องจากเกิดการระบาดระลอกที่ 3 ทำให้ผลประกอบการชะงักไปนิดหนึ่ง บางแบรนด์ทำยอดขายไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ที่อยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวคือ Burker King กับ The Coffee Club ยังไม่เปิดร้านประมาณ 30 กว่าสาขา

ใกล้จะหมดไตรมาสที่ 2 แล้ว พอจะเล่าได้ไหมว่าไตรมาสที่ 2 เป็นอย่างไร
ภาพรวมดีขึ้นพร้อมกับยังติดลบอยู่ เพราะว่าในเดือนเดียวกันของปีที่แล้วเคสการติดเชื้อต่ำแล้ว เรานั่งทานในร้านได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ในตอนนี้เรายังมีผู้ติดเชื้อวันละ 3,000 คน เรายังต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม ความรู้สึกคนถ้าเห็นคนในร้านเยอะก็ยังไม่อยากเข้า กฎนั่งได้ 25 เปอร์เซ็นต์ยังไม่ถูกคลายล็อก บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมภาพรวมยังไม่ดีขึ้นเท่าไร

ปีที่แล้วก็เจอโควิด-19 ไมเนอร์ ฟู้ด ทำอย่างไรให้ยังมีกำไร
ปีที่แล้วไมเนอร์ ฟู้ด น่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหารบริษัทเดียวที่ perform ดี เพราะว่าเรามีช่องทางการจำหน่ายอาหารที่หลากหลาย เรามี 1.ไดน์อิน (Dine in) นั่งทานในร้าน 2.เดลิเวอรี่ (Delivery) บริการจัดส่ง ซึ่งเรามีแบรนด์ 1112 ของเราเอง และมีช่องทางของพาร์ตเนอร์ 3.เทกอะเวย์ (Take away) อาหารของไมเนอร์ ฟู้ด หลายหลายอย่างซื้อกลับไปกินที่บ้านได้ 4.ไดรฟ์ทรู (Drive through) ของ Burger King ช่องทางการจำหน่ายของเราไม่ได้ยึดติดกับตัวใดตัวหนึ่ง เมื่อมีปัญหานั่งกินในร้านไม่ได้ เราก็ไปขายอีก 3 ช่องทาง เราโชคดีที่วางช่องทางการจำหน่ายไว้หลากหลายและแข็งแกร่งทุกช่องทาง นั่นคือความต่างเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ก็เลยทำให้ปีที่แล้วผลประกอบการออกมาดีกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่



สถานการณ์ปีที่แล้วกับปีนี้มีความเหมือน และความต่างอย่างไร สามารถเอากลยุทธ์ที่ใช้ปีที่แล้วมาใช้กับปีนี้ได้ไหม มากน้อยอย่างไร
ใช้ได้ แต่ผลลัพธ์ไม่เท่าเดิม เรายังโฟกัสที่เดลิเวอรี่เหมือนเดิม แต่ปีที่แล้วเราให้โปรโมชั่นได้มาก ปีนี้เราก็ต้องผ่อนๆ ลง เพราะเราจะต้องดูแลเรื่องกำไรมากขึ้นด้วย การให้โปรโมชั่นมากเกินไปก็ไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป เพราะทำให้ยอดขายโดยรวมไม่กลับมา

ตอบคำถามก็คือปีนี้กับปีที่แล้วทำคล้ายๆ กัน แต่ต้องหาวิธีการสื่อสารหลายช่องทางมากขึ้น ที่ว่าคล้ายๆ คือเราโฟกัสที่เดลิเวอรี่คล้ายๆ เดิม ปีนี้บริการ 1112 ของเราโตขึ้นมาก ปีที่แล้วเดือนพฤษภาคม 1112 ทำยอดขายได้ 59 ล้านบาท พฤษภาคมปีนี้ยอดขายเพิ่มเป็น 81 ล้านบาท เราโชคดีที่มี 1112 Delivery ของเราเอง แบรนด์อื่นๆ อาจจะต้องพึ่งพา Grab, foodpanda ซึ่งถ้าไปสัมภาษณ์เจ้าอื่นๆ ก็จะรู้ว่าขายดีไม่ได้แปลว่าได้กำไรดีนะ ถ้าพึ่งพาแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่มากๆ เพราะค่าจีพีมโหฬาร นี่คือความต่างของเรา ซึ่งความต่างนี้ไม่ได้มาโดยบังเอิญ แต่มาจากการที่เราใส่โปรโมชั่นเข้าไปเยอะพอสมควร

เดลิเวอรี่คือความต่างที่สุดของเรา ปีนี้เราใช้ทรัพยากรไปที่เดลิเวอรี่เยอะขึ้น ความต่างเรื่องที่ 2 คือเรื่องการลงทุน เราตัดค่าใช้จ่ายทุกอย่างลง เรารู้ว่าการเปิดร้านไม่ได้แปลว่าจะมีคนเข้ามากเหมือนเมื่อก่อน ฉะนั้นการลดขนาดพื้นที่ร้านสัก 20 เปอร์เซ็นต์ ค่าใช้จ่ายในการสร้างร้านก็อาจจะลด 30 เปอร์เซ็นต์ นี่เป็นกลยุทธ์ที่จะผลักดันทุกแบรนด์ว่าจะต้องไม่ทำร้านใหญ่ๆ แล้ว ความต่างข้อที่ 3 คือบุคลากรหนึ่งคนจะต้องทำงานหลายงานมากขึ้น เราเพิ่มทักษะให้พนักงานสามารถดูแลงานได้มากขึ้น นี่คือความต่างที่เกิดขึ้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของไมเนอร์ ฟู้ด

เทียบสถานการณ์ปกติกับในช่วงโควิด-19 สัดส่วนช่องทางการขายเปลี่ยนเยอะไหม อย่างไรบ้าง
เปลี่ยนเยอะมากๆ ช่องทางเดลิเวอรี่เป็นฮีโร่ไปแล้ว แต่ถ้านั่งในร้านได้ไดน์อินก็จะกลับมาเป็นฮีโร่ ถ้าสถานการณ์ปกติยอดขายไดน์อินเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเดลิเวอรี่บวกเทกอะเวย์บวกไดรฟ์ทรูเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ไดน์อินตกลงมาเหลือน้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ฝั่งเดลิเวอรี่, เทกอะเวย์ และไดรฟ์ทรู ขึ้นมาเป็น 80 เปอร์เซ็นต์

สัดส่วนการพึ่งพาแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เจ้าอื่นกับ 1112 บริการเองเป็นอย่างไร
พาร์ตเนอร์เรายังมีอัตราส่วนยอดขายค่อนข้างสูง และเรามีหลายเจ้าที่เป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีและน่ารักกับเราอยู่ สัดส่วนเป็น 1112 เองสัก 25-30 เปอร์เซ็นต์ ปีที่แล้วมี 5 เปอร์เซ็นต์เอง ตอนนี้หลายๆ แบรนด์ก็กำลังพยายามที่จะโต



ครึ่งปีหลังจะโฟกัสอะไร
เรารอการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากๆ ที่นายกฯ ประกาศว่าอีก 120 วันจะเปิดประเทศ เป็นข่าวดีมากๆ ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่จริง แต่รู้สึกว่าเป็นวิชั่นที่ดี พอมีกำหนดคนก็เริ่มรู้สึกมีเป้าหมาย 120 วันจะเป็น game changer วิธีคิดของพวกเรา และอีกอย่างหนึ่งที่เรารอก็คือเราอยากให้พนักงานของเราได้ฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดครับ

ระหว่างมีกับไม่มีกำหนดเปิดประเทศ กลยุทธ์ที่เตรียมไว้ต่างกันอย่างไรบ้าง
ต่างกัน เพราะว่าตอนนี้เรามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแพ็กเกจจิ้งเพื่อจัดส่งเดลิเวอรี่ให้ได้ แต่ถ้าจะเปิดประเทศเราต้องไปดูเรื่องการพัฒนาโปรดักต์สำหรับคนต่างชาติ ร้าน 80 กว่าสาขาในสนามบินที่ปิดอยู่ในตอนนี้ก็จะกลับมาเปิด ซึ่งร้านในสนามบินมีโจทย์ที่ต่างจากร้านข้างนอก เพราะลูกค้าเร่งรีบ เมนูอาหารก็ต้องสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

ในตอนที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเปิดหรือไม่เปิด เราก็ต้องบาลานซ์ทั้ง 2 ทาง ถึงแม้จะยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าเปิดจริงหรือไม่จริง เราก็ต้องเตรียมไว้ตั้งแต่วันนี้ แต่ต้องเตรียมแบบระวัง ไม่ได้เตรียมแบบมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เราคงไม่ลงทุนอะไรมากมาย

ครึ่งปีที่ผ่านมาแบรนด์ไหนทำยอดขายดี-เป็นฮีโร่
ก็ยังเป็นแบรนด์ใหญ่ของเรา The Pizza Company ส่วน Bonchon มีการขยายสาขาหลายสาขา และที่ดีในช่วงโควิด-19 ตลอดก็คือ Burger King เพราะมีช่องทางไดรฟ์ทรูที่แข็งแรง และมีเดลิเวอรี่ที่ค่อนข้างแข็งแรง ยอดขายไดน์อินที่หายไปก็เลยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายรวมมากนัก

การขยายสาขาในช่วงโควิด-19 พิจารณาเลือกทำเลที่ตั้งอย่างไรว่าจะเข้าไปอยู่ตรงไหน
ถ้าในช่วงโควิด-19 ก็เป็นการมองระยะสั้น และคิดว่าการมองระยะสั้นนั้นอาจจะทำให้มันโตอย่างต่อเนื่องก็ได้ โดยที่เราดูว่าพื้นที่ตรงนั้นมีที่อยู่อาศัยหรือเปล่า ต้องดูว่าเดลิเวอรี่สามารถอยู่ตรงนี้ได้ด้วยหรือเปล่า ถ้าจะไปตั้งอยู่ใกล้ทะเล รอบๆ มีแต่นักท่องเที่ยว ไม่ได้เป็นย่านที่อยู่อาศัย ก็ต้องหยุดก่อนจนกว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาปกติ

ทั้งภาพรวมตลาดธุรกิจอาหารครึ่งปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ไม่รู้เลยว่าแบรนด์อื่น-บริษัทอื่นเป็นอย่างไร แต่เท่าที่คุยกับเพื่อนที่ทำธุรกิจอาหารไม่มีแบรนด์ไหนดี ช่วงระลอกที่ 3 หนักกว่ารอบที่ 1 กับ 2 เพราะมันกินเวลานาน เกือบ 3 เดือนแล้วที่ยอดขายของเราค่อนข้างหนัก แต่ต้องถือว่าเป็นความโชคดีของเราคือ ไมเนอร์ ฟู้ด มีธุรกิจในประเทศอื่น ในขณะที่ไมเนอร์ ฟู้ด ที่ไทยกำลังยากลำบาก ไมเนอร์ ฟู้ด ที่จีนกำลังทำยอดขายดีมาก โตขึ้นมาเป็น 3-4 เท่าจากเดิม เพราะตอนนี้จีนกลับมาปกติแล้ว ออสเตรเลียก็เกือบปกติแล้ว ยอดขายจากจีนและออสเตรเลียก็เลยมาช่วยไทย กลับกันกับเมื่อปีที่แล้วยอดขายในไทยช่วยยอดขายประเทศอื่นทั้งโลกเลย แต่อัตราส่วนยอดขายในไทยเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของไมเนอร์ ฟู้ด เพราะฉะนั้นเวลาเราแย่มันก็แย่หนัก


สามารถเรียนรู้จากต่างประเทศมาปรับใช้ได้ไหม มากน้อยแค่ไหน หรือว่าสถานการณ์ต่างกันมากจนไม่สามารถปรับใช้ได้
เรื่องโรคระบาดเราใช้ประเทศจีนเป็นต้นแบบ ช่วยให้เรารู้ว่าเฟส 1 ของการระบาดเป็นอย่างไร เฟส 2 ต้องเตรียมคนอย่างไร เฟส 3 ทำอย่างไร เราใช้โมเดลของจีนมาปรับใช้ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้คุยกันว่าแต่ละประเทศควรจะทำตามกันหรือเปล่า เราบริหารค่อนข้างเอกเทศ ไม่ได้ใช้โมเดลเดียวกันมากมาย

สิ่งที่ยากที่สุดของไมเนอร์ ฟู้ด ในสถานการณ์โควิด-19 คือการไม่มีนักท่องเที่ยว หรืออะไร
การไม่มีนักท่องเที่ยวไม่เท่าไร เรื่องแรกคือเราอยากได้ความมั่นใจว่าเราจะได้รับวัคซีนครบเมื่อไหร่ ถึงแม้ต่างชาติยังไม่เข้ามา แต่เราจบในประเทศเราให้ได้ก่อน พอเรื่องนี้ผ่านไปแล้วจะเปิดประเทศให้ต่างชาติกลับเข้ามา ก็เป็นสัญญาณที่น่าจะสดใส

คาดหวังว่าการเปิดประเทศตามที่นายกฯ บอกจะส่งผลต่อผลประกอบการปีนี้มากแค่ไหน
อีก 120 วันก็เกือบหมดปีพอดี คิดว่าคงเป็นไปตามเป้า แต่อาจจะไม่ได้บรรลุสิ่งที่เป็นเป้าหมายหลัก เพราะถ้าจะบรรลุเป้าหมายหลักคือเราควรจะเปิดประเทศตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป แต่ท่านนายกฯบอกว่าอีก 4 เดือน ถ้านับไปก็เปิดประเทศเดือนพฤศจิกายน ปีนี้เราก็จะได้ยอดขาย 2 เดือน แต่ความสดใสที่เห็นชัดเจนก็คือปีหน้า

ตั้งเป้ารายได้และกำไรปีนี้ไว้เท่าไร
กำไรก็ยังมั่นใจว่าส่งได้ตามที่ตั้งเอาไว้แน่นอน เป็นตัวเลขที่เราคอมมิทกับบอร์ดบริหารไว้แล้วว่าจะส่งเท่าไรก็คงจะต้องส่งเท่านั้น ส่วนยอดขายอาจจะยากนิดหนึ่ง ก็ต้องมาลดค่าใช้จ่าย ต้องเข้มงวดมากขึ้น ที่อยากได้ที่สุดก็คือเรื่องการลดค่าเช่า เพราะว่าเป็นค่าใช้จ่ายหลักอันหนึ่งของเรา ซึ่งเราก็เจรจาตลอด ยอมรับว่าแลนด์ลอร์ดก็น่ารักกับไมเนอร์ ฟู้ด ช่วยเหลือกันดีมาตั้งแต่รอบแรก ต้องขอบคุณทุกท่าน ถ้าได้มากกว่านี้ก็จะขอบคุณมาก

พอช่องทางการขายหลักอยู่ที่เดลิเวอรี่ปรับเปลี่ยนการมองและนิยาม 'คู่แข่ง' ไหม มองว่าแข่งกับร้านเล็กในชุมชนด้วยหรือเปล่า หรือยังมองแค่เชนใหญ่ด้วยกัน
ไม่ เราอาจจะมีคู่แข่งที่เป็นร้านดังๆ ที่มีอยู่แค่สาขาเดียวหรือ 2 สาขาก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเชนใหญ่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่า Bonchon จะแข่งแต่กับไก่เกาหลีเหมือนกัน เราอาจจะแข่งกับไก่ทอดหาดใหญ่คิวยาวๆ ก็ได้ วิธีการมองคู่แข่งก็เปลี่ยนไปหมด Sizzler มีสลัด แต่เดี๋ยวนี้สลัดก็เต็มไปหมด อย่าง Salad Factory และ Jones Salad หรืออย่าง โอ้กะจู๋ นั่นก็คือคู่แข่งรายใหม่ ซึ่งเขามีอยู่ไม่กี่สาขา แต่เราถือว่าเป็นคู่แข่งหมด


แต่แบรนด์ใหญ่น่าจะยังได้เปรียบในแง่ที่มีสาขาเยอะ ครอบคลุมหลายพื้นที่ และมีกำลังในการทำโปรโมชั่น
แต่ความเสี่ยงก็เยอะ ถ้าสถานการณ์ไม่ดีปุ๊บมันก็หนัก เพราะว่าต้นทุนเยอะ แต่พอฟื้นตัวกลับมา มันก็อาจจะเป็นแบรนด์ที่โตขึ้นมาเร็วที่สุดด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากสาขามันกระจายตัว

เทียบกันระหว่างปีที่แล้วกับปีนี้ ปีนี้ยากกว่าและความเปลี่ยนแปลงเยอะกว่าใช่ไหม
ปีนี้ยากกว่าเยอะ แต่ว่าเราก็มีต้นแบบมาจากปีที่แล้ว ปีที่แล้วเราคิดอะไรไม่ออกเลยว่าโควิด-19 คืออะไร จะฉีดวัคซีนเมื่อไหร่ ฉีดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นไหม แต่ตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายไปทีละเปลาะๆ ตอนนั้นมืดไปหมด แต่ตอนนี้เราคิดว่าอีก 120 วันก็จบแล้ว

จะนิยามครึ่งปีที่ผ่านมาอย่างไร บรรยากาศมืดมัวประมาณไหน
ตั้งแต่มกราคมก็สะลึมสะลือมา เพราะมีการระบาดอีกระลอกตั้งแต่ปลายปี 2563 แต่มามืดสนิทก็คือตอนเดือนเมษายน ตอนนี้ ณ วันที่ 18 มิถุนายน รู้สึกว่าเริ่มสว่างขึ้น และจากข่าวที่เปิดให้นั่งทานในร้านได้มากขึ้น และขยายเวลาเปิดร้านมากขึ้นก็เป็นข่าวที่ทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายขึ้น ก็มีความหวังครับ

ภาพโดย ชุติมน เมืองสุวรรณ
#3831


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) วานนี้ (22 ก.ค.) เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และพิจารณาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ศบศ.เปิดเผยว่า ศบศ.ได้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าไทยตามข้อเสนอทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามบริษัทเอกชนไทยและต่างประเทศที่มี ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษานายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติกลุ่มเป้าหมาย โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาข้อเสนอในรายละเอียดต่อไป

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ทีมปฏิบัติการเชิงรุกการลงทุนเสนอดึงกลุ่มแรงงานศักยภาพสูงและกลุ่มคนต่างชาติที่มีรายได้สูงมาพำนักไทย 1 ล้านคน ในปีนี้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศจากคนกลุ่มนี้ 1 ล้านล้านบาท และเกิดการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท ภาครัฐมีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น 2.5 แสนล้านบาท โดยมีข้อเสนอ คือ รัฐบาลไทยให้วีซ่าคนกลุ่มนี้ 10 ปี ได้รับอนุญาตทำงานโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ คิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้ในไทยในอัตราคงที่ 17% (จากเดิมเสียภาษีอัตราก้าวหน้าสูงสุด 35%) ได้เจ้าของหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว รวมที่ดินได้

ทั้งนี้ ศบศ.ยังไม่เห็นชอบและให้ทุกฝ่ายหารืออีกครั้งก่อนเสนอ ศบศ.ครั้งต่อไป

"กระทรวงการคลัง และทีม ม.ล.ชโยทิต คุยกันนอกรอบแล้วก่อนเสนอ ศบศ.แต่สื่อสารผิดพลาดในการประชุมครั้งนี้ ทำให้ยังไม่ได้รับพิจารณา และกลับไปหารือกันอีก รวมทั้งแพคเกจการลงทุนที่เป็นมาตรการภาษีในส่วนอื่นด้วยก่อนเสนอ ศบศ.อีกครั้ง"แหล่งข่าว ระบุ 

รายงานข่าวระบุว่า การประชุม ศบศ.เดือน มิ.ย.2564 มีข้อเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ได้แก่ 

1.ประชากรที่มีความมั่งคั่งสูง ต้องลงทุนขั้นต่ำ 500,000 ดอลลาร์ ในพันธบัตรรัฐบาลไทย ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ ในอสังหาริมทรัพย์ และมีรายได้ขั้นต่ำปีละ 80,000 ดอลลาร์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีทรัพย์สินขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์ หรือ 30 ล้านบาท มีประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษา 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป

2.ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ อายุ 50 ปีขึ้นไป มีรายได้จากการเกษียณอายุในต่างประเทศ ลงทุนขั้นต่ำในไทย 250,000 ดอลลาร์ มีรายได้ขั้นต่ำปีละ 40,000-80,000 ดอลลาร์ มีประกันสุขภาพ คุ้มครองค่ารักษา 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป
#3832


 
การตรวจเลือด เป็นแนวทางหนึ่งสำหรับการตรวจสอบรวมทั้งบ่งชี้ถึงการทำงานของอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคและสภาวะผิดปกติต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายในตัวเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เหตุเพราะเลือดเป็นตัวกลางของการลำเลียงสารต่างๆทั้งน้ำ อาหาร เชื้อโรค เชื้อไวรัส แล้วก็สิ่งแปลกปลอมอื่นๆไปทั่วร่างกายเรา การตรวจเลือดจึงเป็นวิธีหนึ่งซึ่งสามารถหาสิ่งแปลกปลอมในร่างกายเราได้อย่างแม่นยำรวมทั้งรวดเร็ว อย่างไรก็แล้วแต่การตรวจเลือดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถฟันธงถึงความผิดปกติรวมทั้งโรคที่เป็นได้ เนื่องจากว่ายังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลให้ผลตรวจเลือดอยู่ในเกณฑ์ไม่ปกติ เช่น อาหารที่ทาน ระดู การออกกำลังกาย ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่ม หรือการใช้ยาบางประเภท โดยเหตุนั้นจึงต้องควรมีการซักประวัติพร้อมกันกับการตรวจสอบเพิ่มเติม เป็นต้นว่า ตรวจปัสสาวะและก็อื่นๆตามดุลยพินิจของหมอ รวมทั้งเนื่องจากสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญรวมทั้งการที่ในสมัยนี้การแพทย์ต่างก้าวหน้า องค์ประกอบส่งเสริมสอดคล้องต้องกันขนาดนี้ พวกเราก็ควรจะเอาใจใส่ตัวเองด้วยการหมั่นดูแลร่างกายอยู่เสมอ การกินอาหารที่ดีรวมทั้งการบริหารร่างกายจะทำให้เราสามารถมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงได้ แม้กระนั้นภายในร่างกายเราก็อาจมีความผิดปกติ โรคแฝง หรือโรคแทรกซ้อนต่างๆที่ไม่แสดงอาการ ซึ่งอาจกระทบต่อชีวิตประจำวันทั้งต่อตัวเองแล้วก็ผู้อื่น ทั้งในปัจจุบันและก็ในอนาคต การตรวจเลือดรวมทั้งการตรวจร่างกายประจำปีก็สามารถที่จะช่วยให้พวกเราสามารถทราบและก็คิดหาวิธีป้องกัน แก้ไข รักษาหรือหนทางที่พวกเราจะอยู่ร่วมกับความผิดปกตินั้นๆได้
 



การตรวจผ่านแล็บก็นับว่าเป็นอีกช่องทางสำหรับคนทั่วๆไปอย่างเรา ๆ ที่ไม่อยากไปแออัดในโรงพยาบาลนานนัก ลดความแออัดในพื้นที่โรงพยาบาลที่มีมาก การตรวจผ่านแล็บนั้นเราจะทราบผลอย่างรวดเร็ว ไม่มีความจำเป็นต้องรอใบสั่งจากแพทย์ แค่พวกเราโทรศัพท์หาแล็บเพื่อปรึกษาการรับบริการแล้วก็แนวทางเตรียมความพร้อม ต่อจากนั้นก็สามารถเข้าไปตรวจเลือดได้เลย สะดวกเป็นอย่างมากสำหรับชาวไทยในปัจจุบันที่มีความประพฤติเสี่ยงเกี่ยวกับการรับเชื้อ HIV ไม่น้อยเลยทีเดียว จากการมีเซ็กส์โดยไม่ใส่ถุงยางหรือไม่ป้องกัน ในอีกแง่หนึ่งก็มีคนบางกลุ่มที่เข้ารับการตรวจเพื่อดูผลเองเฉยๆโดยไม่มีความรู้ความชำนาญเพียงพอจึงไม่เข้าใจว่าผลตรวจเลือดแต่ละจุดแต่ละค่าหมายถึงอะไร รวมทั้งบางทีอาจส่งผลให้ไม่ได้ป้องกันอย่างถูกต้อง ด้วยเหตุนั้นการตรวจเลือดด้วยตนเองก่อนไปโรงพยาบาล ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วไม่ต้องการที่จะอยู่แออัดในโรงพยาบาล แต่ก็ยังอยากได้รับคำแนะนำแล้วก็วินิจฉัยจากหมอ 





สำหรับชาวเหนือโดยเฉพาะคนพิษณุโลก เรามีที่ตรวจเลือดพิษณุโลกแนะนำ ซึ่งก็คือ พิษณุโลกเซ็นทรัลแล็บ สถานปฏิบัติการรวมทั้งตรวจวิเคราะห์ เน้นให้บริการด้านการตรวจเลือด แล้วก็ตรวจร่างกาย ซึ่งมีอุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์ที่ทันสมัย และน้ำยาที่ใช้ตรวจจากประเทศอเมริกา ปฏิบัติการโดยนักเทคนิคการแพทย์ผู้มีความชำนาญที่สามารถให้คำปรึกษาทางการตรวจแก่ผู้รับบริการ รวมทั้งที่สำคัญที่สุดการควบคุมคุณภาพทางห้องปฏิบัติการรวมทั้งการทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นที่ที่ให้บริการตามมาตรฐาน ยึดหลักความปลอดภัยแล้วก็ความลับของผู้ป่วยเป็นหลัก ทำให้ผู้รับบริการเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับผลของการตรวจที่ถูกต้อง แม่นยำ และก็มีความปลอดภัยในการรับบริการ ถ้าเกิดสนใจต้องการเข้ารับบริการกับทางพิษณุโลกเซ็นทรัลแล็บ สามารถโทรปรึกษาการให้บริการ-การเตรียมตัวเพื่อตรวจได้ในเวลาทำการเปิดบริการ : วันจันทร์-วันศุกร์ 07.00 - 20.00 น.และวันเสาร์-วันอาทิตย์ 07.00 - 17.00 น.โทรศัพท์ 05525958
#3833


ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์ (19ก.ค.)ดิ่งลง 725 จุด ถือเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 725.81 จุด หรือ 2.09% ปิเที่ 33,962.04 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วง 68.67 จุด หรือ 1.59% ปิดที่ 4,258.49 จุดและดัชนีแนสแด็ก ลบ 152.25 จุด หรือ 1.06% ปิดที่ 14,274.98 จุด

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญ และกลุ่มสายการบิน ต่างดิ่งลงในการซื้อขายวันนี้ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงเช่นกันตามราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิต

หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงหลุดระดับ 1.20% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) แถลงว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้พุ่งขึ้นในสหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยสหรัฐมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ย 30,000 รายต่อวันในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สูงกว่าค่าเฉลี่ย 11,000 รายต่อวันในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่า การที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ จะยิ่งทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น


ขณะนี้ อังกฤษมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 5.4 ล้านราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นมากกว่า 50,000 รายต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึกฟุต.ยูโร 2020 เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ซึ่งเป็นไปตามที่องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เตือนไว้ก่อนหน้านี้จากการที่อังกฤษไม่ได้ใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในการจัดการแข่งขันดังกล่าว

"หุ้นมีราคาแพงเกินไปเมื่อพิจารณาถึงผลประกอบการในอนาคต และตลาดก็ยังคงเผชิญปัญหาต่างๆ ทำให้นี่เป็นตลาดที่อันตรายมาก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดิ่งลงอย่างมากในขณะนี้" นายไทซ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายไทซ์ยังเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊ค แอ๊ปเปิ้ล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท หลังจากที่ได้ดีดตัวขึ้นอย่างมากก่อนหน้านี้

นายไทซ์ระบุว่า การทรุดตัวของตลาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์กำหนดเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
#3834


ที่ประชุม EOC ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center) ของกระทรวงสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีมติเห็นชอบให้ประชาชนสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ด้วยตนเองจากจากชุดตรวจสอบคัดกรองเบื้องต้นเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสเบื้องต้นก่อนเข้ากระบวนการตรวจชนิดยืนยันผลจากห้องปฏิบัติการ หรือที่เรียกว่า  Antigen Test Kit หรือ ATK ซึ่งจะเป็นทางออกให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งทำการตรวจได้ง่าย รู้ผลไว ลดความแออัดและแก้ปัญหาโรงพยาบาลปฏิเสธตรวจโควิดได้นั้น

ปัจจุบัน ชุดตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK เป็นเครื่องมือแพทย์ ตามพ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ซึ่งกำหนดให้ใช้ได้เฉพาะบุคคลกรทางการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น  และไม่สามารถจำหน่ายได้ตามร้านค้า อินเตอร์เน็ต โดย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  ระบุว่า ชุดตรวจด้วยตนเอง หรือ Home use ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ การตรวจด้วยตัวเองต้องรอการอนุญาตก่อน รวมถึงช่องทางจำหน่ายต้องรอประกาศในราชกิจนุเษกษาด้วย ปัจจุบันมี 24 บริษัทที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย.  ที่บุคคลการทางการแพทย์ใช้อยู่ ส่วนประชาชนทั่วไปยังใช้เองไม่ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่าง รอปลดล็อกให้วางจำหน่ายในร้านขายยา และประชาชนซื้อไปตรวจเอง

แม้ว่าขณะนี้ประชาชนยังไม่สามารถซื้อชุดตรวจโควิดได้ด้วยตนเองก็ตามแต่ความต้องการซื้อชุดตรวจโควิดก็พุ่งขึ้นมากมาย ทำให้ราคาพุ่งเกินเท่าตัว จากราคาที่ขายอยู่ในไม่เกิน 400 บาท ขยับเป็นชุดละ 800 บาทขึ้นไป ทำให้มีข้อเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาควบคุมราคาของชุดตรวจโควิด

ร้อนถึง"จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์"รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาระบุว่า  ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังรอข้อมูลจากกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ว่าอนุญาตให้ผู้นำเข้ามาขึ้นทะเบียนกี่ราย ปริมาณเท่าใด ราคาต้นทุนเท่าใด การกำหนดราคาขายในความเห็นของ อย. ในฐานะต้นเรื่องมีราคาเท่าไร เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถกำหนดได้เอง เนื่องจากไม่มีพื้นฐานด้านเครื่องมือแพทย์ ซึ่งการคุมราคาไม่อยากแต่ต้องสอดคล้องกันหลายมิติทั้งความหลากหลายของยี่ห้อ คุณภาพ มาตรฐาน และราคาต้นทุนที่มีความแตกต่างกัน จึงต้องดูด้วยความรอบคอบว่าถ้าไปกำหนดราคาในระดับหนึ่ง จะมีผลเป็นการสกัดไม่ให้มีการนำเข้าหรือไม่ เพราะถ้านำเข้ามาแล้ว ไม่กำไร ก็ไม่มีผู้นำเข้ามา ทำให้สุดท้ายประชาชนจะไม่สามารถมีชุดตรวจโควิด-19 ได้

ขณะที่นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้ร่วมประชุมกับอย. องค์การเภสัชกรรม กรมสนับสนุนสุขภาพ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานกฤษฎีกา และกรมศุลกากร เพื่อหาแนวทางในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ของชุดตรวจดังกล่าว เนื่องจากเป็นสินค้านำเข้าทั้งหมด ที่จะต้องทราบข้อมูลแต่ละชนิด มีต้นทุนที่แท้จริงเป็นอย่างไร มีจำนวนผู้นำเข้าที่ได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องมากน้อยแค่ไหน มีชนิดชุดตรวจกี่ประเภท กี่ชนิด และมีต้นทุนชุดตรวจแยกแต่ละชิ้นว่ามีต้นทุนมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณาต้นทุนที่แท้จริงได้ทั้งหมด เพื่อจะได้นำมาพิจารณา หากจะดึงให้เป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ

แม้ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์พยายามหาแนวทางแก้ปัญหาชุดตรวจโควิดที่มีราคาแพง หลังจากความต้องการของประชาชน แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งในหลักการสามารถที่จะกำหนดให้ชุดตรวจโควิดเป็นสินค้าควบคุมได้ แต่เนื่องจากชุดตรวจโควิดเป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ไม่ใช่สินค้าที่จำหน่ายโดยทั่วไป จำเป็นต้องผ่านกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแตกต่างกับหน้ากากอนามัยเพราะส่วนใหญ่ผลิตในประเทศไทย ขณะที่ชุดตรวจโควิดผลิตจากต่างประเทศและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ จึงมีความแตกต่างและมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน  ดังนั้นต้องรอความชัดเจนจากกระทรวงสาธารณสุข แต่เชื่อว่าจะมีความชัดเจนได้เร็วๆนี้ เพราะประชาชนมีความต้องการสูง ส่งผลให้ราคาจำหน่ายแพงเกินจริง
#3835
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#3836

 

การตรวจเลือด เป็นแนวทางหนึ่งสำหรับในการตรวจสอบและบ่งชี้ถึงลักษณะการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกาย ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคแล้วก็สภาวะผิดปกติต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นด้านในตัวเราได้ง่ายมากขึ้น เนื่องมาจากเลือดเป็นตัวกลางสำหรับการลำเลียงสารต่างๆทั้งน้ำ อาหาร เชื้อโรค เชื้อไวรัส และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆไปทั่วร่างกายพวกเรา การตรวจเลือดก็เลยเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถหาสิ่งแปลกปลอมในร่างกายพวกเราได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว อย่างไรก็แล้วแต่การตรวจเลือดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถฟันธงถึงความผิดปกติแล้วก็โรคที่เป็นได้ เนื่องจากยังมีปัจจัยอีกหลากหลายที่ส่งผลให้ผลตรวจเลือดอยู่ในเกณฑ์ผิดปกติ อย่างเช่น อาหารที่ทาน ระดู การออกกำลังกาย แอลกอฮอล์ที่ดื่ม หรือการใช้ยาบางชนิด ฉะนั้นจึงต้องควรมีการซักประวัติควบคู่กับการตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น ตรวจฉี่และก็อื่นๆตามดุลยพินิจของแพทย์ และก็เนื่องจากสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญรวมทั้งการที่ในยุคนี้การแพทย์ต่างเจริญก้าวหน้า องค์ประกอบส่งเสริมสอดคล้องต้องกันขนาดนี้ เราก็ควรเอาใจใส่ตนเองด้วยการหมั่นดูแลร่างกายอยู่เป็นประจำ การรับประทานอาหารที่ดีแล้วก็การบริหารร่างกายอาจทำให้เราสามารถมีสุขภาพแข็งแรงได้ แต่ภายในร่างกายเราก็อาจมีความผิดปกติ โรคแฝง หรือโรคแทรกซ้อนต่างๆที่ไม่แสดงอาการ ซึ่งอาจกระทบต่อชีวิตประจำวันทั้งต่อตัวเองและก็คนอื่นๆ ทั้งในตอนนี้แล้วก็ในอนาคต การตรวจเลือดและก็การตรวจสุขภาพประจำปีก็จะช่วยให้พวกเราสามารถรู้รวมทั้งคิดหาวิธีป้องกัน แก้ไข รักษาหรือแนวทางที่พวกเราจะอยู่ร่วมกับความผิดปกตินั้นๆได้ 





การตรวจผ่านแล็บก็นับว่าเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนทั่วๆไปอย่างพวกเราที่ไม่ได้อยากไปเบียดเสียดในโรงพยาบาลนานนัก ลดความแออัดในพื้นที่โรงพยาบาลที่มีมากมาย การตรวจผ่านแล็บนั้นพวกเราจะทราบผลอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นที่ต้องรอใบสั่งจากแพทย์ แค่เราโทรศัพท์หาแล็บเพื่อขอคำแนะนำการรับบริการรวมทั้งแนวทางเตรียมความพร้อม จากนั้นก็สามารถเข้าไปตรวจเลือดได้เลย สะดวกอย่างมากสำหรับชาวไทยในปัจจุบันที่มีความประพฤติเสี่ยงเกี่ยวกับการรับเชื้อ HIV จำนวนไม่ใช่น้อย จากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางหรือไม่ป้องกัน ในอีกแง่หนึ่งก็มีคนบางกรุ๊ปที่เข้ารับการตรวจเพื่อดูผลเองเฉยๆโดยไม่มีความรู้ความชำนาญเพียงพอก็เลยไม่เข้าใจว่าผลตรวจเลือดแต่ละจุดแต่ละค่าหมายถึงอะไร รวมทั้งบางทีอาจส่งผลให้ไม่ได้ป้องกันอย่างถูกต้อง ด้วยเหตุดังกล่าวการตรวจเลือดด้วยตนเองก่อนไปโรงพยาบาล ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดีสำหรับคนที่อยากได้ความรวดเร็วไม่อยากอยู่เบียดเสียดในโรงพยาบาล แต่ว่าก็ยังอยากได้รับคำแนะนำรวมทั้งวินิจฉัยจากแพทย์ 





สำหรับชาวเหนือโดยเฉพาะคนพิษณุโลก พวกเรามีที่ตรวจเลือดพิษณุโลกแนะนำ มันก็คือ พิษณุโลกเซ็นทรัลแล็บ สถานปฏิบัติการและก็ตรวจวิเคราะห์ เน้นให้บริการด้านการตรวจเลือด และตรวจสุขภาพ ซึ่งมีเครื่องมือตรวจวิเคราะห์ที่ทันสมัย แล้วก็น้ำยาที่ใช้ตรวจจากประเทศอเมริกา ดำเนินงานโดยนักเทคนิคการแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญซึ่งสามารถให้คำแนะนำทางการตรวจแก่ผู้รับบริการ แล้วก็ที่สำคัญที่สุดการควบคุมคุณภาพทางห้องปฏิบัติการแล้วก็การทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคพื้นที่ที่ให้บริการตามมาตรฐาน ยึดหลักความปลอดภัยและความลับของคนไข้เป็นหลัก ทำให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลของการตรวจที่ถูกต้อง แม่นยำ และมีความปลอดภัยในการรับบริการ ถ้าหากสนใจอยากเข้ารับบริการกับทางพิษณุโลกเซ็นทรัลแล็บ สามารถโทรปรึกษาการให้บริการ-การเตรียมตัวเพื่อตรวจได้ในเวลาทำการเปิดบริการ : วันจันทร์-วันศุกร์ 07.00 - 20.00 น.
และวันเสาร์-วันอาทิตย์ 07.00 - 17.00 น.โทรศัพท์ 05525958
#3837
แนะนำ!! สติกเกอร์ใหม่ในแอพ ChatStick Market และ LINE ประจำวันที่ 15/07/2021 จัดเต็มทั้งสติกเกอร์ดารา Youtuber และ สติกเกอร์น่ารักๆ ประจำสัปดาห์ทั้ง 8 ชุด โหลดใช้ได้ทั้งในแอพ LINE (สติ๊กเกอร์ไลน์) และแอพ ChatStick Market ซึ่งคุณจะสามารถส่งสติกเกอร์ไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, WeChat, KakaoTalk, Messenger, Whatsapp, Skype หรือในทุกช่องทางการแชทไหนก็ทำได้ ไปโหลดสติกเกอร์ใหม่ๆ ไว้ใช้กันได้เลย มีสติ๊กเกอร์ฟรีให้โหลดเพียบ

https://www.chatstickmarket.com/single-post/recommend-newstickersinchatstickmarketandlineappon15-07-2021

#3838
สำนักงานบัญชี  รับทำบัญชี  รับตรวจสอบบัญชี  จดทะเบียนบริษัท

สำนักงานบัญชี เอทีเอส บริการบัญชีและภาษี
1158/14  ซอยจันทน์ 37/1  ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 
สนใจติดต่อคุณสมบูรณ์ 089-793-5707 , 02-212-3064
Email : ats_audit@hotmail.com

ให้บริการพื้นที่ดังนี้  บางคอแหลม , ยานนาวา , พระราม 1 , พระราม 3 , พระราม 4 , สาทร , บางรัก , ทุ่งมหาเมฆ , เพลินจิต , ชิดลม , ปทุมวัน และพื้นที่อื่นที่ใกล้เคียง

แบบรายเดือนราคาเริ่มต้นเดือนละ 3,000 บาท
แบบรายปีราคาเริ่มต้นเดือนละ 1,500 บาท
•   บริการจัดทำแบบภาษีและยื่นภาษี
o   ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30)  พร้อมรายงานภาษีซื้อ  และภาษีขาย
o   ภาษีหัก ณ ที่จ่าย – เงินเดือน (ภ.ง.ด.1) และ (ภ.ง.ด.1 ก)
o   ภาษีหัก ณ ที่จ่าย – สำหรับนิติบุคคล (ภ.ง.ด.3) และ (ภ.ง.ด.53)
o   ภาษีเงินได้นิติบุคคลกลางปี (ภ.ง.ด.51)
o   ภาษีเงินได้นิติบุคคลปลายปี (ภ.ง.ด.50)
o   จัดทำแบบประกันสังคม (สปส.1-10)

ตรวจสอบบัญชีของบริษัทจำกัด  และห้างหุ้นส่วนจำกัด  (ราคาเริ่มต้นที่ 5,000 บาท/ปี)
•   ตรวจสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
•   บริการจัดทำงบการเงินและแบบภาษีภ.ง.ด.50  ส.บช.3  และ บอจ.5
•   นำส่งงบการเงินเข้ากระทรวงพาณิชย์และสรรพากร

จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท  (ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาท)

สำนักงานบัญชี , รับทำบัญชีถนนจันทน์ , รับทำบัญชีบางคอแหลม , รับทำบัญชียานนาวา , รับทำบัญชีพระราม 3 , รับทำบัญชีสาทร , รับทำบัญชีบางรัก ,รับทำบัญชีทุ่งมหาเมฆ , รับทำบัญชีสีลม , รับทำบัญชีศาลาแดง , รับทำบัญชีพระราม1 , รับทำบัญชีสยาม , รับทำบัญชีเพลินจิต , รับทำบัญชีชิดลม , รับทำบัญชีปทุมวัน , รับทำบัญชีเซ็นหลุยส์ , รับทำบัญชีสาธุประดิษฐ์ , รับทำบัญชี , รับทำบัญชีรายเดือน , รับทำบัญชีรายปี , ตรวจสอบบัญชี , ตรวจสอบบัญชีบริษัทจำกัด , ตรวจสอบบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด
#3839
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

 
 
#3840
ยิ่งอายุเพิ่มขึ้น ความรู้สึกกังวลใจเรื่องภาวะผิวก็ยิ่งมากตาม จากผิวที่เคยอ่อนนุ่มเมื่อครั้งเยาว์วัยกลับเริ่มแห้งกร้าน
จากผิวที่เคยตึงแน่นปราศจากรอยเหี่ยวย่น ในวันนี้เริ่มมีริ้วรอยแลดูน่ากังวลตามถามหา อย่างนี้ จะทำยังไงดี?
จริงอยู่ที่เราหยุดอายุที่เพิ่มขึ้นทุกวี่วันมิได้ แต่คุณทราบหรือเปล่า ถ้าหากเป็นเรื่องอายุแล้วก็สภาพของผิวพรรณแล้วนั้น ที่จริงแล้วพวกเรามีสูตรโกงอายุอยู่นะ!
"Lancôme Absolue สินค้า ครีมลดเลือนริ้วรอย จากดอกกุหลาบลังโคม ตัวช่วยเพื่อการโกงอายุแก่ผิวคุณ"
ถือเป็นไลน์สินค้า โลชั่นบำรุงผิวหน้า รุ่นใหม่ขายดีของแบรนด์ Lancôme แบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังที่เราต่างรู้จักกันดี ตัวครีมที่มีไว้ดูแลผิวไลน์นี้ ได้รับความเชื่อมั่นและก็ยอมรับจากผู้หญิงผู้ใช้ทั่วทั้งโลกยกให้เป็นตัวช่วยสำคัญเพื่อการโกงอายุผิวพรรณทวงคืนความอ่อนเยาว์

Lancôme Absolue ได้ใช้ส่วนประกอบสำคัญอย่าง Grand Rose Extracts หรือสารสกัดเลอค่าจากดอกกุหลาบสายพันธุ์ลังโคม (Lancôme Rose) นำมาผสานเข้ากับนวัตกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์ระดับสูง เพื่อการเข้าฟื้นฟูบำรุง ทวงคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวพรรณ เนื้อครีมบำรุง แล้วก็ซีรั่มมีประสิทธิภาพการลดรอยลึกของริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยทำให้ผิวแลดูกระชับได้มากขึ้น พร้อมเปิดเผยผิว ดูเปล่งปลั่งกระจ่างขาวสวยใส มีสุขภาพดี

Lancôme Absolue มาพร้อมสินค้าจำนวน 4 ชิ้น ได้แก่ Day cream, Night cream เน้นเข้าฟื้นฟูบำรุงผิว Absolue Rose 80 เอสเซนส์ เนื้อบางเบาที่อุดมด้วยคุณประโยชน์แห่งน้ำกุหลาบรวมทั้งสารสกัด Grand Rose Extracts ยิ่งกว่านั้นยังมีเซรั่มลดริ้วรอย Absolue Revitalizing Oleo Serum ช่วยประสานพลังกระชับผิว คืนความเนียนนุ่มแก่ผิวให้แลดูสดชื่นอ่อนวัยกว่าที่เคย

1.    Absolue Soft Cream (Day Cream) 60 มล. ราคาแนะนำขาย 12,500 บาท รีฟิล ราคา 10,500 บาท
ครีมลดริ้วรอย สำหรับใช้ได้ในช่วงกลางวัน โดดเด่นที่เนื้อครีมนวลนุ่มดุจใยไหม ตามคอนเซ็ปต์เนื้อครีมแบบ TTT หรือ Thick — Thin –Thick ที่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อการเข้าบำรุงอย่างลึกล้ำ แต่ว่าไม่ทิ้งคราบหรือความรู้สึกหนาหนักให้กวนใจ




2.    Absolue Rich Cream (Night Cream) 60 มล. ราคาแนะนำขาย 12,500 บาท รีฟิล ราคา 10,500 บาท
ครีมลดเลือนริ้วรอยเนื้อแน่นเข้มข้น เหมาะกับการใช้ในช่วงเวลากลางคืนระหว่างผิวอยู่ในช่วงการพักและฟื้นฟู ตัวครีมมีคุณลักษณะกักเก็บความชุ่มชื้นใต้ผิวหนัง ดูแลเรื่องริ้วรอยที่กังวลใจให้ดูตื้นขึ้น สามารถเข้ากระชับผิว พร้อมเปิดเผยความผ่องใสเนียนนุ่มดุจผิวของวัยเยาว์
3.    Absolue Rose 80 (Essence) 150 มล. ราคาแนะนำขาย 4,400 บาท
เข้มข้นด้วยสารสกัดจากกุหลาบสูงถึง 80% ทั้งยังมีส่วนผสม Rose Water รวมทั้งไฮยาลูรอนิค Absolue Rose 80 ขวดนี้ มีประสิทธิภาพช่วยเข้าปลอบประโลมผิว คืนผิวพรรณเนียนนุ่ม สู่ความสดชื่นกว่าที่เคย





4.    Absolue Revitalizing Oleo Serum 30 มล. ราคาแนะนำขาย 10,800 บาท
เซรั่มลดริ้วรอย อุดมด้วยคุณค่าจากดอกกุหลาบลังโคมและวิตามินอี แนะนำใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์อื่นๆของ Lancôme Absolue ซีรั่มและครีมสำหรับบำรุงผิวจากสารสกัดดอกกุหลาบนี้จะผสานพลังเพื่อค่อยๆกอบกู้ผิวอ่อนเยาว์ของคุณให้กลับคืน