• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jenny937

#3782



เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 64 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า การประเมินตำแหน่ง และ วิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ไม่ได้รับผลกระทบ แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ส่งผลให้ครูต้องปรับรูปแบบจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ดังนั้น ก.ค.ศ. ได้ปรับหลักเกณฑ์การประเมิน และทำหนังสือแจ้งแนวปฏิบัติไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ผู้อำนวยการโรงเรียน รวมถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ยืดหยุ่นหลักเกณฑ์การประเมินต่างๆ โดยครูที่เป็นจิตอาสาในช่วงวิกฤตโควิด-19 สามารถนำมาใช้เป็นผลงานในการประเมินได้ ทั้งนี้ ให้สถานศึกษายืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ส่วนการประเมินผู้อำนวยการสถานศึกษา ให้ใช้การประเมินในแนวทางเดียวกัน

รศ.ดร.ประวิต กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้จัดประชุมคณะทำงานดำเนินการนำร่องการประเมินตำแหน่ง และวิทยฐานะ ผ่านระบบออนไลน์ มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เข้าร่วม โดยรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ห่วงใยเรื่องการเรียนการสอน และจากการรับฟังปัญหาของครูในพื้นที่ อยากให้มีงบประมาณเข้ามาช่วยเด็กในการเรียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเด็กที่ขาดแคลน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.รับทราบปัญหา คาดว่าจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาเร็วๆ นี้ ทั้งการปรับ และยืดหยุ่นระเบียบการใช้เงินอุดหนุนรายหัว การนับเวลาเรียน การประเมินผลการจัดการเรียน การบริหาร จัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้แก่นักเรียน และผู้ปกครอง

"ในส่วนของสำนักงาน ก.ค.ศ.เอง พยายามปรับระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันให้มากที่สุด และเป็นไปตามนโยบาย โดยการประเมินต่างๆ ได้ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตั้งแต่การแพร่ระบาดในช่วงแรก ถือเป็นการปลดล็อก ไม่ให้กระทบภาพรวมการจัดการเรียนการสอน"

ส่วนความคืบหน้ากรณีข้าราชการครูฯ จำนวน 1,933 ราย ยื่นทบทวนมติคณะกรรมการ ก.ค.ศ.กรณีระบุให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการยื่นขอมีและเลื่อนวิทยฐานะตามเกณฑ์ ว13 เรื่องการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ มีวิทยฐานะ หรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ซึ่งกรณีนี้ยืดเยื้อ และมีการร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 2561 และ ก.ค.ศ.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ อ.ก.ค.ศ.ได้พิจารณาแล้ว และจะประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ครบทุกคน เนื่องจาก อ.ก.ค.ศ.ไม่สามารถจัดประชุมได้ เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 ดังนั้น การทำงานจึงอาจต้องล่าช้าออกไป แต่ ก.ค.ศ.จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้เสียสิทธิจากกรณีดังกล่าว ได้รับการพิจารณาจากสำนักงาน ก.ค.ศ.ว่าเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพื่อขอมี หรือเลื่อนวิทยฐานะ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ ศธ.0206.3/ว13 เรื่องการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ มีวิทยฐานะ หรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ซึ่งเปิดให้ยื่นตั้งแต่ปี 2559 และได้รับแจ้งผลการประเมินปี 2561 ขณะนั้นผู้ที่ยื่นขอทบทวน 16 ราย ได้เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2561
#3783



แฟลช เอ็กซ์เพรส ประกาศเปิดให้บริการรับส่งพัสดุทุกพื้นที่ตามปกติเที่ยงคืนของวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ หลังเคลีย์พัสดุคงค้างในศูนย์กระจายพัสดุสาขาวังน้อยเรียบร้อย ยืนยันลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการชดเชยอย่างแน่นอน พร้อมยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 ในทุกสาขาทั่วประเทศเพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้บริการทุกคนมั่นใจในความปลอดภัย

บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ผู้ให้บริการขนส่งแบบครบวงจร พร้อมเปิดให้บริการรับส่งพัสดุทุกพื้นที่ทั่วประเทศนับตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ภายหลังก่อนหน้าได้รับคำสั่งปิดศูนย์กระจายพัสดุสาขาวังน้อยจากคณะกรรมการโรคติดต่อ ในส่วนพัสดุตกค้างที่อยู่ในศูนย์ฯวังน้อยจะสามารถเคลีย์ได้ทั้งหมดภายในวันที่ 30 กรกฎาคมเช่นเดียวกัน พร้อมยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 ภายในศูนย์กระจายพัสดุ และในสาขาอื่นๆทั่วประเทศ โดยเฉพาะสุขอนามัยของพนักงานที่เข้ารับส่งพัสดุถึงหน้าบ้านลูกค้าผู้ใช้บริการเพื่อลดความเสี่ยงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม

ทั้งนี้มาตรการชดเชยให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบจากกรณีปิดศูนย์ฯ มีรายละเอียด ดังนี้
1) ตามประกาศของบริษัทฯ ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 พัสดุที่ถูกจัดส่งระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ถึงเที่ยงคืนวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ระบบจะดำเนินการคำนวณพัสดุที่มีระยะเวลาอยู่ที่ศูนย์กลางกระจายพัสดุ (Hub) นานเกินกว่า 3 วัน ทางบริษัทฯ ยินดีคืนเงินค่าขนส่ง 100% สำหรับพัสดุที่ลูกค้าปลายทางปฏิเสธการรับพัสดุเนื่องจากความล่าช้าของปัญหาจากศูนย์กลางกระจายพัสดุ ทางบริษัทฯ รับผิดชอบค่าตีกลับไปยังผู้ส่งต้นทาง และสำหรับพัสดุบางส่วนที่ถูกรับฝากส่งในวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 และบริษัทฯ ทำการตีกลับคืนผู้ส่ง ทางบริษัทฯ จะคืนเงินค่าขนส่ง 100%

2) ค่าชดเชยรวมทั้งหมดตามข้างต้น หากเกินกว่า 500 บาท จะทำการชดเชยในรูปแบบของเงินสดผ่านแอพพลิเคชั่น แฟลช เอ็กซ์เพรส โดยสามารถทำการถอนเงินสดจากแอพไปยังธนาคารใดก็ได้ หากน้อยกว่า 500 บาทจะชดเชยในรูปแบบของคูปอง 20 บาท ซึ่งมีอายุการใช้งาน 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่บริษัทฯ ดำเนินการส่งคูปองให้ สำหรับคูปองและเงินสดจะถูกโอนเข้าไปยังบัญชีผู้ใช้ในแอพพลิเคชั่น แฟลช เอ็กซ์เพรสของท่านก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 1 สิงหาคม 2564

3) คูปองและเงินสดจะถูกโอนเข้าไปยังบัญชีผู้ใช้ที่ใช้ในการจัดส่งพัสดุ (ท่านสามารถใช้บัญชีลูกค้าทั่วไปหรือบัญชีลูกค้าธุรกิจในการเข้าสู่แอพพลิเคชั่น แฟลช เอ็กซ์เพรส และตรวจสอบที่แอพพลิเคชั่น แฟลช-โปรไฟล์) หากบัญชีผู้ใช้เป็นของแพลตฟอร์มจะดำเนินการโอนเข้าเบอร์โทรศัพท์ของผู้ส่งที่ผูกไว้กับบัญชีผู้ใช้ของแฟลช เอ็กซ์เพรส (ท่านสามารถใช้เบอร์โทรศัพท์ผู้ส่งเข้าสู่แอพพลิเคชั่น แฟลช เอ็กซ์เพรสเพื่อตรวจสอบ)

4) ผู้รับปลายทางที่พัสดุได้รับผลกระทบข้างต้น จะได้รับคูปองมูลค่า 10 บาท จำนวน 5 ใบ ต่อจำนวนพัสดุที่ได้รับผลกระทบ 1 ชิ้น ซึ่งมีอายุการใช้งาน 6 เดือน (ท่านสามารถใช้เบอร์โทรศัพท์ของผู้รับพัสดุเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชั่น แฟลช เอ็กซ์เพรส เพื่อตรวจสอบ)

5) ตั้งแต่ที่บริษัทฯได้มีการออกประกาศ เราได้ดำเนินการเคลมสินค้าเสียหายอย่างเร็วที่สุด สำหรับพัสดุที่เสียหายหรือสูญหายทั้งหมดที่ยังไม่ได้ดำเนินการในช่วงเวลาประกาศที่ผ่านมา บริษัทฯจะดำเนินการทั้งหมดในวันที่ 30 และ 31 กรกฎาคม 2564 โดยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว บริษัทฯจะทำการแจ้งเตือนให้มีการเคลมพัสดุ (ท่านสามารถยื่นเคลมได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น แฟลช เอ็กซ์เพรส)

6) การใช้งานคูปองทั้งหมดไม่มีเงื่อนไขข้อจำกัดของจำนวนพัสดุขั้นต่ำและมูลค่าขนส่งขั้นต่ำ เมื่อมีการส่งพัสดุจะถูกใช้เป็นส่วนลดโดยอัตโนมัติ โดย 1 พัสดุต่อ 1 คูปองส่วนลด ระยะการใช้งานภายใน 6 เดือน
หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ call center 1436 และทาง FaceBook Fanpage: Flash Express และดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ www.flashexpress.co.th และแอพพลิเคชั่น แฟลช เอ็กซ์เพรส
#3784


เรื่องของโควิด-19 ภายในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดการลงทุนในสัปดาห์นี้ สถานการณ์ล่าสุดในวันอาทิตย์ผู้ติดเชื้อต่อวันยังคงเห็นการพุ่งขึ้น และทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หากอิงข้อมูลการติดเชื้อต่อวันจาก World Meter พบว่า การติดเชื้อของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 9 ของจำนวนประเทศที่ World Meters เก็บรวบรวมทั้งหมด 222 ประเทศ

ขณะที่ปัจจุบันจำนวนการติดเชื้อของประเทศไทยเริ่มเห็นการกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น หากมาดูข้อมูลล่าสุดจาก ศบค. พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 100% มาจากต่างจังหวัดที่ไม่รวมปริมณฑลถึง 59% ซึ่งเร่งตัวขึ้นมาจากช่วงก่อนหน้าราวกลาง ก.ค. ที่ 46% บ่งชี้ว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดไปเริ่มกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เรากังวลและตลาดยังไม่ตอบรับคือการยกระดับมาตรควบคุมมากขึ้นในต่างจังหวัดเพื่อสกัดกั้นการระบาด แต่การยกระดับจะเป็นลบกับเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่ม Downside Risk ต่อประมาณการ จึงแนะนักลงทุนติดตามใกล้ชิดเกี่ยวกับการระบาดของต่างจังหวัด ดังนั้น จากการระบาดที่ยังมีความเสี่ยงทำให้ประเมิน SET ยังเสี่ยงอ่อนตัวกรอบ 1,520-1,560

สำหรับการส่งออกในเดือน มิ.ย. ขยายตัว 44%YoY นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี หลักๆ เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและฐานปี 20 ที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ +78%YoY เครื่องใช้ไฟฟ้า +42%YoY แผงวงจรไฟฟ้า +33%YoY เคมีภัณฑ์ +47%YoY สินค้าเกษตร +60%YoY มองเป็นบวกต่อ (AH DELTA HANA KCE NER PTTGC SAT) อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังต้องติดตามการระบาดโควิด-19 ที่หลายประเทศเผชิญการระบาดอีกครั้ง และบางประเทศที่เกิดการระบาดเป็นคู่ค้าหลักของไทย เช่น สหรัฐฯ (15%) ASEAN (13.4%) ญี่ปุ่น (9.8%)

ปัจจัยสัปดาห์นี้ (1) ประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุสัปดาห์นี้จะมี SCC PTTEP GLOBAL รายงานผลประกอบการ (2) ประชุม FED ในวันพฤหัสบดี แต่เชื่อว่าไม่มีนัยอะไรมากเนื่องจาก Policy ยังน่าจะคล้ายประชุมครั้งก่อน

กลยุทธ์การลงทุน การลงทุนระยะสั้นควรเลือกหุ้นที่ผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด เช่น ส่งออก (ASIAN DELTA HANA KCE NER TU) สื่อสารและโรงไฟฟ้า (ADVANC BGRIM BCPG GPSC GULF) รวมถึงได้ประโยชน์จากโควิด-19 เช่น โรงพยาบาล (BCH CHG) พร้อมแนะยังคงเน้นการถือครองเงินสดมากขึ้น

KCE (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 90 บาท) คาดผลการดำเนินงาน 2Q21E ที่ 531 ล้านบาท (+644%YoY และ 6%QoQ) โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากรายได้ที่ขยายตัวสู่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 71%YoY จากฐานที่ต่ำในปี 2020 และเพิ่มขึ้น 7%QoQ ตามจำนวนวันดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นราคาขาย
URL
 13
 
#3785



นายผยง  ศรีวณิช  ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิด-19 ธนาคารสมาชิกได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ตามมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยในเดือนกรกฏาคม  2563 มีลูกค้าขอรับความช่วยเหลือสูงสุดจำนวน 6 ล้านบัญชี วงเงินความช่วยเหลือรวม 4.25 ล้านล้านบาท เป็นวงเงินสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ 8 แสนล้านบาท ลูกค้า SME 1.8 ล้านล้านบาท และลูกค้ารายย่อย 1.6 ล้านล้านบาทซึ่งที่ผ่านมา มีลูกค้าบางส่วนได้ออกจากมาตรการเนื่องจากกลับมาชำระหนี้ได้ในช่วงที่สถานการณ์ดีขึ้น

ล่าสุด ยังมีลูกค้าอยู่ภายใต้การให้ความช่วยเหลือรวม 1.89 ล้านบัญชี คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือกว่า 2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ 5.6 แสนล้านบาท ลูกค้า SME 8.2 แสนล้านบาท และลูกค้ารายย่อย 6.2 แสนล้านบาท สำหรับมาตรการเสริมสภาพคล่อง เพื่อประคับประคองธุรกิจตามมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย

ธนาคารสมาชิกได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเสริมสภาพคล่องกว่า 2.16 แสนล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ประมาณ 1.38 แสนล้านบาท และวงเงินสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจที่อนุมัติไปแล้วกว่า 7.8 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าหมาย 1 แสนล้านบาทในเดือนตุลาคมนี้

อย่างไรก็ตาม ทุกธนาคารยังคงเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าอย่างเต็มที่ โดยจะทยอยพิจารณาให้การช่วยเหลือผ่านวงเงินดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้หารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบต่อลูกค้าทุกกลุ่ม โดยพร้อมมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม หากสถานการณ์ยืดเยื้อกว่าที่ประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม   ภาคธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 โดยในช่วงแรกออกมาตรการช่วยเหลือเป็นการทั่วไป เป็นมาตรการเร่งด่วน ทั้งการพักชำระเงินต้น ดอกเบี้ย และขยายระยะเวลาชำระหนี้  เพื่อลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้า เสริมสภาพคล่องด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ  (Soft Loan)  หลังจากนั้นได้ออกมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้ตรงจุด เช่น มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ และเมื่อมีการระบาดระลอกใหม่ทำให้เศรษฐกิจต้องใช้เวลานานขึ้นในการฟื้นตัว จึงมีมาตรการฟื้นฟูธุรกิจเพิ่มเติม ประกอบด้วย สินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจ วงเงิน 250,000 ล้านบาท และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ วงเงิน 100,000 ล้านบาท  พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย ระยะที่ 3 และล่าสุดได้ออกมาตรการเร่งด่วนด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้า SMEs และลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เป็นระยะเวลา 2 เดือน  ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการ ในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ

" ทั้งนี้ ธนาคารสมาชิกได้บริหารจัดการธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ว่าภาพรวมผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ในช่วงครึ่งปี 2564 แสดงผลการดำเนินงานที่ยังเติบโตต่อเนื่อง  แต่บางส่วนเป็นการบันทึกรายได้ดอกเบี้ยค้างรับของมาตรการช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งยังไม่ได้มีการชำระจริงและยังอาจกลายเป็นหนี้เสียได้  อย่างไรก็ตาม ภาพรวม  NPL ในระบบแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย สะท้อนถึงการให้ความช่วยเหลือได้ทันการณ์ ซึ่งนอกจากการให้สินเชื่อผ่าน Soft Loan และสินเชื่อฟื้นฟูแล้ว ธนาคารพาณิชย์ยังปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ตามวงเงินที่มีอยู่เดิมเพิ่มขึ้น และยังคงให้ความสำคัญกับการกันสำรองอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต และต้องไม่เกิดผลกระทบกับเสถียรภาพและระบบสถาบันการเงินของประเทศ"


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 ระลอกใหม่ที่รุนแรงขึ้น สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกยังได้ยกระดับแผน Business Continuity Planning หรือ BCP เพื่อความต่อเนื่องในการให้บริการ โดยคำนึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานเป็นสำคัญ ทั้งนี้ แผน BCP ครอบคลุมทั้งการปฎิบัติตามมาตรการของทางการ ระบบการให้บริการ การจัดสรรพนักงาน และการสำรองเงินสดให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ลูกค้าทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์  ทั้ง Mobile Application  Internet Banking และ  ตู้ ATM ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้หลากหลาย ทั้งฝาก-ถอนเงินสด โอนเงิน จ่ายบิล การยืนยันตัวตน รวมถึงบริการผูกบัญชีพร้อมเพย์  โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา เพื่อความสะดวก และลดความเสี่ยง

ทั้งนี้ ได้ติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิด ได้มีการปฏิบัติงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home  ขั้นสูงสุด ส่วนพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานในสาขา ซึ่งถือว่าเป็นบุคลากรด่านหน้าและเป็นกลุ่มเสี่ยง ธนาคารสมาชิกก็พยายามเร่งจัดหาวัคซีนและกระจายฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด พร้อมจัดการระบบให้บริการที่สาขาให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข

นอกจากมาตรการช่วยเหลือลูกค้าแล้ว   สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ยังสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อ ในปี 2563 โดยบริจาคให้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันบำราศนราดูร และสภากาชาดไทย จำนวนเงิน 50 ล้านบาท สำหรับในปี 2564 ธนาคารสมาชิกยังคงสนับสนุนการทำงานอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสนับสนุนทุนทรัพย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ ขณะเดียวกัน ยังเป็นกำลังสำคัญร่วมกับภาคีเครือข่าย สนับสนุน  โครงการ "ไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัย" ซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างภาครัฐและเครือข่ายภาคีเอกชน ในการเร่งกระจายวัคซีนให้กับประชาชน โดยสนับสนุนศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลในโครงการไทยร่วมใจฯ 25 แห่ง ศูนย์ฉีดวัคซีนสำนักงานประกันสังคมเพื่อผู้ประกันตน ม.33 อีก 69 แห่ง รวมถึงจุดบริการฉีดวัคซีนของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงสุด โดยธนาคารสมาชิกได้ให้การสนับสนุนทั้งด้านสถานที่ บุคลากร และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือในการดำเนินงานอีกด้วย
#3786



นายธีระพงษ์ ลิมป์ประเสริฐ หัวหน้าสายงานจัดส่งสินค้าและบริหารค้าปลีก บริษัท เอบีพีโอ จำกัด ในเครือ บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าครบวงจร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้สร้างผลกระทบต่อระบบขนส่งพัสดุของกลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ค้าออนไลน์ หรือลูกค้าทั่วไป ให้มีความล่าช้าลง อันเนื่องจากผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุจำเป็นต้องชะลอการให้บริการบางสาขาลงชั่วคราว

บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี บริษัทฯ มีการเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี บริษัทฯ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าต่อไปในวิกฤตินี้

ทั้งนี้บริษัทฯ ได้นำกลุ่มธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าครบวงจร (Fulfillment Service) ร่วมช่วยเหลือการจัดส่งพัสดุของกลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ค้าออนไลน์หรือลูกค้าทั่วไป ตั้งแต่สินค้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่น้ำหนักไม่เกิน 30-150 กิโลกรัม โดยสามารถรองรับการขนส่งพัสดุสูงสุด 10,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งบริษัทฯ จะนำศูนย์กระจายสินค้าในทุกภูมิภาคของประเทศ อาทิ กรุงเทพฯ นนทบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และระยอง ฯลฯ ให้บริการรับ-ส่งพัสดุทั่วประเทศ ทั้งจากผู้ค้าออนไลน์ กลุ่มเอสเอ็มอี และลูกค้าทั่วไป ด้วยอัตราค่าบริการที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย รวมทั้งจัดเตรียมส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่ส่งพัสดุจำนวนมาก 300 ชิ้นขึ้นไปต่อวัน (ตามข้อตกลง) โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทร 0-2793-2022 กด 3


สำหรับประเภทการจัดส่งสินค้า บริษัทฯ เปิดให้บริการฝากส่งสินค้าทุกประเภท เช่น อาหารสำเร็จรูป กล้าพันธุ์ไม้  เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องออกกำลังกาย เป็นต้น สามารถจัดส่งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภายใน 2 วัน ส่วนในต่างจังหวัดใช้ระยะเวลาโดยเฉลี่ยกว่า 3 วัน และกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาบริการส่งพัสดุด่วน 1 วัน (SAME DAY)


ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยลูกค้าที่เข้าใช้บริการโดยเจ้าหน้าที่จะสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาระหว่างให้บริการ ระบบการคัดกรองก่อนเข้าทำงาน และเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนคาดว่าจะครบทุกคนในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ยังพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนพัสดุทุกชิ้น เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19


"ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่องทางหลักที่สร้างรายได้ในสถานการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก ผู้ค้าออนไลน์ และลูกค้าทั่วไป ซึ่งหลังจากประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว อัตราการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เติบโตเพิ่มขึ้น จากปกติอัตราขนส่งพัสดุในประเทศไทยโดยเฉลี่ย 4 ล้านชิ้นต่อวัน ดังนั้นทีวี ไดเร็คขอเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมต่อโลกการช้อปปิ้งออนไลน์ให้สามารถเดินหน้าต่อไป ด้วยบริการจัดส่งพัสดุถึงมือลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพและปลอดภัย โดยพร้อมยืนอยู่เคียงข้างและร่วมฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน"

สำหรับภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซของทีวี ไดเร็ค บนเว็บไซต์ หลังจากประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ยอดขายสินค้าในช่องทางดังกล่าวมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนรายได้จากลูกค้าอีคอมเมิร์ซเพิ่มจาก 10% เป็น 15% และจากการเพิ่มรายการสินค้าให้มีความหลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มเป็น 20% ส่วนรายได้อีก 80% จะมาจากลูกค้าในช่องทางทีวีโฮมช้อปปิ้งและคอลล์เซ็นเตอร์
#3787


วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) เผยกลยุทธ์การขายปี 2564 เดินหน้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อมอบบริการบนเครือข่ายดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ (Digital Services) เปิดตัวศูนย์บริการลูกค้ารูปแบบใหม่ Customer Relations Center (CRC) สัมผัสการบริการแบบครบวงจรให้ความรู้สึกปลอดภัยตลอดการเดินทาง และ ยังคงให้ความสำคัญกับการยกระดับโชว์รูมบนมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) รวมถึงบริการซ่อมบำรุงระดับพรีเมียม Volvo Personal Service (VPS) สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าทั้งแบบ Plug-in Hybrid และ Pure Electric ตามแผนธุรกิจระยะ 10 ปีของวอลโว่ เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานสะอาดระดับพรีเมียมของโลกภายในปี 2573

ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย มียอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ 1,824 คัน โดยเป็นลูกค้าองค์กร 26% ส่วนการจำหน่ายรถยนต์มือสองภายใต้มาตรฐาน Volvo Selekt Used Cars มีอัตราลดลงเพียง 10% สำหรับรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่รุ่น XC40 คิดเป็น 30% ของยอดจำหน่ายรวม อันดับสองคือรุ่น XC60 คิดเป็น 26% และอันดับสามคือรุ่น V60 คิดเป็น 16% โดยรุ่นที่น่าจับตามองคือรุ่น S60 ซึ่งเปิดตัวในช่วงการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคระบาดโควิด-19 แต่ยังสามารถจำหน่ายได้นับร้อยคันทันทีที่เปิดจอง



นายภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด สรุปการดำเนินธุรกิจของวอลโว่ ประเทศไทยในปีที่ผ่านมาว่า "วิกฤติการณ์ในปี 2563 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก สำหรับวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เรามีการตั้งรับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ด้วยการยกระดับช่องทางการสื่อสารออนไลน์และมาตรฐานด้านสุขอนามัยในศูนย์บริการทุกแห่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า ซึ่งทำให้เราสามารถจำหน่ายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดระดับพรีเมียมได้เกือบ 2,000 คัน โดยลดลงจากปี 2562 เพียง 13% เท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าผู้บริโภครายย่อยยังคงเชื่อมั่นในประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของรถยนต์วอลโว่อย่างมาก"

สำหรับการดำเนินงานด้านการยกระดับคุณภาพของศูนย์บริการในปี 2563 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย สามารถขยายเครือข่ายโชว์รูมพันธมิตรเพิ่มอีก 3 แห่ง และยังสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานของโชว์รูมและศูนย์บริการพันธมิตรทุกสาขาให้สอดคล้องตามมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) ทุกขั้นตอน



การปรับกลยุทธ์การขายปี 2564

ภายใต้แนวคิด "Change Today for a .ter Future"

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้วอลโว่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในด้านผลิตภัณฑ์ การให้บริการของโชว์รูมและศูนย์ซ่อมบำรุง ไปจนถึงระบบสนับสนุนของศูนย์บริการลูกค้า Customer Relations Center (CRC) เพื่อให้ตอบรับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้คน ตามแนวคิด "Change Today for a .ter Future"

-การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของแบรนด์

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบรุ่นแรก Volvo XC40 Recharge Pure Electric ซึ่งสร้างกระแสความตื่นตัวด้านรถยนต์พลังไฟฟ้าในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างมาก ทั้งยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ EA Anywhere ผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ระบบไฟฟ้าของเมืองไทย ซึ่งมีสถานีชาร์จไฟกว่า 1,000 จุดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เดินทางไกลได้อย่างไร้กังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จไฟ และปูทางสู่อนาคตรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ยั่งยืน



-ขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย และ ยกระดับศูนย์บริการซ่อมบำรุงต่อเนื่อง

นอกจากการขับเคลื่อนโชว์รูมทุกแห่งให้สามารถมอบบริการตามมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวผู้จัดจำหน่ายรายใหม่อย่างเป็นทางการ จำนวน 3 ราย ได้แก่ 14 Auto Marque เขตจอมทอง, Newton Prestige Auto เขตตลิ่งชัน และ Phranakorn Swedish Car สาขาลาดพร้าว และอีก 1 ราย ล่าสุด GT Auto สาขาพัทยา เมื่อเร็วๆนี้ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ยังประกาศให้ ศูนย์บริการวอลโว่ของเอ็มดับบลิว มอเตอร์วัน ผ่านการรับรองมาตรฐาน Volvo Personal Service (VPS) อย่างเป็นทางการ โดยวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นยกระดับโชว์รูมและศูนย์บริการทุกแห่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับบริการบนมาตรฐานระดับโลกจากศูนย์บริการรถยนต์วอลโว่ทุกสาขาในประเทศไทย

-ศูนย์บริการลูกค้า Customer Relations Center (CRC) เพื่อมอบ Digital Services เต็มรูปแบบ

ไม่เฉพาะการอัปเกรดผลิตภัณฑ์ วอลโว่ยังยกระดับประสิทธิภาพของศูนย์บริการลูกค้า สู่การเป็นศูนย์บริการลูกค้าระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ให้เป็นมากกว่าสายด่วนตอบข้อซักถามทั่วไป "Customer Relations Center (CRC)" ในรูปแบบศูนย์ข้อมูลกลาง และการประสานงานผ่านเครือข่ายดิจิทัล รองรับทั้งการจำหน่ายรถยนต์วอลโว่พลังงานไฟฟ้า (Pure Electric) ผ่านระบบออนไลน์แบบ Site To Store รวมถึงการทำธุรกรรมทั้งก่อนและหลังการขาย โดยมีฟีเจอร์หลักคือ การรับแจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่ง CRC จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอัจริยะในรถยนต์วอลโว่เพื่อรับสัญญาณแจ้งเหตุอัตโนมัติพร้อมข้อมูลพิกัดรถยนต์ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์ CRC จึงทำหน้าที่เปรียบเหมือนผู้ช่วยดิจิทัลที่คอยดูแลลูกค้าวอลโว่ตลอดการเดินทาง



ช่องทางจำหน่ายที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วันนี้

วอลโว่เพิ่มช่องทางการขายให้มีความหลากหลายเพื่อตอบรับกับมาตรการเว้นระยะห่างของผู้คนในปัจจุบัน โดยนำเสนอทั้งช่องทาง LINE Official Account และ การสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ www.volvocars.com/th โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งมีบริการ Site To Store โดดเด่นด้วยฟังก์ชันที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าในฝันได้โดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ หากพึงพอใจ สามารถสั่งซื้อและนัดหมายรับรถยนต์วอลโว่ที่ผู้จัดจำหน่ายสาขาใกล้บ้านได้อย่างรวดเร็ว โดย CRC จะคอยดูแลประสานงานเพื่อให้ธุรกรรมทุกขั้นตอนถูกต้อง เรียบร้อย และสะดวกรวดเร็วสำหรับลูกค้ามากที่สุด

เป้าหมายกลยุทธ์การขายในปี 2564

สถานการณ์โควิด-19 ยังคงส่อแววยืดเยื้ออีกเป็นเวลานานและจะทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าและการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จึงเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์การดำเนินงานสู่ระบบดิจิทัลคือแนวทางที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ในปัจจุบันและจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ในอนาคต
นอกจากนี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่บริษัทฯ มีแผนจะทยอยเปิดตัวในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์วอลโว่ในปี 2564 ได้อย่างมีนัยสำคัญ



แผนการดำเนินงาน 10 ปีสู่อนาคตแห่งพลังงานสะอาด

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย กำหนดเป้าหมายให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของวอลโว่ คาร์ คอร์เปอร์เรชั่น นั่นคือภายในปี 2568 นั้น 50% ของยอดจำหน่ายรถยนต์วอลโว่ต้องมาจากรถยนต์พลังไฟฟ้า100% และภายในปี 2573 รถยนต์ทุกรุ่นที่วอลโว่จำหน่ายจะต้องเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า100% เท่านั้น

"จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คนอย่างมาก ทำให้เราตระหนักว่า การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกวันนี้ กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานสู่ระบบดิจิทัลของวอลโว่จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวของการพัฒนาครั้งสำคัญ เพื่อให้แบรนด์วอลโว่สามารถเชื่อมโยงและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะเพื่อรองรับการจำหน่ายเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการมอบความสะดวกสบายและดูแลความปลอดภัยให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์วอลโว่ตลอด 24 ชั่วโมง กล่าวได้ว่าทิศทางของวอลโว่ในปีนี้คือการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและบริการบนเครือข่ายดิจิทัล เพื่อให้เราเข้าใกล้และเข้าใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น สมกับปรัชญาหลักในการทำงานของเรา People are the Core of Everything We Do" นายภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ กล่าว
#3788



"ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2564 นอกจากจะเป็นพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้วมีการเปิดพื้นที่สำหรับการเจรจาธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาไม่ต้องกักตัวในสถานที่กักตัวของรัฐหรือสถานที่กักตัวทางเลือก

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ได้รับนักท่องเที่ยงต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยนอกเหนือจากนักท่องเที่ยวแล้วทำให้จังหวัดภูเก็ต ได้กลายเป็นช่องทางเข้าประเทศใหม่ของไทยที่ทำให้มีนักธุรกิจหลายชาติที่ต้องการเข้ามาเจรจาธุรกิจ ซึ่งได้ใช้ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" เป็นสถานที่นัดพบเพื่อเจรจาด้านธุรกิจสร้างพันธมิตรทางการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ การเซ็นสัญญาโครงการลงทุน

สำหรับรูปแบบการใช้ภูเก็ตเป็นเวทีการเจรจาธุรกิจมี 3 ระดับ คือ 

1.บริษัทแม่ในต่างประเทศมาติดตามงานบริษัทลูกในประเทศไทย 

2.บริษัทไทยและบริษัทต่างชาติเจรจาธุรกิจกัน 

3.บริษัทไทยและบริษัทต่างชาติมาลงนามสัญญาธุรกิจ

ทั้งนี้ มีบริษัทที่ใช้ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" เป็นพื้นที่ลงนามธุรกิจแล้ว คือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ลงนามซื้อหุ้นของบริษัท Allnex Holding Germany II GmbH วงเงิน148,417 ล้านบาท เมื่อวันที่วันที่ 10 ก.ค.2564 โดยมีผู้บริษัทระดับสูงของทั้ง 2 บริษัท เดินทางมาที่ภูเก็ตเพื่อลงนามด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเป็นการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดโดยบริษัทไทยในรอบเกือบทศวรรษ

"การลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นครั้งนี้เกิดขึ้นที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งเป็นการสนับสนุนนโยบายนำร่องเปิดประเทศของรัฐบาล และเพิ่มรายได้ให้กับคนในพื้นที่ โดยจีซีได้ศึกษาแผนการลงทุนครั้งนี้มาร่วมปี และทั้ง 2 ฝ่าย ตื่นเต้นที่จะมีร่วมมือกัน" นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าว

ส่วนประเด็นที่สหภาพยุโรป (EU) ประกาศประเทศไทยออกจากประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด-19 ห้ามเดินทางไปยังประเทศดังกล่าว นายสนั่น กล่าวว่า มีผลต่อการเปิดประเทศของไทยอย่างแน่นอนทั้งเรื่องของภูเก็ตแซนด์บ็อก หรือโครงการเปิดพื้นที่ที่จะตามมา ซึ่งสิ่งที่ประเทศไทยต้องเร่งดำเนินการ คือ การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนและแรงงาน 

โดยเฉพาะภาคการผลิตที่ได้รับการฉีดวัคซีนน้อยมาก แต่ละโรงงานได้ติดต่อมาที่หอการค้าไทยเพื่อขอวัคซีน แต่ได้ชี้แจงว่าไม่มีวัคซีนจะจัดให้ โดยเฉพาะโรงงานใน จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการภาคการผลิตและการส่งออกของไทยโดยโรงงานเหล่านี้ควรฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ขึ้นไป รวมทั้งการตรวจแบบแร็บบิทเทสต์ในโรงงานเพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออก


สำหรับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ได้เปิดประเทศไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ตรงกับวันที่ครบรอบภารกิจ 99 วันแรกในการทำงานของคณะกรรมการหอการค้าไทยชุดนี้ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วนในการสนับสนุนภารกิจต่าง ๆ และนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล ซึ่งบทเรียนของการเปิดภูเก็ต นั้น หอการค้าไทยเห็นด้วยที่จะมีการนำไปขยายผลการทดลองเปิดนี้ไปยังพื้นที่อื่นของประเทศให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องการจัด COE (Certificate of Entry) และขอเสนอให้นำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น Digital Vaccine Passport ที่ได้มาตรฐานและนานาชาติยอมรับเพราะไม่สามารถปลอมแปลง และตรวจสอบความถูกต้องได้

ในขณะที่ สำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานว่ามีกลุ่มนักธุรกิจเข้ามาใช้ภูเก็ตเป็นฐานในการประชุมเจรจาธุรกิจมากขึ้นภายหลังจากเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้เพียงสัปดาห์แรก โดยมีกลุ่มนักธุรกิจจากยุโรปและสหรัฐรวมถึงนักธุรกิจไทย เดินทางมาเจรจาธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตในภูเก็ตและจะมีตามมาอีกหลายรายรวมไปถึงผู้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เท่าที่มีข้อมูลในขณะนี้ก็มีเพียงปตท.ที่ลงนามเซ็นสัญญา ซึ่งก็อาศัยโมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพราะเข้ามาแล้วไม่ต้องกักตัว 14 วัน เมื่อเซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางกลับได้ทันที ซึ่งเป็นทางออกของการดำเนินธุรกิจ เพราะการเซ็นสัญญาหรือการลงนาม ก็ต้องมีการตรวจเอกสารต่างๆเพื่อให้เกิดชัดเจนและสมบูรณ์ ส่วนจะมีธุรกิจอื่นอีกหรือไม่ทางหอการค้าจังหวัดยังไม่มีข้อมูลแต่จะประสานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้จัดทำแบบสอบถามสำหรับผู้ที่เข้ามาในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกว่า มาเพื่ออะไร เช่น ท่องเที่ยว พักผ่อนพร้อมครอบครัว เจรจาธุรกิจ เซ็นสัญญาทางธุรกิจ เป็นต้น

ขณะนี้ต่างชาติที่เข้ามาภูเก็ต อันดับ 1 เป็นสหรัฐ รองลงมาเป็นอังกฤษ อิสราเอล เยอรมันและฝรั่งเศส โดยส่วนใหญ่ก็จะมาพักผ่อน พบครอบครัว ดูแลธุรกิจของตนเองที่ลงทุนไว้ก่อนหน้านี้ โดย 9,000 คน เป็นคนไทย 2,000 คน ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ ส่วนท่องเที่ยวยังน้อยประมาณ 30% เพราะไม่ได้เป็นช่วงไฮซีซั่น

"โมเดลเจรจาธุรกิจผ่านภูเก็ตแซนด์บ็อก เป็นเรื่องที่หอการค้าจังหวัดภูเก็ตพร้อมที่จะสนับสนุน คาดว่าน่าจะมีมาเรื่อยๆ ซึ่งหอการค้าจังหวัดภูเก็ตจะประสานข้อมูลจาก ททท.เพิ่มเติม"

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2564 มีการติดตามความคืบหน้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โดยมีนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1–21 ก.ค.2564 รวม 9,358 คน และมียอดการจองห้องพักตามมาตรฐาน SHA+ สะสมในเดือน ก.ค.-ก.ย.2564 อยู่ที่ 244,703 คืน และมีอัตราเข้าพัก 10.12% สร้างรายได้ 534.31 ล้านบาท
#3789



อินเทลเปิดแผนกลยุทธ์นวัตกรรมด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ โชว์ชัด "RibbonFET" สถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ตัวแรกของอินเทลในรอบทศวรรษ ยังมี "PowerVia" การจ่ายพลังงานแบบ backside power delivery รายแรกของอุตสาหกรรม มั่นใจคงตำแหน่งผู้นำต่อเนื่องด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงแบบ 3 มิติ

นายแพท เกลซิงเกอร์ ประธานกรรมการบริหารของอินเทล กล่าวว่าจากความเป็นผู้นำของอินเทลในด้านบรรจุภัณฑ์ บริษัทกำลังเร่งแผนงานนวัตกรรมเพื่อให้แน่ใจว่า ภายในปีพ.ศ. 2568 อินเทลจะยังคงเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพการประมวลผล

"นอกจากนี้ เราได้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ในการนำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีตั้งแต่ทรานซิสเตอร์ไปจนถึงระดับของระบบ เราจะพยายามอย่างไม่หยุดยั้งในการดำเนินงานตามหลักกฎของมัวร์ (Moore's Law) และเดินหน้าบนเส้นทางที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยพลังของซิลิคอน"

อินเทลมองว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 อุตสาหกรรมการผลิตมีการยอมรับความจริงที่การตั้งชื่อกระบวนการผลิตชิปแบบนาโนเมตรนั้นไม่สามารถใช้กับหน่วยวัดแบบ Gate Length ได้ วันนี้ อินเทลจึงประกาศโครงสร้างสำหรับกระบวนการผลิตชิปรูปแบบใหม่ โดยสร้างกรอบในการทำงานที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ เพื่อลูกค้าจะได้มีมุมมองที่ถูกต้องมากขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิตชิปที่ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม สิ่งนี้คือพื้นฐานสำคัญในการเปิดตัว Intel Foundry Services (IFS)

ซีอีโออินเทลย้ำว่านวัตกรรมที่ถูกเปิดตัวในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยปรับแผนกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ของอินเทลแล้ว ยังมีความสำคัญต่อลูกค้าของบริษัทอีกด้วย ทั้งนี้ IFS ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ อินเทลจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ประกาศเปิดตัวลูกค้ารายใหญ่สองเจ้าแรกของบริษัท พร้อมประกาศว่า IFS นั้นเริ่มต้นออกสู่ตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อินเทลยังประกาศโหนดใหม่ และนวัตกรรมที่เปิดใช้งานสำหรับโหนดแต่ละชนิด หนึ่งในนั้นคือ Intel 7 ที่จะมอบประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 10%-15% ต่อวัตต์ เมื่อเทียบกับ Intel 10nm SuperFin อ้างอิงจากการปรับแต่งทรานซิสเตอร์ FinFET โดย Intel 7 จะถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Alder Lake สำหรับลูกค้าในปี พ.ศ. 2564 และ Sapphire Rapids สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2565

ขณะเดียวกัน Intel 4 จะใช้เทคโนโลยีกระบวนการพิมพ์ด้วยการฉายแสงอัลตราไวโอเลต (Extreme Ultraviolet Lithography) ในการพิมพ์รูปแบบขนาดเล็กด้วยแสงความยาวคลื่นสั้นพิเศษ โดย Intel 4 ซึ่งมากับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นประมาณ 20% ต่อวัตต์ พร้อมด้วยการปรับปรุงภายในพื้นที่ จะพร้อมผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2565 เพื่อเตรียมจัดส่งในปี พ.ศ. 2566 จะถูกรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Meteor Lake สำหรับลูกค้า และ Granite Rapids สำหรับดาต้าเซ็นเตอร

ดร. แอน เคลเลอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท อินเทล
ดร. แอน เคลเลอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท อินเทล

ด้าน Intel 3 จะใช้ประโยชน์เพิ่มเติมจากการเพิ่มประสิทธิภาพ FinFET และเพิ่ม EUV ที่มีมากกว่า Intel 4 เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นประมาณ 18% ต่อวัตต์ พร้อมกับการปรับปรุงพื้นที่เพิ่มเติม โดย Intel 3 จะพร้อมผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2566

รวมถึง Intel 20A ที่เตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคอังสตรอม (Angstrom) ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า 2 ประเภท ได้แก่ RibbonFET และ PowerVia โดย RibbonFET เป็นการนำทรานซิสเตอร์ Gate All Around ของ Intel ไปใช้ ซึ่งจะเป็นสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ใหม่ตัวแรกของอินเทล นับตั้งแต่บริษัทฯ เริ่มคิดค้น FinFET ในปี พ.ศ. 2554 ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยให้การเปลี่ยนทรานซิสเตอร์ทำได้เร็วขึ้น โดยให้กระแส drive current เท่าเดิมแต่ใช้พลังงานน้อยลง ส่วน PowerVia โดยอินเทล เป็นการจ่ายพลังงานแบบ backside power delivery รายแรกของอุตสาหกรรมที่เพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณโดยการขจัดความจำเป็นในการกำหนดเส้นทางพลังงานที่ด้านหน้าแผ่นวงจรเวเฟอร์ โดยคาดว่า Intel 20A จะได้รับความนิยมสูงขึ้นในปี พศ. 2567

"บริษัทฯ ยังรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการเป็นพันธมิตรกับ Qualcomm ที่จะเริ่มใช้เทคโนโลยี Intel 20A ด้วยเช่นกัน" อินเทลระบุ

สำหรับปีพ.ศ. 2568 และปีต่อๆ ไป อินเทลย้ำว่านอกเหนือจาก Intel 20A แล้ว Intel 18A ได้อยู่ในระหว่างการพัฒนาสำหรับช่วงต้นปีพ.ศ. 2568 พร้อมกับการปรับแต่ง RibbonFET ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของทรานซิสเตอร์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยอินเทลกำลังเตรียมพร้อมในการกำหนด สร้าง และปรับใช้เครื่องมือ EUV รุ่นต่อไปที่เรียกว่า High Numerical Aperture EUV และคาดว่าจะได้รับเครื่องมือการผลิตเครื่องแรกในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ อินเทลกำลังเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดกับ ASML เพื่อรับรองความสำเร็จของการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวที่นอกเหนือไปจาก EUV รุ่นปัจจุบัน

ดร. แอน เคลเลอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยี กล่าวว่าอินเทลมีประวัติอันยาวนานในด้านนวัตกรรมกระบวนการขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งบริษัทได้เป็นผู้ริเริ่มการเปลี่ยนไปใช้ สเตรน ซิลิกอน (strained silicon) ขนาด 90 นาโนเมตร พร้อมด้วยเทคโนโลยี high-k metal gates ขนาด 45 นาโนเมตร และ FinFET ขนาด 22 นาโนเมตร

"นี่ถือเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญด้านเทคโนโลยีการประมวลผลจาก Intel 20A ที่มาพร้อมกับ 2 นวัตกรรมสุดล้ำอย่าง RibbonFET และ PowerVia"

AWS ลูกค้ารายแรก

นอกจากชิป อินเทลย้ำว่าบรรจุภัณฑ์ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากขึ้นในการตระหนักถึงประโยชน์ของกฎของมัวร์ (Moore's Law) ด้วยกลยุทธ์ IDM 2.0 ใหม่ของอินเทล อินเทลประกาศว่า Amazon Web Services (AWS) จะเป็นลูกค้ารายแรกที่ใช้โซลูชันบรรจุภัณฑ์ของ IFS พร้อมทั้งให้ข้อมูลเชิงลึกด้านแผนกลยุทธ์ของการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงและอุตสาหกรรมชั้นนำ

ที่สุดแล้ว อินเทลย้ำว่ามีแผนนำเทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยการฉายแสงอัลตราไวโอเลต (EUV) รุ่นใหม่มาใช้ โดยใช้ชื่อเรียกว่า High Numerical Aperture (High NA) EUV ทั้งนี้ อินเทลนับเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรมที่จะได้รับเครื่องมือการผลิต High NA EUV ด้วย.
#3790



อเมริกันชนที่วัคซีนต้านโควิด-19 ครบแล้ว ควรกลับไปสวมหน้ากากอีกครั้งยามอยู่ในสถานที่สาธารณะในร่ม ตามภูมิภาคต่างๆที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะตัวกลายพันธฺุ์เดลตากำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผยว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาบังคับลูกจ้างรัฐฉีดวัคซีน เชื่อเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับหลีกเลี่ยงล็อกดาวน์อีกรอบ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) ยังแนะนำให้นักเรียนทุกคนและครูสอนตามโรงเรียนอนุบาลจนถึงเกรด 12 สวมหน้ากากโดยไม่พิจารณาว่าฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ขณะที่ซีดีซีเชื่อว่าเด็กๆน่าจะกลับคืนสู่ชั้นเรียนในห้องเรียนและเต็มเวลา ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ภายใต้ยุทธศาสตร์การป้องกันอย่างเหมาะสม

การกลับลำคำแนะนำจากที่เคยแถลงเมื่อเดือนพฤษภาคมของทางซีดีซีในครั้งนี้ กระตุ้นประชาชนชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องควานหาหน้ากากปกปิดใบหน้าตนเอง

สหรัฐฯเป็นชาติลำดับต้นๆที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงที่สุดในโลก คิดเป็น 1 เคสในทุกๆ 9 เคสที่ทั่วโลกรายงานในแต่ละวัน เวลานี้ค่าเฉลี่ย 7 วันของผู้ติดเชื้อรายใหม่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อยู่ที่ 57,126 ราย แต่ยังเป็นแค่ 1 ใน 4 ของช่วงพีคสุดของการระบาด

"ตามพื้นที่ต่างๆที่มีการแพร่ระบาดสูง ซีดีซีแนะนำคนฉีดวัคซีนแล้วสวมหน้ากากยามอยู่ในสถานที่สาธารณะในร่ม เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาและปกป้องคนอื่นๆ" ซีดีซีระบุ พร้อมเผยว่าในบรรดาเคาน์ตีต่างๆของสหรัฐฯ มีราว 63% ที่มีอัตราการแพร่กระจายเชื้อในระดับสูง ซึ่งจำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาด

ในเดือนพฤษภาคม ซีดีซีเคยออกคำแนะนำว่าบุคคลที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากยามอยู่กลางแจ้ง และสามารถหลีกเลี่ยงสวมหน้ากากยามอยู่ในร่มเกือบทุกสถานที่ โดยภายใต้คำแนะนำครั้งนั้น ซีดีซีบอกว่ามันเป็นการเปิดทางให้วิถีชีวิตเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ



นายแพทย์เดวิด ดัวดี นักระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ็อปปินส์ ระบุว่าคำแนะนำล่าสุดของซีดีซี มีแรงจูงใจจากลักษณะการแพร่ระบาดที่เปลี่ยนแปลงไป "เรากำลังเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุก 10 วันหรือมากกว่านั้น"

คำแนะนำใหม่ของซีดีซีไม่ได้ผลผูกพันและอเมริกันจำนวนมาก โดยเฉพาะในรัฐต่างๆที่มีความโน้มเอียงฝักใฝ่รีพับลิกัน อาจเลือกไม่ปฏิบัติตาม ในขณะที่เวลานี้มีรัฐต่างๆอย่างน้อย 8 แห่ง ห้ามสถาบันการศึกษาบังคับสวมหน้ากาก

เมื่อวันจันทร์(26ก.พ.) ทำเนียบขาวยืนยัน ยังไม่ยกเลิกมาตรการห้ามคนต่างชาติเดินทางเข้าสหรัฐฯ เนื่องจากกังวลกับการระบาดรุนแรงของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำให้รัฐแคลิฟอร์เนียและนครนิวยอร์ก รวมทั้งกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกสั่งให้ลูกจ้างรัฐต้องฉีดวัคซีนหรือตรวจหาเชื้อเป็นประจำ

หน้ากากกลายเป็นประเด็นทางการเมืองในสหรัฐฯ ครั้งอยู่ภายใต้การบริหารงานของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขัดขืนบังคับสวมหน้ากาก ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อ้าแขนรับมาตรการสวมหน้ากากและออกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากตามศูนย์กลางด้านการขนส่งต่างๆ ไม่กี่วันหลังเข้ารับตำแหน่ง

ไบเดน ระบุในวันอังคาร(27ก.พ.) ว่าสวมหน้ากากและเพิ่มจำนวนผู้ฉีดวัคซีนในพื้นที่ต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากตัวกลายพันธุ์เดลตา คือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับหลีกเลี่ยงมาตรการล็อกดาวน์แบบเดียวที่ประเทศแห่งนี้ต้องประสบเมื่อปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน ไบเดน บอกับผู้สื่อข่าวด้วยว่ารัฐบาลของเขากำลังพิจารณาบังคับลูกจ้างรัฐของรัฐบาลกลางวัคซีน ตามอย่างรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก "ตอนนี้มันอยู่ภายใต้การพิจารณา" ประธานาธิบดีสหรัฐฯระบุ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์(26ก.ค.) เจน ซากี เลขานุการด้านสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว เปิดเผยว่ารัฐบาลยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะถึงขั้นต้องออกกฎหมายบังคับลูกจ้างรัฐของรัฐบาลกลางฉีดวัคซีนหรือไม่ ในขณะที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯคือนายจ้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศ

(ที่มา:รอยเตอร์)
#3791



อัพเดทข่าว "เยียวยาประกันสังคม" ล่าสุด นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ อนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจำนวน 15,027.686 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,522.99 ล้านบาท จากเดิม 13,504.696 ล้านบาท

โดยเพิ่มจากเดิม 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด ซึ่งพื้นที่ 3 จังหวัดที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา พร้อมมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเร่งประมาณการจำนวนนายจ้างและผู้ประกันนมาตรา 33 กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะขี้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ด้วย


โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า กรอบวงเงิน 15,027.686 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินช่วยเหลือให้แก่นายจ้างในระบบประกันสังคมใน 9 ประเภทกิจการ ใน 13 จังหวัดกลุ่มเป้าหมาย 7,238.631 ล้านบาท

และเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 สัญชาติไทยที่เป็นลูกจ้างในกิจการของนายจ้างตามคุณสมบัติ จำนวน 7,789.055 ล้านบาท ซึ่งทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา ยังจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้


ผู้ประกันตน ม.33 ที่ว่างงานจากโควิด จะได้เงินชดเชย 50% ของค่าจ้าง
แจ้งข้อมูลสำหรับผู้ประกันตน ม.33 ที่ว่างงานจากสถานการณ์โรคโควิด–19 ขณะนี้สามารถขอรับสิทธิว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยฯ ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติต่อ พ.ศ. 2563 ได้ โดยจะได้รับเงินชดเชย 50% ของค่าจ้างรายวัน สูงสุด 90 วัน ซี่งผู้ประกันตนจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1.ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ใน 15 เดือนย้อนหลังก่อนวันที่ว่างงาน
2.ไม่ได้ทำงานเนื่องจากนายจ้างหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งของทางราชการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผู้ประกันตนไม่ได้รับค่าจ้างระหว่างนั้น
โดยนายจ้างจะต้องแจ้งขอรับสิทธิให้แก่ผู้ประกันตนผ่านระบบ e-service และส่งเอกสาร สปส.2-01/7 พร้อมสำเนาสมุดบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน ไปที่ สนง.ประกันสังคมในพื้นที่ภายใน 3 วันทำการ นับจากวันที่บันทึกข้อมูลในระบบ e-service โดยไม่ต้องเดินทางมาติดต่อที่ สนง.ประกันสังคม
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันสังคม 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง
#3792


 
 
โควิด ระลอกล่าสุด กดราคาอสังหาฯ ต่ำสุด โอกาส เอเจนซี่ มองตลาดอสังหาฯ ในไตรมาส 2 ปี 2565 จะเริ่มมีโอกาสฟื้นตัว หากการกระจายวัคซีนครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมสวนกระแส เปิดตัว LEASEBACK PROGRAM  ชี้เป็นโอกาสของนักลงทุน เลือกช้อปของดี โดยเน้นทำเลศักยภาพที่มีดีมานด์ซื้อและปล่อยเช่าสูงเข้าพอร์ต โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนและหวังผลตอบแทนได้ในระยะยาว
 
นายภัทรภูริต รุ่งจตุรภัทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอกาส เอเจนซี่ จำกัด ที่ปรึกษาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และผู้บริหารการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์วิถีใหม่ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนมาถึงการแพร่ระบาดในระลอกล่าสุด พบว่า ผู้บริโภคยังมีความต้องการลงทุนเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ที่ผ่านมายังคงชะลอการใช้จ่ายเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และรอจังหวะที่วิกฤตเริ่มคลี่คลายลง โดยคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาฯ ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง หากการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถกระจายครอบคลุมทั่วประเทศได้
 
พร้อมกันนั้น ประเมินราคาอสังหาฯ ภายหลังโควิด-19 แพร่ระบาดระลอกล่าสุด ได้ปรับลดลงจนถึงจุดต่ำสุดแล้ว จึงมองเป็นโอกาสทองของนักลงทุนและผู้ซื้อที่มีความพร้อม เพื่อหวังต่อยอดการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลศักยภาพที่มีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นทำเลตามแนวรถไฟฟ้า หรือ แม้แต่ทำเลย่านธุรกิจ ฯลฯ รวมถึงทำเลที่มีดีมานด์ซื้อและปล่อยเช่าสูง เช่น สุขุมวิท ทองหล่อ อโศก พระราม 9 เป็นต้น
 
ทั้งนี้ โอกาส เอเจนซี่ (OKAS Agency) ในฐานะผู้บริหารการปล่อยเช่าอสังหาฯ วิถีใหม่ ที่มุ่งเน้นดูแล และบริหารการปล่อยเช่าให้กับนักลงทุนแบบ 360 องศา ตัวแทนขายโครงการอสังหาฯ เพื่อการลงทุน (Investment Property) หรือ IP ในรูปแบบของ Branded Residence ของบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ขอแนะนำโครงการคุณภาพที่น่าลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ซึ่งทุกโครงการ มีจุดเด่นโดยตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพที่สามารถขายต่อ หรือ ปล่อยเช่าได้ราคาดี อยู่ใจกลางเมืองและใกล้รถไฟฟ้า พร้อมครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย และรับการบริการและการจัดการในรูปแบบโรงแรม ในราคาที่จับต้องได้
 
นำเสนอโครงการ CASSIA RESIDENCES RAMA 9 BANGKOK และเปิดตัวแพ็คเกจสำหรับนักลงทุน LEASEBACK PACKAGE ที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสูงสุดปีละ 6% ต่อเนื่องตลอด 10 ปี โดย OKAS Agency พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุน ได้แก่ สิทธิ์เข้าพัก 15 คืนต่อปี และสิทธิประโยชน์ Sanctuary Club จาก CASSIA By Banyan Tree เริ่มเพียง 4.29 ลบ.
 
สำหรับโครงการ CASSIA RESIDENCES RAMA 9 BANGKOK เป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับพรีเมียม บริหารใน รูปแบบโรงแรม Branded Residence ภายใต้แบรนด์ CASSIA By Banyan Tree ตั้งอยู่ในทำเลเศรษฐกิจ "พระราม 9"  การเดินทางสะดวก เพียง 1 นาที จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน รฟม. รูปแบบห้องแบบ Duplex ทั้งโครงการ โดยในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Co-working space, Meeting Room, Kid room, Gym และ Sky bar   
#3793



เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด  (ปณท) เปิดเผยกับ "เดลินิวส์" ถึงการบริหารจัดการการขนส่งพัสดุในช่วงสถาณการณ์การระบาดของโควิด-19 ว่า การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น จนส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ไทยบางที่ทำการฯ มีการติดเชื้อ หรือต้องกักตัว ทำให้ทาง ปณท ต้องปิดที่ทำการไปรษณีย์ในบางแห่ง  ซึ่งอาจทำให้การขนส่งพัสดุเกิดการล่าช้าบ้างในบางพื้นที่  ทั้งนี้​ ปณท ได้มีแผนไว้รองรับ โดยการจัดเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาทำงานแทน และ แจ้งผู้ใช้บริการก่อนรับฝากว่ามีพื้นที่ไหนบ้างที่พัสดุอาจถึงล่าช้า เพื่อให้ลูกค้าได้ตัดสินใจก่อนใช้บริการ รวมถึงแจ้งงดรับฝากสิ่งของที่เน่าเสียได้ง่าย เช่น ผัก ผลไม้ ต้นไม้ ฯลฯ จนถึง 31 ก.ค. นี้ เนื่องจากมีวันหยุดยาว และบางพื้นที่ของอาจถึงล่าช้า ป้องกันสิ่งของเสียหาย

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มศูนย์ไปรษณีย์รับและกระจายพัสดุเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง และบริหารจัดการเรื่องคนโดยแบ่งทีมกันทำงานแยกจากกัน ลดการพบปะเพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยศูนย์ฯ​ ที่มีอยู่จะเคลียร์ของพัสดุในทุกวันไม่มีของตกค้าง ในส่วนของพนักงานนำจ่ายหากพื้นที่ไหนไม่เพียงพอ ก็จะนำพนักงานพื้นที่ใกล้เคียงมาเสริม เพื่อไม่ให้ล่าช้ามาก และแจ้งที่ทำการฯ​ ใกล้เคียงที่สามารถไปใช้บริการหากที่ทำการฯ​ ใกล้บ้านปิด อย่างไรก็ตามในกรณีพัสดุของลูกค้าเกิดความเสียหายทาง ปณท ก็จะมีการชดเชยให้ตามระเบียบ โดยสามารถติดต่อ ที่ทำการไปรษณีย์ที่นำส่งได้

"สถานการณ์ตอนนี้ ต้องมีการบริหารจัดการเรื่องคนให้ดี เพราะบางพื้นที่อาจมีต้องปิดที่ทำการก็ต้องแจ้ง ให้ลูกค้าทราบ ก่อนรับฝากอาจมีการล่าช้าบ้าง และแจ้งที่ทำการฯ​ ​ใกล้เคียงที่สามารถไปใช้บริการ หากที่ทำการฯ​ ใกล้บ้านปิด รวมถึงปัจจุบันผู้ให้บริหารขนส่งรายอื่นๆ​ มีปัญหาอาจทำให้มีการเปลี่ยนมาฝากส่งที่ ปณท มากขึ้น ซึ่ง ปณท ก็มีแผนรองรับอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้การขนส่งสินค้าและพัสดุของคนไทยเกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้น" ดร.ดนันท์ กล่าว


ทั้งนี้ทางไปรษณีย์ไทย จะทำการแจ้งข้อมูลที่ทำการไปรษณีย์ที่ปิดให้บริการรับฝากชั่วคราว หรืองดนำจ่ายชั่วคราว หรือนำจ่ายล่าช้า รวมทั้งการปิดทำการชั่วคราวของไปรษณีย์บางแห่ง ให้ผู้ใช้บริการทราบทุกวันผ่านเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th เฟซบุ๊ก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ทวิตเตอร์ @Thailand_Post  หรือตรวจสอบการอัพเดทได้ทุกวันที่ลิงก์​ https://drive.google.com/drive/folders/14K4FF9bpulrrYXm7M6nq1AzRsif_7zrm?usp=sharing

ด้าน น.ส.เสาวรัตน์ เส็นสด แม่ค้าออนไลน์จำหน่ายผลไม้ใน จ.เชียงราย กล่าวว่า จากกรณีที่ บริษัทขนส่งใหญ่บางราย งดให้บริการรับส่งสินค้าในบางพื้นที่ และงดรับฝากส่งผลไม้ ต้นไม้ต่างๆ​ ​นั้น ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยล่าสุดทางร้านได้นำลำไยมาจัดส่งซึ่งเดิมเป็นสมาชิกและติดต่อส่งสินค้ากับทางพนักงานอยู่เป็นประจำแต่กลับถูกปฏิเสธรับให้บริการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้เสียเวลาในการขนสินค้ามาและขนกลับ รวมทั้งต้องไปจัดส่งสินค้ากับผู้ให้บริการรายใหม่ที่ยังคงรับให้บริการ แต่พบว่าราคาที่ให้บริการแพงขึ้นถึง 3 เท่าตัว เช่น จากเดิมค่าจัดส่งทั้งหมดประมาณ 1,000 บาท เพิ่มเป็น 3,000 บาท ส่งผลให้กำไรจากการขายยิ่งลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนหน้านี้ยังเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่แห่งหนึ่งไม่รับผิดชอบสินค้าในทุกกรณี มีการคัดแยกส่งสินค้าไปยังปลายทางผิดอำเภอ ทำให้ส่งสินค้าล่าช้าไป 2 วัน จนผลไม้เน่าเสียจนทางร้านต้องออกมา รับผิดชอบต่อลูกค้าด้วยการจัดส่งสินค้าใหม่ไปให้ลูกค้าอีกครั้ง ทำให้ร้านค้าขาดทุนมากกว่าได้กำไร

ขณะที่ น.ส.ธวัลณัฐ สามัคคี แม่ค้าออนไลน์จำหน่ายผลไม้และสินค้าอื่นๆ กล่าวว่า ระยะนี้ได้รับผลกระทบในเรื่องขนส่งสินค้าจากกรณีที่มีพนักงาน ขนส่งบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ออกมาประท้วง และพนักงานบางส่วนติดโควิด ทำให้ขนส่งสินค้าล่าช้า ทางร้านจึงต้องออกมารับผิดชอบด้วยการส่งสินค้าใหม่ไปให้ลูกค้าอีกครั้ง ขณะที่สินค้าอื่นที่ทางร้านจำหน่ายควบคู่กันไปด้วย เช่น ที่ตรวจครรภ์แบบเก็บเงินปลายทาง ซึ่งมีการจัดส่งที่ล่าช้า จนลูกค้าทนรอไม่ไหว เปลี่ยนใจปฏิเสธการรับของทำให้มีสินค้าถูกตีกลับเป็นจำนวนมากอีกด้วย.... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/95111/
#3794
น้ำมันว่านเศรษฐีเรียกลาภ  ขวดละ 299 บาท



หุงจากว่านด้านเมตตา โชคลาภ 4 ชนิด ว่านรวยไม่เลิก ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านรางเงินพร้อมใส่ตะกรุดหัวใจพระสีวลีให้ทุกขวด ส่งเสริม เรื่องเมตตา โชคลาภ ค้าขายว่านเศรษฐีเรือนในเป็นว่านที่มีคุณทางเมตตามหานิยม มีโชคลาภและวาสนาทรัพย์สินเงินทองมากมายว่านเศรษฐีเรือนนอก เป็นว่านให้ผลในทางคุ้มครองป้องกันภัย มีโชคลาภและฐานะเจริญรุ่งเรืองว่านรวยไม่เลิกเป็นว่านให้ผล ในเรื่องความร่ำรวยตลอดไปเหมือนชื่อต้น มีโชคลาภว่านรางเงิน เป็นว่านะดีเด่นในเรื่องของเมตตามหานิยม และโชคลาภ

 คาถาบูชาตั้ง นะโม 3 จบสีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทาสีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทาสีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ(ท่องคาถาแล้วอธิษฐาน)

ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

 ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา
ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/products/-i792070635-s1584866736.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store 
#3795
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zip lock ซิปล๊อค  ควบคุมน้ำหนัก กล่องละ 590 บาท เท่านั้น ของแท้ 100 %


การรับประทานอาหาร ในปริมาณที่มากเกินไปมักไม่ได้เกิดจากความหิว แต่เกิดจาก..."ความอยากอาหาร และการติดในรสชาติ"ส่งผลให้เกิดการรับประทานแบบไม่เลือกทั้งอาหารที่มีแป้งและไขมันสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่ปัญหา "น้ำหนักเกิน"  ไปจนกระทั่งการเป็น "โรคอ้วน"ด้วยความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเหล่านี้จึงเป็นที่มาของงานวิจัยทางคลินิคที่ได้ค้นพบสารสกัดเอกสิทธิ์ นวัตกรรมนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้" Yeast Extract Hydrolysate "ช่วย รูดซิป..ล็อคความอยากอาหาร ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่รับประทานพร้อมด้วยสารสกัดที่เป็นสูตรเฉพาะ 15 ชนิดซึ่งทำหน้าที่ "บล็อก" การดูดซึมของแป้งและไขมันเข้าสู่ร่างกาย พร้อมส่งเสริมการเผาผลาญและสลายไขมันส่วนเกินรูปร่างดีได้...โดยไม่ต้องอดปิดซิปความอยากอาหารเปิดซิปกระตุ้นการเผาผลาญเต็มรูปแบบ" Zip you fat...Zip you body "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zipผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยาขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-5-0083 สารสกัดจากส้มแดง 100 มกสารสกัดจากส้มซิตรัส ออรานเทียม 100 มกสารสกัดจากยีสต์ 80 มกแอล-ฟีนิลอะลามีน 50 มกผงน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 30 มกแอล-คาร์นิทีน 50 มกสารสกัดจากเจียวกู้หลาน 30 มกสารสกัดจากส้มแขก 30 มกL l-tyrosine 20 มกสารสกัดจากพริก 20 มกสารสกัดจากถั่วขาว 20 มกสารสกัดจากชาเขียว 20 มกสารสกัดจากพริกไทยดำ 12 มกสารสกัดจากเมล็ดกาแฟไม่คั่ว 7 มกโครเมียม พิโคลิเนต 1 มก

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อ
 ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

website  คลิก  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Zip lock ซิปล๊อค


     ***รับสมัครตัวแทนจำหน่าย***#รับตัวแทนไม่ต้องสต็อกสินค้า#สินค้าขายดี #zipyourfatzipyourbody #ziplock #zipwheyplus #zipwheyplus #zipwhey #theicongroup #ลดน้ำหนักแบบปลอดภัย #ลดไขมัน
#3796



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ว่านพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐ ( เอ็นไอเอช ) กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 ก.ค.) เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ ที่จำนวนผู้ป่วยยืนยันรายวันกลับมา "เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด" ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ "เดลตา" ว่า "เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น" เมื่อพบว่า ผู้ติดเชื้อในระยะหลังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน นพ.เฟาซีกล่าวถึงการปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติ เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ ว่าหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาทบทวน "อย่างจริงจัง" หลังเทศบาลหลายแห่ง รวมถึงเทศบาลนครลอสแอนเจลิส มีคำสั่งให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้วหรือไม่

เกี่ยวกับประเด็นการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม หรือ "บูสเตอร์" เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นพ.เฟาซีกล่าวว่า "ยังคงเป็นเรื่องที่กำลังศึกษา" แต่หากได้ข้อสรุปชัดเจนกว่านี้ บูสเตอร์ "มีความจำเป็นจริง" กลุ่มที่สมควรได้รับวัคซีนเข็มที่สามก่อน ควรรวมถึง ผู้ป่วยที่เข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในกระบวนการเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตัวเอง และผู้ที่ต้องรับประทานยากดภูมิต้านทาน เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอและไม่เป็นปกติ
#3797



นายบรรยง​ วิทยวีรศักดิ์​ อดีตนายกสมาคมตัวแทนและที่ปรึกษาการเงิน(Thaifa)​ และอดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (APFinSA) ได้โพสต์บนเพจเฟสบุ๊คส่วนตัว"เปิดเบื้องลึก ทำไมผู้ป่วยโควิดที่มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย จึงหาเตียงได้ง่ายกว่า" อย่างน่าสนใจว่า

ทุกคนเรียกร้องความเท่าเทียมกัน แต่ในโลกของความเป็นจริง มันมักจะโหดร้าย ไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอ

บิล เกต เจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ เคยกล่าวไว้ว่า "ชีวิตมักจะไม่แฟร์ ทำความคุ้นเคยกับมันซะ" เช่นเดียวกับการหาเตียงในโรงพยาบาลเมื่อติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ ต้องบอกว่าหายากมากๆ และมีความเหลื่อมล้ำในการหาเตียงครับ

เมื่อผู้ป่วยมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะที่จำนวนเตียงมีจำกัด ทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล รัฐบาลพยายามจัดให้มีโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลเอกชนใช้ hospitel มาช่วยขยายเตียง แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการ

จนล่าสุด รัฐบาลต้องประกาศให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่มาก ให้กักตัวและพักรักษาตัวที่บ้าน เป็น home isolation

แต่ถามจริงๆ ใครอยากรักษาตัวที่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อจะลงปอดเมื่อไร กว่าจะรู้ ปอดก็เป็นฝ้าขาว สุ่มเสี่ยงต่อการที่เนื้อเยื่อปอดจะถูกทำลายแล้ว

โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากเชื้อลงปอด โอกาสรอดก็น้อยลงจนน่าตกใจ หลายๆคนที่เคยรู้จัก โดยเฉพาะเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในเยาวราชนับสิบคน ต่างจากไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ยังแข็งแรง ทำงานได้ปกติ

เมื่อเราป่วย ทุกคนล้วนอยากเข้ารพ.เอกชน เพราะดูแลดีกว่า ห้องกว้างขวาง สะดวกสบาย อุปกรณ์ใช้สอยครบครัน แต่ต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลเอกชนตั้งขึ้นมาเพื่อหากำไร ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทำเงินของเขา

ตามปกติ ค่ารักษาในรพ.เอกชนมักจะแพงกว่ารพ.ของรัฐ 1-3 เท่าตัว ช่วงแรก คนทั่วไปมักไม่กล้าไปใช้บริการที่รพ.เอกชน คงมีแต่คนรวยหรือคนที่เบิกประกันสุขภาพได้ไปใช้บริการ

จนเมื่อทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศรับผิดชอบค่าตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั้งหมด โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งยังสั่งให้โรงพยาบาลห้ามเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่ารถส่งต่อ ค่าตรวจแล็บ หรือห้องความดันลบ

ปัญหาคือ ราคาที่ สปสช.จ่ายนั้นต่ำกว่าราคาเต็ม ที่โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บจากลูกค้าหรือบริษัทประกันชีวิตแบบครึ่งต่อครึ่ง ดังนั้น รพ.เอกชนจึงไม่เต็มใจรับลูกค้าที่มาใช้สิทธิบัตรทองหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่รพ.รัฐรับกัน

ยิ่งรัฐบาลออกกฎว่า ตรวจเจอโควิด 19 ที่รพ.ไหน ให้แอดมิต(เข้ารักษา)ที่นั่น เท่ากับมัดมือชก ให้รพ.เอกชนต้องรับรักษาผู้ป่วยโควิดในราคาถูก รพ.เอกชนจึงหาทางออกด้วยการอ้างว่า อุปกรณ์ตรวจเชื้อโควิดหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง

แต่จากข่าววงในจะทราบว่า รพ.เอกชนยังมีการสำรองเตียงให้คนมีฐานะ ด้วยการแจ้งคนที่ต้องการเข้ารักษาว่า ถ้าสามารถโอนเงินมาให้โรงพยาบาลก่อน 300,000 บาท หรือ 500,000 บาท รถพยาบาลจะวิ่งไปรับผู้ป่วยถึงที่เลย ตรงนี้แสดงให้เห็นชัดถึงความเหลื่อมล้ำ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะรพ.เอกชนก็สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับคนมีฐานะอยู่แล้ว

แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวว่ารพ.เอกชนโดนเท โดนลูกค้าหักหลัง กล่าวคือ ลูกค้าที่โอนเงินไปก่อนเมื่อรักษาหายแล้ว ก็ไปร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุขว่าถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงิน ขอให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย กระทรวงสาธารณสุขต้องโทรไปสั่งให้โรงพยาบาลเอกชนคืนเงินให้กับลูกค้า แล้วให้ไปเก็บเงินกับ สปสช.แทน

แต่ในราคาที่หายไปกว่าครึ่ง แถมกว่าจะได้รับเงิน ต้องรอ 3-6 เดือน

รพ.เอกชนเริ่มเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น จึงเปลี่ยนนโยบายมารับลูกค้าที่มีประกันสุขภาพแทน เนื่องจากได้ราคาและวางบิล 2 สัปดาห์ก็ได้เงิน เพียงแต่เขาระบุชัดเจนไปเลยว่า ต้องมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่เบิกได้ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป

เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคโควิดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150,000 บาท จึงต้องมั่นใจว่าลูกค้ามีปัญญาจ่ายแน่ ไม่อย่างนั้น จะกลับไปปัญหาเดิม คือลูกค้าต้องออกเงินส่วนเกิน และไปร้องขอคืนจากกระทรวงสาธารณสุขอีก

ความจริงค่าใช้จ่าย 150,000 บาทนี้ เฉพาะกรณีลูกค้าผู้ป่วยสีเขียวหรือสีเหลืองที่ไม่มีอาการหนักมาก เพียงแค่พักฟื้น 14 วันก็หายได้เอง โดยไม่มีเชื้อลงปอด เพราะถ้ามีอาการหนักหรือมีโรคแทรกซ้อน ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5 ล้านบาททีเดียว

จึงไม่แปลกใจที่ระยะหลัง จะได้ยินข่าวว่า เมื่อเราติดต่อรพ.เอกชนเพื่อหาเตียงให้คนไข้โควิด รพ.จะแจ้งสเปกลูกค้าที่เขาต้องการว่า

1. เป็นผู้ป่วยอายุไม่เกิน 60 ปี
2. มีประกันสุขภาพเหมาจ่ายวงเงิน 5 แสนบาทขึ้นไป
3. น้ำหนักตัวไม่เกิน 100 กก.
4. เป็นผู้ป่วยสีเขียว

พอจะเข้าใจได้ว่า ชั่วโมงนี้ รพ.เอกชนเป็นคนเลือกลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าเลือกโรงพยาบาล เคยได้ข่าวว่า ผู้ป่วยบางคนเริ่มจากการเลือกรพ.เกรด A เมื่อไม่ได้ เปลี่ยนมาเป็นเกรด B ครั้นยังไม่ได้ ก็ขอเปลี่ยนเป็น hospitel ก็ยังหาเตียงไม่ได้ สุดท้ายอาจจะต้องไปจบที่โรงพยาบาลภาคสนาม หรือไม่ก็ต้องกักตัวที่บ้าน ชั่วโมงนี้เลือกไม่ได้จริงๆครับ

มาถึงวันนี้ เมื่อคนป่วยล้นจริงๆ บางคนมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายก็อาจจะยังไม่สามารถหาห้องได้เลย แต่ถ้ามีห้องว่างเมื่อไหร่ ผู้ป่วยที่มีประกันเหมาจ่ายมักจะได้รับการเลือกจากรพ.เอกชนก่อนเสมอ

คำถามคือ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

หาคำตอบยากใช่ไหมครับ สิ่งที่ทำได้ และอยากแนะนำให้ทุกท่านทำคือ

1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
2. ใส่แมส เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ
3. ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนก็ได้ให้เร็วที่สุด
4. มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย

นาทีนี้ อะไรที่ช่วยรักษาชีวิตให้รอดได้ ต้องเลือกเอาไว้ก่อนครับ
#3798


บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองแบบโฮมยูส ล็อตแรกจำนวน 150,000 กล่อง หรือ 750,000 ชุด ได้รับการจัดส่งถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว พร้อมเร่งกระจายส่งร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็ว หวังช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศลงได้ ซึ่งชุดตรวจแบบโฮมยูสนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าสู่กระบวนการแยกกักตัวตนเองจากครอบครัว และผู้ใกล้ชิดได้อย่างทันท่วงที ก่อนเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ต่อไป
 
 
นายพิเชษฐพงษ์ ศรีสุวรรณกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าขณะนี้ บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติการขึ้นทะเบียน ชุดตรวจโควิด 19 ด้วยตัวเองแบบโฮมยูส (Home Use) จาก อย. ไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มจัดจำหน่ายในประเทศในร้านขายยาและสถานพยาบาล ได้ราวต้นเดือนสิงหาคม นอกจากนี้  ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมีชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดแบบแรพิด  แอนติเจน เทสต์ (Professional Use) ซึ่งผ่านการขึ้นทะเบียน อย. ภายในประเทศ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 แล้วเช่นกัน และอนุญาตให้ใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพ และบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น 
 

"ขณะนี้ เราได้วางแผนการนำเข้าชุดตรวจโควิด 19 ด้วยตัวเองเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล็อตแรก ที่จัดส่งถึงประเทศไทยแล้วมีจำนวน 150,000 กล่อง หรือ 750,000 ชุดตรวจ โดยในหนึ่งกล่องจะประกอบไปด้วยเทสต์ตรวจ 5 ชุด สำหรับให้แต่ละครอบครัวสามารถใช้ตรวจกันเองได้ คาดว่าน่าจะมีวางจำหน่ายในร้านขายยา และสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตเร็วที่สุดคือต้นสัปดาห์หน้า หรือช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2564 นี้แน่นอน และจะมีการนำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ทั้งนี้ แนะนำให้ผู้ใช้งานศึกษารายละเอียดการใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด ซึ่งที่กล่องชุดตรวจโควิด 19 แบบโฮมยูส จะมีฉลากภาษาไทยติดกำกับพร้อม QR Code สำหรับชมวิธีการใช้อย่างชัดเจน"
#3799


สรุปผลการมอนิเตอร์ข่าวปลอมรอบสัปดาห์ พบมีข้อความที่ต้องคัดกรอง 8.2 ล้านข้อความ เปิด 3 อันดับข่าวคนสนใจมากสุด พบโควิดยังยึดพื้นที่เฟคนิวส์

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมตลอดช่วงสัปดาห์นี้ (18-22 ก.ค. 64) โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม มีข้อความที่ต้องคัดกรองทั้งสิ้น 8,246,481 ข้อความ ในจำนวนนี้พบข้อความที่เข้าเกณฑ์ต้องดำเนินการตรวจสอบ 145 ข้อความ เป็นจำนวนเรื่องที่ต้องตรวจสอบทั้งหมด 79 เรื่อง โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับโควิด-19 มากถึง 50 เรื่อง

ทั้งนี้ เมื่อดูจากปริมาณข้อความเบาะแสข่าวปลอม พบข้อสังเกตน่าสนใจว่า ประชาชนจะเผชิญกับเนื้อหาบนโซเชียล/โลกออนไลน์ที่มีแนวโน้มอยู่ในกลุ่มข่าวปลอม/ข่าวบิดเบือน เฉลี่ยวันละมากกว่า 1 ล้านข้อความต่อวัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลฯ จะมุ่งทำงานเชิงรุกในการบูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งประสานงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องสู่ประชาชนและสังคมอย่างรวดเร็ว ลดความตื่นตระหนกและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ทันการณ์

สำหรับข่าวปลอมที่มีคนสนใจสูงสุด 3 อันดับแรกตลอดช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1. เตือนเฝ้าระวังใน 24 ชม. จะเกิดแผ่นดินไหว ดินถล่ม น้ำท่วม และน้ำป่า 2. เครื่องตรวจวัดออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้ว ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้ และ 3.กองทัพบก ประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้า ก่อนประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ กทม.

นางสาวนพวรรณ กล่าวว่า อยากขอความร่วมมือประชาชน เมื่อได้รับข่าวสารข้อมูลผ่านโซเชียล ควรตรวจสอบให้รอบด้าน เลือกเชื่อ เลือกแชร์ และสามารถติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ดังนี้ ไลน์ @antifakenewscenter  เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 เพื่อหลีกเลี่ยงจากการเป็นเหยื่อข่าวปลอมหรือ ข่าวบิดเบือน
#3800


เกาหลีใต้เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่บุคคลอายุระหว่าง 55-59 ปีในวันจันทร์ (26 ก.ค.) เพื่อเร่งรัดโครงการฉีดวัคซีนประชาชน สกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้กำลังดิ้นรนต่อสู้กับการแพร่ระบาดระลอก 4

การฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนอายุ 50 ปีขึ้นไป ประสบปัญหาติดขัดนานกว่า 1 สัปดาห์ในเดือนนี้ หลังเคสผู้ติดเชื้อใหม่ที่พุ่งสูงสุดเป็นสถิติใหม่ กระตุ้นประชาชนแห่แหนเข้ารับวัคซีน ทำให้อุปทานร่อยหรอและเว็บไซต์จองคิวฉีดวีคซีนล่ม

มีราว 6.17 ล้านคน หรือ 84% ของบุคคลที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ลงชื่อจองคิวฉีดวัคซีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคแทนโมเดอร์นา ในประชาชนบางกลุ่ม สืบเนื่องจากกำหนดการส่งมอบวัคซีนที่ไม่แน่นอน

ทางการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อภาวะอุปทานวัคซีนไม่เพียงพอและกรณีเปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย ขยายกรอบเวลาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ระหว่างเข็มแรกกับเข็มสองเป็น 4 สัปดาห์ เป็นการชั่วคราว จากเดิมที่กำหนดไว้ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นกรอบเวลาเดียวกับวัคซีนโมเดอร์นา

เกาหลีใต้วางเป้าหมายฉีดวัคซีนแก่คนชรา กลุ่มคนอ่อนแอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแถวหน้าเป็นลำดับแรก เวลานี้พวกเขาฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างน้อย 1 เข็มไปแล้ว 33% จากประชากรทั้งหมด 52 ล้านคน และฉีดครบแล้ว 13%

สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 1,318 คนในวันอาทิตย์ (25 ก.ค.) ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 190,166 ราย และเสียชีวิต 2,077 คน

มาตรการตรวจเชื้อหมู่และติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด ช่วยให้จนถึงตอนนี้เกาหลีใต้มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดระลอกใหม่กระตุ้นให้รัฐบาลเมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ค.) ยกระดับความเข้มข้นของกฎระเบียบเว้นระยะห่างทางสังคมทั่วประเทศในสัปดาห์นี้ เพื่อสกัดการแพร่กระจายเชื้อในช่วงฤดูร้อน

(ที่มา : รอยเตอร์)