• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - fairya

#3701


เดินหน้าต่อเพื่อลูกค้าคนสำคัญ...ทรู เร่งขยายช่องทางให้บริการใกล้แหล่งชุมชน ทั้งเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ปักหมุด "True POP-UP Shop" เพิ่มอีก 2 เท่า เป็น 30 สาขา และล่าสุด อำนวยความสะดวกยิ่งขึ้น ส่ง รถ Mobi Shop "ร้านทรูติดล้อ" พร้อมวิ่งไปให้บริการลูกค้าและประชาชนอย่างต่อเนื่อง เข้าถึงพื้นที่ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยประเดิม ปักหลัก ณ ลานจอดรถ Food Truck หน้าเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ เพื่อให้ลูกค้าชำระค่าบริการ เปลี่ยนแปลงข้อมูล ย้ายค่าย เปลี่ยนซิมใหม่เบอร์เดิม รวมถึงสมัครแพ็กเกจเสริม เลือกซื้อสินค้าต่างๆ อาทิ สมาร์ทโฟน สมาร์ทดีไวซ์ แกดเจ็ต ตลอดจนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกับที่ True POP-UP Shop


ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังมั่นใจในความปลอดภัยด้วยมาตรการคุมเข้มของทั้ง True POP-UP Shop และรถ Mobi Shop "ร้านทรูติดล้อ" โดยพนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็มซึ่งจะสวมหน้ากากอนามัย และถุงมือ ตลอดการปฏิบัติงาน มีจุดบริการแอลกอฮอล์เจล ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและจุดสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อสม่ำเสมอ พร้อมแนะนำให้ลูกค้าลดความเสี่ยงในการสัมผัสธนบัตรและเหรียญ ด้วยการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบสาขา True POP-UP Shop ได้ที่ https://bit.ly/3jjhxTV และจุดบริการรถ Mobi Shop "ร้านทรูติดล้อ" ติดต่อ 064-7032921 ซึ่งจะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ทรู คอลล์เซ็นเตอร์ โทร. 1242

#ทรู5Gเคียงคู่สู้โควิด #Truetogether
#3702


นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 30 ส.ค.2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรืออีคอมเมิร์ซ ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้นำเสนอ  โดยแผนดังกล่าวตั้งเป้าเพิ่มการเติบโตของการค้าอีคอมเมิร์ซ จากปี 2562 ที่มีมูลค่า 4.03 ล้านล้านบาท ให้มีมูลค่า 5.35 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.32 ล้านล้านบาท ภายในปี 2565

คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ครอบคลุมในทุกมิติที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซของประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้การดำเนินการขับเคลื่อนและพิจารณากลั่นกรองร่วมกับ 20 หน่วยงาน 8 กระทรวง รวมทั้งภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แผนฉบับนี้สามารถผลักดันการค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ในทุกระดับและทุกภาคส่วน ตั้งแต่ในระดับประเทศ ซึ่งจะช่วยพัฒนาและส่งเสริมแพลตฟอร์มของไทยให้มีความเข้มแข็ง ลดความได้เปรียบของแพลตฟอร์มจากต่างประเทศ และลดความซ้ำซ้อนในการทำงานของทุกภาคส่วน ซึ่งจะนำไปสู่การมีระบบ Big Data ของประเทศที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังเพิ่มรายได้ด้วยการขยายโอกาสและเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในและตลาดต่างประเทศให้กับผู้ประกอบการรวมถึงเกษตรกรไทย และการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจด้วยการลดต้นทุนและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำที่สะดวกยิ่งขึ้น การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย รวมถึงการพัฒนายกระดับโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยสภาพแวดล้อมด้านการค้าออนไลน์ทั้งระบบ ผู้ซื้อสินค้าจะมีความสะดวกสบายในการซื้อของออนไลน์ยิ่งขึ้น ภายใต้ระบบการคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มแข็งเพื่อสร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมออนไลน์

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2564-2565) ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ 1. การพัฒนาแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ (e-Marketplace) เพื่อส่งเสริมการค้าภายในประเทศและการค้าข้ามพรมแดน (Enhancement and Promotion) 2. การพัฒนาสภาพแวดล้อมและปัจจัยสนับสนุนการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในทุกด้านให้พร้อมรองรับการเติบโตของการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Ecosystem and Enabling Factors) 3.การสร้างความเชื่อมั่นในธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Trust and Sustainability) 4. การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถใช้ประโยชน์จากธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Competency Building) พร้อมทั้งรองรับการเติบโตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ครอบคลุมการก้าวเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

นายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์  ผู้อำนวยการสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล  กล่าวว่า แผนนี้ได้จัดทำมา  4 ปี แล้วมาสำเร็จในปีนี้และได้นำเข้าครม.เพื่อให้เห็นชอบนี้ เนื่องจากเป็นนโยบายที่สอดรับกับสถานการณ์การค้าในโลกยุคใหม่และกระทรวงพาณิชย์เป็นส่วนหนึ่งจะต้องปรับตัวขณะเดียวกันก่อนแผนนี้จะได้รับการอนุมัติจากครม.นั้น ทางกระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้รับนโยบายให้ปรับกลยุทธ์ในการทำงานโดยเฉพาะการทำการค้าออนไลน์และการเจรจาข้ามประเทศด้วยระบบออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง
#3703
ทำไมข้าวอินทรีย์มีราคาสูง
ทำไม ข้าวเพื่อสุขภาพสุรินทร์   (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ?  ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด  หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ  ข้าวorganic ทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลินิล ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูปข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   กลุ่มข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ   ข้าวปลอดสารพิษส่งทั่วไทย
1. ขายข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก
3.  กลุ่มข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวกล้องอินทรีย์ผสมหลายสายพันธุ์สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิก
6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุขภาพ
7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ
 

 

 

 

 

 

 

 
 
#3704


วันที่ 25 สิงหาคม 2564 กระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานด้านพลังงานชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ร่วมเป็นเจ้าภาพการจัดงาน  "Future Energy Asia 2021" (FEA 2021) นิทรรศการและการประชุมด้านพลังงาน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ภายใต้แนวคิด "ASEAN Region's Energy Transition post COVID and towards net zero" โดยมีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดและร่วมบรรยายพิเศษ

แผนพลังงานลดมลพิษ
นายกุลิศ บรรยายพิเศษในหัวข้อ "ประเทศไทย 4.0 กับการฟื้นตัวกิจการพลังงานและนวัตกรรมในยุคโควิด" (Thailand 4.0 & Energy Resilience and Innovation Amidst the COVID Era) ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีทิศทางนโยบายพลังงานหรือ National Energy Plan (NEP 2022) ซึ่งได้รับอนุมัติโดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน


NEP 2022 นี้จะมุ่งเน้นขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่พลังงานสีเขียวและพลังงานสะอาด มีแผนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในปี 2065-2070 โดยผลักดันให้ภาคพลังงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการลงทุนในพลังงานสะอาด เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของโรงไฟฟ้าใหม่ ไม่ต่ำกว่า 50% พร้อมๆ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้รองรับการกระจายศูนย์ของระบบ microgrid ทั่วประเทศ ขณะเดียวกันจะแก้ไขข้อจำกัดกฎการซื้อขายไฟฟ้าและข้อกำหนดที่เป็นอุปสรรค

"เราจะเปลี่ยนผ่านการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในภาคขนส่งให้ใช้พลังงานไฟฟ้า ในปี 2030 จะมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเป็นสัดส่วน 30% ซึ่งนโยบายนี้ไม่เพียงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแต่ยังช่วยลดปัญหา pm2.5 อย่างไรก็ตาม ต้องมีการจัดการให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างราบรื่น มีนโยบายที่ก่อให้เกิดการสมดุลระหว่างการใช้รถยนต์เชื้อเพลิงและรถยนต์ไฟฟ้าความพยายามการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ ในช่วง 2065-2070 จะสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี การสนับสนุนด้านการเงิน และความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผมเชื่อว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด"

กฟผ. ดันโปรเจคพลังงานสะอาด

ด้านนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ "การผลักดันการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนการใช้พลังงาน" (Accelerating the Integration of Renewables into the Energy Mix) ระบุว่า ขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ พลังงานหมุนเวียนมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น โดย กฟผ. พร้อมผลักดันให้การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นไปอย่างคล่องตัว ส่งเสริมการเติบโตของพลังงานสีเขียว ซึ่งได้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าไฮบริดซึ่งผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ลอยน้ำร่วมกับพลังน้ำที่เขื่อนสิรินธร ขนาด 45 เมกะวัตต์ (MW) ถือเป็นโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำแบบไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยนำระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) มาใช้ควบคุมและบริหารจัดการ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้แก่พลังงานหมุนเวียน โดยมีแผนดำเนินการใน 9 เขื่อนของ กฟผ. ทั่วประเทศ รวม 2,725 MW ภายในปี 2580 รวมถึงโครงการ Wind Hydrogen Hybrid ซึ่งเป็นระบบกับเก็บพลังงานด้วยเซลล์เชื้อเพลิงร่วมกับพลังงานลมในรูปแบบก๊าซไฮโดรเจน โดยไฟฟ้าที่ได้จะถูกนำไปใช้ที่ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง จ. นครราชสีมา



ระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อความมั่นคง
นายบุญญนิตย์  กล่าวเพิ่มเติมว่า การเผชิญกับความท้าทายในยุคเปลี่ยนผ่านนี้จำเป็นต้องพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศให้มีความมั่นคง ยืดหยุ่น และมีราคาที่เหมาะสม ดังนั้น กฟผ. จึงพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) รองรับพลังงานหมุนเวียน โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ เช่น สถานีส่งไฟฟ้าดิจิทัล การจัดตั้งศูนย์พยากรณ์พลังงานหมุนเวียน (RE Forecast Center) รวมถึงพัฒนาการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันไทยมีการขายไฟฟ้าในรูปแบบทวิภาคีและพหุพาคี กับ สปป. ลาว และมาเลเซีย กฟผ. มุ่งหวังที่จะสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าแห่งอนาคตเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ดังแนวคิด "EGAT for All"


สำหรับการจัดงาน  "Future Energy Asia 2021" (FEA 2021) เป็นงานนิทรรศการและการประชุมสุดที่มุ่งเน้นจุดสนใจไปที่แผนการเปลี่ยนถ่ายพลังงานของภูมิภาคในยุคหลังโควิด และการสร้างกรอบการพัฒนา หรือ Road map เพื่อมุ่งไปสู่ยุคของการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net zero  ซึ่งผู้กำหนดนโยบายระดับกระทรวง ผู้นำด้านพลังงานของโลก ผู้พัฒนาโครงการ และผู้ลงทุน จะมาร่วมปรึกษาหารือและวางแนวทางของแผนยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาการใช้พลังงานแบบผสมผสานของภูมิภาคไปสู่เส้นทางของพลังงานที่สะอาดและยั่งยืนต่อไป 
#3705


นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงสิงคโปร์ ในฐานะ Salesman ประเทศ ได้จัดการประชุมหารือกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ (Singapore General Rice Importers Association) ผ่านระบบ Video Conference เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปยังสิงคโปร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ที่ราคาข้าวไทยปรับตัวลดลง ทำให้มีโอกาสในตลาดสิงคโปร์และตลาดอื่นๆ ทั่วโลกมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการรวบรวมข้อมูลความต้องการของประเทศผู้นำเข้าข้าวเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาสินค้าข้าวไทยให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อตามนโยบาย "ตลาดนำการผลิต" ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

โดยฝ่ายไทยได้แจ้งสถานการณ์การผลิตข้าวของไทยในปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอยู่ที่ประมาณ 32.00-33.00 บาทต่อดอลลาร์  ส่งผลให้ปัจจุบันราคาข้าวไทยปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่แข่งขันกับประเทศคู่แข่ง เช่น อินเดียและเวียดนาม ได้มากขึ้น จึงขอให้สมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์นำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกสิงคโปร์นำเข้าข้าวจากไทยลดลงมากเมื่อเทียบกับปี 2563

        
ด้านผู้แทนสมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดข้าวในสิงคโปร์ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 สิงคโปร์นำเข้าข้าวรวมลดลงเนื่องจากยังมีสต็อกข้าวที่เหลือจากปี 2563 ที่ผู้นำเข้าได้เร่งนำเข้าข้าวในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีปริมาณข้าวมากเกินความต้องการในตลาด สำหรับสาเหตุที่สิงคโปร์นำเข้าข้าวจากไทยลดลงมาจากสาเหตุหลัก คือ ราคาข้าวไทยมีความผันผวนมากทำให้ผู้นำเข้าข้าววางแผนการตลาดค่อนข้างยาก ผู้นำเข้าข้าวบางส่วนจึงหันไปนำเข้าข้าวจากเวียดนามที่มีเสถียรภาพด้านราคาแม้ว่าคุณภาพจะด้อยกว่าข้าวไทย นอกจากนี้ ยังมีการนำเข้าข้าวจากอินเดียเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของแรงงานอินเดียในสิงคโปร์ที่มีมากขึ้น

อย่างไรก็ดี สมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์เห็นว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ความต้องการของข้าวไทยจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาข้าวไทยปรับตัวลดลงอย่างมากโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยที่ปรับตัวลดลงในระดับที่จูงใจให้นำเข้าเพิ่มขึ้น นอกจากปัจจัยบวกทางด้านราคาแล้ว ผู้บริโภคในสิงคโปร์ยังคงเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของข้าวไทยที่สูงกว่าข้าวจากแหล่งอื่น ประกอบกับคาดว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในช่วงเดือนก.ย.เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้มีความต้องการข้าวไทยจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ข้าวกล้อง ข้าวเพื่อสุขภาพของไทยได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภค และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากรัฐบาลสิงคโปร์ได้รณรงค์ให้ชาวสิงคโปร์หันมาบริโภคข้าวกล้องแทนข้าวขาวเพื่อลดอัตราผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศ โดยมีการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้นำเข้าในการประชาสัมพันธ์ข้าวดังกล่าวกับผู้บริโภค ดังนั้น หากราคาข้าวไทยมีเสถียรภาพและยังปรับตัวอยู่ในระดับที่แข่งขันได้เช่นในปัจจุบัน คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งสมาคมฯพร้อมสนับสนุนข้าวไทยและช่วยส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดสิงคโปร์ต่อไป

นายกีรติ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้กรมฯ ไม่สามารถจัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและภาคเอกชนไทยเดินทางไปเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการประชุมหารือผ่านระบบ Video Conference เพื่อให้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยที่ผ่านมากรมฯ ได้จัดการประชุมหารือกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวของฮ่องกง ผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ และหน่วยงานกำกับดูแลการนำเข้าข้าวของมาเลเซีย (BERNAS) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในระยะต่อไปกรมฯ มีแผนหารือกับบังกลาเทศ ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยและส่งเสริมให้ข้าวไทยมีส่วนแบ่งในตลาดเป้าหมายเพิ่มขึ้นต่อไป
#3706


"เจษ" รับว่างงานเต็มๆ 2 เดือนแล้ว เป็นช่วงคิดทบทวนตัวเอง ชี้ทุกคนกระทบ ลำบากกันหมด ลงทุนจัดอุปกรณ์ฟิตเนสมาไว้ที่บ้าน เผยยังได้เจอ "วิว" อยู่เรื่อยๆ แต่จะเป็นการไปรับมาทานข้าวด้วยกันที่บ้านเท่านั้น

เป็นพระเอกหนุ่มอีกคนที่หลายๆ คนคิดถึง สำหรับหนุ่ม "เจษ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์" ที่ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติคงได้เห็นผลงานละครเรื่องใหม่ของเจ้าตัวไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่าเสียดายเหมือนกัน แต่ทุกคนก็เข้าใจได้ถึงสถานการณ์ แต่แอบเห็นใจทีมงานที่เป็นฟรีแลนซ์ที่ต้องขาดรายได้มากกว่า

"ช่วงนี้ก็สบายดีครับ แต่เรื่องถ่ายละครก็ต้องหยุดไปก่อน เพราะเราถ่ายไม่ได้ ก็มีงานยิบๆ ย่อยๆ ที่พอจะทำได้ก็จะมีถ่ายรีวิวสินค้า ถ่ายโปรโมตสินค้าอะไรพวกนี้ พวกละครเราหยุดถ่ายไปก่อนที่จะล็อกดาวน์สักพักนึงครับ ก็น่าจะเหลือครึ่งๆ เลยครับ เพราะถ่ายไปได้ประมาณ 50-60% เอง แล้วก็มีส่วนต้นๆ ที่จะต้องแก้อยู่ประมาณนึง ถ้าเกิดไม่ติดล็อกดาวน์เราก็น่าจะได้ออนแอร์แล้วล่ะ เพราะว่าวิมานทรายน่าจะเป็นเรื่องที่ถ่ายไปได้เยอะมากกว่าเรื่องอื่นๆ ที่ถ่ายอยู่ครับ ทีมงานทุกคนก็เข้าใจครับ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนอะ ทุกคนก็ต้องรอไป ก็เห็นใจทีมงานที่เป็นฟรีแลนซ์ที่มาออกกองถึงจะได้เงินแบบนี้มากกว่า อันนั้นเขาก็จะลำบากหน่อย

นี่ก็หยุดมาได้ประมาณ 2 เดือน น่าจะเท่าๆ กับโควิดครั้งแรก แต่ครั้งแรกเหมือนเราไม่ได้หยุดถ่ายทำนานขนาดนี้ เราหยุดไปช่วงแรกๆ ที่ล็อกดาวน์ และมีช่วงที่ถ่ายได้ ก็น่าจะไม่เกินเดือน แต่อันนี้คือนานจริงๆ ครับ เหมือนตอนแรกเรายังไม่รู้สถานการณ์ว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ก็เลยยังมีถ่ายได้บ้าง แต่ตอนนี้เขาคงอยากจะให้มันหายไปเลยมั้งครับ อะไรที่พอจะปิดได้ กั้นได้ หรืออะไรที่มันจะช่วยได้ก็พยายามปิดให้หมด มันก็กระทบกับกองละครเยอะครับ เพราะทุกเรื่องน่าจะถ่ายไม่ได้เลยครับ"

เผยการอยู่บ้านนานๆ ก็ทำให้ได้คิดทบทวน ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น
"ผมอยู่บ้านก็ดูซีรีส์เยอะมากครับ แล้วก็เล่นเกม ฟิตเนสออกกำลังกายบ้าง เล่นดนตรี ส่วนใหญ่ก็วนๆ อยู่แค่นี้แหละครับทุกวัน เพราะเราก็ไม่อยากจะออกไปไหน เพราะที่บ้านผมก็มีญาติๆ ที่อยู่ในรั้วเดียวกัน แล้วก็มีพ่อแม่ด้วย ถ้าเกิดออกไปแล้วติดเข้ามามันจะอันตราย เพราะว่าคนสูงอายุเยอะ ก็พออยู่บ้านนานๆ เหมือนเราได้อยู่กับตัวเองนานขึ้น เราก็ได้คิดทบทวนกับตัวเองว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ เพราะก่อนที่เราจะได้อยู่บ้านนานขนาดนี้เหมือนชีวิตเรามันรันไปข้างหน้าตลอดเวลา

ทุกวันก็ต้องคิดว่าวันพรุ่งนี้จะทำอะไร วันต่อไปจะทำงานอะไร ถ่ายละคร เตรียมทำการบ้าน มันไปข้างหน้าตลอด แต่พออยู่กับตัวเอง อยู่บ้านนานๆ แล้วไม่ได้ทำอะไรเลยมันก็ได้ทบทวนสิ่งที่ผ่านๆ มาครับ ว่ามีอะไรที่เราทำพลาดไปหรือเราประมาทอะไร ก็ดีครับ สำหรับผมถือว่าเป็นช่วงพักแล้วกัน เพราะถ้าเกิดเป็นช่วงปกติถ้าเราว่างขนาดนี้เราก็จะรู้สึกไม่ดีแล้วล่ะ เราควรจะรับละคร ควรจะทำงานนะ ไม่ควรจะอยู่ว่างๆ นะ แต่ตอนนี้ทุกคนก็ว่างหมด มันก็เป็นช่วงที่ทุกคนน่าจะได้ทบทวนตัวเอง"

ตัดใจซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย ทำห้องฟิตเนสที่บ้านซะเลย
"ก็มีฟิตเนสที่บ้านแล้วครับ เพราะผมก็คิดระยะยาวเลยว่ามันก็คงจะอันตรายเนอะถึงแม้จะเปิดก็ตาม แล้วก็คงจะอยู่อีกนาวแหละ ก็เลยตัดใจซื้อไว้ที่บ้านเลยจะได้ปลอดภัย ก็ซื้อเท่าที่จำเป็นครับ ก็จะเป็น smith machine เป็นบาร์เบล แค่นั้นก็พอจะเล่นได้ทุกส่วนแล้วครับ จริงๆ ตั้งใจจะมีอยู่แล้วตอนที่ทำบ้าน แต่พอมีโควิดก็ซื้อมาเลยดีกว่า ตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่ามันมีห้องๆ นึงว่างอยู่ไม่รู้จะทำเป็นห้องอะไร ตอนแรกจะทำเป็นห้องนั่งเล่น แต่คิดไปคิดมาเราก็เอาที่ไว้ใช้ได้จริงๆ และจำเป็นจริงๆ ที่มันควรจะต้องมีดีกว่า ก็เลยซื้อเป็นฟิตเนสมาเลย"

บอกยังได้เจอ "วิว วรรณรท สนธิไชย" แฟนสาวอยู่บ้าง แต่แค่ไปรับทาทานข้าวที่บ้าน
"กับวิวก็ได้เจอกันครับ เจอกันที่บ้านมากกว่า ผมไปรับเขามากินข้าวที่บ้านบ้าง ก็ได้แค่นี้แหละครับ เพราะไปข้างนอกตอนนี้ก็อันตรายเหลือเกิน ที่นั่นที่นี่ก็ปิดไปหมด เขาเองก็กลัว เพราะว่าที่บ้านเขาก็อยู่กันหลายคนด้วยเหมือนกัน เราเองก็กลัวเพราะที่บ้านเราก็มีหลายคน เจอกันก็จะไปรับมานั่งกินข้าว สั่งอะไรมากินกันที่บ้านมากกว่า

คือถ้าในช่วงที่ยังทำงานกันปกติเราต่างคนก็ต่างทำงาน ก็ต้องพยายามหาวันว่างมาเจอกัน แต่ตอนนี้เราฟรีว่าเราจะมาเจอกันวันไหนก็ได้ แต่เราก็พยายามต่างคนต่างบอกกันว่าต้องหาอะไรทำของตัวเองนะ เพราะคงไม่ใช่ว่าจะไปรับมาเจอกันทุกวันขนาดนั้น เพราะทุกวันตอนนี้เราก็ว่างหมดแหละครับ แต่ต้องจัดการตัวเองมากกว่า รอให้สถานการณ์มันดีขึ้น ในการจัดการทุกอย่างมันดีขึ้น เราก็คาดหวังว่ามันจะดีขึ้นเร็วที่สุด"

ฝากให้กำลังใจถึงทุกคน เชื่อสักวันหนึ่งทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ
"ก็อยากจะให้ทุกคนมีกำลังใจที่ดีนะครับ อยากให้ทุกคนสู้ๆ เพราะตอนนี้ทุกคนน่าจะกระทบกันหมดและลำบากกันหมดจริงๆ ก็เป็นกำลังใจให้แล้วกันครับ ผมเชื่อว่าสักวันนึงมันจะต้องหมดเหตุการณ์แบบนี้แล้วกลับไปเป็นปกติได้ ถ้าเกิดเราพอมีอะไรจะช่วยได้เราก็ช่วยเหลืออยู่แล้วนะครับ แล้วก็อยากจะฝากให้ทุกคนช่วยเหลือกันด้วย เพราะในสถานการณ์ตอนนี้บางคนลำบากกว่าเราเยอะมากๆ สำหรับคนที่มีแล้วพอจะช่วยเหลือได้ ก็อยากจะให้ช่วยเหลือกัน เพราะหลายๆ คนต้องการความช่วยเหลือจากคนที่สามารถช่วยได้จริงๆ ครับ"
#3707


วันนี้ (28 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม มีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีการประเมินผลของมาตรการล็อกดาวน์

โดยกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ผลจากการล็อกดาวน์ได้ 25% ทำให้คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่า เราสามารถปรับมาตรการควบคุมโรค เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงช่วงก่อนหน้านี้

รวมถึงลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ในการอนุญาตให้จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเปิดกิจการหรือดำเนินกิจกรรมบางอย่าง หรือการเดินทางข้ามจังหวัด ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ด้วยเงื่อนไขที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง

ในปัจจุบัน ทั่วโลกต่างยอมรับว่า เชื้อโควิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย จนกลายเป็นโรคประจำถิ่น เป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานความจริง จึงไม่ใช่การกำจัดโรคนี้ให้หมดไป แต่ต้องแลกกับความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่เป็นการอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้อย่างปลอดภัยและสมดุล

ซึ่ง ศบค. ได้เห็นชอบกับแผนการที่เรียกว่า "Smart Control and Living with COVID-19" หรือ การควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยมีมาตรการ 10 ข้อดังนี้

1. การยกระดับมาตรการ DMHT (อยู่ห่าง-ใส่แมสก์-ล้างมือ-วัดอุณหภูมิ) เป็นมาตรการ Universal Prevention (การป้องกันแบบครอบจักรวาล) นั่นคือการระมัดระวังตัวเองอย่างสูงสุด โดยคิดเสมือนว่าทุกคนที่พบปะนั้นมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น ซึ่งรายละเอียดในมาตรการนี้นั้น ผมได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว

2. การจัดหาวัคซีนและฉีดให้ได้มากและเร็วที่สุด โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยง โดยรัฐบาล ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้วัคซีนมามากและเร็วที่สุด และถึงวันนี้เรามั่นใจว่า ภายในสิ้นปีนี้ รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนได้อย่างน้อย 120 ล้านโดส ซึ่งขยายเพิ่มจากเป้าหมายเดิม 100 ล้านโดส ซึ่งเมื่อรวมกับวัคซีนทางเลือกของเอกชน เราจะมีวัคซีนรวมอย่างน้อย 130 ล้านโดส ทำให้เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศไทยได้กว่า 65 ล้านคน

3. การจัดหาชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง (ATK – Antigen Test Kit) ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและราคาถูก ซึ่งทาง สปสช. ได้สั่งซื้อหาและจะแจกจ่ายให้ประชาชนจำนวน 8.5 ล้านโดส โดยเร็วที่สุด และจะจัดหามาเพิ่มอีกในอนาคต และรัฐบาลได้ดำเนินการให้มีชุดตรวจราคาถูกที่ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงได้อย่างสะดวกและราคาถูกยิ่งขึ้น

4. การจัดทำมาตรการ Bubble & Seal กับโรงงาน สถานประกอบการ และแคมป์ก่อสร้าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นให้อยู่ในวงจำกัดที่สุด และดูแลจัดการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การแยกกัก และการรักษาผู้ป่วย ที่จะทำให้เราไม่ต้องปิดทั้งโรงงาน และสามารถดำเนินการผลิตในบางส่วนของโรงงานหรือการก่อสร้างไปได้โดยไม่สะดุด

5. การจัดการสภาพแวดล้อมและการคัดกรองการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ในสถานที่เสี่ยง คือตลาด และชุมชนแออัด ที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดและเกิดคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก โดยจะต้องมีการจัดสภาพแวดล้อมตามมาตรการอย่างเข้มงวด และมีการตรวจคัดกรองเป็นประจำเพื่อหยุดการระบาดตั้งแต่ต้น

6. การจัดสภาพแวดล้อมของกิจการที่มีความเสี่ยงเป็นแบบปราศจากโควิด (COVID-Free Setting) เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินกิจการได้ ซึ่งมี 3 องค์ประกอบสำคัญคือ 1. COVID-Free Environment (สภาพแวดล้อมปราศจากโควิด) เช่นระบบระบายอากาศ การจัดสถานที่ให้ไม่แออัด 2. COVID-Free Personnel (พนักงานปราศจากโควิด) เช่นการฉีดวัคซีนและตรวจ ATK 3. COVID-Free Customer (ลูกค้าปราศจากโควิด) เช่นการแสดงผลฉีดวัคซีนหรือการตรวจ ATK

7. การจัดสภาพการทำงานและการเดินทางที่ปลอดภัย ไม่แออัด รวมถึงการคัดกรองโรคด้วยชุดตรวจ ATK สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดการระบาดในสถานที่ทำงาน และติดเชื้อต่อไปยังครอบครัวที่บ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง และเด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

8. การจัดกิจกรรม สถานที่ และบริการสาธารณะต่างๆ ภายใต้มาตรการ 3C คือ การไม่จัดให้เกิดพื้นที่เสี่ยง 3 ประการ คือ "แออัด-ใกล้ชิด-ปิดอับ" (Crowded Places Close-Contact Setting, Confined & Enclosed Spaces) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดได้สูง

9. การจัดการบริการควบคุมโรคเชิงรุก เข้าถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่และชุมชนระบาด ด้วยหน่วยเคลื่อนที่ CCRT (Comprehensive COVID-19 Response Team) ทั้งการตรวจคัดกรอง การนำผู้ป่วยออกมารักษา การฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกับผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ด้วยตนเอง

10. ตรวจคัดกรองเชิงรุกให้รวดเร็ว รู้ผลให้เร็ว แยกกักผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงเร็ว และรักษาผู้ป่วยได้เร็ว ด้วยชุดตรวจ ATK และระบบแยกกักที่บ้านและที่ชุมชน Home Isolation & Community Isolation สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง ที่ช่วยบรรเทาภาระของการครองเตียง และการต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้มีอาการหนักหรือปานกลาง สามารถเข้ารับการรักษาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีโอกาสรักษาหายดีมากยิ่งขึ้น

นโยบาย "Smart Control and Living with COVID-19" ทั้ง 10 ข้อนี้ ได้มีการดำเนินการมาแล้วในหลายข้อ และได้ผลดีที่เป็นปัจจัยสำคัญในการลดยอดผู้ติดเชื้อได้ ส่วนบางข้อนั้นจะมีการยกระดับและดำเนินการไปพร้อมกับการปรับมาตรการที่จะเริ่มในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นหนทางที่ช่วยให้ประเทศไทยจะก้าวไปสู่อนาคตร่วมกันอย่างปลอดภัยและมั่นคง สามารถฟื้นเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของเราได้ ผมจึงขอให้พวกเราทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทุกคน ได้นำหลักการและแนวคิด Smart Control and Living with COVID-19 นี้ไปปรับใช้กับองค์กรของท่าน ชุมชนของท่าน ครอบครัวของท่าน และตัวท่านเอง เพื่อให้เราก้าวผ่านวิกฤตสู่อนาคตของประเทศไทยร่วมกันครับ
#3708


การออกมาแถลงถึงภาวะสังคมไทย ไตรมาส 2/2564 ขอ "นายดนุชา พิชยนันท์"  เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่นับจากเดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมาจนบัดนี้ที่ใช้ยาแรงระดับ  "ล็อกดาวน์" คุมเข้มการเดินทาง ยังไม่ช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นมากนัก ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขคนติดเชื้อและตายรายวันที่แม้จะมีสัญญาณที่ดี แต่ก็ยังถือว่า "เยอะ"  รวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจซึ่งสะเทือนไปถึงการว่างงาน ขาดรายได้ ต้องกู้หนี้ยืมสิน กลายเป็นปัญหางูกินหางที่ยังหาทางออกไม่ได้

ถ้อยแถลงของนายดนุชา เริ่มต้นด้วยภาพรวมการจ้างงานที่ดูเหมือนจะเป็น "ข่าวดี" โดยระบุว่า ช่วงไตรมาส 2/2564 การจ้างงานเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วย การจ้างงานในภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 2.4% เนื่องจากแรงงานกลับภูมิลำเนาและเข้าสู่ภาคเกษตร และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.8% โดยเพิ่มขึ้นเกือบทุกสาขา ยกเว้นภาคการผลิตและภาคค้าส่งค้าปลีกที่การจ้างงานลดลง

สำหรับสาขาที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ สาขาก่อสร้าง สาขาโรงแรม/ภัตตาคาร สาขาการขนส่ง/จัดเก็บสินค้า มีการขยายตัว ร้อยละ 5.1, 5.4 และ 7.1 ตามลำดับ ส่วนสาขาการผลิตและการขายส่ง/ขายปลีก การจ้างงานหดตัวร้อยละ 2.2 และ 1.4 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม การจ้างงานในภาคการผลิตที่ลดลง 2.2% นั้น ไม่ได้ลดลงทุกสาขา โดยสาขาการผลิตเพื่อส่งออกมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ยางพารา และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสาขาที่การจ้างงานลดลง ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น

 ขณะที่ตัวเลขการ "ว่างงาน" นั้นออกจะเป็น "ข่าวร้าย" เพราะตัวเลขยังอยู่ในระดับสูงจากผลกระทบของ โควิด-19 ระลอกใหม่นับตั้งแต่เมษายน 2564 โดยอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.89 คิดเป็นผู้ว่างงาน 7.3 แสนคน แบ่งเป็นผู้ไม่เคยทำงานมาก่อน (ผู้จบการศึกษาใหม่) 2.9 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.04 และผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนมีจำนวน 4.4 แสนคน ลดลงร้อยละ 8.38 

สภาพัฒน์ ยอมรับว่า โควิด-19 ส่งผลต่อความสามารถในการหารายได้ของแรงงาน กรณีที่รัฐบาลประกาศมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดตั้งแต่เมษายน 2564 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง และมีแนวโน้มจะลดลงมากกว่าการระบาดในปี 2563 โดยเฉพาะแรงงานในกลุ่มที่ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ ทั้งนี้ ลูกจ้างภาคเอกชนที่สามารถทำงานที่บ้านได้ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด มีเพียงร้อยละ 5.5 หรือมีจำนวน 0.56 ล้านคน จาก 10.2 ล้านคนเท่านั้น และมีกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระจำนวน 7.3 ล้านคน ที่จะได้รับผลกระทบ

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานทำให้แรงงานต้องนำเงินเก็บออมมาใช้มากขึ้น สะท้อนจากข้อมูลยอดคงค้างเงินฝากต่อบัญชีที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50,000 บาท ในเดือนมิถุนายน 2564 ลดลง 4.14% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2562 และยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

ส่วนหนี้สินครัวเรือนไตรมาส 1/2564 มีจำนวน 14.13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 90.5% ของจีดีพี โดยสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 6.5% สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 และสินเชื่อบัตรเครดิตที่ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นถึง 6% จากที่หดตัว 1.3% ในช่วงไตรมาส 1/2564 ส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และบัตรกดเงินสด

ด้านสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ ขยายตัว 6% เพิ่มขึ้นจากขยายตัว 5.3% ในช่วงไตรมาสก่อน จากมาตรการกระตุ้นการขายของผู้ประกอบการ และมาตรการลดค่าโอนจำนองของภาครัฐ ส่วนสินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้น 6% ขณะที่สินเชื่อเพื่อยานยนต์ขยายตัว 2.3% ชะลอตัวต่อเนื่องจากที่ขยายตัว 3.3% ในช่วงไตรมาสก่อน

ขณะที่คุณภาพสินเชื่อด้อยลงเล็กน้อย และสินเชื่อหลายประเภทมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 1/2564 สัดส่วนหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.92% เพิ่มขึ้น จาก 2.84% ในไตรมาสก่อน เช่นเดียวกับความสามารถในการชำระหนี้ในภาพรวมที่ด้อยลงเกือบทุกประเภทสินเชื่อ ยกเว้นสินเชื่อที่อยู่อาศัย สะท้อนให้เห็นว่าครัวเรือนมีความสามารถในการหารายได้ลดลงหรือสถานะทางการเงินเปราะบางมากขึ้น

นายดนุชา ยังระบุว่า สถานการณ์ด้านสุขภาพและความเจ็บป่วยในภาพรวมมีแนวโน้มลดลง แต่สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ผลกระทบต่อสุขภาพจิตของประชาชนในพื้นที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรง และพื้นที่ล็อกดาวน์ 29 จังหวัด เนื่องจากผลสำรวจของกรมสุขภาพจิต พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีเริ่มภาวะความเครียดมากขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า



แรงงานตกงาน ธุรกิจพังพินาศจากมาตรการล็อกดาวน์จนเจียนทนไม่ไหว แม้แต่โครงการของรัฐบาลเองอย่างเช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการทัวร์เที่ยวไทย ก็ยังอยู่ในอาการลูกผีลูกคน กระทั่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กลับไปพิจารณาถ้าไม่สามารถเริ่มต้นได้ในเดือนตุลาคมนี้ ก็ยุติโครงการคืนวงเงินกู้ไป

ขณะที่ภาคเอกชน ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้รัฐบาลทบทวนและผ่อนคลายการล็อกดาวน์ โดย นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์  กรรมการสมาคมศูนย์การค้าไทย และผู้แทนคณะทำงาน 8 สมาคมธุรกิจ ประกอบด้วย สมาคมศูนย์การค้าไทย, สมาคมธุรกิจร้านอาหาร, กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมคลินิกเอกชน, สมาคมวิชาชีพช่างผมไทย, สมาคมผู้ประกอบการสปาไทย, สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย และสมาคมสนามกอล์ฟไทย ได้ยื่นหนังสือต่อพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ผอ.ศปก.ศบค., นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ลดระดับการล็อกดาวน์เพื่อรักษาสภาพเศรษฐกิจ และเสนอแนวทางการเปิดศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และธุรกิจต่างๆ ในศูนย์การค้า และสนามกอล์ฟ

ผู้แทนของ 8 สมาคมภาคเอกชน ระบุว่ามาตรการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบหนัก ทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้างต้องประสบปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยประเมินความเสียหายจากการล็อกดาวน์ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และร้านค้าประเภทต่างๆ มีมูลค่าโดยรวมกว่า 700,000 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่แหล่งติดเชื้อที่มาจากศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟนั้นต่ำมาก

นางศุภานวิต ยืนยันว่า ภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามมาตรฐานทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้มาใช้บริการในศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ และสนามกอล์ฟ โดยขอให้ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาการปลดล็อกเป็นระยะ และมีแผนการปลดล็อกที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนรับทราบล่วงหน้า โดยอาจใช้เกณฑ์ที่ใกล้เคียงกับต่างประเทศ เช่น อัตราได้รับการฉีดวัคซีนของประชาชน

นอกจากนี้ จากกรณีศึกษารัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ได้ปลดล็อกให้ศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหาร และสนามกอล์ฟ เปิดให้บริการปกติตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลายประเทศใช้เกณฑ์การได้รับวัคซีนของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งมีตั้งแต่ 45-70% ของประชากร และแนวโน้มของผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตลดลงตามลำดับ ดังนั้น กรุงเทพฯ มีประชากรกว่า 80% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และประเทศไทยมีอัตราการติดเชื้อต่ำกว่าหลายประเทศที่กล่าวข้างต้น จึงขอให้ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข บริหารจัดการและกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงโดยเร็ว และพิจารณาให้เปิดธุรกิจต่างๆ ในศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟ

ข้อเรียกร้องดังกล่าวข้างต้น นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับข้อเสนอในหลักการ และให้กรมควบคุมโรค จัดทำรายละเอียด เพื่อเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ในวันที่ 27 สิงหาคม โดยมีแนวโน้มว่าเป็นไปได้ที่จะให้ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ประมาณ ร้อยละ 50 รวมถึงสถานประกอบการกลางแจ้ง สถานออกกำลังกายต่างๆ ก็อาจจะได้มีการผ่อนคลายให้ต่อไป

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม มีข้อเสนอมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 และเร่งรัดให้รัฐบาลจัดสรรวัคซีนเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต และอุ้มเศรษฐกิจของประเทศไม่ให้พังพินาศไปมากกว่านี้เช่นกัน

 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทยเข้าสู่ขั้นวิกฤตและส่งผลกระทบทุกภาคส่วน โดยภาคอุตสาหกรรมเกิดการติดเชื้อในโรงงานเป็นจำนวนมาก ส.อ.ท.ในฐานะองค์กรหลักภาคเอกชนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงจัดทำมาตรการควบคุมโควิดในภาคอุตสาหกรรม ภายใต้คอนเซปต์ "ติดโควิดไม่ต้องปิดโรงงาน" คือ
มาตรการ Bubble and Seal โดยให้สุ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK สม่ำเสมอ 10% ของจำนวน
พนักงาน ทุก 14 วัน โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่าย และให้พนักงานผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำสามารถกลับเข้ามาทำงานใน Bubble ในโรงงานตามปกติ

สถานประกอบการที่มีพนักงาน 300 คนขึ้นไป เสนอให้กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้ง Factory Quarantine และ Factory Accommodation Isolation โดยให้มีจำนวนเตียงไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนพนักงาน และเสนอให้กระทรวงแรงงาน จัดตั้งโรงพยาบาลแม่ข่ายในแต่ละพื้นที่ประกันสังคม เพื่อให้บริการโรงงานในพื้นที่ ณ จุดเดียว ตั้งแต่การตรวจหาเชื้อไปจนถึงส่งต่อผู้ป่วยเข้าไปในระบบการรักษา

สำหรับสถานประกอบการที่มีพนักงานต่ำกว่า 300 คน ขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมจัดตั้ง Community Quarantine, Community Isolation ศูนย์พักคอยและแยกกักตัวให้เพียงพอกับแรงงาน โดยให้มีจำนวนเตียงไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนพนักงานในพื้นที่

นอกจากนั้น ยังขอให้จัดสรรวัคซีนตามเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต โดยจัดสรรตามลำดับความสำคัญทางสาธารณสุข การป้องกันโรค และเศรษฐกิจใน 3 กลุ่มคือ กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่อายุ 40-59 ปี กลุ่มพนักงานในสถานประกอบการที่มีติดเชื้อมากกว่า 50% จนต้องปิดกิจการ และกลุ่มพนักงานในอุตสาหกรรมสำคัญยิ่งยวด

 เรียกว่าล็อกดาวน์จนเศรษฐกิจพังพินาศ จะเปิดเมืองก็หวั่นเอาไม่อยู่ทำสถานการณ์แพร่ระบาดบานปลายไปมากกว่านี้ นี่เป็น.อายุรัฐบาลลุงที่นับวันสั้นลงทุกขณะ 
#3709


ศึกฟุต. 'พรีเมียร์ ลีก ซีซั่น 2021/22' ถูกนับให้เป็นสงครามลูกหนังที่ดุเดือดกว่าที่ผ่านมาอย่างไม่ต้องสงสัย จากการเสริมทีมของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ที่ทำเอาแฟน.ทั่วโลกอ้าปากค้าง อันนำมาสู่การแย่งแชมป์ที่ต้องเมามันระดับ 10 เท้าถีบ และนี่คือเหตผลว่าทำไมแฟน.ต้องห้ามพลาดติดตาม พรีเมียร์ ลีก ปีนี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อุดมไปด้วยนักเตะระดับมหาดาราเช่น พอล ป๊อกบา, เจดอน ซานโช่, บรูโน่ แฟร์นานเดส, แฮร์รี แม็คไกวร์, เอดินสัน คาวานี และการกลับมาอีกครั้งของหนึ่งในสุดยอดหมายเลข 7 ตลอดกาล 'คริสเตียโน่ โรนัลโด้'

แมนเชสเตอร์ ซิตี - วอดวายเงิน 100 ล้านปอนด์ เอาตัว แจ๊ค เกรียลิช หนึ่งในตัวรุกที่ดีที่สุดของอังกฤษโมงยามนี้ มาร่วมปั้นเกมกับ เควิน เดอ บรอยน์ แถมได้มันสมองระดับอ๋องของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาขับเคลื่อนภารกิจป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ซีซั่นนี้

ลิเวอร์พูล - เครื่องจักรสีแดงที่แข็งแกร่งตั้งแต่ผู้จัดการทีมอย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ ไปถึงจอมยิงประตูทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, ดิโอโก้ โชต้า และสำคัญกว่านั้นคือการกลับมาของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก ปราการหลังตัวแกร่งที่หายเจ็บแล้ว เหมือนได้นักเตะใหม่เพิ่มอีกคน

เชลซี - ทีมของ โธมัส ทูเคิล แน่นปึ้กทุกขุมกำลัง และการได้ตัว โรเมลู ลูกากู ที่แปลงร่างเป็นสุดยอดดาวยิงไปเรียบร้อย กลับคืนถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า 'สิงห์บลูส์' พร้อมแล้วที่จะกลับไปแย่งถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง

เลสเตอร์ ซิตี - ทีมที่มีผู้บริหารชาวไทย ภายใต้การทำทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นำพาให้ 'เดอะ ฟ็อกซ์' เป็นทีมที่เล่นฟุต.ได้สนุกสนานเร้าใจ ทำผลงานติดลมบนไปเรียบร้อย พร้อมแย่งชิงตำแหน่งท็อป 4 เพื่อกลับไปลุย ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีกหน

ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ - เก็บรักษา แฮร์รี เคน กองหน้าเบอร์ 1 เอาไว้ได้เพื่อผนึกกำลังกับ ซอน เฮือน มิน ตัวรุกขวัญใจ 'คลับไก่ ในการลุ้นหยิบถ้วยสักใบ - ส่วนกุนซือ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต ชื่อชั้นอาจเป็นรองคนอื่น แต่ก็ทำทีมชนะมา 2 เกมติดแล้ว แถมบุกสนุกกว่าเดิม น่าลุ้นกันยาวๆ

อาร์เซนอล - ยักษ์หลับที่หล่นตุ้บไปอยู่รองบ๊วยของตาราง เป็นซีซั่นที่ 'เด็กปืน' ต้องเชียร์ไปเครียดไป และลุ้นไปด้วยว่าระหว่างทีมกลับไปติดท็อป 4 อีกครั้ง กับ จะเก็บชัยชนะเกมแรกในลีกตอนไหน และ มิเกล อาร์เตต้า โดนไล่ออกกลางทาง อะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน
#3710


เดลต้า แอร์ไลน์ส (Delta Air Lines) แจ้งว่า สายการบินเดลต้า ได้สั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ321นีโอ เพิ่มเติมอีก 30 ลำ ตอบโจทย์ความต้องการของฝูงบินในอนาคตของสายการบิน โดยเครื่องบินที่ทางสายการบินได้สั่งซื้อใหม่นี้เป็นคำสั่งซื้อที่นอกเหนือจากยอดคำสั่งซื้อเครื่องบิน เอ321นีโอ เดิมจำนวน 125 ลำ ส่งผลให้จำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดจากเดลต้ามียอดเป็นเครื่องบินเอ321นีโอ 155 ลำ

"คำสั่งซื้อเครื่องบินเอ321นีโอ เพิ่มเติมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความมุ่งมั่นของเดลต้าในการทดแทนฝูงบินรุ่นเก่าด้วยเครื่องบินแบบยั่งยืนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังถือเป็นการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมนี้" มาเฮนดรา นาเยอร์ (Mahendra Nair) รองประธานอาวุโสของเดลต้า-ดูแลฝูงบินและห่วงโซ่อุปทานปฏิบัติการด้านเทคนิค (Fleet and TechOps Supply Chain) กล่าว

"เดลต้ารู้สึกชื่นชมความร่วมมือกับทีมงานแอร์บัสที่ก้าวไปอีกขั้นในการสนับสนุนแผนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ของเรา และเราหวังว่าจะยังคงได้ทำงานร่วมกันกับแอร์บัสไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงระยะการฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์โควิด-19และอื่น ๆ"

เครื่องบินเอ321นีโอ ของเดลต้าจะติดตั้งเครื่องยนต์ PW1100G แบบเทอร์โบแฟนของแพรทท์ แอนด์ วิทนีย์ (Pratt & Whitney) เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเหนือไปกว่าเครื่องบินเอ321 ปัจจุบันของเดลต้าที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ด้วยจำนวนที่นั่งทั้งหมดสำหรับผู้โดยสาร 194 คน ประกอบไปด้วย ที่นั่งโดยสารชั้นหนึ่ง (First Class) 20 ที่นั่ง เดลต้า คอมฟอร์ต พลัส (Delta Comfort+) 42 ที่นั่ง และห้องโดยสารหลัก (Main Cabin) 132 ที่นั่ง
เครื่องบินเอ321นีโอ ของเดลต้าจะถูกนำไปใช้ในเครือข่ายที่กว้างขวางของเส้นทางการบินภายในประเทศของสายการบินเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยเสริมทัพฝูงบิน เอ321 ในปัจจุบันของเดลต้าที่มีมากกว่า 120 ลำ สายการบินมีกำหนดรับเครื่องบินเอ321นีโอ ล็อตแรกจากทั้งหมด 155 ลำในต้นปีหน้า

เครื่องบินเอ321นีโอ ของเดลต้าจำนวนมากจะถูกส่งมอบจากโรงงานผลิตของแอร์บัสในสหรัฐอเมริกา ที่เมืองโมบิล รัฐแอละแบมา สายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ส ได้รับมอบเครื่องบินแอร์บัสที่ประกอบจากโรงงานผลิตในสหรัฐอเมริกา จำนวน 87 ลำ นับตั้งแต่ปี 2559

ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม ฝูงบินแอร์บัสของเดลต้าคิดเป็นจำนวนทั้งหมด 358 ลำ ประกอบไปด้วยเครื่องบินเอ220 จำนวน 50 ลำ สมาชิกตระกูลเอ320 จำนวน 240 ลำ เครื่องบินเอ330 ลำตัวกว้าง จำนวน 53 ลำ และเครื่องบินเอ350 เอ็กซ์ดับบลิวบี จำนวน 15 ลำ
#3711


นายเฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปี 2564  เป็นเพิ่มขึ้น 80-100% จากเดิมคาดโต 10-15% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้รวม 6,715.58 ล้านบาท เนื่องจาก รายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เติบโตสูงกว่า 50% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และจากโควิด-19 ที่ระบาดหนัก ทำให้มีผู้ติดเชื้อเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลของบริษัทเพิ่มขึ้น  ล่าสุด จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโควิด-19 กับโรงพยาบาลในเครือ BCH รวมถึงโรงพยาบาลสนามและหอผู้ป่วยเฉพาะกิจที่บริษัทร่วมกับภาครัฐและโรงแรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14,207 เตียง จากเดือนที่ผ่านมา 9,801 เตียง 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปัจจัยหนุนจากปริมาณการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวมาอยู่ที่ 7-8 แสนเคสในไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น และการรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้แก่ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ส่งผลให้ไตรมาส 3 ปี 2564 เป็นไตรมาสที่รายได้เติบโตโดดเด่นมากที่สุด และดีต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4 ปี 2564 ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก

ขณะที่การฉีดวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา สำหรับล็อตแรกจำนวน 5 ล้านโดส บริษัทได้รับจัดสรร 1.06 หมื่นโดส ซึ่งจะทยอยนำเข้า 40% ในไตรมาส 4 ปี 2564 และอีก 60% ที่เหลือจะนำเข้าในไตรมาส 1 ปี 2565 คาดว่าจะเริ่มฉีดและรับรู้รายได้ทันทีภายในสิ้นปี 2564 ส่วนล็อตที่สองจำนวน 5 ล้านโดส บริษัทได้สิทธิรับจัดสรร 1-1.2 ล้านโดส ซึ่งจะเปิดจองในไตรมาส 4 ปี 2564 และให้บริการฉีดในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ส่วนล็อตที่สามจำนวน 5 ล้านโดส คาดว่าจะเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ซึ่งบริษัทจะแจ้งความคืบหน้าสิทธิจัดจำหน่ายต่อไป

เมื่อสอบถามถึงการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) อนุมัติการใช้อย่างเต็มรูปแบบ นายเฉลิม กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้สั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ล็อตใหญ่จำนวน 30 ล้านโดส เพื่อนำเข้ามาใช้ในกรณีฉุกเฉิน ส่วนการนำเข้าเพื่อใช้ในกรณีปกติปัจจุบันอำนาจอยู่ที่ไฟเซอร์ ประเทศไทย อ้างอิงจากที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดให้ไฟเซอร์ ประเทศไทย สามารถนำข้อมูลมายื่นขึ้นทะเบียนได้เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ส่งผลให้โรงพยาบาลเอกชนไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อโดยตรงจากไฟเซอร์ในต่างประเทศเพื่อนำเข้ามาจำหน่าย และสามารถสั่งซื้อจากไฟเซอร์ ประเทศไทย ได้โดยตรง อย่างไรก็ดี จากการสอบถาม อย.เพิ่มเติม คาดว่าการดำเนินการจริงจะกินระยะเวลาประมาณ 1 ปี และในมุมมองส่วนตัวคาดว่าไฟเซอร์ ประเทศไทย จะยังไม่พิจารณาดำเนินการในเร็วๆ นี้ เนื่องจากประเทศไทยมีข้อจำกัดทางด้านกฎหมายที่แตกต่างจากในสหรัฐ โดยไม่มีกฎหมายรองรับความเสี่ยงที่ชัดเจนในกรณีที่เกิดผลแทรกซ้อนภายหลังการฉีดวัคซีน
#3712


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแจ้งเบาะแสและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ลงทุนกับ StorageCity Platform ใน StorageCity DotLive และ StorageCity DotFund ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์บริษัท เฟซบุ๊ก ยูทูป และไลน์ โดยระบุว่า StorageCity DotLive ให้บริการให้เช่าพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี Cloud และ StorageCity DotFund จะให้บริการตัวกลางด้านคราวด์ฟันดิง รวมทั้งอ้างว่าอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อขอรับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. นอกจากนี้ ยังมีการจัดสัมมนาหลายครั้งเพื่อชักชวนประชาชน

ก.ล.ต. ขอแจ้งว่า StorageCity Platform ไม่ได้เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต จึงไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และไม่ได้อยู่ระหว่างยื่นขอความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ดังนั้น ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ลงทุนระมัดระวัง หากถูกชักชวนให้ลงทุน

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลหรือผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th ในหัวข้อ Investor Alert รวมทั้งสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาต ได้ในหัวข้อ สินทรัพย์ดิจิทัล หรือทางแอปพลิเคชัน SEC Check First หากมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย โปรดติดต่อได้ที่ "ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต." โทร. 1207 เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

 ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลหรือผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th ในหัวข้อ Investor Alert รวมทั้งสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาต ได้ในหัวข้อ สินทรัพย์ดิจิทัล หรือทางแอปพลิเคชัน SEC Check First หากมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย โปรดติดต่อได้ที่ "ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต." โทร. 1207 เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป 

ในกรณีที่ ก.ล.ต. ตรวจพบว่ามีการกระทำอันเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 พ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 หรือ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ผู้กระทำผิดอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ และหากเข้าข่ายการกระทำที่อาจผิดกฎหมายอื่น ก.ล.ต. มีกระบวนการในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป
#3713


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทได้เข้าซื้อธุรกิจสุกร ในประเทศรัสเซีย โดย LLC RBPI Voronezh ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ตั้งขึ้นใหม่ของ CPF โดยจะชำระค่าตอบแทนเป็นเงิน 22,000 ล้านรัสเซียรูเบิล หรือเทียบเท่าประมาณ 9,900 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าการเข้าทำรายการจะแล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค. 2565

ส่วนเงินที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้ จะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินและภายในกลุ่ม ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เห็นว่า การเข้าทำรายการดังกล่าว มีความสมเหตุสมผลและจะทำให้บริษัท มีศักยภาพในการขยายธุรกิจสุกรในรัสเซียให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ผู้ซื้อและผู้ขายได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น (Share Purchase Agreement หรือ Agreement) โดยภายใต้ Agreement ดังกล่าว โดยผู้ซื้อจะชำระค่าตอบแทนดังกล่าว เพื่อให้ได้มาซึ่งรายการต่อไปนี้ 1.หุ้นทั้งหมดใน LLC Agro-Sojuz TS และ LLC Mjaso-Sojuz T หรือ บริษัทเป้าหมาย และ 2.หนี้เงินกู้ยืมที่ผู้ขายให้กู้ยืมแก่บริษัทเป้าหมาย และเมื่อการทำรายการแล้วเสร็จ บริษัทเป้าหมายดังกล่าวและบริษัทย่อยจะมีสถานะเป็รบริษัทย่อยทางอ้อมของ CPF

ทางด้านผู้ขายหุ้นดังกล่าว ที่ บริษัทย่อย CPF ซื้อมานั้น ประกอบด้วย 1.Tönnies Russland Agrar GmbH 2.RKS Agrar.eiligungs GmbH และ 3.Tönnies Holding ApS & Co. KG
#3714
ราคา 3.9 ล้านครับ
ติดต่อ อ๊อฟ 097.965.4635

ขายบ้านเดี่ยว หลังมุม หมู่บ้านบางกอกการ์เด้นท์ ถ.กาญจนาภิเษก บางกรวย นนทบุรี


บ้านเลขที่ 9/89 ซ.วัดส้มเกลี้ยง ซ.ย่อย6 ถ.กาญจนาภิเษก ตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ที่ดิน 60 ตารางวา

พื้นที่บ้าน 145 ตร.ม. 

บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 นอน 3 น้ำ 1 ครัวสวยๆ

จอดรถ 2 คัน 

แถมเฟอร์นิเจอร์ให้ทั้งหมด

แอร์ 3 หลัง TV 65" และ 45" ชุดเครื่องครัวครบชุด ตู้เย็น side by side เครื่องซักผ้าฝาหน้า และอีกมากมายในบ้าน 
สามารถเข้าอยู่ได้เลย

ราคา 3.9 ล้านครับ
ติอต่อ อ๊อฟ 0979654635

--------------------------------------------------------------

The price is 3.9 million.
Contact of 097.965.4635

House for sale, behind the corner of Bangkok Garden Village. Kanchanaphisek Road, Bang Kruai, Nonthaburi

House No. 9/89 Soi Wat Som Kliang, Soi 6 Sub-district, Kanchanaphisek Road, Sala Klang Subdistrict, Bang Kruai District, Nonthaburi Province 11130

Land 60 square wa

House area 145 sq m.

2 storey detached house, 3 bedrooms, 3 bathrooms, 1 beautiful kitchen

Parking for 2 cars

Get all the furniture

3 air conditioners, TV 65" and 45", full kitchen set, side by side refrigerator, front loading washing machine. and many more in the house
can go in

The price is 3.9 million.
Contact of 0979654635

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=54&t=7846610


















#3715
ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ (ข้าวเกษตรอินทรีย์) ถึงแพงกว่าข้าวธรรมดา     โครงการข้าวอินทรีย์   ข้าวอินทรีย์  ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างก็ให้ความสนใจกับการดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น  อย่างยิ่งกับการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยซึ่งมีมากมายหลากหลายในปัจจุบัน  รวมถึงผลผลิตจากระบบเกษตรอินทรีย์ที่เป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคทั้งหลายให้ความไว้วางใจ  แต่ก็ยังมีคำถาม ข้อสงสัย ติดอันดับยอดนิยมจากผูบริโภคว่า  "ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ถึงราคาแพงกว่า ทั่วไป ทั้งที่ข้าวในนาผลิตตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีต้นทุนปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง"    เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ปลูกข้าวอินทรีย์  ข้อมูลจากเวปไซด์ขององค์กรการอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวถึงข้อเท็จจริงบางประการ ข้าวหอมสุรินทร์ที่เป็นเหตุผลของราคาผลผลิตและสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สูงกว่าเอาไว้  ดังนี้- ฟาร์มเกษตรอินทรีย์มีขนาดเล็ก ใช้แรงงานต่อหน่วยในการผลิตมากกว่าฟาร์มทั่วไป (สาเหตุหนึ่งที่ต้นทุนการผลิตสูง)
- ค่าใช้จ่ายในขบวนการหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตรอินทรีย์  ข้าวสุรินทร์  สูงกว่าเพราะในการขนส่ง หรือแปรรูปจะต้องแยกออกจากผลผลิตทั่วไปอย่างชัดเจน
- ปริมาณของข้าวเกษตรอินทรีย์ค่อนข้างน้อย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าต่อหน่วยของ ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด  ออกสู่ตลาดนั้นสูงกว่าผลผลิตทั่วไป
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ทำให้เกษตรกรได้รายได้ที่เป็นธรรมและพอเพียง
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด   มีการจัดการมาตรฐาน คุ้มครองสัตว์เลี้ยงในฟาร์มได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
- และสุกท้ายที่สำคัญที่สุด ข้าวเกษตรอินทรีย์มีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้บริโภค
เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา  




ข้าวฮอร์ (HOR)  ข้าวกล้องออแกนิค ได้รับมาตรฐาน 
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้"  จากกรมการข้าว  จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ในประเภทของ 
2.1  ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)  
2.2  ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)  
2.3  ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวเกษตรอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ส่งทั่วไทย  ปลูกข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Facebook :   www.facebook.com/Organic.Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ ข้าวเพื่อสุขภาพสุรินทร์  ข้าวหอมมะลิออแกนิคส่งทั่วไทย
1. ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิค
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิก
6.ข้าวมะลินิลปลอดสารพิษ
7. ข้าวไรซ์เบอรี่  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค  #ข้าวออแกนิก #ข้าวอินทรีย์ 
#ข้าววสุขภาพ  #ข้าวเกษตรอินทรีย์
#3716
ข้าวกล้องอินทรีย์   ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวกล้องมะลินิลอินทรีย์ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารกข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวปะกาอำปึลเกษตรอินทรีย์เลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค
2. ข้าวกล้องหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
3.   ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารพิษ จ.สุรินทร์
5. ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง6.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลินิล7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่เพื่อสุขภาพ 


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 
 
#3717


เอเจนซีส์ – เจ้าหน้าที่ระดับสูงญี่ปุ่นต่างคาดหวังว่าวิธีใหม่ในการรักษาโควิด-19ด้วยค็อกเทลยาแอนติบอดี (antibody cocktail)ของบริษัทยาสหรัฐฯชื่อดัง เรเจนเนอรอน ฟาร์มาซูติคอลส์ อิงค์( Regeneron Pharmaceuticals Inc) จะกลายเป็นอีกหนึ่งเสาหลักในการต่อสู้วิกฤตโรคโควิด-19ระบาดได้สำเร็จหลังจากที่ผ่านมาพึ่งพาการใช้วัคซีนเพียงอย่างเดียว เกิดขึ้นหลังการเพิ่มขึ้นของขอบเขตการใช้ยาเกินกว่าจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษา

เจแปนไทม์ส สื่อญี่ปุ่นรายงานวันนี้(24 ส.ค)ว่า รัฐบาลนายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ ได้ผ่อนคลายกฎกำกับของการใช้เมื่อต้นเดือนเมื่อกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นได้แจ้งต่อทางเมืองต่างๆว่าสูตรผสมที่มีส่วนประกอบของแอนติบอดี 2 ชนิดในเวลานี้สามารถใช้กับผู้ป่วยที่ต้องกักตัวตามลำพังภายในโรงแรมที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานพยาบาลโควิด-19ชั่วคราว ซึ่งก่อนหน้าพบว่าการรักษาประเภทนี้ถูกจำกัดสำหรับผู้ป่วยโควิด-19ที่รับการรักษาในโรงพยาบาลเท่านั้น

มีส่วนผสมของสารภูมิต้านทานโมโนโคลน(monoclonal antibody)ยาคาซิริวิแมบ(casirivimab) และยาอิมดีวิแมบ(imdevimab)เป็นการบำบัดทางหลอดเลือดดำที่มีการแสดงผลการทดสอบทางคลินิกวิทยาในต่างประเทศว่ามีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันผู้ป่วยจากการป่วยหนักขึ้นสำหรับโรคโควิด-19 ประสิทธิภาพของมันช่วยลดความเสี่ยงของการต้องรักษาพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง 70% สร้างความหวังว่ามันจะช่วยทำให้โรงพยาบาลไม่ต้องมีผู้ป่วยจนล้นที่ต่างล้วนการรักษาขั้นฉุกเฉิน

ญี่ปุ่นอนุญาตยาแอนติบอดี "โรนาเพรฟ" (Ronapreve) และยาตัวนี้ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นมิติใหม่ในนโยบายต่อต้านไวรัสของญี่ปุ่นซึ่งที่ผ่านมาหลายเดือนพึ่งพาการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนแต่อย่างเดียว

ปัจจุบันนี้ผู้ป่วยที่มีสิทธิ์ได้รับการรักษาด้วยวิธีค็อกเทลสูตรผสมแอนติบอดีนั้นเป็นผู้ป่วยที่ถูกพิจารณาว่าจะมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงสูงจากไวรัส รวมถึงผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป สิงห์อมควัน และบุคคลที่มีภาวะอ้วน ป่วยโรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง และโรคปอดเป็นต้น

นายกรัฐมนตรีซูงะได้กล่าวชื่นชมความสำเร็จว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งวิธีการรักษาด้วยแอนติบอดีนี้ถูกคิดค้นโดยบริษัทยาสหรัฐฯ เรเจนเนอรอน ฟาร์มาซูติคอลส์ อิงค์( Regeneron Pharmaceuticals Inc) และบริษัทยาญี่ปุ่น ชูไก ฟาร์มาซูติคอล โค. (Chugai Pharmaceutical Co. )เป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์สำหรับการรักษานี้เข้ามาในญี่ปุ่น

ส่วนผู้ว่าการกรุงโตเกียว ยูริโกะ โคอิเกะ( Yuriko Koike) ชื่นชมเป็นอย่างมากถึงขั้นเรียกว่า "เป็นอาวุธชนิดใหม่" ของกรุงโตเกียวต่อวิกฤตโควิด-19 ซึ่งญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาพาราโอลิมปิก 2020 ขึ้น

เจแปนไทม์สรายงานว่า มีหลายจังหวัดในญี่ปุ่นเริ่มต้นใช้วิธีการรักษาด้วยค็อกเทลแอนติบอดีกับผู้ป่วยที่ต้องกักตัวในโรงแรมหรือแสดงความปราถนาว่าต้องการจะเริ่มใช้รวมไปถึง กรุงโตเกียว จังหวัดฟูกุโอกะ จังหวัดไซตามะ และจังหวัดโอซาก้า

อย่างไรก็ตามปัญหาความล่าช้าของการใช้วิธีรักษาด้วยแอนติบอดีคือจำนวนเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่สามารถให้การช่วยเหลือในการรักษาและจำนวนซัพพลายยาค็อกเทลแอนติบอดีที่ไม่แน่นอน

แต่ซูงะยืนยันว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดซื้อมาอย่างเพียงพอโดยมีรายงานว่ามีจำนวน 70,000 โดสที่คาดว่าจะมีการส่งมาเพิ่มอีก 200,000 โดสภายในสิ้นปีนี้

เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเตือนไปถึงผลข้างเคียงร้ายแรงในการรักษาด้วยวิธีแอนติบอดีนี้โดยชี้ว่า เป็นยาตัวใหม่ที่พลเมืองญี่ปุ่นยังไม่เคยรู้จักและข้อมูลการวิจัยทางคลิกนิกวิทยายังจำกัด

โดยสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯได้แสดงถึงผลข้างเคียงว่า ภาวะภูมิไวเกินขั้นร้ายแรง(Hypersensitivity) ที่รวมไปถึงปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลัน(Anaphylaxis) และปฎิกริยาอื่นๆที่ต้องได้รับการเฝ้าดูอาการนาน 24 ชั่วโมงหลังรับยา
#3718


บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลาลีกา สเปน ขัดขวางการซื้อหุ้นสโมสร ของเกราร์ด ปิเก้ ปราการหลังจอมเก๋าซึ่งเป็นลูกหม้อของสโมสร หลังก่อนหน้านี้นักเตะพยายามยื่นข้อเสนอเข้ามา ตามการรายงานจาก โครนิค่า โกล. สื่อในสเปน

กองหลังตัวเก่งชาวสแปนิช ถือเป็นผลผลิตจากแคมป์ลา มาเซีย ที๋ไปเติบโตกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายกลับมาคัมป์นู และช่วยทีมคว้าแชมป์มาครอบได้อย่างมากมาย

ก่อนหน้านี้สื่อในสเปนเคยออกมารายงานเผยว่า เกราร์ด ปิเก้ ในวัย 34 ปี เคยพยายามซื้อหุ้นจำนวน 49 เปอร์เซนต์ ของบาร์เซโลน่า เพื่อเข้ามาช่วยเหลือ และการจัดการด้านต่างๆ

นอกจากนี้เจ้าตัวจะได้รับสิทธิ์ในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์นวัตกรรม และอคาเดมีของสโมสร อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอโดนดังกล่าว โจเซป บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสร ปฏิเสธไป

ทั้งนี้ เกราร์ด ปิเก้ เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขามีเป้าหมายที่จะก้าวไปเป็นประธานสโมสรของทีมหลังจากที่แขวนสตั๊ดอีกด้วย
#3719


ช่วงนี้ได้ยินข่าวนักท่องเที่ยวที่แอบหยิบหินและดินจากปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ กลับไปบ้าน แต่ต่อมาต้องส่งหินกลับคืนมาทางไปรษณีย์ให้เจ้าหน้าที่นำกลับไปไว้ที่เดิม ซึ่งก็น่าสงสัยไม่น้อยว่าเจอกับเหตุการณ์อะไรมาถึงต้องรีบส่งหินคืน

แต่ที่น่าสงสัยไม่แพ้กันก็คือทำไมจึงมีคนชอบหยิบดินหินเหล่านี้กลับไปบ้านด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งเองก็ได้ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวไม่หยิบจับหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดออกไปจากโบราณสถาน และวอนขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลรักษาโบราณสถานของชาติกันไว้ให้ดี



คนที่ทราบข่าวการส่งหินกลับคืนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันถึงความเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพบูชาของคนในพื้นที่ของปราสาทหินพนมรุ้งแห่งนี้

สำหรับปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่ "อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง" อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ที่องค์ประกอบโดยรวมได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทหินที่งดงามที่สุดในเมืองไทย สร้างอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว

ปราสาทพนมรุ้ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ก่อสร้างขึ้นตามคติจักรวาลที่มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง มีการบูรณะอย่างต่อเนื่องมาหลายสมัย ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 15-17 ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นพุทธศาสนสถานในช่วงนั้น
 
#3720


กรมควบคุมโรค แนะธนาคารทั่วประเทศ ยึดหลักปฏิบัติ 6 ประการเพื่อป้องกันโควิด-19 ทั้งพนักงานและกลุ่มลูกค้าที่มีหลากหลาย เช่น ผู้สูงอายุ ชาวต่างชาติ และมีแหล่งที่อาจสะสมเชื้อโรค เช่น ธนบัตร เหรียญ ควรมีฉากใสกั้นที่เคาน์เตอร์บริการ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการสัมผัสเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะประชิด ระบุหากธนาคารสามารถเพิ่มระบบให้ลูกค้าจองคิวเบิก-ถอนล่วงหน้าจะเป็นการดีมาก เพื่อช่วยลดความแออัดในสถานที่

วันนี้ (24 ส.ค.) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ธนาคารเป็นสถานที่ที่มีความจำเป็นในการทำธุรกรรมทางการเงินของประชาชน แม้ว่าขณะนี้ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์หรืออี-แบงค์กิง (E-banking) แล้วก็ตาม แต่ยังมีลูกค้าบางส่วนเดินทางเข้าไปรับบริการที่สำนักงานสาขา ซึ่งกลุ่มลูกค้ามีหลากหลาย เช่น ผู้สูงอายุ คนวัยทำงาน ชาวต่างชาติ รวมทั้งฝ่ายของผู้ปฏิบัติงาน เช่น พนักงานธนาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและยังมีแหล่งที่อาจสะสมเชื้อไวรัสโควิด 19 เช่น ธนบัตร เหรียญต่างๆ อาจเป็นตัวกลางทั้งการรับเชื้อและการแพร่เชื้อโควิด 19 ในขณะเดียวกันได้ จากการเก็บข้อมูลของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน พบว่าสาเหตุการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่วนหนึ่งมาจากการสัมผัส โดยเฉพาะการใช้สิ่งของร่วมกัน

"ธนาคาร จัดเป็นสถานที่ประเภทพื้นที่ปิดและมีเครื่องปรับอากาศ การสร้างความปลอดภัยทั้งลูกค้าและพนักงานของธนาคารทุกแห่งทั้งที่อยู่ในพื้นที่ระบาดควบคุมเข้มงวดสูงสุด 29 จังหวัด และจังหวัดอื่นๆ หากสามารถเพิ่มระบบการลงทะเบียนเพื่อให้ลูกค้า จองคิวบริการเบิก-ถอนล่วงหน้า จะเป็นการดีมาก เนื่องจากสามารถจัดบริการลูกค้าในแต่ละช่วงเวลาอย่างเหมาะสม มีเวลาเหลื่อมกัน จะลดช่วงเวลาการสัมผัสระหว่างที่นั่งรอคิวร่วมกันได้มาก" นายแพทย์โอภาสกล่าว

อย่างไรก็ตาม มาตรการความปลอดภัยจากโรคโควิด 19 ของธนาคารทุกแห่ง ยังคงต้องเข้มงวดสูงสุดเช่นกัน โดยกรมควบคุมโรค มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติ 6 ประการดังต่อไปนี้

1. ธนาคารควรจัดให้มีการคัดกรองอุณหภูมิเบื้องต้นของทั้งพนักงานและลูกค้า

2. ทำความสะอาดวัสดุ อุปกรณ์ พื้นที่ที่มีการสัมผัสร่วมอย่างสม่ำเสมอ เช่น เคาน์เตอร์ ที่นั่ง ที่กดบัตรคิว

3. กำหนดบริเวณสำหรับให้ลูกค้ากดบัตรคิวและรอคิว จำกัดจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการในสำนักงานแต่ละครั้ง เพื่อไม่ให้แออัดจนเกินไป

4. จัดแถวที่รอคอยเพื่อไม่ให้ลูกค้ายืนหรือนั่งชิดกันเกินไป โดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร และควรมีฉากใสกั้นระหว่างลูกค้าและพนักงานธนาคารที่เคาน์เตอร์บริการทุกจุด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการสัมผัสละอองฝอยน้ำลายที่มาจากการพูด หรือจากการหายใจทั้ง 2 ฝ่าย ในระดับประชิดคือไม่เกิน 2 เมตร

5. เจ้าหน้าที่ธนาคารทุกคน ทั้งพนักงานธนาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ต้องสวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ 70% ก่อนและหลังให้บริการลูกค้า ธนาคารมีระบบการรายงานติดตามสุขภาพของพนักงานทุกวัน หากพบว่ามีพนักงานธนาคารยืนยันติดเชื้อหรือมีข้อมูลบ่งชี้ว่าสถานที่ธนาคารเป็นจุดแพร่เชื้อ ขอให้ผู้จัดการธนาคาร ดำเนินการตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคภายใน 24 ชั่วโมง ภายใต้การกำกับดูแลของพนักงานควบคุมโรคติดต่อ

6. ในส่วนประชาชนที่เข้าไปใช้บริการ ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างสูงสุด คือ สวมหน้ากากอนามัย 100% และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ 70% ก่อนและหลังใช้บริการ การเว้นระยะห่างกับผู้อื่นระหว่างนั่งรอคิวอย่างน้อย 1-2 เมตร

ทั้งนี้ ในสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิดขณะนี้ แนะนำให้ประชาชนเตรียมปากกาของตนเองไปให้พร้อมในการทำธุรกรรมการเงิน เพื่อลดการสัมผัสกับปากกาส่วนกลางที่ใช้ร่วมกับคนอื่น พร้อมทั้งขอความร่วมมืองดสัมผัสอุปกรณ์ต่างๆ ภายในธนาคาร เพื่อลดการปนเปื้อนและการแพ่รกระจายเชื้อโรค เนื่องจากขณะนี้พบว่าผู้ติดเชื้อโควิด 19 บางรายไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่แพร่เชื้อสู่คนรอบข้างที่ใกล้ชิดได้ตลอดเวลา นายแพทย์โอภาสกล่าว